>29 G.Become 21 Boy.ถ้ากล้ารักจะจัดให้!#แก้คิดถึง 27/6/57
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: >29 G.Become 21 Boy.ถ้ากล้ารักจะจัดให้!#แก้คิดถึง 27/6/57  (อ่าน 138560 ครั้ง)

ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ด
 เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วย

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


*********************************************************************
 
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-06-2014 23:14:17 โดย Zitraphat »

ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
บทนำ 1 #   Stay by my side. โฆษิต [B2] – ษิตรินทร์ [B1]
Part  โฆษิต


"ปิด TV."

เสียง มารดังข้ามหัวผมพร้อมกับเสียงสัมพารกของมันกระแทกโต๊ะ ไม่ใช่ว่ายอม...แต่เป็นการสงบโดยสันติผมยกรีโมทขึ้นกดปิดตามคำขอ?ของตัวต้นเหตุ ‘ษิตรินทร์’ หรือ‘ตรินทร์’ ของผมกระแทกตัวลงนอนบนเตียงทั้งชุดนักศึกษามันเงียบไปนานก่อนจะหลับไปพร้อมๆกับเสียงเพลง MP3. ที่ยังคาอยู่ที่หู…

...ให้ผมปิด TV.  แล้วคุณมึงนอนฟัง MP3. ผมทำไปเพื่ออะไร? คิดได้นะ...ผมเลื่อนตัวขึ้นมาบนเตียงก่อนจะดึงแก้ม ไอ้คุณชายตรินทร์ มันเบาๆ ตรินทร์ มันปรือตามองผมแวบเดียวก่อนจะปิดเปลือกตาลงไปใหม่...ระหว่างเราไม่ต้องมีคำพูดแค่การกระทำก็ดูกันออก ตอนนี้ในภาษากล้วยหอมผมกำลังถาม ตรินทร์ ว่า…

‘คุณมึงไปอาบน้ำก่อนไหม? แล้วมานอน’

ส่วนการพลิกตัวซุกหมอนแล้วมุดหัวอยู่ในนั้นของ ตรินทร์ มันตอบผมมาว่า...

‘ไม่อาบจะนอนแล้ว'

...ผมก้มหน้าลงไปใกล้ ตรินทร์ มากที่สุดจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆฟุ้งขึ้นมากระทบจมูก...ก่อนจะตัดสินใจ....กระแทกหน้าผากกับ ตรินทร์ แรงๆผ่านหมอนใบโต!

ไอ้คุณชายมันตกใจดีดตัวขึ้นมองหน้าผม พร้อมๆกับถูหน้าผากตัวเองที่เป็นรอยแดงจางๆ แววตาสีวาวยังคงจ้องหน้าผมเหมือนเอาเรื่อง...แต่มึงคงอ่านออก ตอนนี้ผมกำลังบอกคุณมึงว่า...

‘ลุกไปอาบน้ำ! เชี่ย! เตียงกู อย่ามาซกมก!’

ตรินทร์ เดินกระแทกเท้าเข้าห้องน้ำก่อนปิดประตูเสียงดัง...ซักพักว่าที่ประตูนั้นแง้มออก...ไอ้คุณชายตรินทร์ มันโผล่หัวออกมา...ผมอาศัยจังหว่ะหมั้นไส้ เขวี้ยงผ้าเช็ดตัวกะให้เข้ากลางหน้า ตรินทร์ พอดี...แต่ ตรินทร์ ดันเสือกสติดีคว้าไว้ได้ก่อนไอ้คุณชายมันมองผมตาขวางๆเหมือนรู้ว่าผมจะแกล้งแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร...ได้ผ้าเช็ดตัวแล้วมันก็ผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำใหม่...

....ซัก 5 นาที กว่าจะเดินตัวเปียกออกมา...ผ้าเช็ดตัวผืนนั้นไม่ได้สัมผัสร่าง ตรินทร์ หรอก...เพราะผ้าผืนนั้นตอนนี้อยู่บนหัวที่เปียกโชก ผมได้แต่นั่งมองหน้าตรินทร์...

ไอ้คุณชายนี่...นอกจากเรื่องใช้กำลังกับสั่งการแล้ว... มันทำอะไรอื่นเป็นอีกบ้าง?

คิดย้อนแล้วทบทวนรวมไปทั้งหาข้อสรุป... เด็กหนุ่มข้างหน้าผม หน้าตาก็ไม่ได้ขี้เหล่อะไร ออกจะติดหล่อด้วยซ้ำ (เป็นญาติลูกพี่ลูกน้องผมจะขี้เหล่ได้ยังไง) ทำไมทำตัวซกมกได้ขนาดนี้... ทุกครั้งที่เข้าไปอาบน้ำมันจะมีสักครั้งไหม? ที่มันจะหยิบผ้าเช็ดตัวติดเข้าไปด้วย ...หรือเป็นเพราะผมที่สปอยมันจนเคยชิน…

แต่ต่อจากนี้ไป ตรินทร์ คงเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ มองหน้า ตรินทร์ แล้วผมนึกไปถึง หญิงสาวอีกคนที่เหมาะสมกับตรินทร์ เธอคนนั้น ‘พระแพง’ คู่หมั้น ตั้งแต่เด็กของ ตรินทร์ ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ทำให้คนที่ไม่สนใจอะไรอย่างมันยอมแทบทุกอย่าง...คนสองคนที่เกิดมาเผื่อกันและกัน... อีกแค่สองปี ตรินทร์ ก็จะแต่งกับพระแพง...แล้วทิ้งผมไว้คนเดียว...

..............
............................

"เจ็บ!"

ผมสะดุ้งสุดตัว พร้อมจับไปที่ข้อมือของผมที่เป็นรอยฟันเกือบครบทุกซี่...เฮ้ย!คุณชายครับจะเอามือผมไปกัดทำไม?! ผมจ้องหน้าเหมือนขอคำตอบแต่ ตรินทร์ กลับพลิกตัวนอนหันหลังให้ นานซักพักกว่าจะได้ยินเสียงหายใจเบาๆเป็นจังหวะ...เจริญ...ปล่อยให้คอยแล้วนายหลับสบาย!

...เหมือนหัวเสีย...ผมพลิกตัวหันหลังให้ ตรินทร์ บ้าง...ไม่ใช่เพราะโกรธ แต่เป็นเพราะความรู้สึกแปลกๆ ผมยกข้อมือข้างที่ถูก ตรินทร์ กัดขึ้นมาแล้วเลียซ้ำลงไปที่รอยกัดนั้นเบาๆ ความรู้สึกแปลกๆประดังเข้ามาในหัวพร้อมๆกับเสียงหัวใจที่เต้นรัว ผมเป็นเหี้ยไรอีกแล้ว…

..............
............................


"โฆ...หนูแพงโทรมา"

แม่นิ่ม เรียกผมแต่เช้า ‘พระแพง’ จะโทรหาผมทำไม ? ผมไม่ใช่คู่หมั้นเจ้าหล่อนซักหน่อย...

ผมงัวเงียหัวเสียพาลหาเรื่องไปถึง 'ว่าที่เจ้าบ่าวตัวดี' ของ พระแพง ...ก่อนจะลืมตาเห็น ตรินทร์ นอนอยู่ในวงแขนและขาของผมที่ก่ายพาดกอดมันไว้ทั้งตัวตอนนี้ไอ้คุณชายมันหลับไม่รู้สึกตัวแต่ยังไม่วายซุกหน้าเข้ากับแผงอกผม...พอสำนึกได้ก็รู้สึกว่าลมหายใจอุ่นๆของ ตรินทร์ กำลังเป่ารดแผงอกผมอยู่ ไม่ต้องคิดภาพอะไรมากกว่านี้ แค่นี้ลูกชายตัวดีของ ผมก็ตื่นขึ้นมาโดยไม่ต้องปลุก...ดี้ด้าเชียวนะ ผมรู้ว่าผมแข็งแรง...

...แต่... 'คุณลูกชายครับ’ ไม่ต้องให้ ไอ้คุณชายตรินทร์ มันรับรู้ด้วยก็ได้...

...ผมค่อยๆดึงมือและขากลับออกมาแล้วพลิกตัวเร็วๆออกจากเตียงเดินกึ่งวิ่งลงไป ตามเสียงแม่นิ่มข้างล่าง...ไม่ได้อยากมารับโทรศัพท์นักหรอก...แต่ทนเห็นลูกชายตัว เองกระดี้กระด้ากับ ตรินทร์ ไม่ได้...

..............
............................

Part โฆษิต


..แสงไฟ กับเสียงเพลง ดูจะดึงสติไอ้หล่อญาติผมตอนนี้ไปทั้งหมด ต่างกับผมที่แสงกับเสียงนั้นไม่ได้เข้าไปยังสมองน้อยๆของผมเลย ตรินทร์ ยังคงกรอกเบียร์เข้าปากไม่หยุด ...เกือบครึ่งชั่วโมงกว่าฤทธิ์เบียร์จะทำให้ไอ้คุณชายมันลุกเต้นแล้วแหกปากตามนักร้องผิวสีที่เล่นดนตรีสดอยู่บนเวที...เห็นมันปล่อยตัวขนาดนั้นผมได้แต่สองจิตสองใจว่าจะบอกมันดีหรือเปล่าว่าที่พามันมาร้านนี้ เพราะ ‘เธอ’ กลับมาแล้ว เสียงในโทรศัพท์เมื่อเช้ายืนยันได้เป็นอย่างดี พระแพง กลับมาจากญี่ปุ่นแล้ว และเธออยากเจอ ตรินทร์...ดูเหมือนความเชื่อใจของ ตรินทร์ มันมักจะถูกผมใช้อย่างเคยชิน ทั้งๆที่พวกเรามีร้านประจำอยู่แล้ว และทั้งๆที่มันเองก็เป็นนักดนตรีอยู่ร้านนั้น แต่พียงแค่ผมเอ่ยปาก...มันก็ลากสังขารมาร้านใหม่ได้อย่างไม่ยากเย็น...ถ้ามันรู้ว่าร้านนี้ ‘เธอ’ เป็นคนเลือกไม่ใช่ผม มันจะรู้สึกยังไง?

“ตรินทร์ ...ที่รักมา...”

ผมกระซิบบอกมันเบาๆก่อนจะคิดเดินหลบฉากไปเข้าห้องน้ำ...

..ถึงจะคิดอย่างนั้น แต่พอรู้สึกตัวอีกทีสองขาผมมันไม่ได้พาไปห้องน้ำอย่างที่คิด....แต่มัน...พาผมลงไปที่ทางออกชั้นล่างแทน... ปลายหางตา ผมเห็น พระแพง กำลังเดินเข้ามาในคลับ...เธอสวยจนสะกดเกือบทุกสายตามีก็แต่ ไอ้คุณชาย ที่มัวตะโกนร้องเพลงตามนักร้องไม่ได้สนใจสุดที่รักของมันสักเท่าไหร่...จะว่าไปตอนนี้ ตรินทร์ ไม่มีสติอะไรมากนัก ผมรู้ว่ามันเมามากไม่ควรทิ้งมันไว้อย่างนี้ แต่ทำไมพอเห็น พระแพง เดินเข้ามากลับต้องเป็นผมที่ต้องหลบออกไป... บางทีให้ พระแพง ดูแลมัน อาจจะดีกว่าผมดูแลมันก็เป็นได้... สมองผมว่างไปนานพอรู้สึกตัวอีกทีผมทิ้งตัวลงข้างฟุตบาทหน้าคลับ           
               
‘ทำไมสมองมันว่างหัวใจมันเคว้งอย่างนี้?’

แรงสั่น ของโทรศัพท์ในกระเป๋าดึงสติผมกลับมาอีกครั้ง คงเพราะผมมัวแต่เหม่อนึกถึงเรื่อง ตรินทร์ กับว่าที่คู่หมั้นจนไม่ได้ดู Miss call ที่ไม่ได้รับเกือบ 10 สายที่โทรเข้ามา ‘Zitrin’ ผมกดรับโทรศัพท์แต่ยังไม่ทันพูดอะไร เสียงปลายสายก็ดังเหมือนละเมอเข้ามา

“ทิ้งกู...มึงกล้าทิ้งกู!”

น้ำเสียงไอ้คุณชายมันเหวี่ยงได้ที่ ลองมันสิ้นคิดพูดนอยแดกออกมาแบบนี้ได้ รับรองว่ามันเมาได้ใจ...และที่แน่ๆมันไม่ได้อยู่กับ พระแพง เพราะไม่มีทางซะหรอกที่มันจะ ‘หลุด’ ต่อหน้าเธอคนนั้น

“ที่ไหน?”

น้ำเสียงมันที่กรอกลงโทรศัพท์มาทำเอาผมเดาหน้ามันตอนนี้ได้ไม่ยาก ท่าไอ้คุณชายจะโคตรหัวเสีย...

“...หน้าบาร์”

ผมกัดฟันตอบ ใจหนึ่งห่วงมัน ใจหนึ่งไม่อยากขึ้นไปแล้วเห็นเธอคนนั้นกับมัน...

“ขึ้นมาด่วน...กูอยากกอดมึง... กูอยากกลับบ้าน...”

ไม่ต้องรอให้พูดซ้ำผมรีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้นสามของคลับ...วิธีการพูดกับน้ำเสียงในสายผมว่ามันแปลกไป ...ถ้าให้เดา ตรินทร์ มันอัดยากล่อมประสาทเข้าไป ก่อนดื่ม...ทำไมผม ไม่คิดนะ?... ทำไม?! กับการที่เธอคนนั้นกลับมาทำผมลืมได้ขนาดนี้เลยหรือ? สีหน้าเมื่อตอนเย็นของไอ้คุณชายมันก็พอบอกได้บ้าง...

แต่ผมเองที่ไม่ได้สนใจ ตรินทร์ อัดยาเข้าไปเพื่อกดอาการปวดหัวที่มันเป็นมาตลอด... แต่ผมยังลืมปล่อยให้มันดื่ม นี่ผมคิดแต่จะหลีกทางให้เธอคนนั้นจนปล่อยให้ ตรินทร์ เป็นถึงขนาดนี้? แค่ผู้หญิงคนนั้นคนเดียวทำให้ผมปล่อยมือจากคนสำคัญที่สุดได้...งั้นหรือ? นี้ใช่ผมจริงๆใช่ไหม? นี้ใช่มึงจริงๆใช่ไหม.....

...นี้เป็นมึงจริงๆใช่ไหม ?! ไอ้เหี้ยโฆ!

..............
............................


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2013 22:29:25 โดย Zitraphat »

ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
บทนำ 2 #   Please come back to me.
Part พระแพง



ร่างเพรียวระหงก้าวขึ้นบันไดชันอย่างมาดมั่นแม้จะใส่ส้นสูงเกือบ 4 นิ้วริมฝีปากอิ่มสีแดงสดเม้มแน่นเข้าหากัน...แต่ไม่ได้ทำให้ความสวยของเด็กสาวในชุดเดสสั้นสีครามลดลงแม้แต่น้อย... เสียงเพลงจากชั้นบนเบาลง ก่อนจะมีเสียงเบสกระหึ่มขึ้นใหม่ หญิงสาวเริ่มจะหัวเสียเมื่อก้าวเข้ามาถึงชั้น 3 ของคลับ

...ทันทีที่ประตูกระจกเปิดออก สายตาหลายคู่ข้างในนั้นก็พากันจดจ้องอยู่ที่เธอ แม้จะเคยชินกับสายตาที่มองเธออย่างชื่นชม แต่หลายครั้งก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกบางอย่าง...       

‘สายตาพวกนั้น...ควรจะหลุบลงต่ำยามเธอ ย่างกราย...’                                     

…แต่นั้นก็แค่ความคิดที่แวบเข้ามา...มันค่อนข้างไร้สาระ เมื่อคิดถึงสิ่งสำคัญที่ทำให้เธอรีบมาที่นี้ทันทีที่ลงจากเครื่อง...เพราะคนๆนั้นลางสังหรณ์แปลกๆมันเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ จนเธอตัดสินใจบินกลับมาเมืองไทย ทั้งหงุดหงิด ทั้งร้อนรุ่ม ทั้งกระวนกระวาย... มันต้องมีอะไรมากกว่าความรู้สึก...แล้วเธอก็พบตัวต้นเหตุ ‘เขา’ อยู่ตรงนั้น…

โครงหน้าคมตัดกับแววตาสีแปลกรับกับจมูกเชิดอย่างลงตัว ตอนนี้ชายหนุ่มร่างสูงสมส่วนขยับและโยกไปตามจังหวะเพลงอีกทั้งยังตะโกนแหกปากร้องคลอไปกับนักร้องบนเวที ดูจากสภาพแล้วมันเกินคำว่าเมา…ก่อนที่นางพญาอย่างเธอจะก้าวเข้าไปหา‘ว่าที่คู่หมั้น’ ปลายหางตาคมของหญิงสาวก็กวาดไปเห็นหลังกว้างของใครคนหนึ่งเดินหลบเลี่ยงลงชั้นล่างหายลับไป…ไม่แปลกถ้า ‘ตรินทร์’ อยู่ที่นี้… ‘โฆษิต’ ก็คงอยู่ไม่ห่าง...ทั้งคู่หมั้นของเธอและลูกพี่ลูกน้อง มันเกินกว่าคำว่าสนิท…แต่ถึงจะอย่างไร พระแพง ก็รู้ดีว่า โฆษิต จะไม่มีวันชนะเธอ…ถ้าเธออยากได้อะไรเธอจะต้องได้...โดยเฉพาะ ตรินทร์! คนๆนั้นเป็นของเธอก่อนที่จะเกิดเสียด้วยซ้ำ... แค่คนๆนั้นเท่านั้น…

...แล้วมันก็แว่วเข้ามา....

เสียงเพลงทำนองแปลกดังเข้ามาในโสตประสาทดึงสติเด็กสาวให้ก้าวตามทำนอง พระแพง เลือกที่จะเดินเข้าไปในอีกโซนของคลับแทนที่จะก้าวไปหาว่าที่คู่หมั้น...ร่างบางเอนกายนั่งนิ่งบนโซฟาตัวนุ่ม เสียงเพลงที่แตกต่างจากด้านนอกทำให้อารมณ์เริ่มผ่อนคลาย จนเด็กสาวอดไม่ได้ที่จะขยับตัวช้าๆตามทำนองเพลงเสียงแปลกแต่แสน..คุ้นเคย...

เกือบ 2 ชั่วโมงที่เธอปล่อยตัวปล่อยใจไปกับทำนองเพลงนั้น เหมือนมันฝังอยู่ในทุกอณู เสียงเพลงทำนองแปลกแต่ไพเราะอย่างที่สุด... หากทำไม ‘เขา’ ถึงไม่ยอมเข้ามาฟัง.... ทำนองที่โหยหา...และที่น่าแปลกกว่านั้น...เธอเองยังอดแปลกใจไม่ได้ ทำไม? เธอ ถึงไม่เดินไปหา? ตรินทร์…

...เสียง เพลงหยุดลงไปแล้วเหลือเพียงเด็กสาวที่ทิ้งตัวลงพิงโซฟาอย่างเต็มหลัง ทั้งๆที่รักคนๆนั้นมากเหลือเกิน แต่ทำไมถึงรู้สึกแปลก...หัวใจเหมือนยังโหยหา หัวใจเหมือนกำลังจะแหลกสลาย ทั้งๆที่ความสุขอยู่ตรงหน้าทำไมน้ำตาถึงยังไหล?...ทั้งๆที่ไขว่คว้าคนๆนั้นไว้ได้แล้ว...แต่ทำไม? ...ความเจ็บปวดมันถึง...ไม่จางหาย...

“เหนื่อยหรอคะ? ”

เสียง แปร่งปนหวานดังขึ้นข้างๆ พร้อมๆกับปลายนิ้วของเจ้าของเสียงที่ถือวิสาสะไล้คราบน้ำตาบนใบหน้านวล แววตาวาวคู่นั้นแทบทำให้ พระแพง ลืมหายใจ....กลิ่นน้ำหอมกลิ่นแปลกรวมไปถึงรอยยิ้มเฉพาะตัวที่คุ้นเคยกำลังทำให้หัวใจนั้นพองโต พระแพง ไม่เคยรู้จักหญิงสาวตรง หน้าหากแต่คุ้นเคยอย่างที่สุด...ไม่เคยอ่อนแอต่อหน้าใคร หากแต่พอปลายนิ้วเย็นนั้นสัมผัส น้ำตามันกลับไหลไม่หยุด…

“อ้าว! คุณหนู...ร้องทำไมคะ ? เหนื่อยนักก็พัก...ดื่มอะไรไหม ? เดี๋ยวเลี้ยง นี้เห็นว่าเต้นสวยนะเนี้ย”

น้ำเสียงนั้นเหมือนจะพรั่งพรูมาพร้อมรอยยิ้มและความเอาใจใส่...แต่สำหรับ พระแพง ม่านน้ำตาเหมือนจะบดบังทุกสิ่ง หญิงสาวเบื้องหน้าเหมือนชิ้นส่วนที่ขาดหายไป...ยิ่ง พระแพง เอาแต่ร้องไห้ หญิงสาวเบื้องหน้ายิ่งทำอะไรไม่ถูก...

.............
............................


Part ภัทร

..สติ เหมือนจะอาบไปด้วยน้ำเมา...ส่งผลลามไปถึงใบหน้า ผิวหน้านั้นเริ่มจะรู้สึกหนาวๆร้อนๆ จนกลายเป็นสีหน้าแดงระเรือ...รอยยิ้มกว้างที่ดูจะติดกระล่อนได้แต่ยิ้มปลอบเด็กสาวบนโซฟา สมองมึนๆมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ ทำให้โลกมันดูสดใสแบบเบลอๆแปลกๆ...

ว่าจะแค่แวะเข้ามาดูโซนนี้เพราะเสียงเพลงทำนองแปลกแต่คุ้นหูแท้ๆ แต่พอสายตามันหยุดอยู่ที่ร่างบางบนโซฟาทันทีที่เห็น ‘คุณหนู’ นี้ขยับไปตามทำนองเพลง ร่างกายมันกลับเหมือนโดนมนต์สะกดให้เข้ามาหาซะงั้น...แล้วอยู่ๆ ‘คุณหนู’ นี้ก็ร้องไห้ ทำเอาหัวใจแทบตกไปตาตุ่ม...เศษเสี้ยวความรู้สึกที่อยู่ลึกๆบอกตนเองว่า...

‘ดวงตาเศร้าคู่นั้น ไม่สมควรจะมีหยาดน้ำตาอีก’

ปฏิเสธไม่ได้ว่าตน...เกือบจะเผลอโอบร่างบางที่สะอื้นไห้ ให้มาซบกับไหล่ตัวเองแล้ว... แต่พอจะเอื้อมคว้าร่างบางเบื้องหน้าตนกลับถูกกระชากออกมาซะงั้น แรงไม่ใช่น้อยๆ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร...ไอ้หมอบ้านั่นชัวร์! ขัดตลอด!ว่าแล้วก็หันไปดูตัวการซะหน่อยกะจะโวยวายแต่สายตาวาวเหลือบเงินก็ดูดุเสียจนคนที่คิดจะโวยต้องหลบตา…

“พอได้แล้ว เมาขนาดนี้ก็กลับเถอะ พรุ่งนี้เรามีเวรคลินิก”

เสียงเข้มดังขึ้นตามอารมณ์ของเจ้าของเสียง คนเมาถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเอนตัวออกมาจากแผงอกกว้างที่ตนถลาไปซบตามแรงดึง แม้เพื่อนสาวตัวดีจะดันตัวออกแต่วงแขนใหญ่ยังกระชับอ้อมกอดให้ร่างนั้นแนบแน่นเข้าไปอีก 'ภัทร' ได้แต่เงยมองใบหน้าเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ทำนิ่งไม่สนใจแถมยังยักไหล่ทำไม่รู้ไม่ชี้แค่หายไปไม่ถึง 10-20 นาที แค่นี้ 'ไอ้คุณหมอ' มันต้องมาตามเลยหรอไงเนี้ย...โหดชะมัดนี้ขนาดเป็นแค่เพื่อนนะ...

“23.24 น. ที่ตกลงกันไว้ 00.15 น. นะคุณหมอ”

น้ำเสียงติดตลกของคนเมาที่เพิ่งโดนกระชากให้เข้ามาซบแผงอกกว้าง บ่นปนขำ แต่ข้อมือของคุณหมอร่างใหญ่ที่ยังจับอยู่กับต้นแขนเพื่อนสาวขี้เล่นไม่ได้คลายน้ำหนักลงเลย ซ้ำตาแววสีแปลกยังดูเครียดขึ้นกว่าเก่า ...ก่อนภาษาไทยคำแปลกจะพ่นออกมาอย่างหัวเสีย ประโยคคำแปลกที่เจาะจงให้แค่ผู้ถูกพาดพิงเท่านั้นเข้าใจ

“นาง...จะจากสวรรค์วิมานชั้นไหนก็เถอะ อย่ามาใช้น้ำตาล่อลวงเฉกนี้ หญิงกาลี อย่ามาพรากสิ่งใดไปอีกเลย..”

ภัทร ได้แต่มองหน้าเพื่อนหมอร่างใหญ่..

‘พูดอะไรวะ?เสียงเย็นยังกับจะขู่ฆ่ากับแค่มีเด็กผู้หญิงมาร้องไห้หน้าเราเนี้ยนะ... ตลกหล่ะ!’

ว่าแล้วหญิงสาวหันไปยิ้มปลอบกับ สาวน้อยร่างบางตรงหน้า ก่อนจะโดนเพื่อนร่างยักษ์ลากตัวออกมา โดยไม่ให้ทันตั้งตัว!

‘เฮ้ย!เดี๋ยว! ยังไม่ได้บอกลาน้องเขาเลย ไอ้หมอสัต! เดี๋ยว!’

..............
............................


..พระแพง ได้แต่มองตามร่างหญิงสาวที่เพิ่งโดนวงแขนใหญ่ล็อคคอ แล้วลากออกไปจากคลับ ...

แค่เห็นเจ้าของแววตาวาวนั้นห่างไป หัวใจมันก็แทบจะหยุดเต้น... ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่นจนเกือบจะห้อเลือด พระแพง ได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจ เธอจำแววตานั้นได้ จำได้แม้กระทั้งความรู้สึกยามอยู่ใกล้...

...พวกอมนุษย์นั่นอีกแล้ว...

เธอเพิ่งเข้าใจ ทุกอย่างมันถูกบิดเบือน ‘เขา’ คนนั้นไม่ใช่ ‘เขา’ ที่ควรจะเป็น ทุกอย่างมันจะต้องเป็นอย่างที่มันควรจะเป็น เธอต้องได้ทุกอย่างที่เป็น ‘ษิตรินทร์’ เป็น ‘คนๆนั้น’ ไม่ใช่แค่ร่างกายแต่ต้องได้ทั้งหมด!


...เธอต้องได้ แม้แต่ปราณแห่งวิญญาณ ที่อยู่ผิดที่!


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2013 22:30:59 โดย Zitraphat »

ออฟไลน์ kosmos

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: >29 G.Become 21 Boy. ถ้ากล้ารักจะจัดให้!
«ตอบ #3 เมื่อ22-04-2012 23:35:51 »

เย้ มาแล้ว  :กอด1: กอดคนเขียนค่ะ

ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
บทที่ 3 Call me back.แรกเจออันเลือนลาง

จักคงอยู่เคียงคู่กันไป...

จักใช้ลมหายใจเดียวกัน...

จักอยู่ดำรงค์เพียงถึงวันนั้น ...

วันที่นางตามเราเจอ...ข้าจักไป...หากวันนั้นมีจริง...



...7 และ 8 และ 9 และ 10  และ 11 ...12..13 ...14 ..15..16...17...18.....27..28...29 ...30...      ทันทีที่สิ้นคำว่า 30 แรงกดของข้อมือที่ทิ้งลงที่แผ่นอกกว้างซ้ำเป็นจังหวะก็หยุดลง มือที่เคยใช้ทิ้งน้ำหนักเปลี่ยนเป็นเชยดันคางที่เปียกชื้นให้เงยขึ้น

ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกส่งให้ทันทีที่ริมฝีปากเย็นทาบปิดครอบริมฝีปากหนาของร่างเปียกที่ไร้สติจนมิด  มันไม่ได้เหมือนนิยายที่ความหวานของริมฝีปากจะปลุกสติที่กำลังจะดับสนิทให้ตื่นได้ง่ายๆ 

...นี่มันเป็นเรื่องของความเป็นความตาย...ริมฝีปากไม่ได้หวานชวนชิม ในความเป็นจริงมันขมด้วยรสแอลกอออล์ที่พยาบาลจำเป็นยังซับเอาไว้ในกระแสเลือด 

แทบสร่างเมา! ไอ้หมอตัวไหนนะที่กรอกหูอยู่เสมอ

'ชั่วเสี้ยวนาทีที่เราลังเลตัดสินใจ มันอาจหมายถึงทั้งชีวิตของใครสักคน'

.............
............................


เพราะประโยคของไอ้เพื่อนหมอนั่นล่ะ ที่ทำให้ต้องมาเป็นพยาบาลจำเป็นอยู่แบบนี้ ทันทีที่ออกมาจากผับ โทรศัพท์ไอ้เพื่อนหมอก็ดังขึ้นถึงจะเมาแต่ก็เดาได้ รู้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย เคสด่วนมาประชิดตัว ถึงใจจะไม่อยากปล่อยเพื่อนสาวแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากหน้าที่ หญิงสาวถูกผลักยัดเข้า Taxi แบบมึนๆมีแต่คำสั่งการของเพื่อนหมอกับเงินแบงค์สีแดงสามใบที่ยัดใส่มา...

..หลับไปสักพักถึงได้รู้ว่ายังไม่ถึงบ้าน รถ Taxi จอดนิ่งแบบไปไหนไม่ได้เมื่อรถเก๋งคันใหญ่จอดขวางกลางถนน ร่องรอยของอุบัติเหตุ แบบสดๆร้อนๆ เสียงโวยวายจากไทยมุงกับการจอดแบบแทบต้องดับเครื่องรถทำให้ ภัทร ต้องฝืนตัวเองให้สร่างแล้วลากสังขารขึ้นมาจ่ายเงินค่ารถแบบมึนๆ

...เดินออกมาแบบไร้วิญญาณเพื่อพบกับร่างใหญ่ที่เพิ่งโดนลากขึ้นจากน้ำ...

.............
............................

...ไม่ลังเลเลยที่จะยกมือเมื่อพี่ชายแปลกหน้าที่เพิ่งลากร่างนั้นขึ้นมาจากน้ำถามหาใครสักคนที่ทำ CPR. เป็น

.............
............................


ก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจของพยาบาลจำเป็นเต้นแรงเป็นสองเสียงซ้อนกันอีกครั้งเมื่อทำ CPR. มารอบนี้รอบที่สามแล้ว...แต่ร่างใหญ่ยังไม่มีวีแววใดๆตอบสนอง ข้อแขนเริ่มจะล้าความรู้สึกที่เหมือนตัวเองกำลังชักกะเย่อกับความเป็นความตายทำเอา พยาบาลจำเป็นหัวเสียไม่ใช่น้อย

"สัดเอ้ย! แขนตึงๆ!สิว๊ะ! แม่งแขนฉันจริงรึเปล่าเนี้ย!บอกให้ตึงๆ! 9 และ 10 และ 11...12...13...14...เหี้ย!..ตื่นสิ"

สติแตกจนเริ่มเหวี่ยงกับตัวเองไปแล้วตอนนี้ เหมือนการต่อสู่ที่ใช้ทั้งแรงและลมหายใจของคนอารมณ์รั้นกำลังจะแพ้ต่อสิ่งที่เรียกว่าความตาย ฝูงคนรอบข้างที่มุงดูเหมือนจะถอดใจยอมรับกับผลที่ยังไม่เกิด

...เมื่อตอนนี้ความสงสารที่บรรดาไทยมุงมีให้ก็แต่พยาบาลจำเป็นที่น้ำตาคลอเบ้าสติแตก จนเริ่มจะหันมาสั่งพร้อมพร่ำด่าตัวเองเมื่อท่อนแขนที่ทำงานอยู่นั้นไม่เป็นอย่างที่สมองสั่งงาน       

"น้องพอเถอะ...แขนน้องสั่นไปหมดแล้ว ..."

พี่ร่วมกตัญญูที่คอยเฝ้าอยู่ตลอดตอนนี้ถอดใจจนเอ่ยปากออกมาเองแล้ว สำหรับความช่วยเหลือที่หญิงสาวมอบให้ชายแปลกหน้าที่นอนนิ่งอยู่ตอนนี้ แววตาวาวเงยหน้าขึ้นมาจดจ้องคนร้องห้าม แต่ท่อนแขนตึงที่สั่นเพราะความล้ายังคงกดลงพร้อมๆกับการนับจังหวะหายใจ... สายตาเย็นเหมือนจะเผาคนที่ถูกจ้องให้เป็นเป็นกองเถ้าถ่าน...

"ไอ้คิงส์...คิงส์มึงตายแบบนี้ไม่ได้นะ! เหี้ยคิงส์ ฟื้นเถอะ! คิงส์ !คิงส์!"

เด็กผู้ชายหน้าโหดตัดสกิลเฮดที่นั่งอยู่ด้วยกันท่าจะเป็นญาติหรือไม่ก็คนรู้จัก เพราะน้ำตาลูกผู้ชายตอนนี้เริ่มจะพรั่งพรูออกมาแล้ว CPR. รอบที่ สี่ เริ่มขึ้นพร้อมลมหายใจที่ถูกส่งเข้าปอดของอีกคนที่นอนนิ่งไร้การตอบสนองอีกครั้ง...

"ชื่อคิงส์ใช่ไหม? ฉันเหนื่อยแล้วนะคุณคิงส์ ...ตื่นซะทีเถอะคุณคิงส์...อย่าให้ฉันต้องโดนประณามว่าทำคนตายเลยนะ...คิงส์ตื่นเถอะ..."

น้ำเสียงหอบพร่ำอ้อนวอนกับร่างที่ไร้สติแต่ข้อมือที่ประสานกันเพื่อกดถ่ายน้ำหนักลงแผงอกยังคงเป็นจังหว่ะสม่ำเสมอ

...ทว่าไร้การปฏิกริยาใดๆ....ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่นเหมือนโดนขัดใจที่ร่างใหญ่ยังไร้การตอบสนอง...

ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกส่งเข้าไปใหม่พร้อมกับรสชาติของเลือด...เมื่อพยาบาลจำเป็นนั้นข่มอารมณ์ตนเองไว้จนเผลอกัดริมฝีปากตัวเอง ... 

'ฉันจูบแกไปกี่รอบแล้ว!ไอ้สัดคิงส์! ถ้าฉันยอมเสียแรงเหนื่อยโดยที่ไม่ว่ายังไงนายก็ยังจะตายให้ได้...ก็ไม่ใช่ฉันแล้ว!'

อีกครั้งที่ไร้การตอบสนอง ข้อแขนเย็นคลายออกจากการประสาน แล้วย้ายมาจับกดอยู่ที่ลำคอหนา ก่อนปลายนิ้วเย็นจะกดจิกช่วงลำคอนั้นไว้  ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกส่งให้ร่างที่ฝูงชนตัดสินแล้วว่า  'ไม่รอด'  อีกครั้ง ความเย็นของริมฝีปากจากร่างที่นอนนิ่งที่เริ่มจะรู้สึกได้ทำเอาเส้นบางๆที่เรียกว่าสติขาดผึง

.............
............................

"สัดเอ้ย! ไอ้คิงส์...ฉันบอกให้ตื่น...จะตายก็ไปตายตอนอื่น! อย่ามาตายตอนฉันตัดสินใจช่วย!สิว๊ะ! ฉันบอกให้ตื่น!"

เสียงของพยาบาลจำเป็นแข็งขึ้นมาเมื่อเส้นสตินั้นมันขาดกระจุย... บรรดาไทยมุงแทบสะดุ้งเมื่อ ไอ้ประโยคเมื่อกี้มันไม่ใช่การอ้อนวอนขอกับคนที่กำลังจะตาย แต่มันเป็นคำสั่ง...ไม่ให้ตาย!'

"....."

"เฮ้ยคิงส์.!..ฉันบอกให้ตื่น! "

..............
............................


พี่ร่วมกตัญญูที่อยู่ข้างๆแทบสะดุ้งเมื่อร่างที่เคยไร้ลมหายใจกระตุกเฮือกแล้วสำลักไอ  ข้อมือใหญ่ตะกายคว้าเข้าที่คอเสื้อพยาบาลจำเป็นเหมือนคนกำลังจมน้ำแล้วเจอทุนช่วยชีวิต  แรงดิบที่ดึงกระชากอย่างไม่ทันตั้งตัวนั้นส่งผลให้เสื้อคอวีที่พยาบาลจำเป็นสวมอยู่ฉีกขาดลากยาวมาเกือบถึงเอว... 

...ดีหน่อยที่ใต้เสื้อนั้นสวมเสื้อซับไว้อีกชั้น ไม่งั้นคนเมาได้สร่างเมาอีกรอบ...

...คนที่เพิ่งขึ้นมาจากความตาย ปรือตามอง ภาพเบื้องหน้า...สิ่งที่เห็นมีแค่ภาพลายเส้นของดอกชบาสีแดงทับรูปอะไรสักอย่าง...แววตาสีวาวจดจ้องลงมา....พร้อมแรงของฝ่ามือที่ตบลงใบหน้าแบบเต็มแรงก่อนสติจะดับไป....

