ซีรีย์หวานอมขม : ภาค ขนมปังสังขยา กับ ลาวาช็อคโกแล็ตชิ้นพิเศษ [Warning NC 18]“แม่ไปแล้วนะ ดูแลบ้านช่องให้ดีนะลูก”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับแม่ เดินทางปลอดภัยนะครับ”
สาลี่ยืนยันคำเป็นมั่นเป็นเหมาะ
ในขณะที่ยืนส่งสองแม่เพื่อนซี้ขึ้นรถตู้ซึ่งจอดอยู่หน้าร้านตอนหกโมงเย็น
พร้อมกับคณะทัวร์ทำบุญที่ตั้งใจจะไปตระเวนเที่ยววัดทางภาคเหนือสี่วันสามคืน
โดยทิ้งลูกชายสองคนไว้ดูแลบ้าน
เขารอจนรถตู้ไปไกลลับสายตา
หมุนตัวกลับมายืนมองหน้าร้านที่บัดนี้เปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าเดิม
กำแพงปูนที่เคยกั้นตัวตึกทั้งสองถูกทุบเข้าหากัน
ประตูบานใหญ่ถูกต่อเติมตรงกลาง
ส่วนผนังด้านข้างเป็นกระจกใส ส่องให้เห็นชั้นวางขนมภายใน
ซึ่งเพิ่งทาสีเสร็จใหม่ ๆ ยังไม่เรียบร้อยดี
ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่เวลาครึ่งปี
อะไร ๆ ก็เปลี่ยนไปจากเดิมได้มากมายขนาดนี้
เว็บเพจที่เกิดจากการรวมตัวของทั้งร้านขนมไทยและร้านเบเกอรี่
ซึ่งเขากับลูกแม่เดือนช่วยกันทำ
ปรากฏว่าผลตอบรับที่ได้เกินคาดไปไกล
นักท่องเที่ยวมากมายต่างแวะเวียนมาซื้อขนมจากร้านเขากลับไปเป็นของฝาก
และเมื่อมีโอกาสงาม ๆ อยู่ตรงหน้าใครมันจะไม่คว้าไว้
สุดท้าย เขาสองคนจึงช่วยกันเค้นไอเดีย
คิดทำขนมประจำร้านขึ้นมาโดยผสมของที่มีอยู่ในท้องถิ่น
กลายเป็นขนมไทยประยุกต์กับเบเกอรี่
ซึ่งแน่นอนว่ามี ‘ขนมปังสังขยา’ เป็นตัวชูโรง
ขายดิบขายดี จนกระทั่งสามารถเปิดเครดิตกู้เงินจากแบงค์
มาร่วมลงทุนปรับปรุงร้านให้ยุบรวมกัน
โดยได้รับการอนุมัติจากป้าแต้วเจ้าของตึก
ที่บินกลับจากอเมริกามาเซ็นสัญญาขายให้ก่อนย้ายไปอยู่กับลูกสาวถาวร
...ตอนนี้ ‘ลูกแม่พลอย’ และ ‘ลูกแม่เดือน’
จึงกลายเป็นหุ้นส่วนของร้านร่วมกันอย่างสมบูรณ์
“คิดอะไรอยู่ หืม?”
แรงสวมกอดจากด้านหลังทำให้สาลี่ต้องหยุดนิ่ง
ก่อนได้ยินคำกระซิบด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่เบา ๆ
“ทำหน้าแบบนี้คิดถึงผมล่ะสิใช่มั้ย”
“มั่วแล้ว ใครคิดถึงคุณกัน”
ตอบปัด ๆ ให้กับคนหลงตัวเอง
แต่อีกฝ่ายก็ยังคงลากเสียงยาวอย่างไม่เชื่อ
“หรออออ
งั้นถ้าทำแบบนี้....”
