HEARTBREAKER
32
(50%)
ปรี๊ด! ปรี๊ด!
เสียงบีบแตรรถทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งหันไปมอง เจ้าของรถเลื่อนกระจกลงโผล่หน้าออกมา
“ต้าร์ เฟียซ ขึ้นรถ กลับบ้านกัน”
เนสเรียก ไม่สนใจจะมองเพื่อนทั้งสองคนที่ยังยืนอยู่ข้างๆน้องชาย
“ผมกลับก่อนนะครับพี่ควิน พี่แซท พวกพี่ก็กลับบ้านดีดีนะครับ”
ต้าร์บอกลา ยิ้มบางๆให้ก่อนเดินไปเปิดประตูรถเข้าไปนั่งเบาะหน้าเคียงข้างพี่ชาย เฟียซก้าวตามขึ้นหนังเบาะหลัง รถเคลื่อนตัวออกไป สองหนุ่มมองตามจนรถขับหายไปไกลสายตา
“ให้กูจัดการไอ้เหี้ยที่ขับปอร์เช่ป้ายแดงให้มั้ย เดี๋ยวกูโทรสั่งลูกน้องให้”
แซทอาสาช่วยเพื่อนทำท่าจะล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง
“ไม่ต้อง กูจัดการเอง”
ควินยกมือห้าม นัยน์ตาคมแข็งกร้าวเมื่อนึกถึงใบหน้าเจ้าของรถหรูที่ตั้งใจจะยั่วอารมณ์ให้เขาโกรธ และมันก็ได้ผล เพราะตอนนี้เขาโกรธจนอยากจะฆ่ามันให้ตาย!
“มันเป็นใคร มึงรู้เหรอ ตอนรถมันพุ่งมากูไม่ทันได้มองหน้ามันชัดๆ”
แซทถามพลางหวนคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“มึงก็รู้จักมัน”
“ใครวะ”
“ไอ้ฮาร์ฟ”
แซทเบิกตากว้างกับคำตอบเพื่อน ตามมาด้วยเสียงสบถดังลั่น
“ไอ้สัด!”
ควินหายใจแรงหอบเอาโทสะและพายุอารมณ์ขุ่นเคืองเดินข้ามถนนมุ่งตรงไปที่ตึกคณะสถาปัตฯ แซทเดินตามหลังเพื่อนมา ทั้งโกรธทั้งหงุดหงิดไม่แพ้กัน
“ให้กูไปอัดมันเป็นเพื่อนมั้ย”
แซทหันไปถามเมื่อเดินมาถึงลานจอดรถหลังตึก
“ไม่ต้อง กูจัดการเอง”
ควินบอกปัด เปิดประตูรถเข้าไปนั่ง พอปิดประตูเสร็จก็ทุบมือลงกับพวงมาลัยรถอย่างสะกดกลั้นโทสะไว้ไม่ไหว
“มึงได้กระอักเลือดคาตีนกูแน่! ไอ้สัดฮาร์ฟ!”
แซทมองตามรถเฟอร์รารี่ของเพื่อนที่ขับออกไปด้วยความเร็ว แสยะยิ้มอย่างสะใจไว้ล่วงหน้าให้กับสภาพของคนที่กล้าแหย่เพื่อนซี้ให้โกรธได้ขนาดนี้ พนันได้เลยว่าไอ้ฮาร์ฟเจ็บหนัก!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
รถสปอร์ตหรูสัญชาติอิตาลีพุ่งทะยานเข้าสู่คฤหาสน์ตระกูลพัฒนวัฒน์ เสียงเบรกดังเอี๊ยดพารถจอดนิ่งอยู่หน้าเทอร์เรส ร่างสูงเปิดประตูก้าวลงจากรถด้วยใบหน้านิ่งขรึมทว่านัยน์ตาสีเฮเซลกลับแข็งกร้าววาวโรจด้วยเพลิงโทสะ มือหนาผลักประตูรถปิดแล้วเดินขึ้นบันได ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความโกรธเข้าครอบงำ บอดี้การ์ดชุดดำหยุดโค้งศีรษะเคารพบุตรชายเจ้านาย ร่างสูงไม่แม้แต่จะปรายตามอง เขาเดินดุ่มๆตรงไปยังห้องรับแขก พอไม่เจอเป้าหมายก็เดินต่อไปที่ห้องนั่งเล่น แล้วก็ได้เจอคนที่ต้องการพบตัวอยู่ที่นั่น กรามได้รูปขึ้นรอยนูนเป็นสันเมื่อเจ้าตัวขบแน่นจนเกิดเสียง นัยน์ตาคมจ้องเขม็งไปที่ชายหนุ่มซึ่งกำลังนั่งหันหลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ เขาแสยะยิ้มร้ายก่อนเดินเข้าไปหา อีกฝ่ายรู้สึกตัวรับรู้ได้ว่ามีคนเดินเข้ามา พอหันหน้าไปมองก็เจอหมัดหนักพุ่งเข้ามาชกที่มุมปากจนตัวไถลตกจากโซฟา ความเร็วของผู้มาเยือนทำเอาคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวมึนงงไปชั่วขณะ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในปาก
“ไอ้สัด!”
เสียงเข้มตวาดกร้าวพลางยกเท้าขึ้นกระทืบลงไปที่ลำคออีกฝ่าย กดเหยียบเต็มแรงจนคนนอนกองที่พื้นดิ้นพล่านราวกับปลาขาดน้ำ มือสองข้างพยายามจับตะครุบเท้า ออกแรงดันให้หลุดพ้นจากช่องทางอากาศหายใจของตนแต่ก็ยากลำบากเพราะอีกฝ่ายเพิ่มแรงสวนกลับมา
“มึงอยากไปลงนรกมากใช่มั้ย ได้…กูจะส่งมึงไปเอง!”
คนพูดชักเท้ากลับโน้มตัวดึงร่างที่หอบเอาอากาศหายใจหนักหน่วงขึ้นมาแล้วส่งหมัดหนักๆใส่ใบหน้าอีกฝ่ายรัวเร็วจนคนรองรับแรงกระแทกซวนเซจะล้ม
“คิดจะฆ่าคนอย่างกู มึงต้องกลับไปเกิดใหม่!”
ตะโกนใส่หน้าพลางกระหน่ำชกเข้าใส่ไม่ยั้ง เลือดสีแดงฉานไหลออกจากมุมปาก รอยแดงช้ำบนใบหน้าปรากฏให้เห็นทันตา นัยน์ตาคมจ้องมองมันอย่างเฉยชา มือที่จับคอเสื้ออีกฝ่ายผละออกมากระชากผม ใบหน้าบวมช้ำแหงนเงยขึ้น
“จำใส่สมองโง่ๆของมึงไว้! ลูกเมียน้อยอย่างมึง! อย่าสะเออะมาเทียบชั้นกับกู!”
น้ำเสียงแข็งกร้าวบอกชิดใบหน้าก่อนจะถ่มน้ำลายใส่อย่างดูถูกเหยียดหยามอีกคนที่ไม่มีเรี่ยวแรงต่อสู้ เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังก้องเมื่อฝ่ายกระทำออกแรงกระชากเส้นผมจนแทบจะหลุดติดมือออกไปเป็นกระจุก
“กูจะส่งมึงลงนรกไปอยู่กับแม่สารเลวของมึง!”
บอกพลางเงื้อหมัดขึ้นสูง แต่ช่วงวินาทีที่ความเจ็บปวดจะกระแทกลงมา คนถูกกระทำก็ยกเท้าข้างนึงขึ้นยันเข่าอีกฝ่ายเต็มแรง มือที่จับกระชากเส้นผมหลุดออกพร้อมกับตัวที่ถอยห่างออกไปตามแรงยัน
“มึง!”
ตะคอกด้วยอารมณ์โกรธจัด เลือดขึ้นหน้าต่อให้เอาช้างมาฉุดก็หยุดไม่อยู่ ชายหนุ่มพุ่งเข้าหายกเท้าถีบเข้ายอดอกจนอีกคนล้มโครมแต่ยังไหวตัวหลบฝ่าเท้าที่ตามมาหวังจะกระทืบซ้ำ
“ไอ้เหี้ยควิน พ่อไม่เอามึงไว้แน่”
คนถูกกระทำเค้นเสียงบอก หอบหายใจแรง มือยกขึ้นปาดเลือดที่มุมปาก
“พ่อเหรอ”
ควินทำเสียงเยาะ เหยียดยิ้ม
“คนสารเลวแบบนั้นไม่ใช่พ่อกู!”
ตวาดก้อง ปราดเข้าประชิดตัวคนเจ็บ ส่งแรงกระแทกหนักๆเตะอัดเข้าที่ชายโครงจนอีกฝ่ายร้องครางด้วยความเจ็บปวด
เสียงวิ่งตึงตังดังขึ้นพร้อมกับกลุ่มชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ปรากฏกาย ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาบอดี้การ์ดอึ้งตะลึงงันไปตามๆกัน
“ควิน! ทำบ้าอะไร! หยุดเดี๋ยวนี้!”
เสียงเข้มดุของประมุขบ้านดังขึ้น กลุ่มบอดี้การ์ดแหวกทางให้เจ้านายเดินมาหยุดอยู่ข้างหน้า
“ฮึ!”
ควินฮึมฮัมหันไปแสยะยิ้มให้คนสั่ง แต่เพียงครู่เดียวก็หันกลับมาเตะอัดคนเจ็บซ้ำเติม
“ไอ้ควิน! ฉันสั่งให้แกหยุด!”
คำสั่งตามมาอีก แต่คนทำก็ไม่คิดจะสนใจ ออกแรงเตะชายโครงคนเจ็บอยู่อย่างนั้น
“ไปลากมันออกมา ไปลากมันมา!”
ประมุขบ้านแผดเสียงใส่ลูกน้องด้วยความโกรธจนตัวสั่นที่สั่งลูกชายไม่เป็นผล
บอดี้การ์ดรีบกรูกันเข้าไปจับตัวควิน ดึงรั้งร่างสูงให้ถอยห่างจากคนเจ็บที่นอนหายใจรวยรินอยู่ที่พื้น
“ปล่อยกู กูบอกให้ปล่อยกู!”
ควินตวาดลั่นสะบัดแขนออกจนหลุดจากการจับกุม บอดี้การ์ดสองคนรีบตามตะครุบร่างสูงไว้ จับยึดไหล่จากด้านหลัง
“พอเถอะครับคุณควิน”
บอกปรามลูกเจ้านายหวังให้ใจเย็น
“หุบปาก! อย่าเสือกเรื่องของกู!”
เพี๊ยะ!
เสียงฝ่ามือหนาฟาดเข้าใส่ใบหน้าซีกซ้ายของควิน หยุดทุกการเคลื่อนไหว คนถูกตบกระดกปลายลิ้นดันกระพุ้งแก้ม รับรู้ได้ถึงรสเลือดในปาก อาการชาหนึบอาบไล้ทั่วบริเวณที่ถูกตบ
ไม่ได้รู้สึกเจ็บกาย แต่ที่ใจมันเจ็บจนชาชิน!
“แกนั่นแหละหุบปาก! หยุดบ้าได้แล้ว!”
ควินแสยะยิ้ม มองหน้าคนออกคำสั่งด้วยสายตาเย้ยหยัน ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือพ่อบังเกิดเกล้า พ่อที่เพิ่งลงมือตบลูกชายของเมียคนแรกเพื่อต้องการปกป้องไอ้ลูกเมียน้อย!
“แกทำแบบนี้ทำไม ทำร้ายน้องทำไม”
“คุณพิทักษ์ คุณคงลืมไปแล้วว่าผมไม่มีน้องชาย”
น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยบอก ไม่สะทกสะท้านกับแววตาวูบไหวของคนเป็นพ่อ
“ควิน พ่อ…”
คุณพิทักษ์เรียกลูกชายเสียงอ่อน สรรพนามที่ลูกชายใช้เรียกแสดงออกถึงความห่างเหินจนเขาใจหาย เขามองสบนัยน์ตาสีเฮเซลซึ่งได้รับถ่ายทอดจากตัวเขา ไล่มองลงมาที่ใบหน้า รอยฝ่ามือบนซีกแก้มซ้ายปรากฏให้เห็นเด่นชัด เลือดสดๆยังติดอยู่ที่มุมปาก บอกให้รู้ถึงการกระทำรุนแรงที่เขาเพิ่งพลั้งมือทำร้ายลูกชาย
“พ่อเหรอ ฮึ!” ควินเหยียดยิ้ม “ผมเคยมีพ่อ พ่อที่มีแม่แค่คนเดียว”
“ควิน”
คุณพิทักษ์คราง มองลูกชายอย่างขอลุโทษ
“คุณเคยเป็นพ่อผม แต่ตอนนี้ไม่ใช่!”
ตะคอกใส่หน้า นัยน์ตาคมสั่นไหว ภาพที่มารดานอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียงผุดขึ้นในความทรงจำ เสียงที่พร่ำบอกว่าเสียใจกับการกระทำของผู้ชายที่ตนรักดังชัดราวกับเหตุการณ์ในวันนั้นเพิ่งเกิดขึ้น
คนเป็นพ่อกล้ำกลืนความเจ็บปวดที่ลูกชายหยิบยื่นให้ ยื่นมือไปหาหวังจะลูบแก้มปลอบประโลม แต่ลูกชายหันหน้าหนีสั่งความกับบอดี้การ์ด
“ปล่อยกู”
คุณพิทักษ์พยักหน้าให้ลูกน้องปล่อยตัวลูกชายเป็นอิสระ
ควินหันไปมองจุดเกิดเหตุ เห็นคนเจ็บกำลังนั่งให้แม่บ้านจัดการทำแผลบนใบหน้า เผลอลืมตัวยกมือขึ้นลูบแก้มข้างที่ฝ่ามือหนาฟาดลงมาอย่างแรงจนได้เลือด
“พ่อขอโทษ”
ควินถอยหนีคนที่ก้าวเข้าหา แสยะยิ้มให้
“เก็บคำขอโทษไปบอกผู้หญิงที่ตรอมใจตายเพราะคุณเถอะ!”
“ควิน ฟังพ่อพูดก่อน”
พยายามเกลี่ยกล่อมลูกชายให้หยุดฟังตนอธิบาย
“บอกแล้วไงว่าคุณไม่ใช่พ่อผม! เลิกเรียกตัวเองว่าพ่อสักที!”
ควินว้ากลั่น ชี้มือไปที่คนเจ็บให้คนตรงหน้ามองตาม
“ไปโอ๋ไอ้ลูกเมียน้อยของคุณเถอะ ดูแลมันให้ดี รักมันให้เหมือนกับที่คุณรักแม่สารเลวของมัน!”
คุณพิทักษ์ส่ายหน้า เข้าใจความรู้สึกในใจของลูกชาย ความเจ็บปวดที่ควินแบกรับไว้ เข้ารับรู้และเข้าใจมันดี ทุกอย่างเป็นความผิดของเขาเอง เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะเขาทำผิดเอง ความผิดครั้งใหญ่ที่ไม่สามารถไถ่โทษได้ ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้
“กล้าทิ้งผู้หญิงที่รักคุณไป กล้าทิ้งให้เธอนอนตายอยู่คนเดียว ในโลกนี้ยังมีผู้ชายสารเลวอย่างคุณอยู่ได้ยังไง!”
เสียงตะโกนดังก้องสะท้อนให้คนฟังเซถอยหลัง ควินยิ้มเศร้า มองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกเจ็บปวดที่กัดกินหัวใจมาเนิ่นนาน
“สิ่งเดียวที่ผมไม่เข้าใจ…แม่ผมทำผิดอะไร คุณถึงได้ทิ้งเธอไปหาผู้หญิงอื่น”
น้ำเสียงอ่อนแรงถามอย่างไม่เหลือคราบของคนที่ยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีและไม่ได้หวังจะอยู่ฟังคำตอบ สองขาก้าวเดินผ่านหน้าคนเป็นพ่อไปราวกับร่างไร้วิญญาณ
คุณพิทักษ์มองตามลูกชาย จ้องแผ่นหลังกว้างที่เขาไม่เคยได้โอบกอดในฐานะพ่อมาเนิ่นนาน น้ำตาหยดนึงรินไหลลงมาเงียบๆ
‘พ่อขอโทษควิน พ่อขอโทษลูก’
---------------------------------------------------------------------------------
พี่ควินดราม่า

ปมในใจพี่แก

สงสารพี่แกหน่อย

ฮาร์ฟตอนก่อนยังโผล่มาแบบดูดีมีระดับ แต่ตอนนี้โดนยำเละเลย

ปัญหาครอบครัวที่เกิดได้ในทุกสังคม บางครอบครัวสมบูรณ์แบบ
บางครอบครัวขาดความอบอุ่น ขาดความรัก ความเอาใจใส่

หวังว่าฉากนี้จะให้ข้อคิดต่อคนอ่านไม่มากก็น้อยนะคะ

ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์และการติดตามนะคะ เจอกันครึ่งหลังค่ะ