..............
............................

มันไม่มีความบังเอิญ ถ้ายังมีสิ่งที่เรียกว่าพรมลิขิต ....

..............
............................

จบจากเหตุการณ์แล้วแต่บรรดาไทยมุงยังวิจารณ์กันไม่จบ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับพวกผู้มีอิทธิพลจนทำให้รถสปอร์ตคันหรูชนเข้ากับรถเก๋งอีกคันจนถลาลงน้ำเคราะห์ดีหรือเคราะห์ร้ายไม่รู้ ที่พลเมืองดีช่วยเจ้าของรถคันนั้นไว้ได้ในสภาพใกล้ตายเพราะจมลึกลงลำน้ำ...

แต่...ที่ยังพูดกันไม่จบปากต่อปากก็ต้องเป็นเรื่องของพยาบาลจำเป็นที่สามารถ 'สั่ง' ให้ 'คนตาย' ฟื้นขึ้นมาได้นั่นล่ะ....เรื่องแปลก!

....และที่แปลกกว่านั้นไอ้หนุ่มดวงแข็งที่โดนเรียกให้กลับมาจากความตาย มันดันสลบเมือดกับแรงฝ่ามือของคนเรียก เพียงเพราะดันไปดึงเสื้อเขาจนขาด ...แต่ว่าก็ว่านะ เนินอกขาวนั้น

.....
..
.

รอยสักมันแปลกจริงๆ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2013 22:36:43 โดย Zitraphat »

wolfram

  • บุคคลทั่วไป
Re: >29 G.Become 21 Boy. ถ้ากล้ารักจะจัดให้!
«ตอบ #5 เมื่อ23-04-2012 00:19:59 »

มาลงแล้ว!! เย่!!

ถึงว่าครั้งที่แล้วอ่านแล้วงง  :really2:

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
บทที่ 4 Why I can't run away . เล่ห์ตะบองพลำ...[1]


"ภัทร...ทำไมไม่ไปนอนที่ห้อง"

เสียงทุ้มเบาของคุณหมอเหมือนปลุกสติที่มีแบบครึ่งๆกลางๆให้ตื่นรับสัมผัสจากมืออุ่นที่ค่อยๆลูบซ้ำๆลงบนแก้ม ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดลงมาทำให้แทบอยากหลับตาลงไปใหม่...

"เมื่อคืนมีเรื่องนิดหน่อย....เลยลงมานอนที่ห้องหมอ...ได้กลิ่นหมอแล้วมันอุ่นใจ"

เสียงอู้อี้เพราะคนพูดซุกใบหน้าเข้าหาหมอนใบใหญ่  เสื้อตัวเก่งที่ถูกถอดออกกองอยู่บนที่นอน เหลือแค่เสื้อซับลายลูกไม้ที่ใส่อยู่ กับบอกเซอร์(?) คุณหมอใช้มืออีกข้างเอื้อมหยิบเสื้อตัวนั้นเพื่อจะเอาไปใส่ถังผ้า แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นรอยขาดที่ทำให้เสื้อกลายเป็นแค่เศษผ้า...

"ภัทร!"

...เหมือนรู้ดีกับน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป...

...หญิงสาวโผล่หน้าออกมาจากหมอนใบโตแล้วใช้สายตาจ้องพร้อมจับมืออุ่นของคุณหมอให้แนบเข้ากับรอยสักบนหน้าอก

"บอกแล้วไงว่าเมื่อคืนมีเรื่อง...นิดหน่อย...แต่ไม่แย่เท่านี่หรอกหมอ...ภัทรได้ยินเสียงมันอีกแล้ว...ยาหมดแล้วด้วยดิ...”

“ใช้ยาเยอะไปหรือเปล่า ภัทร?”

“...หรือหมอจะให้ ภัทร หยุดยา ...แล้วประสาทแดกไปเอง”

“เริ่มเป็นอีกตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“เมื่อคืน...ตื่นเต้นไปหน่อย คงจะเครียดน่ะ อาการมันเลยชัดขึ้น เสียงมันยังดังอยู่จนถึงตอนนี้เลย...หมอเองก็ได้ยินใช่ไหม? ”

เหมือนเลี่ยงคำตอบ... คุณหมอลูบเบาๆบนใบหน้าที่โผล่บนหมอนใบโตแล้วเอ่ยตัดประโยคคำถามที่เจ้าของสายตาวาวเหมือนรอยคอยคำตอบยืนยัน

“โทรไปลางานแล้วพักสมองหน่อยไป...ไปสวนก็ได้ เอากระป๋องไปด้วย”

“แล้วหมอล่ะ?”

“...จะไปเอายาให้ภัทร...”

.................
............................


...กลุ่มเมฆฝนที่รวมตัวกันบดบังแสงแห่งวัน ทำให้สายลมเย็นยามบ่ายกล้ากระเซ้ายอดไม้เขียว กลิ่นของดอกปีบป่าลอยอ้อยอิ่งเหมือนเชิญชวน...พระแพง อดไม่ได้ที่ก้าวเท้าเดินตามกลิ่นหอม ดอกปีบสีนวล ดวงตาคม มัวแต่จดจ้องดอกปีบขาวบนยอดไม้สูงจนลืมมองรอบข้าง...

"กระป๋อง! หยุด!"

เสียงนั้นดังแทรกเสียงอื้ออึ่งที่วุ่นวาย... เสียงที่ฝังอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของความทรงจำ...

... แรงกระแทกจากอะไรบางอย่างทำให้ พระแพง ล้มลงกับพื้นหญ้า กลิ่นสาบสางพัดมาจางๆ แล้วมาหยุดตรงหน้า...

ร่างแมวตัวใหญ่สีมอนั้นแยกเขี้ยวขู่ฟ่อ แววตาสีเหลืองซีดไร้แวว... นั่นยิ่งแสดงให้รู้ว่ามันเป็น ‘สาง’ มันเป็นวิญญาณในซากแมวไม่ใช่แค่แมวธรรมดา...เด็กสาว นิ่งแทบหยุดหายใจ เมื่อ 'มัน' ยิ่งเดินเข้ามาใกล้ กลิ่นเหม็นบวกกับเขี้ยวใหญ่น่ากลัวพอๆกับกรงเล็บที่โผล่ออกมาจากอุ้งเท้า ถึงไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไรแต่ภาพที่เห็นก็แสดงชัดนี่ไม่ใช่ของที่ควรยุ่ง ...

"เหมียวๆๆ"

เสียงร้องเรียกที่มาจากด้านข้างดึงความสนใจจากเจ้าสัตว์เขี้ยวโง้งตัวนั้นไปได้บ้าง พระแพง หันไปตามเสียงนั้น...

รอยยิ้มแกนๆของเจ้าของเสียงเหมือนยิ้มปลอบให้เด็กสาวอยู่นิ่ง พระแพง แทบไม่เชื่อสายตา นั่นเป็นเขาคนนั้น เป็นคนคนเดียวกันกับคนที่เธอกำลังตามหา …

.................
............................

[Part -ภัทร]


..บรรยากาศค่อนข้างอึมครึม...

เมื่อกระป๋องมันไล่กวดแมวบ้าตัวนั้นมาจนหยุดตัวเองไม่อยู่ชนน้องหนูคนนั้นล้มลง และยิ่งแย่กว่านั้นก็ไอ้แมวบ้าที่กระป๋องไล่มามันดันจะหันไปเล่นงานน้องเขานั้นหล่ะ...อุสาจะออกมาเดินเล่นแก้เครียด ดันเจอเรื่องเครียดยิ่งกว่าเดิม...ตอนนี้ที่ทำได้ก็แค่หาทางแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าไปก่อนแล้วกัน

.................
............................

..

ภัทร ร้องเลียนเสียงให้แมวใหญ่ตัวนั้นละสายตาห่างจากเด็กสาว...

จมูกที่เขอะ กรังไปด้วยลิ่มเลือดของแมวใหญ่นั้นฟุดฟิดดมๆระหว่าง ภัทร และ เด็กสาว มันหันไปแยกเขี้ยวกับเป้าหมายใหม่...แต่ไม่นานมันก็หันกลับมาหาเด็กสาวอีกครั้ง...

เสียงขู่ฟ่อมาพร้อมกรงเล็บคมที่ตะปบวาดเข้าหน้า พระแพง จนได้กลิ่นเลือดความรู้สึกแสบปนเจ็บมาพร้อมๆกับเลือดที่เริ่มจับตัวกันไหลเป็นทาง เพียงแค่นั้น สติก็ขาดไป ภัทร เหมือนข่มอารมณ์ไม่อยู่ ริมฝีปากอิ่มสบถออกมาสองสามคำ ก่อนที่รองเท้าผ้าใบคู่นั้นจะเตะอัดเข้าที่ช่วงท้องร่างแมวตัวใหญ่จนมันลอยไปกระแทกกับต้นไม้ด้านข้าง ! มันแน่นิ่งไปก่อนจะเริ่มขยับตัวด้วยอาการแปลกๆ

ภัทร เดินเข้าไปหาร่างนั้นแล้วเตะอัดมันเข้ากับต้นไม้อีกสองสามที  เหมือนฟิวส์ขาด  ไปแล้วโดยสมบูรณ์...อารมณ์ขุ่นไม่ได้ดับลงเมื่อภัทรขยุมจับลำคอแมวตัวนั้นยกขึ้นสูง แล้วสะบัดแรง...

รอยยิ้มเย็นหากแต่หวานได้ใจมีมากขึ้นบนใบหน้า เมื่อ...เสียงขู่ร้องของซากแมวเหมือนจะดังขึ้นแต่แรงกดของอุ้งมือเพิ่มขึ้นจนทำให้เสียงร้องนั้นจมหายไปในลำคอ...

ซากในอุ้งมือตะกายตะหวัดกรงเล็บคมไปทั่วเหมือนยังไม่หมดฤทธิ์ จนปลายนิ้วแข็งกดย้ำแน่นที่ลำคอซากร่างนั้นอีกครั้ง ...จนมันนิ่งไป เจ้าของอุ้งมือถึงได้สะบัดเหวี่ยงซากร่างนั้นอัดเข้ากับต้นไม้ใหญ่ !

"กระป๋อง !ตาม !"

คำสั่งดังขึ้นไม่นานก่อนร่างนั้นจะทันตั้งหลัก...หมาสีดำตัวใหญ่ก็โผล่พรวดออกมาจากซุ้มไม้ เจ้าหมาดำสองหัวนั่นโผล่ออกมาเหมือนรอโอกาส  มันกระโจนงับร่างที่เหมือนเป็นแค่ก้อนเนื้อแล้วลากถอยหลังหายไปในพุ่มไม้

... แต่สิ่งที่ ภัทร เห็นก็แค่กระป๋องหมาของไอ้หมอ งับแมวจรจัดที่ขู่ฟ่อกับเด็กสาว และกระโจนมาจะกัดตน  ก็เท่านั้น...

.................
............................


ภัทร ยื่นมือฉุดเด็กสาวให้ยืนขึ้น...

แววตาสีแปลกที่มองจ้องมาเหมือนสะกด พระแพง ไม่กล้าคิดนะว่าเพียงแค่มองหา คนๆนั้นก็จะปรากฏตัว...

...มือเย็นถือวิสาสะ จับคางเด็กสาวให้หันมาใกล้ ปลายนิ้วนั้นไล้เช็ดตามรอยเลือดเบาๆที่แก้มนวล เพื่อลบรอยแผลที่เกิดขึ้นจากกรงเล็บของแมว...

"ขอโทษนะคะ ตกใจมากไหม? ...พี่ชื่อ ภัทร แล้วคุณหนูล่ะคะ?”

..เพียงแค่ชั่วพริบตา สายตาเย็นเฉียบจากแววตาวาวเปลี่ยนกลับเป็นรอยยิ้มแบบเดียวกันกับที่เคยเจอเมื่อคืน...มันเร็วมากจน พระแพง อดที่จะรู้สึกไม่ได้ว่าทำไม?กาลเวลา ทำให้คนๆนี้...น่ากลัวเกินไป... 

...แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็จะเสี่ยงถ้าคนตรงหน้าเป็น ‘ปราณแห่ง ท่านผู้นั้น’

“พระแพงค่ะ...ชื่อพระแพงค่ะ คุณภัทร...”

.................
............................

Part พระแพง


‘ถึงจะเริ่มต้นแสนงามเท่าไหร่...แต่มันก็จะจบแบบเดิม...ทั้งหมด... ข้าเจ้าเป็นคนทำทั้งหมด ไม่มีคำต่อว่าหรือสั่งเสีย ทุกอย่างหายไปทั้งหมด ทั้งเสียงเพรียกที่หวานหู ทั้งแววตาที่ห่วงใย ข้าเจ้าทำมันหายไปทั้งหมด ด้วยมือข้าเจ้าเอง..!’

...ใครสักคนเคยบอกฉันว่า ‘รักแท้ไม่ได้มีแค่ครั้งเดียว’ แต่อีกกี่ร้อยพันครั้งที่ฉันจะตามเก็บเศษรักแท้ได้หมด...คิดว่ามันเหนื่อยไหมที่ต้องเริ่มนับหนึ่งทุกครั้งที่มันจบ…

มันไม่เหนื่อยหรอกถ้าเทียบกับการได้พบ ใครคนนั้นอีกครั้ง อีกครั้ง อีกครั้ง และ อีกครั้ง...จะต้องขอโทษอีกกี่ร้อยกี่พันครั้ง...

.................
............................

กลิ่นคาวเลือดที่ฟุ้งขึ้นจมูกพร้อมๆกับความชื้นปนลื่นที่สัมผัสได้…ทำให้สายตาต้องก้มลงต่ำมองสองมือตนอีกครั้ง ‘พระแพง’ รู้ดีว่าตนกำลังเผชิญกับอะไร...

...ข้างนอกตอนนี้สายฝนไม่ได้หยุดหรือซาลงเลย มันยิ่งโหมกระหน่ำ...สิ่งที่สายตาเห็นผ่านแสงเทียนและแสงสว่างวาบของสายฟ้ายิ่งทำให้ตระหนก สองมือตนนั้นชุ่มไปด้วยเลือด ขณะสายตากำลังพล่าเลือนด้วยหยดน้ำตาที่ตอนนี้พรั่งพรูไม่ต่างจากสายฝนด้านนอก...

...แม้รู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่ก็อดข่มความรู้สึกไม่ได้…

ร่างเบื้องหน้าตนนิ่งไม่ไหวติง ไม่มีแม้กระทั้งจะไหวสั่นจากลมหายใจ ใบหน้าที่คุ้นเคยนั้นเหมือนกำลังจะหลับลึก แต่เหตุการณ์ที่เกิดซ้ำไปซ้ำมานี้ ทำให้เด็กสาวรู้ดี...นี้เป็นแค่ร่างไร้วิญญาณ ตอนนี้เธอทำอะไรไม่ได้...
   
ทุกสิ่งมันเกิดขึ้นแล้วและกำลังจบลง... อีกไม่นานเปลวไฟสีครามจะไล้กลืนร่างนี้หายลับ ที่ทำได้มีเพียงแค่ ขอเวลาสัมผัสร่างนี้ให้นานเท่านาน...อยากอยู่กับคนๆนี้ให้นานที่สุด อยากเห็นใบหน้าคนๆนี้ให้เต็มตา...

...แต่ก็หยุดน้ำตาไม่ได้  แม้สุดท้ายจะต้องเจอเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมา เกือบทุกค่ำคืนที่ต้องลืมตาตื่น แล้วพบว่าคนๆนั้นไม่ได้อยู่เคียงข้าง...แต่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ครั้งเมื่อความฝันเดิมๆเข้ามาเธอก็หยุดน้ำตาไม่ได้...ทุกครั้ง คำขอโทษเป็นเหมือนลิ่มสลักตอกฝังลึกลงในกระดูกทุกครั้งที่พร่ำเอ่ย สลักตอกซ้ำๆ กดย้ำลงทุกๆครั้ง ทุกๆครั้ง

... แม้ พระแพง จะไม่รู้เลยว่าคนๆนั้นเป็นใคร? เกิดสิ่งใดขึ้น? แต่เธอรู้อยู่อย่างเดียวสิ่งที่เห็นทั้งหมด เธอมีส่วนทำให้มันเกิด...
...เธอฆ่า ‘เขา’ ด้วยมือเธอเอง…

..............
............................


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2013 22:47:16 โดย Zitraphat »

YenOh

  • บุคคลทั่วไป
Re: >29 G.Become 21 Boy. ถ้ากล้ารักจะจัดให้!
«ตอบ #7 เมื่อ23-04-2012 15:52:52 »

เข้ามาส่งข้าว ส่งน้ำ ในคนเขียนค่า : )

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
Re: >29 G.Become 21 Boy. ถ้ากล้ารักจะจัดให้!
«ตอบ #8 เมื่อ23-04-2012 17:14:21 »

 :mc4:
ต้อนรับกระทู้ใหม่จ้า

ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
บทที่ 4 Why I can't run away . เล่ห์ตะบองพลำ...(2)


“...มันไม่ปกติแล้วหมอ ...”

เสียงเบาพร่ำบ่นกับคนในโทรศัพท์... 

ตอนนี้สำหรับ ภัทร มันเรียกได้ว่าช่วงจิตตก อุสาห์เจอสาวน้อยน่ารักเมื่อคืนแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ที่ทำได้ในตอนนั้นก็แค่ฝืนยิ้มพาน้องเขาไปทำแผลที่คลินิก แถมด้วยการขอแลกชื่อกับเบอร์แล้วขอตัวกลับให้เร็วที่สุด....

...ก็จะให้อยู่ตรงนั้นได้ไง เมื่ออาการมันเข้าข่ายย่ำแย่สมองที่เริ่มจะเบลอแปลกๆ อาการกระอักกระอ่วนที่ถ้าไม่ขืนไว้คงสำรอก หัวใจเต้นแรง อันนั้นมันเรื่องปกติพอรับได้ แต่ที่มันไม่ปกติก็เรื่องที่มีแต่ตัวเองที่รับรู้ เสียงหัวใจที่เต้นนั้น มันซ้อนกันสองเสียงอยู่ในร่าง...นั่นหล่ะที่เรียกว่าสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤติ

“หมอรีบกลับมาเถอะ ...ภัทร โคตรกลัวตัวเองเลยตอนนี้...จะไม่ไหวแล้ว...”

“ลูกอมยังเหลือใช่ไหม? ใช้แทนยาไปก่อนได้รึเปล่า ”

“แค่ลูกอม...มันไม่ช่วยอะไรได้มากไปกว่ากันไม่ให้อ๊วกหรอกหมอ...อย่าให้ ภัทร หลุดไปมากกว่านี้เลย หมอก็รู้แค่นี้มันก็ใกล้วิกฤติแล้ว..."

"ยังไม่ได้ยามาเลย จะกลับยังไง มียากล่อมประสาทกับยานอนหลับใส่ไว้ในลิ้นชัก พอช่วยได้ไหมซื้อเวลาไปก่อนขอแค่อย่าใช้เยอะแค่นั้น...รับปากได้ไหม?"

"...ขอบใจที่บอก...รีบกลับมาแล้วกัน"

น้ำเสียงเย็นสุดประชดนั่นเป็นประโยคสุดท้าย...

ก่อนหญิงสาวจะกดตัดสายโทรศัพท์ เมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการก็ไม่อยากดึงดัน ไม่มีคำรับปากในสิ่งที่เพื่อนคนสำคัญขอ อารมณ์ในหัวตอนนี้ปั่นป่วนไปหมด ...

ยาเม็ดเล็กสีฟ้าในขวดสีชาถูกหยิบออกมาสองเม็ด บวกกับยาในมืออีกสามเม็ด  ภัทร กรอกยาเข้าปากแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟา เรื่องหนีปัญหาอะ งานถนัด ขอแค่ไม่ต้องรับรู้ ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวทุกอย่างมันก็โอเค จริงไหม?

.............
............................

..เสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอเหมือนฟ้องว่าเจ้าของลมหายใจจมลึกในห้วงนิทรา

เงาดำที่พาดผ่านกำแพง ปรากฏเป็นรูปร่าง ส่วนที่พอเดาได้ว่าเป็นมือยื่นยาวจะสัมผัสร่างบนโซฟา แต่ต้องชะงักและสลายไปเมื่อร่างบนโซฟานั้นดันตัวลุกขึ้น ภัทร ยกมือขึ้นไล่กดขมับที่ปวดตามเสียงเต้นของหัวใจ รอยยิ้มเยือกปรากฏที่มุมปากเมื่อรับรู้ได้กลายๆว่าเสียงหัวใจอีกดวงเต้นช้าลง  'ภัทร' อีกคนหลับลึกไปแล้ว...

เสียงฮัมเพลงเบาๆดังออกมาจากลำคอ ความรู้สึกในตอนนี้บอกตามตรงว่า อยากกอดร่างอุ่นๆ อยากฟัดและกดฝังคมเขี้ยว...อยากได้ยินเสียงครางของใครสักคนที่เร่าร้อนอยู่ใต้ร่าง... และที่แน่กว่าอะไรทั้งหมด อยากชิมรสชาติของผิวเนื้อ... สันดานชั่วๆเคยจางหายไปตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับไอ้หมอ เพราะมีไอ้หมอนี่หล่ะที่รองรับอารมณ์ดิบๆของตัวเองได้ แต่ถ้าไอ้หมอไม่กลับ...

...ก็คงต้องออกไปหาข้างนอกเอาเองสินะ...

.............
............................


23.15 น.


..

รสชาติแอลกอฮอล์หลากชนิดที่ปั่นหัวอยู่ตอนนี้ ยังไม่ทำให้สมองว่างได้เท่ารสขมปนหวานของริมฝีปากที่กำลังรุกตอบ

ความเย็นและรสชาติหวานแปลกๆได้มาจากลูกอมในปากของคนในอ้อมแขนความกระสันยากเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่รับรู้ถึงรสชาติของลูกอมที่อีกฝั่งป้อนให้...จากประสบการณ์ตระเวณราตรี  จิม ไม่คิดว่าตัวเองกำลังโดนมอมยาเพราะถ้า เป็นอย่างนั้นจริง คนที่โน้มคอจูบอยู่ตอนนี้ก็คงกำลังเมาได้ที่เหมือนกัน...ภัทร เป็นเพื่อนของเพื่อนและเป็นผู้หญิงแบบที่ จิมไม่เคยเจอ

แววตาสีแปลกที่จดจ้องเหมือนไม่ยอมละสายตาในตอนแรก ทำให้คิดเอาเองว่า ภัทร ไม่ใช่คนไทย ถ้า  มาติน เพื่อนอีกคนไม่บอก จนกระทั่งได้รู้จักกันจริงๆจังๆ เวลาเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงทุกอย่างมันก็ลงเอยที่หน้าห้องน้ำของคลับ  จูบรสหวาม ที่เริ่มจะมีรสชาติความเค็มปะแล่มๆของเลือดเข้ามาแทรก...นอกจากจูบ ภัทร ยังถนัดเรื่อง 'กัด'

[ I said te amo, would somebody tell me what she said? Don't it mean I love you.Think it means I love you.Don't it mean I love you.Think it means i love you,Te Amo Te Amo Don't It means I Love You ]

..เสียงเพลงรอสายดังวนหลายรอบจน ภัทร อดหัวเสียไม่ได้ที่จะต้องหยุดกิจกรรมกับเพื่อนใหม่ชาวต่างชาติ ปกติไม่ค่อยชอบเท่าไหร่สำหรับรสจูบของ 'ผู้ชาย' เว้นก็แต่รสชาติของไอ้หมอที่ดูไร้เดียงสาเรื่องจูบ ...จูบแบบนั้นมันน่าแกล้ง แต่อารมณ์ที่แปลกไปในช่วงนี้แค่ขอให้ดูเข้ากันได้ ตอนนี้ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็ตามที ภัทร ไม่ปฏิเสธทั้งนั้น...

'นางฟ้า'

ถึงจะหัวเสียเมื่อต้องหยุดรับโทรศัพท์ แต่พอเห็นชื่อที่ขึ้นบนหน้าจอเท่านั้น ทำเอา ภัทร อดยิ้มหวานให้ตัวเองไม่ได้

"ค่ะ ...พี่จะออกไปรับค่ะ...รอข้างหน้านะคะ"

เสียงหวานมีทันทีที่รับโทรศัพท์ แน่ล่ะท่าทีที่เปลี่ยนไปทำเอา จิม ปรับอารมณ์ไม่ถูก

"Hey!...Phat ,Where you go?"

ไม่มีคำตอบให้คำถาม นอกจากรอยยิ้มบางๆที่มุมปาก

.............
............................

สักพักกว่าที่ จิม จะปรับลดอารมณ์กำหนัดแล้วเดินกลับมาที่โต๊ะ เพื่อพบว่า ตนเป็นของเล่นชิ้นเก่าถูกทิ้งลงถังขยะไปแล้ว...

ตอนนี้ ภัทร ยึดตัวเด็กสาวอีกคนไว้ด้วยวงแขน ริมฝีปากที่ จิม เพิ่งสัมผัสด้วยความเร่าร้อน คลอเคลียอยู่ที่พวงแก้มใสและซอกคอขาวของเด็กสาวคนใหม่ ปลายนิ้วเย็นที่เคยลากไล้ผ่านแผ่นอกแน่นของตน ตอนนี้ซุกอยู่ในชายเสื้อเด็กสาวแล้วลากลูบวนอยู่ไม่ไกลไปกว่าช่วงเอว...

"Martin...?"

ชื่อเพื่อนถูกเรียกเหมือนตั้งคำถาม แต่ชายร่างใหญ่เจ้าของชื่อได้แต่ไหวไหล่ เบ้ปาก และกระซิบคำตอบเมื่อ จิม แทรกตัวลงมานั่งข้างๆที่โซฟา

"I been to told you she is monster"

.............
............................


"เป็นเด็กดีนะค่ะ"

...เสียงหวานปลอบปนอ้อนกระซิบเข้าซอกหู พร้อมๆกับ ปลายลิ้นที่ลากเลีย ฟันคมขบเข้าที่ติ่งหูนิ่ม...

หวานไปหมดจนอดไม่ได้ที่จะไล่ชิม ร่างเนียนข้างหน้า ปกติไม่ค่อยสันทัดเท่าไหร่กับการเอาของกินเข้ามากินในบ้าน ไม่ว่าจะทำอะไร ภัทร ไม่เคยให้สิทธิ์ใคร ..แต่เด็กสาวที่ชื่อว่า พระแพง ก็ได้รับสิทธิ์นั้น ภัทร ปฏิเสธไม่ได้ว่า พระแพง พิเศษกว่าคนอื่นรอยยิ้มยั่วเชิญชวนเกินงามจนเหมือนว่า 'เคย' แต่พอลองสัมผัสจริง มันเป็นแค่เปลือกที่แสดงให้เห็น  พระแพง ยังเดียงสากับเรื่องพวกนี้ เพราะอย่างนั้น ภัทร ถึงได้เสี่ยงถ้าเป็นเด็กสาวที่น่ารักราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบอย่างนี้ บอกตามตรงถึงไหนถึงกัน และอีกอย่างที่ ภัทร มั่นใจสายตาของ พระแพง ไม่เคยมองคนอื่นนอกจากตน

...ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันเพื่อกลั้นเสียงที่เกิดจากความเจ็บปวด...รสชาติของเลือดหวานที่ได้จากการขบกัดช่วงไหล่เนียนและลำคอระหง สดชื่นจนยากจะอธิบายมันยิ่งกว่าการดื่มน้ำเย็นแสนชุ่มฉ่ำในทะเลทรายเสียอีก ความกระสันอยากก่อตัวขึ้นอย่างที่สุด เนื้อนวล ทั้งนิ่ม ทั้งอุ่น... 

...กลิ่นหอมเฉพาะตัวที่มีตั้งแต่ปลายเส้นผมจนไปถึงปลายเท้า...

เชิญชวนให้สัมผัสตลอดร่าง ดวงตาหวานฉ่ำคลอหยาดน้ำตา  เสียงครางกระเส่าที่เย้ายวน ร่างบางสั่นระริกทุกครั้งที่ปลายนิ้วเย็นไล้ลูบผ่าน พระแพง น่าอร่อยจนอดใจไม่อยู่...เผลอกัดฝังคมเขี้ยวตนลงร่างบางซ้ำๆไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ พระแพง เองก็ไม่เคยผลักไสหรือต่อต้านความเจ็บปวดที่ ภัทร มอบให้ พระแพง ตอบกลับมาด้วย เสียงครางสุดกระสันปนเสียงสะอื้นไห้...ปลายนิ้วเย็นที่เริ่มไล้จากช่วงคอแล้วลากยาวผ่านเนื้อผ้าลงมาที่หน้าอกนุ่ม ฝ่ามือเย็นกดขยำลงเนินอกนิ่มตามอารมณ์ดิบ  สมองเด็กสาวมันมึนไปหมด...เมื่อสัมผัสปลายลิ้นร้อนค่อยๆ เลียลบรอยแผลที่อยู่บนแก้มแล้วลากเรื่อยไปจนถึง ยอดอกสีชมพูที่ชูชัน ...

ความรู้สึกจากสัมผัสมันแปลกไป เหมือนกำลังโดนเปลวไฟไล่เลีย....ทรมาน...แต่ไม่อาจขัดขืน....หน้าที่ของ พระแพง ตอนนี้มีแค่ตอบสนองด้วยเสียงครางและรับทุกสัมผัสแห่งความเจ็บปวด ...ทุกอย่างทำเพื่อดึง ปราณอันเป็นที่รักไว้กับตัว....

.............
............................


..ภาพของ ภัทร มันเหมือนยังฝังอยู่ในความทรงจำ... ภัทร เป็นเพียงคนเดียวที่ พระแพง ยอมให้คำว่า 'รัก' รักที่มากกว่ารักที่เคยให้...ตรินทร์ ...ครั้งแรกที่ พระแพง เห็น ภัทร ความรู้สึกบอกเธอว่า... คนๆนั้นเหมือน ตรินทร์ ...แต่ไม่ใช่ ตรินทร์ ...

ภัทร เป็น ตรินทร์ มากกว่าที่ ตรินทร์ เป็น ...

'เป็นคนในความฝัน'

..ถึงพระแพงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ภัทร คนนั้นน่ากลัวเกินกว่าจะเฝ้ามอง...แต่ พระแพงก็อดฝืนไม่ได้ที่จะเข้าใกล้... รอยยิ้มหวานแต่แสนน่ากลัว  น้ำเสียงที่ไม่อาจขัดขืน  บวกกับแววตาสีแปลกที่มองจ้องมาอย่างไม่คิดหลบ  ภัทร กำลังปั่นหัวเธอให้บ้า ถึงรู้ว่ามันอันตราย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเข้าใกล้... ถ้าการรัก ตรินทร์ ทำให้ต้องตาบอด การรัก ภัทร...ก็เหมือนการเผา พระแพง ทั้งเป็น...

...เมื่อคนที่ชื่อ ภัทร ไม่ได้เคยมีรักที่คงมั่น สำหรับ ภัทร ถึงจะใกล้มากแค่ไหน แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่คำว่ารักจะหลุดออกจากปาก...นี่เป็นอีกครั้งที่ พระแพง รู้สึกว่าถูกปล่อยทิ้งให้อยู่คนเดียว... ถามตัวเองว่าเหนื่อยไหม? การต้องหาคนๆเดียวจากคนนับพันที่เดินขวักไขว่ ...ก็เหมือนกับการเลือกเจาะจงจับปลาแค่ตัวเดียวในมหาสมุทร มันง่ายกว่า...ถ้าจะล่อปลาตัวนั้นให้ว่ายเข้ามาเอง... ตอนนี้เธอรู้ตัวดีว่าเธอกำลังทำตัวเองให้เป็นเหยื่อ...เพื่อตกปลาตัวนั้น... ปลา...ที่มีอีกครึ่งหนึ่งของ ตรินทร์... ครึ่งที่เป็นวิญญาณ...ไม่ใช่ร่างกาย พระแพง ไม่กล้าคิดนะว่าโชคชะตาเข้าข้างเธอเสมอ เพราะเพียงแค่เฉลียวใจมองหา คนๆนั้นก็ปรากฏตัว ตอนนี้ปลาตัวเพียงตัวเดียวในมหาสมุทร...กำลังจะฮุบเหยื่อ....

....แต่ถ้าเลือกได้อีกครั้ง...

...เมื่อทุกอย่างมันผิดมาตั้งแต่แรก มันก็สมควรจะกลับมาเป็นอย่างที่มันควรจะเป็น ถึงจะทรมานเมื่อรับรู้ว่า ภัทร จะต้องทรมานกับสิ่งที่เธอทำ แต่มันก็คุ้มกันถ้าเธอจะได้ ภัทร กลับมาอีกครั้งเพื่อเริ่มใหม่... ตรินทร์ ต้องหายไป... ถ้าเธอจะมี ภัทร ...

.................
............................

"พี่คะ...พระแพง อยู่ที่เสม็ด  พี่มาหา พระแพงได้ไหมคะ?"   

อีกครั้งที่ต้องลังเลกับการตัดสินใจ แต่สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะทำมัน ทำให้ ภัทร เป็น ตรินทร์ อย่างสมบูรณ์ ..




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2013 23:05:12 โดย Zitraphat »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
บทที่ 5  Change to choice .เปลี่ยน [ผู้เป็นที่รัก]
Part ษิตรินทร์


“ ถ้า...คุณรู้ว่าคุณต้องเกิดมาเพื่อใครคนหนึ่ง คุณต้องเป็นของใครคนนั้นเพียงคนเดียว มีชีวิตเพื่อคนๆนั้นและตายเพื่อใครคนนั้น คุณเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่าอะไร ‘พรหมลิขิต’ ‘ โชคชะตา’ หรือ ‘รักแท้’ แต่สำหรับผม ผมเรียกมันว่า ‘การสังเวย’ การเสียสละที่ไม่อาจขัดขืน ไม่อาจแม้แต่จักหลีกหนี ในชีวิตหนึ่งมันรู้สึกดีนะที่รู้ว่ามีใครคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรามีเพียงแค่เรา ผมรักเธอ รักมากจนทิ้งทุกอย่างได้เพื่อเธอ เหมือนผมฝากทั้งชีวิตให้เธอผูกชีวิตไว้กับเท้าเล็กๆของเธอ ไม่เคยคิดที่จะมีชีวิตเพื่อตัวเอง...ตั้งแต่วันนั้น ...

‘พ่อรู้ใช่ไหมครับ...ว่าเธอเลือกผม...? ’

...ความลับของสกุลและเชื้อวงศ์ ความลับของสายเลือดแห่งผืนน้ำ การหมั่นหมายที่มีผมเป็นเครื่องสังเวย...ผมผูกชีวิตไว้กับเธอ ผมทิ้งทุกสิ่งเพื่อเธอ ทิ้งคนที่อยู่เคียงข้างผมตลอดเพื่อเธอ เพื่อคำว่ารักของเธอคนนั้น...

...ท้องฟ้าสีส้มแสดมันยังดูสวยเหมือนเดิมผืนน้ำทะเลสีครามตัดกับสีส้มแสดของดวงตะวัน....

‘การแต่งงานของแผ่นฟ้าและผืนน้ำ’


ถึงจะฟังดูดี...

แต่...การแต่งงานนั้น ...ผืนน้ำไม่ได้เป็นผู้เลือก หากเพียงท้องฟ้าต่างหากที่ยื่นมือเข้ามาโอบกอดผืนน้ำ...แล้วปล่อยมือคู่นั้นอย่างไม่ใยดี... แล้วมันก็กลายเป็นแค่ซาก... เท้าเล็กๆของเธอคนนั้นกระทืบลงบนหัวใจของผมอย่างไร้ปราณี...ผืนทราย ดวงดาว และทะเล...คืนนี้เป็นคืนที่ผมมีความสุขที่สุด และเศร้าที่สุด ทุกอย่างมันประดังเข้ามา... แล้วหายไป...

...ในวันที่ผมรู้…ว่าผมควรจะรักใคร ในวันที่โอกาส...มันไม่มีอีกแล้ว ไอ้โฆ ยังร้องไห้ ยังตะโกนเรียกชื่อผมไม่หยุด...ข้อมือมันไม่ได้เจ็บอย่างที่คิด แต่หัวที่ปวดเหมือนจะระเบิดทำให้ผมต้องหลับตาลงทั้งๆที่อยากมองหน้ามันให้นานกว่านี้...

แล้วคำพูดของไอ้เรด ดังแว่วเข้ามาในสมอง...

‘อย่าผูกหัวใจไว้กับตีนใคร สักวันถ้าเจ้าของตีนเขาอยากเหยียบขึ้นมา มึงจะไม่เหลืออะไรเลย’
   
ผมเคยยิ้มเหยียดกับประโยคเสี่ยวๆนั้น...

แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว...


“ผม....ไม่เหลืออะไรเลย....ไม่เหลือแม้แต่รอยยิ้มของไอ้โฆ...”

.............
............................



.
.
.
.


Part ภัทร


‘เดี๋ยวนะ....ขอรวบรวมสติสักนิดนึง...ฉันกำลังจะไปเสม็ด...

...แล้วมันเกิดบ้าอะไรขึ้นมา??

