ซีรีย์หวานอมขม : ภาค Sex on the Beach กับ Whisky on the Rocksช็อตที่ 18“อย่าโกรธเลยที่ฉันไม่เคยเข้าใจ
เก็บคำถามที่มีและความสงสัยไว้เสมอ
ในเมื่อเธอไม่เคยจะลืมเขา คนที่เคยเป็นคนรักเธอ
ฉันไม่รู้ต้องทำอย่างไร และรู้ไหมว่าลำบากใจเสมอ
มันจะเป็นอย่างนี้อีกนานเท่าไหร่ ต้องได้ยินถ้อยคำบาดใจซ้ำๆ
เรื่องของเขา ได้แต่ยิ้มฟังเธอ แต่รู้ไหม ว่าในใจฉันมันเศร้าๆ
จริงๆ แล้วเธอนั้นยังไม่ลืม หรือว่าเธอนั้นไม่อยากลืมเขา
ต้องทำยังไง บอกหน่อยได้ไหม
ฉันรักเธอได้หรือเปล่า ทำไมในใจเธอมีแต่เขา
เหมือนเธอนั้นไม่เคยลืมเขาเลย
หรือเธอไม่เคยจะลืม
...ลืมเขาได้เลย”
http://www.youtube.com/v/O3lbVbJXnok? นักร้องนำวางไมค์ลงหลังเอ่ยเนื้อเพลงประโยคสุดท้ายที่จะเล่นในค่ำคืนนี้
ก่อนจะก้าวเดินลงมาจากเวทีพร้อมกับสมาชิกวงที่เหลือ
“เฮ้ย ไอ้บิน ท๊อปฟอร์มเลยนะวันนี้
เล่นร้องซะอิน เหมือนอกหักจริง ๆ กูนี่ขนลุกเลย”
เสียงไอ้เผือกเพื่อนรักแซวดังมาตามหลัง
เขาแค่พยักหน้ารับไม่หันกลับไปต่อปากต่อคำเหมือนเดิม
ก็เพราะว่าส่วนหนึ่งมันอาจจะจริง
ดวงตาคมเหลือบมองนาฬิกา
...ตีหนึ่งกว่าแล้ว
นับตั้งแต่เช้าจวบจนตอนนี้
...นี่อาจเป็นครั้งแรกที่เขากับใครบางคนแยกห่างจากกันได้นานที่สุด
“กูกลับก่อนนะ”
บินหลาเอ่ยบอกสั้น ๆ เดินผลักบานประตูร้านเฮียเอกออกไปเพียงลำพัง
ไม่แม้แต่จะฟังคำลาของเพื่อน ๆ ที่มองกันมาอย่างงง ๆ
โดยเฉพาะไอ้เผือกที่ยกมือเกาหัวแกรก
“ไอ้ต้น ไอ้แมน มึงว่าบินมันเป็นอะไรเปล่าวะ
แซวด้วยก็ไม่เล่นด้วย ทุกทีแม่งต้องเอาไมค์โขกหัวกูแล้ว”
“สงสัยทะเลาะกับพี่ศรมั้ง ไม่เห็นพี่เขามาเลยนี่”
เป็นไอ้แมนตัวฉลาดประจำกลุ่มตั้งข้อสันนิษฐานขึ้นมาลอย ๆ
พวกเพื่อน ๆ คิดตามแล้วจึงพยักหน้าหงึกหงัก
...สงสัยจะจริง
เพราะวันนี้ไม่มีแม้เงาของคนรูปหล่อตัวโต
ที่มาคอยตามนักร้องประจำวงเหมือนอย่างเคย
พวกเขาไม่ได้รังเกียจอะไรที่เพื่อนมีแฟนเป็นผู้ชาย
ถึงตอนแรกดูจะงง ๆ สับสนกึ่งไม่เชื่อ
แต่พอได้เห็นท่าทางของคนทั้งคู่
เลยพอเดาออกได้ว่าเป็นเรื่องจริง
พี่ศรเองก็เป็นคนดี มีน้ำใจ
พยายามแสดงให้เห็นชัดเจนว่าทุ่มเทดูแลให้บินได้มากแค่ไหน
คงเหลือแต่บินเนี่ยแหละที่ยังคงไม่แน่ใจ
ไอ้เพื่อนเขาคนนี้มันไม่เคยเริ่มต้นรักใครจริงจังซะด้วย
ไม่รู้จะเข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้มากแค่ไหน
แต่ถึงอย่างนั้น...
