[3]
ปลายนิ้วชุ่มครีมร้อน ๆ ไล้วนรอบช่องทางสีสวย เรียกเสียงครางเครือสั่นระริกจากร่างที่ถูกพันธนาการเบา ๆ ก่อนจะกลายเป็นกรีดเสียงด้วยความตกใจเมื่อนิ้วเรียวเกลี่ยช่องทางแล้วแทรกเข้าไปช้า ๆ
“นายทำบ้าอะไรของนายน่ะ!!” เด็กหนุ่มพยายามหันหน้าไปทางร่างสูงที่ยังคงกดนิ้วลึกเข้าไปอย่างต่อเนื่อง “เอาออกไปนะ! เอาออกไปเซ่!!”
“ผมก็แค่เตรียมพร้อมให้คุณเท่านั้น...”
“เตรียมพร้อมบ้าอะไรของนาย! ฉันไม่ใช่เกย์นะ!! นายจะมาทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!!!!”
ปัถย์แสยะยิ้มบาง ก่อนจะกระชากนิ้วออกมาจากหนั่นเนื้อคับแน่นอย่างแรง
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ? ในเมื่อตอนนี้คุณเป็นของผม...”
“ใครจะยอมเป็นของนาย! อย่ามาพูดเองเออเองเซ่!!”
กรวิชญ์เลือดขึ้นหน้าอย่างอดรนทนไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายโรคจิต แต่คนอย่างเขาก็ไม่อยากจะยอมให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้มาข่มขืนหรอกนะ ซ้ำร้ายกว่านั้น หมอนี่ดันเป็นผู้ชายซะด้วย!!
“อ้าว...”
ปัถย์โน้มกายทาบทับร่างที่แนบอยู่กับโต๊ะตัวยาว บังเกิดเงาสีดำซ้อนทับลงมาบนร่างบอบบางจนกรวิชญ์อดกลืนน้ำลายด้วยความหวาดหวั่นไม่ได้ มือใหญ่ปัดปอยผมที่ปรกใบหน้าหวานให้หลบออกไป สีหน้าโกรธขึ้งระคนหวาดระแวงของคนข้างใต้เรียกอาการสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้นของเขาอย่างระงับไม่อยู่
“แต่ตอนนี้คุณอยู่ใต้ร่างของผมแล้ว... เหมือนกับกระต่ายตัวน้อยเนื้อนุ่มที่กำลังจะเป็นอาหารอันโอชะของราชสีห์... แบบนี้ยังไม่ถือว่าคุณเป็นของผมหรอกหรือ?”
“นาย... มันบ้า!!” เสียงใสกรีดลั่นด้วยความขยะแขยง “ฉันไม่มีวันยอมเป็นของนาย ไม่มีวัน!”
แทนที่จะโกรธ ปัถย์กลับหัวเราะในลำคอเบา ๆ อย่างชวนให้ขนลุก
“งั้นผมจะทำให้คุณยอมเป็นของผมด้วยความสมัครใจ ผมบอกแล้วไงว่าไม่ชอบฝืนใจใคร โดยเฉพาะกับคนที่ผมรักอย่างคุณ น้องกร”
ปลายนิ้วแกร่งนวดคลึงปากทางสีชมพูอย่างหนักหน่วง เรียกเสียงครางอย่างห้ามไม่อยู่จากร่างที่พยายามดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์ ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะเบิกกว้างเมื่อรับรู้ได้ถึงเสียงเปิดขวดเบียร์ และความเย็นจากปากขวดที่มาแนบอยู่กับด้านหลังของเขา
นี่อย่าบอกนะว่า...
หากให้จินตนาการถึงฝันร้ายที่สุดในชีวิตของเขา นี่จะเป็นความฝันที่เขาไม่อยากจะฝันถึงอีกเป็นครั้งที่สอง
“อึก! อะ... อ๊า.....!!”
เด็กหนุ่มกัดฟันกลั้นเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อร่างสูงค่อย ๆ กดปากขวดเข้ามาในกายบางทีละน้อย
“ยกก้นขึ้นอีกนิดสิครับคนดี ถ้าคุณเกร็งแบบนี้จะเจ็บนะครับ”
น้ำเสียงอ่อนโยนไม่เข้ากับการกระทำเลยสักนิด แม้ว่ามือใหญ่จะลูบไล้แผ่นหลังเนียนไร้ที่ติเบา ๆ ราวกับจะปลอบประโลม แต่มืออีกข้างก็ยังส่งปากขวดเข้าไปในร่างเล็กอย่างต่อเนื่องจนไม่สามารถกดเข้าไปได้อีกแล้ว
“เอาล่ะ... ทีนี้คุณพร้อมจะดื่มเบียร์รึยังครับ?”