ทำไมถึงได้เป็นอย่างนี้ ปวดหัวชะมัด ไอ้หมอบ้าก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้... เอ่อน่ะ...จริงสิฉันเป็นคนแอบหนีมันออกมาเองนี่น่า รนหาที่ตายจริงๆเหมือนที่ไอ้หมอว่า แล้วรถแมร่งคว่ำได้ไงว๊ะ? อย่างนี้คุณนายก็ได้ใช้เงินประกันแล้วอะดิ

น่าน... ยังสุขใจได้อีกอย่างน้อยก็ยังมีเงินให้คุณนายทำศพ หล่ะ ดูสภาพตัวเองที่สะท้อนจากกระจกมองข้างแล้วน่าจะไม่รอด... เหอเหอเหอ เลือดของคนเรามันเยอะขนาดนี้เลยหรอ...ประมวลจากสภาพ ถึงไอ้หมอมาอยู่ตรงนี้จริงก็ใช่ว่าฉันจะรอด เลือดมันทะลักออกมาเรื่อยๆเลยนี่หว่า... แถมยังขยับตัวไม่ได้อีก แล้วนั่นนางฟ้าหรือไง ? แม่งโคตรคุ้นหน้าเลย  ’

“เธอเป็นใคร?”

..ภาพผู้หญิงที่ฉันเห็นตอนนี้เธอมีแต่น้ำตานองหน้า...

วงแขนนุ่มค่อยๆประครองฉันและโอบกอดไว้อย่างอ่อนโยน ...ริมฝีปากเย็นนั้นแตะที่หน้าผากฉันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนลงมาที่ริมฝีปาก...รสจูบที่โหยหา มันเริ่มจะเร้าร้อนขึ้น จนกลบให้ความเจ็บปวดที่ค่อยๆลามเข้ามานั้น หายไป...

...กลิ่นคาวเลือดเริ่มฟุ้งขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้กระทั่งกลืนน้ำลายยังยาก เหมือนจะได้กลิ่นคาวเอียนขึ้นจากคอไปถึงจมูก เสียงอื้อดังก้องอยู่ในหู ทำให้ไม่ค่อยได้ยินอะไรนอกจากประโยคบางประโยคอันแผ่วเบา จากเจ้าของอ้อมกอดนั่น

“...เป็นคนที่ ภัทร จะรักจนหมดใจ...”

...แล้วภาพทุกอย่างก็กลืนไปกับสีแดงที่เริ่มไหลลงมาปิดทุกสิ่ง ฉันกำลังจะตายใช่ไหม? ไอ้หมอบ้าแกจะไม่มาดูใจฉันก่อนตายหรอ?! แล้วยังเสม็ดอีก ฉันยังไม่ได้ไปเหยียบเสม็ดเลยนะแก!

.............
............................



.
.
.
.


“ถามจริงมึงลืมทุกอย่างหมดเลยหรอวะ?”

..ไอ้หัวแดงหน้าลูกครึ่งมันตะโกนถามทันทีที่ฉันนั่งลงบนโต๊ะหินอ่อนในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง บรรยากาศไม่คุ้นเคยไม่รู้จักใครเลย...ไม่มีสมองที่จำเรื่องเกี่ยวกับพวกที่ล้อมรอบเลยสักนิด ในสมองฉันไม่ใช่จำไม่ได้ แต่ไอ้ที่จำได้ไม่ใช่เรื่องของฉันที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็เท่านั้น…

“ไอ้ตรินทร์เนี้ยนะจำอะไรไม่ได้ แต่ก็งั้นหล่ะจำได้ไม่ได้ก็ค่าเท่ากัน ฮ่าๆๆๆๆ”

ลูกคู่อีกตัวมาจากไหนไม่รู้ ใช่ฉันจำเรื่องของ ตรินทร์ ที่ฉันเป็นอยู่ในตอนนี้ไม่ได้ เพราะในสมองฉันจำได้แค่ฉัน คือ ‘ภัทร’ ฉันกำลังจะไปเที่ยวเสม็ดแบบตายดาบหน้า...ไม่สิ เพื่อไปหาใครบางคน...แต่ อยู่ๆมันก็เกิดอุบัติเหตุกับรถตู้...

...ฉันกำลังจะตาย พอรู้สึกตัวอีกทีฉันก็อยู่ที่นี้แล้ว...

ในร่าง ‘ตรินทร์’ ลูกชายคนเดียวของบ้าน ‘ชลเทวะ’  บอกไปใครจะเชื่อดีไม่ดีฉันอาจโดนจับตรวจประสาทหน่ะสิ ฉันเลยอยู่อย่างนี้อยู่โดยไร้ความทรงจำของ ตรินทร์ ก็มันจะมีได้ไงเล่าฉันไม่ใช่ ตรินทร์

ตอนแรกที่ตื่นขึ้นมาฉันเห็นแต่หน้าเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งเฝ้าตลอดเวลา...

หลังจากนั้นถึงได้รู้ว่า เด็กที่นั่งเฝ้าคนนั้นชื่อ ‘โฆษิต’ เป็นลูกพี่ลูกน้องกับ ‘ตรินทร์’  'ษิตรินทร์' แถมยังอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ …

...ฉันยิ้มให้โฆ แต่ที่ได้กลับมาคือสีหน้าประหลาดใจและความเฉยชา...พลาดแล้ว หล่ะฉัน..หลังจากรอยยิ้มนั้น โฆ มันพูดกับฉัน คำต่อคำได้ จาก ‘โฆ’ ฉันเลยเรียกมันว่า ‘บัพ’ [Buffalo] หลังจากนั้นก็บิงโก! เราห่างกันและยิ่งห่างเมื่อฉันต้องลงเรียนปีหนึ่งใหม่แถมยังเปลี่ยนคณะจากวิศวะมาเป็นบริหาร 

...ก็แหง่ล่ะเพราะฉันดันไม่เข้าใจเนื้อหาของพวกวิศวะที่จะต้องเรียนตอนปีสอง... ใครจะไปเข้าใจก็ไม่เคยเรียนจริงๆนี่น่า ยิ่งบางครั้งความทรงจำฉันดันก่อเรื่องเมื่อมันเป็น ความทรงจำของผู้หญิงวัยทำงาน  ไม่ใช่ความทรงจำของเด็กหนุ่มมหาลัย แต่ทำไงได้ฉันยังอยู่ที่นี้ยังต้องใช้ชีวิต...

‘ยังต้องมีชีวิต...’

...เหมือนยืมชีวิตเด็กตรินทร์นั้นมาใช้ ฉันพยายามคิดว่าฉันคือ ‘ตรินทร์’ แต่สมองมันก็สั่งการได้อย่างชัดเจน ฉันไม่ใช่ ษิตรินทร์ ฉันคือ ‘ภัทร’ ‘ณภัทรตรา’ แต่ความจำมันมีแค่นั้น ฉันจำคนที่จะยืนยันตัวตนของฉันไม่ได้... เหมือนโดนอะไรสักอย่างปิดสวิตซ์ เอาแล้วไงนี้มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี้ยโอ๊ย!แม่เจ้า!?


เกือบอาทิตย์ที่ต้องสถิตที่มหาลัยแบบไปๆมาๆ อย่างน้อยก็เพราะต้องทำความรู้จักกับสังคมของ ตรินทร์ ที่บ้านมีแค่ไอ้บัพ กับ ป้านิ่ม ที่ไม่ค่อยพูดเหมือนกัน การสืบจากสองคนนั้นเลยไร้ประโยชน์ บ้านหลังใหญ่แต่มีคนอยู่จริงๆแค่สองคนคือ ตรินทร์กับบัพ ส่วนป้านิ่มเป็นแม่บ้าน แบบไปกลับ แต่ดูท่าไอ้บัพ นั่นจะสนิทกับป้านิ่มพอสมควร

...พ่อแม่ของ บัพกับตรินทร์เป็นลูกพี่ลูกน้องกันทำงานต่างประเทศทั้งคู่นานๆจะกลับมาที ขนาดตรินทร์ป่วยขนาดเป็นตายเท่ากันยังไม่ลงมาเลย สุดยอดบิดามารดาจริงๆ แล้วถ้า รู้ว่าเด็กตรินทร์นั้นตายไปแล้ว จะเป็นยังไง...

..............
............................



 “เมื่อก่อนเราเป็นยังไงอ่ะ?”

พอเริ่มสนิทกันบ้างฉันก็เริ่มสืบจากไอ้พวกทโมนคำถามนั้นมีขึ้นมาลอยๆแต่เหมือนคำตอบจะถูกเตรียมไว้หมดแล้ว ไอ้แป้น ดึงอมยิ้มที่ฉันเอามาบรรณาการออกมาจากปาก...

ก่อนจะนึกถึง ตรินทร์ คนเก่าที่มันจำได้

“เหมือนก็อปไอ้บัพ เอ้ย! ไอ้โฆออกมา...”

มันพูดแล้วเว้นระยะหันไปมอง ไอ้คนที่ถูกพาดพิงที่นั่งเงียบไม่หือไม่อืออะไร

“ต่างกันแค่เงียบกว่า แรงกว่า เถื่อนกว่า...ตอนแรกที่เจอกันกูเห็นมึงติ๋มๆ แต่พอแซวเข้าไปทีมึงปรี่มาชกกูซะงั้น...ส่วนไอ้เรดโดนหนักกว่ากู ตอนจะเอามึงเข้าวงเชี่ยเรดขาหักไปข้างกว่าจะลากมึงมาได้...ไอ้เรด มึงว่าไง”

เด็กหนุ่มหัวแดงที่ตะโกนทักเมื่อครู่น่าจะชื่อเรดเพราะมันหันมาชูนิ้วกลางข้างขวาให้ฉันก่อนจะชี้นิ้วกลางนั้นลงไปที่ขาขวา

“เราอ่ะนะแรงกว่าไอ้บัพนั้น...?”

“เยอะๆเลยมึง...ที่สำคัญ...เมื่อก่อนมึงไม่ค่อยยิ้มเหมือนตอนนี้...ไม่พูดมากเหมือนตอนนี้ แต่ก็ดีวะ น่ารักดีกูชอบ ...แต่ขอเถอะ ไอ้ 'เรานั่น' 'เรานี่' ของมึง กูขอหล่ะ..โคตรแต๋วเลยมึง...”

'สาดดดดดดด! แต๋วบ้านเตี่ยแกดิ!...ลึกๆฉันเป็นผู้หญิงเฟ้ย! เห็นฉันเรียบร้อยหน่อยทำมาตีสนิท! อย่ามาปีนเกลียว... ฉันแก่กว่าแกเกือบครึ่งรอบ ! '

ได้แต่คิดประโยคนั้นในใจ ชิ!ไอ้หญ้าอ่อนมาชมฉันว่า น่ารัก เร็วไป สิบปีเฟ้ย!

[เอ่อ...ภัทร ได้ยินมาว่ามันชม ตรินทร์ นะ ไม่ใช่เธอ-คนเขียน]




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2013 23:11:51 โดย Zitraphat »

ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
บทที่ 6 Breath to so fear.อุบัติเหตุ ? หลอน
Part ภัทร


'เปรมปรีดา' เจ้าค่ะ! ตอนนี้อิฉันใช้ชีวิตแบบลันลาปรีดาสุดๆ เรียนก็เหมือนจะรุ่ง (ก็แหง่หล่ะ... ไอ้สาขาบริหารนี้สำหรับมาร์เก็ตติ้งอย่างฉันมันของหากิน) ทรัพย์ก็โรจน์ (เด็กตรินทร์นี้ได้เงินจากป๋ากับม้าที่ส่งมาจาก ต่างประเทศ เดือนละ 30,000 แม่เจ้า ! เสียอย่างเดียวฉันไม่รู้รหัสบัตรกดเงินอะ (โฮ...) เลยต้องขอบัตรใหม่ นี่รอแม่นิ่มเอาบัตรมาให้อยู่) รักก็คงกำลังจะลิ่วๆพุ่งปรี๊ดๆๆ ตามมา... เพราะเด็กตรินทร์มันหน้าตาดีโฮก

ตอนนี้มีสาวๆมองตรึม!

เอ่อ.... แล้วมันไม่มีแฟนหรือไงอ่ะ... งง ... ไว้ค่อยถามป้านิ่มแล้วกันถามไอ้บัพคงไม่มีอะไรเพิ่มเติมมากกว่านี้ ยิ่งตอนนี้คุยกันนับประโยคได้ อย่าหาว่าฉันดี้ด๊าอะไรเลยนะ เข้าใจความรู้สึกไหมเหมือนเราเล่นเกมส์ทั้งๆที่มัน Over แล้วแต่อยู่ๆเราก็ได้ตัวเพิ่มมาอีกตัว ตัวเพิ่มที่อัพพลังสุดยอด! ถึงจะเหมือนขโมยชีวิตมาแต่มันก็อดรู้สึกดีไม่ได้... รู้สึกดีปนรู้สึกผิดนะ... ก็..เด็กตรินทร์มีชีวิตที่สมบูรณ์ทุกอย่าง แต่อยู่ๆ ทุกอย่างมันก็หายไป...

เคร้ง!

แทบ สะดุ้งเมื่อกำไลเงินวงใหญ่ที่ใส่อยู่บนข้อมือซ้าย กระทบเข้ากับซี่ลูกกรงที่ขั้นอยู่ระหว่างชั้นระเบียง เหม่อไปนิด...กวาดมือกว้างไปหน่อย... เล่นเอาข้อมือเจ็บแปลบขึ้นมาทันที...แต่เดี๋ยวนะทำไมมันเจ็บมากมายอย่างนี้ เจ็บจนน้ำตาไหลหรือว่าตอนเกิดอุบัติเหตุนั้นข้อมือเด็กตรินทร์นี้หักอ่ะ ใช่เปล่านะ? ที่ข้อมือยังมีผ้าพันแผลอยู่เลย แล้วทำไมหมอไม่ใส่เฝือกอ่ะ? พันผ้าแล้วใส่กำไลให้เนี้ยนะ...เป็นงง...ฉันทรุดลงนั่งกับพื้นระเบียง... ข้อมือเจ็บไม่หายเสียที ดูท่าจะหักอีกรอบหล่ะมั้ง กลั้นใจจะถอดกำไลเงินออก....แต่ดันถอดไม่ออกซะงั้น

... สุดท้ายเลยต้องเลื่อนกำไลนั่นลงมาแล้วค่อยๆแกะผ้าพันแผลออก จะมีเลือดซึมไหมเนี้ย?

…มองสภาพข้อมือที่เพิ่งแกะผ้าออกมา...

ฉันได้แต่นิ่ง ที่ข้อมือมันยังเจ็บอยู่ เจ็บมากด้วย แต่ที่ทำให้ฉันหน้าชา มันมากกว่านั้น ที่ข้อมือไม่ได้บวม หรือ มีเลือดซึมออกมา... แต่มันมีรอยแผลเป็นที่กรีดลึกลงบนข้อมือไม่รู้ว่ากี่รอยต่อกี่รอยที่ถูกกรีดซ้ำๆลงบนข้อแขนข้างซ้าย...ตรินทร์ ถนัดข้างไหน? คำถามนั้นมันผุดขึ้นมาในสมองอย่างทันที ไอ้เด็กบ้าตรินทร์ รอยพวกนี้แกไม่ได้เป็นคนทำเองใช่ไหม?! ที่ใครต่อใครเป่าหัวฉันว่าแกขับรถชน มันไม่ใช่เรื่องโกหกใช่ไหม?!

..............
............................


.
.
.

...แสงไฟที่แยงตาทำให้หัวปวดจี๊ดขึ้นมาแล้วที่นี้มันที่ไหนเนี้ยโอ๊ย! ปวดหัวเชี่ยๆ อ๊ะ! เจ็บข้อมืออีกแล้ว แล้วไงรู้สึกแปลกๆอ๊ะ ข้อมือมันตึงๆ....เอ่อ....มีด เลือด ข้อมือฉัน!

"ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก! "

พอรู้ตัวฉันก็แหกปากร้องลั่นอย่างไม่อายใคร

‘เลือด! เลือด! เลือด! ....มันไหลไม่หยุดเหมือนตอนนั้นอีกแล้ว! ตอนที่ฉันใกล้ตาย! ตอนที่ฉันเป็น! ภัทร ไม่เอา!ไม่เอา!ไม่อยากตายอย่างนี้นะ! ฉันไม่อยากหายไปอย่างนี้อีกแล้ว! ไม่เอาแล้ว!’
    
เหมือนน็อตหลุดฉันแหกปากร้องตะโกน เรียก ‘หมอ’ ... ในความรู้สึกนั้นไม่ได้อยากไปโรงพยาบาลหรอกแต่ปากมันเป็นไปเองจนรู้สึกตัวอีกทีไอ้บัพมันก็กอดฉันไว้แน่น ผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ถูกพันไว้เหนือข้อมือกลิ่นคาวของเลือดทำให้ยิ่งอยากอ๊วก... เลือดตอนนี้เป็นเมือกลื่นๆที่เริ่มจะจับตัวเป็นลิ่ม

“ไอ้หมอ! แกอยู่ไหน! แกอยู่ไหน!ไอ้พี่หมอ! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”

ฉันได้แต่แหกปาก สติหลุดไปไกลแล้วเพราะนอกจากแหกปากฉันยังดิ้นไปทั่ว....

แล้วมันก็มืดไปหมด นี้ฉันคงไม่ได้ตายอีกรอบใช่ไหม แล้ว ‘ไอ้หมอ’ ที่ฉันเรียกนี่มันเป็นใคร?! รึฉันอยากไปโรงพยาบาลขนาดนั้นเลยหรอ?

..............
............................


แทบจะบ้า!!

เมื่อเริ่มจะคิดว่า ไอ้เด็กบ้าตรินทร์มันไม่ได้ประสบอุบัติเหตุอย่างเดียว แต่มัน ‘เหมือนจงใจจะตาย’ ข้อมือนั้นถูกกรีดขึ้นก่อนที่รถมอไซน์จะขับพุ่งชนกับต้นไม้ใหญ่ ‘เจตนาฆ่าตัวตาย?!’ ข้อมือซ้ายยังพันไว้ด้วยแถบผ้าสีขาวฉันไม่กล้าแม้แต่จะแกะดูไม่สิไม่กล้าแม้แต่จะคิดถึงมันด้วยซ้ำ...จากคำบอกเล่าแบบต้องเดาเองของป้านิ่ม เด็กตรินทร์ ประสบอุบัติเหตุ หลังจากกลับจากเสม็ด คิดได้แค่นั้นฉันก็จะบ้าขึ้นมาอีกรอบ...

‘คิดว่าฉันจะเชื่อ หรออออออออออ! คิดๆๆๆๆๆ คนที่มีพร้อมทุกอย่าง ถ้าต้องฆ่าตัวตายเหตุผลมาจากอะไร ตรวจเลือดก่อนเลย! นั่นคือสิ่งแรกที่ฉันทำหลังจากตั้งสติได้ ตรินทร์หน้าตาดีถ้าจะเป็นเกย์ ฉันก็ไม่ว่า เพราะขนาดฉันยังเป็นไบฯ เลย ไอ้รสนิยมทางเพศมันแค่ความชอบไม่ได้รังเกียจอะไรสักนิด แต่! ถ้าเกิดเด็กนี่ติดเชื้อ HIV.ขึ้นมา... บอกตามตรงฉันรับไม่ได้ เพราะฉันก็คงไม่รอดเหมือนกัน...แง้งงงงง แม่งเอ้ย!’

…แล้ว สมมุติฐานจากหัวคิดเจนโลก ก็ถูกตัดออกไป....

...ผลตรวจเลือดไม่ได้เป็นอย่างที่ความคิดด้านเลวของฉันคำนวณไว้...

เฮ่อ....ถ้าอย่างนั้น ทำไม ตรินทร์ถึงอยากตาย? หรือมันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ? หรือมันมีอะไรมากกว่านั้น ?

...โอ้ย! ขี้เกียจคิด ทำไมมันยากอย่างนี้ เฟ้ย! ฉันไม่ได้เป็นแฟนพันธุ์แท้โคนันนะ ถ้าเป็นชินจังค่อยว่าไปอย่าง…

..............
............................


...ไม่ใช่แล้ว...

คงไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุแล้วล่ะ ...ชักเริ่มไม่โสภาแล้วสิ จากความเปรมปรีดาหูตั้งหางกระดิก ฉันเองเริ่มที่จะกังวลแล้ว ร่างกายของ เด็กตรินทร์ ชักจะแปลกๆ บอกตามตรงเลยว่าเริ่มไม่แน่ใจว่าฉันจะซ้ำรอย ตรินทร์ หรือเปล่า? นี้เป็นครั้งที่สองแล้วที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับมีดในมือ...

..ครั้งนี้ดีกว่าครั้งแรกที่มีดนั้นเพียงแค่จรดตรงข้อมือไม่ได้ปาดเข้าลึกเหมือนที่โดนครั้งแรก ดีที่รู้สึกตัวเพราะเสียงมีดนั้นกระทบกำไลเสียก่อน แต่ถ้ามีครั้งที่ 3 อีก ฉันก็ไม่กล้าคิดเหมือนกันว่าผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง... ฉันยังไม่อยากตายอีกรอบนะ สัตว์เอ้ย! ว่าแล้วเชียวว่ามันแปลกๆ ทำไม ตรินทร์ ที่พร้อมไปทุกอย่างถึงได้หายไปไอ้ซีรีบรัมอยากตายมันฝังอยู่ในร่างกายนี้แล้วล่ะมั้ง...

...ถึงฉันจะไม่รู้อะไร แต่ร่างกายมันเสือกจำได้ดี ร่างกายนี้จดจำเกินไปแล้ว ฉันยังไม่อยากเป็น ตรินทร์ สองนะ ยังไม่อยากตายอีกรอบในเร็ววันนี้นะ! มันต้องมีทางสิ! มันต้องมีทางออกสิ! บ้าเอ้ย!ทำไมมันหลอนอย่างนี้วะ!? จะปรึกษาใครก็ไม่ได้... ไอ้บัพ.. ก็ไม่อยู่โดนทางบ้านเรียกไปเกือบอาทิตย์แล้วนับตั้งแต่ เหตุการณ์นองเลือดครั้งนั้น บ้านกว้างๆ มันยิ่งดูกว้างขึ้นอีก ตอนนี้แค่ใครสักคน ใครก็ได้มาอยู่ข้างๆกันหน่อยจะทนไม่ไหวแล้วนะกับความรู้สึกเหงาอย่างนี้....

...นี้ เป็นครั้งแรกที่ฉันเดินลงไปหาป้านิ่มข้างล่าง ดึงแกมากอดแล้วร้องไห้จนหลับ... ป้าแกไม่ได้มีสีหน้ากังวลหรืออึดอัดอะไร จะมีให้ก็แต่อ้อมกอดอุ่นกับมือที่คอยลูบหลังให้ฉันตลอด

"ร้องให้พอเถอะนะค่ะ...ร้องให้พอ...แล้วมันก็จะดีขึ้นเอง"                 

เสียงเบาประโยคนั้นเหมือนคำปลอบสุดท้ายที่ได้ยิน แต่มันทำให้หัวใจเริ่มทำงานอีกครั้ง…ความรู้สึกเหมือนมีลมพัด ตอนจะขาดอากาศหายใจ... 

..............
............................

...มามหาลัย โดยที่ทุกอย่างยังสับสนฉันเกลียดชะมัดกับการที่ไม่รู้อะไรสักอย่าง แต่มันต้องกระจ่าง! ทุกอย่างมันต้องเริ่มใหม่ ฉันจะมาใช้ชีวิตแบบอมทุกข์ไม่ได้...แน่หล่ะอาจฟังดูเห็นแก่ตัวแต่จะทำไงได้เด็กตรินทร์ นั้นน่าจะอยู่ที่ไหนสักที่บางทีอาจจะอยู่ในส่วนลึกของตัวฉันก็ได้ใครจะรู้มันก็คุ้มกันฉันยืมชีวิตนี้มาแต่ถ้าไม่มีฉันก็จะไม่มี ตรินทร์ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแบ็ตเตอร์รี่สำรองไม่ใช่ตัวจริงแต่ถ้าไม่มีฉันตัวจริงก็ไม่มี...

ทำไมต้องเป็นฉัน? มันเป็นเหตุบังเอิญจริงหรอ? สมองมันตึงๆคิดอะไรมากมายถึงเหตุผลที่ทำให้ตัวเองมาอยู่ในร่าง ตรินทร์ วะ? เป็นการคิดที่ฆ่าเวลาระหว่างเดินขึ้นบันได้ได้ดีทีเดียว เข้าใจหาที่คิดนะกู…

“เหวอ!”

สติที่ไม่ค่อยจะมีกับความคิดที่วนเวียนทำให้ขากับตาไม่ประสานกันซะอย่างนั้น...

ซวยแล้ว! อยู่ๆก็ก้าวพลาดเฉยเลย บันไดปูนตั้งกี่ขั้นไม่อยากคิด ได้เข้าโรงพยาบาลอีกแน่ฉัน ...แต่ก็ดีเหมือนกันครั้งนี้อาจเป็นตรินทร์ที่ตื่นขึ้นมาแล้วฉันหายไปตลอดกาลก็ได้ จะได้จบๆกันซะที

..............
............................



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2013 23:18:52 โดย Zitraphat »

ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
บทที่ 7 RE-START ‘การ์ด คนใหม่...


สติที่ไม่ค่อยจะมี กับความคิดที่วนเวียนทำให้ขากับตาไม่ประสานกันซะอย่างนั้น... ซวยแล้ว! อยู่ๆก็ก้าวพลาดเฉยเลย บันไดปูนตั้งกี่ขั้นไม่อยากคิด ได้เข้าโรงพยาบาลอีกแน่ฉัน

...แต่ก็ดีเหมือนกันครั้งนี้อาจเป็นตรินทร์ที่ตื่นขึ้นมาแล้วฉันหายไปตลอดกาลก็ได้ จะได้จบๆกันซะที
..............
............................


ตุ๊บ!




“โอ๊ย!”


จุก ค่ะจุก รู้เลยว่าตกลงมาแล้ว...


...แต่ทำไมไม่เจ็บ? แค่จุกๆ? แถมนิ่มกว่าที่คิดอีก... ไม่กล้าลืมตาเพราะตอนนี้มันขยับไม่ได้เหมือนมีอะไรมารัดอยู่ เอ๊ะ! แต่ไอ้เสียง ‘โอ๊ย’ เมื่อกี่ไม่ใช่เสียงฉันนะ...ค่อยๆหรี่ตามองถึงได้รู้ว่ามีเบาะไซน์ยักษ์มารองตัวฉันไว้

ไอ้ที่ขยับไม่ได้นี่ก็เพราะวงแขนใหญ่มันรัด ล็อคเข้ากับตัวฉันอยู่ ฉันหล่นลงมาทับใครบางคน...ทับเหรอ? ไม่น่าใช่เพราะสำนึกสุดท้ายก่อนจุกเหมือนใครบางคนกระชากฉันไว้ก่อนจะทำตัวเป็นเบาะรองฉันอีกที... เพียงชั่วเสี้ยวนาที มันใช้อะไรตัดสินใจช่วยฉันเนี้ย!

“นี่นาย!!เฮ้ย!ตื่นๆ!”

ทั้งเขย่า! ทั้งตบหน้า! เบาะชั่วคราวที่อยู่ๆก็เข้ามารับตัวฉันไว้อย่างฉิวเฉียด... 

มันนิ่งไปนานจนฉันใจหาย... ซวยคนเดียวไม่พอยังลากเด็กนี่มาซวยกับฉันอีก...แม่งวันอะไรกันวะ? คิ้วเข้มขมวดกันก่อนร่างใหญ่จะงอตัวพลิกตะแคง...

...ใบหน้าคมนั้นหันมาที่ฉันก่อนค่อยๆลืมตา แววตาสีดำสนิท จมูกโด่ง ริมฝีปากหนา เอ่อ.... ที่นี่มีแต่พวกหน้าตาดีรึไง? ทำไมรุ่นฉันไม่หน้าตาอย่างนี้บางนะ? เด็กสมัยนี้นี่...

“ลุกไหวไหม? เจ็บไหม?”

ฉันถามคนตัวใหญ่ที่นอนนิ่ง ก่อนจะฉุดมือพยุงให้ลุกขึ้น...     
   
...คือ...

...ขอเปลี่ยนคำพูดเลยนี่ไม่เด็กแล้วมั่ง ไอ้เด็กนี่สูงเกือบ 200 ซม.! ระดับยักษ์ได้เลย! สูงกว่าไอ้โฆอีก! ตรินทร์ว่าสูงแล้วนะพอมาเทียบกับเบาะรองนี่ฉันได้แค่ไหล่เท่านั้นเอง....

.
.
.

..แต่ความรู้สึกมันคุ้นๆนะ ไอ้สูงๆใหญ่ๆ แถมแววตาใสๆแบบไร้อารมณ์อย่างนี้?...


..............
............................


 “เป็นอะไรรึเปล่า...ไม่เป็นอะไรมากนะ”

ฉันเอ่ยปากถามไอ้เด็กยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าขณะตักข้าวเข้าปากไปด้วย เงียบ...ฉันล่ะเบื่อจริงๆไอ้เด็กพวกนี้...

มีปากไว้ทำไมกันวะ? หมดความอดทน...พอกินข้าวเสร็จ ฉันก็ลากไอ้ยักษ์นี่ไปห้องพยาบาลดูจากท่าทางการเดินห่างไกลคำว่าไม่เป็นไร...

...ถึงห้องพยาบาล....โล่ง...ไม่มีใครอยู่สักคน

นาทีนี้ไม่สนอะไรแล้วไอ้ยักษ์บ้านั่นเป็นใบ้หรือไงไม่ยอมพูดอะไรสักคำฉันจับมันมานั่งบนเตียงได้ก็จับถอดล่ะ! มันมีขัดขืนเล็กน้อย... แต่ไอ้ตัวควายๆการขัดขืนเล็กน้อยของมันก็เหมือนการป้องกันตัวชั้นดี

“เฮ้ย!อยู่นิ่งๆ! จะสะดิ้งทำเตี่ยอะไร? ผู้ชายเหมือนกัน! ตอนนี้ไอ้ที่มึงมีกูก็มี!”

…หมดยางอายและความอดทน ก็ตอนนี้ฉันเป็นผู้ชายนิ! แล้วไอ้อะไรอะไรของผู้ชายก็เห็นและสัมผัสมาเกือบสองอาทิตย์แล้ว หมดแล้วค่ะความอาย กะจะโบกมันไปที แต่พอดูจากสภาพร่างกายมันแล้ว...ฉันเลือกที่จะเดินไปหยิบยาหม่องกับยาแดงเตรียมไว้ดีกว่า...

...กลับมาอีกทีไอ้กระดุมที่ฉันปลด…

.
.
.




...มันติดกลับไปแล้วทุกเม็ด...






แม่งงงงงง! อยากจะกรี๊ด!

“กูสั่งให้ถอด...เดี๋ยวนี้”

มันมองหน้าฉันงงๆก่อนจะเริ่มปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด จนเหลือแต่ท่อนบนที่เปลือยเปล่า...ชั่วโมงนั้นไม่มีหรอกความอายไม่ได้คิดอะไรกับมันจะอายทำเตี่ยไร?ไว้คิดก่อนค่อยอายแล้วกัน ก้มลงไปดูข้างหน้าไม่ค่อยเท่าไหร่ รอยแดงจางๆแค่ป้ายๆยาหม่องเดี๋ยวก็หาย...

...แต่ข้างหลังนี้สิ...ยังกับสลัดผัก รอยเขียวๆ ม่วงๆ เป็นปื้นๆแตะยาหม่องลงไปหน่อยไอ้ยักษ์ก็สะดุ้งแล้วแถมบางรอยยังมีเลือดซิบๆอีกจะถามมันว่าจุกหรือเปล่า?เป็นอันว่าไม่ต้องถามไม่จำเป็นต้องรู้แล้ว...ไอ้ยักษ์นี่นอกจากหน้าตาดี ยังอึดไม่ใช่เล่น...น่าคบนะไอ้ยักษ์อึดเนี้ย…

..............
............................

.
.
.

 “นายชื่ออะไรกันแน่ ?”

.
.
.


...โห่..ไอ้ยักษ์กว่าจะง้างปากถามได้...

ก็นะ...มันคงแปลกใจ...ที่ชื่อเล่นที่ฉันเซ็นลงไปในสมุดนั้น ตอนแรกเขียนคำว่า 'ภัทร' ก่อนลบแล้วเปลี่ยนเป็น ‘ตรินทร์’ แต่ก็ถูกขีดฆ่าและเขียนเป็นคำว่า ‘ภินทร์’ แทน...ฉันหันมายิ้มให้เด็กหนุ่มร่างยักษ์

“ภินทร์... เราชื่อ ภินทร์”

“ชื่อจริงนาย ษิตรินทร์ ทำไมไม่ใช่ชื่อตรินทร์เหมือนที่เขียนตอนแรก? ”

“เพราะเราไม่ใช่ ตรินทร์ ไง...”

..ฉันยิ้มตอบอดีตเบาะที่เคยรองตัวฉันไว้...

ตัดสินใจแล้ว... ก็ตอนนี้ทุกอย่างมันต้องเป็นอย่างที่มันเป็น ถ้ากลับเป็น ‘ภัทร’ ไม่ได้ เป็น ‘ตรินทร์’ ก็ไม่ได้ ฉัน จะเป็น ‘ภินทร์’ เป็นในแบบที่ควรเป็น พอกันซะทีกับ ‘ภัทร’ ร่างกายนี้เป็นร่างกายผู้ชายจะไปคิดเล็กคิดน้อยแบบผู้หญิงก็ไม่ได้ เอาสิเหมือนกับโกงเกมส์ ฉันได้ชีวิตฟรีๆมาใช้อีกหนึ่งชีวิต...จะปล่อยไว้เฉยๆก็ใช่เหตุ ยังไงมันต้องเอาให้คุ้ม ฉันได้ชีวิตหนึ่งมาฉันไม่คิดว่ามันจะได้มาฟรีๆแน่ มันต้องมีอะไรที่รออยู่อะไรที่คุ้มค่ากับชีวิตที่ได้มา...

...อาจฟังดูเป็นการแก้ตัว แต่ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ สิ่งที่ฉันได้มาในตอนนี้มันต้องแลกกับอะไรบางอย่างใน อนาคตแน่ อะไรที่คุ้มกันกับสิ่งที่เสียไป...

“แล้วนาย ชื่ออะไร?”

ฉันหันไปถามอดีตเบาะรอง รอยยิ้มอบอุ่นนั่นทำฉันสุขใจอย่างบอกไม่ถูกยังไงหมอนี่ก็เป็นคนแรกที่รู้จักฉันในนาม ‘ภินทร์’ ชีวิตใหม่ของ ‘ฉัน’ ที่ต่อไปนี้จะต้องเป็น ‘ผม’ ซะที

“ชื่ออะตรอม...”

เบาะรองแนะนำตัว ‘ผม’ [สรรพนามเปลี่ยนไปหลังจากรู้ซะทีว่าตัวเองควรเป็นอะไร] มองหน้าเจ้าของคำพูดอย่างอธิบายไม่ถูกกับความรู้สึกที่มี ‘อะตรอม’ นี้ย่อมาจาก ‘ออโตมัสไพรส์ม’ ใช่ไหม? แม่งตัวใหญ่โคตร!?


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2013 23:28:04 โดย Zitraphat »

ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
บทที่ 8 Who you are? จะหาเธอคนเดิมได้ที่ไหน?
Part โฆษิต


ตรินทร์ ยิ้ม... ใช่ ตรินทร์ ยิ้ม แต่รอยยิ้มนั่นบอกกับผมว่า…

‘นี่ไม่ใช่ตรินทร์ !’

ตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งนั้น ผมเฝ้าภาวนาตลอดให้ ‘ตรินทร์’ ได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง...

แต่พอ ตรินทร์ ตื่นขึ้นมาจริงๆ ตรินทร์ กลับไม่ใช่ ตรินทร์ คนเดิมที่ผมรู้จัก...รอยยิ้มมีให้กับทุกคน ตรินทร์ หัวเราะและพูดมากกว่าเดิม...มันสวนทางกับความสัมพันธ์ของผมกับ ตรินทร์ ที่ยิ่งห่างออกไป...ยิ่ง ตรินทร์ ยิ้มผมยิ่งเหมือนไกลจาก ตรินทร์ ยิ่ง ตรินทร์ พูดผมยิ่งห่างออกไป...

...ตอนนี้ห้องนอนกว้างขึ้นเพราะไม่มี ตรินทร์ มาคอยนอนกลิ้งอยู่ในห้องผม ...

ทั้งๆทีปกติ ถึงจะมีห้องนอนกันคนละห้องแต่ ตรินทร์ ก็ต้องมานอนกับผมทุกคืน ข้าวที่เคยกินชามเดียวกัน... ตอนนี้ ตรินทร์ ทำเหมือนไม่รู้เลยว่า เราเคยใช้ชีวิตกันยังไง? แม่นิ่มก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้น... ทำเหมือนไม่รับรู้ว่าเลี้ยง ตรินทร์ กับผมมายังไงนั่นยิ่งทำให้ผมอึดอัด...

ตอนนี้ ตรินทร์ ย้ายกลับไปนอนห้องเดิม... ซื้อของมาตกแต่งห้องอย่างที่ผมไม่เคยคิดว่า ตรินทร์ จะทำ โปสเตอร์แนวแปลกๆ ถูกติดไว้ เข้ากันกับห้องโทนสีคราม ห้องที่ ตรินทร์ เคยเกลียด...

...ตรินทร์ เคยบอกผมว่าเพราะห้องนี้เหมือนย้ำว่า ตรินทร์ คืออะไร จากนั้น ตรินทร์ก็ย้ายมานอนห้องผม และ ตรินทร์ จะกลับไปนอนที่ห้องนั้นบางก็ตอนที่ ‘พ่อ’ กลับมา... ผู้ชายคนนั้น ไม่สิทั้งตระกูลเราเลยมั้งที่อยากให้ ตรินทร์ เป็นอย่างที่ ตรินทร์ ควรจะเป็น...

'เป็นสิ่งของที่ใช้แลกเปลี่ยนกับความรุ่งเรืองของตระกูล'
 
...เพราะ เธอคนนั้น ทั้งหมดเพราะเธอคนนั้น ผู้หญิงที่ชื่อ ‘พระแพง’ นั้น !

เช้านี่ผมแทบไม่อยากลุกออกจากที่นอนกลิ่นของ ตรินทร์ ยังติดอยู่ บนหมอน... บนผ้าห่ม...ติดอยู่ในห้องนี้...ทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้? ผมอยากจะร้องไห้นะ... แต่ผมทำแบบนั้นไม่ได้ ....

เช้าที่ไม่ได้ตื่นมาพร้อม ตรินทร์ มันทรมาน... ถึงจะรู้ว่ามันอยู่ห้องถัดไปแต่ผมบอกไม่ถูก...มันไม่ใช่อย่างที่ควรจะเป็น...แค่มันนอนอีกห้อง...ทำตัวแตกต่างไปจากเดิม...แค่นี้ผมยังแทบหายใจไม่ออก...

...แล้วสักวันหนึ่งถ้ามันแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆผม...จะมีชีวิตอยู่ได้ไหม? หึ! แค่ได้ใกล้แค่นี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว ไอ้โฆ…




***


.
.
.


“นายขับ ฉันขับไม่ได้”

ตรินทร์ พูดเหมือนเรื่องปกติ กุญแจของ ‘แม็กกะ’ ถูกโยนมาให้ผมอย่างไม่ใยดี ผมแทบทำอะไรไม่ถูกนอกจากมองหน้า ตรินทร์ แววตาที่เคยว่างเปล่าเหม่อลอย... ตอนนี้ฉายแววขี้เล่น ถ้าไม่รู้มาก่อนว่านี้คือ ‘ษิตรินทร์ ชลวะเท’ ผมคงคิดว่านี้เป็นแค่เด็กหนุ่มเพลย์บอยรักสนุกคนหนึ่ง

‘แม็กกะ กับ โปรตรอน’

ตรินทร์ ตั้งชื่อรถยนต์มาสด้า 2 สีมุกดำ กับ มอไซค์ฮอนด้า LS 125 สีเดียวกันเงินครึ่งหนึ่งเป็นของผม อีกครึ่งเป็นของ ตรินทร์ ตรินทร์เลยรักเจ้าสองตัวนี้เหมือนกับลูก กุญแจสองรถสองคันนี้มีแค่ ผม กับ ตรินทร์ ที่มี    ‘โปรตรอน’ พังยับตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งนั้น ส่วน ‘แม็กกะ’ กุญแจดอกที่สองยังแขวนอยู่ที่คอผม ส่วนอีกดอก ตรินทร์ เป็นคนถือ และถ้าไม่ใช่เรื่องจำเป็น ตรินทร์ ไม่เคยให้ใครประจำที่นั่งคนขับของ แม็กกะ แม้แต่ผม !

“เหม่ออีกนานไหม? ถ้าขับไม่เป็นจะได้เรียกแท็กซี่”

เหมือนเหวี่ยงกับผม...

นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมไม่เคยเจอ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินไปเปิดประตูฝั่งคนขับ โดยที่มี ตรินทร์ นั่งอยู่อีกฝาก วันนี้ ตรินทร์ ไปลงดร็อปแล้วย้ายคณะจาก ‘วิศวะ’ เป็น ‘บริหาร’ เล่นเอาผมทำอะไรไม่ถูก...

...พอมาถึงคณะ ตรินทร์ ก็เดินเรื่องทำทุกอย่างเองทั้งหมด...ก่อนจะมาสมทบกับผมที่รออยู่กับพวกไอ้เรด ...ตรินทร์คุยกับพวกไอ้เรดเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดา ทำบรรยากาศดูแปลกไป มีแต่คนมองรอยยิ้มนั้น ตรินทร์ ยิ้มให้กับทุกคนที่ยิ้มให้คุยเรื่องแปลกๆที่ผมไม่คิดว่า ตรินทร์ จะรู้เพราะเมื่อก่อน ตรินทร์ ไม่เคยสนใจอะไรเลย นอกจากเรื่องที่ต้องรู้ ตรินทร์ นั่งคุยอยู่กับพวก ไอ้เรด จนเกือบเย็นคุยโดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่าผมอยู่ตรงนี้...

...เย็นนี้ ไอ้เรด กับ ไอ้แป้น ชวนมันไปที่บาร์ของพี่นพ ตรินทร์ เป็นนักดนตรียามว่างในตำแหน่งมือเบส ไม่ใช่ว่า ตรินทร์ ร้องเพลงไม่ได้ แต่ไม่อยากร้องมากกว่า ‘ซีนอล’ เป็นชื่อกีตาร์ที่ ตรินทร์ ตั้ง กีตาร์ที่ผมซื้อให้ ตรินทร์ สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ ตรินทร์ หวงเหมือนลูก หวงจนต้องฝาก ‘ซีนอล’ ไว้ที่ร้านพี่นพ

.
.
.

“เล่นไม่ได้ ขอฉันดูอย่างเดียวดีกว่า พวกนายขึ้นไปเถอะ”

ผมหน้าชาเมื่อ ตรินทร์ ปฎิเสธ ซีนอล ที่ผมเช็ดและยื่นให้ส่วนไอ้เรดยังมีความพยายามที่จะลาก ตรินทร์ ขึ้นไปบนเวที

“ใครร้อง ? ถ้าเปลี่ยนฉันเป็นนักร้องฉันจะเล่นด้วย”

ตรินทร์นิ่งมากตอนเอ่ยประโยคนั้น ไอ้เรด กับ ไอ้แป้น มองหน้ากันไปมา เพราะตอนแรกที่ฟอร์มวงเคยขอให้ ตรินทร์ เป็นนักร้องนำ...แต่กลับโดนปฎิเสธแบบได้เลือด

“งั้นมึงก็ร้อง”

ไอ้เรดยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะลากข้อมือ ตรินทร์ ขึ้นเวที... ทิ้งผม...เหมือนเป็นส่วนเกิน...

ผมได้แต่ก้มหน้าลงมันชาไปหมด แล้วเสียงเพลงแรกก็ดังขึ้น ฟอร์มดนตรีดูต่างไปจากเดิมที่พวกมันเคยเล่น

[โลกใบใหม่ – 25 hours]

‘โลกใบใหม่’ เป็นเพลงแรกที่วอร์มวง บนเวที ไอ้เรดจ้อง ตรินทร์ ตาไม่กระพริบไอ้แป้นก็เหมือนกัน ตรินทร์ ยิ้มโปรยเสน่ห์จน สาวๆข้างล่างกรี๊ดไม่หยุดแค่เพลงแรก...แล้วอินโทรเพลงที่สองก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงกระหึ่มของเบสที่เปลี่ยนไปเป็น ไอ้แป้น โซโล่กีตาร์

[Lying From You]
   
...จากนั้นก็ตามมาอีกหลายเพลงที่เป็นของ Linkin Park จนสุดท้ายมาจบที่ เพลงของ Eanescence และ Linkin Park

[Crawling vs Missing]
   
...จบเพลงแล้ว...ไอ้แป้น แทบจะอุ้ม ตรินทร์ ลงมาเพราะไม่ว่าจะเหล้าหรืออะไรที่ถูกส่งขึ้นไปบนเวที นักร้องนำคว้าขึ้นดื่มจนหมดทุกแก้ว....แถมยังคว้าคอสาวๆมาหอมได้อย่างที่ ไอ้เรดเองยังอาย....

..............
............................


..
ทุกวัน ที่ตื่นขึ้นมาผมแทบจะฝังตัวเองอยู่ในห้อง กลิ่นของ ตรินทร์ ทำผมจมอยู่กับที่นอน...วันนี้ก็เหมือนกันถ้าไม่มีเสียงร้องลั่นนั้นมาปลุกซะก่อน

เสียงของ ตรินทร์ !

ผมรีบวิ่งไปตามต้นเสียงที่ห้องนั้น

"ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก! "
   
ตรินทร์ ยังคงตะโกนร้องไม่หยุดเหมือนสติแตกไปแล้ว...ผมค่อยๆดึงมีดในมือ ตรินทร์ออก ก่อนจะรับผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่จาก แม่นิ่ม มาทำแผลให้ ตรินทร์ ที่เอาแต่ดิ้นไม่หยุดจนผมต้องกอดไว้…

“ไอ้หมอ แกอยู่ไหน แกอยู่ไหน ไอ้พี่หมอ ช่วยด้วย ช่วยด้วย!!!”

คนในวงแขนผม สติแตกร้องเรียกใครสักคน แล้วก็นิ่งไป...

ผมพา ตรินทร์ ไปโรงพยาบาลอย่างที่เคยทำ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ตรินทร์ ไม่ได้เรียกชื่อผมเบาๆเหมือนทุกครั้ง...

แต่... ตรินทร์ ตะโกนเรียกใครที่ไม่ใช่ผม...

...ผู้ชายคนนั้น รู้ข่าวเรื่อง ตรินทร์ ผมถูกเรียกออกไปพบตั้งแต่เช้า น่าแปลกที่ไม่เจอ พระแพง ที่บ้านหลังนั้นเกือบอาทิตย์ที่ผมโดนกักตัวไว้ที่นั่น ผมคิดถึงแต่ ตรินทร์ คิดถึงแต่ข้อมือที่นองไปด้วยเลือดนั้น ผม....อยากเจอ ตรินทร์....

..............
............................



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2013 23:34:06 โดย Zitraphat »

ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
บทที่ 9  I’m Back การกลับมา Vol.1
Part ตรินทร์


...ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งกับอาการปวดหัวจี๊ดที่เป็นเรื่องปกติ...

สงสัยเมื่อคืนผมลืมอัดยาเข้าไป...ห้องกว้างสีครามมันยังเป็นห้องเดิมของผมไม่เปลี่ยน แต่ไอ้โปรเตอร์กับรูปแปลกๆ มาจากไหน? ไม่ใช่แนวผมหรือไอ้โฆเลยทั้งคู่...

ผมไม่ได้คิดอะไรมากยังไงนานๆทีถึงจะมาอยู่ห้องนี้อยู่แล้ว ปกติไม่ค่อยมานอนห้องตัวเองด้วยซ้ำเพราะผมมักจะสถิตอยู่ห้องไอ้โฆ... ผมไม่อยากอยู่คนเดียว... ไอ้โฆก็รู้มันถึงไม่ได้ว่าอะไรแล้วนี้ผมมาอยู่ห้องตัวเองได้ยังไง?
....ปวดหัว...ไม่อยากคิด...

ผมทำเหมือนปกติ...

ลากผ้าห่มเปิดประตูออกไป ถัดจากห้องนั่งเล่นทางขวาก็ห้องไอ้โฆแล้ว หัวที่ปวดจี๊ดกับความง่วงที่ยังสลัดไม่หลุดทำให้ง่ายที่ผมจะล้มตัวลงบนเตียงที่คุ้นเคยแล้วหลับโดยไม่ต้องนับสิบ...

‘อืมส์...กลิ่นของไอ้โฆ....’

..............
............................

[16.45 น.]


...ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะเสียงเพลงบ้าๆจากที่ไหนสักที่....

กวานมือไปทั่วถึงได้รู้ว่ามันมาจากโทรศัพท์ของผมที่อยู่ในกระเป๋าโทรศัพท์ผมมีเพลงแนวนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ชื่อบนโทรศัพท์ยิ่งทำให้แปลกใจ? ‘ควาย?!’ ผมตั้งงั้นเหรอ?...แปลก? แต่ก็นั้นหล่ะผมคือผมไม่ค่อยคิดอะไรมาก ผมกดรับโทรศัพท์ไม่มีเสียงตอบ เงียบไปนานก่อนที่เสียงคุ้นเคยจะดังมาตามสาย ไอ้โฆ...

ผมไม่ได้รอมันพูดมากไปกว่านั้น แต่เป็นผมเองที่บอกมันออกไปว่าจะไปรอที่ร้านพี่นพ มันเงียบไปแต่ไม่ได้ถามอะไร นอกจากบอกว่าจะรอ ผมคิดไปเองรึเปล่าเสียงมันฟังเศร้าๆเหงาๆ…


[22.30 น.]


...นอนเพลินไปหน่อยครับ... กว่าจะเข้ามาที่ร้านได้ เกือบ 5 ชั่วโมงจะว่าไปว่าผมก็ไม่ได้ก็ ‘แม็กกะ’ ไม่ได้จอดอยู่ที่บ้านนี่น่า..

ไอ้โฆ มันกล้ามาก! มันเอาลูกผมไปปู่ยี่ปู้ยำใช่ไหม?!

..มาถึงหน้าเคาน์เตอร์ตอนนี้พวกไอ้เรดกำลังจะจบเพลงให้รักคุ้มครอง กีตาร์ผมยังวางอยู่หลังพี่นพ ผมชูมือเป็นสัญญาณขอ ‘ซีนอล’ สุดรักก่อนจะตั้งสายแล้วเดินถือมันออกไปเตรียมขึ้นเวที

เสียงดนตรีหยุดลงทันทีที่พวกมันเห็นผมถือกีตาร์ขึ้นไปบนเวที ...

เอ่อ...วันนี้ครบทั้ง ไอ้เรด ไอ้แป้น ไอ้กร้า นานๆจะเสด็จมาครบสักที แต่พวกมึงจะทำให้กูเด่นไปถึงไหน...ไอ้เรดยืนอึ่ง…ไปนานที่เห็นผมถือกีตาร์ขึ้นมา มือมันชี้ไปที่ ‘ซีนอล’ แบบงง มึงจะเงียบจะงงกันทำไมกูก็เป็นมือเบสอยู่แล้ว

.
.
.


“เนื่องจากวันนี้สมาชิกลิงกินผักของพวกเราครบทีมอีกครั้งขอเพลงพิเศษเพลงหนึ่งแล้วกัน อะ ตรินทร์บอกมาเลยจะร้องเพลงอะไร?”

ไอ้เรดมันยิงคำถามมาที่ผมที่ได้แต่ยืนมึน...

“มือเบส ไม่ได้เป็นนักร้อง”

คราวนี้เงียบกันทั้งวงอีกครั้ง

“มึงร้องตรินทร์! อย่าช้ามึงจะร้องเพลงอะไรครับไอ้คุณตรินทร์?”

ไอ้เรดเจ้ากี้เจ้าการเร่งผมแบบไม่ปรึกษา

“ความรัก”

   
..ผมตอบปัดๆไป แล้วอินโทรเพลงก็เริ่มโดยมีผมเป็นมือเบสและนักร้องนำอย่างงงๆ สายตาผมเหลือบไปเห็นไอ้โฆเดินเข้ามานั่งข้างพี่นพ มันยิ้มแปลกๆก่อนชูแก้วเหล้าแล้วตะโกนร้องเพลงตามผมกับเพื่อน...

...ผ่านไปเกือบชั่วโมงที่เพลงต่างๆถูกขอและส่งขึ้นมาบนเวที เหนื่อยแต่สนุกจนเพลงสุดท้ายต้องมาถึงเมื่อไอ้กร้าสะกิดให้ดูวงรุ่นพี่ที่ชูนาฬิกาขึ้นมาพร้อมๆสายตาขวางๆ ‘ขอดาว’ เป็นเพลงสุดท้ายที่ผมร้องในคืนนี้ ‘ใครขอวะ?’

..............
............................

Part โฆษิต

‘ ขอดาว’    

จบลงพร้อมๆกับ ตรินทร์ ที่ลดไมค์ปลดกีตาร์ที่ผมซื้อให้ออกจากไหล่...แล้วเดินมาทางผม เสื้อเชิ้ตสีเทาอมน้ำตาลถูกปลดกระดุมลงจนเห็นเสื้อกล้ามสีขาวข้างในที่เปียกไปด้วยเหงื่อ ตั้งแต่อุบัติเหตุตอนนั้นนี้เป็นครั้งแรกที่ผมเห็น ตรินทร์ กลับมาเป็น ตรินทร์ รอยยิ้มไม่มีบนใบหน้ามันพอๆกับระดับความสัมพันธ์ของผมที่เพิ่มขึ้น ตรินทร์ หยิบขวดน้ำที่ผมส่งให้ดื่มรวดเดียวหมดก่อนจะยื่น ซีนอล ให้ผมเช็ดและเก็บโดยไม่ต้องพูดอะไรมาก...

...ความเงียบของเราเหมือนเป็นความเข้าใจยิ่ง ตรินทร์ ยิ้มมากเท่าไหร่ผมยิ่งรู้สึกห่าง... ยิ่ง ตรินทร์ พูดมากเท่าไหร่...ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าพวกเรายิ่งไกลกัน... ผมเงยหน้าขึ้นมาอีกทีตอนจะส่งกีตาร์ให้พี่นพเอาไปเก็บที่เดิม พอหันไปหา ตรินทร์ ก็อยู่ในวงล้อมบรรดาสาวๆที่เข้ามาทักทายแล้ว...

เหมือนวันก่อนที่ ตรินทร์ เป็นจุดสนใจ ...แต่วันนี้แตกกต่าง

...ตอนนี้ ตรินทร์ ยังเงียบเหมือนเดิม... เงียบเหมือนเมื่อก่อนจะเกิดอุบัติเหตุนั่น...จนทำให้ผมเกือบลืมไปเลยว่า เมื่อวันก่อนนั้น ตรินทร์ เคยหว่านเสน่ห์ไปทั่วกับสาวที่เข้ามาคุย ตอนนี้รอยยิ้มช่วงโปรโมชั่นหมดลงแล้วหรือเปล่า? เพราะ ตรินทร์ ยังคงเงียบเป็นหินอยู่เหมือนเดิมท่าจะเริ่มรำคาญแล้วเสียด้วยซ้ำ...

...เสียงสาวๆเงียบลงเมื่อ ตรินทร์ เดินผ่ากลุ่มสาวๆตรงมาที่ผม...

...ไม่ทันให้ตั้งตัววงแขนนั้นโอบรอบคอผมแล้วโน้มลงมาจูบ...ปิดท้ายด้วยการเลียแก้มผมด้วยลิ้นอุ่นๆ....

“ถาม...เขารู้เรื่องผมทุกเรื่อง”

…พูดจบ ตรินทร์ ก็เดินหลบไปหลังเคาน์เตอร์...

ทิ้งให้ผมตะลึงกับจูบที่ไม่ทันตั้งตัว พวกสาวๆต่างเงียบกริบไม่แพ้ผม...แต่รู้สึกว่าพวกเธอจะได้สติขึ้นมาก่อนเมื่อเสียงกรี๊ดนั่นดังขึ้นแข่งกับเสียงเพลงในร้าน ...ตรินทร์ทิ้งระเบิดตูมใหญ่ให้ผมก่อนหายไปหลังเคาว์เตอร์อย่างสบายใจ...

..............
............................



..

 ‘เอากุญแจมา’   

ตรินทร์ ไม่ได้สั่งแต่เป็นการประมวลผลจากการกระทำ...

ผมโยนกุญแจรถที่ ตรินทร์ เคยรักให้อย่างไม่ลังเล... รถที่เคยรัก...แต่หลังอุบัติเหตุนั้น ตรินทร์ ก็ไม่เคยขับมันอีกเลยสักครั้ง.. อย่างคุ้นเคย ตรินทร์ ประจำตำแหน่งคนขับ ผมถูกปลดมานั่งข้างๆก่อนคาดสาย Belt เพราะรู้ดีว่าถ้าปล่อยให้ ตรินทร์ ขับรถคันโปรดผลจะเป็นอย่างไร...   

.
.
.

...ไฟแดงที่สี่...หยุด แม็กกะ ลงได้พอๆกับหยุดสติผม ตรินทร์ ดูจะสนุกเหมือนเคยกับตัวเลขบนไฟสีเขียว และแทบจะบ้าทุกครั้งที่เห็นไฟสีเหลืองและแดง บอกตามตรง ผมรับ ตรินทร์ ได้ทุกเรื่องยกเว้นนิสัยการขับรถและหยุดรถ ตัวเลขสีแดงยังอยู่หลักร้อย ตรินทร์ ดูอารมณ์เสียไม่น้อยที่ไม่ทันตัวเลขสีเขียวของไฟแดงที่สี่...

ความเงียบเข้ามาในรถแต่เป็นความเงียบทีคุ้นเคยไม่ใช่รอยยิ้มน่าอึดอัดที่ผมเจอมาตลอด สองเดือน มือที่จับพวงมาลัยรถเอื้อมมาสะกิดผม พร้อมกับหันใบหน้าคมโน้มเข้ามาใกล้.... 

แววตาสีแปลกปิดลง ..ไม่ต้องพูดอะไรมาก..ผมปลดคลายสาย Belt ออก......แล้วโน้มตัวจูบคนขับ...อย่างเงียบๆแต่ยาวนาน...   
   

...ตัวเลขบนไฟแดงเหลือน้อยลงทุกทีพอๆกับระยะเวลาที่บอกให้ต้องถอนริมฝีปากออก ผมอยากอธิฐานให้ไฟเหลืองและไฟเขียวที่จะมาถึงพังลงตอนนี้เลยด้วยซ้ำ...

ผมถอนริมฝีปากออกมาแล้วใช้ปลายนิ้วไล้เช็ดริมฝีปากที่เผยอออกตอนผมสอดลิ้นเข้าไป...ใบหน้า ที่คุ้นเคย...ท่าทางที่คุ้นเคย... รสจูบที่ผมภาวนาให้มันกลับมาตลอดสองเดือน......ไฟแดงสิ้นสุดลงผมกลับมานั่งในตำแหน่งเดิมและคาด Belt ได้ทันก่อนที่รถจะเร่งเครื่องวิ่งไล่กับนรกที่เฉียดไปเฉียดมา กว่าจะถึงบ้านผมก็แทบเดินไม่เป็น...การเปลี่ยนแปลงนี้ทำเอาผมลืมไปเลยว่าระหว่างที่อยู่บ้านหลังนั้น ‘จรินทร์’ ญาติห่างๆอีกคนของตระกูลสาย ‘ชลวะเท’ บอกอะไรกับผม....ความสุขมันบดบังทุกสิ่งได้จริงๆ

..............
............................


‘และผมคงจะไม่ยอมหลับตาลง ถ้ารู้ว่าตื่นขึ้นมา....แล้ว ตรินทร์ คนเดิมจะหายไป....’

..............
............................

“สาดดดดดดดดด! ปล่อยกูเลยไอ้บัพ!”

เสียงมารดังขึ้นปลุกผมให้ตื่นจากความฝัน....

ตอนนี้มารตัวนั้นทั้งผลักทั้งถีบผมให้ออกจากตัว ปากก็โวยวายไปเรื่อยแต่เหมือนมันโวยวายไปอย่างนั้น คงเพราะอึดอัดที่ผมกอดมันไว้แน่นมากกว่า ผมปล่อยแขนออกจากเอว ตรินทร์ แล้วนั่งมอง ตรินทร์ ที่กำลังจะเดินออกไปจากห้อง...

“ตรินทร์...”

...ผมเรียกชื่อนั้นเบาๆ แต่ร่างนั้นไม่มีทีท่าว่าจะหันกลับมา...แล้วเสียงปิดประตูก็ดังขึ้น เรียกสติ... ผมหันกลับไปหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดเลือกชื่อหนึ่ง ก่อนจะโทรเข้าชื่อนั้น ‘JaRin’

“พี่เองจำเรื่องที่นายบอกพี่เมื่ออาทิตย์ก่อนได้ไหม? พี่ว่างแล้วเดี๋ยวพี่ไปรับ”


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2013 23:44:02 โดย Zitraphat »

ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
บทที่ 10  Play game  play guy. คาสนาม
Part ภินทร์   


สนามบาส….สนามบาส! บร๊ะเจ้า! สนามบาสสส! กี่ปีแล้วที่ไม่ได้มาเหยียบ!

...อ๊าย!แม่งเอ๊ย! ไอ้อะตรอม นี้ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของผมจริงๆ... เมื่อเช้านี้บอกตรงๆว่าอารมณ์เสีย ตื่นขึ้นมาในห้องไอ้บัพ แถมยังโดนมันกอดแน่นอย่างกับเป็นเมียมัน...

แต่ที่หัวเสียกว่านั้นก็ตอนที่รู้ว่า ‘ เวลา ’ มันหายไปใช่ผมพูดไม่ผิดหรอก ‘เวลา’ผมหายไป...เมื่อวานซืน ผมคุยกับไอ้อะตรอมว่าเมื่อวานจะไปลงสมัครชมรมกับมัน แต่พอตื่นขึ้นมา เมื่อวานของผมก็หายไป....

..ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นรู้ตัวอีกทีก็อยู่บนเตียงกับไอ้บัพแล้ว วันนี้เลยรีบแต่งตัวขึ้นแท็กซี่มาที่มหาลัยฯ ผมไม่มีเบอร์อะตรอมเพราะไม่ได้ขอไว้ เมื่อวานนัดมันให้เจอที่ห้องสมุด ตอน 10 โมงเช้า ผิดนัดไปวันหนึ่ง... วันหนึ่งเลยนะจะไม่ให้ผมโมโหได้ไงหล่ะ ว่าถ้ามาแล้วไม่เจอมันผมก็ไม่โทษมันหรอกนะ    

แต่มันก็อยู่ที่นั้นแถมยังสมัครชมรมให้ผมแล้วอีกด้วย....

ผมแทบกระโดดกอดมันเลยแล้วก็ยิ่งดีใจกว่านั้นตอนมันชวนมาที่สนามบาสของมหาลัยมีแข่งสองสนาม รู้สึกจะเป็นของเด็กปีสามกับปีสอง สาวตรึม! นมตูม! อ๊าย!ได้ใจ! อะตรอม.. ทำไมมันรู้ใจผมขนาดนี้นะ... แมร่งเอ้ย!
   
...ยังไม่ทันได้ชื่นชมบรรดาหญ้าอ่อนอะตรอมก็มาสะกิดผม พร้อมๆกับฝากกระเป๋าเป้ใบเล็กให้ผมถือ ผมได้แต่มองหน้ามัน

...เพื่อ?...

“ฝากเดี๋ยว...รึ จะลงด้วยไหม? ผมมีลงกับพวกปีสามทางคณะเขาหาคนลง พวกปีสามเด็กวิศวะเล่นแรงกว่าบริหารนะ แต่ถ้า ภินทร์ ไม่อยากลงก็เฝ้ากระเป๋าให้ผมที ”   

..อะตรอม อธิบายให้หมางงอย่างผมเข้าใจ ก่อนจะวิ่งลงสนามไปเมื่อเห็นว่าเกมส์แรกจบลงแล้ว... ผมหันซ้ายหันขวาก่อนจะนั่งแหมะลงข้างพื้นสนาม

เอ่อ... ไอ้ยักษ์ของผมวิ่งไปวิ่งมา แบบชิวๆ แถมยังไม่แคร์พวกปีสามที่ คอยกระแทกอีก ยังกับฝูงหมาใน ล่าควายป่า พวกวิศวะเล่นแรงไปแล้ว…

.
.
.

ปรี๊ด!   

.
.
.

นกหวีดดังขึ้นเมื่อเด็กบริหารคนหนึ่งถูกกระแทกล้มลงไปกับพื้นสนาม...

เดี้ยง..เห็นๆ พวกปีสามบริหารเองก็ลงจนหมด...เด็กปีหนึ่งปีสองของบริหารแทบไม่เหลืออยู่ในสนาม เมื่อรู้ว่าพวกวิศวะเล่นแรงแค่ไหน ...ผมอดไม่ได้ที่จะหันไปดูอะตรอม..

เอ้ย! มึงจะสุภาพไปไหมเนี้ย…มันเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ....แต่....เสื้อผ้ายังแป๊ะไม่มีเสื้อหลุดลุ่ยออกจากกางเกงเลยสักนิด ...ไอ้คุณชายเอ้ย!

..............
............................

“โดนพวกไอ้คิงส์ มันเก็บทีละคนแล้ว ทีนี้จะทำยังไง ไอ้เด็กยักษ์ปีหนึ่งมันก็เล่นดีอยู่หรอก แต่ถ้าปล่อยไปอย่างนี้มีหวังโดน ไอ้คิงส์มันเก็บอีกคนแน่ พวกปีหนึ่งก็ปอดกันหมดแล้วด้วย จะเอาเด็กที่ไหนลงว๊ะ ”   
   
...เด็กแว่นหนาที่เหมือนจะเป็นรุ่นพี่ บ่นกับไอ้เด็กที่ทาปากสีแดงสดที่เหมือนจะเป็นรุ่นพี่อีกคน ส่วนไอ้เด็กที่ล้มนั้นถูกพยุงออกมาจากสนามแล้วมาโยนไว้ข้างๆผมที่นั่งมองตาวิบๆ...ผมยกมือแต่ไอ้แว่นยังคงทำเป็นมองไม่เห็น...

“เฮ้ย!”   

...ผมตะโกนเรียกไอ้กลุ่มที่บ่นไปหน้านิ่วไป สายตาพวกนั้นมองหาเด็กที่จะลงสนาม ทั้งๆที่ผมยกมือมันกับมองผ่าน จนผมต้องลุกขึ้นเดินหิ้วกระเป๋าไปหาพวกมัน ไอ้แว่นสายตามึงไม่ได้สั้นแต่มันบอดใช่ไหม!?

“เอ่อ...มีอะไรครับ? พวกผมกำลังหาคนอยู่รอสักครู่นะครับ”

ไอ้แว่นมันตอบตะกุกตะกัก พลางรนรานมองหาเด็กที่พอจะลงแข่งได้

“ปีหนึ่งลงได้ใช่ไหม? ไอ้ยักษ์นั่นเพื่อนผม ขอผมลงได้ไหม?”   

ผมถามพลางแจกรอยยิ้มการตลาดแบบที่เคยใช้พรีเซ้นต์สินค้าบริษัทใหญ่ไอ้แว่นอึ้งไปนิดก่อนจะหน้าแดงตอบแบบตะกุกตะกัก

“ถ้าคุณตรินทร์ อยู่บริหารก็ลงให้พวกผมได้ครับ...แต่คุณตรินทร์อยู่วิศวะ ผมเกรงว่า...”

‘อ้าว...เวร...ไอ้นี่ดันเสือกรู้จักเด็กตรินทร์อีก นี่คงคิดว่าเด็กตรินทร์ยังเรียนวิศวะปีสองอะสิ เฮ้อ...'

“งั้นก็จบ ฝากกระเป๋าด้วยนะ”

ผมโยนกระเป๋าเป้ของอะตรอมให้ไอ้แว่น พร้อมทั้งหันหลังเดินไปที่สนาม...ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้ แล้วตะโกนบอกพวกไอ้แว่นนั่น

“ผมชื่อภินทร์ บริหารปีหนึ่ง ฝากตัวด้วยครับ!”

…ดูมันแลงงๆ แต่ก็ยอมให้ผมลงมาที่สนาม มาถึงผมก็เดินไปหาอะตรอมก่อนเลย เพราะดูแล้วเด็กบริหารคนอื่นๆแทบจะหมดสภาพ พวกนั้นเล่นกันหนักจริงๆ...

เล่นไปได้สักพักก็เครื่องติดตอนนี้ตัววิ่งฝั่งผมมีแค่ผมกับอะตรอมในขณะที่ทางฝั่งนั้นตัววิ่งเป็นไอ้วิศวะปีสามสองคนที่ท่าทางกวนบาทมากมาย อะตรอม โดนไอ้หน้าเข้มปีสามประกบในขณะที่ผมโดนไอ้โล้นนี้กระแทกอย่างตั้งใจอยู่หลายครั้งแต่รอดไปได้เกือบทุกครั้ง...

.
.
.

...จนมาครั้งนี้…

.
.
.

ปรี๊ด!   

...พวกปีสามฝั่งผมเป่านกหวีดเสียงลั่น เมื่อผมถูกกระแทกกลิ้งลงไปกับพื้นสนาม...

สัด! แมร่งเกินไปแล้วนะ! ก็รู้ว่าฝั่งตรงข้ามเล่นแรง แต่ผมก็ระวังตัวเสมอ ทุกครั้งที่พวกมันเข้ามาใกล้ อะตรอม จะเอาตัวมันกั้นผมไว้ตลอด แต่มาคราวนี้พวกมันคงรู้ทาง...   

ไอ้คนตัดสกินเฮดนั้นแทนที่จะเข้ามาเล่นผม... เหมือนเคย ชั่วเสี้ยวกับสลับเป็นไอ้หน้าเข้มนั้นยิ้มมุมปากแล้วเบียดมากระแทกผมแทน... อะตรอม หน้านิ่งไปในแบบที่ผมไม่เคยเห็น มันปรี่ไปหาไอ้หน้าเข้มนั่นก่อนจะเงื้อหมัด เสียงกรี๊ดจากข้างสนามดังพอๆกับเสียงของผมที่ตะโกนเรียกมัน

“อะตรอม!”
      
…ผมเรียกมันไว้ก่อนจะพยุงตัวขึ้น ถึงยังจุกอยู่แต่ผมก็ฝืนจับมือมันให้ลดลงก่อนจะเอ่ยปากขอโทษพวกไอ้เหี้ยมนั่น...

ในมหาลัยอย่างนี้ปีนเกลียวคงไม่ดี แต่จะให้ยอมมันอย่างนี้ก็เกินไป... ผมขอเวลานอกแล้วลาก อะตรอม ออกมาข้างสนามส่วนพวกบริหารที่เล่นด้วยกันหมดแรงทรุดตัวลงกับพื้นสนามนั่นล่ะ

“มึง จะทำอะไร?...รู้ไหมเหี้ยมพวกนั่นอยู่ปีสาม ถ้ามีเรื่องขึ้นมามึงคิดว่าปีหนึ่งอย่างมึงจะอยู่อย่างสงบไหม?”

ผมถามอะตรอมที่ได้แต่กัดฟันกรอดๆๆ ดูมันอารมณ์ขึ้นมากมาย นี่กูโดนกระแทกนะไม่ใช่มึง สาดเอ้ย!

“มันทำ ภินทร์ ทำไมต้องขอโทษมันด้วย? ภินทร์ เจ็บ...เลิกเล่นเถอะ ”
   
อะตรอมเสียงเบาแล้วโน้มตัวลงมากอดผมไว้....

ไอ้ควาย...อย่าร้องไห้นะมึง ผมกอดตอบอะตรอม ไว้แล้วตบบ่ามันเบาๆ แต่สายตาที่เหลือบไปเห็นไอ้เหี้ยมที่จงใจกระแทกผมนี้สิ มันยิ้มเหยียดแล้วทำทีปาดคอ ข่มขู่!

....เล่นของสูงนะมึง ไอ้เหี้ยม! ถ้ากูกับมึงไม่ตายกันไปข้างหนึ่ง อย่ามาเรียกกูว่า ภินทร์ เลยสัด!

“กูไม่เป็นไร อีกเกมส์ก็จบ ลงสนามเถอะ อะตรอม”

ผมยิ้มหวานให้ อะตรอม แล้วลากมันลงสนามใหม่.... เป้าหมาย...ไม่ใช่ลูกบาส ..แต่...อยู่ที่ไอ้เหี้ยมนั่น!

.
.
.

ปึก!

.
.
.

พลั๊ก!

.
.
.

“ปรี๊ด!”


...นกหวีดดังขึ้นอีกครั้ง... ก่อนเสียงกรี๊ดจะตามมาจากข้างสนาม


ไอ้เหี้ยมโดนผมซัดลงไปกับพื้นแบบเนียนๆ โดยอาศัยช่วงที่มันจ้องเล่น อะตรอม เล่นมันเสร็จผมก็เดินหลบฉากเนียนไปเรื่อย    
...เกือบสามครั้งที่มันล้มเพราะฝีมือผม อะตรอม มองตามผมที่วิ่งเข้ามาหาระหว่างเกมส์ ผมโน้มตัวมันลงมาก่อนจะกระซิบข้างหู

“มึงเล่นบาสไป... กูจะเล่นคน...”

.
.
.

“ภินทร์...”   

อะตรอม ครางเรียกชื่อผมเบาๆ เหมือนจะไม่เชื่อประโยคที่ผมพูด แต่ผมก็ทำให้มันเห็น กูเล่นคนได้แบบเนียนๆ ...คาสนาม!

..............
............................   


..
เสียงกรี๊ดดังขึ้นอย่างกับงานคอนเสิร์ต ผมหันตามไปก็เห็นไอ้เหี้ยมกับเพื่อนมันถอดเสื้อนิสิตโยนไปข้างสนามแล้ว...

โห่!คิดว่าพวกมึงหุ่นดีเป็นพวกเดียวหรอ? ผมหันไปมองอะตรอม กะจะยุให้มันถอดเสื้อโชว์...แต่พอมองโดยรวมแล้วเสื้อที่ไม่มีหลุดออกมาจากเข็มขัดนิสิตเลยสักนิดทำให้หยุดปากไว้แค่นั้น ชิ!มึงไม่ถอดกูถอดก็ได้...ผมเดินเข้าสนามแล้วถอดเสื้อสีขาวออกจากตัว ไม่ได้โยนแบบพวกมันผมเอาเสื้อมาผูกไว้กับเอวเพราะกลัวว่าถ้าโยนไปจริงๆแล้วจะหาเสื้อไม่เจอ...เสียงกรี๊ดที่ดังขึ้นทำให้ผมรู้เลยว่าคะแนนผมก็ไม่น้อยกว่าพวกมันหรอก!สุขสุดๆตอนเป็นผู้หญิงนะลืมไปเลยไอ้การถอดเสื้อวิ่งรอบสนาม

เล่นบาสมันต้องอย่างนี้! โชว์แมนอย่างนี้! ไม่เสียชาติเกิดจริงๆ ยิ่งมีเสียงกรี๊ด ยิ่งของขึ้น...    


***


..

.
.
.

...จนเกมส์จบ เสมอ----สาดดดดดดด คิดว่ากูวิ่งเพื่อเสียงกรี๊ดอย่างเดียวหรอ ?!   


พวกไอ้เหี้ยมนั่นเหมือนจะไม่พอใจที่ผลออกมาเสมอ... แต่ทำไงได้ผมเองก็อยากชนะแต่ช่างมันเถอะเล่นไอ้เหี้ยมมันคาสนามได้ผมก็สุขใจแล้ว... พักเกือบชั่วโมงหลังแข่งเสร็จ พวกไอ้เหี้ยมโดนสาวๆดึงออกจากสนามไปนานแล้ว เหลือแต่ผมกับอะตรอมที่นั่งบังผมไว้จากสายตาสาวแท้สาวเทียมทั้งหลาย... ผมเองก็อยากจะบอกอะตรอม....

‘มึงจะบังกูทำไม? เขามองมึง ไม่ได้เหลียวมองกูเลย! ไหนว่ามึงเป็นผู้สนับสนุนหลักของกูไง? ไอ้คุณอะตรอม!’

“เมื่อไหร่จะใส่เสื้อครับ?....”

บังเกอร์นามอะตรอมมันยังคงนั่งบังผมอยู่ แถมยังยื่นขวดน้ำที่สาวๆบรรณาการมาให้ผม

“เดี๋ยวร้อน....”

เซ็ง...ยังทำคะแนนได้ไม่เท่าไหร่เลยนะสกัดดาวรุ่งกูแล้ว ไอ้คุณอะตรอม!

“จะกลับเลยไหมครับ? ทั้งสนามเหลือเล่นอยู่ไม่กี่คนแล้ว”

“เดี๋ยวค่อยกลับ... พักก่อนเดี๋ยวนึงอยากเล่นกันแค่สองคนอีกรอบ”


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2013 23:56:48 โดย Zitraphat »

ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
บทที่ 11 Do you know my feel? it's so drown.ขโมย
Part โฆษิต


..ผม พา ‘จรินทร์’ มาที่มหาวิทยาลัยเพื่อพบ ตรินทร์ ไม่ใช่ใจดีอะไร ...

หากแต่เป็นการตอบแทนเรื่อง ‘ข่าว’ เด็กหนุ่มร่างบางราวกับกระเบื้องเคลือบข้างๆผมเป็น ‘ของ’ อีกอย่างที่ พระแพง มี จรินทร์ เกลียด พระแพง ไม่ต้องบอกแค่มองด้วยสายตาก็รู้ จรินทร์ รัก ตรินทร์ รักจนทำให้คำว่านายกับบ่าวแทบจะไม่มีความหมายบ่าวที่หลงรักคู่หมั่นของเจ้านาย...

พระแพง เองก็ดูจะรู้ถึงข้อนี้นักทำนายอย่าง จรินทร์ ถึงได้ถูกทำให้ตาบอด...เพื่อที่จะไม่ต้องมีสายตามองหา ตรินทร์....แต่ก็แค่นั้น นักทำนายอย่าง จรินทร์ ยอมที่จะมองไม่เห็นสิ่งใด นอกจาก ตรินทร์ ...สายตาคู่นั้น มีไว้มองเพียงแค่ ตรินทร์ การแสดงตัวเป็นศรัตรูของ จรินทร์ เป็นอันตราย แต่..ที่ พระแพงไม่ฆ่า จรินทร์ ทิ้งก็เพราะต้องใช้งานเท่านั้นเรื่องนี้ยิ่งทำให้ จรินทร์ ยิ่งเกลียด พระแพง แต่กับผม จรินทร์ ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องของผมกับ ตรินทร์....เหมือนรู้แต่ปล่อยผ่าน...

...หากแต่ห้ามพูดถึง!

.
.
.

“ นาง...หายไปตั้งแต่เกิดเรื่องครานั้น ข้าเจ้าว่ามันคือสิ่งแปลก...”
.
.
.

...จรินทร์ บอกกับผมตอนอยู่ที่บ้านหลังนั้นข่าวนั่นทำให้ผมต้องพา จรินทร์ มาหา ตรินทร์ ตามข้อแลกเปลี่ยนของ 'ข่าว' แต่เพียงแค่นั้น จรินทร์ เองก็พอใจเพียงแค่ได้รู้สึกถึงคนที่รัก.....อยู่ห่างๆ

'...หายไปตั้งแต่เกิดเรื่องครานั้น '

ประโยคนั้นสะกิดใจผม...คงไม่ใช่ พระแพง หรอกนะ ที่ทำให้ ตรินทร์ เป็นอย่างนี้...

..............
............................

 “ใคร??...ไม่ใช่พี่ตรินทร์...ไม่มีสักนิดที่จะมีเชื้อสายของเราในวิญญาณ...พี่โฆ เอาใครมาครับ? พี่โฆ พาผมมาหาใคร? ผมไม่เห็น พี่ตรินทร์...”

..
.
.
ผมนิ่งไปทันทีที่จรินทร์เอ่ยทัก ใคร? ใครที่อยู่ในร่างตรินทร์ ? แล้วตรินทร์อยู่ไหน? กลางสนามบาสนั่น ตรินทร์ อยู่กับไอ้ยักษ์อีกตัว ไอ้ยักษ์มันเห็นผมแต่ทำเป็นเมิน พวกเดียวกันดูกันออก ผม 'ไม่ใช่' มันก็ 'ไม่ใช่' เหมือนกัน…

..............
............................

…ในรถ จรินทร์ ได้แต่นั่งร้องไห้ ร้องจนผมไม่กล้าแม้แต่จะห้าม...

บอกตามตรงเลย ผมไม่คิดห่วง จรินทร์ แม้แต่น้อย ผมห่วง ตรินทร์ มากกว่า เกิดอะไรขึ้นกับ ตรินทร์ ผมขับรถไปส่ง จรินทร์ ที่บ้านหลังนั้น ก่อนจะขับกลับมาที่มหาลัย…ที่สนามบาสนั้น ตอนนี้ผมเห็นแค่… ตรินทร์ ไม่สิ… เห็น แค่ร่างของ ตรินทร์ ส่วนข้างในนั้น ผมไม่รู้...

..............
............................

Part ภินทร์


..บัพ อยู่ตรงหน้าผม... สีหน้ามันเฉยสนิท แววตาที่มันมองผมทำเอาผมรู้สึกหวาดๆ แล้วมันก็ก้าวเข้ามาใกล้ พร้อมกับประโยคที่ทำเอาผมแทบยื่นไม่อยู่...

“มึง เป็นใคร ? มึงกล้าดียังไงถึงแย่งร่าง ตรินทร์ มา? มึงรู้ใช่ไหมว่า ตรินทร์ อยู่ไหน? กูไม่รู้ว่ามึงเป็นใครไม่เคยคิดอยากจะรู้ด้วยซ้ำ… แต่มึงคงมีความสุขมากสินะ...กูยังสงสัยมึงไม่รู้สึกเจ็บบ้างเลยรึไง? ทำไมถึงมีแต่กูที่เจ็บ? แต่มึงยังยิ้มได้ ? ทั้งที่มึงขโมยชีวิต ตรินทร์มามึงเคยรู้สึกผิดบ้างไหม? เคยเจ็บเหมือนกูไหม? เจ็บที่หน้าอกเหมือนกู… เจ็บตรงหัวใจเหมือนกู...? เจ็บเพราะโดนมึงขโมยคนที่กูรักไป!”

เสียงเบานั่น กระซิบให้ได้ยินเพียงสองคน...แต่ตอกย้ำให้ผมชาไปทั้งหน้าและความรู้สึก ไอ้บัพเดินชนกระแทกไหล่ออกไปก่อนจะหันกลับมาหยิบลูกบาสข้างเท้าแล้ว พลัสลูกบาสในมือเข้ากลางอกของผมที่ได้แต่ยืนนิ่ง...

..............
............................

…มันไม่ได้แรงมากอะไรแต่ทำไมมันถึงจุกไปหมด จุกจนชาไปทั้งตัว ขานั้นอ่อนแรงทรุดลงกับพื้นสนาม อะตรอมเป็นคนแรกที่วิ่งเข้ามาดูและถามอะไรโวยวายก่อนจะพยุงผมให้ลุกขึ้น....

สายตาของผมได้แต่มองร่างสูงที่เดินหายพ้นประตูออกไปจนลับตา… ความรู้สึกเหมือนหยุดอยู่แค่นั้นไอ้บัพนั้นจะไม่หันกลับมา...

ถ้าคนที่ล้มอยู่ตรงนี้ไม่ใช่ ตรินทร์ ....ถ้าผมไม่ใช่ ตรินทร์! มันจะไม่มีวันหันกลับมา....

.
.
.


...

“ภินทร์!ภินทร์ครับ!”

...รู้สึกตัวอีกทีผมก็อยู่ในห้องน้ำแล้ว และที่รู้สึกตัวได้ก็เพราะเสียงตะโกนเรียกและแรงเขย่าของ อะตรอม

“จะตะโกนทำไมมีกันอยู่แค่สองคน”

“เป็นห่วง อะตรอมเรียกภินทร์ตั้งแต่กลางสนามจนมาถึงห้องน้ำแล้วนะ เป็นอะไรครับ ภินทร์”

“ไม่ได้เป็นอะไร”

“แล้วร้องไห้ทำไมครับ...”

..
.
.
.

...คำถามของอะตรอมเรียกสติของผมให้กลับมาอีกครั้ง… ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ถูกนอกจากปาดน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุด อยู่ๆความรู้สึกชากระประดังเข้ามาพร้อมความเจ็บ… หน้าอกเหมือนมีก้อนอะไรอัดแน่นอยู่จนทั้งจุกและเจ็บจนหายใจแทบไม่ออก น้ำตาตอนนี้ก็ไหลไม่หยุดขายังยืนแทบไม่อยู่ด้วยซ้ำ…

“ภินทร์เป็นอะไร? ไอ้บ้านั่นมันทำอะไร?”

เสียงอะตรอมเหมือนจะเบาลงมือใหญ่คู่นั้นรวบตัวผมมาซบกับแผงอกกว้างแล้วลูบหัวปลอบเหมือนผมเป็นเด็กเล็กๆ…ไม่มีคำตอบจากผมนอกจากเสียงสะอื้นและน้ำตาที่เริ่มจะเปียกชุดนิสิตของอะตรอม… ผมได้แต่คิดถึงคำถามที่ไอ้บัพถาม คำตอบมันมีในใจตั้งนานแล้ว…

…คำตอบที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกที่สุดของจิตใจ คำตอบมีตั้งแต่ที่ผมรู้ว่าผมกำลังใช้ชีวิตของคนอื่น…

‘เจ็บหรอ? กูเจ็บ เจ็บจนชาไปหมดแล้ว ทำไมต้องเป็นกู? ทำไมกูไม่ตายตั้งแต่แรก? ทุกอย่างมันจะได้จบๆไป กูจะได้ไม่ต้องมาขโมยชีวิตใคร กูจะได้ไม่ต้องมาขโมยชีวิตคนของมึง!’

คำตอบทั้งหมดได้แต่วนเวียนอยู่ในหัว… ผมไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักอย่าง ผมกลัว… กลัวอะตรอมรู้… กลัวอะตรอมเกลียด… เกลียดผมเหมือนที่ไอ้บัพเกลียด...ผมกอดอะตรอมแน่นซุกหน้าเข้ากับแผงอกใหญ่นั่นเหมือนมันเป็นที่เดียวที่จะช่วยหยุดน้ำตาผมได้…   

.....................
..................................................

“ถ้าภินทร์ลำบากใจ ไปนอนห้องผมไหมครับ?...”

..............
............................


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2013 00:02:29 โดย Zitraphat »

ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
บทที่ 12  Will you  stay with  me?รูมเมท (กล้าเนอะ?)
Part ภินทร์


“ถ้าภินทร์ลำบากใจ ไปนอนห้องผมไหม?...”

..........................
......

..กล้าเสนอ....นะ…

..ก็… กล้าสนอง …

…หลังจากจบประโยคนั้นเกือบ 2 อาทิตย์ ที่กระผม นายภินทร์ ก็เข้ามาสิงสถิตที่ ห้องคุณอะตรอมอย่างเกือบจะถาวรแม้ตอนแรกจะหวั่นๆไปบ้างเพราะเหมือนจะเกลียดการอยู่ร่วมกับคนอื่น… ขนาดห้องไอ้บัพ ผมเองยังไม่ค่อยอยากเข้าไปยุ่งเลย…การใช้ชีวิตที่ต่างกันมันมักจะเป็นและสร้างปัญหา...

…แต่พอมาอยู่กับอะตรอม มันไม่ใช่…

มันเหมือนมีอะไรซักอย่างที่สร้างอะตรอมขึ้นมาเป็นอะไรซักอย่างที่... เข้ากันได้เกือบทุกๆเรื่อง คุยได้ทุกเรื่องแม้แต่ ตอนดูหนัง XXX คุยได้แม้แต่ความชอบส่วนตัวที่ดูจะแปลกๆ การเข้า NET’ ไม่ต้องคอยลบ WWW .ที่เพิ่งเข้าไม่ต้องซ่อน PASS แม้ตอนสงสัยหรือถามความคิดเห็นบางทียังหันไปถามกันตรงๆ แม้เจ้าของคำตอบจะหู หรือหน้าแดงไปบ้างแต่ก็ได้คำตอบกลับมาทุกครั้ง จันทร์ ถึง ศุกร์ เข้าเรียนโดยซ้อนท้ายรถ’มอไซน์ อะตรอมออกไป และเลิกเรียนถ้าไม่ไปไหนก็ กลับมาพร้อมกัน เสาร์ อาทิตย์ก็ขับรถเล่นบ้างหรือถ้าเหนื่อยไม่อยากไปไหนก็ไปช่วยงานที่ร้านก๋วยเตี๊ยวของป๋า อะตรอม เสื้อผ้ากลับมา อะตรอม ก็ซักให้ซักแม้แต่ของส่วนตัว...

...ห้องที่เคยกว้างตอนนี้ ผมขยุมโยนโน้นนี้นั่นจนบางครั้งทำเอาห้องกว้างเหลือแค่พื้นที่แคบๆ...หรือบางทีถ้าทนไม่ไหวจริงๆ ผมก็แอบเก็บบ้างด้วยความละอาย แต่เจ้าของห้องยังคงยิ้มให้อย่างอบอุ่นนี้สิ...กระดากอ่ะ...ทำไมดีขนาดนี้นะ...

ผมคิดไปเรื่อยขณะ เขียนรายงานบรรทัดสุดท้าย เขียนให้ทั้งตัวเองและอะตรอม แผนโฆษณา ผลิตภัณฑ์ หมูๆ สำหรับ อดีตวิญญาณเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด...

“อะตรอม...”

“หือม์...”

“มีแฟนยัง...?”

“...”

“นิสัยยังไง ดีไหม?”

“...”

“ผู้หญิง? ผู้ชาย?”

“...”

“อ...”

จะถาม คำถามอื่นต่อแต่ประโยค หนึ่งก็ขัดไว้ก่อน

“ยังไม่มี...”

“...”

“...”

“....จ..จริงดิ! นิสัยดีอย่างอะตรอมนี้อะนะ! โกหกเปล่า?”

ผมวางปากกาแล้ววิ่งกระโดดเกาะหลังเพื่อนร่างยักษ์ ที่ยืนรดน้ำต้นไม้นอกระเบียง หลอกแน่เลย…อย่างอะตรอมเนี้ยนะไม่มีแฟน?

ถ้าถามว่าหล่อไหม?

ถึงจะไม่ตี๋หล่อตามสมัยแบบเกาหลี แต่ก็จัดว่าหล่อ... เป็นหล่อแบบเข้มๆ ใบหน้าคมแนวเด็กทะเล ผิวสีแทน แนวนักกีฬา ไม่สูบบุหรี่ ไม่แดกเหล้า พูดเพราะ สุภาพ รักความเป็นระเบียบ ...มากมาย...อย่างนี้อะนะไม่มีแฟน? ไม่เชื่อหรอก...?

“ไม่มีหรือไม่คิดจะมีเป็นตัวตน? คุณอะตรอม...สารภาพมา... ”

…ผมกระซิบถามข้างหูอะตรอม ขณะที่แขนขานั้นยังเกาะกอดเกี่ยวกับร่างใหญ่ ที่เริ่มเดินเซเพราะจากที่เกาะเฉยๆผมแกล้งมันอีกขั้นโดยเปลี่ยนเป็นยกขาขึ้นมาเกี่ยวเอวมันซะอย่างงั้น

“สารภาพอะไร ก็บอกว่าไม่มี...ภินทร์ ลงมาดีๆเดี๋ยวล้ม”

“ไม่สารภาพเหรอ..เจองับแน่..งับๆๆๆๆ บอกไม่บอก”

ตอนนี้มันเขี้ยวแล้วครับผมไม่พูดเปล่าแต่ใช้ฟันคมๆของผมไล่งับเบาๆที่ไหล่และลำคอหนาของไอ้เพื่อนตัวยักษ์ที่ได้แต่หัวเราะร่วน มันคงจั๊กจี้แปลกๆ  ผมเองจะว่าไปตอนนี้เหมือนจะไม่ใส่ใจกับคำตอบแล้ว... เพราะการไล่งับแล้วดูปฏิกิริยาของอะตรอมสนุกว่าไหนๆ จนมางับเข้าที่ติ่งหูนั้นเข้า

“บอกแล้วบอกแล้ว บอกว่าไม่มีไง ... ไม่ผ่านด่าน เหวอ!”

..............
............................


จากความตกใจที่ริมฝีปากเย็นนั้นขบเบาๆที่ติ่งหู ปนน้ำหนักที่แบกไว้จนเซ อะตรอม สะดุดล้มตัวลงบนเตียงใหญ่…

เหมือนเดิม…ชั่วเสี้ยวลมหายใจแทนที่จะล้มทับร่างที่แบกไว้ อะตรอม ผลิกตัวรองรับ ภินทร์ ไว้อีกตามเคย… คราวนี้แทบจุกเพราะไอ้ตัวแสบนั้นไม่คิดว่าจะล้มด้วยกันทั้งสองตน เลยไม่ได้ยั้งแรงไว้

...ลืมตาขึ้นมาอีกที ภินทร์ ก็ทับแผงอกอะตรอม แบบเต็มๆเหมือนจะจุกทั้งคนทับและคนโดนทับ ภินทร์ กลิ้งตัวลงมานอนจุกข้างๆ อะตรอม ที่เหมือนจะอาการหนักกว่าตน เพราะไหนจะจากตัว ภินทร์ ไหนจะแรงกระแทก

“ขอโทษที...จุกซิบ...”

ภินทร์ บ่นเสียงเบาขณะพยุงตัวลุก อะตรอม ยังคงนอนนิ่งยิ่งเดาได้เลยว่ายังคงจุกอยู่

“เป็นไรมากไหมอ่ะ?...”

...ถามขณะคลานเข้าไปใกล้ อะตรอม กดมือตนนวดเบาๆที่ไหล่แล้วกัดฟันกรอด...

ไม่ต้องถามอะไรแล้ว... ภินทร์ คลานขึ้นมาทับบนตัว อะตรอม พร้อมไล่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตนั้นออก…

อย่างที่คิดว่าแล้วว่าข้อศอกตนโดนอะไรทำไมเจ็บๆโดนไหล่ อะตรอม นี้เอง รอยช้ำยังคงจางๆเป็นปื้นใหญ่แต่มันจะไม่จางอย่างนี้แน่ถ้าปล่อยไว้

ส่วน อะตรอม นอนนิ่งทำอะไรไม่ถูก ยิ่งโดน ภินทร์ ปลดกระดุมเสื้อออก… ยิ่ง...ไม่กล้าขยับหรือทำอะไร...

…ร่างที่ขยับบนตัวนั้นหันซ้ายหันขวาเหมือนหาอะไร แต่ไอ้คนนอนข้างล่างนี้สิ เห็นหมดแล้ว.... มุมดีชะมัด.... ยิ่งไอ้คนข้างบนเลื่อนตัวคลานไปหยิบอะไรซักอย่างบนหัวนอนขณะยังทับตนอยู่ ยิ่งเห็นตั้งแต่สะดือไปถึงหน้าอกตลอดจนลำคอขาว… ผู้ชายเหมือนกัน แต่ทำไม รู้สึกแปลกๆ แล้วมือนั้นก็ไล่นวดเบาๆที่ไหล่กว้างปากก็พร่ำถามว่า

‘เจ็บไหม เจ็บบอกนะ’

อะตรอม แทบจะลอย อยากบอกว่าไม่เจ็บแล้วแต่เสียดายไม่อยากให้ ภินทร์ ลุกออกไป เลยได้แต่นอนนิ่ง…

“ค่อยยังชั่วแล้วนะ...”

ภินทร์ เอ่ยถามมือนั้นเปลี่ยนจากนวดไหล่กว้างของ อะตรอม เป็นมาปิดฝายาหม่องแทน แต่ก็ยังไม่ได้ขยับลุกออกจากตัวของ อะตรอม

“เอ่อ.. แล้วเมื่อกี้ว่าอะไร? ไม่ผ่านด่านอะไร?...”

ภินรทร์ ถามเมื่อนึกขึ้นได้ก่อนที่จะล้มกันทั้งสองคน

“เรื่องแฟนไง ไม่มีจริงๆเพราะไม่ผ่านด่าน...”

“ด่านอะไรอะ?...”

หมอนวดจำเป็นถามขณะโน้มตัววางตลับยาหม่องเก็บหัวนอนตามเดิม อะตรอม ได้แต่นอนนิ่ง มือใหญ่ของตนนั้นเลื่อนมาจับช่วงขาของ ภินทร์ ที่อยู่ในท่าคลานตอนไหนไม่รู้ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ว่าอะไร ...ยังไม่ทันจะทำอะไรเพราะคนข้างบนมัวแต่เลือกตำแหน่งที่จะวางตลับยาส่วนคนข้าง ล่างก็ได้แต่มอง...

...อยู่ๆประตูห้องก็ถูกเปิดออกโดยเด็กผู้หญิง....

จะเรียกเด็กผู้หญิงได้ไหม? เมื่อภินทร์ มองคราวๆแล้วเด็กนั้นสูงไม่ต่ำกว่าตนซักเท่าไหร่แน่...จากสถานการณ์ใน ตอนนี้ หากคิดมากอีกซักนิดมันล่อแหลมต่อการเข้าใจผิดเป็นอย่างมาก แม้จะเป็นผู้ชายด้วยกันเองก็เถอะ นึกภาพแล้วกัน คนหนึ่งนอนนิ่งบนเตียงมือจับช่วงขาของคนข้างบนที่โน้มตัวลงมาเหมือนจะให้ ถอด....ถ้ามีจินตนาการอีกซักนิด ฉากนี้คงติดเรท แต่ไม่เป็นไรหรอกมั้ง ดูท่าเด็กสาวนั้นคงเป็นญาติ อะตรอม ท่าจะรู้นิสัยอะตรอม ดีอยู่...

.
.
.


“....เดี๋ยวอีก 2 ชั่วโมงมาใหม่แล้วกัน ตามสบาย...”

...อยู่ๆ เด็กนั้นก็พูด พาให้เด็กๆดูน่าจะรุ่นเดียวกันอีก 3-4 คนที่ยืนอยู่ข้างหลังซุบซิบหัวเราะอะไรกันคิกคัก ภินทร์ หันมองเด็กกลุ่มนั้นแล้วก้มลงมอง อะตรอม ประมวลสถานการณ์แล้วเพิ่งคิดขึ้นได้ พอๆกับที่เด็กนั้นจะปิดประตู

.
.
.

“เฮ้ย! น้อง! เดี๋ยว! ไม่ใช่!” 

 


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2013 00:11:22 โดย Zitraphat »

ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
บทที่ 13 Pass off.ผ่านด่าน?!



..หลังจากการอธิบายสถานะและสถานการณ์ที่เป็นจริง...

ดูท่าทุกอย่างจะเป็นที่น่าพอใจ (หรอ?)สรุปเด็กผู้หญิงที่ว่านี้ ชื่อ ‘แพงตรอน’ (ส่วนสูง 170 cm.เตี้ยกว่า ภินทร์ 6 cm.) เป็นน้องแท้ๆของ อะตรอม (พี่น้องยักษ์) เรียนโรงเรียนประจำหญิงล้วนเลยไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าไหร่..

แต่วันนี้มีรายงานพิเศษของกลุ่มเลยกะมาทำที่ห้อง อะตรอม เพราะส่วนมากหนังสือที่เก็บไว้จะอยู่ที่นี้ ทั้งของ อะตรอม และ แพงตรอน ยิ่งตอนนี้มี ผมอยู่ด้วยหนังสือเลยเพิ่มขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ห้องนี้หนังสือเยอะและหลากแนวนี้เป็นอีกอย่างที่ผมชอบ...

ส่วนที่มาด้วยกันคือเพื่อนในกลุ่ม มี แนน นุ่น ก้อย เกมส์ เด็กพวกนี้พอคุยเข้าจริงๆดูมีสัมมาคารวะและคุยสนุกจนบางทีหันกลับไปมอง อะตรอม มีมองกลับมาแปลกๆ เรื่องที่คุยกันก็ไม่ได้มีอะไรมากส่วนมากจะเรื่องทั่วไปพอคุยถูกคอยิ่งไหลไปเรื่องส่วนตัวผู้หญิงๆ ถ้าไม่รู้จริงคงคิดว่าเด็กโรงเรียนหญิงล้วนคุยเรื่องความสวยความงามบอกเลยว่าผิดถนัด

...ผมคุยไปด้วยช่วยทำรายงานให้พวกน้องเขาไปด้วย ห้องที่ดูกว้างๆแคบไปถนัดตาเมื่ออัดคนเข้ามาถึง 7 คนแต่ก็ดูสนุกดีที่ได้รื้อฟื้นเรื่องเก่าๆมาเผากัน ผมสบายอยู่แล้วกับสังคมแบบนี้จะมีก็เกือบหลุดบ้างแต่พอเถไปได้...จนเกือบ 6 โมง รายงานถึงเสร็จ ความจริงเสร็จตั้งนานแล้วแต่นั่งคุยกันมากกว่า น้องๆเขาคุยสนุก แพงตรอน เองก็คุยสนุกแต่ออกจะติดโหดๆห้าวๆ   และดูท่าจะหวงพี่ชายไม่ใช่เล่นฟังจากประสบการณ์ที่เพื่อนๆเล่าวีรกรรมแล้วอดหัวเราะไม่ได้... อย่าง ตอนที่มีผู้หญิงตามอะตรอม มาที่ร้าน น้องสาวตัวดีของผม (เปลี่ยนสถานะหลังจากคุยกันถูกคอ)ร้ายๆ...จนผู้หญิงคนนั้นหายไปจากสายตา อะตรอม ผมถามว่าร้ายยังไง เธอก็ได้แต่หัวเราะบอกว่า ‘ร้ายแบบนางอิจฉาคูณสาม' แต่ร้ายขนาดนี้แล้วยังมีมาติดพัน อะตรอม อีก 3-4 ราย ‘สงสัยไม่รู้ฤทธิ์แม่ ’ แล้วเราก็หัวเราะกันไป

...จนความลับเรื่องหนึ่งรั่วออกมา อะตรอม เคยหลงรักผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นลูกพี่ ลูกน้องกัน ‘เธอ’ คนนั้นแก่กว่ามันตั้งหลายปี แถมมันยังหลงเขาจนแทบจะกินข้าวกินน้ำไม่ได้เมื่อเธอคนนั้นไม่ติดต่อกลับมาอีก... เรื่องมันประมาณว่าโดนครอบครัวกีดกั้น ...น้ำเน่าชะมัด...

ผมฟัง แพงตรอน เผาพี่ชายตัวเองอย่างสบายใจปล่อยให้ อะตรอม นั่งหน้าชาจวนจะไหม้จากการถูกเผา ผมแอบมองมันเป็นระยะสีหน้ามันเหมือนจะไม่สบายใจ อะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา…

...จนเราเดินไปส่งพวกน้องๆที่หน้าร้านประจำนั้นหล่ะ แพงตรอน ถึงเรียกให้นั่งกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกันก่อน.. ถิ่นผมอยู่แล้วร้านนี้เพราะมากินจนเกือบจะเป็นลูกของเจ้าร้านอีกคนก็ร้านนี้อะร้านป๋า อะตรอม มันนิ ร้านป๋า แพงตรอน ด้วย ฮา...

ผมเสริฟ์น้ำให้น้องๆตามรายการที่สั่ง อดถาม แพงตรอน ไม่ได้ว่า...

‘ไม่ได้เป็นตัวอิจฉา แล้วเหรอถึงสั่งน้ำส้ม?’

แพงตรอน หัวเราะมากมายที่ผมจำเรื่องที่เล่าได้ แต่คนที่เงียบที่สุดอย่าง อะตรอม นี้สิทำผมลำบากใจ ...มือผมเอื้อมไปจับไหล่ ข้างที่เจ็บของมันอย่างเบาๆ

“ยังเจ็บอยู่เหรอ?...ขอโทษ”

ไม่รู้ว่ามันกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่หรือเปล่าอยู่ๆมันก็หน้าเสียแล้วสะบัดมือผมออกซะอย่างนั้น… พาเอาผมหน้าเสียไปรวมทั้งพวกน้องๆที่นั่งอยู่ด้วยกันอีก...ตัดปัญหา ผมเดินเลี่ยงไปจดออเดอร์ลูกค้ารายอื่น (ก็มาร้านนี้ทีไรผมได้เป็นเด็กเสริฟ์ทุกทีเพราะกินฟรีตลอดเลยทำงานซะบ้าง) กลับมาที่โต๊ะอีกทีก็ตอนได้ ‘เล็กทุกอย่างพิเศษน้ำน้อย’นั้นล่ะ

“พี่ภินทร์ ไม่กินลูกชิ้นหรอคะ?...”

แพงตรอนถามแทรกขึ้นกลางความเงียบของโต๊ะเรา ผมมองดูชามของคนอื่นยังหมดไม่ถึงครึ่ง แต่ยังมีอะไรๆ ปนๆกัน ผิดกับชามของผมที่เหลือแค่ลูกชิ้น 6 ลูกครบทุกลูกที่ร้านใส่มา... ยิ่งชามของ อะตรอม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรายนั้นแทบไม่แตะของในชามด้วยซ้ำ นี้ขนาดร้านมันเองนะเนี่ย..

“พี่ภินทร์ไม่กินลูกชิ้นหรอ....?”

แพงตรอนถามย้ำ เมื่อเห็นผมเงียบไปนาน

“กินดิ ตัวชอบเลยหล่ะ...แต่ชอบมากๆไงเลยเก็บไว้กินสุดท้าย”

“อืมส์ๆๆๆ”

แพงตรอน พยักหน้ารับทราบแล้วก้มหน้าก้มตากินไปอมยิ้มไป พวกน้องๆก็หัวเราะคิกคัก ‘ไรว่ะ..

ผมหันไปอีกทีชามของ อะตรอม เหลือทุกอย่างยกเว้นลูกชิ้นที่หายไป ผมเรียกมันเบาๆแล้วตักลูกชิ้นในชามให้ไป 3 ลูก

“เอามาให้ทำไม กินไปดิของชอบภินทร์นะ...”

มันบ่นเบาๆสีหน้าลำบากใจ พาผมเอือมไปด้วย...โตเป็นควายกินผักไม่เป็น เส้นก็ไม่ค่อยกิน แต่ไม่กล้าสั่ง ‘ลูกชิ้นเปล่า’ กลัวเสียหน้า...

“กินเข้าไป...เดี๋ยวแว๊ะ 7-11 จะซื้อแฮมฯกับ ฮอทด็อก ให้”

ผมบ่นมันเบาๆ แล้วตักลูกชิ้นที่เหลือออมไว้ เข้าปากละเลียดเลมมันทีละลูก จะว่าไปก็เสียดายไอ้ 3ลูกนั้นเหมือนกันแต่ก็นะกลัว อะตรอม มันหิวมากกว่า...กินกันไปคุยกันไป

..............
............................

…เกือบครึ่งชั่วโมงถึงได้เตรียมแยกกันกลับจริงๆ....

ก่อนกลับ อะตรอม เรียก แพงตรอนไปพูดอะไรกันก็ไม่รู้ผมไม่ได้สนใจเพราะต้องดู TAXI ให้น้องๆเขา ตอนส่งน้องๆขึ้น TAXI กำลังจะปิดประตูรถ อยู่ๆ แพงตรอนก็กวักมือเรียกผมเข้าไปหา...

...แต่ผมชะงักไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่อะตรอมบีบไหล่ผมไว้แน่น ผมหันหน้าไปมองมันให้คลายมือออกแล้วเดินไปหาน้องๆอย่างงงๆ ก้มลงไปที่กระจก แพงตรอนกำลังคุยอยู่กับเพื่อนๆ เธอเปิดกระจกรถลงเมื่อเห็นผมมา แล้วทั้งกลุ่มก็ ชี้พร้อมทำท่าประมาณ สาวๆร้องเพลง

‘ Nobody but you ’

แต่เปลี่ยนจากท่อนฮุกมาเป็นคำว่า

“พี่ภินทร์! ผ่านค่ะ!”

ผมได้แต่ยืนงง มองตาม เมื่อ TAXI ขับออกไป

“ ‘ไรว่ะ?..."

...มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอน อะตรอม ดึงมือให้เดินย้อนกลับไปห้องด้วยกันแต่ไม่วายที่ผมจะแว๊ะ 7-11ซื้อของกินให้มันก่อนเข้าห้อง กินลูกชิ้นไม่กี่ลูกจะอิ่มได้ไง...

..............
............................


[ ‘ก่อนเคยเป็นที่หนึ่งที่เดียวในใจของเธอ  แต่วันนี้ฉันเองต้องเป็นที่เท่าไหร่ บอกได้ไหมต้องทำอย่างไร ที่จะย้อนไป กลับไปที่เดิมที่เธอต้องการเหมือนวันเก่า อีกซักครั้ง ขอเธอได้ไหมที่เดิมในหัวใจ’ ]

..เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นไม่ใช่ของผมแน่เพราะตอนนี้ตั้งแต่ออกจากบ้านนั้นมาผมยังไม่มีโทรศัพท์ของตัวเองเลย เบอร์ที่ให้เพื่อนที่มหาลัย ก็เบอร์ อะตรอม แต่จะเลือกให้คนสนิทจริงๆ อย่างพวก ไอ้เรด ที่บางครั้งนัดผมไปซ้อมดนตรีบางอะไรบ้าง หรือเพื่อนในกลุ่มที่ต้องติดต่อเกี่ยวกับเรื่องรายงานเท่านั้น เลยไม่ค่อยมีใครโทรหาผมเท่าไหร่
   
ตอนนี้ อะตรอมอยู่ในห้องน้ำ ผมเลยตะโกนถามว่าให้รับโทรศัพท์เลยหรือเปล่า มันถามมาว่าใคร ผมดูชื่อแล้วบอกมันไปว่าขึ้นว่า ‘แพงตรอน’

..เสียงโครมดังขึ้นแล้วเงียบไปซักพักก่อนที่มันจะกึ่งเดินกึงวิ่งออกจากห้องน้ำโดยมีผ้าขนหนูปิดท่อนล่างอย่างหมิ่นเหม่ ตัวยังเปียกโชกมันหยิบโทรศัพท์ไปแล้วเดินเลี่ยงไปคุยที่ระเบียง ส่วนผมก็เดินกลับ ไปดูการ์ตูนที่ดูค้างอยู่ซะงั้น เสียงแว่วๆดังออกมาจากระเบียง ถึงไม่ดังมากแต่ก็พอฟังออก ยิ่งท่าทางร้อนรนของ อะตรอมนั้นยิ่งทำให้ผมอยากรู้…

.
.
.

...“อย่ายุ่ง กับคนของพี่”

“มันไม่เกี่ยวกัน...”

“ถือว่าขอเถอะ...”

“ไม่ให้! โธ่ !เว้ย! ผ่านไม่ผ่านก็ห้ามยุ่ง กับคนของพี่!”

..............
............................

..
...เหมือน จะฝันไปผมได้ยินเหมือนมันคำรามนะ...นานเหมือนกันที่มันคุยกับปลายสายตอนแรกว่าจะแอบฟังแต่พอฟังไปฟังมาดันหลับซะอย่างนั้นเลยไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกัน...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2013 00:21:23 โดย Zitraphat »

ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
บทที่ 14 Save me Keep me.  ยินดี รับครับผม
Part อะตรอม 


เคย มีใครบอกผมนะ

'ชั่วเสี้ยวนาทีที่เราลังเลตัดสินใจ มันอาจหมายถึงทั้งชีวิตของใครสักคน'

และผมก็ตัดสินใจรับชีวิตนั้นไว้...

.
.
.

ตุ๊บ!


“โอ๊ย!”

...แทบกระอักทั้งๆที่คิดว่าตัวแค่นี้รับได้สบาย...

แต่พอเอาเข้าจริงๆคนที่ผมรับไว้หนักกว่าที่คิดเยอะ ผมได้แค่คิดไปเรื่อยว่าคนที่ผมตัดสินใจรับไว้เป็นอะไรมากหรือเปล่าเพราะ ร่างที่ทับอยู่บนอกผมไม่ขยับเลยสักนิด สักพักผมถึงได้รู้ที่ไม่ขยับเป็นเพราะมือผมรั้งช่วงเอวร่างนั้นไว้อยู่... ผมเองก็ยังสงสัยตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงตัดสินใจกระชากร่างที่กำลังจะล่วงลงพื้นนั้นมารับไว้เอง...

เพียงชั่วเสี้ยวนาที ผมใช้อะไรตัดสินใจช่วยคนๆนี้นะ….ทั้งๆทีจะตัดสินใจปล่อยไปก็ได้…

“นี่นาย!เฮ้ย!ตื่นๆ!”

คงเป็นเพราะเหมือน ‘เธอ’ สินะ

...ทั้งเสียงทั้งมือของคนที่ผมเพิ่งช่วยเหมือนกำลังจะฆ่าผม ทั้งเขย่า ทั้งตบหน้า เอ่อ...ถ้าจำไม่ผิดผมเป็นคนช่วยเขาไว้นะ ผมรวบรวมสติสักพักก่อนจะเริ่มขยับตัวแต่เพราะแรงกระแทกที่ไม่ได้คิดว่ามันจะแรงขนาดนี้ทำเอาเจ็บไม่ใช่เล่น…
เหมือนคาด ชั่วเสี้ยวที่ลืมตาขึ้นมา ผมพบกับ 'เธอ' ...แล้วมันก็หายไป...

“ลุกไหวไหม? เจ็บไหม ? ”

คนตรงหน้านั่นถามผมก่อนจะฉุดมือพยุงให้ลุกขึ้น...

ผมได้แต่นิ่งอยู่พักใหญ่ ทำไม?...คนที่ผมช่วยผมจำไม่ผิดนะ… ที่ผมคว้าไว้ได้เป็นผู้หญิงที่ผมเคยคิดว่าจะ ‘ลืม’ ...แต่ตอนนี้ที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้ากลับเป็นผู้ชาย…ชั่วแวบแรกวงหน้านั่นเป็นผู้หญิงคนนั้นจริงๆ… ก่อนจะเปลี่ยนเป็นใบหน้าของเด็กผู้ชายวัยไล่เลี่ยกับผม?


..............
............................


 “เป็นอะไรรึเปล่า?...ไม่เป็นอะไรมากนะ?”

...เขาถามผมอีกครั้ง...

ผมเองก็มึนใช่เล่น สิ่งที่ผมเห็นคืออะไร ? คำถามที่ผมเฝ้าถามตัวเองยังวนเวียนอยู่ในใจ...ขณะตักข้าวเข้าปากไปด้วย ...ผมไม่กล้ามองคนตรงหน้าเพราะไม่อยากสับสนกับภาพที่หาที่มาที่ไปไม่ได้ ...ยังไม่ทันหมดคำ ข้อมือเด็กนั่นก็ลากผมตามไปแล้ว ผมเดินได้แต่ไม่ถนัดเท่าไหร่สงสัยตอนตกลงมาขาจะพลิกไหนจะหลังที่เจ็บอีก… เล่นเอากว่าผมจะขยับได้แต่ละก้าวยากพอสมควร เงยหน้ามาอีกทีก็ถึงห้องพยาบาลแล้ว!?

...เสียงจิ๊จ๊ะ แบบถูกขัดใจดังขึ้น เมื่อคนที่ลากผมมามองซ้ายมองขวาแล้วไม่เห็นอาจารย์ประจำห้องพยาบาล ผมถูกลากมานั่งบนเตียงพยาบาลยังไม่ทันตั้งตัว มือเย็นๆของคนตรงหน้าก็จับหน้าผมพลิกไปพลิกมา ยังไม่ทันถามอะไรมือนั้นก็ปลดกระดุมเสื้อผมออก... หง่ะ!

.
.
.

“เฮ้ย!อยู่นิ่งๆ! จะสะดิ้งทำเตี่ยอะไร ผู้ชายเหมือนกัน ไอ้ที่มึงมีกูก็มี!” 

ผมถูกคนตรงหน้าตะคอกใส่! ทั้งๆที่ผมโดนคนๆนี้จับถอดอะนะ ! ตะคอกเสร็จไอ้หมอนั่นก็เดินหายไป ก่อนจะกลับมาพร้อมตลับยาอะไรบางอย่าง ตอนนี้จะเหลือหรอผมรีบติดกระดุมเข้าไปใหม่ เงยหน้ามาก็เห็นริมฝีปากอิ่มนั้นเม้มเป็นเส้นตรงแล้ว!

“กูสั่งให้ถอด...เดี๋ยวนี้!”

ไอ้นี่ยังสั่งผมไม่เลิก…เผด็จการณ์เหมือน เธอคนนั้นชะมัด! …จะเอาอะไรกับผมกันนักผมพยายามมองหน้า ให้ไอ้เด็กนั่นรู้ตัวซะทีว่าชักจะสั่งผมมากเกินไปแล้ว ...แต่พอเห็นสายตาคู่นั้นผมก็กลับค่อยๆปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกซะอย่างนั้น… เด็กนี่เหมือน 'เธอ' เกินไป...

..............
............................
...สิ่งที่เห็นหลังจากถอดเสื้อออก ...รอยช้ำ ที่ผมมีไม่ใช่น้อย ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้มากมายอะไรปล่อยไว้เดี๋ยวก็หายไปเอง ร่างกายผมเป็นแบบนั้น แต่พอมือเย็นของคนตรงหน้าแตะเข้าเท่านั่นทำเอาผมสะดุ้ง...ในส่วนหนึ่งของสมอง ลึกๆ บอกผมว่า....

‘ผมขัดขืนคนคนนี้ไม่ได้...

..............
............................


 “นายชื่ออะไรกันแน่?”

...ผมตัดสินใจถาม...

ใจนึงก็อยากรู้ชื่อที่ไม่ยอมบอกผมสักที ใจนึงก็สงสัยในสิ่งที่เจ้าของลายมือเพิ่งขีดฆ่าออก ตอนแรกเขียนคำว่า ‘ภัทร' ใช่ชื่อเดียวกับเธอคนนั้น จากนั้นก็ลบออก แล้วเขียนคำว่า 'ตรินทร์’ แต่ถูกขีดฆ่าและเขียนเป็นคำว่า ‘ภินทร์’ แทน ทำไม? แล้วรอยยิ้มที่ทำผมรู้สึกแปลกก็ปรากฏอีกครั้ง รอยยิ้มอบอุ่นที่สะท้อนดวงตาเศร้าๆ ชั่วอึดใจเท่านั้น

..รอยยิ้ม…คล้าย ‘เธอ’ คนนั้น… ผม....คงจะเพ้อจนใกล้บ้า...

“ภินทร์... เราชื่อ ภินทร์”

“ชื่อจริงนาย ษิตรินทร์ ทำไมไม่ใช่ชื่อตรินทร์เหมือนที่เขียนตอนแรกล่ะ? ”

“เพราะเราไม่ใช่ตรินทร์ ไง”

“แล้วนาย ชื่ออะไร?”

คนที่บอกว่าตัวเองชื่อ ภินทร์ ถามผม... ทั้งๆที่ผมไม่เคยแคร์ใครไม่เคยสนใจใคร แต่ทำไมกับคนตรงหน้านี้ ความรู้สึกมันบอกผม ว่าห้ามปล่อยไปเด็ดขาดนะ... ถึงเวลาสักทีที่ผมจะมีเพื่อน...

“ชื่ออะตรอม...”

..ผมตอบพลางส่งยิ้มไปให้ ยิ้มแบบที่ไม่เคยยิ้มให้ใคร ภินทร์ มีสีหน้าแปลกๆ หลังผมแนะนำตัว เสียงเบากระซิบกับตัวเองเป็นประโยคอะไรสักอย่างก่อนจะหัวเราะอย่างสุขใจ ทิ้งผมไว้กับคำถาม ภินทร์ หัวเราะอะไร?

.....................................................................................
........................................

‘หมา...ของ ภินทร์...’

...หลายคนมองและเรียกผมอย่างนั้น มองดูเผินๆบางทีผมอาจเป็นแค่ เซ็นต์เบอร์นารท์ตัวใหญ่ใจดี ...แต่เปล่าสำหรับคนอื่นผมเฉยๆแต่ถ้ามีเรื่องอะไรที่มากกว่านั้นลับหลัง ภินทร์ คุณเคยเห็น‘ ทิเบตัน มาสทิสส์ ’ ไหม?นั่นคือผมที่ไม่เคยให้ ภินทร์ ได้เห็น.
...
...........

.
.
.


 “อะตรอม!”

..ทั้งๆที่ในสนามมีแต่เสียงดังเซ็งแซ่ไปหมดแต่เสียงของ ภินทร์ ที่เรียกชื่อผมกลับชัดเจนที่สุด!!

มือเย็นนั่นจับหมัดที่ง้างค้างไว้ของผมให้ลดลง… แถม ภินทร์ ยังไปเอ่ยปากขอโทษไอ้เคี่ยมนั่นอีก ไอ้เคี่ยมนั่นมันจงใจอัด ภินทร์ ล้ม! บอกตามตรงว่าถ้าไม่มีเสียงกับมือของ ภินทร์ มาหยุด ผมเล่นไอ้เคี่ยมนั่นถึงตาย !

“มึง จะทำอะไร?...รู้ไหมเหี้ยมพวกนั่นอยู่ปีสาม ถ้ามีเรื่องขึ้นมามึงคิดว่าปีหนึ่งอย่างมึงจะอยู่อย่างสงบไหม?”

ภินทร์ ตะคอกใส่หน้า ผมได้แต่ข่มเขี้ยวที่เริ่มจะโผล่ขึ้นมากัดกรามตัวเองเพื่อสงบสติอารมณ์ ไอ้เหี้ยมนั่นมันหยามกันเกินไป...แต่ที่น่าเจ็บใจที่สุดผมดูแลเพื่อนของผมไม่ได้ !

..............
............................

...ตอนเธอคนนั้นก็เหมือนกัน... เพราะผม 'ทำอะไรไม่ได้' เรื่องมันถึงได้จบอย่างนี้!

..............
............................

.
.
.

“มันทำ ภินทร์ ทำไมต้องขอโทษมันด้วย? ภินทร์ เจ็บ...เลิกเล่นเถอะ ”

เสียงผมเบามากเวลาพูดกับคนตรงหน้า

‘ภินทร์เจ็บตรงไหน? ภินทร์เจ็บมากไหม ?’

นั้นเป็นคำถามที่ผมไม่กล้าถาม... เพราะผม ภินทร์ ถึงได้เจอเรื่องแบบนี้ถ้าผมไม่ลงแข่งเกมส์บ้าๆนี้ ภินทร์ก็คงไม่เจ็บตัว

“กูไม่เป็นไร อีกเกมก็จบ ลงสนามเถอะ อะตรอม”

รอยยิ้มหวานของ ภินทร์ มีให้ผมแล้วมือเย็นนั้นก็จูง ? ผมลงสนาม

.
.
.

ปึก!

.
.
.

พลั๊ก!

.
.
.

“ปรี๊ด!”

..หัวใจผมเสียววาบเมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนเสียงกรี๊ดจะตามมาจากข้างสนาม บอกตามตรงว่าผมตกใจมากในหัวคิดอย่างเดียวถ้าไอ้เคี่ยมนั้นทำ ภินทร์ ผมไม่ปล่อยมันไว้แน่!

ปีนเกลียวแล้วไง? ยังกับผมสน เรียนไม่ได้ก็ลาออกก็แค่นั้น…

…แต่ผิดคาด ที่ล้มลงไปเป็นไอ้เคี่ยมตัวนั้น! ผมไล่ตามสายตาเห็นภินทร์ ยิ้มๆแล้วเดินทิ้งช่วงห่างไป? หลังจากนั้นมันก็ล้มอีกหลายครั้ง ทุกครั้ง ภินทร์ อยู่ใกล้มันมากที่สุดก่อนจะห่างออกไปแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...ระหว่างที่กำลังงง วงแขนเย็นก็โน้มตัวผมลงมากระซิบข้างหู..

“มึงเล่นบาสไป กูจะเล่นคน”

“ภินทร์?...”

...หลังจากประโยคนั้นผมก็ตั้งหน้าตั้งตาสนใจลูกบาสในมืออย่างเดียว ส่วนหนึ่งเพื่อล่อความสนใจของฝั่งตรงข้ามไม่ให้สนใจ ภินทร์ ด้วยมากกว่า คะแนนฝั่งผมเริ่มตามมาติดๆ เพราะพวกไอ้เคี่ยมนั่นได้แต่อารมณ์เสียเมื่อหาตัวคนที่ทำมันล้มไม่ได้สักที ผมเกือบจะทำคะแนนไล่ทัน ...

ถ้าอยู่ๆ ภินทร์ ไม่ถอดเสื้อวิ่งในสนามซะก่อน ผมเป็นผู้ชาย เป็นผู้ชาย! และเป็นผู้ชาย! แต่พอหันไปเห็น ภินทร์ ทีไร...ขามันพาลก้าวไม่ออกทุกที แล้วยังจะแววตาวาวที่เล่นโปรยยิ้มไม่เลือกนั่นอีก…

----จบเกมส์แบบเสมอ -----

...เสมอเพราะขาผมก้าวไม่ออก...

ไม่ใช่เพราะเรื่องวิ่งจนล้า... แต่เป็นเรื่องแววตาวาวๆกับแผงอกนวลๆที่โชว์หลาอยู่กลางสนาม... แข่งเสร็จผมก็ทรุดอยู่กลางสนามนั้นล่ะ...

“เดี๋ยวค่อยกลับ ขอพักก่อน อยากเล่นกันแค่สองคนอีกรอบ”

ไอ้ประโยคนั้นมันมีแค่นั้นใช่ไหม? ไม่ต้องคิดไกลกว่านั้นใช่ไหมครับ ภินทร์?!

..............
............................

..ผมกลับมาจากห้องน้ำ ทำไมมันรู้สึกสุขอย่างนี้นะ มีเพื่อนนี้มันดีจริงๆ ยิ่งเพื่อนที่ชื่อ ภินทร์ นี้ทำผม มีอารมณ์หลากหลายชะมัด…

กลางสนาม ภินทร์ ... ยืนคุยกับใครสักคนที่ผมเห็นตอนแข่งบาสตอนต้นเกม ถามว่าทำไมผมถึงจำได้หรอ? ก็เพราะมันแตกต่างไง ‘ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่’ ผมจะใช้ประโยคนี้ได้หรือเปล่านะ แต่มันเองก็คงรู้เหมือนกันว่าผมเป็น ‘อะไร’ ภินทร์ คุยกับมันได้ไม่นานพอมันเดินห่างออกไป...
 
ภินทร์ ก็ทรุดลงกับพื้นแล้วร้องไห้ ร้องโดยไม่มีเสียงอะไรเล็ดรอดออกมาตอนที่ผมคว้า ภินทร์ เข้ามากอดเสียงหัวใจของ ภินทร์ มันแรงจนเหมือนจะระเบิด แววตาวาวแฝงความกระล่อนที่ทำให้ผมยิ้มได้เสมอตอนนี้เหม่อลอย จนเหมือนร่างที่ผมจับไว้นี้ไม่มีวิญญาณ สิ่งที่ยืนยันกับผมว่า ภินทร์ ยังมีชีวิตอยู่ มีแค่เสียงหัวใจกับน้ำตาที่ไหลไม่หยุด

...ลมหายใจเหมือนจะขาดหายไป...




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2013 00:33:16 โดย Zitraphat »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
บทที่ 15 Past of… เงาอดีต?!
Part ภัทร ?


...กลิ่น คาวเลือดที่ฟุ้งขึ้นจมูก....

เสียงฝนตก... เมือกลื่นที่ทะลักออกมาทุกครั้งที่ฉันสำลักไอ.... ร่างกายมันขยับไม่ได้… ถึงรอบข้างมันจะมืดไปหมดแต่สายตาฉันมันกลับเห็นภาพที่อยู่รอบๆได้อย่างชัดเจน ฉันโดนขังอยู่ในห้องนี้นานเท่าไหร่แล้ว? ฉัน...กำลังฝันไปใช่ไหม? แล้วนั่นหมอใช่ไหม?

...ร่างใหญ่นั่งชันเข่าชุกอยู่ที่มุมห้อง… เป็นไอ้หมอ… ถึงหน้ามันจะก้มชุกลงกับเข่าก็เถอะแต่เพราะได้กลิ่นของมัน กลิ่นหอมของยาบวกกับเสียงลมหายใจที่ขาดเป็นช่วงๆ แต่ตอนนี้กลิ่นนั้นเหมือนจะเปลี่ยนไป… หอม...กลิ่นของความหวาดกลัวที่เหมือนจะสัมผัสได้เป็นตัวตน... มันกำลังกลัวอะไร?

“...หมอ..ไอ้...หมอ..”

ฉันพยายามเรียก… พยายามจะหันไปหามันนะ แต่ทุกครั้งที่พยายามจะเปล่งเสียง เมือกลื่นมันก็ทะลักออกมาไม่หยุด…

ร่างที่เหมือนบังคับตัวเองไม่ให้สั่นค่อยๆคลานมาหาฉัน… แววตาสีเงินวาวของไอ้หมอดูสว่างในความมืด… สว่างที่สุดในห้อง… ฉันพยายามจะหลับตาคิดถึงต้นเหตุที่ทำให้ตัวเองอยู่ในสภาพนี้ แต่เปลือกตามันกลับไม่ยอมปิด ไอ้หมอเข้ามาใกล้จนลมหายใจอุ่นนั้นสัมผัสได้… เหมือนโดนไอ้หมอเอาอะไรมากรีดเสียววาบที่คอรู้สึกเย็นวาบ...แต่มันก็รู้สึก... สบายมากกว่าเดิม…

“มันต้องผ่านไปได้นะ… ภัทร ทนอีกนิดนะ ภัทร ...มันจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม มันจะต้องผ่านไปได้ มันต้องผ่านไปได้นะ ภัทร…”

...อย่า บอกนะว่าฉันโดน ไอ้หมอ ฆ่าหันศพ… ฉิบหายแล้ว!

เป็นเพื่อนกันมานานจนย้ายมาอยู่ด้วยกันในบ้านสวนหลังนี้แล้วไหงมันจบอย่างนี้หล่ะ? เฮ้ย!ไอ้หมอนี้ฉันกำลังฝันใช่ไหม?

......................................
.................

..ฉันยังคงจ้องแววตาสีเงินของไอ้หมอ ถึงจะมืดแต่ภาพมันก็ชัดเจน มันร้องไห้ ?! หั่นศพฉันแล้วเสือกร้องไห้หรอ? ไอ้หมอ! มาคิดอะไรได้ตอนนี้? ...แต่...ศพมันหิวได้ด้วยหรอ? ทำไมมันถึงรู้สึกหิวจัง ตัวก็เบาๆ แต่ความรู้สึกหิวมันเหมือนจะเริ่มทวีคูณ หิวจนรู้สึกได้ว่า ส่วนที่เรียกว่าแขนเหมือนจะขยับ…

...ไอ้หมอลนลานถอยร่นออกห่างไปเหมือนหวาดกลัว... แต่มันก็ยังคงร้องไห้ไม่หยุด...เป็นผู้ชายตัวเท่าควาย เสือกร้องไห้...มันร้อง...ร้องจนเสียงร้องเปลี่ยนเป็นเสียงคำรามก้อง!แข่งกับเสียงฟ้าผ่า...

…อะไรสักอย่างกำลังขยับอยู่ในตัวฉัน....อะไรสักอย่างกระซิบบอกฉันว่า ...หิว...หิวเหลือเกิน.. ต้องออกไป...ออกไปจากประตูเหล็กบานนั้นให้ได้...ปล่อยฉันออกไป!

..............
............................

.
.
.

 “ภินทร์...ภินทร์ครับ”

.
.
.

แทบไม่ต้องให้เรียกซ้ำ ผมลืมตาโพลงมือไม้มันเย็นเฉียบไปหมด! ที่ไหน!? ใคร!? …..อะตรอม? ห้องสีเขียวครีม? ชั้นหนังสือสูง? ระเบียง ? ห้องอะตรอม...? อะตรอม?!..

…ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ผมลุกพรวดวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ กระจกบานใหญ่ที่อยู่สูงกว่าปกติ ยังคงสะท้อนภาพเด็กหนุ่มสีหน้าซีด… ความรู้สึกเย็นวาบที่คอยังไม่หายไป… ความรู้สึกขยะแขยงเมือกลื่นที่เหมือนจะกลับมาอีกครั้ง… แล้วผมก็เริ่มอ้วกอย่างเป็นการเป็นงาน....

สิ่งที่ผมเห็นคืออะไร? หรือบางที อดีต ? มันก็ไม่สมควรจะคิดถึง....




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2013 00:37:02 โดย Zitraphat »

ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
บทที่ 16 Sorry I need you boy. ขอโทษครับ ผมเป็นโรคภูมิแพ้... แพ้ความขาว แพ้ความหมวย แพ้คนสวย แพ้นักศึกษา..... 


“เหวอ!”

...คำอุทานนั่นดังขึ้นพร้อมๆกับร่างบางที่เอนมากระทบกับแผงอกของ ภินทร์ ...

คนในลิฟต์ดูจะแน่นขึ้นจนไม่สามารถขยับอะไรได้ ภินทร์ ได้แต่โอบร่างเด็กหนุ่มนั้นมาพิงไว้กับตัว กลิ่นหอมอ่อนๆของแชมพูบวกกับผิวนิ่มๆเนียนๆ ทำให้ไม่ยากที่จะเผลอก้มลงไปซบจมูกเข้ากับผมนิ่มๆนั่น ยิ่งคนแน่นๆอย่างนี้ยิ่งง่ายแต่เหมือนคนร่างเล็กจะรู้ตัวเมื่อร่างในวงแขนนั้นเกร็งขืนขึ้นมาตัวเลขแต่ละชั้นผ่านไปอย่างอ้อยอิ่งไม่ได้รีบเท่าไรออกจะรู้สึกดีด้วยซ้ำทั้งๆที่คนแน่นลิฟต์ขนาดนี้ คงเพราะคนในอ้อมแขนด้วยมั้งกว่าจะถึงชั้น 17 เล่นเอาพื้นที่ในลิฟต์แทบจะไม่มี น่าจะเพราะลิฟต์อีกฝากเสียด้วยมั้งคนถึงมาออกันที่ลิฟต์นี้

“ภินทร์ครับ!”

เสียงดุๆของ อะตรอม ดังเรียกอยู่หน้าลิฟต์เมื่อเห็นคุณชายยังไม่ออกมาจากลิฟต์เสียที คนที่อัดแน่นอยู่ในลิฟต์ทำให้ อะตรอม มองไม่เห็นเลยว่ามือคุณชายตัวแสบนั้นโอบเอวเด็กหนุ่มข้างหน้าไว้เสียแน่นและดูท่าไม่อยากจะปล่อยเอาเสียด้วยซ้ำ

“เอ่อ...ขอโทษครับขอทางด้วยครับ”

พ่อแมร่งเรียกแล้ว! ภินทร์ ตัดสินใจยอมปล่อยเอวเล็กๆนั่นแล้วเบียดตัวขอทางออกจากลิฟต์อย่างเสียไม่ได้

.
.
.


“บัสเป็นอะไรหน้าแดงๆ ร้อนหรอ?”

เสียงเด็กผู้หญิงในลิฟต์ดังขึ้นเบาๆพอกับที่ ภินทร์ หันไปเห็นเด็กหนุ่มนั่นที่มองออกมาพอดี..

“บัส...”

ภินทร์ ทวนชื่อที่ตนได้ยินเบาๆ

‘ชื่อ ‘บัส’ หรอ?...น่ารักหวะ’

แน่หล่ะไอ้ความคิดหน้าลิฟต์นั่น อะตรอม ไม่รู้

..............
............................


Part ภินทร์


...เอาแล้วไงห้องไอ้กร้าแมร่งเสือกอยู่ชั้น 17 ขืนรอลิฟต์อีก...

วันนี้ได้ขัดห้องน้ำให้ไอ้เรดกับไอ้กร้าดูแน่ เสือกนัดมันซ้อมเพลงที่คอนโดฯแถมยังไปรับปากพวกมันอีกว่าจะมาตรงเวลาไม่งั้น ขัดห้องน้ำ สาดดดดดด! ไอ้คอนโดนี้ก็เสือกมีลิฟต์ปกติสุขแค่ตัวเดียวอีก เอาแน่ๆเดินขึ้นดีกว่ามั้งชั้น 17 เอง เหอๆๆๆๆ

.
.
.

...เกือบจะถึงชั้น 6 อยู่ๆโทรศัพท์เจ้ากรรมก็ดังขึ้นไอ้เรดตะคอกเสียงใส?! มาตามสายเลยว่าอยู่ไหนแล้วพอบอกว่าชั้น 6 มันถึงได้เงียบไปขณะที่ขาจะก้าวขึ้นบันไดร่างหนึ่งก็เบียดมาเกือบชนแต่ไม่โดนจะๆ ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะรีบร้อนเอาการอยู่พอหันไปเห็นเด็กนั้นอีกที่ปากก็ไวเกินจะยั้งไว้แล้ว บัสนี่หว่า!?

“บัส!ขอเบอร์หน่อยสิ!”

ตะโกนซะลั่น...เล่นเอาเด็กหนุ่มหน้าสวยนั้นยืนนิ่งอยู่ที่ชั้น 5 เลย........เขาจะหาว่าโรคจิตใหม่เนี้ย?…ไอ้นิสัยชอบคนสวยๆตัวเล็กๆนี่… ถึงเป็น ภินทร์ ก็แก้ไม่หายเสียที...   อุตสาเจอ… เสียเวลาคุยนิดหน่อย…เรื่องแค่ขัดห้องน้ำคงชิวๆ เน๊อะ...

แต่ก่อนจะเดินลงไปหา บัส ...อะตรอม ก็โผล่มาพอดีจากไหนวะ? เร็วโคตร!

ร่างใหญ่ที่อยู่ๆก็ก้าวยาวๆมายืนซ้อนอยู่ข้างหลังทำเอาเสียววาบ...ไหงมันรู้สึกเหมือนโดนแฟนจับได้ว่ามีกิ๊กอะ?.... 
..............
............................




***



[แถม..........]

 
Part ภินทร์


“อยากฟังเพลงอะไรวะไอ้ตรอม?”

...ไอ้เรดถามหมาตัวใหญ่ที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือน ‘หมาชนเขื่อน’ พวกเรากำลังจะซ้อมดนตรีกัน ส่วน อะตรอม ตอนนี้กลายเป็นแขกกิตติมศักดิ์ไปแล้ว เพราะทุกครั้งที่มาซ้อมวง อะตรอม มันก็มาด้วยทุกครั้ง ทั้งๆที ฟังไปหลับไปแทบทุกครั้งเหมือนกัน

“ขอเร็วๆ จะเล่นแล้วมึง”

ไอ้กร้าเร่งยิกๆเพราะอยากรู้ว่าเพลงแรกที่เล่นจะเป็นแนวอะไร เพราะหลังจากเพลงแรกส่วนมากพวกเราก็จะเล่นเพลงที่เหลือเป็นแนวนั้นๆ อารมณ์เพลงมันจะได้ต่อเนื่องกัน ไอ้แป้นมันว่า

“....เมียพี่มีชู้.....”

“ ?! ”

“ผมอยากฟังเพลงนี้....”

“เอาจริงอะ ไอ้ตรอม?!”

“ครับ!”

.
.
.

...อะตรอมตอบพร้อมกับส่งสายตาเศร้าๆแกมประชดประชันมาให้ผม… สายตายังกะหมาโดนเจ้าของทิ้ง....เล่นเอาไอ้เรด ไอ้กร้า ไอ้แป้น มองผมเป็นตาเดียว ว่าจะเล่นหรือเปล่า?

“กูไม่เล่น!สาดดดดดดดดดด!   ”


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2013 00:41:19 โดย Zitraphat »

ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
บทที่ 17 His .ดอกงิ้วมันงาม แต่หนามงิ้วมันคม อ๊ะหย๊ะ!
Part บัส


...สวัสดีครับ ผม ‘บัส-เอกนรินทร์’ นามสกุล....อย่ารู้เลยครับ… ปีนี้อายุ 18 เป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น นิสัยไม่ชอบยอมแพ้อะไรง่ายๆ ตอนนี้มีแฟนแล้วครับ ชื่อ ‘พี่คิงส์’ เป็นรุ่นพี่ปีสามและเป็นเจ้าของคลับแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ผมเรียก พี่คิงส์ ว่า ‘แฟน’ ได้เต็มปากแต่ถ้าถามกับพี่เขาผมเองก็ไม่รู้สถานะตัวเองเหมือนกันว่าผมอยู่ในตำแหน่งไหน...บางทีมันก็ป่วยการณ์จะคิด... เพราะเป็นอย่างนี้ผมเลยฝืนมาตลอด จนมาเจอกับ ‘เขา’คนนั้นทำไมหัวใจมันถึงได้เต้นแรง ทำไมมันถึงได้อ่อนแอ่ตลอด เพียงแค่เขาอยู่ใกล้เท่านั้น เพียงแค่นั้นจริงๆ...เหมือนในนิทานเลยนะ เรื่องของเรา... นับจากวันวันนั้นสินะ ...

“เหวอ!”

เสียงผมเองครับตอนนี้ตัวผมเข้ามาในลิฟต์ได้ก็จริงอยู่ แต่แรงเบียดที่ดันเข้ามาทำให้เซไปกระแทกใครอีกคนที่ยืนอยู่ด้านในลิฟต์จะหันไปขอโทษก็ทำไมได้ในลิฟต์มันแน่นจนไม่สามารถขยับอะไรได้เลย อยู่ๆวงแขนของคนข้างหลังก็โอบเอวผมไว้ซะงั้นแถมยังรั้งไว้ให้มาพิงกับตัวอีก…

...เล่นเอาผมนิ่งไปเลย...ไม่คิดว่าจะเจอโรคจิตจังๆอย่างนี้หนีไปไหนก็ไม่ได้ แล้วก็ขนลุกครับเมื่อใครคนนั้น ก้มลงซุกจมูกที่ผมของผม! จะร้องก็อายเป็นผู้ชายยังโดนอย่างนี้ได้…

ลิฟต์กว่าจะขึ้นแต่ละชั้นได้ทำไมช้าเหลือเกิน... ทั้งๆที่คนแน่นลิฟต์ขนาดนี้ กว่าจะถึงชั้น 21 ผมคงไม่ต้องถูกลวนลามไปมากกว่านี้หรอ? แต่พอเอาเข้าจริงๆ ยิ่งขึ้นไปชั้นสูงคนยิ่งเยอะ วงแขนที่โอบรอบเอวผมไว้ก็ไม่ได้ลวนลามอะไรนอกจากจะโอบเอวผมไว้หลวมๆ แถมบางทียังคอยกันคนที่จะเข้ามาชนอีกต่างหาก… ค่อยรู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย มาถึงชั้น 16 เจอพวก รปภ.ของตึกกันคนไว้ไม่ให้เข้าลิฟต์ ถึงได้รู้ว่า ลิฟต์อีกฟากเสียคนถึงมาออกันที่ลิฟต์นี้ ...

.
.
.


“ภินทร์!”

.
.
.

...เสียงเข้มของใครบางคนตะโกนเรียกชื่อนั้นอย่างดุๆ สายตาผมที่มองออกไปแทบไม่ต้องหาเจ้าของเสียงเลย เมื่อเจ้าของเสียงที่มีความสูงเกือบ 2 เมตรนั้นจ้องมองมาทางผม! เล่นเอาผมแทบหยุดหายใจ!

…ดีที่สายตานั้นผ่านผมไปครับ สายตานั้นเหมือนจะจ้องอยู่ที่คนข้างหลังผม! เสียงถอนหายใจของใครสักคนที่อยู่ข้างหลังผมดังขึ้น พร้อมๆกับวงแขนที่คลายออก แล้วเสียงขอทาง ก็ดังตามมา ผมไม่กล้าขยับ ไม่กล้าจะหันไปมองเขาคนนั้นด้วยซ้ำ ไม่มีกลิ่นน้ำหอม ไม่มีกลิ่นโคโลญ แบบที่พระเอกนิยายทิ้งไว้เลย...มีเพียงชื่อที่ได้ยินผ่านๆ ซึ่งบอกตามตรงว่า...ผมจำไม่ได้ เขาไปแล้ว...

“บัสเป็นอะไรหน้าแดงๆ ร้อนหรอ?”

อ้อม สะกิดถามผม.. ผมลืมไปเลยนะว่ามากับอ้อม ลืมไปด้วยซ้ำว่าต้องหายใจ! เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งพอทันกับชั่วเสี้ยวนาทีที่ลิฟต์จะปิด ผู้ชาย 2 คน หน้าลิฟต์ยังไม่ไปไหน แต่ที่ทำเอาผมใจเต้นแรงน่าจะเป็นเขาคนนั้นที่มองจ้องมาทางผมพอดี ริมฝีปากอิ่มนั้นขยับ ถ้าผมไม่คิดเองเออเองนะ ผมว่าเขาเรียกชื่อผม... ก่อนที่ลิฟต์จะปิด....

..............
............................


...อ๊า! ไม่ทันแล้ว!

ผมหลับตาอัตโนมัติเมื่อวิ่งลงมาจากห้องพี่คิงส์แล้วหยุดตัวเองไม่ได้ คิดว่าตกบันไดแน่นอน แต่อยู่ๆใครบางคนก็โผล่พรวดออกมาซะอย่างนั้น แถมเขายังกำลังคุยโทรศัพท์อีกต่างหากแล้วจะเห็นผมไหมครับ?

.
.
.

...เหมือนจะชนแต่ไม่ชน อยู่ๆผมก็ยึดราวลูกกรงไว้ได้เลยผ่อนแรงจากจะชนเป็นเบียดเฉียดคนที่กำลังก้าวเท้ายาวๆนั้นขึ้นมาแทน ผมหยุดตัวเองได้ที่ชั้น 5 แทบลืมหายใจ กำลังจะหันไปขอโทษแต่ก็เจอกับใครคนนั้นอีกครั้ง แถมครั้งนี้เขายัง…

“บัส!ขอเบอร์หน่อยสิ!”

แววตาขี้เล่นที่ชะโงกออกมาตรงระเบียงบันได....

เป็นเขา!? เล่นเอาผมยืนนิ่งอยู่ที่ชั้น 5 เลย… หัวใจทำไมเต้นแรงขนาดนี้? ทั้งๆที่เขาก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน ทั้งๆที่ผมเองก็มีคนรักแล้วเหมือนกัน คนรักที่เป็นผู้ชายเหมือนเขา...

...ก่อนผมจะตอบอะไร คือกำลังอึ้งอยู่ จู่ๆก็มีแรงเบียดกระแทกผมเข้ากับราวลูกกรงเหมือนไม่เห็นด้วยซ้ำว่าผมอยู่ตรงนี้... แต่ความรู้สึกหนึ่งมันฟ้องว่าเขาเห็นผม สายตาคู่นั้นมองผมเหยียดๆ ก่อนจะสาวเท้ายาวๆไปยืนข้างๆ คนที่ทำให้หัวใจผมเต้นแรง… สายตาคู่นั้นเหมือนกำลังจะคาดโทษผม…

ไม่สิสายตานั่นเหมือนสายตาของหมาหวงเจ้าของ... ผมจำแววตานั้นได้แววตาดุๆที่เคยเห็นหน้าลิฟต์...กับอีกคนข้างๆที่มีตายิ้มได้ ....


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2013 00:45:23 โดย Zitraphat »

ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
บทที่ 18 Camp.ค่ายสามัคคี มันมีอย่างนี้ด้วยหรอ!
Part โฆษิต


...
เสียงจอแจดังไปทั่วห้องประชุม เรื่องมันเริ่มมาจากไหนผมไม่รู้…

แต่มันกำลังสร้างความลำบากให้ผม ไอ้กร้ากระซิบข่าวที่ได้มา พวกปีสาม คณะผมมีเรื่องกับเด็กบริหารปีหนึ่ง ได้ข่าวมาว่าโดนเด็กมันปีนเกลียวทำอายตอนแข่งบาสแถมยังเสือกมาหยามแอบจีบแฟนของไอ้ปีสามหน้าโง่นั่นอีก เห็นว่าไอ้น่าโง่นั้นเป็นไอ้คิงส์นะ...


...ใครวะ? ช่างกล้ายุ่งกับมันจริงๆ ไร้สาระชะมัด! มันน่าจะจบอยู่แค่นั้นถ้าเรื่องไม่ถึงหูอธิการฯ การเข้าค่ายสามัคคีจึงเกิดขึ้น แทนที่จะเป็นการรับน้องใหม่ที่โดนยกเลิกเพราะข่าวการเสียชีวิตของเด็กปีหนึ่งจากมหาลัยอื่น...การรับน้องเปลี่ยนเป็นการเข้าค่ายสามัคคี

ค่ายสามัคคีที่มี บริหารปีหนึ่ง... วิศวะปีสอง.... วิศวะปีสาม...

..ไม่ต้องใช้สมองเดาให้เสียเวลานี่เป็นการเอาคืนของพวกไอ้คิงส์.... คิดหรือว่าไอ้พวกบริหารจะกลับมาแบบครบสามสิบสอง...แล้วมันมาโยงที่ผมก็เพราะไอ้วิศวะปีสองนี้หล่ะ... อย่าให้รู้นะว่าใครมันขยันหาเรื่องให้ เซ็งสุดๆ บริหารปีหนึ่ง ก็ต้องมี ‘มัน’ สินะว่าจะไม่มองหาแต่สายตาก็ดันไปสะดุดกับร่างนั้นซะก่อน ‘มัน’ นั่งอยูตรงนั้นมันยังอยู่ข้างๆไอ้ยักษ์เหมือนเดิมอยู่ข้างๆไอ้ยักษ์นั่นโดยใช้ร่างของ ตรินทร์!

“เฮ้ย!จะไปไหนว๊ะ โฆ?...”

ไอ้เรด ตะโกนไล่หลังมาแต่ไม่ได้ทำให้ผมหยุดฝีเท้าลง....ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ผมเข้าไปสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำกว่าจะทำใจเดินออกมาได้พวกที่อยู่ในหอประชุมก็ถูกปล่อยออกมาแล้ว ผมเดินเลี่ยงออกไปทางอื่นไม่อยากเจอ ‘มัน’

..............
............................


Part ภินทร์


‘ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง ’


...เพราะไอ้ประโยคนี้หล่ะ ผมถึงได้มานั่งหูตูบอยู่กลางห้องประชุมแบบนี้ ถามว่าเสียดายไหม?

ตากลม ปากแดง แก้มป่อง ใสโคตรๆ ปากก็หวาน (ยังไม่เคยชิมแต่ก็เดาได้) เรียบร้อยน่ารัก แถมตัวนิ่มสุดๆ หอมสุดๆ (อันนี้พิสูจญ์มาแล้ว) มีเจ้าของแล้ว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! (ไอ้ ‘!!!’ จะเยอะไปไหน) และจากการสืบประวัติเจ้าของ บัส เข้าขั้นเลวระยะสุดท้าย ก็เถอะแต่ข่าวที่ได้มา บัสรัก ‘มัน’ รักมัน! ‘มัน’ ไหนหรอ? มันเหี้ยมๆไง ! จำไอ้เหี้ยมที่แข่งบาสกับอะตรอมได้ไหม ไอ้เหี้ยมนั้นหล่ะ แฟนบัส....


จากการข่าวที่แอบสืบมาไอ้เหี้ยมนั้น ชื่อ ’คิงส์’  ปีสามวิศวะ (อันนี้รู้ตั้งนานแล้วไม่ต้องสืบ) เป็นเจ้าของคลับสุดแจ่มแห่งหนึ่งในข้าวสาร ควงหญิงไม่ซ้ำหน้า ส่วนผู้ชายที่คบมีแค่บัสคนเดียว (เท่าที่รู้ ) หนังสือที่ชอบเพชรพระอุมา อาหารที่ชอบ คาราเม็ง ของที่เกลียดเด็ก .....เอ่อ…เดี๋ยวนะ… ข้อมูลเหี้ยอะไรเนี้ย!? ทำยังกะกูจะไปจีบมัน...

....สาดด! อารมณ์เสีย....แต่ก็ต้องจบ...ถึงจะชั่วแค่ไหน ผมก็ไม่นิยม หนามงิ้ว ถึงใจมันอยากจะวูบๆวาบๆอยากลองรักต้องห้ามก็เถอะ แต่ถ้าเป็นของมีเจ้าของแล้วทุกอย่างมันก็ต้องหยุด ตอนนี้ผมเลยกำลังสะกดจิตตัวเองท่องเอาไว้

‘จบ...จบครับจบ' 

บัสเป็นเด็กเชี่ยคิงส์...ถึงจะมองดูเหมือนลูกแกะน้อยในปากหมาป่าก็เถอะ แต่มันก็เป็นเรื่องจริง บัสรักมัน...อาจรักมันมากกว่าที่ผมรักบัส คงถึงคราวต้องจบสักที อารมณ์ผมตอนนี้บอกไม่ถูกเหมือนทุกอย่างมันถูกสูบไปหมด ....

‘บัสรักคิงส์ รักเชี่ยคิงส์ รักเชี่ยคิงส์ ’

...โอ๊ย! อย่างผมจะเอาอะไรไปสู้กับไอ้คิงส์มัน? แค่คิดก็จบแล้ว…ทุกอย่างมันจบตรงที่

‘บัสรักคิงส์’

แล้ว ถึงเวลาต้องยอมรับความจริงเสียที ถึงเวลาที่ต้องลืมเสียที...

“ภินทร์ครับ...”


...เสียงทุ้มนั้นเรียกผมออกมาจากภวังค์ อะตรอม ยังคงอยู่ข้างๆผมเหมือนเดิม... บางทีผมอาจแค่หลง บัส ก็ได้ก็นะ น้องเขาน่ารักออกขนาดนั้น คงจะยากที่ผมจะลืมทั้งหมด...

“ภินทร์...”

อะตรอมยังคงเรียกผมด้วยเสียงทุ้มเบาอีกครั้งเสียงเบาๆนั่นทำเอาผมอ่อนแออย่างบอกไม่ถูก... ไม่รู้กี่ครั้งแล้วที่ผมซุกหน้าเข้ากับแผงอกกว้างของ อะตรอม เหมือนตรงนั้นเป็นผ้าเช็ดหน้าส่วนตัวของผม ไม่ว่าผมจะเจออะไรมา อะตรอม จะไม่ทิ้งผม ไม่ว่าผมจะเจอเรื่องอะไร ไม่ว่าจะเกิดอะไร...ขออยู่อย่างนี้ซักพัก รอชาร์ตพลังก่อนจะกลับไปเป็นคนเดิม...
 

..............
............................


‘ศูนย์ฝึกทหารใหม่เกร็ดแก้ว’


หื้ออออ!

....ใช่ที่ไหนหล่ะ! บ้าเอ้ย! ทั้งๆที่ล็อกโหวตไปแล้วนะว่า ‘ศูนย์ฝึกทหารใหม่เกร็ดแก้ว’ เท่านั้น! เพราะลองให้ทหารคุ้มมันต้องปลอดภัยสุดๆ แต่ไหงมันกลายเป็นบังกะโลแถวชะอำไปได้?!

เสียวสันหลังวาบเลย… ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ ไอ้นิสัยแอบเล่นข้างหลังเนี้ยมันสันดานผม คิดหรอว่าผมจะดูรูปการไม่ออก ข่าวมันคงแพร่ไปเร็วเรื่อง บัส โดนจีบ...จะว่าใครก็ไม่ได้คงเพราะผมเล่นรุกเร็วไปหน่อย ขนม ดอกไม้ สาหร่าย ( ก็ บัส ลูกครึ่งเป็นญี่ปุ่นนิ ) จดหมายรัก ( อย่ามาหาว่าเสี่ยวว่า'แก่'ไอ้จดหมายเสี่ยวๆนี้หล่ะทำ บัส หน้าแดงมาหลายรอบแล้วและมันก็ได้ใจกว่าข้อความใน Face Book เยอะ ไม่รู้อะไร เด็กสมัยนี้ )และอีกมากมายที่ผมนึกออกในตอนนั้นถูกประเคนให้ บัส หมด แม้เกือบครึ่งจะโดนแขวนประจานหน้าถังขยะห้อง 21 ก็เถอะ ( ผมตามผลงานนะ )

..เรื่องที่จีบ บัส เป็นความลับ...ลับสุดยอดขนาดมีแค่ผมกับ บัส เท่านั้นที่รู้ ผมไม่ถนัดอยู่ในที่แจ้ง…คือ มันเป็นนิสัย....ไม่สิสันดานของพวกมาร์เก็ตติ้งเลยมั้ง ที่ต้องมีข้อมูลให้แน่นเสียก่อนถึงจะทุ่มได้เต็มที่ แต่เหตุผลอีกอย่างที่ผมไม่เปิดตัว… คงเพราะ อะตรอม ด้วยหล่ะ ปกติไม่ได้แคร์นะถ้าต้องคบเพศเดียวกัน แต่แคร์คำว่า ‘เพื่อน’มากกว่า…

กลัวถ้า อะตรอม รู้ผมจะเสีย อะตรอม ไป… มันเสี่ยง…ถ้าเสีย อะตรอม ไปแล้วผมดันจีบบัสไม่ติด...

‘เพื่อนกับแฟน ผมเจอเพื่อนก่อนแฟน แล้วยิ่งเพื่อนดีๆ กับแฟนที่ยังไม่รู้ว่าจะจีบติดหรือเปล่า ผมเลือกเพื่อนนะ ยิ่งเพื่อนดีๆแบบ อะตรอม ผมทิ้งไม่ลง’

จะว่าชั่วก็ชั่วเถอะ พล่ามมาจนน้ำลายแห้ง สรุปเลยแล้วกันไอ้การที่มาอยู่ที่ชะอำนี้ มันเป็นลางร้าย...

..............
............................

...หรอ? แล้วไหงสนุกอย่างนี้อะ? มาวันแรกก็เฮฮาปาจิงโก๊ะกิจกรรมโดนใจมากมายยย...

 
…ผมโดนลากให้ออกไปร้องเพลงที่คิดว่าทำได้ดีที่สุด แต่มีข้อแม้ว่าห้ามเป็นเพลงไทย ตอนแรกก็ไม่อยากออกไปหรอกเหมือนไปเป็นฝ่ายเอ็นเตอร์เทน พวกวิศวะยังไงไม่รู้ ความรู้สึกเหมือนเป็นเบ้ แล้วก็มาถึงผมโดนลากออกไปช่วงเย็นเพลงแรกที่คิดได้คือ Love The Way You Lie Pt. 2 แต่มันมีท่อนแร็ปด้วย เลยลาก เอ้ย!เรียก อะตรอม มาตายด้วยกัน เพลงนี้เป็นเพลงหากินของวง อะตรอม มันฟังบ่อยจนร้องท่อนแร็ปได้แต่เสือกร้องท่อนช้าไม่ได้....ฟังเลยแล้วกัน

[Rihanna ft Eminem – Love The Way You Lie Pt. 2]

คงเพราะผมกับอะตรอมร้องดี....มั้ง?...ถึงได้มีแต่เสียงโห่.. มารู้ในเพลงที่สองว่าที่โห่เพราะมัน......ดีจนพวกวิศวะหมันไส้ ...ผิดอีกกู? เพลงที่สองก็ยังเป็นผมกับอะตรอม ที่โดนถีบส่งขึ้นเวที…แต่โจทย์มันยากกว่าเดิม

‘ เพลงนี้ขอแรดๆ แต่ต้องให้เท่ห์กว่า วิศวะ ’

ยังไงว๊ะ?! มึนเต็กสิครับ เพราะนิ่งอยู่นานผมกับอะตรอมถูกเชิญให้ลงจากเวทีมาแก้โจทย์ ก่อนจะมีการแสดงชุดอื่นต่อไป มันสนุกมากเลยนะกับการเข้าค่ายครั้งนี้ สนุกจนผมลืมไปเลยว่า...

‘ทะเลสงบ ก่อนพายุใหญ่จะมา! ’

...งานมันสามัคคีดีมากจนอาจารย์ที่ไปด้วย 3-4 คนวางใจให้ดื่มเหล้ากันเลยทีเดียว ...ไอ้เด็กพวกนี้ก็เปรมสิครับ ตอนนี้ผมกำลังหาทางแก้โจทย์อยู่เพลงที่แรดๆ แต่ต้องให้เท่ห์กว่า วิศวะ ‘ฟ้าสดใส’ เหมาะที่สุด! ผมยิ้มให้ อะตรอม ทันทีที่คิดเพลงได้ เพลงนี้ อะตรอม มันก็ร้องท่อนแร็ปได้…แต่มันยากตรงที ท่อนแร็ปมันขึ้นก่อน อะตรอม มันจะกล้าหรือเปล่า ผมกระซิบบอกชื่อเพลงให้ อะตรอม พร้อมยกเหล้าผสมเหยือกใหญ่ให้มันเพิ่มความกล้า

..แต่กลับโดน ปฎิเสธ! ครั้งแรกที่โดนอะตรอม ปฎิเสธ! หน้าชาไปนิดครับ…แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงจริงๆ อะตรอม ให้ผมได้ทุกเรื่อง เลยสรุปเอาเองว่า อะตรอม ดื่มเหล้าไม่ได้ หลังจากนั้นไม่ว่าใครส่งแก้วให้ อะตรอม ผมก็กรอกเข้าปากหมด จนเหมือนเรื่องสนุกไปแล้วที่ ไม่ว่าใครต่อใครก็ส่งเหล้ามาให้ผม

...อะตรอม เองมีห้ามผมบ้างแต่พอผมหันไปบอกมันว่า เพิ่มความกล้า มันก็ขมวดคิ้วแล้วหยิบแก้วเหล้าออกไป จนนึกสนุก ผมกระซิบกับมันว่า...

‘เมาให้ตายก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงก็มี อะตรอม คอยดูแลให้ ’

อะตรอม มันถึงปล่อยให้ผมดื่มโดยไม่ห้ามอะไรอีก โดนมอมเหล้าหรือเปล่าวะกู....จนได้เวลา ผมก็เซแซดๆๆๆ ลาก อะตรอม ออกไปเผชิญกับเสียงโห่....เดี๋ยวได้เห็นกัน

“ฟ้าสดใส....จัดมาไอ้จืด...”

…เมาครับเมาผมตะโกนชื่อเพลงที่เรียกด้วยความเคยชินให้ไอ้จืดที่ดูคอมฯอยู่รับรู้.... งงเต็กกันทั้งคนหาเพลงทั้งคนฟังทั้งคนตั้งโจทย์? จน อะตรอม มันหันมากระซิบพร้อมยื่นน้ำเย็นแก้วใหญ่ให้ดื่มบนเวทีนั้นหล่ะถึงได้เป็นการเป็นงานขึ้นมาหน่อย...

[“Morning After Dark ! ”]

ถึงจะเมาแต่ผมก็ยอมตายในหน้าที่  มันฟังดูดีนะจนถึงท่อนของ Nelly ที่ผมกระแดะยั่วแบบแรดๆนั่นหล่ะถึงได้มีเสียงโห่เสียงเป่าปาก หลุดไปอย่างสมบูรณ์แบบครับสติผม..หันไปเห็นพวกไอ้เหี้ยมมันมองนิ่งๆ อยู่หลังเวที เพลงก็ยังไม่จบด้วยความเมาเลยไปลากไอ้เหี้ยมตัวพ่อมาหน้าเวทีแล้ว เต้นยั่วซะ อะๆงง...งงอะดิ ตอนเมากูไม่มีศรัตรู ให้กูส่างแล้วค่อยว่ากัน เสียงเป่าปากยิ่งดังแสดงว่ากูแรดได้ใจ? อั๊ยๆอ๊ายๆ

...จบจากการแสดงสมองก็มึนไปหมด... เพราะเหล้ามันยื่นมาจากไหนไม่รู้ ซ้ำพอดื่มไม่ทันมันดันเทสาดลงมาซะงั้น ชุดทั้งชุดเลยมีแต่กลิ่นเหล้า สัด! มอมกูนี้หว่า...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2013 00:58:02 โดย Zitraphat »

ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
บทที่ 19 Drunk so numb.สติที่หายไป กับเสียงเต้นของหัวใจที่ช้าลง


...อืมส์....เกมส์ห่อเกี๊ยว?

ห่อเกี๊ยวอะไรวะ? แล้วเด็กผู้หญิงหน้ากูนี้ใครวะ? อะตรอมไปไหนอะ? แก้มป่อง....แก้มป่อง? แก้มป่องๆจะหอมไหมอะ? จะหอมเหมือนผมของ บัสไหมน๊า....?

.
.
.

“น้องชื่อไรอะ?”

ผมใช้สติอันน้อยนิด ถามชื่อน้องผู้หญิงข้างหน้า แก้มแดงงงงงงงงงงงงงงง น่าร๊ากกกกกกกกกกกก อ๊ายยยย… น่าร๊ากกกก…

“ชื่อ บอมค่ะ .....บอมๆ”

“บอมๆน่ารัก บอมๆแก้มป่อง ขอหอมบอมๆได้ไหมคร๊าพพพพ?”

...หลุดไปอีกครั้ง อย่างสมบูรณ์ครับสติผม… น้องเขายังไม่ทันอนุญาตอะไร... ผมก็หอมแล้วครับ แถมพอหอมแล้วมันติดพัน เสือกอยากจูบต่ออีก เรื่องมันเลยมาจบตรงนี้..

......................
..................................

.
.
.

“ไอ้เหี้ย! บอมๆเด็กกูใครทำเหี้ยอะไร?!”

ไอ้มงวิศวะปี สามครับ

...สาดดดดด! ไม่ได้ติดป้ายแขวนคอไว้นิว่ามีเจ้าของ ชิมนิดชิมหน่อยทำบ่น… ชิ! …แล้วผมก็หลบฉากตามระเบียบ รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง... มันชุนละมุนไปหมดเพราะในตอนที่ ไอ้มง อาละวาดพวกเรากำลังเล่นเกมส์ห่อเกี๊ยวกันอยู่ และผมก็กำลังเป็นเกี๊ยว... เมาสนิทเลยไม่เป็นที่สนใจ…

ฮาๆๆๆ ผมโดนกรอกเหล้าแล้วโดนเสื่อห่อมวน โผล่มาได้แค่ข้อมือ....ส่วนข้างนอก เสียงอะไรดังโวยวาย.... กูไม่สนใจ...แกล้งตายดีกว่า...

..............
............................

Part อะตรอม



..ไอ้คนที่ชื่อมงมั่วแต่อาละวาดกับผม จนผมไม่ได้ดูเลยว่า ภินทร์ เป็นยังไงบ้าง พวกเด็กปีสามก็ที่เหลือก็ได้แต่ลุนกันตัวต่อตัวกับปีสอง…แน่หล่ะ ปีสองวิศวะส่วนหนึ่งเป็นพวกผม เพราะมีพวกไอ้เรดอยู่ในกลุ่มปีสองด้วย แต่ที่มันไม่แสดงตัวออกไปเป็นแบ็คกราวด์เล่นดนตรีให้เพราะมันสังหรณ์ใจว่าต้องมี ‘อะไร ’ แน่ๆพวกเราเลยแยกๆกัน

ตอนนี้มันชุนละมุนไปหมดจนผมไม่มีเวลาที่จะหยุดหา ภินทร์ ไอ้มงก็ซัดเอาซัดเอา มันเมาด้วยเลยไม่ฟังคำอธิบายอะไรเลย ไม่รู้ว่าใครเป่าหูมันว่าผมจูบเด็กมัน? เพราะเหล้ามันทำให้เป็นอย่างนี้สินะผมถึงไม่ดื่ม แต่ที่ยอมให้ ภินทร์ ดื่มก็เพราะประโยคที่ว่า

‘เมาให้ตายก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงก็มีอะตรอมคอยดูแลให้ ’

ความเชื่อใจของ ภินทร์ นั่นหล่ะที่ทำให้ผมมั่นใจเกินไปว่าตัวผมเองจะดูแล ภินทร์ ได้...

แต่ตอนนี้ผมไม่เห็น ภินทร์ แม้เงา... ผมรู้ว่าพวกไอ้เหี้ยมปีสามจ้องเล่นงานผมอยู่ตั้งแต่เรื่องที่สนามบาสแล้ว แต่ผมก็ยังปล่อยให้ ภินทร์ คลาดสายตา....เพราะการที่ ภินทร์ อยู่กับผมตลอดเลยคิดว่ามันจะปลอดภัย… แต่ผมดันลืมไปว่า การอยู่กับผมตลอด ทำให้ ภินทร์ กลายเป็นเป้าหมายได้เหมือนกัน...

...ตอนนี้ ภินทร์ หายไปไหน?

ครั้งสุดท้ายที่เห็น ภินทร์ กลายเป็นเกี๊ยวถูกห่ออยู่ในเสื่อ....ริมหาด... ถ้าผมจำไม่ผิดเสื่อม้วนหนึ่งถูกโยนลงทะเล.......ทะเล!

..............
............................


Part โฆษิต


ผมเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ....และกำลังยืนมองสิ่งที่เกิดขึ้นที่ริมหาดกำลังมีมวยฝูงใหญ่ ‘ค่ายสามัคคี?’ เฮอะ! เรียกว่าค่ายมวย ลุมพินี ยังเหมาะกว่า...

ย้อนกลับไปเมื่อชั่วโมงที่แล้ว ผมไม่ได้อยู่ในกลุ่มพวก ไอ้เรด หรอกไม่อยากมาเจอ 'มัน' ในร่าง ตรินทร์ เลยแยกออกจากพวกมันตั้งแต่มาถึง พอมันเริ่มเล่นเกมส์ห่อเกี๊ยวกัน ผมเลยขับแม็กกะออกไปดูของที่ระลึกพอกลับมาถึงก็ได้ดูมวยเลย ตอนนี้พวกมันลงไปซัดกันริมหาดแล้ว.....

ไอ้ยักษ์ที่มักจะอยู่กับ ตรินทร์ มันยังมีแรงเหลือเฟือที่จะผลักพวกปีสามออกไป ทั้งๆที่มันอยู่แค่ปีหนึ่งแถมยังโดนพวกปีสามสี่ห้าคนรุมชัด... สีหน้าไอ้ยักษ์นั้นดูแปลกๆเหมือนมันกำลังหาอะไรที่จมอยู่ใต้น้ำ แต่มันคงเป็นของสำคัญมากกว่านั้นเพราะขนาดมันโดนล็อคตัวชกเต็มๆหมัดมันยังสะบัดหลุดแล้วควานหาอะไรของมันโดยไม่สนใจ...

...มันจะเจอหรอ? เมื่อทะเลตอนนี้มืดไปหมด ..

...ชั่วเสี้ยวผมคิดถึง ตรินทร์ ที่มักจะอยู่ข้างๆไอ้ยักษ์นั่น แต่ตอนนี้ผมไม่เห็น ตรินทร์ แล้ว จู่ๆผมก็รู้สึกเย็นเฉียบไปทั้งตัว…



เหมือนตอนนั้น....

..แค่พลาดสายตาไปชั่วครู่ทั้งที่ทุกอย่างกำลังจะไปได้ดี อยู่ๆอุบัติเหตุก็พรากมันไป! ผมเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ ...ก่อนที่ผมจะไปที่รถด้วยความคะนองพวกปีสามมอมเหล้าเด็กปีหนึ่งคนหนึ่งแล้วม้วนมันไว้ในเสื่อ... เด็กปีหนึ่งที่ถูกมอมเหล้าผมไม่ได้เห็นหน้าแต่คิดว่าเพื่อนมันคงช่วยกันออกไปแล้ว แต่ผมลืมคิดพวกปีสามอย่างไอ้คิงส์มันร้ายกว่านั้น ผมพลาดเองทั้งๆที่ผมควรจะรู้ดีกว่าใคร ข้อมือที่พ้นเสื่อนั้นออกมามีกำไลเงินวงใหญ่...

...กำไลที่ตรินทร์ใส่ไว้ปิดรอยกรีดที่ข้อมือ!

“ไอ้พวกเหี้ย!มึงจะกัดกันอีกนานไหม เพื่อนกูจมน้ำ! พวกมึงช่วยกูหาทีได้ไหม ภินทร์จมน้ำ ช่วยหากันทีได้ไหม!”

เสียงไอ้ยักษ์นั่นตะโกนทำเอาผมเแทบหยุดหายใจ..

ผมเดาถูกเด็กปีหนึ่งที่ถูกห่ออยู่ในเสื่อนั้นเป็น ตรินทร์ ที่สำคัญตอนนี้ ตรินทร์ อยู่ไหน? ตรินทร์ จะยังหายใจอยู่หรือเปล่า?! ถึงทั้งหมดจะไม่ใช่ ตรินทร์ ที่ผมรู้จัก...แต่นั่นก็คือ ตรินทร์... ร่างนั้นยังเป็นของ ตรินทร์!

..............
............................


Part ภินทร์



“ไอ้เชี่ยนี้ไงที่เดินอยู่กับไอ้ยักษ์...”

..เสียงแว่วๆกับแสงมัวๆเข้าตาผม ความจริงมันคงจะสว่างแต่ไอ้ผ้าที่มันปิดตาอยู่ทำให้อะไรอะไรดูมัวๆ...

“แม่ง! เพื่อนมึงเล่นกูแสบนะ...ฝากมึงไปบอกมันทีได้ไหม? ในสนามอย่ามาปีนเกลียว”

แสบตา!

อยู่ๆผ้าที่ถูกปิดไว้ก็ถูกกระชากออกซะงั้น กว่าจะลืมตามองได้ก็เกือบพัก ปืนเกลียวเชี่ยไรวะ? ไอ้สัตว์นี้ใครวะ? มึนหัวชิบ… แล้วนี่มันที่ไหนวะ? ไอ้ที่ล้อมรอบผมอยู่นี้มันเด็กปีสามนี้หว่า...แต่ทำไม? ผมกำลังอยู่ในค่ายสามัคคี (หร๊ออออออออออ!) กับอะตรอม ทุกอย่างกำลังไปได้ดีแล้ว...เกมส์บ้าๆก็เริ่มขึ้นผมถูกยุให้ดื่มเข้าไปหลายแก้วและก็ถูกมัดอยู่ในเสื่อ แล้วทุกอย่างมาจบที่นี้ได้ยังไง...

…ยังไม่ทันรวมสติดี ผมก็โดนลากไปที่ชายหาด คงใกล้มืดแล้วฟ้าดูมัวๆไม่มีวี่แววของคนอื่นๆ มีแต่พวกมันกับผม ถ้าให้คิดว่าพวกมันพาผมมาชมพระอาทิตย์ตกดิน.... คงยาก....แม้สติผมจะไม่ค่อยมีก็เถอะ เดาไม่ผิดนี่คงอยู่อีกฝากของที่พักแล้วผมกำลังจะโดนอะไร หน้าของพวกมันเริ่มจะทำให้ผมกลัว พวกไอ้บ้าเหี้ยมนี้หว่า! แล้วยิ่งตอนนี้พวกมันดื่มเข้าไปไม่น้อยคงจะทำให้มันบ้ายิ่งกว่าเดิม ... ทุกอย่างในสมองตื้อไปหมด

ไม่ให้ทันตั้งตัวอยู่ๆมันก็กดหน้าผมลงน้ำ! แรงขืนของผมไม่มีสักนิด ไม่มีแม้แต่แรงที่จะดิ้นรนเพื่อตัวเอง...สติอันน้อยนิดบอกผมให้กลั้นหายใจก่อนจะสำลักน้ำทะเล แต่ถึงจะกลั้นได้มันก็คงไร้ประโยชน์เพราะมือที่กดคอผมลงน้ำไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยผมเลย....

จนเกือบขาดอากาศหายใจเพราะผมฝืนไม่ไหวทำให้ต้องหายใจเอาน้ำทะเลเข้าไปเต็มๆ มันถึงได้กระชากผมให้โผล่ขึ้นมา

"ไม่ต้องรีบตาย.. มึงได้กลับไปฟ้องไอ้ยักษ์นั่นแน่.... ถ้ามึงรอด....ไปได้นะ...."

...ผมไม่รู้ว่านั้นเป็นคำพูดของใครเพราะทั้งสำลักไอ ทั้งแสบตา...

แต่จากความรู้สึกตอนนั้น สิ่งเดียวที่ผมรู้ พวกมันอยากให้ผมตาย! ...ไม่เคยคิดนะว่าการที่ใครสักคนจะตัดสินใจทำลายใครอีกคนถึงชีวิต มันมีเหตุผลโง่ๆเพียงเท่านี้ ...ถ้าผมตายไปตอนนี้เลยพวกมันก็คงแค่...

‘เอ่อ...กูทำน้องตายไปคน แมร่งเพื่อนมันเสือกปีนเกลียวกู...’

คงแค่นั้นจริงๆ...

...สมองผมแทบไม่สั่งการณ์อะไรแล้ว น้ำทะเลเค็มๆที่สำลักเข้าไปยิ่งทำให้คิดอะไรไม่ออก ตาทั้งพร่าทั้งเจ็บ หูก็อื้อไปหมด แล้วมันก็กดผมลงน้ำอีกครั้ง ข้อมือแข็งนั้นยิ่งกดให้ผมลึกลงไปอีกเมื่อเห็นว่าผมเริ่มขืนตัว...จน... ผมไม่มีแรงจะสู้มันอีกแล้ว...ความคิดเริ่มจะตัดขาดจากสิ่งรอบข้างแล้วจมอยู่กับตัวเอง...ต้องตายแบบนี้หรอ? ตายเพราะไอ้สัดพวกนี้อะนะ?

สมเพทตัวเองชะมัด... โดนตราหน้าว่าขโมยชีวิตเขามายังมาเสือกตายง่ายๆเพราะไอ้เด็กเชี่ยพวกนี้อีก...



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2013 01:04:53 โดย Zitraphat »

ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
บทที่ 20 I’m Back การกลับมา Vol.2
Part ตรินทร์


“ตรินทร์!”

ผมได้ยินเสียงไอ้โฆเรียกแว่วๆแต่ภาพมันตอนร้องไห้ยังคงเด่นชัด...

ตอนนี้ผมกำลังจะตายใช่ไหม? ข้อมือไม่เจ็บแล้ว… กลิ่นเลือดก็ไม่มี…


…แต่เค็มโคตร !


แล้วผมก็สำลักออกมาตอนเริ่มรู้สึกว่ามีใครจับคอผมกดลึกลงในน้ำ! อากาศถูกแทนที่ด้วยน้ำทะเลเค็มๆที่ทะลักเข้าไปทั้งทางจมูกและปาก…


ก่อนจะมีอะไรมากไปกว่านี้ผมก็ดึงมือไอ้เชี่ยนั้นลงมาแล้วทะลึ่งตัวขึ้นเหนือน้ำแทนมัน!

ผมกระชากมันกดลงน้ำอีกครั้งก่อนจะกระทืบซ้ำลงไปที่หน้าอกและลิ้นปี่ไอ้เชี่ยนั้น ผมไม่รู้ว่าผมอยู่ที่นี้ได้อย่างไร เสียงไอ้โฆ ก็แว่วเข้าหูผมอีกครั้งผมปาดน้ำเค็มที่เข้าตาออกมันไม่ได้แสบอะไรแต่บังการมองเห็นของผมจนรำคาญ แล้วผมก็คิดไม่ผิดเสียงที่ผมได้ยินเป็นเสียง ไอ้โฆ มันโดนเตะกลิ้งอยู่กลางวงล้อมของไอ้เชี่ย สามตัว ที่กำลังประเคนตีนให้มัน แต่มันยังพยายามลุกและร้องเรียกผมไอ้พวกเชี่ยนั้นทำอะไรกับคนของผม?...

... ผมกระทืบไอ้เชี่ยหมายเลขหนึ่งที่จับคอผมกดน้ำ อีกครั้งก่อนจะเดินตรงเข้าไปกระชากไอ้เชี่ยหมายเลขสองออกมาแล้วชกอัดมันที่ลิ้นปี่ต่อด้วยตันหน้าไอ้เชี่ยหมายเลขสามแล้วถีบเข้ายอดอกไอ้เชี่ยหมายเลขสี่จนพวกมันล้มกลิ้งตัวงอ แต่พอหันไปเห็น ไอ้โฆเลือดกบปากและรอยช้ำที่ปรากฏไปทั้งตัว…

แล้วผมก็ฟิวส์ขาดไล่กระทืบไอ้สามตัวที่ผมอัดลงไปกองจนมันไม่กระดิกแต่ยังไม่ทันจะกระทืบให้หนำใจไอ้ตัวที่ผมกระทืบตัวแรก ตัวที่จับผมกดน้ำนั้นหละมันก็กระชากคอผมแล้วล็อคมือทั้งสองข้างของผมไว้เพราะโดนล็อคมือไว้ทำให้ผมขืนแรงจากไอ้เชี่ยนั้นไม่ได้แถมยังเจ็บด้วยซ้ำตอนมันกดข้อแขนผมให้ล็อคแนบกับหลัง   แต่เพราะอารมณ์ที่ขาดไปตั้งแต่แรกทำให้ผมไม่ยอมที่จะให้มันหยุดด้วยการล็อคแขนผมไว้ ผมตวัดขาไปข้างหน้าแล้วตอกส้นลงไปบนหน้าขาไอ้ตัวที่ล็อคผมอยู่เต็มแรง ได้ผลเมื่อมันเผลอปล่อยมือและทรุดลงไปนั้งจังหวะเดียวกับที่ผมง้างปลายเท้าเสยเข้าคางมันจนมันนิ่งไป เชี่ย! เจ็บเท้าฉิบหาย แต่ก็สะใจ ให้มันรู้ไปว่าคราวหลังมึงจะได้ไม่มายุ่งกับพวกกูอีกไอ้พวกเชี่ย!


ผมเดินหันหลังกลับไปดู ไอ้โฆ ที่หอบหายใจถี่ แต่มิวายเตะอัดร่างไอ้เชี่ยเบอร์อะไรไม่รู้ที่นอนกลิ้งอยู่ใกล้เท้าก่อนจะไปพยุง ไอ้โฆ ให้ลุกขึ้น ผมมองออกไปรอบๆ หาดทรายและทะเลติดกับถนนเรียบทะเล แม็กกะจัง รถสุดที่รักของผมจอดหลบอยู่ใต้ต้นสน… ผมพยุงร่างใหญ่ของ ไอ้โฆ อย่างทุลักทุเล ก่อนจะตัดสินใจแบกมันขึ้นหลังแล้วเดินมุ่งตรงไปที่รถ ไอ้โฆ ทรุดลงทันทีที่ผมปล่อยมันข้างรถมันคงโดนมามากจนไม่มีสติ แต่ไม่เป็นไรผมกำลังจะพามันกลับบ้าน...กุญแจของแม็กกะจัง ยังอยู่ที่คอ ไอ้โฆ คนที่ผมรักพอๆกับแม็กกะ...เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นมาบ้างก็ไม่รู้แต่ไม่เป็นไรแล้วกูกำลังจะพามึงกลับบ้าน แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...ตอนนี้กูอยู่ที่ไหน?...

..............
............................

Part ตรินทร์



...ทันที ที่ผมมาถึงบ้านก็โทรหาแม่นิ่มก่อนเลย โชคดีที่แกยังอยู่บ้าน แม่นิ่มดูจะตกใจไม่น้อยกับสภาพของผมกับไอ้โฆ ...

“แม่นิ่ม ผมไม่ได้เริ่มนะ...จริงๆนะแม่นิ่ม”

ผมเริ่มอ้อนหล่ะเพราะตาแกเริ่มแดงๆเหมือนจะร้องไห้… แม่นิ่มหันหน้ามามองผมสีหน้าสงสัยระคนแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากโอบหัวผมมากอดกระซิบประโยคแผ่วเบาที่ผมไม่เข้าใจ…

“กลับมาแล้วสินะค่ะ คราวนี้อยู่นานๆให้แม่นิ่มชื่นใจหน่อยนะ คุณตรินทร์ไม่อยู่ คุณโฆเหงามากเลยนะค่ะ...คุณตรินทร์ของแม่นิ่มรู้ไหม? คุณโฆเหงาแค่ไหน แม่นิ่มก็เหงาเหมือนกัน..”

ได้แต่ปล่อยให้แม่นิ่มแกกอดกับลูบหัวไปครับ… ไม่เข้าใจ… แต่…เอ่อ…แม่นิ่มครับ.. ได้ข่าวว่าผมแบกไอ้โฆอยู่หน่ะครับ… แล้วได้ข่าวอีกว่าไอ้โฆมันหนักมากครับแม่นิ่ม.....

…กว่าแม่นิ่มจะปล่อยได้ เฮ่อ....ผมเลยเนียนขอให้แม่แกช่วยเช็ดตัวให้ ไอ้โฆ ที่ยังไม่ได้สติ แล้วขอข้าวหรืออะไรก็ได้ร้อนๆมาทำให้สมองมันแล่น ก่อนจะขอตัวไปอาบน้ำ ทั้งเกลือทั้งทรายที่ติดตัว...คันชิพหาย…กว่าจะล้างคราบต่างๆออกหมดก็เกือบครึ่งชั่วโมง ไม่เคยอาบน้ำนานอย่างนี้มาก่อน อย่างมากก็ 20 นาที มาตรฐานของผมอยู่ที่ 11 นาที

…ผมชอบน้ำมากคงเป็นกรรมพันธุ์อะนะ แต่ถ้าไม่ได้แช่ทั้งตัว หรือมีใครอยู่ในห้องน้ำด้วยเต็มทีก็ไม่เกิน 20 นาทีแป๊ะๆ ที่ผมรู้เพราะ ไอ้โฆ มันเคยจับเวลาให้...ไร้สาระ!

.
.
.


..

กลิ่นหอมของข้าวต้มหอมอวนไปทั่วทั้งบ้าน ผมอาบน้ำเสร็จก็เดินตัวเปียกโชกไปที่ห้องตัวเอง...

'...?!'

..เสื้อผ้าที่ปกติจะเป็นโทนสีน้ำตาลเทา หรือ ขาวดำของผมมีโทนสีเขียวขี้ม้า คราม ม่วง? เข้ามาปน…
กางเกงที่ส่วนมาจะเป็นเดฟหรือผ้า… ก็มีกางเกงสามส่วนลายพรางปนเข้ามา? นี้ผมพลาดอะไรไปหรือเปล่า? หรือแม่นิ่มเตรียมของให้ ? แถมบ็อกส์เซอร์ยังเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัว... ผมซื้อหรือเปล่าวะ?

…คิดยังไงก็คิดไม่ออก…

หรือผมเทคยากล่อมประสาทมากไปจนสมองมันไม่รับ?...ปวดเฮด…พอๆๆไม่คิดอะไรดีกว่าไปดู ไอ้โฆ ดีกว่า… ผมจับเสื้อกล้ามสีขาวมาสวม แล้วคว้า  บ็อกส์เซอร์สีดำมาใส่ ขยี้หัวตัวเองที่ยังเปียกให้น้ำมันสะเด็ดซักหน่อย…

ถ้าถามว่าทำไมไม่เอาผ้ามาเช็ดให้แห้งหน่ะหรือ? ใครบอกว่าผมซกมก? แค่เพราะผมชอบน้ำไง…

...ชอบความรู้สึกเย็นและสดชื่นของน้ำ ชอบที่จะให้มันหายไปช้าๆแทนที่จะถูกเช็ดด้วยผ้า แต่ถ้าต้องเช็ดจริง ผมก็ชอบนะ ถ้า...ไอ้โฆเช็ดผมให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก... เข้าไปดูที่ห้องไอ้โฆนอนอยู่บนเตียงกับกางเกงยีนต์ตัวเดิมส่วนเสื้อมันแม่นิ่มถอดใส่ตะกร้าซักผ้าเรียบร้อยแล้วก่อนจะลงไปทำของกินให้ แกคงหนักใจกับคราบเลือดและโคลนที่เลอะไปทั้งตัวเสื้อ ผมโยนชุดของผมที่เลอะทั้งน้ำและดินโคลนลงตะกร้าเดียวกัน

..สักพักแม่นิ่ม ก็เข้ามาที่ห้องแล้ววางชามข้าวต้มใบใหญ่ให้บนโต๊ะคอมฯ แววตาแกเหมือนมีคำถาม แต่ผมส่ายหัว… เพราะไม่รู้อะไรด้วยเหมือนกัน แกได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินมาขยี้หัวผม ก่อนจะหยิบยาแก้ปวดและยาคลายกล้ามเนื้อมายัดใส่มือผม 2-3 แผง

“อย่าทำให้ป้าหัวใจวายบ่อยนักเลยนะค่ะ...คุณๆ”

“ครับ....แม่”

ผมตอบรับคำอย่างว่าง่ายเพราะแววตาเป็นห่วงและฝ่ามืออุ่นๆของแกที่ลูบอยู่บนแก้มผม ตั้งแต่ป๋ากับมี้ ออกไปทำงานข้างนอกนานๆจะมาที ก็มีแต่แม่นิ่มนี้หล่ะที่เป็นเหมือนแม่คนที่สองของผมกับไอ้โฆ นอกจากป๋ากับมี้ แม่นิ่มก็เป็นอีกคนที่ผมยอมให้...

“จะให้ป้ากลับไหมค่ะ? คุณตรินทร์ ดูแลคุณโฆ ได้หรือเปล่า ป้าต้องอยู่เป็นเพื่อนไหม?”

“ไม่เป็นไรครับ ดูแลกันได้ เดี๋ยวปลุกมันมาทานข้าวแล้วไล่ให้ไปอาบน้ำเอง แม่นิ่มกลับบ้านเถอะ เดินดีๆนะครับ”

นานเท่าไหร่แล้วนะที่ผมไม่เคยพูดประโยคยาวๆอย่างนี้แต่เพื่อความสะบายใจของแกบางครั้งก็ต้องมีบ้าง...

ใครใส่ร้ายว่าผมเย็นชา…

…บ้า..แค่ผมไม่แสดงออกก็แค่นั้น… จริ๊งจริงง!


.
.
.

...แม่นิ่มกลับไปแล้วปล่อยไว้เพียงผมและไอ้โฆที่ยังหลับไม่ตื่น เสียงลมหายใจของมันยังสม่ำเสมอ… แต่ร่องรอยการต่อสู้ที่เขียวช้ำนั้นเหมือนบอกใบ้ให้ผมรู้ว่ามันคงจะหลับยาว ตอนนี้ผมช่างใจระหว่างจะเรียกให้มันตื่นขึ้นมาทานข้าวหรือจะปล่อยให้มันหลับต่อไปดี...

แล้วผมก็ตกใจแทบถอยตกเตียงเมื่ออยู่ๆมันก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมาพร้อมตะโกนเรียกผม!...สีหน้ามันงงเมื่อมองไปรอบๆ.. เม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาเต็มหน้า ผมเดาได้ว่ามันคงหลับแล้วฝันร้ายอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับผม…

…เพราะกำลังมองรอยช้ำมันอยู่และกำลังคิดเพลินๆว่าจะปลุกมันดีหรือเปล่า จนลืมสังเกตุสีหน้ามันว่ามันกำลังฝันร้าย พอมันทะลึ่งพรวดขึ้นมาแล้วตะโกนเรียกผม อารามตกใจ ผมจึงถอยกรูไปจนสุดขอบเตียง มันหันมามองหน้าผมแล้วเรียกชื่อผมเบาๆซ้ำๆ ด้วยสีหน้าหมางง ครั้งเดียวก็ได้ยินแล้วจะเรียกซ้ำๆทำไม?

“โดนตีนจนบ้า”

..
ผมมองจ้องมันตอบแล้วลากมันให้ลุกไปกินข้าวต้มชามใหญ่ที่ผมกินเหลืออยู่แต่ยังร้อน ผมชินกับการกินอะไรกับมัน จากฝีมือแม่นิ่มเหมือนแกจะพยายามสอนว่ากินข้าวชามเดียวกันก็ต้องรักกัน?!

...หลังจากนั้นมาผมกับไอ้โฆก็คุ้นเคยกับการแบ่งข้าวชามเดียวกันกิน ที่บ้านนี้เลยมีชามโคมใหญ่ ไว้หลายใบเพราะง่ายต่อการกินและเก็บล้างถ้าเป็นอาหารหรือของกินที่เหมือนกันจะได้ไม่ต้องมาตักใส่ชามนู้นทีชามนี้ที....

เคร้ง!

..เสียงช้อนตกกระทบพื้นทำลายความเงียบและความคิดผม…

ไอ้หน้าหมางง หันมามองผมเหมือนเด็กเล็กมือข้างที่ถือช้อนยังสั่นอยู่บ้างแต่พอหันไปดูมันเก็บอาการโดยวางมือไว้บนโต๊ะ… เชี่ยแล้วไงโดนซัดอีท่าไหนเข้าวะ? ไอ้หน้าหมางงปากหนักนั่นเก็บอาการหน้าดู มึงไม่เสือกบอกมาวะ!แล้วแขนแมร่งหักไหมเนี้ย! ผมพยุงตัวลุกขึ้นมาจับแขนมันพลิกดูรอยช้ำที่ข้อแขน สีหน้าหมางงเปลี่ยนเป็นหมาเจ็บ แต่มันก็ไม่ได้พูดอะไร ดีทียังไม่หักดูจากรอยแล้วยังแค่เขียวคล้ำแต่ไม่ถึงกับกระดูกลั่น… จะว่าไปมันคงเจ็บแต่ไม่พูด...

…แล้วจะกินยังไง? ผมลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งใกล้มัน หยิบช้อนผมที่เหลืออีกคันในชาม ควานหมูกับข้าว ตักป้อนมันไปเรื่อยๆ ป้อนมันบ้างป้อนตัวเองบ้างจนหมดชาม มองจากสภาพแล้วสงสัยต้องเข้าไปอาบน้ำให้มันด้วยมั้งเนี้ย.....หาเรื่องให้ตลอดไอ้ลูกหมาเอ้ย!


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2013 01:14:13 โดย Zitraphat »

ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
บทที่ 21 Dare you.เล่นกับหมาหมาเลียปาก


ผมมองมันขำๆตอนที่ก้มถอดกางเกงยีนส์สีมอให้มัน แล้วมีเม็ดทรายหล่นกราวลงมาพร้อมๆกางเกงที่ถอดกองอยู่บนพื้น มันเล่นฝังตัวในทรายกันรึไง?...

ไอ้โฆไม่ได้พูดอะไรมันยังยืนนิ่งปล่อยให้ผมจัดการอาบน้ำและสระผมให้มันโดยที่มันนั่งบนชักโครกที่ปิดฝาส่วนผมยืนถือฝักบัวฉีดตัวมันที่เหลือแค่กางเกงในตัวเดียว มันได้แต่เงียบพอๆกับผมที่ไม่พูดอะไร ผมล้างน้ำยาสระผมออกจากหัวมัน แต่ยังไม่ทันหมดมันดันสะบัดผมยุ่งๆที่เปียกน้ำ....มันเลอะกู !

‘ มึงลืมไปหรือเปล่ากูไม่ได้มีแค่กางเกงในตัวเดียวแบบมึง’

ผมกดน้ำฉีดใส่หน้ามันให้มันมีสติหันมามองบ้างว่าผมใส่เสื้อกล้ามสีขาวและบ็อกส์เซอร์ ผมไม่ได้ใส่ชุดเดียวกับมัน

‘กูมาอาบน้ำให้มึง ไม่ได้กะจะมาอาบอีกรอบ!’

มันก้มหัวเป็นเชิงขอโทษและลุกออกจากที่นั่งชั่วคราวยกฝาชักโครกให้น้ำไหลลงก่อนจะหยิบฝักบัวจากมือผมไป… ผมกำลังจะเดินออกไป ให้มันจัดการตัวเอง แต่มันมองหน้าผมโดยใช้สายตาหมาหงอยที่เหมือนจะอัพเลเวลขึ้นเกือบ 4 ระดับ ทำให้ผมต้องหันหลังเดินเข้าห้องน้ำไปอีก…

..คราวนี้เป็นผมที่นั่งบนฝาชักโครกแล้วมันยืนถือสายฝักบัวอยู่กับมือข้างที่ไม่เจ็บ ส่วนระดับที่ผมนั่งเป็นระดับเดียวกับช่วงกลางลำตัวของมัน ทันทีที่ผมถอดกางเกงในตัวนั้นออกน้องชายมันก็ชี้หน้าผมแล้ว.....ผมเงยหน้าไปมองหน้ามันด้วยหางตา...

‘น้องชายมึงหาเรื่องกูหรอ?’

ทำท่าทีไปงั้นไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก กางเกงในยังมีเม็ดทรายหลงเหลืออยู่นี้พวกมึงมีเรื่องกันหรือพวกมึงไปเล่นฝังตัวในทรายกันวะ... ผมยื่นมือไปขอสบู่ที่อยู่สูงกว่าหัวผมแล้วจับน้องชายมันมาทั้งล้างและถอด จนน้องชายมันโชว์พาว์บนมือผมเต็มที่..

ผมเงยหน้าไปมองมันอีกครั้งก่อนส่งสบู่คืนมันและให้มันส่งฝักบัวให้ผมแทน …เมือกลื่นๆผสมกับสบู่ถูกน้ำจากฝักบัวชำระล้าง แต่ไอ้น้องชายมันยังไม่ยอมหยุดชี้หน้าผมดูเหมือนมันจะโชว์แมนมากขึ้นกว่าเดิม...

'กล้ามากนะมึง...'

ผมโอบเอวดึงมันที่เปียกน้ำไปทั้งตัวให้เข้ามาใกล้แล้วกดน้องชายมันลงใต้คาง จมูกผมจมไปกับช่วงสะดือมัน...ลิ้นร้อนๆของผมก็ลากไล้ไปตามทางน้ำที่ไหลหยดลงมา มือขวาของผมรั้งเอวมันไว้ให้ไม่มีทางขยับหนี มือซ้ายก็กดน้องชายมันไม่ให้สู้หน้าผม พร้อมๆกับลิ้นที่ลากเลีย ส่วนฟันคมๆก็อดไม่ได้ที่จะขบกัดผิวเนื้อช่วงเอวของมัน ผมลากลิ้นชิมไปทั่วจนถึงเนินขน...

... แล้วเสียงหมาครางก็ดังขึ้นตอนผมครอบปากลงคลุมน้องชายมันแล้วรูดไล้ลิ้นไปตามแนวยาวของแท่งเนื้อนั้นซ้ำไปซ้ำมาจนมันทนไม่ได้บอกเสียงพร่าว่ามันจะออกแล้วแต่ยังเสือกกดหัวผมไว้?? มันคงลืมเพราะความเกร็ง.....

...เอาดิ...มึงเสือกมาลืมตอนนี้....กูจะเอาแม่งให้สำนึกเลยว่าถ้ากูทำมึงจนสุดมึงจะเสียวจนจำไปตลอดชาติ! ตัวมันเกร็งสั่นไปหมดตอนผมยิ่งอมลึกเข้าไปซ้ำยังไม่ยอมปล่อยมันกับน้องชายเสียที… ไอ้หมาหงอยครางเสียงสั่นก่อนจะกระตุกเกร็งไปทั้งตัว...แต่ผมยังไม่ยอมปล่อยน้องชายมันให้พ้นจากริมฝีปาก

“ตรินทร์...ไม่ไหวแล้ว.....”

เสียงมันครางสักพัก… แล้วน้ำเมือกรสฝาดปนหวานก็ทะลักออกมาจากแท่งเนื้อนั่น...

ผมไม่ได้ปล่อยมันแต่ดันลิ้นดูดเลียน้ำนั่นจนหมดพร้อมกับดึงรั้งเอวมันให้แท่งเนื้อนั้นลึกลงไปจนสุดลำคอ…

“ตรินทร์พอแล้ว....ใจจะขาด”

..............
............................


‘ช่างมึง!’


..............
............................

Part โฆ


เป็นเหมือนผมเลยใช่ไหม? เข้าใจอารมณ์ผมใช่ไหม? ค้างไหม? ไม่ต้องทำเป็นซื่อมาถามว่าอะไรค้าง?…ถ้าคุณรู้เรื่องในห้องน้ำนั่น… หน้ามันฟ้องหมดแล้วว่าคุณคิดเรื่องเดียวกับผม สำหรับผม ตรินทร์ หน่ะขี้แกล้ง....สุดๆ ไม่มาเป็นผมไม่รู้หรอก ...
   
…ตอนนี้ผมเหมือนหมาที่โดนเจ้าของเอาเนื้อย่างมาวางตรงหน้า เจ้าของให้มองให้ดมให้กระทั้งเลียเนื้อย่างในมือ....แต่ไม่ให้มากกว่านั้น…อย่าถามนะว่าผมกับ ตรินทร์ ไปถึงขั้นไหน เรื่องแบบนี้ถึงจะเริ่มจาก ตรินทร์ แต่มันก็จบเพราะ ตรินทร์ เหมือนกัน สำหรับผมกับ ตรินทร์ แค่มองตาก็เข้าใจไม่ต้องพูดอะไรมาก...


‘เกมส์กล้วยหอม’


นั้นเป็นเกมส์ที่ผมกับ ตรินทร์ เล่นกันตั้งแต่เด็กๆ จนติดเป็นนิสัย อย่าพูดถ้าไม่จำเป็น... อย่าแสดงท่าทางและสีหน้าเพราะมันพิเศษที่มีแค่เราสองคนเท่านั่นที่รู้ความหมายของกันและกัน... ความลับของพวกเราสองคนสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่บอกว่าพวกเราเข้าใจกันคือการที่ไม่ต้องพูดแต่รู้ได้ว่าอีกคนคิดอะไร ตรินทร์ ติดเกมส์นั้นมากกว่าผม...เลยไม่แปลกที่ ตรินทร์ จะหน้าตาย...ตลอดเวลา แต่เกมส์นั้นมันส่งผลมาถึงเรื่อง SEX ด้วย....

ผลลัพย์แบบลบสุดๆ ตรินทร์ ชอบที่จะเห็นผมที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ชอบที่เห็นผมแสดงสีหน้าแปลกๆ ทำเสียงแปลกๆ ยิ่งได้ยินเสียงผมครางยิ่งทรมานผม...แต่สำหรับตัว ตรินทร์ เอง....อย่าหวัง แค่สีแดงระเรื่อบนหน้าผมยังไม่เคยเห็น ถ้าจะให้ผมอิมเมจถึงเสียงครางของ ตรินทร์..บอกตามตรง....ผมคิดภาพไม่ออก ร่างกายนั้นไม่เคยให้ผมได้แตะหรอก ทั้งๆที่เรื่อง SEX สำหรับสายเลือดของพวกเรามันเป็นเรื่องที่เหนือการควบคุม เรื่องใหญ่ของพวกเรา มีอยู่ 5 เรื่องเรื่อง SEX ก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ ตรินทร์ ข้ามขั้นนั้นไปแล้ว เรื่อง SEX ตรินทร์ ห้ามตัวเองได้....แต่กับผมไม่ไม่ใช่เรื่องดีหรอกนะ พวกคุณรู้ใช่ไหมหล่ะ หลังออกมาจากห้องน้ำอย่าถามว่าผมโดนทรมานยังไงบ้างคิดแล้วมันเจ็บใจตัวเองที่โดน ตรินทร์ ปั่นหัวได้ตลอดเวลา แต่ผมเองกับทำอะไร ตรินทร์ไม่ได้ …

 “อย่ามาแตะ...”

แค่ประโยคนั้นผมก็จบแล้ว จะบอกว่าผมกลัวก็ได้นะ คุณคงไม่เคยเห็นตอน ตรินทร์ โกรธ...อย่าเห็นเลยดีที่สุด ถ้าพูดว่าอย่าคืออย่า...นั่นคือ ตรินทร์ ไอ้ทฤษฎี เรื่อง SEX คำว่า

‘ อย่า ’ คือ ‘ อย่าหยุด ’ คำว่า ‘ ไม่ ’ คือ ‘ไม่ต้องสนใจทำต่อไป’

สำหรับตรินทร์มันใช้ไม่ได้.....

แต่ไม่เป็นไร...ถึงวันนี้ผมจะยอมยกธง …แต่สักวันหนึ่งเถอะผมจะข้ามมันไปให้ได้ เชียร์ผมด้วยนะ คุณๆทั้งหลาย ถ้าผมไม่ทรมานจนตายด้านไปซะก่อน
 
..............
............................

Part ตรินทร์


...ผม ข่มความรู้สึกตัวเองไว้จนแทบคลั่ง ไอ้โฆ มันกล้าขึ้น...

..กล้ากว่าเดิมเยอะมาก ปกติแล้วถ้าผมบอกว่า “หยุด” คือหยุด แต่ไอ้หมาเจ้าเล่ห์มันยังเนียนเลียหน้าเลียตาผมอีก ถึงมันจะหงอกับผม แต่จากขนาดร่างกายมันได้เปรียบผมเยอะอยู่ถ้าจะให้พูดตามตรงแค่มันรวบมือผมไว้สองข้างผมก็ขืนมันไม่ได้แล้ว ... แต่หมาอย่างมัน กล้ากับเจ้าของอย่างผมหรอ?

...ถึงจะว่าอย่างนั้น แต่กว่าจะออกมาจากห้องน้ำได้...ตัวแทบเปื่อย เพลียก็เพลียง่วงก็ง่วง แต่พอจะนอนไอ้ลูกหมามันดันอ้อนทั้งคืน มือไม้มันอยู่ไม่สุขจนเช้า เล่นเอาผมไม่ได้นอน พอเคลิ้มๆจะหลับมันก็เอาหล่ะ กอดมั่ง หอมแก้มมั่ง ลูบมั่ง ดึงไปซบอกมันมั่ง เรียกชื่อให้ขานรับมั่ง...

...คือง่วงเข้าใจไหมง่วง ? มึงชิวๆนิเมาตีนหลับมาตลอดทางแต่กูขับรถจากชะอำมากรุงเทพฯแบบเบลอๆถึงบ้านได้ก็บุญแล้ว กูไม่ได้ทวงบุญคุณนะ แต่ถ้ามึงเห็นใจปล่อยกูเถอะกูอยากนอน....แม่ง!จะล้วงทำบ้าอะไร! มันเกิดอะไรขึ้นเนี้ย!ใครพามันไปอัพเลเวลเนี้ย!

โอ๊ย!ง่วงงงง…...................โผล่หัวไปดูนาฬิกาปลุก 7.44 น. ....ผมยังไม่ได้หลับ...

ไอ้ลูกหมาตอนนี้มันกำลังเคลิ้มๆแล้ว วงแขนที่กอดผมอยู่ค่อยๆคลายแรงออก เหอะๆๆมันจะหลับแล้ว แม่งกว่าจะหลับได้........ไม่ยอมปล่อยกูสักที

“ตรินทร์...”

เสือกเรียกอีก...

“ตรินทร์.....ตรินทร์...”

มึงจะเรียกทำไม? นี้กะไม่ให้กูนอนใช่ไหม? มึงแกล้งกูใช่ไหม? เอาคืนเรื่องในห้องน้ำหรอ? กล้านะมึง...สัดง่วงชิบ ไม่ไหวละ ช่างแม่งละจะล้วงจะควักอะไรช่างแม่งละ กูไม่ไหวแล้วขอไปเฝ้าพระอินทร์ก่อนแล้วกัน.....

“ตรินทร์...ตรินทร์..อย่าหลับ อย่าหลับ...”

พอรู้สึกว่าผมนิ่งไป เสียงไอ้โฆก็ละเมอมาเลย ผมปล่อยละบอกตามตรงไม่ไหวจริงๆ

“ตรินทร์!”

ผมสะดุ้งครับ!อยู่ๆไอ้โฆก็ตะโกนเรียกแล้วเขย่าตัวผม! เหมือนเรื่องคอขาดบาดตายถ้าผมหลับ อารมณ์ตอนนั้นเงื้อหมัดแล้วครับกะถ้ามันยังงี่เง้าอีกกะจะชกมันให้สงบแล้วค่อยนอน

“ขอร้องอย่าหลับนะ ตรินทร์ อย่าหลับนะ อย่าหลับ...”

...มันร้องไห้...ไอ้โฆมันร้องไห้ ร้องแบบเป็นวรรคเป็นเวรแล้วโถมตัวเข้ามากอดผม.....ปากก็พร่ำบอกว่าไม่ยอมให้ผมหลับ

…คือ...

ตอนนี้ผมฝันใช่ไหม?

…ความจริงคือผมหลับอยู่แล้วกำลังฝันว่ามันไม่ให้ผมหลับใช่ไหม? หรือผมเทคยากล่อมประสาทมากไป...คงต้องให้หมอลดยาลงแล้วมั้ง แต่ฝันเชี่ยอะไร? ทำไมในฝันมันถึงง่วงอย่างนี้อะ? ไม่ไหวแล้วหลับในฝันได้ไหม?...แต่ถ้าหลับไอ้โฆมันก็จะร้องไห้นะ

...
..............

.
.
.

ก็รู้...แต่กูง่วง!





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2013 01:33:21 โดย Zitraphat »

ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
บทที่ 22  It’s me?   ไม่ใช่กูหล่ะ!
Part ตรินทร์



โอ๊ย!ง่วง!ง่วง!ง่วง!

จะหลับก็ห่วงมัน… จะตื่นก็ไม่ไหวจะเคลียร์กับตัวเอง แต่ก่อนตาจะปิดเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นกระชากโสต เสียงโทรศัพท์กูไหงมันฮาร์ทคอ ขนาดนั้น? ไอ้โฆเป็นคนรับ แล้วคุยกับคนในสาย อย่าถามว่าคุยอะไรกัน? สติผมไม่มี ไม่รับรู้อะไรจริงๆ รู้แค่รำคาญเสียงโทรศัพท์ หงุดหงิดโคตร....

..............
............................

สรุปจน 8 โมงครึ่งผมก็ไม่ได้นอน....

ไอ้โฆมันก็ไม่ยอมหลับแถมยังเฝ้าผมตลอดไม่ให้ผมหลับ...แกล้งกูใช่ไหม? แทบจะคลานเข้าห้องน้ำสารภาพเลยว่าถ้าเข้าห้องน้ำจะเข้าไปหลับ แต่ไอ้โฆมันดันตามเข้าไปในห้องน้ำด้วย.....แถมอาบน้ำให้ผมอีก อารมณ์ไม่มีครับถึงจะตอนเช้าก็เถอะ แม่ง! โคตรง่วงเลยเบลอโคตรๆ จนน้ำเย็นๆเทรดลงมาบนหัวผมนั้นหล่ะถึงตาสว่าง สาดดดดดด! ใครสอนมันให้กล้าอย่างนี้! อย่าให้กูรู้นะ ...แล้วเดี๋ยวมึงจะใส่ชุดนักศึกษาทำไม? กูขอนอนก่อนได้ไหม? กูไม่ไหวแล้วจริงๆ

…ละ...ละ.....ลากกูอีกแล้ว… กูไม่เปลี่ยนชุด… ไม่ไปมหาลัย… ไม่เอาจะนอน....

..............
............................

 “ตรินทร์....ตรินทร์”

ยังจะเรียกกูอีก....


ครั้งแรกที่ผมแพ้.......ไอ้โฆมันจับผมอาบน้ำแต่งตัว… ลากขึ้นแท็กซี่มามหาลัยจนได้

..............
............................

...สะลึมสะลือ...เดินขึ้นตึกมาเจอพวกไอ้เรด… หน้าตาบวมกันทุกคนเลย… ตลกนะ… แต่กูไม่มีอารมณ์สมเพทหรือซ้ำเติม (ปกติคุณชายเคยมีอารมณ์หรอ?:คนเขียน) โคตรง่วง...พอเห็นผมเท่านั้นหล่ะไอ้กร้าร้องไห้โฮ เลยทีเดียว

“ตรินทร์! มึงยังไม่ตาย! ...มึงยังไม่ตาย!..”

ไอ้แป้นเข้ามากอดผม ร้องไห้ไปกอดไปแถมยังมาเช็ดหน้าที่เสื้อผมอีก คือน้ำมูกน้ำตามึงเลอะเสื้อกู… กูยังไม่ตายแต่ถ้ามึงไม่ปล่อยกูเดี๋ยวมึงจะตาย...

“ไอ้เรด...ไอ้ตรินทร์ ! ไอ้ตรินทร์ ตัวเป็นๆ!”

ไอ้แป้นกอดผมไว้แน่นแล้วหันไปบอกไอ้เรดที่ตาแดงๆ ซ้ำยังตาบวมเหมือนร้องไห้มาทั้งคืน แต่สภาพกูไม่รับรู้อะไรแล้ว… ถ้ากูมีสติมากกว่านี้พวกมึงโดนชกแน่โทษฐานมาแตะต้องตัวกู ..แต่ตอนนี้กูเบลอขั้นเทพแล้ว กูนิ่งแล้วไม่ไหวจริงๆ กำลังจะเข้าไปนั่ง

แรงกอดขนาด 400 ตันก็โถมเข้ามา! เล่นเอากูตื่นเลย !

..............
............................


..ไอ้โฆ ตั้งสติได้ก่อน มันกระชากคนที่ก้มกอดผมแน่นจนกระดูกแทบหักให้ออกจากตัวผม แต่ไอ้บ้านั่นมันไม่ยอมปล่อย แรงควายโคตร สัดอะไรเล่นหายง่วงเลย!

“ภินทร์....ภินทร์...”

มันครางเรียกชื่อใครก็ไม่รู้ แต่ดันเสือกมากอดผม นี่มึงเมาใช่ไหม? สัดปล่อยกู! ผมสะบัดมันออกแล้วผลักไปเต็มแรง หันไปเห็นมันเต็มๆ ตัวใหญ่โคตร! แต่ยังไม่ทันทำอะไรไอ้โฆเดินเข้ามาบังผมไว้จากมัน...ส่วนผมได้แต่ยืนนิ่ง ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นตัวจริงของยักษ์! ยักษ์ตัวเป็นๆ!

แววตาสีดำสนิท มองหน้าผมแล้วขมวดคิ้วเข้าหากัน มันเดินตรงเข้ามาจับหน้าผมหันซ้ายหันขวา สีหน้ามันทั้งตกใจทั้งแปลกใจ… ไอ้โฆพยายามจะดึงมือมันให้ปล่อยผมแต่แรงไอ้โฆมันจะไปสู้พวกยักษ์ได้ยังไง...

ผมตั้งสติได้ก็ดึงมือมันออกแล้วพลิกตัวแตะขาฟาดกะให้โดนใบหน้านั่น แต่มันแค่เอามือตั้งการ์ดก็กันผมได้หมด...
ต่างกันเกินไปถ้าจะให้พวกผมสู้กับยักษ์…

“ภินทร์ ไปไหน? มึงเป็น ใคร?...มึงไม่ใช่ ภินทร์?! ไม่ใช่ ภินทร์? ”

ไอ้ยักษ์นั่นเหมือนละเมอออกมา....

มันมองลึกลงไปในตาผมเหมือนค้นหาอะไรบางอย่าง...แต่ขอโทษหวะกูไม่มี ! อาศัยจังหวะนี้ล่ะ ผมฟาดแข้งใส่หน้ามันเต็มๆ !
..............................
.....แต่เหมือนฟาดใส่เสามันนิ่งมาก ก่อนจะก้มหน้าลง ปาดเลือดที่ค่อยๆซึมลงมาตามมุมปาก.....แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

“กร้า....ผมขอคุยด้วยหน่อย....”

ไอ้ยักษ์มันเรียกไอ้กร้าที่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกเพราะเหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วกว่าต่อมรับความรู้สึกของมัน... สักพักมันถึงหันมามองผมทีมองไอ้ยักษ์ที จนสุดท้ายหันไปมองไอ้โฆ ไอ้โฆเลยพยักหน้าให้มันตามไอ้ยักษ์ตัวนั้นไป.....

..............
............................


"มึงไปทำไอ้ตรอมมันทำไม? "

...ไอ้กร้าเงยหน้าถามผมระหว่างกินข้าวหลังจากในกลุ่มเงียบไปนาน...

ไอ้กร้าไปคุยกับไอ้ยักษ์นั่นแล้วเดินกลับมาแค่คนเดียว...กร้ามันเดินมาเรียกไอ้โฆให้ไปคุยกับไอ้ยักษ์ ผมกำลังจะเดินตามไปด้วยแต่ ไอ้เรดดึงมือผมเอาไว้ก่อน ผมถึงได้มองหน้ามันแบบตั้งคำถาม ซึ่งไอ้เรดมันก็คบกับผมมานานอยู่มันรู้ว่าผมต้องการจะรู้อะไร

“อะตรอม… เรียนคณะเดียวกับมึง มึงเองยังไปค้างบ้านมันเลย เวลาไปห้องซ้อมมันก็ไปนั่งเฝ้ามึง”

“ ?! ”

ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง แต่พอหันไปมอง ไอ้แป้นกับไอ้กร้าก็พยักหน้ารับ...พวกมึงแกล้งอำกูใช่ไหมเนี้ย?

“อะตรอมมันคงเสียใจ มันยิ่งไม่ค่อยมีเพื่อน อยู่ๆมึงก็มาทำกับมันแบบนี้ ....กูสงสารมัน”

ไอ้แป้นบ่นงึมงำดูจากสีหน้าแล้วไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้วหล่ะมั้ง แล้วสิ่งที่ผมไม่รู้ก็พรั่งพรูออกมา

เรื่องไอ้คิงส์? เรื่องผมย้ายคณะ!? เรื่องผมทิ้งไอ้โฆ? ผมนี่นะ! ทิ้งไอ้โฆ?  เรื่องจีบหญิง? เรื่องร้องเพลง? บลา บลา บลา...
...และสุดท้ายเรื่องที่ผมย้ายไปอยู่กับไอ้ยักษ์นั่น....สาดดดดดด! อยู่กับยักษ์ตัวเป็นๆอะนะ!?พวกมึงอำกูแหล่ะ!

..............
............................

Part กร้า

..อย่าถามผมนะผมไม่รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น... แต่ที่แน่ๆ ตรินทร์ กลับไปเป็น ไอ้คุณชายตรินทร์ อย่างสมบูรณ์ พูดน้อย ต่อยหนัก...แถมยังติด ไอ้โฆแจ เหมือนเดิม

...แต่จะว่าไปผมชอบ ตรินทร์ ที่อยู่กับ อะตรอม มากกว่านะ ตรินทร์ ที่ยิ้ม ตรินทร์ที่รักษาความกระล่อนได้แบบคงเส้นคงวา มันไม่น่าอึดอัดเท่า ตรินทร์ ในตอนนี้...

...บางที การเป็นคนแปลกหน้าที่คุ้นเคย มันก็ดีกว่าเป็นคนเดิมที่ไม่รู้ใจ...

คุณน่าจะได้เห็นสภาพ อะตรอม เมื่อคืน แล้วยังจะเมื่อเช้าอีก ตอนที่ไอ้แป้นตัดสินใจโทรไปหาไอ้โฆเรื่อง ตรินทร์ แล้วรู้ว่ามันอยู่กับ ตรินทร์ อย่างปลอดภัย พวกเราก็เหมารถกลับกรุงเทพกันเดี๋ยวนั้นเลย ความจริงอะตรอมมันอยากไปหา ตรินทร์ที่บ้านเลยมากกว่า แต่ไอ้เรดยั้งไว้ก่อน เพราะรู้กันดีว่า ที่บ้านหลังนั้น ไม่น่าแวะไปเท่าไหร่...เลยนัดให้มาเจอกันที่มหาลัย คิดว่าอะตรอมจะดีขึ้นถ้ามันเจอ ตรินทร์

..แต่เปล่าเลย ตรินทร์ ตอนนี้ไม่ใช่ตรินทร์ของอะตรอมแล้ว เรื่องนี้พวกผมรับรู้ได้ตั้งแต่ยิ้มให้ตรินทร์แล้วไม่มีรอยยิ้มตอบ...
แต่อะตรอมยังไม่รู้เรื่องเลยโดนหางเลขไปเต็มๆ

ผมไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องของตรินทร์ให้อะตรอมฟังยังไงดีเลยใช้วิธีที่ง่ายที่สุดเรียกไอ้โฆมา...

...แล้วมันก็พูดแค่ประโยคเดียวที่ครอบคลุมทุกอย่าง…

“ตรินทร์ เป็นของกู… ภินทร์ ของมึงไม่มีแล้ว....”

...เกือบจะเกิดมวยขึ้นอีกหลังประโยคนั้น…

แต่อยู่ๆอะตรอมมันก็หันหลังเดินกลับไปที่คณะบริหาร โดยไม่หันมามองพวกเราอีก....

‘ภินทร์ของมึงไม่มีแล้ว’

ชื่อนั้นหมายถึง ไอ้แสบที่ยิ้มเก่งคนนั้นใช่ไหม? ไอ้แสบที่คอยดูแลเทคแคร์พวกเราทั้งเรื่องการกินการเรียนใช่ไหม? จะไม่มีไอ้แสบนั้นแล้วหรอ? สมองกับความทรงจำของ ไอ้ตรินทร์มันกลับมาแล้วงั้นหรือ?

..............
............................

Part อะตรอม


‘เมาให้ตายก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงก็มีอะตรอมคอยดูแลให้ '

ประโยคอ้อนๆ กับสีหน้าเปื้อนยิ้มที่ทำให้ใจอ่อนได้ทุกครั้ง…

มันยังวนเวียนอยู่ในหัว รอยยิ้มกว้างที่ทำเอาผมแทบลืมหายใจ ‘เพื่อนสนิท’ หึ เพื่อนสนิทหรอ? ทั้งๆทีคิดว่าได้เพื่อนที่สนิทที่ดีสุดไว้แล้ว ทั้งๆทีคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่าง ‘คน’ ธรรมดาแล้ว ทั้งๆที่สนิทมากมายขนาดนั้น....

ทุกอย่างมันก็หายไป เพียงข้ามคืน... รู้ไหมเมื่อคืนนี้ผมอยู่ในสภาพไหน? เมื่อคืนนี้ผมแทบบ้าแค่ไหน? เมื่อคืนนี้ผมเสียใจแค่ไหน? ผมผิดใช่ไหม? ที่ดูแล ภินทร์ ไม่ได้....ผมขอโทษ… ขอแค่โอกาสอีกครั้งได้ไหม?

…เคยคิดว่าขอโอกาส ภินทร์ แค่อีกครั้ง...แต่มันคงไม่มีแล้วใช่ไหม? แววตาคู่นั้น ไม่มีผมอยู่ในสายตาแล้วใช่ไหม? ภินทร์ ครับ…
…ผม ขอโทษ… ผม ขอโทษ...

..............
............................


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2013 01:39:34 โดย Zitraphat »

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป
Re: >29 G.Become 21 Boy. ถ้ากล้ารักจะจัดให้!
«ตอบ #28 เมื่อ25-04-2012 13:11:02 »




   มาหลบอยู่หัวข้อนี้เอง มิน่าล่ะถึงมิมีความเคลื่อนไหวในหัวข้อเดิมเลยง่ะ





sunshadow

  • บุคคลทั่วไป
Re: >29 G.Become 21 Boy. ถ้ากล้ารักจะจัดให้!
«ตอบ #29 เมื่อ25-04-2012 13:35:04 »




   ง่า. . . เค้าไม่เคยอ่านบทที่ 3 กะ 4 มาก่อนเลยง่ะ
   หนูพะแพงโดนหม่ำไปแล้วจริงๆด้วย

 

 

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด