HEARTBREAKER P.I [ UP! : SPECIAL : Tar’s birthday ] 1/3/59 : P.151
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: HEARTBREAKER P.I [ UP! : SPECIAL : Tar’s birthday ] 1/3/59 : P.151  (อ่าน 1405973 ครั้ง)

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ช่วงเวลาดีๆ ที่มีด้วยกัน พอนึกถึงแล้วก็ใจหายและสงสัยว่าทางของทั้งสามคนจะไปจบลงตรงไหน

ออฟไลน์ pulovely

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 491
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-0
โอ้ย น้ำตาจะไหล น้องเก๋ได้ฤกษ์ได้ยามมาอัพต่อแล้ว เข้าใจว่างานคงจะยุ่ง และเพราะทิ้งช่วงไปนานก็อาจจะแต่งได้ออก
ยังยืนยันคำเดิมว่าจะรออ่านเรื่องนี้จนจบ และถ้าได้มีโอกาสรวมเล่ม ก็จะซื้อหนังสือเหมือนกัน เพราะติดตามมาตั้งแต่ต้น
สัญญาว่าจะไม่ทิ้งไปไหน น้องเก๋ก็อย่าทิ้งนิยายเรื่องนี้ไปไหนนะ ถึงแม้คนอ่านหน้าเดิมๆจะหายไปเกือบหมด แต่ก็ยังมี
หน้าใหม่ๆแวะเวียนเข้ามาอ่าน คิดว่าบางทีคนที่เลิกอ่านไป คงเพราะจุดจบของเรื่องที่จะไม่แฮปปี้เอ็นดิ้ง และก็ดราม่าหนักหน่วง
ที่มีตลอดทั้งเรื่องก็คืออีกเหตุผลนึง แต่พี่ยืนยันคำเดิมจะรอคอยเรื่องนี้เสมอค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้ในการอัพต่อไปเรื่อยๆ
จนจบสมบูรณ์อย่างที่ตั้งใจนะคะ สู้ๆค่ะ 

 :กอด1: :mew1:

ออฟไลน์ Niinuii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
อ่านตอนพิเศษแล้ว ผมนี่ใจชื้นเลยครับ
แต่ตอนหลักนี่ :m15: ตอนแรกๆก็อยากรู้ตอนจบนะ แต่ตอนนี้นี่ครึ่งนึงไม่อยากรู้แล้ว555

ออฟไลน์ Sohso

  • You are my precious thing And I will always love you.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1372
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-3
มันเริ่มจะดราม่าแล้วอ่ะดิ

ตอนหลัก เศร้า อึดอัด ตอนพิเศษ หวานฉ่ำ น่าอิจฉา

เฮ้อออ อออ ปรับอารมณ์ตามไม่ทันเลยทีเดียว

ออฟไลน์ lovelypolly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
:-[ :-[
ตอนพิเศษ น่าร๊ากกกก
แต่ตอนปกติ แม่มเส้าสาดดดด  :hao5:

อ่ะ เห็นด้วยฝุดๆจ้าาาา

ออฟไลน์ watcharet

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 663
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-2
สนุกดีครับ ยังติดตามอยู่เรื่อยๆนะครับ

ออฟไลน์ four4

  • รักนี้ชั่วนิรันด์
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
อะไรยังไง ต้าร์ ควิน แซท

ออฟไลน์ PAiPEiPEi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-3
ยังรอคนเขียนอยู่น้าา 

ออฟไลน์ fernfabled

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ four4

  • รักนี้ชั่วนิรันด์
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
รอนะค้าบบบบบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ แพรพลอย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ในที่สุดก็อ่านทันสักที ใช้เวลาไปทั้งหมดสามวัน
อยากบอกว่านิยายเรื่องนี้สนุกมาก มีครบรส แต่เน้นหนักไปทางดราม่าเป็นหลัก
ชอบภาษาในการเขียนของไรท์ อ่านแล้วเพลินมาก และที่สำคัญคืออ่านแล้วไม่เบื่อเลย
แต่นิยายเรื่องนี้คงเป็นนิยายเรื่องแรกที่เราอ่านแล้วไม่เกิดความชอบตัวพระนายเลย
ควินกับแซทมีนิสัยหลายอย่างที่เหมือนกัน เหมือนมากราวกับเป็นฝาแฝดกัน
ทั้งความโมโหร้าย เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ฟังใคร ชอบใช้กำลังตัดสินปัญหา ปากหนักปากแข็ง
ต่างกันแค่นิดเดียวคือ ควินจะใจเย็นและควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีกว่าแซท
สรุปแล้วก็เลวพอกัน (ปกติเราชอบพระเอกแนวแบดบอยมาก แต่ควินและแซทคือข้อยกเว้น)
ส่วนต้าร์ เหมือนก่อนเป็นเด็กหัวอ่อนเชื่อคนง่าย ใสซื่อเข้าขั้นซื่อบื้อและโลกสวยมาก เป็นคนเอาแต่ใจ
ถ้าเชื่ออะไรแล้วก็จะไม่ฟังคำพูดของคนอื่นเลย และชอบคิดอะไรตื้นๆ
ตอนนี้ก็ยังเป็นคนคิดอะไรตื้นๆ บางครั้งก็งี่เง่าเข้าขั้นหนัก ใจไม่แข็งพอ อะไรนิดอะไรก็ใจอ่อนแล้ว
สรุปแล้วคือเราไม่ชอบคนนิสัยแบบต้าร์ (แต่ก็ไม่ได้เกลียดนะ)
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เป็นเพราะนิสัยเสียในตัวต้าร์คือเชื่ออะไรแล้วก็จะไม่ฟังคำพูดคนอื่นเลย
แต่มันก็ไม่สมเหตุสมผลที่ทำให้โดนควินและแซทข่มขืน สิ่งที่ควินและแซทในตอนนั้นจนถึงปัจจุบัน
แสดงให้เห็นว่า ต่อให้พวกเขารักต้าร์มากแค่ไหนแต่ก็ไม่มากเท่ารักตัวเอง
เพราะถ้าทั้งคู่รักต้าร์มากกว่าตัวเองเมื่อไหร่ ต้องยอมปล่อยให้ต้าร์เป็นอิสระ
คนเราผิดพลาดกันได้ แม้อดีตจะแก้ไขไม่ได้แต่เราสามารถทำปัจจุบันและอนาคตให้ดีกว่าเดิมได้
เราเชื่อว่าถ้าทั้งคู่ยอมปล่อยต้าร์ไป แล้วเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ อะไรๆก็คงจะดีกว่านี้
และที่ทำให้ทุกอย่างแย่ลงเรื่อยๆก็เพราะนิสัยของคนทั้งสาม คือมีอะไรก็ปิดบัง ไม่ยอมเปิดใจรับฟังความคิดของกันและกัน
และที่สำคัญสุดคือไม่รักษาพูด เราจำได้ก่อนหน้านี้ที่ต้าร์ขอให้ควินและแซทเชื่อใจ มีอะไรให้บอก ห้ามโกหก
แต่กลับเป็นตัวต้าร์ที่ทำผิดเสียเอง เพราะชอบคิดอะไรตื้นๆ คิดว่าตัวเองจะจัดการทุกอย่างได้
สุดท้ายแล้วนอกจะทำอะไรไม่ได้แล้วยังทำให้เฟียซพลอยโดนลูกหลงด้วย แถมความสัมพันธ์ของทั้งสามยังดิ่งลงเหวอีก
ในตอนจบองเรื่องนี้ ไม่ว่าใครจะต้องตาย แต่ที่แน่ๆคนที่เหลือคงเศร้าและเสียใจไปตลอดชีวิต

