ตอนที่ 17 หลังจากการเดินตามเส้นทางที่พี่ชายของคนรักขีดไว้มีแต่จะทำให้เดินถอยหลัง แทนที่จะเดินหน้า วันเสาร์ศรัยก็ไปยืนกดออดยืนรออยู่ที่หน้าห้องของวาด
“นี่คุณ วันนี้วาดมีสอบนะ” นี่คือคำทักทายของเขียน
แต่ศรัยไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก “ครับ แต่งานใหญ่ผมเพิ่งผ่านไป วันนี้ว่างก็เลยมารับวาดไปมหาวิทยาลัย”
“ผมจะไปส่งเอง”
“งั้นก็แสดงว่าวันนี้ ผมไปเดทกับน้องทอได้สินะ” เสียงอ่อนๆ ของคนที่เพิ่งมาถึงทำให้เขียนต้องก้าวออกมาจากห้อง
“คุณ”
ตุ้มเดินผ่านเขียนเข้าไปในห้องใหญ่หน้าตาเฉย “น้องทอคะ วันนี้ไม่มีใครขวางแล้ว เราไปเดินห้าง ดูหนัง หาเค้กอร่อยๆ กินกันดีกว่า”
ทอรุ้งพยักหน้าทันที “ตอนนี้ห้างยังไม่เปิด พี่มาเช้าจัง เข้ามาทานข้าวเช้ากันก่อนดีกว่ามั้ยคะ”
เขียนกอดอกตาขวางมองไล่ตั้งแต่น้องสาวที่ทำหน้าตามีความสุขมากมายที่เห็นตุ้มมาบ้าน ดูก็รู้ว่าไม่ได้ออกไปทางชู้สาวสักนิด พี่สาวกับน้องสาวเห็นๆ แต่มันก็ทำให้หงุดหงิด
แล้วพอมองมาที่น้องชาย คนที่หลบตาพี่ขณะที่เดินผ่านไปโต๊ะกินข้าว ความหงุดหงิดก็ต้องหยุดสนิท
วาดกลัวพี่ก็จริง แต่ไม่ได้กลัวถึงกับไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรเองแบบในละครโทรทัศน์
น้องสาวกับน้องชายเปลี่ยนไปมากมายเมื่อมีคน 2 คนเดินเข้ามาในชีวิต
..แต่ถ้าโมโห เดี๋ยววาดก็จะยิ่งไม่สบายใจ วันนี้น้องสอบอยู่นะเฟร้ย!!!
เขียนเดินไปบอกกับน้องชายคนหัวอ่อนที่สุดแล้วในห้องนี้ “วาดสอบเสร็จก็กลับห้อง ห้ามไถล วันจันทร์แกยังมีสอบอีก”
“ฮะ”
“สอบเสร็จอาทิตย์ถัดไป ผมจะพาลูกน้องไปเที่ยวทะเล เขียนไปด้วยกันสิ” ศรัยชวน
เขียนทำเป็นยกยิ้มมุมปาก “ผมไป แต่วาดอยู่บ้าน”
“โห...คุณพี่ครับ อะไรจะขนาดนั้น” ตุ้มอดไม่ไหวแทรกขึ้นมา “รู้แล้วว่าหวง แต่หวงถึงขนาดทำเป็นแกล้งโง่ ขนาดนี้มันก็เกินไป ศรัยมันจะชวนวาดแต่มันขออนุญาตคุณตามธรรมเนียม มันไม่ได้อยากชวนไปด้วยสักหน่อย”
เขียนกลับรู้สึกสนุกที่จะโต้เถียงด้วย เพราะตั้งแต่วันนั้นแล้ว ตุ้มก็รับสายบ้างไม่รับบ้าง คุยกันแต่ละครั้งไม่เกิน 5 ประโยคตุ้มก็จะตัดสายอ้างว่าต้องทำงานทุกครั้งไป
“แล้วจะให้ผมเอาน้องใส่พานยกให้เพื่อนคุณเลยหรือไง รู้จักแต่งาน เราไม่เห็นรู้อะไรเกี่ยวกับครอบครัวเขาเลยสักนิด คนอยู่ด้วยกัน มันไม่ได้มีแค่ 2 คน เกิดที่บ้านเขาไม่ชอบน้องผมทำไง”
วาดหน้าเจื่อนลงทันที จะมีพ่อแม่สักกี่คนที่ยอมรับเรื่องนี้ได้
ตุ้มหันไปฟาดหลังมือลงที่ต้นแขนของเขียนเสียงดัง “พูดไม่รู้จักคิด น้องสอบแทนที่จะพูดอะไรที่มันดีๆ เกลียดผู้ชายคิดลบ”
ศรัยรีบบอกก่อนที่ตุ้มกับเขียนจะทะเลาะกันต่อ “ผมเคยชวนน้องไปกินข้าวบ้านผมแล้ว แต่น้องยังไม่พร้อม ผมรอได้ เพราะอย่างน้อยบ้านนี้ก็ยอมให้ผมเข้าบ้าน”
“เหอะ” เขียนกระตุกเสียงในลำคอ แต่ก่อนที่จะพูดอะไรออกมาอีก ตุ้มก็รีบโบกมือไล่
“กูว่ามึงพาน้องไปกินข้าวแถวมหาวิทยาลัยดีกว่า อยู่ตรงนี้ เดี๋ยวคุณพี่ชายก็ใส่แต้มลบอะไรเข้าไปอีก”
วาดคว้ากระเป๋าใส่หนังสือเรียนมาสะพาย แต่ยังไม่วายหันไปมองเขียนกับตุ้มที่ทำเหมือนนักชกที่ยืนอยู่คนละมุมของเวที แล้วหันไปมองศรัยที่ส่งสายตาให้พูด
คนที่ไม่ค่อยกล้าพูดอย่างวาด จับสายกระเป๋าไว้แน่น แต่เสียงที่พูดออกมาก็ยังไม่ค่อยจะพ้นคอ จนมีแต่ศรัยที่ยืนอยู่ใกล้ได้ยินอยู่คนเดียว
"ไม่เอาพูดใหม่" ศรัยบอก
"เฮ้ย มีการสอนให้น้องเป็นกบฏหรือมึง" ตุ้มท้วงขึ้นมาก่อนเพราะรู้ทันว่าเพื่อนเลือกที่จะสวมบทร้ายแทนที่จะทำตามที่เขียนบอก ทำให้เขียนกอดอกตาวาง
"แน่มากศรัย"
"ห้ามทะเลาะกัน!" วาดย้ำคำเดิมด้วยเสียงดังลั่นห้อง
ศรัยกับทอรุ้งหัวเราะเสียงดัง
พอน้องเสียงดังแบบที่ไม่ค่อยได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก เขียนก็อึ้ง
"พี่บอกผมเองว่ามีอะไรค่อยๆ คุยกัน พี่ก็...คุยกัน อย่าทะเลาะกันนะ" วาดย้ำอีกทีแล้วรีบไปใส่รองเท้า
ศรัยกับวาดออกไปแล้ว ตุ้มก็หันมาทำตาขวางใส่บ้าง คราวนี้เขียนเป็นฝ่ายหลบตาเดินมาที่โต๊ะอาหารตักข้าวใส่จานวางให้ตรงหน้าตุ้ม
แต่พอตุ้มหยิบช้อน เขียนก็กลับตีมือพยักหน้าไปที่อ่างล้างจาน
ตุ้มทำหน้างอลุกไปล้างมือ แต่พอจะนั่งที่โต๊ะก็เปลี่ยนใจลุกไปเทน้ำใส่แก้วมาวาง
ที่จริงทอรุ้งไม่อยากขัดจังหวะความลื่นไหลแบบเงียบๆ ครั้งนี้ แต่ก็ต้องถามตามมารยาท
"พี่ตุ้มอยากได้ไข่เจียวเพิ่มมั้ยคะ"
"ไม่ค่ะขอบคุณมาก กินกันเถอะ แล้วเที่ยงน้องทออยากกินอะไร สเต๊กมั้ย"
เขียนกินข้าวเช้าด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่มันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
....ทำไมเช้านี้ กูเป็นส่วนเกินตลอดเวลาเลยวะ.....
อาการแบบนี้ของพี่ชายทำไมทอรุ้งจะมองไม่เห็น กินข้าวเสร็จทอรุ้งก็บอกว่าจะเอาขยะไปทิ้ง แต่ในอีกอึดใจถัดมาทอรุ้งก็หน้าตาตื่นกลับมาที่ห้อง
"พี่คะๆ"
เขียนที่กำลังรดน้ำต้นไม้ที่ระเบียง กับตุ้มที่กำลังอยู่หน้าโทรทัศน์ถึงกับรีบเดินมาหา "ใครเป็นอะไร"
ทอรุ้งทำหน้าตาตื่น พยายามเล่าเรื่อง "หนูเอาขยะไปทิ้งช่องที่ฝั่งโน้น ตอนหนูกำลังเดินไปหนูเห็นพี่หมู คนข้างห้องพี่แหม่มน่ะค่ะ เดินเข้าไปในห้องพี่แหม่ม หนูก็รีบวิ่งเอาขยะไปทิ้ง ตอนที่ผ่านไปหนูได้ยินเสียงผู้ชายบอกว่า จะเอาเงิน"
"2 คนนั่นเห็นแกหรือเปล่า" เขียนซักน้องสาว
ทอรุ้งนึกทบทวน "หนูคิดว่าพี่หมูเห็น เพราะเขาหันมามองตอนที่หนูเดินไป แล้วในมือหนูก็มีถุงขยะ เขาต้องรู้ว่าหนูต้องเดินผ่านห้องนั้นเอาขยะไปทิ้งที่ช่องขยะอยู่แล้ว"
ตุ้มลุกขึ้นยืน หันไปมองนาฬิกาที่ผนัง ยังไม่เจ็ดโมงครึ่งก็รีบบอก "อยู่ที่นี่ก่อน เดี๋ยวมา"
"ตุ้ม" เขียนคว้าข้อมือบางไว้ทันที
"ไปห้องพี่ปชา เดี๋ยวมา 2 คนนั่นไม่ใช่ผู้ร้ายมืออาชีพสักหน่อยกลัวอะไรกัน"
ตอนที่ตุ้มเดินไปถึงห้องปชา เสียงทะเลาะกันไม่มีแล้ว แต่ทันทีที่เคาะประตู ปชาที่อยู่ในชุดที่กำลังจะออกไปทำงาน ก็เปิดประตูแล้วรีบดึงมือตุ้มเข้าไปในห้อง
"พวกนั้นทะเลาะกันเรื่องเงิน" ปชาทำหน้าตาตื่นไม่ต่างจากทอรุ้ง
ตุ้มพยักหน้า "เหมือนเจตนาทะเลาะกันให้พี่ กับทุกคนแถวนี้ได้ยินเลยว่ามั้ย"
ปชาคิดตาม "ศรัยมันบอกว่ามีอะไรให้โทรหา แต่วันนี้มันมารับวาดไปมหา’ลัย ใช่มั้ย ไปหรือยัง"
"ไปแล้ว น่าจะกำลังขับรถอยู่ แล้วก่อนนี้ศรัยมันบอกให้พี่ทำอะไรมั่ง"
"มันบอกให้พี่เลี่ยงให้เงินก้อนกับพี่แหม่ม เวลาจะให้ก็ให้แบบ ไปกับพี่แหม่มเวลาเขาไปหาหมอตรวจท้อง แล้วก็ซื้อพวกอาหารเสริมให้ อะไรแบบนั้น แต่ให้เลี่ยงที่จะเข้าไปในห้องตามลำพังแล้วก็หลบหน้าพี่หมู"
ตุ้มยักคิ้ว การให้ปชาทำตัวเป็นคุณพ่อแสนดี ที่แสดงออกชัดเจนว่าสนใจแต่เด็กในท้องไม่ใช่แม่ แบบนี้เป็นแผนที่รัดกุมสำหรับคนปอดๆ แบบพี่ปชามาก เพราะเท่ากับเป็นการเลี่ยงปัญหากับพี่หมูไปโดยปริยาย
"เมื่อกี้ทอเดินเอาขยะมาทิ้ง ตอนที่พี่หมูมาที่ห้องพี่แหม่ม แล้วเขาก็แกล้งทะเลาะกันเสียงดังเพื่อให้ทอได้ยิน ให้พี่ได้ยิน"
เพราะนี่คือช่วงเช้าวันเสาร์ที่ทุกห้องยังมีคนอยู่ในห้อง แม้แต่ปชาที่จะทำงานวันเสาร์ก็จะออกจากห้องพักสายกว่าปกติ
"พี่กำลังจะไปทำงาน เลยละล้าละลัง กะว่าถ้าเงียบเกิน 5 นาทีถึงจะออกไป"
ตอนนี้ความปอดของปชากำลังทำให้ตุ้มพลอยกังวลไปด้วย
"ผมว่าพี่ไปทำงานดีกว่า อย่าอยู่เป็นพยานให้คู่นั้นเลย เกิดมันทะเลาะกันจนจับอีกฝ่ายโยนลงไปอีกคน"
ปชาเหลือบตามองประตู "ตุ้ม ถึงพี่จะปอด แต่เด็กในท้องของพี่แหม่มก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยนะ"
"ผมพูดเล่นน่ะ แต่พี่ควรไปทำงาน"
"ศรัยมันก็พูดอย่างนี้เหมือนตุ้ม ว่า 2 คนนั่นมันจะทำร้ายกันเอง ถึงจะไม่รู้ ไม่เข้าใจ เป็นไอ้โง่ในสายตาของ 2 คนนั่น แต่พี่ไม่อยากให้มีใครตายอีก" ปชาพูดจากใจจริง
"พี่นัดเจอกับพี่แหม่มข้างนอกหรือครับ" ตุ้มบอกขณะที่ดึงมือปชา มาที่หน้าชั้นรองเท้า ส่วนตัวเองเดินไปล็อกประตูระเบียง ดึงปลั๊กไฟในห้อง บังคับให้รีบออกไปทำงาน
ปชาพยักหน้า "เลิกงานนัดเจอกันที่คลีนิกที่ฝากท้องเลย แล้วก็ซื้อของกลับมาที่ห้อง พี่ส่งแค่หน้าห้อง"
ตุ้มคันปากอยากพูดต่อ แต่รีบดันหลังให้ก้าวออกมาจากห้อง เดินมาส่งลงลิฟต์แล้ว กลับมาที่ห้องคุยโทรศัพท์กับศรัย โดยมีเขียนกับทอรุ้งนั่งฟังอยู่ใกล้ๆ
พอวางโทรศัพท์ตุ้มก็หันมาบอกกับทั้ง 2 คน
"ศรัยมันสรุปว่า 2 คนนั้นมีปัญหาเรื่องเงินแล้วก็เจตนาให้ปชาได้ยิน แล้วมันก็ไม่แคร์ถ้าทอจะได้ยิน มันเหมือนกับวันที่พี่มีนตาย ศรัยบอกอย่างนั้น ที่มันอยากให้ทั้งปชากับศรัยได้ยิน แต่ปชามันปอดมันเลยให้ศรัยกลับไปที่ห้องเอาโทรศัพท์มาให้"
"พี่ปชารู้ว่าจะเกิดเรื่องวันนั้นหรือคะ"
"ไม่ใช่ วันนั้นน่ะมันปอดเพราะว่าบรรยากาศคุกรุ่นในห้องนี้ ไม่ได้อยู่เพราะกล้าหาญจะห้ามทัพ แต่เพราะมันปอดจนไม่กล้าลุกจากเก้าอี้แล้วก็ออกไปเอาโทรศัพท์กับศรัย" ตุ้มรีบออกตัว "นี่คือสิ่งที่ผมเห็นนะ ทุกครั้งปชามันเอาแต่หลบอยู่ในห้อง แล้วก็ฟังเสียงนอกห้อง ไม่ว่าจะเกิดเรื่องของใครก็ตามแม้แต่เรื่องของศรัยกับวาด มันก็หลบอยู่ในห้อง อ้างว่าเมาหลับ"
เขียนทำเสียงต่ำๆ "เป็นคำวิจารณ์ที่ร้ายแรงมาก แต่ตรงที่สุด"
ทอรุ้งต้องดึงกลับเข้าเรื่อง "แล้วเราต้องทำยังไงต่อคะ เขาทะเลาะกันเรื่องเงินเพื่อให้พี่ปชาอยากได้ยินทำไม เกิดพี่ปชารู้ว่านั่นไม่ใช่ลูกของเขา เขาก็ไม่ได้เงินน่ะสิ"
3 คนมองหน้ากันแล้วนิ่งเงียบ ต่างคนต่างเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น จน 11 โมงทอรุ้งถึงได้หันมาขานเวลา "พี่ๆ คะ เราจะออกไปข้างนอกกันหรือเปล่า ถ้าไม่ไปหนูจะได้เตรียมมื้อเที่ยง"
"ไปข้างนอกกันเถอะ" เขียนบอกแล้วเดินเข้าห้องนอนไปเปลี่ยนเสื้อ
ทอรุ้งก็แยกเข้าห้องตัวเองไปบ้าง
กินข้าว ดูหนัง เดินเล่น ใช้เวลาจนกระทั่งเย็น กลับมากินข้าวเย็นด้วยกันแถวคอนโดฯ ส่วนศรัยพอวาดสอบภาคเช้าเสร็จและกินข้าวเที่ยงก็กลับมาที่ห้องให้วาดอ่านหนังสือ จนกระทั่งเย็นถึงได้ชวนกันลงไปกินข้าว เจอกับปชาก็เลยดึงไปที่ร้านข้าวด้วยกัน
ปชาเล่าเรื่องคร่าวๆ ให้ศรัยฟังอีกครั้ง
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว "มึงพาพี่แหม่มไปหาหมอครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่"
"เมื่อวานค่ำๆ เลิกงานน่ะ แล้วเขาไปคอยที่หน้าคลีนิก กูมาถึงก็เลยจ่ายเงินตามบิล"
ศรัยเคาะที่หน้าผาก "ทำไมกูคุ้นๆ ว่าคนท้องเขาตรวจกันตอนเช้า เพราะว่าต้องตรวจฉี่ หรือว่าเดี๋ยวนี้เขาตรวจตอนไหนก็ได้วะ"
"มึงคุ้นมาจากไหน"
"คนที่ทำงานน่ะ เขาจะลาไปหาหมอทุกเดือน ก็เลยแซวกันว่า ห้องช่างโมเดลไม่มีผู้หญิงก็จริงแต่ต้องรู้เอาไว้ แต่กูก็จำไม่ได้แม่นเพราะฟังผ่านๆ"
แต่วาดขัดขึ้น "พี่ไม่ได้ดูวันที่ในใบเสร็จหรือฮะ"
ปชาส่ายหน้าทันที วาดพูดต่อ
"ถึงอย่างนั้นก็ไม่น่าเป็นไร เพราะพี่ปชาจ่ายเงินให้เขาตามใบเสร็จ เขาอาจจะหาตอนเช้าวันไหนก็ช่างเขา หรือจะเป็นใบเสร็จเดิมกับเมื่อเดือนก่อน พี่ก็จ่ายตามบิลใช่มั้ยละฮะ"
“ค่าหมอแต่ละครั้งก็ไม่เท่าไหร่หรอกนะ” ปชาบอก “เขาให้ดูยาด้วยนะ กูก็บอกให้ระมัดระวัง ฟังเพลงบ้าง อย่าเครียด เสร็จแล้วก็เดินไปซื้อนมซื้อของกิน กูก็จ่ายเหมือนเดือนก่อน ตามที่มึงบอกไว้”
ศรัยยักคิ้วปชาอาจปอดไปหน่อย แต่ถ้ารู้จักใช้จุดอ่อนนี้ให้เป็นประโยชน์ก็ยังพอมีทางเอาตัวรอดไปได้
“พี่ไม่กลัวพี่แหม่มแล้วหรือฮะ”
ปชาหันมาบอกกับหนุ่มตัวเล็ก “ไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะ แต่ระวังตัวไม่ให้ทำอะไรไม่ดีอีก แล้วยิ่งหลังจากที่พี่มีนตายก็คิดว่ายังไงเขาก็ตัวคนเดียว แต่พอเมื่อเช้าได้ยินเสียงดังก็ อะไรกันวะ มันเงียบไปได้ไม่เท่าไหร่เสียงนี้มาอีกแล้วหรือวะ”
"ไอ้หมูมันอยากให้มึงได้ยินเพื่อที่จะขู่ทั้งมึงและพี่แหม่ม"
ศรัยบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่ก่อนที่ปชาจะถามต่อ ก็มีคนร้องตะโกนว่ามีคนตกตึก
....คอนโดฯ กรีนเฮ้าส์ มีคนตกตึกตายอีกคนแล้ว!!!!!!!...
=========จบตอนที่ 17========
ขอบคุณที่ติดตามครับ พบกันวันพุธนะัครับ
ไจฟ์กับทีครับ
สะ-ปอย ตอนต่อไป (แบบว่ารี 2 หน้าผ่านไปเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าผมไม่ได้สะ-ปอยมาหลายตอนแล้วนี่หว่า)
อันดับ 1 ตอนต่อไปผมไม่ได้ตัดอะไรออกไป มีแต่เขียนเพิ่มๆๆ
อันดับ 2 ถามหาเจ้าของร้านหนังสือ เจ้าของร้านหนังสือก็มา
อันดับ 3 คนที่ร้ายที่สุดในเรื่องคือคนที่หล่นลงมา
สุดท้าย สะ-ปอยนี้ลับสุดยอด ศรัยไม่รีเทิร์นเก๋็ ส่วนเขียนก็จะประสาทแดร๊กกับเพื่อนตุ้มต่อไป รู้แล้วอย่าบอกใครนะ