HEARTBREAKER
SPECIAL : Tar’s birthday
เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นห้อง เรียกให้คนที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนฟูกนุ่มพลิกตัวตื่นราวกับติดสปริง นัยน์ตากลมโตเบิกกว้าง ท่าทางร้อนรน ก่อนจะรีบลงจากเตียงตรงเข้าห้องน้ำ 15 นาทีต่อมา ร่างเล็กในชุดคลุมอาบน้ำก็มายืนแต่งตัวอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า จัดการตัวเองเสร็จ เช็คความเรียบร้อยที่หน้ากระจกเจ้าตัวก็เป่าลมออกทางปากเมื่อดูนาฬิกาแล้วพบว่ายังทันเวลานัด
“พี่ควิน พี่แซท อยู่ไหนครับ” ร้องเรียกพลางเดินหาบุคคลที่คาดว่าน่าจะตื่นก่อนตัวเอง
“ไปอยู่ไหนของเค้า พี่ควิน พี่แซท”
“กูอยู่นี่” เสียงเข้มดังมาจากห้องครัว
คนที่กำลังตามหาหันขวับ เดินย้อนกลับไป พอเห็นว่าร่างสูงยืนเปลือยท่อนบนอยู่หน้าตู้เย็นก็เลิกคิ้วแปลกใจ
“เมื่อกี้ผมเพิ่งเดินผ่าน ทำไมไม่เห็นพี่”
“จะไปไหน” ไม่สนใจที่จะตอบกลับ นัยน์ตาคมมองชุดที่ร่างบางใส่อย่างสงสัย
“ผมจะไปงานรับปริญญาของรุ่นพี่ครับ นัดกับเพื่อนไว้ที่มหา’ลัย”
“รุ่นพี่คนไหน กูรู้จักหรือเปล่า”
“พี่แซทคงไม่รู้จักหรอกครับ เพราะพี่เขาลาออกไปเรียนที่อื่นตอนปี2”
“แล้วรับที่ไหน”
“รังสิตครับ แต่พี่แซทไม่ต้องไปส่งนะครับ ผมนัดเพื่อนไว้แล้ว เราจะไปรถบอสกัน ตอนกลับพี่ค่อยมารับที่มหา’ลัยนะครับ”
“ใครบอกว่ากูจะไปส่งมึง”
“อ้าว…” ร้องเสียงหลงด้วยนึกว่าอีกฝ่ายคิดจะไปส่งกัน
“รีบไปรีบกลับ ถึงแล้วก็โทรมาบอก เดี๋ยวกูไปรับ”
“โอเคครับ งั้นผมไปก่อนนะ ฝากบอกพี่ควินด้วยนะครับ” บอกลาก่อนรีบเดินตรงไปที่ประตู
ร่างสูงยืนยิ้มมุมปากไม่ได้เดินตามไปส่งเหมือนเคย
“คืนนี้สนุกแน่”
ผมกับไอ้ควินกระโจนขึ้นรถหลังจากทำกิจวัตรประจำวันเสร็จ ขับรถมุ่งตรงไปที่ห้างใหญ่กลางกรุง เพื่อหาซื้อของมาเตรียมสำหรับงานปาร์ตี้คืนนี้ พอมาถึงห้างก็เดินหาร้านที่ขายพวกของตกแต่งงานเลี้ยงและพวกร้านขายของขวัญ เอาจริงผมก็ไม่รู้หรอกว่างานปาร์ตี้ส่วนใหญ่ที่เขาจัดกันมันต้องใช้อะไรบ้าง แค่คิดว่ามาถามเอาที่ร้านเลยคงง่ายกว่า
“มันต้องใช้ลูกโป่ง” ไอ้ควินพูดขึ้น ตามันก็มองหาของที่ว่า
“แล้วจะเอาสีอะไร” ผมถามพลางนึกว่าต้าร์ชอบสีอะไร
“สีสว่างๆหน่อย พวกสีขาว สีฟ้า สีชมพู เอาไปให้หมด” มันว่าแล้วเริ่มเดินหาของ
ผมเดินแยกกับมันไปอีกทาง หาของตกแต่งเพิ่มเติม เห็นพวกเทียนหอมอันเล็กดูน่ารักดีก็หยิบใส่ตะกร้า มันต้องมีอะไรอีก ผมยืนคิดอยู่นานจนไอ้ควินเดินมาสะกิดถาม
“คิดอะไรของมึง กูเห็นมึงยืนนานแล้ว”
“ก็คิดว่ามันต้องใช้ของอะไรอีก”
“หลักๆก็มีแค่ลูกโป่ง อย่างอื่นก็แล้วแต่มึง อยากเอาอะไรก็เอามา”
พอได้ของที่ต้องการครบพวกเราก็จ่ายเงิน เดินออกจากร้านมาผมก็มองหาของขวัญ จะให้อะไรดี
“ควิน มึงจะซื้ออะไรให้ต้าร์วะ”
“ไม่รู้ว่ะ เดินดูก่อนละกัน”
ผมกับไอ้ควินตัดสินใจเดินแยกกันไปหาของขวัญ บอกตามตรงตอนนี้ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าจะซื้ออะไรให้ต้าร์ ด้วยนิสัยอย่างต้าร์ การที่จะซื้อของมีค่าหรือพวกของที่มีราคาแพงให้ ต้าร์ก็ไม่ค่อยชอบ ตัดพวก แก้ว แหวน เงิน ทอง ออกไปได้เลย ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา ต้าร์แทบไม่เคยขอสิ่งของ หรืออยากได้อะไรจากพวกผม มีแต่พวกผมที่ยัดเยียดสิ่งของพวกนั้นให้ แม้เจ้าตัวจะไม่อยากได้ก็ตาม เพราะฉะนั้นการจะให้ของขวัญต้าร์สักอย่าง ถือเป็นงานหนักสำหรับผมมาก
“จะให้อะไรดีวะ”
ผมเกาหัวเพราะเริ่มหงุดหงิดที่คิดไม่ออกสักทีว่าจะซื้ออะไร เดินผ่านร้านดอกไม้ก็หยุดคิด หรือจะให้ดอกไม้สักช่อก็พอ แต่ดอกไม้มันก็ต้องเหี่ยวแห้งเก็บไว้ได้ไม่นาน มันก็ไม่น่าจดจำสิ ผมอยากให้ของที่ต้าร์สามารถเก็บมันไว้ได้นานๆและเป็นที่น่าจดจำด้วย
“ทำไมมันยากอย่างนี้วะ”
ผมบ่นกับตัวเองแล้วเดินหาต่อ ให้มันรู้ไปสิว่าวันนี้ผมจะหาของขวัญให้ต้าร์ไม่ได้!