“มะ ไม่...” เสียงใสสั่นไหวด้วยความหวาดกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น “ไม่นะ ได้โปรดเอามันออกไป...”
“คนที่ยังมีสติก็พูดแบบนี้ทุกที รู้ไหมว่าการดื่มเบียร์ทางนี้ทำให้ผิวเนื้อซึมซับแอลกอฮอล์ได้รวดเร็วที่สุด” ปัถย์มองร่างบอบบางที่สั่นระริกด้วยสายตาเอ็นดู “ผิวของคุณจะกลายเป็นสีชมพูสวย... ผมแทบจะรอไม่ไหวแล้วล่ะ”
พูดจบก็ยกก้นขวดสูงขึ้นเล็กน้อย เป็นผลให้ของเหลวภายในขวดไหลเข้าไปในร่างบอบบางที่สะดุ้งเฮือก ขาเรียวทั้งสองข้างที่ถูกมัดไว้กับขาโต๊ะกระตุกเกร็งอย่างเห็นได้ชัดเมื่อความเย็นจากของเหลวสีอำพันภายในขวดไหลเข้ามาในร่างกาย
“อะ อื้อ... พะ พอแล้ว พี่ปัถย์... ฮึก... อ๊า....”
เจ้าของนามเพียงปรายตามองร่างข้างใต้ที่กระตุกเกร็งเป็นระยะ ใบหน้าใสที่แนบอยู่กับโต๊ะเปียกปอนไปด้วยน้ำตาที่ไหลรินออกมาอีกครั้ง
“ดื่มอีกนิดสิครับ... แค่นี้คุณไม่เมาหรอก ผมรู้” เอ่ยพลางยกขวดขึ้นสูงกว่าเดิม ส่งผลให้ของเหลวในขวดไหลได้เร็วขึ้น
“อ๊า!! พี่ปัถย์!! อย่า อ๊า...!!”
กรวิชญ์กรีดเสียงลั่น สะโพกมนยกขึ้นสูงโดยไม่รู้ตัว ร่างทั้งร่างสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ และเหมือนกับว่าอีกฝ่ายจะรู้ มือใหญ่กดขวดให้ลึกเข้าไปอีกเล็กน้อย ทำให้เด็กหนุ่มเกร็งร่างแล้วปลดปล่อยออกมา
สิ้นเสียงครางหวานที่ดังขึ้น ชายหนุ่มก็ค่อย ๆ ดึงขวดออกจากร่างที่หอบเหนื่อยอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะกดนิ้วโป้งนวดปากทางที่กลายเป็นสีแดงจากการรุกรานและความเย็นหนัก ๆ ไม่กี่ที ร่างเล็กก็สั่นกระตุกอย่างรุนแรง ก่อนที่น้ำสีอำพันเย็นจัดที่อยู่ภายในจะพุ่งทะลักออกมาเสียจนเปียกปอนพื้นห้องและรินอาบเรียวขางดงาม
ร่างสูงนิ่งมองเรือนร่างขาวที่ ณ ตอนนี้กลายเป็นสีชมพูระเรื่อทั้งตัวจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ ดูสวยงามอย่างไม่อยากละสายตา แต่ที่พิเศษที่สุดก็คือ ใบหน้างามชื้นเหงื่อที่แดงจัดด้วยแรงอารมณ์ และดวงตาชุ่มน้ำที่ปรือปรอยมองเหม่อไปข้างหน้าอย่างล่องลอยด้วยอาการสุขสมอย่างรุนแรงที่เคยไม่ประสบพบพานมาก่อน
“คุณช่างงดงามจริง ๆ ..... สวยยิ่งกว่างานจิตรกรรมชิ้นเอกที่ไหน”
เสียงทุ้มสั่นพร่าอย่างฝืนระงับอารมณ์ที่ปะทุอยู่ในร่างกายไว้แทบไม่อยู่ เขาลูบไล้ผิวแก้มก้นเนียนสวยลื่นมือที่เป็นรอยแดงปื้นเนื่องด้วยผลจากการลงแส้เมื่อครู่ ก่อนจะใช้นิ้วโป้งทั้ง 2 ข้างถ่างเนินเนื้อนุ่มออกเพื่อจรดสายตามองปากทางสีสดที่ยังคงเต้นตุบเนื่องด้วยการรุกรานเมื่อครู่ ทำให้เขาอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปกวาดวนด้านในอีกครั้งไม่ได้