คำพูดหยุดลงก่อนมือแกร่งจะเชยคางเขาขึ้นมา
นัยน์ตาคมพราวระยับทอดมองอย่างเจ้าเล่ห์
ริมฝีปากโน้มลงมาแตะแผ่ว ๆ
ส่งปลายลิ้นเข้าชิมอย่างนุ่มนวลและเรียกร้องในเวลาเดียวกัน
จนเขาได้แต่ร้องครางอือเพราะหมดลมหายใจ
ทำให้อีกฝ่ายต้องผละออก แล้วต่อประโยคคำถามสั้น ๆ
“จะคิดถึงผมบ้างหรือยัง”
...ไอ้ลูกแม่เดือนขี้แกล้ง
ทำถึงขนาดนี้จะไม่ให้คิดก็บ้าแล้ว
พอแม่ไม่อยู่ล่ะก็เอาใหญ่เชียวนะ
ตามความจริงเขาก็ถูกลูกแม่เดือนจูบบ่อย ๆ จนเกินจะนับ
ทั้งหอมแก้มเอย กอดเอย แต่ก็ไม่เคยที่จะทำอะไรล่วงเกินไปกว่านั้น
ความสัมพันธ์ระหว่างเขาสองคนมันก็ยังครุมเครือ
...รู้แค่ว่า ‘ไม่ใช่เพื่อน’
แต่เป็นอะไรเขาก็ไม่อยากใส่ใจจะนิยาม
แค่ไม่ได้รังเกียจ และยังรู้สึกดี ๆ ให้กัน
...อย่างที่เราเข้าใจกันเพียงแค่สองคนเท่านั้นพอ
“คืนนี้เดี๋ยวผมมานอนเป็นเพื่อนนะสา
ผมรู้ว่าแม่ไม่อยู่แล้ว สาคงเหงา”
“ไม่ได้เหงาโว้ยยย ไม่ต้องมาเลยนะ
ปล่อยได้แล้วอึดอัด
ร้อนจะตาย จะขึ้นไปอาบน้ำ”
คำโวยวายดังลั่น คนตอบสะบัดตัวออกห่าง
รีบเดินก้าวขึ้นบันไดไปยังห้องนอนโดยไม่คิดจะมองหน้าคนแหย่
ทำให้นักรบอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขำเบา ๆ
...โกหกแล้วนะลูกแม่พลอย
ทำหน้าแบบนี้คิดว่าจะดูไม่ออกเหรอว่าโกหกกันชัด ๆ
ช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาก็พยายามขยันจีบ ขยันหยอดตลอดทุกครั้งที่มีโอกาส
แรก ๆ ก็โดนดุ โดนต่อย โดนเอาของฟาดบ้างเป็นประจำ
แต่พักหลัง ๆ เหมือนลูกแม่พลอยจะยอมโอนอ่อนตาม
ไม่ค่อยลงไม้ลงมือ แค่ทำเป็นหงุดหงิดแล้วก็เดินหนีไป
...ดีใจอยู่หรอกที่เป็นแบบนั้น
แต่ก็ยังไม่กล้าที่จะทำอะไรเกินเลย
เพราะไม่รู้ว่าสาจะหยุดความสัมพันธ์ไว้ในระดับไหน
เอาเถอะ... สาให้เท่าไรเขาก็จะทำให้ถึงเท่านั้น
ไม่เร่งร้อน ปล่อยให้มันไปตามเวลา
แต่ถ้ารีบ ๆ หน่อยก็ดีเหมือนกันนะ
เห็นใจกันบ้าง อย่าปล่อยให้เขารอนานล่ะ
....คุณลูกแม่พลอย
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ก๊อก! ก๊อก!
นักรบเคาะประตูก่อนเปิดเข้ามาในห้อง
โดยไม่ต้องรอฟังคำอนุญาตจากเจ้าของ
ซึ่งกำลังนั่งเขียนอะไรยุกยิกอยู่บนโต๊ะ
และพอเห็นว่าแขกไม่ได้รับเชิญตอนสองทุ่มเป็นใคร
เจ้าตัวก็ถึงกับร้องโวยวายดังลั่น
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องมา กลับไปเลยนะ!”
ทว่าคนโดนบ่นกลับไม่ได้สนใจฟัง
เพราะมีบางสิ่งดึงความสงสัยเขาไปเสียก่อน
“เขียนอะไรอยู่นะสา ขอดูหน่อย”
คนถูกทักสะดุ้งพยายามซ่อนกระดาษในมือให้พ้นสายตา
ตอบปฏิเสธเสียงตะกุกตะกัก
“มะ...ไม่มีอะไร”
“เถอะน่า...ขอดูนิดเดียว”
นักรบยังคงตื้อพลางขยับเดินเข้ามาใกล้
ซึ่งคนกุมความลับก็ได้แต่ส่ายหน้า
“ไม่เอา!!”