วันนี้เป็นวันเกิดต้าร์ ผมกับไอ้แซทปรึกษากันแล้วได้ข้อสรุปว่า พวกเราจะช่วยกันจัดปาร์ตี้วันเกิดเล็กๆให้ต้าร์ที่คอนโดฯ โดยฝีมือของพวกเราเอง ไม่ต้องจ้างออแกไนซ์มาจัดงานให้ ผมอยากทำให้ต้าร์ประทับใจ อยากเห็นต้าร์ยิ้มและมีความสุขกับสิ่งที่พวกผมทำให้ ถึงแม้ต้าร์จะไม่เคยร้องขอหรือต้องการอะไรจากพวกผม แต่ผมก็อยากให้ต้าร์รู้ว่า ตลอดเวลาที่พวกเราอยู่ด้วยกัน ต้าร์มีค่ากับผมมาก และรอยยิ้มของต้าร์ก็มีความหมายกับผมมากเช่นกัน ผมอยากเห็นต้าร์มีความสุข แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆก็ยังดี
ผมไม่เคยคิดว่าวันนึงต้องมาเดินหัวหมุนเพื่อหาของขวัญให้คนรักแบบนี้ แต่วันนี้มันเกิดขึ้นแล้ว และตอนนี้ผมก็เหมือนพวกอ่อนหัดที่คิดไม่ออกว่าจะซื้อของขวัญอะไรให้คนรักสักชิ้นเพื่อให้เขาประทับใจ
“เฮ้อ…”
ผมถอนหายใจแรงก่อนนั่งบนเก้าอี้ข้างทางที่ทางห้างทำไว้ให้ลูกค้านั่งพักผ่อนหย่อนใจตามอัธยาศัย ในหัวก็คิดหาของขวัญสักชิ้น แต่ตัวเลือกที่ผุดขึ้นมาก็ไม่โดนใจสักอย่าง ต้าร์ไม่ใช่พวกคลั่งวัตถุนิยม เพราะงั้นถ้าซื้อของแพงๆ หรือพวกของแบรนด์เนมให้เขาก็ไม่ชอบหรอก จริงๆผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้าร์ชอบอะไร
“ปะป๊า อันนี้เขาเรียกอะไรคับ”
“เขาเรียกว่าต้น…”
เสียงพูดคุยของสองพ่อลูกเดินจูงมือกันผ่านหน้าไป ผมมองตามเด็กชายที่ถือกระถางต้นไม้อันเล็กอยู่ในมืออย่างสนใจ มันก็น่ารักดีนะ…
ผมเดินยิ้มเหมือนคนบ้าตลอดทางไปลานจอดรถ ไอ้แซทคงยังหาของขวัญไม่ได้ เพราะป่านนี้แล้วยังไม่โทรมา ผมผิวปากอย่างอารมณ์ดีเมื่อก้มดูของในถุง หวังว่าต้าร์จะชอบ ถึงมันจะดูแปลกก็เถอะ ขอแค่ต้าร์ยิ้มเวลาได้เห็นมันก็พอ
“ไอ้ควิน!”
ผมหันไปมองตามเสียงเรียก ไอ้แซทรีบวิ่งเข้ามาหา ผมเหล่มองถุงในมือมันอย่างอยากรู้ว่ามันซื้ออะไรเป็นของขวัญให้ต้าร์แต่มันก็เอาของหลบไว้ข้างหลังแล้วถลึงตาใส่ผม เฮอะ!
“แล้วมึงซื้ออะไรให้ต้าร์วะ”
“เรื่องของกู” ผมสวนมันกลับ เปิดประตูก้าวขึ้นรถ
“ไม่บอกก็ช่างมึง แต่ต้าร์ต้องชอบของขวัญกูมากกว่า ชัวร์ๆ” มันบอกพลางทำหน้าทำตาเยาะเย้ย
“มั่นหน้า” ผมว่าแล้วเบะปากใส่มันไปที
แล้วมาดูกันว่าต้าร์จะชอบของขวัญใครมากกว่า!
“กูว่าไม่เวิร์ควะ”
ผมหันไปบอกเพื่อนอย่างหมดแรงจะทำต่อ ไอ้การแต่งหน้าเค้กมันยากกว่าที่คิด เห็นในรายการทีวีทำกันทำไมมันดูง่าย ก็แค่บีบๆ แต่พอมาทำจริงทำไมมันโคตรเละจนแทบจำไม่ได้ว่านี่คือเค้ก
“เออ กูก็คิดเหมือนมึง ขืนทำต่อไปเค้กคงหมดร้านแน่”
ไอ้แซทตอบกลับมาด้วยเสียงเหนื่อยไม่แพ้กัน ผมอยากหัวเราะ แต่มันหัวเราะไม่ออก เดิมทีตั้งใจมาให้เขาสอนแต่งหน้าเค้กให้ แต่ ณ ตอนนี้บอกเลยว่าไม่ไหว สั่งให้เขาทำให้เลยดีกว่าจะได้จบ
“งั้นช่วยแต่งหน้าเค้กตามแบบนี้ให้หน่อยนะครับ”
ผมยื่นกระดาษที่ตั้งใจช่วยกันออกแบบกับไอ้แซทให้เจ้าของร้านที่ใจดีมาช่วยสอนแต่งหน้าเค้กให้ตั้งนาน
“ได้ค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง เชิญพวกคุณนั่งพักก่อนนะคะ”
ผมพยักหน้าให้เจ้าของร้านที่เดินถือเค้กเละๆของพวกผมออกไป ไม่ถือสากับรอยยิ้มล้อเลียนนั่น
“กูคิดว่ามันง่าย แต่ทำไมมันไม่ง่ายอย่างที่คิดวะ”
ไอ้แซทบ่นขึ้นมา ผมขี้เกียจพูดเลยเดินไปนั่งพัก งานแบบนี้มันต้องให้ผู้หญิงทำถูกต้องแล้ว จากนั้นพวกเราก็จมอยู่ในมุมของตัวเอง ผมเล่นมือถือ เช็คโน่นนี่ เปิดไอจีดูความเคลื่อนไหวของเพื่อนๆเพราะพวกมันชอบสิงอยู่ในไอจีมากกว่าที่อื่น
“ไอ้เหี้ยนี่ใคร” ผมจ้องคนในรูปเขม็ง มันกล้าดียังไงมากอดคอคนของผม! แล้วเพื่อนในกลุ่มผมมันไปโผล่ร่วมเฟรมกับเขาได้ยังไงวะ แต่ยังดีที่มันแท็กชื่อผมมา
“อะไร ใครวะ” ไอ้แซทชะโงกหน้ามาดู คิ้วมันขมวดไม่ต่างจากผม
“หรือจะเป็นรุ่นพี่ที่ต้าร์บอก มันใส่ชุดครุย” ผมพูดขึ้นอย่างคาดเดาไปเอง แต่คิดว่าคงใช่
“ไปสนิทกันตอนไหน ทำไมกูไม่รู้” ไอ้แซทฉกมือถือผมไปจ้อง
“โทรบอกมันให้รีบกลับมาเดี๋ยวนี้”
ผมสั่งให้ไอ้แซทโทร เพราะตัวเองเริ่มจะหงุดหงิดแล้ว ไม่อยากคุยกับต้าร์ด้วยอารมณ์ เดี๋ยวจะถูกมันงอนอีก วันนี้วันดี ผมไม่อยากมีเรื่องทะเลาะกับต้าร์
“มึงนั่นแหละโทร เดี๋ยวกูใจร้อนพลั้งปากว่ามันอีก”
“มึงก็ตั้งสติดีดี แค่โทรไปสั่งให้มันรีบกลับ”
“แล้วทำไมมึงไม่โทรเองวะ มาสั่งกูทำไม”
ผมมองหน้ามันอย่างหงุดหงิด อยากฟาดปากมันสักหมัดแต่เกรงใจเจ้าของร้าน ถ้าพวกผมมีเรื่องกันตรงนี้ เจ้าของร้านเดินกลับมาอีกทีคงเป็นลมกับสภาพร้าน
“ไม่โทรก็ไม่ต้องโทร” ผมบอกแล้วฉกมือถือกลับมา เข้าไลน์ส่งข้อความหาเพื่อนสั่งให้มันดูแลต้าร์ให้ด้วย อย่าให้ผู้ชายคนอื่นมาเข้าใกล้ และสั่งให้มันบอกต้าร์ว่าถ้าเสร็จงานแล้วก็รีบกลับ
“เออ ช่างแม่ง อยากจะถ่ายรูปกับใครก็ช่างมัน”
ไอ้แซทบอกประชด ผมรู้ว่ามันกำลังหงุดหงิดไม่ต่างจากผม
“เค้กได้แล้วค่ะ รบกวนชำระเงินที่แคชเชียร์เลยนะคะ”
เจ้าของร้านเดินเข้ามาบอก พวกผมเลยเดินออกมาหน้าร้านจ่ายเงินแล้วเอาเค้กกลับ ไอ้แซทเดินเร็วไปที่รถ ผมเห็นมันถือโทรศัพท์แนบหู หน้านิ่วคิ้วขมวด โธ่เอ้ย! นึกว่าจะแน่ สุดท้ายมันก็ต้องโทรหาต้าร์อยู่ดี
กลับมาถึงคอนโด พวกผมก็รีบดำเนินการตามแผนที่วางไว้ รูปถ่ายจากกล้องโพลารอยด์จำนวนมากวางอยู่เต็มโต๊ะ พวกผมช่วยกันติดรูปกับผนัง ติดเสร็จแล้วก็ช่วยกันสูบลมใส่ลูกโป่ง มัดด้วยริบบิ้นยาว พอทำตรงนี้เสร็จก็ช่วยกันขนเทียนหอมออกมาวางเรียงกัน มันค่อนข้างทุลักทุเลเพราะพวกผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน แต่สุดท้ายก็เสร็จตามแผนที่วางไว้
“โคตรเมื่อย!” ไอ้แซทลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย
ผมเองก็บีบนวดแขนขา รู้สึกภูมิใจเล็กๆที่ทำสำเร็จไปขั้นนึง ถึงธีมงานมันจะดูเรียบง่าย ไม่อลังการ แต่เชื่อเถอะว่าต้าร์ต้องประทับใจ
“เหี้ย!”
“อะไรของมึง” ผมถาม จู่ๆไอ้แซทก็ร้องขึ้นเสียงดังลั่นห้อง
“ต้าร์โทรมาแต่กูไม่ได้รับ” ไอ้แซทหน้าเสีย
ผมรีบหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมาเปิดดูแล้วก็ต้องหน้าซีดเมื่อเห็นมิสคอลจากต้าร์
“เหี้ยแล้ว!”
เอี๊ยด!
เสียงเบรกรถดังมาจากหน้าตึก ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าใคร ผมเก็บไอพอดใส่กระเป๋าลุกขึ้นจากม้านั่งใต้ตึกคณะ ยิ้มให้ร่างสูงที่กำลังเดินเข้ามาหา
“ขอโทษ” พี่แซทโถมเข้ากอดผมไว้แน่น ผมดันเขาออก มองหน้าเขาอย่างล้อเลียน
“ไม่เป็นไรครับ”
“กูมัวแต่…ไม่มีไร กลับกันเถอะ”
ผมขมวดคิ้วมองหน้าพี่แซทอย่างสงสัย รู้สึกว่าเขาแปลกไปดูรนๆพิกล แต่ก็ไม่ได้ถาม พอขึ้นรถมาพี่แซทก็รีบขับออกจากมหา’ลัยทันที
“สนิทกับไอ้นั่นถึงขนาดกอดคอเลยเหรอ”
เงียบมาเกือบครึ่งทาง จู่ๆพี่แซทก็ถามขึ้น ผมส่ายหน้าก่อนตอบ
“ก็แค่รุ่นพี่รุ่นน้อง ถ่ายรูปกอดคอกันก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอครับ ยังไงก็ผู้ชายด้วยกัน”
“กูไม่ชอบ” เสียงแข็งบอก ใบหน้าก็บึ้งตึง
“ครับ เข้าใจแล้ว ไม่โกรธนะครับ”
ผมเอนหัวพิงไหล่พี่แซท ส่งยิ้มตาหยีให้ เขายกยิ้มมุมปากไม่พูดอะไร แค่นี้ก็แสดงว่าเขาไม่ได้โกรธ ขับรถมาถึงคอนโดผมกำลังจะเปิดประตูแต่พี่แซทดึงแขนไว้
“อะไรครับ”
“อยู่ในรถก่อน อย่าเพิ่งลง”
พี่แซทสั่งก่อนลงจากรถไป ผมเห็นเขาคุยโทรศัพท์ มองมาทางผมแวบๆก็หันกลับไปคุยต่อ สักพักก็เดินมาเปิดประตูฝั่งที่ผมนั่ง เขาพยักหน้าบอกให้ผมลงจากรถ ผมยิ้มขำกับท่าทางแปลกๆของเขา
“พี่แซทไม่สบายหรือเปล่าครับ”
“เปล่า ไม่ได้เป็นไร”
“แน่นะครับ”
“กูปกติดี”
“โอเคครับ ปกติก็ปกติ”
ผมเลิกเซ้าซี้ เดินเข้าตึก พอพวกเราเข้าไปในลิฟต์พี่แซทก็จ้องแต่โทรศัพท์ในมือ ผมมองเขาอย่างสงสัย ปกติเขาไม่เคยเป็นแบบนี้ ออกจากลิฟต์มาเขาก็รีบปลีกตัวไปคุยโทรศัพท์ ผมชักจะหงุดหงิดแล้วนะ รอจนเขาคุยเสร็จผมก็เดินเข้าไปถาม
“พี่แซท มีเรื่องอะไรกันแน่ครับ”
เขาเก็บโทรศัพท์แล้วส่ายหน้า แต่ผมไม่เชื่อ มันต้องมีเรื่องแน่ๆ แต่เขาปิดบังผม ไม่ยอมบอก ในเมื่อเขาไม่ยอมบอก ผมก็จะหาความจริงเอง!
“เฮ้ย! อะไรเนี่ย พี่จะทำอะไร ปล่อยผมนะ!”
ผมร้องลั่น จู่ๆพี่แซทก็เอามือมาปิดตาผมไว้ ตัวผมก็ถูกเขารวบไว้ ได้ยินเสียงประตูเปิดจากนั้นเขาก็ดันผมเข้าไป
“เล่นอะไรของพี่ ปล่อย!”
“ชู่ว…อย่าดิ้น”
“เล่นบ้าอะไร ผมไม่สนุกด้วยนะ!” ผมตะโกนพลางดิ้นให้หลุด แต่พี่แซทก็รัดตัวผมแน่นขึ้น
“พี่แซท! ผมจะโกรธจริงๆนะ” ผมขู่ แรงโอบรัดคลายออกหลวมๆแต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อย มือที่ปิดตาอยู่ก็ยังปิดอยู่อย่างนั้น ตกลงว่าเขาเข้าใจที่ผมพูดมั้ยเนี่ย!
“วันนี้วันอะไร” ผมเงียบประท้วง ได้ยินเสียงหัวเราะข้างหู ผมกัดฟันอย่างข่มอารมณ์
“โกรธแล้วหรอ”
ผมยังคงเงียบ เขาดันผมเดินต่อไปไม่ไกลนักก็ดึงรั้งให้หยุด แขนที่โอบรัดรอบเอวผละออกไปพร้อมกับมือที่ปิดตาอยู่ ผมกระพริบตาถี่ก่อนเปิดกว้างขึ้นเมื่อมองเห็นภาพเบื้องหน้า
“นี่มัน…”
ผมพูดไม่ออกกับสิ่งที่เห็น ภาพที่ปรากฏตรงหน้าตอนนี้คือแสงสีสวยนวลตาจากเทียนหอมในแก้วใสใบเล็กวางเรียงกันเป็นแนวยาว ความสว่างของมันทำให้เห็นรูปถ่ายโพลารอยด์จำนวนมากติดอยู่กับผนังห้องเป็นรูปหัวใจดวงใหญ่ ผมหลุดยิ้มก่อนเดินเข้าไปดูใกล้ๆ มันเป็นรูปถ่ายที่มีผมปรากฏอยู่ในรูปนั้นทั้งหมด มีทั้งตอนที่ผมหลับ ตอนที่ผมอยู่มหา’ลัย ตอนนั่งอยู่ใต้ตึกคณะ ตอนที่ผมดูดน้ำ กินข้าว กินขนม ตอนที่ผมยิ้ม หัวเราะ มีเกือบทุกอิริยาบถของผม นี่พวกเขาแอบถ่ายผมตั้งแต่เมื่อไหร่!
“Happy Birthday to you Happy Birthday to you Happy Birthday Happy Birthday Happy Birthday to you…”
ผมหันไปมองตามเสียงร้องเพลง ผู้ชายร่างสูง2คนช่วยกันถือเค้กก้อนใหญ่เข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าผม ใบหน้าที่ปกติมักนิ่งขรึมตอนนี้กลับมีรอยยิ้ม ผมยิ้มกว้างมองเค้กตรงหน้าแล้วหลุดหัวเราะ
“นี่ผมเหรอครับ ทำไมอ้วนจัง”
ผมชี้ตัวการ์ตูนบนหน้าเค้กที่ถูกปั้นขึ้นเสมือนเป็นตัวผม มันดูอ้วนกลมแต่ก็น่ารักมาก ข้างหลังติดปีกนางฟ้าด้วยแถมยังให้นั่งบนชิงช้าอีก ฉากหลังก็เป็นพื้นหญ้าสีเขียวอ่อนดูคล้ายกับสนามเด็กเล่น แต่ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ!
“อธิษฐานแล้วก็เป่าเทียนซะ”
พี่ควินบอก ผมยิ้มตอบก่อนหลับตาขอพรในใจ เสร็จแล้วก็ลืมตาขึ้นมาเป่าเทียน
“ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์จัดงานแล้วก็เซอร์ไพรซ์วันเกิดให้ผม”
“รู้ได้ไงว่าพวกกูจัดงานเอง” พี่แซทถามขึ้น
ผมหัวเราะ ขอเค้กในมือพวกเขามาถือไว้เอง มองดูอย่างชอบใจ ไม่คิดว่าพวกเขาจะลงทุนลงแรงจัดงานวันเกิดให้ผมแบบนี้
“ดูที่รูปโพลารอยด์บนผนังก็รู้แล้วครับ ถ้าพวกพี่จ้างออแกไนต์มันต้องหรูหราอลังการกว่านี้”
“แล้วชอบหรือเปล่า” พี่ควินถามพลางเดินเข้ามาโอบไหล่
“ชอบครับ ชอบมาก แต่…พวกพี่แอบถ่ายรูปผมตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมจ้องพวกเขาเขม็ง
สองหนุ่มมองหน้ากัน ทำท่าโบ้ยกันไปมา จนผมเลิกจ้อง
“ช่างเถอะครับ จะเปิดไฟได้หรือยัง ผมอยากกินเค้กแล้ว”
พี่แซทเดินไปเปิดไฟ พอห้องสว่าง ผมก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อมองขึ้นไปบนเพดานเห็นลูกโป่งหลากหลายสีจำนวนมากลอยอยู่ข้างบนนั้น ริบบิ้นยาวทิ้งตัวลงมาราวกับภาพสโลโมชั่น
“ว้าว…มีลูกโป่งด้วย สวยจังเลยครับ”
ผมยิ้มกว้าง ฝากเค้กไว้กับพี่ควิน เดินไปตรงจุดใต้ลูกโป่ง รู้สึกประทับใจกับความพยายามของพวกเขา คิดสภาพตอนที่พวกเขาจัดการสิ่งของพวกนี้สิ คงวุ่นวายน่าดู แต่พวกเขาก็ทำมันสำเร็จ
“ชอบมั้ย” พี่แซทเดินมาหยุดข้างๆ
“ชอบครับ ชอบทั้งหมดนี้เลย ขอบคุณพวกพี่มากนะครับ ความจริงไม่ต้องจัดงานก็ได้ แค่พวกพี่จำวันเกิดผมได้ ผมก็ดีใจแล้วครับ”
“กูไม่เคยลืมวันเกิดมึง” พี่ควินว่าแล้วเดินเข้ามาสมทบ
“ถ่ายรูปกันครับ” ผมชวน ล้วงเอามือถือในกระเป๋ากางเกงออกมา เปิดกล้องหน้าแล้วยื่นไปให้พี่แซท
“พี่ควินเอาเค้กมา ผมจะถือเอง” ผมขอเค้กจากพี่ควินมาถือ แอคท่ารอ พี่ควินขนาบผมทางด้านขวา พี่แซทอยู่ข้างซ้ายถือโทรศัพท์เตรียมถ่าย
“พร้อมนะครับ ยิ้มด้วยนะ 1 2 3 ชีสสส”
แชะ! แชะ! แชะ!
พี่แซทกดถ่ายรัวจนผมหลุดขำ กำลังจะอ้าปากบอกให้เขาหยุดถ่ายก่อนแต่จังหวะที่ผมจะหันไปบอก ทั้งพี่ควินพี่แซทกลับหันมาหอมแก้มผม!
“อื้อ…” หอมอย่างเดียวไม่พอพวกเขายังกดจมูกแช่กับแก้มผมถูไปถูมาด้วย
“พอได้แล้วครับ” ผมส่ายหน้าหลบ
“โคตรน่ารัก” พี่แซทพูดขึ้น เขาดูรูปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ผมเลยขอดูบ้าง
“น่าเกลียด!” ไม่เห็นน่ารักตรงไหนเลย ผมทำหน้าโคตรตลก เบิกตากว้าง อ้าปากหวอ
“น่าเกลียดตรงไหน” พี่ควินถาม เขาแย่งโทรศัพท์จากมือผมไป
“มึงน่ารัก จะทำหน้าน่าเกลียดยังไงก็ยังน่ารัก”
พี่ควินยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ผมรีบยกเค้กขึ้นมาบัง เขาไม่ทันตั้งตัวถอยกลับไปไม่ทัน เลยเปื้อนเค้กไปเต็มๆ
“ฮ่าๆๆ อยากกินเค้กทำไมไม่บอกดีดีล่ะครับ” ผมล้อพลางแลบลิ้นใส่
“เล่นอย่างนี้ใช่มั้ย” พี่ควินแสยะยิ้ม แววตาเจ้าเล่ห์ของเขาทำให้ผมรีบถอยหลังอย่างระวังตัว
“แซทจับมันไว้”
ได้ยินเพื่อนสั่งพี่แซทก็กระโจนเข้าใส่ผมทันที ผมร้องลั่นรีบวิ่งหนีจนเค้กในมือเกือบหล่น ผมหลบเข้าห้องครัววางเค้กไว้บนโต๊ะพวกเขาก็ตามมา
“วันนี้วันเกิดผมนะ ห้ามแกล้งผมเด็ดขาด ไม่งั้นจะโกรธจริงๆด้วย”
พวกเขาแยกกันคนละฝั่ง ค่อยๆก้าวเข้ามาหาผมด้วยรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจ
“ไหนของขวัญผมล่ะ อย่าบอกนะว่าไม่มี” ผมพยายามพูดเปลี่ยนเรื่อง
“มี แต่มันยังไม่ถึงเวลา” พี่แซทว่าแล้วพุ่งเข้าใส่ ผมตาโตจะหมุนตัวหลบแต่ก็ชนพี่ควินที่ยืนดักอยู่อีกทาง
“ปล่อยผม!” ผมร้องโวยวายเพราะถูกพี่แซทอุ้มขึ้นพาดบ่า สองมือทุบหลังเขารัวๆแต่ร่างสูงก็อุ้มผมเดินตัวปลิวพาเข้ามาในห้องนอนของผมเอง
ตุ๊บ!
ผมถูกโยนลงบนเตียง อาศัยความเร็วรีบพลิกตัวหนี แต่พี่แซทก็ตามมากอด ผมทั้งหยิกทั้งตีแขนให้เขาปล่อยแต่สุดท้ายก็ถูกเขาทาบทับไว้ทั้งตัว
“ได้เวลาสนุกแล้วสิ”
“พวกพี่จะทำอะไร”
“กินเค้ก”
พี่ควินเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเค้ก ผมออกแรงดิ้นทันทีเพราะรู้ว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น พี่แซทจับรวบข้อมือผมขึ้นเหนือหัว โถมแรงกดทับลงมาจนผมดิ้นไม่ได้
“ไม่เอา ปล่อยผมเถอะนะ นะครับ” ผมอ้อนขอ
พี่แซทแสยะยิ้ม ผมเสียววาบไปทั้งตัวเมื่อมือหนาสอดเข้ามาใต้เสื้อลูบไล้หน้าท้อง ระหว่างนั้นพี่ควินก็ขึ้นมาบนเตียง เขาป้ายครีมเค้กบนหน้าผาก ปลายจมูก แก้มทั้งสองข้าง และไล่ลงไปที่คอ
“อื้อ…” ผมหลุดเสียงคราง เพราะถูกปลายลิ้นร้อนชื้นของพี่ควินเลียเข้าที่ติ่งหู
“อย่า…หยุดเถอะครับ” ผมห้ามพวกเขาเสียงสั่น เพราะถูกรุกเร้าอย่างหนัก ตอนนี้เสื้อถูกปลดกระดุมจนหมดแล้ว และพี่แซทก็เปลี่ยนเป้าหมายไปที่กางเกงต่อทันที!
“อ๊ะ!”
พี่ควินไล่เล็มกินเค้กไปทั่วหน้าผม ลมหายใจอุ่นๆริดรดอยู่ไม่ห่าง ผมหลับตาแน่นจนรู้สึกว่าร่างกายเปลือยเปล่า และพวกเขากำลังละเลงเครีมเค้กป้ายลงบนตัวผม!
“ทั้งหอม ทั้งหวาน”
เสียงพี่ควินพึมพำอยู่ข้างหู พอลืมตาก็ปะทะเข้ากับใบหน้าหล่อคมที่คอยท่าอยู่ก่อนแล้ว
“ตัวมึงนุ่มกว่าวิปครีมอีก”
ไม่ทันได้ทักท้วงอะไร พี่ควินก็ฉกจูบลงมาอย่างรวดเร็ว ผมร้องประท้วงอยู่ในลำคอ แทบขาดใจเพราะเขาจูบแบบไม่ยอมผ่อนแรงแถมยังไล่ต้อนจนผมจนมุมยอมโอนอ่อนจูบตอบเขากลับไป สุดท้ายผมก็แพ้ให้พวกเขาจนได้ ทั้งๆที่วันนี้เป็นวันเกิดผม ทำไม!
ทุกครั้งที่ได้สัมผัสผิวกายหอมหวานของคนใต้ร่าง ตัวผมจะร้อนคล้ายกับคนจับไข้ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น ที่ตัวผมร้อน เป็นเพราะความปรารถนาที่อยากสัมผัสต้าร์มากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ร่างบางตอบสนองผมกลับมา ความรู้สึกสุขสมยากจะบรรยายมันทำให้ผมมีความสุขจนแทบสำลัก ผิวขาวที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงไปทั่วทั้งตัว ทั้งยังบิดเร้าเพราะสัมผัสที่ผมมอบให้ ทุกการเคลื่อนไหวของร่างเล็ก ผมจำได้ติดตาไม่เคยลืม เสียงร้องครางหวิวอย่างเสียวซ่านนั้นเพราะกว่าเสียงเพลงไหนๆที่ผมเคยฟัง ทุกจังหวะที่ผมสอดใส่ ต้าร์สามารถตอบรับผมได้ทั้งหมด ต้องขอบคุณที่วันนี้เป็นวันพิเศษ ไม่อย่างนั้นต้าร์คงไม่ใจดียอมให้ผมรังแกอยู่อย่างนี้
“พี่แซท…”
ผมยิ้มกับเสียงครางหวานที่เรียกชื่อผม ผ่อนจังหวะก่อนโน้มตัวจูบริมฝีปากแดงจัดอย่างหมั่นเขี้ยว ความร้อนที่ยังแล่นพล่านไปทั่วร่างกระตุ้นให้ผมต้องรีบปลดปล่อย เพราะยิ่งมองสบนัยน์ตาคู่สวยที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำใสนั้นผมก็ยิ่งอยากบดขยี้คนใต้ร่างมากขึ้น
“อ๊ะ…”
ต้าร์ครางเมื่อผมเริ่มขยับเคลื่อนไหวในจังหวะสุดท้ายก่อนปลดปล่อยออกมา ผมจัดการเช็ดทำความสะอาดช่องทางรัก เสร็จแล้วก็จูบหน้าผากชื้นเหงื่อแทนคำขอบคุณที่ต้าร์เป็นเด็กดี
“พี่ควิน เบาๆนะครับ”
คน ที่กำลังเหนื่อยเอ่ยขอเมื่อเห็นผมขยับเข้ามาคุกเข่าลงตรงกลางหว่างขาเรียว ผมพยักหน้าให้ก่อนเริ่มพรมจูบไปตามขาอ่อนด้านใน ผิวขาวเนียนถูกผมขบกัดเบาๆจนเปลี่ยนเป็นสีเข้มจัด จูบจนพอใจผมก็เปลี่ยนเป้าหมายส่งนิ้วเข้าไปทักทายช่องทางแดงก่ำที่กำลังขมิบ เป็นจังหวะ คล้ายกำลังรอให้ผมเข้าไปสัมผัส ภายในร่างกายของต้าร์ตอดรัดนิ้วผมรุนแรงจนทนไม่ไหวต้องรีบถอนนิ้วออกมาแล้ว ส่งตัวตนของผมที่มีขนาดใหญ่กว่านิ้วหลายเท่าเข้าไปภายในความอุ่นจนเกือบร้อน นั่น ความเร่งรีบของผมทำให้ต้าร์สะดุ้ง ผมกัดฟันพยายามข่มกลั้นอารมณ์ดิบไว้แม้มันจะยากเย็นจนเหงื่อไหลซึมออกมา ผมค่อยๆขยับเคลื่อนไหวสะโพกจากจังหวะเชื่องช้าเป็นเร่งเร้าอย่างเอาแต่ใจ ผมมองสบนัยน์ตากลมใสอย่างขอโทษแต่ต้าร์ก็พยักหน้าตอบรับให้ผมอย่างน่ารัก และเพราะความใจดีนั้นทำให้ผมไม่ทนต่อความต้องการอีกต่อไป
“อื้อ…พี่ควิน…อ๊ะ…อ๊ะ”
ต้าร์ครางตามจังหวะกระแทกกระทั้นของผม สะโพกผายก็พยายามสนองตอบผมกลับมาอย่างถึงใจ ผมก้มลงไปบดจูบขอบคุณกับความใจดีและความน่ารักที่ต้าร์มอบให้ ลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัดกลับมา ผมยิ้มอย่างได้ใจ กอดรัดร่างบางแนบแน่น เบื้องล่างก็โหมแรงสอดใส่ไม่ยั้ง ผมแทบสำลักกับความสุขที่ได้รับจนถึงช่วงจังหวะสุดท้ายของการปลดปล่อย
ผมเหนื่อยหอบ รู้สึกร้อนไปทั้งตัว เปลือกตาก็หนักจนลืมแทบไม่ขึ้น สัมผัสชื้นแฉะจากช่องทางด้านหลังทำให้ผมไม่กล้าพลิกตัว แต่ก็ต้องฝืนลุกขึ้นนั่งเพราะมันเหนียวตัวจนหลับไม่ลง
“เจ็บมากมั้ย”
ผมหันไปมองคนถาม พี่แซทในสภาพเปลือยท่อนบนกับท่อนล่างพันด้วยผ้าขนหนูเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมผ้าผืนเล็กในมือ ผมส่ายหน้าให้เขาแทนคำตอบ ร่างสูงนั่งลงบนเตียงข้างๆผม ลูบไล้แก้มแผ่วเบาก่อนเริ่มลงมือเช็ดตัวให้อย่างอ่อนโยน
“ไอ้ควินกำลังไปเอายาแก้ปวดมาให้”
ผมพยักหน้ารับรู้พอดีกับที่พี่ควินเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับถาดยา เขาวางไว้บนโต๊ะหัวเตียงแล้วหันมาแตะหลังมือกับหน้าผากผมเพื่อวัดอุณหภูมิ ผมยิ้มกับการดูแลเอาใจใส่ของพวกเขา
“กินยากันไว้ก่อน”
“ผมไม่กินจนกว่าจะได้ของขวัญ” ผมบอกพลางแบมือรอ เรื่องอะไรจะยอมให้เอาเปรียบแต่ฝ่ายเดียว ทั้งๆที่วันนี้เป็นวันเกิดผม เค้กก็ยังไม่ได้กินสักคำ พวกเขากลับมากินผมพร้อมกับเค้กก่อนซะงั้น เห็นแก่ที่พวกเขายอมเหนื่อยจัดงานวันเกิดเซอร์ไพรซ์ผมหรอกนะ เลยไม่โกรธ
พวกเขาพากันออกจากห้องไปเอาของขวัญ สักพักก็กลับมาเข้ามาแต่ซ่อนของไว้ข้างหลัง
“ไหนล่ะครับ เอามาสิ” ผมเร่ง อยากรู้ว่าเขาจะให้ของขวัญอะไร
พวกเขามองหน้ากันแวบนึงก็ยื่นถุงของขวัญมาให้ ผมรับมาเปิดดูอย่างแปลกใจ นี่น่ะเหรอของขวัญ?
“กูรู้ว่าถ้าซื้อของแพงๆให้มึงก็ไม่ชอบ” พี่ควินบอกอย่างเขินๆ ผมอยากหัวเราะแต่ก็ต้องกลั้นไว้
“กูไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรให้มึง คิดจนหัวหมุน สุดท้ายก็เลยได้อันนี้” พี่แซทก็คงเขินไม่ต่างกัน
“นี่พี่คิดแล้วเหรอครับ” ผมย้อนถาม หลุดยิ้มออกมาเพราะกลั้นต่อไปไม่ไหว
“ทำไม มึงไม่ชอบเหรอ” พี่แซทเริ่มเสียงแข็ง
“ผมพูดตอนไหนว่าไม่ชอบ”
“ก็มึง…”
“แล้วตกลงชอบหรือเปล่า” พี่ควินคงรำคาญเพื่อนเลยถามแทรกขึ้นมา
“ฮ่าๆๆ”
ผมระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างสุดกลั้น หยิบของในถุงออกมาชูให้พวกเขาดู และปฎิกิริยาของพวกเขาคืออาการนิ่งอึ้ง มองหน้ากันอย่างพูดอะไรไม่ออก ผมไม่สามารถบรรยายได้ว่าสีหน้าของพวกเขาในตอนนี้มันตลกมากแค่ไหน
“ต้นกระบองเพชรสองต้น ขอบคุณสำหรับของขวัญนะครับ ผมประทับใจมากจริงๆ”
------------------------------------------------------
เอาตอนพิเศษมาเสิร์ฟค่ะ >_< ขอบคุณสำหรับการติดตามและคอมเม้นท์นะคะ
ตอนนี้ พี่ควิน พี่แซท น้องต้าร์ กำลังจะทำเป็นหนังสือแล้ว ^__^
อยู่ในขั้นตอนของการทำปกอยู่ นักอ่าน แฟนนิยาย แฟนเพจท่านใดที่สนใจ
สามารถเข้าไปติดตามข่าวคราวเรื่องหนังสือได้ในเพจของ New-Y Holic นะคะ >.<