“แน่นจริง ๆ ... ท่าทางตอนนี้จะยังรับผมเข้าไปไม่ไหวสินะ”
ปัถย์เอ่ยเบา ๆ คล้ายกับรำพึงกับตนเอง ก่อนจะผละจากไปที่กระเป๋าใบใหญ่ที่เขานำติดตัวเข้ามาด้วยตั้งแต่แรก เสียงรูดซิปเป็นผลให้กรวิชญ์ได้สติขึ้นมาอีกครั้ง เด็กหนุ่มพยายามหันหน้าไปทางด้านหลัง ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นสิ่งที่ชายหนุ่มถืออยู่ในมืออีกข้าง กรวิชญ์ยังไม่ถึงวัยมีคนรักก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไร้เดียงสาถึงขนาดไม่รู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายถืออยู่คืออะไร เขาเคยเห็นตามหนังสือและวิดีโอที่เพื่อน ๆ เคยให้ยืมมาก่อนเหมือนกัน แต่เขาไม่เคยจินตนาการว่าต้องมาโดนกับตัวเองหรอกนะ!
“ท่าทางคุณจะรู้จักนะว่ามันคืออะไร” ปัถย์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นทีท่าตื่นกลัวของเด็กหนุ่มที่ถูกพันธนาการอยู่กับโต๊ะ มือใหญ่บีบเจลหล่อลื่นในหลอดสีฟ้าหม่นแล้วชโลมจนทั่วสิ่งของที่อยู่ในมือ “ใครสอนมาล่ะ? เพื่อนร่วมห้องเรียน? รูทเมท? หรือคนที่เป็นมากกว่าเพื่อน?”
กรวิชญ์ไม่ตอบ สีหน้าเขม็งเครียดเนื่องด้วยรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร แต่อาการนี้กลับทำให้ปัถย์ตีความไปว่า กรวิชญ์กำลังโกรธแทนบุคคลที่ 3 ที่เขากำลังพูดถึงอยู่
“ทำไม? คนรักของคุณเก่งนักหรือ? รักเขามากหรือ? ถึงได้เป็นเดือดเป็นร้อนแทนเขาขนาดนี้?”
ปัถย์กดสวิตซ์ให้เครื่องสั่นสะเทือนในมือทำงาน มันเป็นไวเบรเตอร์ขนาดเท่าของจริงที่ทำด้วยหนังสีดำเรียบลื่น คุณภาพดีที่สุด ซึ่งเขาคัดสรรมาอย่างดีเพื่อคนตรงหน้าของเขาโดยเฉพาะ
“งั้นผมก็เข้าใจผิดอย่างนั้นหรือ? คุณไม่ได้สะอาดบริสุทธิ์อย่างที่ผมเข้าใจสินะ...”
ร่างบอบบางสั่นระริกเมื่อเห็นอีกฝ่ายย่างเท้าเข้าใกล้ พร้อมกับไวเบรเตอร์ขนาดใหญ่ที่สั่นสะเทือนอยู่ในมือ เขาไม่เข้าใจว่าปัถย์กำลังพูดเรื่องอะไร แต่ในตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะมาถาม เด็กหนุ่มพยายามขยับเท้าให้หลุดจากเชือกที่มัดไว้อย่างแน่นหนา แม้ว่ามือของเขาจะไม่ถูกมัดเอาไว้ แต่การที่ถูกมัดข้อเท้าเอาไว้กับขาโต๊ะเช่นนี้ เขาก็ไม่สามารถเอื้อมมือลงไปแกะเชือกได้เลย
ร่างสูงโน้มตัวลงทาบทับร่างบอบบางที่หยุดชะงักการดิ้นหนีในทันที
“น้องกรครับ... เมื่อกี้ผมทำให้คุณรู้สึกดีมากเลยใช่ไหม?”
สิ้นเสียงกระซิบริมหูบาง เจ้าของนามก็หน้าแดงซ่าน ทั้งอับอายและโกรธระคนกันไป แม้เขาจะปฏิเสธไม่ได้ว่า เขาไม่เคยลิ้มรสการถึงจุดสุดยอดแบบเมื่อครู่นี้ก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะยอมให้มาเย้ากันง่าย ๆ แบบนี้
“อย่ามาพูดบ้า ๆ นะ!! ฉันเกลียดคนโรคจิตอย่างนายที่สุด!!”
ปัถย์แค่นหัวเราะในลำคอ พลางนำไวเบรเตอร์มาแนบกับช่องทางสวยที่หดเกร็งด้วยความระทึกในทันที แรงสั่นสะเทือนทำให้ใบหน้าหวานแดงจัดด้วยอารมณ์ที่ผสมปนเปกันไป
“ผมชอบจริง ๆ ความดื้อดึงที่ชวนให้กำราบของคุณ ทำให้ผมตื่นเต้นจนแทบจะรอไม่ไหวจริง ๆ นะ...”
มือใหญ่บดเบียดไวเบรเตอร์คลึงเคล้นที่ปากทางซ้ำ ๆ ในขณะที่มืออีกข้างก็รูดส่วนไวสัมผัสที่แข็งขึงขึ้นมาอีกครั้งเบา ๆ คล้ายกับจะหยอกเย้า
“อึก...” เด็กหนุ่มพยายามระงับเสียงที่เริ่มหลุดลอดเรียวปากออกมา แต่เมื่ออีกฝ่ายเพิ่มแรงสัมผัส เขาก็เริ่มกลั้นไว้ไม่อยู่ ยอดอกชูชันคล้ายกับจะยืนยันถึงอารมณ์ที่ถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง “อะ อ๊า...”
“ผมบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าจะทำให้คุณเต็มใจอยากเป็นของผม...”
ปัถย์ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับดวงตาชุ่มน้ำที่ปรือปรอยมองเอี้ยวมา ก่อนจะเพิ่มแรงกดที่มือจนแท่งหนังสีดำขลับค่อย ๆ แทรกเข้าหลืบเนื้อไปอย่างช้า ๆ
“อ๊ะ อ๊า!! .... อึก! ยะ... อ๊า!”
เสียงใสกรีดดังเมื่อถูกแทรกสอดเข้าไปทีละน้อย ช่องทางที่แม้จะเตรียมพร้อมเอาไว้ก่อนแล้ว แต่ด้วยความที่ไม่เคยถูกรุกรานเช่นนี้มาก่อน ทำให้เจ็บปวดคล้ายกับร่างกายถูกแหวกแยก เด็กหนุ่มเกร็งร่างด้วยความทรมาน ในขณะที่ปัถย์คอยลูบแผ่นหลังที่เขม็งเครียดจนขาวซีดอย่างปลอบประโลม ทว่าอีกมือก็ไม่ยอมหยุดกดไวเบรเตอร์ที่ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องเข้าไปเรื่อย ๆ
“อีกนิดเดียวเท่านั้น คนดี... ทนอีกหน่อยนะครับ... ตอนนี้เข้าไปเกือบ 5 นิ้วแล้ว...”
ปัถย์ดึงไวเบรเตอร์ออกมาเล็กน้อย ก่อนจะกระแทกเข้าไปทีเดียวจนสุด กรวิชญ์รับรู้ได้ถึงฐานไวเบรเตอร์ที่แนบสนิทอยู่ที่ช่องทางของเขา
“... ฮึก....... อะ อ๊า.....”
ใบหน้าสวยแนบอยู่กับโต๊ะอย่างสิ้นเรี่ยวแรง หยดน้ำตาจำนวนมากนองหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่นั่นกลับทำให้ดวงตาคู่โตดูหวานเชื่อมยิ่งกว่าเดิม ความเจ็บปวดจากการถูกสอดแทรกหยุดลง เหลือไว้เพียงความอึดอัดคับแน่น ทว่าแรงสั่นสะเทือนกลับทำให้ความรู้สึกแปลก ๆ บังเกิดขึ้นภายในกาย
กรวิชญ์สะดุ้งเฮือกเมื่อมือใหญ่ดึงไวเบรเตอร์ออกมาเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ กดกลับเข้าไปในมิด ก่อนจะทำวนแบบเดิมซ้ำ ๆ อย่างช้า ๆ เสียงครางแผ่วดังลอดเรียวปากสวย ยังผลให้เกิดเสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างพึงพอใจจากคนด้านหลัง
“คุณชอบใช่ไหม? ถูกเติมเต็มจากด้านหลังแบบนี้...”
เด็กหนุ่มตวัดสายตามองใบหน้าดูดีด้วยแรงโทสะที่พลุ่งพล่าน แต่กลับทำให้อีกฝ่ายเพิ่มความแรงและความเร็วในการดึงไวเบรเตอร์เข้าออกมากขึ้น
“อ๊ะ อ๊า! อ๊า... พี่... ปัถย์!!”
ร่างงามกรีดเสียงลั่นเมื่ออีกฝ่ายกระแทกเข้าไปถูกจุดไวสัมผัสด้านใน ความรู้สึกดีอย่างไม่น่าเชื่อวิ่งพล่านอย่างรวดเร็วราวกับกระแสไฟฟ้า เด็กหนุ่มยกสะโพกขึ้นรับแรงกระแทกด้วยตนเองอย่างไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ ยิ่งทำให้ชายหนุ่มได้ใจ เขาดึงไวเบรเตอร์ออกมาจนเกือบหมด ก่อนจะกดกลับเข้าไปจนสุดรวดเดียว ความรุนแรงทำให้อึดอัดจนแทบสำลัก แต่ปลายยอดส่วนอ่อนไหวกลับสั่นระริกอย่างใกล้ปลดปล่อยเต็มที ซึ่งปัถย์เองก็ไม่พลาดอาการนั้น เขาจึงเอื้อมมืออีกข้างไปกอบกุมส่วนแข็งขึงนั้นไว้แล้วลูบเบา ๆ ก่อนจะไล่นิ้วโป้งขึ้นไปกดปลายยอดที่มีน้ำสีขาวขุ่นไหลรินออกมาอย่างต่อเนื่องเอาไว้
“อ๊า…!!”
ความอึดอัดที่ช่วงท้องเกิดขึ้นในทันที กรวิชญ์พยายามเอื้อมมือมาดึงมือใหญ่ออกไป แต่กลับถูกร่างสูงเพิ่มแรงกดจนกายบางสะท้านเฮือกด้วยความทรมาน
“ปละ... ปล่อย..... ได้โปรด พี่ปัถย์.... ฮึก ปล่อยมือ....”
เด็กหนุ่มสะอื้นอย่างไม่ปิดบัง ตอนนี้เขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้อีกฝ่ายปล่อยให้เขาเป็นอิสระอีกครั้งหนึ่ง ปัถย์ยิ้มกริ่ม เขาส่ายหน้าแทนคำตอบ
“เป็นการลงโทษที่คุณดื้อมาตลอด คราวนี้ผมจะไม่ยอมให้คุณเสร็จง่าย ๆ หรอกครับ... คืนนี้ผมยังอยากเล่นสนุกกับคุณอีกนาน ๆ” เอ่ยจบเขาก็หยิบแหวนซิลิโคนขนาดไม่เล็กนักออกมา ก่อนจะสวมลงไปในส่วนแข็งขึงที่สั่นระริกอย่างน่าสงสารเพื่อปิดกั้นไม่ให้อีกฝ่ายปลดปล่อยได้โดยง่าย “ไม่ต้องกังวลไปครับ แหวนนี่ออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ คุณจะไม่ต้องถูกบีบรัด แต่มันจะช่วยไม่ให้คุณปลดปล่อยออกมาได้จนกว่าจะถอดมันออกเท่านั้น...”
กรวิชญ์สะอื้นกับความอึดอัด เขาดื้นรนสลัดให้หลุดจากการเกาะกุมจากมือใหญ่ จนในที่สุดปัถย์ก็หยิบเน็กไทมามัดข้อมือของเขาเอาไว้ด้านหลัง
“ไม่.... ปล่อยนะ! ปล่อย!! ฮึก..... อะ.... อื้อ....... พี่ปัถย์.....”
เด็กหนุ่มทิ้งศีรษะลงกับโต๊ะอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายไม่คิดจะปล่อยอย่างที่พูดไว้ สะโพกมนกระตุกเป็นระยะตามแรงสั่นสะเทือนของสิ่งที่ยังคงฝังอยู่ในร่างของเขา แม้จะถูกปิดกั้นไม่ให้หลั่งออกมาตามธรรมชาติ แต่ก็ยังมีของเหลวบางส่วนไหลหยดลงมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ ความรู้สึกอึดอัด ทรมาน และรู้สึกดีจนแทบสิ้นสติกำลังทำให้การรับรู้ของเขาค่อย ๆ เลือนรางลง
ปัถย์หัวเราะเบา ๆ พร้อมกับหยิบเบียร์ขึ้นดื่มพลางปรอยตามองภาพที่แม้จิตรกรชั้นเลิศก็ไม่อาจสร้างสรรค์ได้อย่างดื่มด่ำ เสียงครางเครือที่ดังอย่างต่อเนื่องทำให้เขาอยากจะกระชากไวเบรเตอร์ออกมาแล้วฝังร่างของตัวเองลงไปแทน แต่เขาอยากให้เด็กหนุ่มพร้อมสำหรับเขาอย่างเต็มที่เสียก่อน ไม่อยากทำให้ช่องทางสีสวยต้องฉีกขาด
ชายหนุ่มกระตุกคิ้วเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ครัวของเด็กหนุ่มดังขึ้น เขาเดินไปหยิบ ก่อนจะคลี่ยิ้มเมื่อเห็นว่ามารดาของอีกฝ่ายโทรมา
“น้องกร คุณแม่โทรมาแน่ะครับ...”
เจ้าของนามได้สติขึ้นมาทันตา เขาพยายามเอี้ยวตัวไปด้านหลังแล้วดิ้นรนอีกครั้ง เป็นผลให้ไวเบรเตอร์กำลังจะหลุดออกจากร่าง ทว่าปัถย์ไวกว่า เขาปราดประชิดร่างงามแล้วกดไวเบรเตอร์กลับเข้าไปอีกครั้ง
“อ๊า!!”
“อย่าคิดตุกติกนะคนดี... อย่าลืมนะว่ายังไงคุณก็ยังอยู่ในกำมือของผม...”
กรวิชญ์หน้าถอดสี เขาควรจะบอกมารดาของเขาว่าอย่างไรดีจึงจะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจได้โดยไม่ทำให้ปัถย์สังเกตเห็น แต่หากมารดาของเขามาที่นี่แล้วถูกทำร้ายล่ะ? ไม่มีอะไรรับประกันความปลอดภัยได้เลย ตราบใดที่ปัถย์ยังอยู่ที่นี่ เพราะฉะนั้น ---
ปี๊บ “น้องกรเหรอจ๊ะ? แม่เองนะลูก”
“... ครับแม่”
“แม่จะโทรมาบอกว่า แม่ถึงบ้านแล้วจ้ะ นี่ลูกทานข้าวรึยัง?”
“ทะ...!”
กรวิชญ์สะดุ้งเฮือกเมื่ออีกฝ่ายกระชากไวเบรเตอร์ออกจากร่างของเขา ยังผลให้ช่องทางรู้สึกโหวงขึ้นมาในทันที แม้จะรู้สึกว่าง ๆ อย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ยังดี เพราะเขาจะได้พูดคุยกับมารดาได้อย่างไม่ต้องคอยระงับเสียง
“ทานแล้วครับ... ผมกำลัง...... อ๊ะ!!”
กรวิชญ์หน้าซีดเผือดพร้อมกับหันไปมองด้านหลังอย่างรวดเร็วเมื่อรับรู้ได้ถึงความร้อนระอุที่มาจ่อชิดอยู่ที่ช่องทางสวย ปัถย์ยิ้มให้กับสีหน้าตื่นตระหนกนั้น ก่อนจะแทรกกายเข้าไปยังช่องทางที่บีบรัดแน่นทีละน้อย
“น้องกร เป็นอะไรลูก?”
“อะ.... ปละ เปล่าครับ แม่ คือผม.... อาบน้ำให้ไวท์ค้างอยู่ ไว้ค่อยคุยกันนะครับ” เอ่ยจบเขาก็รีบวางสาย พร้อมกับหันหน้าไปหาคนที่กำลังแทรกกายเข้ามาในร่างของเขาด้วยสายตาโกรธขึ้ง
“อย่ามองผมด้วยสายตาอย่างนั้นสิ ก็คุณยั่วผมซะขนาดนี้ จะให้ผมทนต่อไปไหวได้ยังไง...”
“ฉันไม่ได้ยั่ว อ๊ะ!! อ๊า.... อะ อย่า พี่... ปัถย์...!!”
เด็กหนุ่มกรีดเสียงเมื่ออีกฝ่ายกระแทกกายเข้าไปทีเดียวจนสุด ผลของการเล้าโลมเมื่อครู่ทำให้ช่องทางอุ่นนุ่มขยายตัวแล้วก็จริง แต่ขนาดของไวเบรเตอร์นั้นเทียบกับของปัถย์ไม่ติดเลย กรวิชญ์อดคิดในใจไม่ได้ ซ้ำยังสร้างความร้อนระอุที่แทบจะหลอมละลายเขาอีก
“ฮึก อื้อ.... อะ อ๊ะ...”
“ผมจะขยับแล้วนะ อย่าเกร็งนะครับ...”
ปัถย์เอ่ยพร้อมเคลื่อนกายทีละน้อย แล้วกระแทกกลับไป ถอนตัวออกมาอีกครั้ง แล้วแทรกกายกลับเข้าไปจนสุดอีกครั้ง อีกครั้ง อีกครั้ง กรวิชญ์จำไม่ได้แล้วว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ เนื่องจากความแรงและความหนักหน่วงที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กำลังฉกชิงสติของเขาไปจนหมด รับรู้ได้เพียงเสียงหอบหนักจากผู้รุกรานและเสียงครางกระชั้นถี่ของตนเองที่กังวานรอบห้องเท่านั้น
“อ๊า....!!!”
เสียงหวานดังลั่นเมื่อมือใหญ่รูดแหวนซิลิโคนออก สะโพกมนเกร็งรับสายธารร้อนที่ฉีดเข้ามาภายใน ก่อนจะเกร็งกายปลดปล่อยออกมาอย่างสุดกลั้น ความรู้สึกดียิ่งกว่าได้ขึ้นสวรรค์แล่นพล่านทั่วกาย สมองขาวโพลนจนไม่อาจนึกคิดอะไรได้ เขาเอี้ยวกายตอบรับจุมพิตร้อนแรงจากอีกฝ่ายอย่างไม่นึกต่อต้าน ดวงตาหวานฉ่ำปรอยมองใบหน้าหล่อเหล่าพลางหอบหนักด้วยความเหน็ดเหนื่อย เขาเห็นภาพใบหน้าของตนเองสะท้อนอยู่ในดวงตาคมคู่นั้น เขาคงพิลึกเต็มทีที่นึกรักดวงตาแบบนี้ได้
“แก้มัดให้ทีสิ พี่ปัถย์...”
เจ้าของนามเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยอมแก้มัดที่ข้อมือของอีกฝ่ายแต่โดยดี
“ที่เท้าด้วยสิ...” กรวิชญ์มองใบหน้าแปลกใจของอีกฝ่ายแล้วเอ่ยสำทับว่า “ฉันไม่หนีแล้วล่ะน่า... ยังไงฉันก็หนีนายไม่พ้นอยู่แล้วนี่”
ปัถย์ยิ้มให้กับคำพูดของอีกฝ่าย เขาแกะเชือกให้เด็กหนุ่มพลางนวดคลึงข้อเท้าที่เริ่มชาให้อย่างทะนุถนอม ก่อนจะแนบริมฝีปากลงกับปลายเท้าเรียวสวย
“... ต่อให้ผมตาย ผมก็จะกลับมาหาคุณ”
กรวิชญ์ยิ้มน้อย ๆ เขาคงทำงานหนักจนเพี้ยนไปแน่ที่เห็นว่าคำพูดนี้ช่างหวานล้ำเหลือเกินสำหรับเขา เด็กหนุ่มโอบแขนรอบแผ่นหลังกว้าง ก่อนจะครางดังเมื่อปัถย์เริ่มแทรกกายเข้ามาอีกครั้ง ร่างบอบบางถูกช้อนขึ้นคร่อมร่างสูง ก่อนที่สะโพกมนจะถูกยกขึ้นแล้วกระแทกกระทั้นลงมา มือเล็กวางบนแผงอกกว้าง ก่อนจะเริ่มเป็นฝ่ายขยับด้วยตนเอง ความอึดอัดไม่ทำให้ความรู้สึกดีที่มีลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มครางกระชั้นเมื่อความรู้สึกใกล้ถึงจุดพุ่งสูง ก่อนจะโน้มกายลงจูบลงบนริมฝีปากหยัก ปลายลิ้นที่แทรกเซาะเข้ามาทำให้เขารู้สึกว่า อีกฝ่ายช่างจาบจ้วงและล่วงล้ำเขาในทุก ๆ ทางจริง ๆ
เด็กหนุ่มกระแทกร่างลงไปอีกครั้ง และปลดปล่อยออกมาในที่สุด ก่อนจะยิ้มให้กับร่างสูงที่หอบหนักอยู่ภายใต้ร่าง
“นี่ปัถย์... ที่จริงฉันคงต้องขอบคุณนายนะ”
มือเรียวแนบใบหน้าคม พร้อมกับยิ้มให้อีกฝ่าย สำหรับปัถย์แล้ว คงต้องบอกได้ว่ามันเป็นรอยยิ้มที่จริงใจที่สุดของเด็กหนุ่มที่เขาได้พบเห็นมา ช่างไม่ต่างอะไรกับเทวดาบนสรวงสวรรค์ งดงามเสียจนเขาไม่อาจละสายตาไปได้
ฉึก!!มีดเล่มเดิมที่ปัถย์ใช้ขู่เด็กหนุ่มมาตลอดตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้องนี้ถูกฝังอยู่กลางหน้าอกด้านซ้าย หยดเลือดสีแดงสดกระเซ็นเปื้อนใบหน้าขาวเนียนที่ยังคงประดับไว้ซึ่งรอยยิ้มสวย กรวิชญ์กดมีดจนสุดด้าม ก่อนจะกระชากออกมาอย่างรวดเร็วอย่างไม่ลังเล
“.... นายทำให้ฉันรู้ ว่าที่จริงตัวฉันเองก็ชอบอะไรแบบนี้เหมือนกัน”
ดวงตาคมเบิกค้าง เหม่อมองนิ่งอยู่ที่รอยยิ้มงดงามปานเทวดานั้น ก่อนที่มือใหญ่จะหล่นกระทบพื้นไม้อย่างไร้การควบคุม
“แล้วก็รู้ว่า คนเรา... เปราะบางมากเพียงใด”
เขาผละจากร่างที่นอนนิ่ง พร้อมกับทิ้งมีดลงกับพื้น ก่อนจะล้มลงนอนอย่างสิ้นสติ
เสียงไวท์ที่เห่าดังเริ่มเข้ามาในโสตประสาท เด็กหนุ่มปรือตามองแสงอาทิตย์ที่ส่องลอดผ้าม่านสีอ่อนเข้ามาด้วยความง่วงงุน ก่อนจะรีบลุกขึ้นเมื่อพบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียง
เขาขึ้นมานอนบนเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่?
ไม่สิ ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงฝันไปอย่างนั้นหรือ?
กรวิชญ์ปราดสายตามองร่างของตนเอง รอยมัดที่ข้อเท้าและข้อมือยังคงปรากฏอยู่อย่างชัดเจน รวมถึงอาการระบมที่ช่วงล่างก็เป็นหลักฐานที่ดี
--- ไม่ใช่ฝัน แล้วเขามานอนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร?
เด็กหนุ่มเบิกตากว้างเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ เขารีบวิ่งไปยังห้องโถงเมื่อคืน
“ไม่มี...”
ไม่มีร่างของชายคนนั้น
ไม่มีแม้แต่รอยเลือด หรือแม้แต่มีดที่เขาปักลงบนอกของชายคนนั้นด้วยตนเอง
เสียงของไวท์ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาต้องเดินไปดุถึงหน้าประตูบ้าน
“เห่าอะไรของนาย...”
ปิ๊งป่องกรวิชญ์เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะจรดสายตานิ่งไปที่ประตู
“แอลซีพิซซ่ามาส่งครับ”
“พิซ... ซ่า?”
เขาไม่ได้สั่งไปสักหน่อย เด็กหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะหน้าซีดลงเมื่อคำพูดของชายหนุ่มเมื่อคืนดังก้องขึ้นในโสตประสาท
“... ต่อให้ผมตาย ผมก็จะกลับมาหาคุณ”เด็กหนุ่มยืนนิ่ง ตามองไปที่ประตู อะไรในโลกที่เขาเองก็ไม่เข้าใจดลบันดาลให้ขาของเขาขยับไปเอง มือเรียวเปิดประตู ก่อนจะยิ้มให้กับร่างสูงที่ยืนอยู่ที่เดิม
“สวัสดีครับ สโนวไวท์ของผม”
FIN.
Talk:
ก่อนหน้านี้มีคอมเม้นท์บอกว่า "พระเอกโรคจิตนิดๆ"
ถึงตอนนี้ เปลี่ยนความคิดกันรึยังคะ?
EDIT:: สำหรับหลายๆคนที่สงสัยว่า สรุปแล้วตอนจบของเรื่องนี้จะสื่ออะไร?
.
.
.
นั่นน่ะสิเนอะ... คิดยังไงกันล่ะคะ (ยิ้มเหี้ยม)