พอมาเห็นสภาพในวันนี้ของบิน
พวกเขาเชื่อว่าคงใช้เวลาอีกไม่นานแล้ว
ที่นักร้องนำประจำวงจะรู้ใจตัวเอง
ส่วนจะทำให้ยอมรับได้มากแค่ไหน
ก็คงขึ้นอยู่กับฝีมือของพี่ไกรศร
...รักแรกของไอ้บินแล้วล่ะ
มือกีตาร์เก็บของไปพลางคิดเพลิน ๆ ไปพลาง
เตรียมตัวพาวงเดินออกนอกร้าน
ทว่ายังไม่ได้ผลักประตูใครบางคนกลับเปิดสวนเข้ามาเสียก่อน
ไม่ใช่ใครอื่นหากแต่เป็นร่างสูงใหญ่ที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี
“อ้าว หวัดดีครับพี่ศร โห มาช้าไปป่ะเนี่ย วงผมเล่นเสร็จไปเมื่อกี๊เอง”
“โทษที พอดีพี่พึ่งมาจากกรุงเทพ แล้วบินอยู่ไหนล่ะ”
ไกรศรเอ่ยตอบกลับพลางชะเง้อมองไปยังด้านหลังของกลุ่มน้อง ๆ
“อ๋อ ออกไปแล้วครับ สงสัยสวนกัน
บินมันเพิ่งออกไปเมื่อห้านาทีที่แล้วเองพี่
ดูเงียบ ๆ ซึม ๆ ยังไงไม่รู้”
...เงียบ ๆ ซึม ๆ เหรอ
หรือบินจะโกรธที่เขาออกไปหาเอมมี่แล้วทิ้งบินไว้คนเดียว
ไม่ได้แล้ว...เขาต้องรีบไปตามหา
อยากไปอธิบายให้บินเข้าใจ
“อืม งั้นพี่ไปก่อนนะ กลับกันดี ๆ ล่ะ”
“เดี๋ยว พี่ศรครับ”
เสียงรั้งด้านหลังทำให้คนกำลังหมุนตัวชะงัก
เขาหันมามองหนุ่มหน้าตี๋กับบรรดาเพื่อนสมาชิกในวงอีกสองคน
ก่อนเผือกจะวางมือลงบนไหล่เขา บีบเบา ๆ พร้อมกับพูดคำบอกสั้น ๆ
“ฝากเพื่อนผมด้วยนะพี่”
ไกรศรสบมองแววตาจริงจังของคนทั้งสามคน
ที่คล้ายกับจะฝากฝั่งเพื่อนคนสำคัญเอาไว้
ก่อนพยักหน้าลงรับคำยืนยัน
บินช่างได้เพื่อนดีจริง ๆ
แม้จะรู้จักกันไม่นานแต่เขาจะทำให้เพื่อนของบินผิดหวังไม่ได้
เขาจึงรีบผละออกมาจากร้าน
เร่งสาวเท้าไปตามทางเดิน
มุ่งหน้าสู่หอพักซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกล
อยากรีบไปหาเพื่อบอกว่ากลับมาแล้ว
กลับมาตามสัญญา
กลับมาทำหน้าที่แฟนที่ดี
....และคราวนี้เขาจะรักษาบินเอาไว้ให้ได้นานที่สุด
คนตัวโตรีบร้อนก้าวขึ้นบันไดตรงดิ่งไปยังห้องพักชั้นบน
เขาพยายามเปิดประตู แต่ปรากฏว่ามันล็อคแน่น
ราวกับขวางกั้นไม่ให้เขาได้มีโอกาสอธิบายใด ๆ
“บิน...บินอยู่รึเปล่า...
พี่ศรเองนะ...
...เปิดประตูให้พี่หน่อยบิน
พี่ขอโทษที่ทิ้งบินไป ให้พี่ได้อธิบายก่อน
...อย่าเพิ่งโกรธพี่เลยนะ
ขอร้องล่ะ...บิน เปิดประตูหน่อยได้มั้ย....
บินได้ยินรึเปล่า... บิน...บิน...”
แม้จะทั้งเคาะทั้งตะโกนเรียกคนที่อยู่ภายใน
ทว่ากลับไม่มีแม้เสียงตอบรับใดหลุดรอดออกมาสักนิดเดียว
...บินโกรธขนาดนี้เลยเหรอ
โกรธจนกระทั้งไม่ยอมมองหน้าไม่ยอมคุยด้วย
แล้วที่นี่จะทำยังไงดี...
จะทำยังไงให้บินเข้าใจแล้วให้โอกาสเขาอีกครั้ง
ไกรศรคิดอย่างกระวนกระวายใจ
ก่อนดวงตาจะเหลือบเห็นบางสิ่งที่อยู่ตรงกำแพง
...หรือจะพังประตูเขาไปซะเลยดีมั้ย
ถังดับเพลิงก็มีอยู่ตรงนี้ ถ้าทุ่มใส่ประตูคงเข้าไปได้
ถึงจะทำให้บินโกรธเพิ่มอีก
แต่ตอนนี้เขาพร้อมยอมแลกทุกอย่างแล้ว
“บินขอร้องล่ะ ฟังพี่หน่อย
ถ้าไม่ยอมเปิดประตู
งั้นพี่จะพังประตูเข้าไปแล้วนะ”
ไกรศรขยับยกถังดับเพลิงขึ้นมาไว้ในมือ
ทำท่าจะพังใส่ประตูจริงจังหากอีกฝ่ายไม่ยอมเปิดในวินาทีข้างหน้า
ทว่ายังไม่ทันได้ทำอย่างที่คิด
เสียงเสียงหนึ่งกลับดังขัดขึ้น
“มึงจะทำอะไรน่ะ”
เขารีบหันไปมองตามเสียงทักทันที
เป็นคนนั้น...
คนที่เฝ้ารอหากำลังหยุดยืนอยู่ตรงหน้า
พร้อมกับที่ดวงตาคมมองกลับมาด้วยความงงงวย
พลางเอ่ยปากถามเมื่อเห็นของที่อยู่ในมือ
“มึงถือถังดับเพลิงไว้ทำไม”
“ก็พี่คิดว่าบินอยู่ในห้อง
เรียกเท่าไรก็ไม่ตอบ
เลยว่าจะพังประตูเข้าไป”
“ห่ะ? อะไรนะ? พังประตู
นี่มึงประสาทแดกป่ะเนี่ย
กูไม่อยู่ห้อง เดินไปซื้อข้าวกล่องเซเว่นมา
ก็เห็น ๆ อยู่ว่าแม่กุญแจมันล็อคคาเอาไว้
นี่มึงตาบอดรึไงวะ โอยยย กูอยากจะบ้า!!”
บินหลานึกเซ็งในอารมณ์กับพฤติกรรมของใครบางคน
กลับมามันก็ทำมึนใส่เหมือนเดิมเดี๊ยะ
สมกับเป็นมันจริง ๆ มึนได้เสมอตนเสมอปลาย
คิดไปได้ว่าจะพังประตู
อะไรจะรีบร้อนมาหากูขนาดนั้น
ทำเหมือนหมาตัวโตเฝ้าหน้าห้องรอเจ้าของ
ทีตอนเช้ามึงยังรีบวิ่งไปหาเอมมี่อยู่เลย
กลับมาตอนนี้เขาไม่เป็นไรแล้วหรือไง
ความสงสัยที่วนเวียนอยู่ในใจ
ทำให้คนไขกุญแจเปิดประตูห้อง
อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นอย่างลอย ๆ
“แล้วเขาว่าไงมั้ง”
“หือ อะไรหรอ”
“เอมมี่ไง”
“ไม่เป็นไรแล้ว เขากลับไปคืนดีกับคนที่รักแล้ว”
“เหรอ”
บินหลาพยักหน้ารับ
ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นมาอย่างสับสน
เป็นความรู้สึกทั้งโล่งใจแปลก ๆ
แต่กลับเต็มไปด้วยความก่ำกึ่งไม่แน่ใจ
...เอมมี่คืนดีกับคนที่รัก
ถ้างั้นไอ้หน้ามึนก็คงอยู่ในสถานะถูกทิ้งอีกครั้งสินะ
แล้วมันจะเป็นอะไรมั้ย..
โดนทิ้งครั้งแรกจะเป็นจะตายขนาดนั้น
แล้วนี่ยังกลับไปให้ผู้หญิงปฏิเสธเป็นครั้งที่สองอีก
...สงสัยที่มันรีบกลับมา
คงเพราะอยากมาหาที่ดามใจเพื่อให้ตัวเองฟูมฟายคร่ำครวญซะล่ะมั้ง
“แล้วมึงกินไรมารึยัง หรือจะกินเหล้าเลยมั้ย
ห้องกูมีแต่โซดานะ เหล้าเพิ่งหมดไป คงต้องลงไปซื้อเพิ่ม”
คำถามที่อยู่ ๆ ก็ดังขึ้นทำให้ไกรศรขมวดคิ้วอย่างงงๆ
“บินอยากกินเหล้าเหรอ”
“เปล่า มึงนั้นแหละที่จะกิน
ก็มึงโดนเอมมี่เขาปฏิเสธมานี่
ไม่กินเหล้าย้อมใจเหมือนคราวที่แล้วเหรอ”
“พี่ไม่ได้เป็นอะไร พี่กับเอมมี่จากกันด้วยดีแล้ว
อีกอย่างพี่ก็บอกเขาไปแล้วว่า
ตอนนี้พี่เองก็มีคนสำคัญของพี่เหมือนกัน”
ไกรศรขยับเดินเข้ามาใกล้คู่สนทนา
ดวงตาคู่เดิมที่ทอประกายวอนขอสบเข้ากับดวงตาคม
ก่อนคำพูดที่เต็มไปด้วยน้ำเสียงจริงใจจะถูกเอ่ยออกมา
“บิน ที่พี่รีบมา เพราะพี่อยากกลับมาหาบินนะ
พี่อยากกลับมาบอกกับบินว่าพี่จะทำตามสัญญา
จะดูแลบินให้ดีที่สุด คอยอยู่ข้างบิน จะไม่ทิ้งบินไปไหนอีก
เพราะฉะนั้น....”
ร่างสูงคุกเข่าลงข้างหนึ่งบนพื้นห้อง
ก่อนจับมือซ้ายของคนตรงหน้ามากุมไว้
ให้ความอุ่นไอระหว่างมือทั้งสองส่งถึงกัน
แล้วจึงเอ่ยถ้อยคำสำคัญ...
...คำคำนั้น
“เป็นแฟนกับพี่นะครับ บิน”
ห่ะ?
อะไรนะ
ดะ...เดี๋ยวก่อนเมื่อกี๊มันว่าอะไรนะ
บินหลานิ่งงงอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก
มันขอเป็นแฟนแต่เล่นคุกเข่าเหมือนขอแต่งงาน
ใครที่ไหนในโลกมันจะบ้าทำกันแบบนี้
แล้วที่สำคัญคือ...
มึงเพิ่งจะมานึกได้ว่าควรถามเอาตอนนี้รึไงวะเนี่ย!!
“ไหนมึงบอกว่าข้ามขั้นนั้นไปแล้วย้อนกลับมาไม่ได้ไง”
คนถูกขอเอ่ยทวนความทรงจำ
ทีตอนนั้นอธิบายไปเท่าไรมันดันตีหน้ามึนใส่
พอคราวนี้เสือกมาขอคบกันดื้อ ๆ ซะอย่างนั้น
“ก็บินเคยบอกว่าพี่ชอบบังคับเอาแต่ใจตัวเอง
ครั้งนี้พี่ก็เลยจะถามบินให้แน่ใจ
ว่าบินอยากคบพี่เป็นแฟนจริง ๆ รึเปล่า”
บินหลาเกาหัวแกรกอยากจะบ้าตายให้กับคำอธิบาย
ก่อนตัดสินใจย้อนถามกลับอย่างลองเชิง
“แล้วถ้ากูไม่คบล่ะ”
ไกรศรสะดุ้ง เริ่มใจเสียขึ้นมานิด ๆ
พยายามตอบคำตะกุกตะกัก
แต่ก็ยังคงไม่ปล่อยมือที่กุมไว้
“เออ...พี่ก็...พี่ก็คงจะอกหัก”
“ถ้ามึงอกหักแล้วก็คงจะไปกินเหล้าเมาอีกล่ะสิ
แล้วมึงคิดเหรอว่าจะมีคนดี ๆ แบบกูไปเก็บมึงขึ้นมาอีก
เมาเหมือนหมาอย่างนั้น ขืนโดนคนรูดทรัพย์ไปจะว่ายังไง
หัดฉลาดบ้างสิวะ เรื่องบางเรื่องไม่ใช่คิดเองเออเองคนเดียว
อันไหนใช้เหตุผลได้ก็ควรใช้ อันไหนที่มันไม่ต้องใช้ก็ช่างแม่ง
มึงสอนกูเองแท้ ๆ เสือกทำเป็นลืม ตกลงเข้าใจบ้างรึยังวะเนี่ย”
คำเทศน์ยาวเหยียดทำให้ไกรศรได้แต่กระพริบตาปริบ
พยายามวิเคราะห์ตีความในประโยคเหล่านั้น
“ถ้างั้นสรุปว่า...”
ดวงตาคมสบมองอย่างหงุดหงิด
ก่อนจะตัดสินใจพูดตอบกลับสั้น ๆ
...แต่เป็นคำพูดที่ทำให้คนฟังถึงกับยิ้มกว้าง
“เออ มึงเป็นแฟนกู เป็นมาตั้งนานแล้วด้วย ชัดพอรึยัง”
ชัด...
ชัดเจนแล้ว...
บินเป็นแฟนเขา
บินหลาเป็นแฟนไกรศร
เป็นโดยที่เขาไม่ได้บังคับ
แต่บินเลือกด้วยตัวเอง
...แค่นี้สำหรับเขาก็เพียงพอแล้ว
คนที่คุกเข่าผุดลุกขึ้นยืนดึงมือที่ยังกุมไว้
เพื่อรั้งร่างของอีกคนเข้ามากอดในอ้อมแขนด้วยความดีใจ
ซึ่งอีกฝ่ายก็ยกแขนกอดตอบกลับโดยไม่ได้ขัดขืน
ปล่อยให้คำกระซิบสำคัญดังก้องขึ้น
...ถ้อยคำที่ตรงมาจากหัวใจ
“พี่รักบินนะ”
รัก?
คำคำนี้ที่ไม่เคยเข้าใจในความหมาย
คำที่ไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบาย
คำที่ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
แต่ความรู้สึกอุ่น ๆ ในอก
เสียงของหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะ
ภายใต้อ้อมกอดของกันและกันนี้
...สำหรับเขาสองคนต่างรับรู้ตรงกันว่า
ทั้งหมดนี้คือนิยามส่วนหนึ่งของสิ่งที่เรียกว่า...
...รัก
------------------------------------------------------------------------------------------------------
“ฉันคิดว่ารักมันคือความผูกพัน
คิดว่ารักแท้ต้องเดินผ่านวันและเวลา
ยิ่งเนิ่นนานนานไปเท่าไร ความรักยิ่งมีค่า
ที่ฉันรู้ที่เคยฝัน รักที่ฉันเคยเข้าใจ
ไม่คิดไม่ฝันเมื่อเธอผ่านเข้ามา
เหมือนว่าสายตาฉันเองมองไม่เห็นใครๆ
หยุดที่เธอแค่เพียงสบตา และวินาทีนั้น
โลกทั้งโลกหยุดเคลื่อนไหว ท้องฟ้ากลับสดใส
ลมหายใจ เหมือนหยุดไปในห้วงนาทีนี้
เช่นหัวใจ ลอยหลุดไปทันทีที่สบตา
เธอหยุดยั้งวันเวลา แค่เราได้พบกันในวันนี้
แค่พบเจอกับเธอ...
ฉันเพิ่งเข้าใจว่ารักเป็นอย่างนี้
ฉันเพิ่งเข้าใจเมื่อได้มาเจอด้วยตัวเอง
เสี้ยวนาทีก็มีความหมาย เปลี่ยนโลกได้ทั้งใบ
ฉันเพิ่งรู้ในวันนี้ รักไม่ต้องการเวลา
ลมหายใจ เหมือนหยุดไปในห้วงนาทีนี้
เช่นหัวใจ ลอยหลุดไปทันทีที่สบตา
เธอหยุดยั้งวันเวลา แค่เราได้พบกันในวันนี้
แค่พบเจอกับเธอ ก็รักเธอ
...ฉันรักเธอ”
http://www.youtube.com/v/HBv8c-I2cco? เสียงทุ้มนุ่มแผ่วเพราะหยุดร้องลงพร้อมท่วงทำนอง
เป็นอันจบเพลงสุดท้ายในค่ำคืนนี้
บินหลาเดินลงจากเวทีพร้อมกับสมาชิกในวง
ที่ตามหลังเขามาพลางเอ่ยคำแซว
“ท็อปฟอร์มเหมือนเดิมเลยนะมึง
แต่วันนี้ดีกว่าเมื่อวานว่ะ สงสัยแม่งออกมาจากอินเนอร์
กูฟังแล้วอย่างเลี่ยนอ่ะ แทบจะอ้วกตามบนเวที”
“ไอ้คุณเผือกครับ เก็บสุนัขในปากคุณมึงด้วยนะครับ
ถ้าไม่อยากโดนตีนกูซัดจนสูญพันธุ์”
คนโดนกัดหันมาตอบพร้อมคำขู่ จนหนุ่มตี๋จำต้องล่าถอย
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงแอบอมยิ้มในใจเงียบ ๆ
นี่แหละไอ้บินเพื่อนเขาคนเดิมต้องฟีลประมาณนี้ใช่เลย
“เออ ๆ เงียบก็ได้ว่ะ
แหม..แค่แซวนิดแซวหน่อยเองทำมาเป็นดุ
กูไปหาอะไรล้างคอดีกว่า
โหย...พี่ศรอยู่ตรงบาร์พอดีเลย
กูมีเจ้ามือเลี้ยงแล้วเว้ยเฮ้ย!!”
คนอยากดื่มรีบเดินปรี่เข้าไปหาใครบางคนที่นั่งรออยู่ตรงบาร์เหล้า
โดยมีสมาชิกวงคนอื่น ๆ เดินตามไปด้วย
ดวงตาคมมองคนคุ้นเคยที่นั่งรออยู่
พร้อมถือแก้วค็อกเทลสีส้มสวยไว้ในมือ
แค่เห็นก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วมุ่น
...เอาอีกแล้ว
ไอ้เรื่องเหล้าอีกแล้ว
ไม่รู้วันนี้ระหว่างรอซัดไปมากเท่าไร
เตือนไปไม่เคยจะจำกันเลย
พอเมามาก็ต้องเป็นภาระให้เขาแบกกลับไปทุกที
“นี่ดื่มไปเท่าไรแล้ววะ บอกว่าอย่าดื่มให้มากไง”
“โห มึงก็ทำเหมือนแม่เขาไปได้
พี่ศรเขาแค่ดื่ม Sex on the beach ไม่เมาหรอก”
มึงอ่ะเอาด้วยมั้ย”
เป็นไอ้เผือกที่ตอบกลับขึ้นมาแทน
แถมท้ายประโยคยังเอ่ยชวนเพื่อน
แต่คนฟังกลับส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่เอากูเมาแล้ว”
“ห่ะ? เมาไรว่ะ?”
เผือกขมวดคิ้วงงกับคำตอบ
ร้องเพลงก็ร้องด้วยกันบนเวที
เหล้าก็ยังไม่ได้แตะซะหน่อย
มันจะเมาอะไรได้วะ
บินหลานิ่งเงียบก่อนจะเอ่ยคำสั้น ๆ
แต่มีอานุภาพมากพอที่ทำให้คนในวงสนทนาถึงกับนิ่งอึ้ง
“กูเมารัก”
“พรวดดด!!”
ไกรศรถึงกับสำลักค็อกเทลที่กำลังเข้าปากทันที
ร่างสูงไอค่อกแค่กแต่ก็ยังถามกลับอย่างไม่คิดจะเชื่อหู
“อะไรนะบิน เมื่อกี๊ว่าอะไรนะ”
“ไม่บอกแล้วโว้ย! พี่จัด Whisky on the rocks ให้ผมแก้วหนึ่งด่วนๆ”
เขาเฉไปสั่งเหล้ากับบาร์เทนเดอร์แทน
ก่อนเสียงเป่าปากแซววี้ดวิ้วจะดังขึ้น
ปะปนกับเสียงหัวเราะครื้นเครงดังลั่นร้านในค่ำคืนนี้
........
.....
...
..
‘ความรัก’ คืออะไร
สำหรับเขามันยากที่จะนิยามความหมายให้ตรงตัว
มันอาจเป็นได้หลายความรู้สึก
ไม่ได้ต้องมีนิยามเจาะจงเฉพาะในการอธิบาย
เหมือนกับเวลาเราดื่มเหล้า
บางครั้งฤทธิ์แอลกอฮอล์อาจช่วยทำให้เราค้นหาคำตอบ
จากความรู้สึกลึก ๆ ข้างในโดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล
...ความรักของเขาเองก็เป็นเช่นเดียวกัน
ใครบางคนที่เดินเข้ามาในชีวิต
ไม่ใช่มาเพื่อเติมเต็ม
ไอ้หน้ามึนเข้ามาเป็นส่วนเกินเสียด้วยซ้ำ
แต่พอมันจากไป
ไม่รู้ทำไม...
มันกลับทำให้เขาลืมว่า
...ชีวิตที่พอดีอยู่แล้วของเขาก่อนหน้านั้นเคยเป็นยังไง
คิดตั้งคำถามกับตัวเองหลายต่อหลายครั้ง
แต่กลับไม่ได้รับคำตอบที่ฟังดูสมเหตุสมผล
มีเพียงความรู้สึกจากใจเป็นสิ่งเดียวซึ่งทำให้เขาเชื่อว่า
คนคนนี้คือคนที่เขารอ
คือคนที่จะมอบหัวใจไว้ได้
...ความรัก
เขายังไม่เข้าใจมันดีพอหรอก
แต่เขาเจอคนที่ช่วยทำให้เขาค้นพบมันได้มากขึ้นแล้ว
หลังจากนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
เขาจะค่อย ๆ เรียนรู้จักมัน
อาจมีมึน ๆ อาจเมา ๆ ไปบ้าง
แต่นั้นแหละ...
สิ่งเหล่านี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของ ‘ความรัก’ ก็ได้
...ใครจะไปรู้จริงมั้ยครับ
...ขอดื่มฉลองให้คุณค้นพบ...
...ความรู้สึกที่เรียกว่า ‘ความรัก’ มากขึ้นนะครับ...
เอ้า...ชนแก้ว!!
------------------------------------------------------------------------------------------------------
END
ซีรีย์หวานอมขม : ภาค Sex on the beach Whisky on the rock จบบริบูรณ์แล้วค่า!! 
แน่นอนว่าหลังจากนี้ก็จะมีภาคพิเศษให้ได้แอบมาปล่อยของกันอีกเช่นเคย
ภาคนี้ยอมรับว่าคนเขียนมึนเมาไปกับทั้งน้องบินและพี่ศรเหมือนกัน
ถึงขนาดต้องเตรียมยาแก้แฮงค์ไว้ใกล้ตัวตลอด
เพราะไม่รู้ว่าพี่ศรจะพามึนไปได้ขนาดไหน
...เหนื่อย
สำหรับคอนเซปต์ของภาคนี้ถ้าจะให้อธิบายง่าย ๆ ก็คือ ‘ความรักมันไม่มีเหตุผล’ ค่ะ
ไกรศรใช้ชีวิตตามความรู้สึกของตัวเองเป็นที่ตั้ง คิดอย่างไรก็ทำไปแบบนั้น
ส่วนบินหลาใช้เหตุผลเป็นตัวนำทางชีวิต พอมาเจอไกรศรรุกมาก ๆ เข้า
เลยออกอาการมึน ๆ งง ๆ อย่างที่เห็น
แต่พอท้ายที่สุดเมื่อบินเข้าใจว่า
บางสิ่งไม่จำเป็นต้องใช้สมองอธิบาย ใช้แค่หัวใจรู้สึก
ความคิดของน้องบินก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป
ตัวไกรศรเองถึงแม้จะใช้ชีวิตแบบเอาแต่ใจ
แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องบางเรื่องเขาก็ได้เรียนรู้ว่าเราจะไปบังคับคิดเองไม่ได้
โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกของคนอื่นที่เราไม่สามารถไปตัดสินใจแทน
ต่างคนต่างเปลี่ยน ต่างปรับตัวเข้าหากัน
จนมาเจอความพอดีและยอมรับกันและกันได้ในท้ายที่สุด
แฮปปี้เอนสะดิ้งไปเรียบร้อยสมดังสุภาษิต
‘หวานเป็นลม ขมเติมโซดา’ 
อ้าว... เอ๊ะ... ไม่ใช่เหรอ? 
ขอบคุณนักอ่านที่แวะเวียนเข้ามาร่วมมึนร่วมเมาไปกับซีรีย์ภาคนี้นะคะ
แม้จะทิ้งระยะห่างไปนาน แต่ก็ดีใจที่ยังคงไม่ลืมกัน
ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุก ๆ คอมเมนต์
ทุกการถามไถ่ ทุกมิตรภาพที่มีมาให้เสมอค่ะ
ซีรีย์หน้าจะเป็นเรื่องอะไรนั้น
ยังไงก็ต้องขอฝากตัวอีกครั้งด้วยนะคะ
แล้วพบกันใหม่ค่า

รักและคิดถึงBitterSweet