“น่านะ...สา...”
“เอ๊ะ! ก็บอกว่ามะ...”
ประโยคถูกหยุดไว้แค่นั้น
เพราะความตกใจที่อยู่ ๆ อีกคนก็โน้มตัวเข้ามาใกล้
...ใกล้จนกระทั่งสัมผัสถึงลมหายใจ
...ใกล้จนเห็นเงาของตัวเองสะท้อนในดวงตาคมที่จ้องมองมาโดยไม่ปิดบังความรู้สึกใด ๆ
....ใกล้จนหัวใจเต้นระรัวด้วยความสั่นไหว
สาลี่หลับตาลงราวกับรับรู้ถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
เงยหน้าเตรียมพร้อมรับสัมผัสของจูบรสนุ่มอันคุ้นเคย
แต่นิ่งไปนาน อีกคนก็ยังคงทำเฉย
จนเขาต้องลืมตามอง และได้เห็นว่ากระดาษที่ตนเองพยายามซ่อนไว้
ถูกคนขี้แกล้งฉวยเอาไปไว้ในมือเสียแล้ว
“เฮ้ย! อย่านะ!!”
คำร้องทัดทานไม่เป็นผล
เมื่อนักรบไล่สายตาอ่านข้อความซึ่งเขียนด้วยปากกาบนกระดาษ
และก็ต้องนิ่งงันด้วยความแปลกใจ
‘บ้านขนมหวานละไม’
‘แม่พลอยขนมไทย แม่เดือนใจเบเกอรี่’
‘แม่พลอย & แม่เดือน ขนมไทย & เบเกอรี่’
‘หวานละไม ขนมไทยเบเกอรี่’
นี่มันชื่อร้าน...
...ชื่อร้านของเขาสองคนที่รวมกัน
จริงสิตั้งแต่ทำร้านใหม่ก็ยังไม่ได้คิดตั้งชื่อกันเลย
มัวแต่ยุ่ง ๆ กับการออกแบบร้านจนลืมเรื่องสำคัญที่สุดไป
แล้วลูกแม่พลอยมาแอบคิดเองคนเดียวแบบนี้
...จะไม่ให้บอกว่า ‘น่ารัก’ ได้ยังไง
“ก็แค่คิดเอาไว้เล่น ๆ ไม่รู้ว่าจะถูกใจรึเปล่า”
“ดีแล้วล่ะ เดี๋ยวจะลองเอาไปปรึกษาแม่ดูอีกที ขอบใจนะสา”
หนุ่มมาดเซอร์ยิ้มบาง ๆ
แต่ร่างที่ยังคงนั่งอยู่กลับส่ายหน้า
“ไม่เห็นต้องขอบคุณเลย
ก็...
...ก็ในเมื่อเราอยู่ด้วยกันแล้วนี่นา”
คำตอบพร้อมกับอาการไม่มองตา
แต่ใบหน้าที่เห็นกลับขึ้นสีแดงเรื่อ ๆ
ืทำให้นักรบถึงกับใจสั่น
...อีกแล้วนะสา...
...ทำแบบนี้ไม่ไหวหรอก
ถ้าไม่ให้รางวัลกับ ‘คนน่ารัก’
...เห็นทีคงจะไม่ไหว
คิดได้เท่านั้นร่างสูงจึงก้มลงจูบคนตรงหน้า
...จูบจริง ๆ ไม่ได้แกล้งเล่นเหมือนเมื่อครั้งก่อน
ซึ่งสาลี่ก็ได้แต่เงยหน้ารับสัมผัสอย่างไม่ขัดขืน
รสจูบเร่งเร้า อ่อนโยน สอดประสานอยู่เป็นนาน
กระทั่งนักรบเป็นฝ่ายผ่อนลง เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าชักไม่ไหว
แต่ชั่วขณะที่กำลังจะดันตัวออกห่าง
มือหนึ่งก็ดึงเสื้อของเขาไว้ไม่ให้ขยับ
“ดะ...เดี๋ยวก่อน....”
สาลี่ตัดสินใจเอ่ยปากรั้งเอาไว้
ทว่าภายในใจกลับเต็มไปด้วยความสับสน
...ไม่อยากให้หยุดตอนนี้
เพราะเป็นผู้ชายเหมือนกันเลยรู้ว่าสักวันมันก็ต้องเกิด
ถึงจะไม่เคยมีประสบการณ์
แต่เขาไม่ได้อินโนเซนต์มากพอจนไม่สนใจความรู้สึกของอีกฝ่าย
ยิ่งวันนี้เหลือกันอยู่แค่สองคน
โอกาสเหมาะ ๆ หากันได้ยากอยู่แล้ว
แต่อยู่ ๆ จะให้พูดออกไปว่า ‘มาทำกันเถอะ’
มันจะไม่ดูแปลก ๆ ไปหน่อยเหรอ
...น่าอายจะตายชัก!
แต่ว่าถ้าไม่พูด โอกาสแบบนี้ก็จะไม่มีอีก
...โอยยย!! ทำไมมันยุ่งยากจริงวะ!!
...แล้วเขาจะทำยังไงดีเนี่ยยย!!!
ชั่วประเดี๋ยวที่หน้าซีด เดี๋ยวก็สลับไปหน้าแดง
ทำให้คนที่นิ่งมองอยู่นึกขำ
ดูยังไงก็ทั้งน่าแกล้งและน่าเอ็นดูไปพร้อม ๆ กัน
สุดท้ายนักรบจึงตัดสินใจโน้มตัวลงไปจูบซ้ำเบา ๆ อีกรอบ
“รู้แล้วไม่ต้องพูดหรอก
ขืนรอให้บอกคงเช้าพอดี”
คำกระซิบบอกที่แฝงด้วยคำแหย่
ทำให้คนฟังแอบนึกฉุน แต่ยังไม่ทันได้บ่น
ก็ถูกปิดปากด้วยริมฝีปากของคนด้านบนอีกครั้ง
แต่เป็นครั้งที่ ร้อนแรง รุกเร้า มากกว่าเคย
“อือออ”
เสียงครางประท้วงดังลอดออกมาให้ได้ยิน
โดยปกตินักรบจะเป็นฝ่ายผละออกห่าง
ทว่าหนนี้ใบหน้าคมกลับเลื่อนลงมาจูบซับตรงต้นคอ
สองมือสอดเข้าไปในเสื้อยืดตัวบางแล้วเลื่อนมันให้หลุดออกจากศีรษะ
ของคนที่ยังคงมึนเมากับอารมณ์ซึ่งถูกปลุกปั้นให้พุ่งขึ้น
“อ่ะ จะทำอะไรนะ”
สาลี่ร้องขึ้นอย่างตกใจ
เมื่ออยู่ ๆ ก็ถูกยกตัวให้ลอยหวือขึ้นไปนั่งบนโต๊ะเขียนหนังสือ
แล้วนักรบกลับเป็นฝ่ายนั่งบนเก้าอี้เสียแทน
ทว่าคนถูกถามกลับไม่ตอบเพียงแค่ยกยิ้มเจ้าเล่ห์
ก่อนตะโบมใช้ริมฝีปากซุกไซร้ไปทั่วตัวจนคนโดนจูบอ่อนระทวย
และทันใดก็ต้องเปลี่ยนมาสะดุ้งเมื่อมือซึ่งไล่ไปตามผิวกลับแทรกลงไปใต้กางเกงบอลเนื้อลื่น
“ยะ....อืมมม....”
เสียงห้ามเปลี่ยนเป็นเสียงครางในลำคอ
ทันทีที่แก่นกายของตนถูกสัมผัสอย่างจาบจ้วง
สาลี่พยายามขยับขาเบียดเข้าหากัน
แต่ถูกมือของอีกคนกั้นออกพร้อมกับดึงกางเกงให้เลื่อนหลุดจากร่าง
ยังไม่ทันได้อายกับร่างเปลือยเปล่า
ริมฝีปากของนักรบก็ก้มลงดูดกลืนจนเขาไม่อาจห้ามความต้องการส่วนลึกภายใน
ใช้เวลาเพียงไม่นานอารมณ์ที่ทะยานขึ้นสูงก็ปลดปล่อยออกมาจนร่างสะท้าน
สาลี่นั่งหอบอย่างหมดแรง
ดวงตาปรือปรอยมองนักรบที่หันไปล้วงของบางสิ่งจากกางเกงขึ้นมา
และเขาก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นของในมือนั้น
“อะ...ไอ้บ้ารบ!!
นี่เตรียมมาไว้พร้อมเลยนะ
ตั้งใจอยู่แล้วใช่มั้ยห่ะ!!
“ไม่ได้ตั้งใจ แค่เผื่อ ๆ ไว้
ไม่คิดว่าจะได้ใช้จริง ๆ หรอก”
นักรบยักคิ้วแกล้งตอบแหย่ที่เล่นที่จริง
พร้อมกับชู KY Jel และซองถุงยางอนามัยให้อีกฝ่ายเห็นชัด ๆ
จนคนมองต้องเป็นฝ่ายเบือนหน้าหลบด้วยความเขิน
ปากก็ยังคงพ่นคำด่าตามมาเป็นชุด
“ไอ้ตอแหล!! ไอ้หื่น!! ไอ้... อ่ะ...”
เสียงโวยวายหยุดลงเมื่อสัมผัสเย็น ๆ ของเนื้อเจลถูกป้ายลงตรงช่องทางด้านหลัง
ก่อนที่ปลายนิ้วจะแทรกผ่านเข้ามาจนสาลี่เผลอเกร็งตัวอย่างห้ามไม่อยู่
นักรบจึงต้องชะโงกตัวขึ้นไปจูบเบา ๆ ให้คลายความกลัว
อีกมือหนึ่งก็พยายามเหนี่ยวรั้งความต้องการของอีกฝ่ายให้ตื่นตัวอีกครั้ง
สาลี่ถูกดึงให้ลงมายืนบนพื้นทั้งที่ริมฝีปากยังคงจูบกระหวัดกันอยู่เช่นนั้น
นักรบจัดท่าให้เขาหันหลังเกาะขอบโต๊ะเอาไว้
ปลดกระดุมกางเกง จัดการกับถุงยาง
แล้วร้องกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“อย่างเกร็งนะสา
ถ้าสาเจ็บบอกรบนะ
แล้วรบจะหยุดให้”
คนฟังพยักหน้าลงเป็นเชิงรับรู้
และก็เผลอกลั้นหายใจเมื่อบางสิ่งที่ใหญ่กว่านิ้วมือค่อย ๆ แทรกผ่าน
นักรบหยุดเป็นพัก ๆ เพื่อให้ร่างกายของคนด้านล่างปรับตัว
ไม่ลืมที่จะเอื้อมมือไปช่วยปรนเปรอให้ผ่อนอารมณ์หายเกร็ง
กระทั่งเข้าไปได้จนหมดจึงขยับออกช้า ๆ
และเริ่มเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามห้วงความต้องการที่หมุนวน
ริมฝีปากยังคงถูกจูบเป็นระยะ ๆ อย่างไม่ถอยห่าง
“อืออ...อ่ะ...ฮืออ...ระ..รบ...อา...รบ”
สาลี่สะอื้นเบา ๆ น้ำตารินไหลอย่างอัดอั้น
ด้วยไม่รู้ว่าตัวเองมึนกับรสจูบ
หรือเพราะความรู้สึกที่ดีจนเกินกว่าจะเก็บไว้
ที่สุดแล้วคลื่นอารมณ์ปั่นป่วนก็โหมกระหน่ำจนถึงจุดระเบิด
สาลี่ร้องครางออกมาพร้อมปลดปล่อยความต้องการจนหมดสิ้น
นักรบขยับกายออกหันมาเหนี่ยวรั้งร่างตัวเองก่อนจะปลดปล่อยตามไปติด ๆ
คนหมดแรงหายใจหอบ
ปล่อยให้ร่างร่วงผล่อยลงจนนักรบแทบจะรับไว้ไม่ทัน
“ไหวมั้ยสา”
นักรบเอ่ยถามด้วยความห่วงใย
ขยับร่างของสาลี่ให้นั่งพิงไหล่ของตัวเอง
กอดไว้หลวม ๆ อย่างทะนุทนอม
การกระทำที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน
ทำให้ดวงตากลมเผลอเหลือบมองใบหน้าของคนใกล้ตัว
...ยิ่งมอง ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่มันเอ่อล้นอยู่ในใจ
“รบ....”
“หืม”
เจ้าของชื่อขานรับ
คลายวงแขนให้อีกฝ่ายหันมาเผชิญหน้ากับเขาชัด ๆ
ตั้งใจฟังถ้อยคำที่อีกคนตั้งท่าจะบอก
“เออ.....คือว่า....เออ...
คือ....แบบว่ามัน....เออ.....”
ทว่า เสียงที่ลอดออกมาก็ยังคงอึกอักจับใจความไม่ได้
นักรบยิ้มบาง ๆ ให้กับท่าทีของคนซึ่งดูยังไงก็เห็นว่าช่างน่ารัก
ก่อนเขาจะตัดสินใจรวบร่างของคนเขินจนหน้าแดงเอาไว้ในอ้อมกอด
กระซิบถ้อยคำแผ่วเบา
...ถ้อยคำที่ออกมาจากส่วนลึกในใจ
“อืม...รู้แล้ว...
รบก็รักสาเหมือนกัน”
...ไม่ต้องมีคำอธิบายใด ๆ
แต่หัวใจก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ตรงกัน
ดวงตากลมโตร้อนผ่าว
ก่อนภาพตรงหน้าจะพร่ามัวด้วยน้ำตาของตัวเอง
สาลี่ก้มลงสะอื้นเข้ากับไหล่กว้าง
ความดีใจ...
ความตื้นตัน...
ความรัก...
มันท่วมท้นปนเปจนเขาไม่อาจเก็บความรู้สึกไว้ได้
พอแล้ว...
....สำหรับ ‘ลูกแม่พลอย’ และ ‘ลูกแม่เดือน’
แม้ไม่มีคำนิยามอะไรในความสัมพันธ์
แค่เราต่างเข้าใจ ‘กันและกัน’
...เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
“ไม่ต้องร้องแล้วสา ถ้าอยากร้อง
ไปร้องกันบนเตียงดีกว่านะ”
นักรบเอ่ยทั้งคำปลอบและคำแหย่ไปพร้อมกัน
ทำให้คนที่กำลังซาบซึ้งชะงักกึก
รีบเงยหน้าขึ้นมาตวาดเสียงดุทั้งที่ใบหน้ายังนองด้วยน้ำตา
“ทะลึ่ง!!”
“ไม่ได้ทะลึ่ง ก็หน้าสามันบอกแบบนี้”
“มั่วแล้ว ไม่ใช่เว้ยยย!!
เฮ้ย!! รบปล่อยนะ..ปล่อยยยยย!!
เสียงร้องโวยวายดังลั่น
เมื่อสาลี่ถูกนักรบอุ้มร่างขึ้นมาก่อนมุ่งเดินไปที่เตียง
และท้ายที่สุดสาลี่ก็ต้องเสียน้ำตาอีกรอบ
เหมือนดังคำบอกของคนรู้ทัน
ซึ่งบรรเลงเพลงรักอย่างลึกซึ้ง
ภายในร้านขายขนมไทยและเบเกอรี่ของ
...‘ลูกแม่พลอย’ และ ‘ลูกแม่เดือน’ นั่นเอง
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ENDเสิร์ฟขนมชิ้นพิเศษหวาน ๆ
หวังว่าคงจะถูกปากถูกใจกันนะคะ 
ฝากเพลงเพิ่มอรรถรสในการชิมอีกสักเพลง
ยกให้เป็นเพลงธีมประจำของคู่นี้เลย
http://www.youtube.com/v/NOEHyHWn8fs?
มาเฉลยเมนูใหม่กันค่ะ
ถ้าใครเดาว่าเป็นคู่ของน้องคูณ (ตัวละครที่ถูกลืมอีกรอบ)
งวดนี้ก็ยังไม่ใช่ อ้าว...ไหงงั้น 
เป็นการเขียนตามอารมณ์คนแต่งค่ะ
เพราะฉะนั้นซีรีย์เรื่องใหม่ภาคต่อไป
ได้แก่....
ซีรีย์หวานอมขม : ภาค Sex on the beach กับ Whisky on the rocks

(อนึ่ง นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิง
มิได้มีจุดประสงค์สนับสนุนการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใด ๆ ทั้งสิ้น
เยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีควรพิจารณา)
รับรองว่ารักรสใหม่นี่ ไม่คนเขียนก็คนอ่านต้องมึนกันไปข้าง
ขอฝากซีรีย์ภาคใหม่ไว้ด้วยนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
BitterSweet