ซีรีย์หวานอมขม : ภาค Sex on the Beach กับ Whisky on the Rocksช็อตพิเศษ [Warning NC 18]“ถ้าบอกว่าเพลงนี้แต่งให้เธอ เธอจะเชื่อไหม
มันอาจไม่เพราะ ไม่ซึ้งไม่สวยงามเหมือนเพลงทั่วไป
อยากให้รู้ ว่าเพลงรัก ถ้าไม่รัก ก็เขียนไม่ได้
แต่กับเธอคนดีรู้ไหม ฉันเขียนอย่างง่ายดาย
เธอคงเคยได้ยินเพลงรักมานับร้อยพัน
มันอาจจะโดนใจ แต่ก็มีความหมายเหมือนๆกัน
แต่ถ้าเธอฟังเพลงนี้ เพลงที่เขียนเพื่อเธอเท่านั้น
เพื่อเธอเข้าใจความหมายแล้วใจจะได้มีกันและกัน
ให้มันเป็นเพลง บนทางเดินเคียง ที่จะมีเพียงเสียงเธอกับฉัน
อยู่ด้วยกันตราบนานๆ ดั่งในใจความบอกในกวี
ว่าตราบใดที่มีรักย่อมมีหวัง
คือทุกครั้งที่รักของเธอส่องใจ ฉันมีปลายทาง
มีความจริงอยู่ในความรักตั้งมากมาย
และที่ผ่านมาฉันใช้เวลาเพื่อหาความหมาย
แต่ไม่นานก็เพิ่งรู้ เมื่อทุกครั้งที่มีเธอใกล้
ว่าถ้าชีวิตคือทำนอง เธอก็เป็นดังคำร้องที่เพราะและซึ้งจับใจ
ให้มันเป็นเพลง บนทางเดินเคียง ที่จะมีเพียงเสียงเธอกับฉัน
อยู่ด้วยกันตราบนานๆ ดั่งในใจความบอกในกวี
ว่าตราบใดที่มีรักย่อมมีหวัง
คือทุกครั้งที่รักของเธอส่องใจ ฉันมีปลายทาง
มีทางเดินให้เราเดินเคียง และมีเสียงของเธอกับฉัน
มีทางเดินให้เราเดินร่วมเคียง และมีเสียงของเธอกับฉัน...”
http://www.youtube.com/v/87gCDM1X4xI? โน้ตตัวสุดท้ายหยุดลงพร้อมเสียงปรบมือ
เป็นอันสิ้นสุดการแสดงของวง ‘ต้มยำรวมมิตร’ ในค่ำคืนนี้
นักร้องนำประจำวงหันไปช่วยเคลียร์ของให้เพื่อนเรียบร้อย
ก่อนจะเดินลงจากเวทีแล้วจึงเอ่ยคำขอตัว
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นกูกลับก่อนนะ”
“เออ ไปเหอะมึง เห็นจ้องกันมาตั้งแต่ร้องบนเวทีแล้ว
ถ้าเป็นปลากัดสงสัยแม่งท้องลูกเป็นโขยงแล้วมั้ง
อิจฉาโว้ยยยย!! อิจฉา... อย่าให้ถึงทีกูบ้างนะ”
ไอ้เผือกมือกีตาร์ร้องแซวโวยวายตามหลัง
บินแค่ยักคิ้วกวน ๆ ตอบกลับ
แรก ๆ ก็มีด่าไปบ้าง แต่หลัง ๆ ชักชินแล้ว
เล่นได้ยินมาตลอดเกือบปีจะไม่ให้ชินได้ไง
มันอยากแซวก็ให้มันแซวไป
เขาไม่สนใจสักอย่าง เพราะส่วนหนึ่งคือเรื่องจริง
บินหลาเดินตรงไปยังประตู
ที่ที่ใครบางคนยืนรออยู่ได้สักพักแล้ว
คนตัวโต ร่างสูงใหญ่ หน้ามึนยังไงก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
ไม่รู้อะไรที่ทำให้เขาคบกันมันได้ยืดยาวมาตลอดหนึ่งปี
แม้ความสัมพันธ์ระหว่างเขาสองคนจะไม่ได้ราบรื่น
มีทะเลาะกัน หึง หวง ไม่เข้าใจ บ้าบอ สุข เศร้า
หลากหลายอารมณ์ทุกรูปแบบที่เขาเผชิญมา
ในอย่างที่ไม่เคยคิดจะเป็นได้
แต่ทั้งหมดก็เกิดขึ้นเมื่อมาอยู่กับคนคนนี้
คนที่สอนให้เขาเรียนรู้จักในแง่มุมใหม่ ๆ ของ
...ความรัก
บินหลาไขกุญแจเปิดประตูห้อง
ก่อนปล่อยให้ใครอีกคนเดินตามเข้ามาอย่างคุ้นเคย
ตลอดหนึ่งปีมันก็เทียวไปเทียวมาระหว่างกรุงเทพกับที่นี่
เคยมีหลายครั้งที่ไอ้หน้ามึนชวนเขาไปอยู่ด้วยกัน
แต่เขาโวยวายว่าตัวเองมีวงดนตรีอยู่แล้ว
แถมยังเป็นครูสอนดนตรีด้วย
จะให้ทิ้งความรับผิดชอบแบบนี้ไปได้ยังไง
ลงท้ายมันก็เลยต้องหาโอกาสทุกสัปดาห์ขับรถมาหาแล้วค้างกับเขาแทน
ก่อนจะขับกลับไปทำงานที่กรุงเทพตามเดิม
ไอ้ความทุ่มเทพยายามขนาดนี้เขาก็ซึ้งในน้ำใจอยู่หรอก
แต่พูดตามตรงว่าชวนปวดหัวอยู่ไม่น้อย
เพราะมาทีไรมันต้องหาเรื่องให้เขามึนได้ทุกที
ครั้งนี้ก็เช่นกัน...
คิดยังไม่ทันขาดคำเสียงทักก็ดังขึ้น
“อ้าว ทำไมยังไม่เก็บของอีกล่ะ จะบินไปพรุ่งนี้อยู่แล้วนะ”
ร่างสูงเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นกระเป๋าเสื้อผ้า
ที่ยังคงแบนแฟ่บอย่างคนที่ไม่ได้จัดเตรียมข้าวของ
บินหลาได้แต่มองตามอย่างนึกเซ็งก่อนจะเถียงกลับโต้งๆ
“ไฟล์บินไปญี่ปุ่นมันออกตอนสองทุ่ม
แล้วจะรีบไปไหน พรุ่งนี้ยังมีเวลาอีกทั้งวัน”
“ถ้าไม่เตรียมของไว้แต่เนิ่น ๆ
พอถึงเวลาเดี๋ยวบินก็ลืมนู้นลืมนี่อีก
เหมือนคราวที่แล้วลืมพาสปอร์ตไว้ต้องรีบกลับไปเอา
ดีนะที่ยังทัน ไม่งั้นได้ตกเครื่องอดไปสิงค์โปร์แล้ว”
“เออ ๆ รู้แล้ว ๆ เดี๋ยวเตรียมเอง
อย่าบ่นมากได้มั้ยวะ ไปอาบน้ำเลยไป”
คนขี้เกียจจะฟังรีบโยนผ้าเช็ดตัวไปให้
ก่อนไล่คนชอบบ่นให้เข้าห้องน้ำเป็นอันตัดบทสนทนา
...เห็นมั้ย ทะเลาะกันทั้งปี ทะเลาะกันไม่เคยมีเบื่อ
ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยไปจนถึงเรื่องใหญ่ ๆ
เหมือนการไปเที่ยวด้วยกันในครั้งนี้
เขายังคงทำตามความฝันที่จะได้ไปเที่ยวรอบโลกอยู่
โดยมีใครอีกคนติดสอยห้อยตามมาด้วย
ตอนแรกมันบอกว่าจะออกค่าใช้จ่ายพาไปเที่ยวให้เลยดุมันไปที
บอกแล้วไม่เคยจำว่าเขาอยากใช้เงินที่หามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง
ครั้งนี้เขาได้เงินมาก้อนหนึ่งจากค่าลิขสิทธิ์ที่ทำเดโมเทปส่งไป
ปรากฏว่าเพลงรักที่เขาเขียนได้รับความนิยมฮิตติดชาร์ต
ตัวเองไม่ได้เดบิวต์ร้องหรอก
โน้น...ให้นักร้องมืออาชีพร้องไป
แต่แค่นี้สำหรับเขาที่เขียนเพลงรักไม่เคยได้ก็รู้สึกภูมิใจมากพอแล้ว
เหมือนเป็นการทำความฝันให้สำเร็จไปอีกขั้น
และพูดตามตรงว่าที่ทำได้ถึงขนาดนี้
ส่วนหนึ่งก็คงเพราะเขาได้สัมผัส ‘ความรัก’ จากใครอีกคนที่มีให้มาตลอด
แกร๊ก
คิดเพลิน ๆ คนในห้วงความคิดก็เดินออกมาจากห้องน้ำ
ในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างเอาไว้ผืนเดียว
โชว์ให้เห็นแผงอกกำยำอย่างคนสุขภาพดี
เขาไล่สายตามองตามบางสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาบนอกด้านซ้าย
....รอยสักรูปหัวใจมีปีกถูกลูกศรปักไว้ตรงกลาง
เล่นลวดลายกึ่งกราฟิกทั้งดูสวยแปลกตาแต่ลงตัวในคราวเดียวกัน
...รอยสักที่เขาออกแบบเอง
และมันได้ถูกสลักไว้เช่นเดียวกัน
บนอกด้านซ้ายตรงตำแหน่งหัวใจของเขา
...รอยสักที่เขาทำให้เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดของคนคนนี้
ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ
แค่อยากทำให้ใครบางคนที่มักจะชอบคิดมาก คิดเองเออเอง
ได้เข้าใจสักทีว่าจริง ๆ แล้วเขารู้สึกยังไง
ตอนมันเห็นครั้งแรกมันดันร้องไห้เฉยเลย
หลังจากนั้นมันก็บอกให้เขาพาไปสักเป็นลายเดียวกัน
...รอยสักคู่ที่จะอยู่ติดตัวด้วยกันไปตลอดชีวิต
“เหม่ออะไรอยู่เหรอ ไม่ไปอาบน้ำล่ะบิน”
คนถูกทักสะดุ้งหลุดจากภวังค์
รู้สึกร้อนวูบขึ้นมาตามหน้าแปลก ๆ
เมื่อดันรู้ตัวว่าเผลอจ้องมองคนตรงข้ามแบบไม่วางตา
เขาจึงรีบเดินลิ่วคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ
ทว่าทันได้ปิดประตูลง
มือใหญ่กลับรั้งบานประตูแล้วเดินตามหลังเข้ามาแทน
“เฮ้ย! เข้ามาทำไมเนี่ย”
บินหลาร้องโวยวาย
แต่อีกฝ่ายกลับตีหน้ามึนตอบกลับมาเสียงเรียบ
“ก็เห็นมอง ๆ อยู่เลยนึกว่าบินอยากให้พี่เข้ามาช่วยอาบ”
โห...คิดมาได้ไอ้หน้ามึน
พูดมาเฉย ๆ แต่ตามึงระยิบเชียว
กูรู้ทันหรอกนะ
“ไม่ต้องช่วย มึงไปไกล ๆ กูเลย”
“พูดไม่เพราะอีกแล้วนะบิน ไหนสัญญากับพี่ว่าจะพูดเพราะ ๆ ไงครับ”
อีกฝ่ายเอ่ยคำค้านไปคนละเรื่องเล่นทำเอาคนฟังนึกกุมขมับ
โอยยย...มันใช่เวลามั้ยเนี่ย!!
ถามอย่างตอบอย่าง
เมื่อไรจะเลิกหายบ้าซะทีวะ
มันอยากให้พูดเพราะ ๆ นักใช่มั้ย
เออได้ ๆ เดี๋ยวกูจัดให้...
“คุณพี่ศรครับ ช่วยกรุณาย่างก้าวออกไปจากห้องน้ำด้วยครับ
กระผมนายบินหลาจะได้อาบน้ำสักทีนะครับ”
คนตัวโตนึกขำอยู่ในใจให้กับคำที่ฟังยังไงก็รู้ว่าประชด
แต่แทนที่จะทำตามคำขอ ไกรศรกลับส่ายหน้าปฏิเสธ
แถมซ้ำเอ่ยตอบให้อีกคนนึกอึ้ง
“ไม่ออกหรอก ก็ใจพี่อยู่ตรงนี้
เดี๋ยวออกไปแล้วพี่เกิดขาดใจตายขึ้นมาจะทำยังไง”
อ้วกกกกก!!!
นอกจากมันจะเป็นไอ้หน้ามึน แล้วมันยังเป็นไอ้เสี่ยวด้วย
พูดออกมาได้ไงน้ำเน่าฉิบ กูไม่คุยกับมึงแล้ว
ยิ่งคุยแม่งยิ่งใจเต้นแปลก ๆ
เดี๋ยวจะพาลไม่ได้อาบน้ำกันพอดี
ไม่อยากออกก็ช่าง
กูถอดเลยแล้วกัน ไม่องไม่อายหรอก
เห็นกันไปถึงไหนแล้ว
บินหลาจึงจัดการดึงกางเกงสลัดเสื้อผ้าทิ้ง
หันไปเปิดฝักบัว ปล่อยให้น้ำเย็น ๆ ชำระล้างกาย
ก่อนจะหันไปเอ่ยสั่งอีกฝ่ายที่ยืนอยู่เฉย ๆ
“หยิบแชมพูให้หน่อยดิ”
ไกรศรทำตามอย่างว่าง่าย
ไม่ใช่แค่ยื่นขวดแชมพู
แต่บีบน้ำยาลงฝ่ามือแล้วออกแรงสระผมให้บินด้วย
ทั้งสระทั้งนวดครบเครื่อง กระทั่งลามเลยมาจนถูสบู่ไปให้ในตัว
ฝ่ามือแกร่งลูบแผ่นหลังกว้างเนียนอย่างเบามือ
ลูบไปลูบมาจนไอ้คนยืนนิ่งชักจะรู้สึกแปลก ๆ
ก็ผู้ชายเหมือน ๆ กันมาลูบ ๆ แบบนี้ของมันก็ขึ้นได้ง่าย ๆ นะเว้ย
ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมันจะเกินเลย
ความรักของเราผูกพันไม่เพียงแค่เฉพาะแค่ใจแต่เป็นร่างกายด้วย
แรก ๆ ก็ยังเกร็ง ๆ กลัว ๆ ทั้งคู่ เพราะไม่เคยกับผู้ชาย
เถียงกันแทบตายว่าใครจะรุกใครจะรับ
เลยตัดสินกันด้วยการเป่ายิงฉุบ
ผลเหรอ...?
อย่าถามเลยว่าใครแพ้
เพราะหลังจากนั้นเขาต้องหนีหน้ามันไปพักใหญ่เลย
เห็นมึน ๆ แบบนี้ใครจะไปรู้ว่ามันแอบหื่นวะ
เผลอนิดหน่อยเป็นไม่ได้
ถึงอย่างนั้นหลายครั้งเขาก็ได้แต่ปล่อยให้มันทำตามใจ
เพราะโอกาสที่อยู่ด้วยกันไม่ได้มีมาบ่อย ๆ
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ ใคร ๆ ก็รู้กันอยู่
บินหลาจึงได้แต่ยืนนิ่ง ๆ ปล่อยให้มือแกร่งไล่ไปตามตัว
ตั้งแต่นิ้วมือ... แขน... หัวไหล่...
ไปจนกระทั่งหยุดลงตรงรอยสักรูปหัวใจบนอกข้างซ้าย
ค้างนิ่งไว้เช่นนั้น
ดวงตาคมสบมองประสานเข้ากับนัยน์ตาอ่อนโยนที่ทอดมอง
ก่อนจะตามมาด้วยคำถามเสียงแผ่วหลุดรอดจากริมฝีปาก
“บินเหนื่อยมั้ย”
“ห่ะ เหนื่อยอะไร”
คนฟังขมวดคิ้วสงสัยกับคำถามที่อยู่ ๆ ก็ดังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
ไกรศรยังคงสบตามองนิ่ง
ก่อนจะค่อย ๆ ต่อคำจากความสงสัยส่วนลึกภายในใจ
“อยู่กับพี่เหนื่อยรึเปล่า
ที่พี่ชอบบังคับบิน
ที่พี่ชอบเอาแต่ใจ
ชอบบ่นใส่บินอยู่เรื่อย
ทำให้บินต้องหงุดหงิดรำคาญ
พี่เป็นแบบนี้
...บินเหนื่อยรึเปล่า?”
ถ้อยคำมากมายที่ได้ยินเต็มไปด้วยความกังวล
หากแต่คู่สนทนากลับถอนหายใจ
ตีสีหน้าเบื่อหน่ายพลางตอบกลับสั้น ๆ เสียงห้วน
“เออ เหนื่อย”
ไกรศรชะงักนิ่ง
ใจที่เคยกังวลอยู่แล้วแทบร่วงหล่นไปกองบนพื้น
หากแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร
คนตรงหน้ากลับยกมือขึ้นจับมือใหญ่ซึ่งทาบค้างไว้ตรงอก
ก่อนจะพูดต่อประโยคตามมาที่เหลือ
...ประโยคที่ทำให้คนคิดมากนิ่งฟังอยู่อย่างนั้น
“บินเหนื่อยที่ต้องมาตอบคำถามซ้ำ ๆ ซาก ๆ อย่างนี่ไง
บอกต้องหลายครั้งแล้วไม่ใช่เหรอว่าพี่ศรจะเป็นยังไงก็เรื่องของพี่เหอะ
ถึงจะเอาแต่ใจก็ไม่เป็นไรหรอก...
ไม่ต้องทำอะไรให้บิน....
ไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองให้บินมากเกินไปก็ได้
....เป็นอย่างที่พี่ศรอยากจะเป็น
บินรับได้.... แล้วบินก็เข้าใจพี่ด้วย
...เป็นแฟนภาษาอะไร
อยู่ด้วยกันมาตั้งปี... เรื่องแค่นี้ยังไม่รู้อีกเหรอ”
สิ้นคำ หัวใจที่เคยลีบแบนของคนฟังกลับพองโตจนแน่น
ไกรศรดึงร่างของอีกคนมากอดไว้อย่างยินดี
ซึ่งบินหลาก็ยกมือกอดตอบไว้
...ไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนไหน
เมื่อก่อนไอ้หน้ามึนมันชอบบังคับก็จริง
แต่พักหลัง ๆ มันมักจะถามเขาตลอด
โดยเฉพาะไอ้เรื่องเกี่ยวกับความรู้สึก
เขาเพิ่งสังเกตว่ามันกลัวที่จะทำให้เขาลำบากใจ
ทั้ง ๆ ที่เขาแสดงออกให้เห็นตั้งมากมายขนาดนั้น
ว่าจริง ๆ แล้วเขาคิดยังไงกับมัน
ความสงสัย ความสับสนไม่แน่ใจในตัวเอง
เขาทิ้งปัญหาพวกนั้นไปตั้งนานแล้ว
เพราะแค่อ้อมกอดนี้...
คือข้อพิสูจน์เพียงสิ่งเดียวที่ไม่ว่าเมื่อไรก็ไม่เปลี่ยนแปลงไป
...เป็นกอดที่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้ง
“งั้นถ้าพี่ทำให้บินเหนื่อยมากกว่านี้อีก บินจะยอมมั้ย”
“เหนื่อยอะไรอีกล่ะ อ่ะ...”
ยังไม่ทันได้พูดอะไรเพิ่มเติม
ริมฝีปากร้อนกลับถูกอีกคนประกบทาบทับ
ตักตวงความหอมหวานอย่างรวดเร็ว
จนบินหลาได้แต่ครางประท้วงในลำคอ
ทีไอ้เรื่องเนี่ยไวจริง
ไม่เห็นต้องรอให้เขาตอบเลย
“อ่ะ....อือออ....”
เขาร้องครางขึ้นมาเบา ๆ
เมื่อมือแกร่งที่กอดไว้ไล่เรื่อยลงมายังจุดอ่อนไหวกลางลำตัว
คนที่โดนตะโบมจูบไม่ยั้งพยายามผละออกห่าง
ก่อนกระซิบคำห้ามเสียงแผ่ว
“มะ....ไม่ต้องใส่เข้ามานะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องนั่งเครื่อง”
ไกรศรชะงักไปเล็กน้อย แล้วจึงพยักหน้าตอบกลับตามคำขอ
ดึงมือของอีกคนเคลื่อนลงด้านล่างตรงตำแหน่งเดียวกัน
“งั้นบินทำให้พี่ด้วยนะ”
คำขอที่ตามมาพร้อมกับที่ร่างสูงเริ่มต้นเหนี่ยวรั้ง
ทำให้บินสัมผัสอีกฝ่ายเพื่อให้รู้สึกดีไปพร้อม ๆ กัน
ทั้งสองปล่อยให้ความรู้สึกไหลไปตามห้วงอารมณ์
บินพยายามกลั้นเสียงไม่ให้หลุดรอดออกมาจากในห้องน้ำที่ดังสะท้อนก้อง
โดยมีเสียงน้ำจากฝักบัวกระทบลงพื้นคอยกลบการกระทำ
ทั้งยังได้รสจูบร้อนแรงช่วยปิดปากของเขาเป็นอย่างดี
เพียงไม่นานเพลงรักที่บรรเลงก็ดำเนินมาจนถึงจุดสูงสุด
ภายใต้อารมณ์ที่หมุนคว้างอย่างมึนเมา
เขาได้ยินเสียงคนที่อยู่ใกล้กระซิบเรียกชื่อข้างใบหู
“บิน....บิน...
พี่รักบินนะ
...บิน”
“อือ...
บินก็รัก...
รัก....”
คำรักที่พูดซ้ำ ๆ
แต่เป็นคำรักที่ออกมาจากส่วนลึกข้างในใจ
ไม่ต้องถามอีกแล้วว่ามันหมายความว่ายังไง
เพราะวินาทีนี้เขาแปลมันออกมาได้เพียงคำเดียวว่า
...รัก คือ รัก...
คลื่นอารมณ์ก่อตัวขึ้นสูงจนยากจะหยุดยั้ง
ฉับพลับนั้นความรู้สึกทั้งหมดจึงถูกระเบิดออกไปพร้อม ๆ กัน
บินหลาแทบหมดแรงยืนพิงร่างของตัวเองไว้กับอีกคน
หอบหายใจระรัว ได้ยินเสียงหัวใจเต้นเสียงดังไม่ยอมหยุด
“เหนื่อยมั้ย?”
โหย...ยังมีหน้ามาถามอีก
เล่นทำซะเร็วเลย คงไม่เหนื่อยมั้ง
ดวงตาคมจ้องมองอีกฝ่ายขวาง ๆ
ก่อนผละร่างหันไปอาบน้ำ ถูสบู่
ให้ความเย็นของน้ำช่วยปรับอุณหภูมิร่างกายที่ร้อนผ่าวให้เป็นปกติอีกครั้ง
แล้วจึงเดินกลับออกมาแต่งตัว
เตรียมล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างรวดเร็ว
“บินจะนอนแล้วเหรอ ไม่เก็บของก่อนล่ะ”
“โอยยย! ไม่เอาแล้ว เหนื่อยด้วย ง่วงด้วย
เพลียจะตายห่า ใครจะมามีแก่ใจเก็บของ
ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อล่ะกัน”
ไกรศรฟังคนโวยวายงึมงำบนเตียง
ก่อนจะถอนใจ เดินไปปิดไฟแล้วล้มตัวนอนข้างกัน
ทว่ายังไม่วายเอ่ยคำทิ้งท้าย
“งั้นที่ทำค้างไว้ในห้องน้ำเมื่อกี๊
เก็บไปทำต่อตอนไปฮันนีมูนพรุ่งนี้นะ”
อะ...
อะไรวะ
ไอ้หน้ามึนพูดบ้าอะไรอีกแล้วเนี่ย
“ไปฮันนีมงฮันนีมูนอะไร แค่ไปเที่ยวเฉย ๆ เว้ย!!”
บินเถียงกลับใส่คนที่คิดเองเออเอง
แต่ก็อย่างที่รู้ใครบางคนยังคงตีหน้ามึนทำเป็นไม่สน
ดึงร่างของแฟนตัวเองเข้ามากอดไว้แน่น
เจ้าของห้องนึกอยากจะถีบคนที่ชอบบังคับตกเตียงอยู่เหมือนกัน
แต่ยั้งเอาไว้เพราะความง่วง
เลยเปลี่ยนใจซุกหน้าลงกับอกกว้างแทน
แล้วค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลง
ท่ามกลางอ้อมกอดอุ่น ๆ นี้อีกครั้ง
ช่างมัน...
ปล่อยมึน ๆ ตามน้ำไปก่อน
พรุ่งนี้ก็เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้
ส่วนเรื่องของวันนี้ แค่ได้นอนกอดกันไว้...
สำหรับ ‘ความรัก’ ของเขาสองคน
...เท่านี้ก็คงไม่ต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกต่อไปแล้ว
------------------------------------------------------------------------------------------------------
END
เสิร์ฟช็อตหวาน ๆ (รึเปล่า?) ภาคพิเศษตามคำเรียกร้อง
เป็นเรื่องราวหลังจากนั้นอีกหนึ่งปีของคนทั้งคู่
ไม่คิดว่าความมึนจะพาให้คบกันได้ยืดยาวขนาดนี้ (ฮา)
ทีแรกตั้งใจว่าจะเสิร์ฟตอนน้องบินเมา (อ่ะ ๆ อยากรู้ล่ะสิ)
แต่คิดไปคิดมาเดี๋ยวจะพาทั้งคนเขียนคนอ่านมึนกันจนกลับบ้านไม่ถูก
เลยจัดตอนผสมเหล้าน้อย ๆ มาให้ก่อน
ไว้ฤกษ์งามยามดีเมื่อไรจะกลับมาเสิร์ฟช็อตพิเศษให้อีกสักช็อตแน่นอนค่ะ 
คราวนี้มาเฉลยกันดีกว่าว่าภาคต่อไปจะเป็นอย่างไร
แต่น แตน แต๊นนนน!!ซีรีย์หวานอมขม : ภาค ยอดสะเดา กับ ข้าวโพดต้ม
ภาคนี้จัดขึ้นเพื่อสนองนี๊ดคนเขียนล้วน ๆ
และไม่ใช่เรื่องของน้องคูณอยู่ดี (อีกแล้ว!! แฟนคลับแอบโวย)
สงสัยได้เขียนภาคของน้องคูณเป็นภาคสุดท้ายแน่เลย
เก็บไว้หลอกล่อคนอ่านไปเรื่อย ๆ ก่อน (ฮ่า ๆ แผนสูง)
ยังไงก็ขอฝากเรื่องใหม่ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามค่า
BitterSweet