ขออภัยที่พล่ามซะยาวเหยียด เนื่องจากอัดอั้นตันใจมานาน อยากระบายเหลือเกิน
ขอบคุณไรท์สำหรับนิยายดีๆ ทีให้ข้อคิดที่ดีๆหลายอย่าง เราจะติดตามอ่านไปจนถึงตอนจบแน่นอน

และที่สำคัญ อยากบอกว่าเรื่องนี้เราชอบเฟียซมาก! :-[

ออฟไลน์ Atraveler

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0

ออฟไลน์ Niinuii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
รอๆๆๆ :hao5:

ออฟไลน์ Niinuii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
ไม่มาต่อแล้วหรอ :hao5:

ออฟไลน์ New-Y Holic

  • Your love is a lie
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +207/-5
    • https://www.facebook.com/pages/New-Y-Holic/352883328112176
HEARTBREAKER P.I [ UP! : 64 (100%) ] 7/8/58 : P.147
«ตอบ #4394 เมื่อ04-08-2015 20:42:19 »



HEARTBREAKER

64


ผมนั่งอยู่บนโซฟาภายในห้องนั่งเล่น ตามองจอทีวีที่กำลังฉายภาพยนตร์แนวบู๊แอคชั่น แต่ผมกลับไม่มีความรู้สึกร่วมไปกับมันเลยสักนิด จนในที่สุดก็ต้องหยิบรีโมทมากดปิด ความเงียบเข้าครอบคลุมจนได้ยินเสียงถอนหายใจยาวของตัวเอง ตอนนี้ผมอยู่บ้าน…บ้านของผม ลุงหมอขับรถมาส่งผมเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วพร้อมกับคำยืนยันว่า ‘พวกเขา’ จะไม่มายุ่งวุ่นวายกับผมจนกว่าผมจะอนุญาต ผมไม่รู้ว่าท่านใช้วิธีไหนถึงห้ามพวกเขาได้ แต่ในเมื่อท่านให้คำมั่นกับผมขนาดนี้แล้ว ผมก็วางใจว่าจะได้ใช้ช่วงเวลานี้คิดทบทวนเรื่องของ ‘พวกเรา’ อย่างจริงจังสักที

รักพวกเขาหรือเปล่า? คำถามนี้วิ่งวนอยู่ในหัว ความรักคืออะไร? ผมไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของมันหรอก ผมรู้แค่ว่าถ้าเรารักใครสักคน เราก็อยากเห็นคนที่เรารักมีความสุข มีรอยยิ้ม และถ้าคนที่เรารักทำผิด เราก็พร้อมที่จะให้อภัยเขา ไม่มีข้อแม้ ไม่มีเงื่อไข แต่สำหรับพวกเขา ผมไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่ารัก ไม่สามารถยอมรับได้อย่างเต็มหัวใจ เพราะสิ่งที่พวกเขาทำกับมันผมยังติดค้างอยู่ในใจ ซึ่งไม่ว่าจะทำยังไง ผมก็ลืมเรื่องราวเลวร้ายในวันนั้นไม่ได้สักที มันยังคงเป็นบาดแผลฝั่งลึกอยู่ในใจ แค่เพียงสะกิด ตะกอนที่ยังตกค้างก็พร้อมลอยขึ้นมาทำให้ภาพวันเวลาดีดีที่พวกเรามีร่วมกันถูกตะกอนนั้นแทรกซึมเข้ามา

บ่อยครั้งที่ผมยิ้มทั้งที่ใจไม่มีความสุข ผมรู้ว่าพวกเขาให้ผมได้ทุกอย่าง พวกเขาทุ่มเทเพื่อผมมากมาย ให้เงินผมใช้ ซื้อรถให้ผม หรือแม้แต่กระทั่งบ้านหลังใหญ่ พวกเขาก็สร้างมันเพื่อผม พยายามทำทุกอย่างให้ผมลืมสิ่งที่พวกเขาทำ ผมควรดีใจที่พวกเขาทำให้ผมขนาดนี้ แต่ทำไมความรู้สึกกลับตรงกันข้าม ผมรู้ว่าพวกเขารักผมมาก แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็กลัวความรักของพวกเขา ผมไม่ได้ผิดปกติไปใช่มั้ยที่มีความคิดแบบนี้? บางครั้งผมก็จมอยู่กับความคิดเหล่านี้ เฝ้าถามตัวเองซ้ำๆ หมกมุ่นอยู่กับปัญหาจนหาทางออกไม่ได้

ผมรักพวกเขาหรือเปล่า?
ผมให้อภัยพวกเขาได้มั้ย?
ผมจะมีความสุขได้ยังไง?
ทำไมผมถึงไม่ลืม?

ผมคงคิดมากจนใกล้บ้าไปแล้วก็ได้…หรือผมอาจจะบ้าไปแล้วจริงๆ


**************************************************

สัมผัสอุ่นนุ่มที่กำลังลูบไล้อยู่ข้างแก้มปลุกให้ผมตื่น และทันทีที่ลืมตาใบหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงกับผมก็ปรากฎอยู่ตรงหน้า แม้จะตกใจและงุนงงที่ได้เห็นเขาอยู่ที่นี่ แต่พอเขาส่งรอยยิ้มหวานมาให้ผมก็คลี่ยิ้มตามก่อนลุกขึ้นโผเข้ากอดเขาทั้งตัว ผมซบหน้ากับไหล่เขา สูดกลิ่นโคโลญจน์อ่อนๆ ยิ้มได้อย่างเต็มหัวใจที่ได้รับไออุ่นจากคนคนนี้ คนที่ไม่เคยทิ้งผมไปไหน คนที่ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็จะคิดถึงผมเสมอ เมื่อคืนผมก็นั่งคิดว่าถ้ามีเขาอยู่ข้างๆก็คงดี อย่างน้อยผมก็มีเพื่อนช่วยปลอบใจ มีคนที่เข้าใจผมอยู่เคียงข้าง แต่ผมไม่กล้าคิดว่าเขาจะมาหาผมจริงๆ เพราะสิ่งที่ผมทำกับเขาในวันนั้น ทำให้ผมไม่กล้ารบกวนเขาแม้แต่การโทรหา

“เด็กขี้เซา”
คำพูดหยอกล้อยิ่งทำให้ผมยิ้มกว้าง เบียดตัวเข้าหาเขามากขึ้น
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
ผมถามทั้งที่ยังเกยคางอยู่กับบ่าเล็ก สองมือโอบรัดรอบตัวเขาแน่น
 “เกือบชั่วโมงได้แล้วมั้ง คุณป้าบอกว่าต้าร์ยังไม่ตื่น พี่ก็เลยรออยู่ข้างล่าง แต่รอจนหิวแล้วต้าร์ก็ไม่ลงไปสักที”
ผมยิ้มกับน้ำเสียงที่แสร้งดุก่อนผละออกจากอ้อมกอด พอได้มองหน้าเขาเต็มตาอีกครั้ง จู่ๆความรู้สึกคิดถึงที่ผมพยายามเก็บซ่อนมันไว้มานานก็ทะลักออกมาเป็นหยดน้ำตา ทำไมวันนั้นผมถึงได้กล้าผลักไสเขาไป ทำไมผมถึงกลายเป็นคนใจร้ายกับพี่ชายแท้ๆของตัวเองได้ลงคอ
“ร้องไห้ทำไม”
พี่เนสประคองใบหน้าผมด้วยสองมืออุ่นๆของเขา เกลี่ยน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน
“ผมขอโทษครับที่…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว อย่าโทษตัวเอง จำไว้แค่ว่า พี่รักต้าร์ที่สุด”
ผมยิ้มทั้งน้ำตากับคำว่ารักของเขา รักที่ไม่ใช่การครอบครอง รักที่ไม่ใช่การกักขัง หากแต่เป็นรักที่บริสุทธิ์ เป็นรักที่ผูกพันด้วยสายใยของความเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันไว้
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่จะอยู่เคียงข้างต้าร์เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลกันแค่ไหน แค่ต้าร์ต้องการ พี่จะกลับมาอยู่กับต้าร์เหมือนอย่างตอนนี้ จำไว้นะ”
“ขอบคุณครับ ผมรักพี่”
ผมบอกแล้วโถมตัวกอดพี่เนสไว้ จำทุกคำพูดของเขา เพราะมันคือความจริง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนที่อยู่เคียงข้างผมมาตลอดก็คือพี่ชายคนนี้ พี่ชายที่แสนดีของผม

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวและลงไปทานข้าวเป็นที่เรียบร้อย ผมกับพี่เนสก็มานั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่น ความรู้สึกหลากหลายที่อัดแน่นอยู่ในใจ ผมระบายมันออกมาจนหมด พี่เนสรับฟังผมเงียบๆพร้อมกับจับมือผมไว้
“ผม…ควรทำยังไงดีครับ”
สิ้นสุดเรื่องราวมากมายที่ระบายมันออกไป ผมก็หันไปถามความเห็นจากพี่ชาย
“สำหรับพี่ ในฐานะพี่ชาย พี่แค่อยากเห็นต้าร์มีความสุข มีชีวิตที่ดี มีสุขภาพแข็งแรง”
พี่เนสยิ้มก่อนยื่นมือมาลูบหัวผมเบาๆ
“ชีวิตเป็นของต้าร์ ต้าร์ต้องกำหนดมันด้วยตัวเอง ขอโทษที่เมื่อก่อนพี่บังคับ เข้มงวด และออกคำสั่งกับต้าร์มาเกินไป”
“ขอโทษทำไมครับ พี่เนสไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะพี่รักผม เป็นห่วงผม ผมไม่เคยคิดว่าสิ่งเหล่านั้นคือการบังคับหรือคำสั่งอะไร”
พี่เนสยิ้ม บีบกระชับมือผมแน่นขึ้น
“ถามใจตัวเองดู ทางไหนที่จะทำให้ต้าร์มีความสุข พี่เคารพการตัดสินใจของต้าร์”
“ขอบคุณนะครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่พี่ก็อยู่กับผมเสมอ ขอบคุณนะครับพี่”

ผมนั่งคิดทบทวนและถามใจตัวเองดูกับทางออกที่ผมต้องการ ช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมมีทั้งความสุข ความเศร้า ความทุกข์ ผมรับมันมาทุกความรู้สึก รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ หรือแม้แต่หยดน้ำตา ผมผ่านมันมาหมดแล้ว ประสบการณ์ที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับพวกเขา ผมไม่เคยลืม เป็นความจริงที่พวกเขารักผม และบางเวลาผมก็รู้ว่าตัวเองอาจจะรู้สึกรักพวกเขาเช่นกัน แต่ทุกครั้งที่ความรู้สึกมันเริ่มขึ้น ผมจะบอกตัวเองเสมอว่ามันคือความผูกพัน ใช่…ผมย้ำกับตัวเองตลอด ผมอยู่กับพวกเขาทุกวัน ความใกล้ชิด การสัมผัส มันย่อมส่งผลต่อความรู้สึกผมอยู่แล้ว เวลาที่พวกเขาใจดี อ่อนโยน และสัมผัสผมด้วยความทะนุถนอม ผมยอมรับว่าผมชอบ จะมีใครบ้างล่ะที่ไม่ชอบให้คนรักปฎิบัติกับตัวเองแบบนั้น แต่เวลาที่พวกเขาใจร้าย ไร้ความปรานี สัมผัสผมด้วยความหยาบกระด้าง ผมก็ได้แต่ร้องไห้เสียใจ ความรู้สึกนั้นมันเจ็บปวดและยาวนานเหลือเกิน ผมจำมันได้แม่นกว่าช่วงเวลาที่พวกเรามีความสุขร่วมกันซะอีก

สำหรับผม แม้จะยังไม่เข้าใจคำว่ารักอย่างถ่องแท้ก็เถอะ แต่ถ้ารักใครสักคนอย่างสุดหัวใจ ความรู้สึกเมื่อยามที่เขาทำผิดต่อเรา เราก็มักจะมีข้อดีหลายๆข้อยกขึ้นมาลบล้างความผิดของเขาได้เสมอ นั่นเพราะว่าเรารักเขา เราเลยสามารถให้อภัยเขาได้อย่างง่ายดาย แต่หากเราไม่ได้รัก หรือยังรักเขาได้ไม่มากพอ แม้แต่ความผิดเล็กน้อย เรายังยากที่จะให้อภัย และผมถามใจตัวเองแล้ว คำตอบที่ได้คือ ผมยังรักพวกเขาไม่มากพอที่จะสามารถให้อภัยพวกเขาได้ มันไม่ใช่คำตอบที่ดีเลย ถ้าพวกเขาได้รับรู้จากปากผม แต่มันถึงเวลาแล้ว ที่ผมและพวกเขาต้องยอมรับความจริงและหันหน้ามาคุยกันอย่างจริงจังสักที เราอยู่กันอย่างหวาดระแวงมาตลอด แม้ผมไม่ได้พูด พวกเขาไม่ได้พูด แต่ต่างฝ่ายก็ต่างรู้แก่ใจดีว่าระหว่างพวกเรามันยังมีข้อผิดพลาดติดค้างอยู่ในใจ เราทุกคนต่างเจ็บปวด แม้แต่คนนอกเองยังพลอยไม่สบายใจและคิดมากไปด้วย ผมต้องจัดการปัญหานี้ด้วยตัวเอง ต้องกล้าที่จะคุยกับพวกเขาด้วยตัวของผมเอง และผมหวังว่าความกล้าของผมจะไม่สูญเปล่า
ผมเดินมาจนสุดทางแล้วครับพี่ ขอโทษที่ผมไปต่อไม่ได้ ขอโทษจริงๆ

บรื้น…บรื้น
เสียงบิดคันเร่งมอเตอร์ไซต์ดังเข้ามาใกล้ผมที่ยืนชะเง้อคอมองอยู่ตามมาด้วยรถยนต์คันคุ้นตา ผมยิ้มเมื่อรถทั้งสองคันจอดสนิทก่อนที่เจ้าของรถจะเดินเข้ามาหาผม
“ไงมึง” คำทักทายแรกจากเฟียซมาพร้อมกับฝ่ามือใหญ่ยีหัวผมจนยุ่ง
“มือหนักชะมัดเลย” ผมบ่น แต่ปากก็ยังคงยิ้มเพราะดีใจที่เพื่อนมาหาถึงบ้าน
“บอสกับตัวเล็กเข้าบ้านกันเถอะ อย่าไปสนใจเฟียซเลย”
ผมหันไปชวนเพื่อนอีกสองคนที่ยืนมองอยู่ข้างๆ
     “เออ…กูมันไม่มีดีหรอก” เฟียซตัดพ้อแล้วเดินแซงหน้าพวกผมเข้าบ้านไป
   พวกเรามานั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่น ผมเชื้อเชิญให้เพื่อนๆทานขนมกับน้ำหวานที่คุณป้าเพิ่งเข้ามาเสิร์ฟให้เมื่อครู่
“ตกลงว่ามึงจะไปจริงๆใช่มั้ย” เฟียซถามผมด้วยใบหน้าจริงจัง
ก่อนหน้าที่พวกเขาจะมา ผมได้โทรคุยกับเฟียซก่อนแล้วแต่ยังไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก ผมบอกแค่ว่าผมตัดสินใจแล้ว และเลือกที่จะไปจากพวกเขา
“อืม…ต้าร์ตัดสินใจแล้ว” ผมยืนยัน หันไปมองเพื่อนอีกสองคนที่มองมาอย่างต้องการคำอธิบาย
“บอส ตัวเล็ก ขอบคุณที่ดีกับต้าร์มาตลอดนะ”
“พูดเหมือนจะลาเลย ต้าร์จะไปไหน” บอสเอื้อมมาจับมือผมไว้ สีหน้างุนงง
“ต้าร์จะลาออกแล้วไปอยู่ที่อื่นสักพัก”
คำตอบของผมทำให้บรรยากาศภายในห้องนั่งเล่นเงียบไป ไม่มีใครพูดอะไรออกมาจนผมต้องพูดขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศ
“ขอโทษทุกคนนะที่บอกกะทันหัน เพราะต้าร์เองก็เพิ่งตัดสินใจ”
“เป็นเพราะพวกมันใช่มั้ย” ตัวเล็กถามขึ้น คำว่า ‘พวกมัน’ ที่ตัวเล็กพูดถึงทำให้ผมพยักหน้า
“ไหนมึงเคยบอกว่ายังไงพวกมันก็ไม่มีวันปล่อยมึงไป”
เฟียซถามเสียงห้วน คิ้วเข้มขมวดจนหน้าผากย่น
“ก็เพราะพวกเขาไม่ยอมปล่อย ต้าร์ถึงต้องไป”
“แล้วพวกมันจะยอมเหรอ” บอสบีบมือผม ใบหน้าเป็นกังวล
“พรุ่งนี้ต้าร์จะไปคุยกับพวกเขา ต่อให้พวกเขาไม่ยอมต้าร์ก็ต้องไป ลุงหมอท่านรับปากว่าจะช่วย ท่านจะพาต้าร์ไปในที่ที่พวกเขาหาต้าร์ไม่เจอ”
“ที่ไหน” เฟียซจ้องผมเขม็ง
“ยังไม่รู้”
“อ้าว…” บอสกับตัวเล็กร้องขึ้นมาพร้อมกัน
“ไม่ต้องห่วงนะ ถ้าต้าร์รู้แล้วจะรีบบอกทุกคนเลย”
“ต่อไปเราก็จะไม่ได้เจอกันแล้วเหรอ”
“พูดอะไรเป็นลาง ถ้าต้าร์ไปต่างประเทศ พวกเราก็เฟซไทม์หรือสไกป์คุยกันก็ได้ ไม่เห็นยากเลย”
ตัวเล็กบอกบอสที่นั่งเม้มปากแน่น
“เออ…ขอโทษ ก็คนมันใจหายนี่หว่า เห็นหน้ากันเกือบทุกวัน จู่ๆก็จะไกลกัน” บอสว่าเสียงเง้างอน
ผมยิ้มพลางลูบไหล่บอสอย่างปลอมใจ
“ทุกคนอยู่ทานข้าวเย็นกับเรานะ ถือซะว่าเป็นปาร์ตี้เลี้ยงส่งเราด้วย”
บอสยิ้มกว้างรีบพยักหน้ารับคำ ตัวเล็กก็ยกมือโอเค  ส่วนเฟียซรายนั้นแค่เบ้ปากด้วยใบหน้าเซ็งๆ

หลังจากทานข้าวเสร็จบอสกับตัวเล็กก็ขอตัวกลับเพราะมีธุระกับครอบครัว ผมเดินมาส่งเพื่อนที่หน้าบ้าน โบกมือลาจนรถเคลื่อนพ้นออกจากบริเวณรั้วไปก็เดินกลับเข้าไปข้างใน เห็นเฟียซนั่งหน้าบึ้งอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขก ผมก็รู้ได้ทันทีว่าเขามีเรื่องจะคุย
“ว่าไง” ผมถามพลางนั่งลงข้างๆ
“มึงคิดดีแล้วเหรอ”
“อืม…ต้าร์ตัดสินใจแล้ว”
“มันไม่มีทางอื่นแล้วรึไง”
ผมส่ายหน้า อาจจะมีแต่ผมไม่รู้ว่าหนทางนั้นจะเป็นยังไง
“แล้วมึงจะหนีพวกมันไปทั้งชีวิตที่เหลือของมึงเลยเหรอ”
นั่นสินะ…ผมจะหนีพวกเขาไปตลอดชีวิตเลยใช่มั้ย
“ต้าร์ มึงฟังกูนะ ลุงหมอจะไว้ใจได้แค่ไหน อย่าลืมว่าเขาเป็นลุงไอ้ควิน ถ้ามันคุกเข่าอ้อนวอนลุงมัน มีเหรอที่เขาจะไม่บอกหลานตัวเอง”
ผมคิดตามคำพูดเฟียซ นั่นมันก็จริงอยู่ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้เชื่อใจว่าลุงหมอจะไม่หักหลังผม ท่านเป็นอีกคนที่อยากเห็นผมมีความสุข ท่านอยากให้ผมเป็นอิสระ
“เออ…เอาที่มึงสบายใจแล้วกัน”
เฟียซคงเห็นสีหน้าลำบากใจของผมเลยเลือกที่จะบอกปัด ผมหันไปมองเขาพร้อมเอื้อมไปจับมือไว้บีบกระชับแน่น
“เฟียซเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของต้าร์นะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง”
“มึงอย่ามาทำซึ้งตอนนี้ กินข้าวมาอิ่มๆเดี๋ยวกูอ้วก”
ผมหัวเราะ แต่ถึงเฟียซจะพูดแบบนั้น มือเขาก็บีบกระชับมือผมตอบกลับมา
“กูยังอยู่ตรงนี้เสมอ จำไว้”
ผมเอนหัวพิงไหล่กว้าง หลับตาแน่น
“ขอบคุณนะเฟียซ ขอบคุณ”
ที่น้ำตาผมไหล ไม่ใช่เพราะความเสียใจ แต่ผมซึ้งใจกับมิตรภาพระหว่างเรา ตั้งแต่เด็กจนโต
เฟียซคอยอยู่เคียงข้างผมเสมอ เขาเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของครอบครัวผม เขาคือเพื่อนแท้ที่ผมปรารถนาให้มีแต่ความสุขและหวังให้พบเจอแต่สิ่งดีดี
   ผมแค่อยากให้ทุกคนที่ผมรักมีความสุข
‘พวกเขา’ ก็เช่นกัน ผมหวังว่าเมื่อผมไม่อยู่แล้ว พวกเขาก็จะมีความสุข

ผมยืนมองตึกคณะที่เรียนมาเกือบ2ปี มองเพื่อนร่วมคณะที่เดินสวนกันไปมา หวนคิดถึงวันเก่าๆที่ร่วมทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ ความสุข เสียงหัวเราะ และบรรยากาศเหล่านั้นยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำ แต่เวลาก็ผ่านไปเร็วเหลือเกิน จนมาถึงวันนี้…วันสุดท้ายที่ผมมาลา
“เสร็จแล้วเหรอ” พี่เนสถามพร้อมช่วยผมถือแฟ้มเอกสาร
“ครับ เรียบร้อยแล้ว”
วันนี้ผมมาจัดการเอกสารยื่นลาออกให้เรียบร้อย พี่เนสอาสาขับรถมาส่งเพราะเสร็จจากนี้เราจะไปหาลุงหมอที่โรงพยาบาล ส่วนเรื่องคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาสอบสวนเรื่องราววุ่นวายที่เกิดขึ้น ทางครอบครัวของ ‘พวกเขา’ ได้จัดการเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ผมทราบเรื่องจากลุงหมอเพราะท่านโทรมาบอกผมเมื่อคืน
“รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวลุงหมอท่านจะรอนาน”
“ครับ”
ผมพยักหน้ารับ คิดถึงเรื่องราวต่อจากนี้ที่ผมจะต้องทำ จู่ๆก็รู้สึกวูบโหวงขึ้นมา ผมถอนหายใจ สลัดความคิดวุ่นวายออกจากหัว พยายามบอกตัวเองว่าทุกอย่างจะต้องราบรื่นไปได้ด้วยดี หวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้น
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ผมก็ขอร้องให้พี่เนสไปนั่งรอที่ร้านกาแฟเพราะไม่อยากให้เขาต้องมาเหนื่อยกับเรื่องของผมเพิ่มอีก ถึงแม้พี่เนสจะไม่คิดและยินดีช่วยผมเสมอ แต่ผมก็เกรงใจพี่อยู่ดี เรื่องของผมมันทำให้เขาเหนื่อยทั้งกายและใจมามากพอแล้ว และเรื่องที่ผมตัดสินใจนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ที่ผมจะทำให้พี่เนส
หมดห่วงสักที
   “เขาอยู่ห้องนี้เหรอครับ”
   ผมหันไปถามลุงหมอเพื่อความแน่ใจ ท่านพยักหน้าแล้วเคาะประตู ไม่นานคนข้างในก็เดินมาเปิด ผมลอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่เปิดประตูให้ เพราะครั้งล่าสุดที่เจอกัน มันไม่น่าประทับใจเท่าไหร่
“สวัสดีครับ”
ผมยกมือไหว้คุณแม่ของธัญญ์ ท่านไม่ได้พูดอะไรแต่ยอมเบี่ยงตัวหลบให้ผมกับลุงหมอเดินเข้าไปในห้อง ลุงหมอตบบ่าให้กำลังใจผมแล้วเดินแยกไปนั่งที่โซฟา ผมเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยที่ยังนอนหลับอยู่ ยังมีสายให้เลือดและน้ำเกลือห้อยอยู่ด้วย สภาพจากที่มองสำรวจดูผมคิดว่าอีกไม่นานธัญญ์คงดีขึ้น
‘พี่มาขออโหสิกรรมให้ธัญญ์ และขอให้ธัญญ์อโหสิกรรมให้พี่ด้วย ไม่ว่ากรรมใดที่เราเคยมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยกันมา พี่ขออโหกรรมนั้นไว้ ณ ที่นี้ เลิกคิดแค้นพยาบาทต่อกันเถอะนะ ชีวิตพวกเราทั้งหมดจะได้หมดเวรหมดกรรมต่อกัน’
ผมได้แต่พูดในใจและมองหน้าธัญญ์นิ่ง หวังให้เขารับรู้ถึงความตั้งใจของผมที่มาเยี่ยมเขาในวันนี้
“ลูกชายฉันยังไม่ตายหรอก”
น้ำเสียงแข็งกึ่งประชดดังขึ้น ผมเม้มปากแน่นด้วยรู้ดีว่าอารมณ์ของคนพูดเป็นเช่นไร ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เป็นคนลงมือทำร้ายธัญญ์ แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้เช่นกันว่าผมเองก็มีส่วนที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพนี้
“ผมขอโทษนะครับ”
“ฉันไม่รับ เสร็จแล้วก็กลับไปสิ ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับลูกชายฉันอีก ทั้งเธอแล้วก็…เพื่อนของเธอ”
คนพูดสะบัดหน้าหนีราวกับรังเกียจที่จะมองหน้ากัน ผมถอนหายใจ หันไปมองลุงหมอที่ลุกขึ้นยืนรอผมอยู่ก่อนแล้ว
“เรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด ฉันจะรับผิดชอบเอง ไม่ต้องห่วง ขอโทษแทนหลานชายฉันด้วย”
ลุงหมอบอกเสียงเรียบก่อนพยักหน้าให้ผมเดินออกจากห้อง
“ผมลานะครับ ขอให้ธัญญ์หายเร็วๆ”
ผมยกมือไหว้แล้วรีบเดินออกจากห้องเพราะสายตาแข็งกร้าวหันมาจ้องราวกับจะจับผมฉีกออกเป็นชิ้นๆ ผมเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่ ลูกโดนทำร้ายอาการสาหัสจะไม่ให้เจ็บแค้นเคืองโกรธคนทำและคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ยังไง หัวอกคนเป็นแม่ที่ต้องทนเห็นลูกนอนอยู่บนเตียงด้วยสภาพแบบนั้นก็คงจะรู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างกัน
“เยี่ยมเสร็จแล้วเหรอ”
พี่เนสหันมาถามเมื่อผมเดินไปวางมือบนไหล่เขา
“ครับ เราไปกันเถอะ ยังมีอีกเรื่องที่ผมต้องไปจัดการให้เรียบร้อย”
แค่คิดถึงหน้าของพวกเขา ผมก็หวั่นใจจนหวาดกลัวไปหมด ผมกลัวว่าถ้าพวกเขาเกิดอาละวาดขึ้นมา เรื่องที่ผมตั้งใจจะคุยกับพวกเขามันจะศูนย์เปล่า ผมไม่อยากจากไปโดยทิ้งให้เรื่องมันค้างคาทั้งที่เรายังไม่ได้คุยกัน ไม่อยากได้ขึ้นชื่อว่าเป็นตัวก่อปัญหาแล้วหนีไป ผมอยากจัดการปัญหาทุกอย่างให้เรียบร้อยและไปโดยไม่ต้องกังวลใจเรื่องใดอีก



ต่อ

V
V
V

ออฟไลน์ New-Y Holic

  • Your love is a lie
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +207/-5
    • https://www.facebook.com/pages/New-Y-Holic/352883328112176
HEARTBREAKER P.I [ UP! : 64 (100%) ] 4/8/58 : P.147
«ตอบ #4395 เมื่อ04-08-2015 20:46:03 »



เสียงหัวใจผมเต้นรัวเมื่อมายืนอยู่หน้าประตูห้องที่คุ้นเคย คอนโดฯที่ผมอาศัยอยู่กับพวกเขามานาน ผมสูดหายใจลึก ค่อยๆผ่อนลมออกมาอย่างต้องการผ่อนคลายตัวเองไม่ให้วิตกกังวลจนเกินไป พี่เนสจับมือผมบีบกระชับให้กำลังใจ ผมยิ้มและพยักหน้าให้
“พี่จะลงไปรอข้างล่าง”
พี่เนสบอกก่อนลูบหัวผมเบาๆแล้วเดินไปที่ลิฟต์ ผมมองตามจนพี่เนสเข้าลิฟต์ไป หันกลับมาก็เห็นว่าลุงหมอเดินเลี่ยงออกไปคุยโทรศัพท์อยู่ ผ่านไปสักพักท่านก็เดินกลับมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด บอกให้รู้ว่าการคุยโทรศัพท์เมื่อครู่นี้คงไม่ใช่เรื่องดีนัก
“มีเคสด่วน ลุงต้องรีบกลับไปโรงพยาบาล”
“งั้นก็รีบไปเถอะครับ ชีวิตคนสำคัญกว่า”
“แต่ต้าร์…”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ยังไงซะก็ยังมีอังเดรกับอะดอนิสคุมพวกเขาไว้อยู่”
“ก็ได้ แต่ถ้าพวกมันเกิดอาละวาดจนอังเดรกับอะดอนิสคุมไม่อยู่ ต้าร์รีบโทรหาคนของลุงทันที พวกเขาจะพาต้าร์ไปในที่ที่ปลอดภัย”
“ครับ”
รอจนลุงหมอลงลิฟต์ไปแล้ว ผมก็จ้องเขม็งที่ประตู ยืนทำใจให้สงบอยู่ครู่นึงก็ตัดสินใจหยิบการ์ดห้องมาเปิด เสียงสัญญาณบอกว่าประตูปลดล็อคแล้วพร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อผมเปิดประตูเข้าไป
“ปล่อยกู!”
“ไอ้เหี้ย! กูบอกให้ปล่อย!”
ผมหยุดชะงักกับเสียงด่าตะคอกลั่นห้อง เสียงที่ได้ยินเมื่อกี๊มันเสียงพี่ควิน…พวกเขากำลังอาละวาดอยู่! ผมเม้มปากแน่น เดินไปตามเสียงอย่างช้าๆ ตลอดทางเดินจากหน้าประตูมีสิ่งของกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นไปหมด นี่มันเกิดอะไรขึ้น? คำถามในใจได้คำตอบในเวลาต่อมา ผมหยุดยืนนิ่งเมื่อเห็นร่างสูงของพวกเขากำลังยืนหันหลังต่อสู้อยู่กับบอดี้การ์ดร่างยักษ์กลางห้องรับแขก
“อังเดร มึงปล่อยกูเดี๋ยวนี้!”
พี่แซทตะโกนใส่ลูกน้องตัวเองพลางยกเท้าถีบไปด้วย ทำไมพวกเขาเป็นแบบนี้
 “พี่ครับ…ทำไม”
ผมส่งเสียงออกไป และก็ต้องอึ้งเมื่อได้เห็นหน้าพวกเขาเต็มตา ใบหน้าที่เคยขาวใสและหล่อเหล่ากลายเป็นอดีตไปแล้ว ในตอนนี้สภาพพวกเขาทรุดโทรมลงไปมากจากวันที่ผมเห็นครั้งสุดท้าย ชุดที่พวกเขาใส่อยู่ก็เป็นชุดเดียวกับวันที่ผมออกจากที่นี่ไป พวกเขาใส่ชุดนี้และอยู่ในสภาพนี้มากี่วันแล้ว? ทำไมถึงเป็นแบบนี้…
“ต้าร์! มึงกลับมาหากูแล้ว มึงจะกลับมาอยู่กับกูเหมือนเดิมใช่มั้ย”
พี่แซทถามเสียงตื่น เขายิ้มกว้างและพยายามจะดิ้นให้หลุดจากอังเดรที่คุมตัวเขาไว้อยู่
“ในที่สุดมึงก็กลับมา กูคิดอยู่แล้วว่ามึงต้องกลับมา”
พี่ควินพูดเหมือนคนละเมอ ใบหน้าอิดโรยที่ใต้ตาคล้ำจัดดูแย่จนแทบไม่ใช่เขาคนเดิม อังเดรล็อคตัวเขาไว้จากข้างหลัง แรงขัดขืนยังไม่อ่อนลงและดูท่าว่าเขาจะไม่ยอมง่ายๆด้วย
 “พวกพี่กินเหล้าเหรอครับ” ผมถามเพราะได้กลิ่นเหล้าจากตัวพวกเขาโชยออกมา
“กู…กูแค่กินเบียร์นิดหน่อย”
พี่แซทบอกเสียงเบา ผมรู้ว่าเขาโกหก กลิ่นหึ่งขนาดนี้ไม่เรียกว่านิดหน่อยแล้ว แบบนี้เขาเรียกว่าอาบเหล้ากันแล้ว!
“ทำไมสภาพถึงเป็นแบบนี้ล่ะครับ ทำไมพวกพี่ไม่ดูแลตัวเอง”
“ก็เพราะมึงนั่นแหละ! ถ้ามึงไม่ไป กูจะเป็นแบบนี้มั้ย!”
พี่ควินตะคอกใส่จนผมสะดุ้ง แต่พอเขาเห็นผมก้าวถอยหลังด้วยความตกใจ สีหน้าเขาก็อ่อนลง
“กูขอโทษที่เข้าใจมึงผิด ยกโทษให้กูนะ”
ผมเลิกคิ้วมองหน้าพี่ควินอย่างสงสัย กำลังจะเอ่ยถามพี่แซทก็พูดขึ้นก่อน
“ลุงหมอเอาผลตรวจร่างกายมึงให้พวกกูดูแล้ว ขอโทษที่เข้าใจมึงผิด อย่าโกรธกูนะต้าร์ มึงกลับมาอยู่กับกูเหมือนเดิมเถอะ”
“แปลกนะครับที่พวกพี่เชื่อแค่กระดาษแผ่นเดียว ทั้งที่ผมพยายามอธิบายแทบตาย พวกพี่ก็ไม่ฟัง”
ผมอดไม่ได้ที่จะประชดพวกเขา นัยน์ตาที่ดูอ่อนล้าสองคู่มองผมนิ่ง เมื่อเห็นว่าพวกเขามีท่าทีสงบลง อังเดรกับอะดอนิสก็ยอมปล่อยตัวพวกเขา ทันทีที่เป็นอิสระพวกเขาก็พุ่งตรงมาหา ผมรีบยกมือขึ้นห้ามแต่ก็ไม่ทันแล้ว ผมถูกพวกเขาดันให้นั่งลงบนโซฟาพร้อมถูกจับแขนตรึงไว้คนละข้าง เหนือตัวผมมีร่างสูงของพวกเขากักตัวไว้ไม่ให้ขยับหนี ดูท่าทางว่าผมจะคุยกับพวกเขาไม่ราบรื่นแล้วล่ะ
“บอสปล่อยคุณหนูก่อนเถอะครับ”
อังเดรพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง ผมรู้ว่าอังเดรกับอะดอนิสถูกสั่งให้คุมตัวพวกเขาไว้ตั้งแต่วันที่ผมออกจากที่นี่ไป และลุงหมอก็กำชับให้พวกเขาช่วยดูแลความปลอดภัยของผมในวันนี้ด้วย เพราะจากที่มีเรื่องทะเลาะกันวันนั้น ลุงหมอได้เข้าไปคุยกับคุณแม่และพ่อเลี้ยงของพี่แซทถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ดอนอัลแบร์โตเลยมีคำสั่งให้อังเดรกับอะดอนิสมาอยู่ควบคุมพี่ควินกับพี่แซทที่คอนโด และรับคำสั่งจากลุงหมอแทน
“หุบปาก! มึงไม่มีสิทธิ์มาสั่งกู”
พี่แซทหันไปตวาดใส่แต่เขาก็ยอมคลายมือที่จับผมไว้ พี่ควินเองก็ยอมปล่อยแล้วถอยออกไปนั่งข้างๆผมแทน
“ขอโทษครับ”
“กูบอกให้หุบปากแล้วออกไปให้พ้น!”
“ไม่ได้ครับ ผมกับอะดอนิสได้รับคำสั่งให้ดูแลความปลอดภัยของคุณหนู”
“มึงว่าไงนะ”
พี่แซทเค้นเสียงลอดไรฟัน เขากำหมัดแน่นพยายามข่มกลั้นอารมณ์ไม่ให้ระเบิดออกมา
“ขอโทษครับบอส แต่พวกเราต้องทำตามคำสั่ง”
“ต้าร์เป็นเมียกู กูไม่ทำร้ายมันหรอก พวกมึงจะออกไปได้ยัง”
พี่ควินพูดขึ้น แต่ผมชักฉุนกับคำพูดเขาที่ว่าจะไม่ทำร้ายกัน เขาแน่ใจแล้วเหรอที่พูดออกมาน่ะ
“ผมต้องเห็นว่าคุณหนูปลอดภัยจริงๆครับ”
ผมไม่แปลกใจเลยถ้าดอนอัลแบร์โตจะสั่งให้อังเดรกับอะดอนิสไปตาย เพราะพวกเขาทำตามคำสั่งของนายเหนือหัวอย่างเคร่งครัดจริงๆ
“พวกมึง!”
พี่แซทลุกขึ้น ตรงเข้าไปกระชากคอเสื้ออังเดรอย่างโกรธจัด เห็นแบบนั้นผมก็รีบปราดเข้าไปห้ามแต่พี่ควินก็มาคว้าแขนผมไว้ อะดอนิสก็ถลาเข้ามาล็อคตัวพี่ควิน สภาพของพวกเราตอนนี้เป็นอะไรที่อีรุงตุงนังสุดๆ! ผมต้องรีบยุติเหตุการณ์ก่อนที่เรื่องมันจะบานปลายไปกันใหญ่
“เอาอย่างนี้นะครับ อังเดรกับอะดอนิสช่วยออกไปจากห้องนี้ก่อน ให้ผมกับพวกเขาคุยกันให้เสร็จเรียบร้อยก่อนนะครับ”
“แต่…”
“พวกเขาไม่ทำอะไรผมหรอก วางใจเถอะครับ”
ผมรีบแย้งอังเดร มองสบตาให้เขาเข้าใจ พี่แซทเลยยอมปล่อยมือแล้วผลักอังเดรออกห่าง อะดอนิสก็ยอมปล่อยพี่ควินโดยดี
 “พวกผมรออยู่ข้างนอกนะครับ”
อังเดรบอกผมก่อนเดินออกไปตามด้วยอะดอนิส
“ตอนนี้ก็เหลือแค่พวกเราแล้ว มานั่งคุยกันดีดีเถอะครับ”
มาสะสางเรื่องของพวกเราให้มันจบ!








---------------------------------------------
มาต่อแล้วค่ะ  :hao5: ในที่สุด  :katai1:

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ ขอบคุณคนที่ยังรอกันอยู่  :monkeysad:



ออฟไลน์ leknoey

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-2
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 64 (100%) ] 4/8/58 : P.147
«ตอบ #4396 เมื่อ04-08-2015 21:06:57 »

 :o
กลับมาแล้ว อยากจิกรี๊ด ให้ดังไป สามบ้านแปดบ้าน
 :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ BaII

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 64 (100%) ] 4/8/58 : P.147
«ตอบ #4397 เมื่อ04-08-2015 22:00:33 »

หายไปนานมากก ดีใจที่มาต่อครับ

ออฟไลน์ wann

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 64 (100%) ] 4/8/58 : P.147
«ตอบ #4398 เมื่อ04-08-2015 23:48:07 »

 :katai5:


โอยยยยย ไม่อยากอ่านตอนจบเลยยยย :ling3: เปลี่ยนเป็น Happy Ending ได้มั้ยค้าา  :ling1:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 64 (100%) ] 4/8/58 : P.147
«ตอบ #4399 เมื่อ05-08-2015 07:44:28 »

 :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 64 (100%) ] 4/8/58 : P.147
« ตอบ #4399 เมื่อ: 05-08-2015 07:44:28 »





ออฟไลน์ golffity_spt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 64 (100%) ] 4/8/58 : P.147
«ตอบ #4400 เมื่อ05-08-2015 09:47:05 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 64 (100%) ] 4/8/58 : P.147
«ตอบ #4401 เมื่อ05-08-2015 10:20:00 »

ความเห็นเรา เราไม่อยากให้ตาร์ให้อภัยเลย รับไม่ได้กับสิ่งที่สองคนนี้ทำไม่ได้เลยจริงๆ ขอบคุณนะค่ะที่มาต่อ

ออฟไลน์ question09

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-10
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 64 (100%) ] 4/8/58 : P.147
«ตอบ #4402 เมื่อ05-08-2015 15:11:55 »

ทั้งหนักและหน่วง

 :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Inamning

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 64 (100%) ] 4/8/58 : P.147
«ตอบ #4403 เมื่อ05-08-2015 18:50:09 »

น้ำตาจะไหลลลล มาต่อแล้วว  :hao5:
ไม่อยากให้จบเลย แค่คิดว่าจะจบก็เศร้าแล้ววว

ออฟไลน์ naoai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-5
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 64 (100%) ] 4/8/58 : P.147
«ตอบ #4404 เมื่อ05-08-2015 20:07:31 »

unhappy ending จะดีมากครับ ถึงให้อภัยแต่ไม่ควรกลับมาอยู่ด้วยกันอีก

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 64 (100%) ] 4/8/58 : P.147
«ตอบ #4405 เมื่อ05-08-2015 21:10:36 »

ชอบเรื่องนี้มากติดตามมานานข้ามปี โดยเฉพาะนายเอก ชอบต้าร์ที่มีความนึกคิดแบบนี้ ดูไม่เว่อร์เกิน ขอบคุณที่มาต่อนะคะคนเขียน :)))

ออฟไลน์ กุหลาบเดียวดาย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 812
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 64 (100%) ] 4/8/58 : P.147
«ตอบ #4406 เมื่อ05-08-2015 23:07:52 »

แล้วน้องตาร์ก็จะใจอ่อนอีก

ออฟไลน์ talnbacon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 64 (100%) ] 4/8/58 : P.147
«ตอบ #4407 เมื่อ05-08-2015 23:49:09 »

 :mew5: มันจะกลับมาหน่วงอีกแล้วใช่ม้ายยยยยยยยยยยยยยยย
 :ling1: อยากให้มันแฮปปี้ๆนะ แต่อีกใจก็อยากให้ทั้งควินทั้งแซทรับกรรมที่ตัวเองก่อ ฮือออออออออออ ใกล้บ้าแล้ววววววววเริ่มสับสนตัวเองว่าจะเอายังไง อ้ากกกกกกกกกก :katai4:

ออฟไลน์ Newtun_td

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 64 (100%) ] 4/8/58 : P.147
«ตอบ #4408 เมื่อ06-08-2015 00:32:40 »

ในที่สุดก็มาต่อแล้ว เย๊ๆขอบคุณคนแต่งครับ ชอบเรื่องนี้มากเลย ติดตามข้ามปี เป็นนิยายที่ดูเหมือนจริงไม่หวือหวา หวังว่าคนเขียนจะมาต่ออีกนะครับ ^^
 :katai2-1:

ออฟไลน์ PAiPEiPEi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-3
Re: HEARTBREAKER P.I [ UP! : 64 (100%) ] 4/8/58 : P.147
«ตอบ #4409 เมื่อ06-08-2015 12:16:11 »

ตกใจเลยที่เห็นว่าอัพ   ครั้งหน้าอย่าทิ้งช่วงนานนักนะคะ ฮรื่อออจะร้องไห้อยากอ่านมาก ยังไงก็จะรอตอดตามจนจบค่ะ    นี่ขนาดแค่ห่างกันนิดเดียวสภาพ 2 คนนั้น อย่างกับศพถ้าต้าร์เคลียเเล้วไป นึกภาพแซทกับควินไม่ออกเลยว่าจะเป็นไง  เหอะๆๆ   

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด