“ ตามมาทำไม ”ผมถาม
“ ใครตามวะ จะไปโรงอาหารต่างหาก ถอยๆ ” ว่าแล้วมันก็เดินมาผลักอกผมให้หลีกทาง
กวนตีนจริงๆ แม่งเอ้ย ซักวัน ซักวัน !!!
ปิ้ง ป่อง ปอง ป่อง ป่อง ปอง ป้อง ป่อง
อ่า เสียงออดเข้าคาบ 2 ซะที ผมรีบเดินหิ้วกระเป๋าเข้าห้องเรียนด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด
“ ไง โดดไปไหนวะ แต่เช้า ” ไอ้ปิงเข้ามาทักผม
“ ไปหาที่งีบมาหว่ะ แต่ดวงซวยเจอหมาเข้า ” ผมบอกเพื่อนเกลอ
“ ใครวะ ”
“ มึงรู้จักไอ้เต้ยที่อยู่ห้อง 9 ป่าวล่ะ วันก่อนกูไปมองหน้ามันเท่านั้นแหละ
จากนั้นมันก็ตามมารังควานกูตลอดเลย ซวย ”
ปิงหัวเราะ “ เออ เพื่อนกูเองแหละ ”
ได้ยินดังนั้นผมก็ทำหน้าเหวอ
“ อ้อ มึงคบคนแบบนี้เหรอ จะได้รู้ไว้ ” ผมกัด
“ เฮ้ย มันก็ไม่มีอะไรหรอก วันๆก็กวนตีนเค้าไปเรื่อยเปื่อยอะ แต่เนื้อแท้มันเป็นคนดีนะ
เออ กูหมายถึงว่า อย่างน้อยที่สุดอะ น้อยยยย น้อยมั๊กมากกก” ไอ้ปิงเหมือนจะปกป้องเพื่อน
“ เออ ช่างมึงเหอะ แต่กูดูจากการกระทำของมันที่ทำกะกู มากกว่าฟังจากคนอื่นหว่ะ
ว่ามันเป็นคนยังไง ” ผมบอก
“ อ้าว แล้วมึงเห็นกูเป็นคนอื่นเหรอไง ”ไอ้ปิงถามผมอย่างฉุนๆ
“ แหม มึงก็รู้ว่า กูไม่ได้หมายความว่ายังงั้นซะหน่อย มึงอะ เพื่อน LOVE กูเลยนะ ”
ผมค่อนขอด
“ พอเหอะ กูรู้ว่ากูอะ ไม่สำคัญเท่าน้องเมย์ อะไรนั่นของมึงหรอก ไม่ต้องมาชื่นชมให้เปลืองน้ำลาย ”
“ไอ้นี่ พูดเรื่องนี้อีกแล้ว ” ผมว่ามัน แต่พูดยังไม่ทันขาดคำ เจ้าของชื่อก็เดินเข้ามาหาเราทั้งสอง
ไอ้ปิงกระซิบกับผม “ แม่-ง ... ตายยาก แค่พูดชื่อก็มาเลย ไม่ต้องจุดธูปเชิญ ”
“ ไอ้ปิง แกนินทาไรชั้นยะ ” เมย์เดินเข้ามาพูดกับเพื่อนผม
ผมยิ้ม แล้วกำลังจะบอก แต่ไอ้ปิงเอามือมาอุดปากผมไว้ “ ป่าว ไม่ได้นินทาไร
เลยนะเจ๊ ”
“ อ้าว นายก็ไปดิ ช้านมีเรื่องคุยกับโอ้ต ” ว่าแล้วเธอก็ทำท่ากระมิดกระเมี้ยน ซึ่งผมไม่รู้เป็นอะไร
เวลาที่เมย์ชอบพูดยานคาง มันทำให้รู้สึก รู้สึก …..
“ มีอะไรจะคุยกะเราเหรอ ” ผมถาม
“ โอ้ตจะไป English Camp ด้วยกันป่าว เมย์อยากให้โอ้ตไปนะ จะได้ไปเที่ยวด้วยกัน ”
“ อืม ” ผมทำท่าเกาหัว “ ไม่รู้เหมือนกัน ยังไม่ได้คิดอะไรเลยเนี่ย แต่ก็คง ... ”
ผมกำลังจะบอกว่าคงไม่ไป แต่น้องเมย์เค้าส่งสายตารัญจวนใส่ซะก่อน จึงพูดอะไรไม่ออก
“ ก็ ... คงคิดอีกทีนะ ” ผมกระออมกระแอมตอบ
“ ฮู้ย ไปนะโอ้ต เมย์อยากให้โอ้ตไปด้วยจริงๆอะ” เมย์ยังคงอ้อนวอนผม
“ เราว่า ค่อยคุยกันอีกทีดีป่าว เดี๋ยวเราเข้าเรียนไม่ทันนะ วิชาลีลาศด้วย ” ผมบอก
เพราะวันนี้ดูเหมือนจะท่ายาก
“ ก็ได้ๆ แต่สัญญานะว่าจะไป” เมย์รวบรัด (ฆ่า) ตัดตอน
“ อืมๆ” ผมตอบแบบขอไปที พลางเดินจะเข้าห้อง
“ไอ้โอ้ต เร็วๆ จารย์ มาแล้ว” ปิงวิ่งมาบอกผม เมย์ก็เดินมาคล้องแขนผม ตอนนั้นไม่รู้ทำไม
ใจผมก็ไม่อยากให้ปิงมาเห็นภาพผมกะเมย์ควงกันอยู่เลย ผมเลยดันมือเค้าออกไป จนเมย์
ทำหน้าไม่พอใจ
แล้วนี่คาบว่างเหรอ ผมถาม
ก็ป่าว แต่เมย์อยากเห็นโอ้ตเต้นลีลาศ เธอพูดพลางยิ้มเฉ่ง
-ไม่นะ- ผมคิดในใจ
เราว่าไปเรียนเหอะ เราไม่ชอบคนชอบโดดเรียน ผมว่า ไม่ได้นึกถึงตัวเองว่าตอนเช้ากูก็พึ่งกระทำการณ์นั้นมาหยกๆ
เมย์ทำหน้างอยิ่งกว่าเดิม แล้วก็เดินบิดจากผมไป
“ อ้าวทำไมพูดกับเค้าแบบนั้นละ ” ไอ้ปิงถามผม “เด๋วเค้าเสียใจนะ”
“ กู ไม่ชอบ ” ผมหันไปบอกไอ้ปิงด้วยน้ำเสียงโกรธๆ เหมือนกะว่า มึงนี่ไม่เข้าใจความรู้สึกกูเลยนะ
“ เอ้าๆๆๆๆ เข้าแถว จัดแถวเป็นวงกลมนะ ผู้ชายอยู่วงนอก ผู้หญิงอยู่วงใน” เสียงอาจารย์ตะโกนด้วยเสียง
แปดหลอด และด้วยความที่มีผู้ชายมากเกินไป ทำให้ไอ้ปิงต้องไปอยู่วงใน
ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ
หัวเราะเหี้ยไร
ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ ทำไมกูต้องอยู่ข้างในด้วยวะ โอ้ตเปลี่ยนที่กะกูที ”
“ ไม่เอา กูเต้นแบบผู้หญิงไม่เป็นนี่หว่า” ผมว่า “เอาน่า หมดคาบนี้ไป ก็รอดแล้ว” ผมล้อมัน
“ จำไว้นะมึง ” ไอ้ปิงบ่นกระปอดกระแปด แล้วยืนก้มหน้ารับกรรม ...ที่มันล้อผมไว้ตะกี้
“เอ้า ตรงนั้นนะ เข้าที่” จารย์บอก พลางตบมือให้จังหวะเปิดเพลง
(ถ้าอยากฟังเพลงโปรดก๊อปไป url ดังกล่าวไปวางหน้าต่างใหม่นะครับ
www.swn.ac.th/ost.swf )
ปิงมันค่อยๆเลื่อนมือมาแตะไว้ที่บ่า ส่วนผมก็เอามือไปวางไว้ที่เอวมัน ฮ่ะ ฮ่ะ ตลกดี
ก่อนที่เราสองคนเอามือที่ว่างอยู่จับเข้าหากัน สายตาของผมกับปิงก็มาชนกันอย่างช่วยไม่ได้
“ เฮ้ย !! อย่าเกาะกูแบบนั้นปิง” ผมบอกมันพร้อมทำท่าจักกระเดี๋ยม
“ คิดว่าอยากเกาะมึงเหรอไง ” มันว่า พลางพาหมุนตัวนึงรอบ
“ เป็นไง กูเต้นใช้ได้ม่ะ ” มันชมตัวเอง
“ โห มึงเต้นเป็นหญิงได้เก่งมากเลย ” ผมกระซิบใกล้ๆหูมันในระหว่างเต้น
“เด๋วจะโดนใช่น้อย ไอ้โอ้ต” มันว่า ทำหน้าแดง พอดีกับเสียงเพลงหยุดลงพอดี
“ วันนี้เอาไว้แค่นี้ก่อน อาทิตย์หน้าจับคู่กันมาเลยนะ จะสอบแล้ว ” อาจารย์บอก
พวกเราก่อนจะปล่อยหมดคาบ
“ วันนี้ซวยชิบเป๋ง ” ปิงมันบ่นงึมงำ
“ กูนึกว่ามึงจะชอบซะอีก ” ผมแซวมันอารมณ์ครื้นเครง
“ เหม่ มึงทำพูดดี …. เออ ว่าแต่ มึงจะไปแคมป์ป่ะ ”
“ ยังไม่รู้ มันอีกนาน ตั้งเทอมหน้าโน่น ” ผมบอก
* * * * * * * * * * * *
อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านพ้นวิกฤติการณ์ทางการสอบของเทอม 1 ผ่านไปได้อย่าง
หวุดหวิด โดยมีไอ้ปิงได้คะแนนเกือบรั้งท้ายเพื่อน ผมก็ถือโอกาสเตือนมันเป็นครั้งที่
100 กว่าๆ
“ มึงควรจะตั้งใจเรียนให้มากกว่านี้นะเว้ย ” ผมเฝ้าเตือนมันตั้งแต่ก่อนสอบ จนเปิด
เทอมใหม่แล้ว ก็ยังพูดอยู่คำเดิม
“ กูจะพยายาม ” แล้วมันก็พูดประโยคเดิมเหมือนเมื่อเทอมที่แล้วเด๊ะ
สิ่งที่แปลกไปของเทอมนี้ นอกจากอากาศที่หนาวเย็นเร็วกว่าปกติแล้ว ยังมีอาจารย์ปกครอง
คนใหม่เข้ามาคนหนึ่ง ซึ่งจากนี้ไป อาจารย์สุดโหดคนนี้จะทำให้ชีวิตของนักเรียนที่แสนสงบสุข ….
เปลี่ยนไป
“ กูไม่ชอบรองฯปกครองคนใหม่เลยฟระ โอ้ต - -”
“เค้าทำอะไรมึงเหรอ ? ”
“ตั้งแต่เข้ามาก็ออกกฎบ้าบออะไรเยอะแยะ ชอบสั่งโน่นสั่งนี่”
“เค้ามาใช้มึงเหรอไง ? ”
“อะไรวะ โอ้ต … มึงไม่เข้าข้างเลยนี่หว่า” เสียงมันชักฉุน ผมพอจะรู้สาเหตุที่ปิงมันไม่ค่อย
ชอบรองฯคนใหม่ เพราะว่าเค้าจะทำโทษคนมาสายด้วยการให้ใส่เหมือนเสื้อวินมอไซต์ แล้วก็ติด
ป้าย “ผมมาสาย” บำเพ็ญประโยชน์ทั่วโรงเรียนในคาบแรก แล้วไอ้ปิงก็เป็นพวกเจ้าชายสาย
เสมอน่ะซิ …
“มึงก็หัดมาให้เร็วๆซิ จะได้ไม่ต้องใส่เสื้อวิน” ผมพูดขำๆ
“เออ ไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียวหรอก” มันพูดแก้ตัว เพื่อนๆกูนะ ก็บ่นไม่ชอบยายนี่ทุกคนล่ะ
อ๋อ สงสัยเพื่อนแสนดีทีทำแหกกฎโรงเรียนทุกข้ออะไรพวกนี้ป่าว ผมพูดประชดแรงไปนิด
จนดูปิงมันหน้าเจือนไปเล็กน้อย
“ แล้วมันคือเพื่อนพวกไหนหว่า ? ” ผมก็ถึงบางอ้อว่า ตอนที่ผมกำลังว่าเมื่อกี้นี้ พวกไอ้เต้ย
มันเดินมาด้านหลังพอดี แล้วก็คงได้ยินที่ผมพูดนั่นล่ะ แล้วดูท่าทางมันจะรู้ว่าผมกำลังจะว่ามัน
“ ก็พวกมึ - - โอ้ย ” ผมร้อง เพราะไอ้ปิงเอาฝ่าเท้ามาเหยียบเต็มแรง
“ พวกโน้น ” ไอ้ปิงมันทำท่าชี้นกชี้ไม้
“ก็ … แล้วไป ” ไอ้เต้ยบอก แต่สายตามันยังคงแสดงความเคืองอยู่ ผมก็ทำหน้าไม่ค่อยพอใจ
มันนิดหน่อย ก่อนจะพยายามเดินเลี่ยงออกไป แต่ปิงกะไอ้เต้ย มันก็ยังคุยอะไรกันอยู่
“ เฮ้ย ปิง เข้าคาบมานานแล้วนะมึง รีบไปเหอะ เดี๋ยวโดน ” ผมเร่ง
“ เออๆ รอแป้บ กูคุยกับมันก่อน ” แล้วมันก็เดินไป ซุบซิบกันไป ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่า
มันคุยไรกัน แต่ไว้ค่อยถามไอ้ปิงทีหลัง แต่ …
“ เธอ 3 คนตรงนั้นน่ะ ทำไมไม่เข้าห้องเรียน มานี่ซิ ” เสียงอาจารย์ที่ผมไม่ค่อยคุ้นหูนัก
(เพราะไม่ค่อยมีเรื่องอะไรกะแก) แต่เหมือนว่าไอ้เต้ยกับปิงจะรู้จักดี พวกเราหันกลับมาต้นเสียง
เจออาจารย์หญิงคนนึง เจ๊อาจารย์คนใหม่นั่นเอง ซวยแล้วผม
“ พวกเธอรู้มั้ย นี่มันคาบอะไรแล้ว และที่สำคัญที่โรงเรียนนี้ ไม่อนุญาตให้เด็กทั้ง ม.ต้น ม.ปลาย
ออกมาเดินเรี่ยราด โดยเฉพาะตอนเข้าคาบเรียนแล้ว ” เธอพูดต่อไปด้วยเสียงอันแหลมปี้ด จนผมชัก
รู้สึกรำคาญ
ดูเหมือนไอ้เต้ยจะไม่ค่อยสะทกสะท้านเท่าไรกับคำพูดของเจ๊แก ผิดกับผมกะไอ้ปิงที่ยืนก้มหน้านิ่งฟัง
คำเทศนา จนเหมือนว่าจะสะใจแล้ว
“ ถ้าชั้นยังเห็นว่าพวกเธอยังยืนยืนด้อมๆมองๆอะไรในขณะที่คนอื่นเค้าเรียนหนังสือกันอยู่นะ ได้เจอ
กันแน่เสียเวลามากพอแล้ว ไป - - ”
“ ก็ที่เสียเวลาเพราะต้องฟังใครบ่นล่ะ ” เต้ยพูดแทรกขึ้นมาในประโยคสุดท้าย จนผมรู้สึกว่ามันเป็น
การราดน้ำมันบนกองไฟชัดๆ
อาจารย์คนใหม่อี้งไปพักนึง รวมทั้งผมกับปิงด้วย เพราะว่านอกจากเถียงเค้าไปแล้ว ไอ้เต้ยมันยังจ้องหน้า
อาจารย์เค้าแบบท้าทายอีกต่างหาก
แบบนี้มันโยนระเบิดแถมขี้เข้าไปด้วยนี่หว่า ?
“ ไอ้ – ตู๊ดๆ - เมื่อวานสิ่งที่สั่งสอนไปที่ห้องปกครอง คงจะไม่ได้แทรกซึมลงสมองเลยซิ ” อาจารย์
ตะโกนด้วยความโกรธลั่นถนน พลางหันมาทางผมสองคน
“ เธอสองคนไปได้แล้ว - - - ส่วนเธอ ตามไปห้องปกครอง เดี๋ยวนี้ .. ”
พูดเสร็จก็เดินหันหลังเข้าห้องไป
“ มึงไม่น่าพูดแบบนั้นกับเค้า ” ปิงบอกเต้ยที่ยังทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“ โดนแบบนี้ยังทำหน้าแบบนั้นอีกนะ ” ผมพูดลอยๆ แต่ดูท่าทางมันจะสนใจ
“ ทำไมล่ะ กูพูดเรื่องจริงมั้ยล่ะ ถ้าเค้าไม่มัวบ่นยืดอยู่แบบนี้ ก็ได้เข้าเรียนกันแล้ว ”
มันพูดกับไอ้ปิงเสร็จ แล้วก็หันมาทางผม
“ ที่พูดแบบนั้น เป็นห่วงเหรอ ” มันทำหน้าแบบกวนตีนใส่ผมอีก พลางเดินกะหย่อง
กระแหย่งไปที่ตึกเรียน
“ อ้าว ไอ้เต้ย ห้องปกครองอยู่ทางนี้ ” ปิงเตือน
ไอ้เต้ยหันมาทางผมสองคน แล้วเอามือแตะปาก เชิงให้พวกผมเงียบไว้ แล้วจะดีเอง
วันรุ่งขึ้นไม่แปลกที่ผมจะได้ยินเสียงเรียกไอ้เต้ยตามระเบียบ ระหว่างทำกิจกรรมเคารพธงชาติ
และก็เห็นไอ้แสบเดินเข้าไปที่ห้องปกครอง โดยมี อาจารย์ใหม่ เดินยิ้มอย่างมีชัยตามหลังไป
“ กูไม่ชอบขี้หน้าวะ ” ไอ้ปิงบอกกับผม ขณะที่เรากำลังเดินเข้าเรียน
รู้มั้ย ยายป้านั่นเค้าจะยุบชมรมยูโดแล้วด้วย ” ไอ้ปิงทำหน้านิ่ว
“ เอ๋ .. !? ทำไม ”
“ เพราะเค้ารู้ว่าไอ้เต้ย มันเป็นรองฯชมรมอะดิ - - หยุดทำหน้าประหลาดใจแบบนั้นซะ
ทีเถอะ ขอที” ไอ้ปิงบอกผม
“ ไอ้เต้ยเนี่ยนะ” ผมถาม
“ อืมดิ ไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับว่า มีสติปัญญาอย่างเดียวนี่หว่า เค้าดูที่ความสามารถ”
ไอ้ปิงบ่นใส่ผม
“ เหรอ ” ผมว่าอย่างไม่ค่อยใส่ใจเท่าไร “ ยุบก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ”
ไอ้ปิงหันมาหาผมด้วยสีหน้าโกรธๆ “ มึงจำไม่ได้ใช่ม่ะ … กูก็อยู่ชมรมนี้ด้วย (โว้ย) ”
แล้ววันนั้นทั้งวัน มันไม่เข้ามาคุยกับผมอีกเลย …
* * * * * * * * * * * *
“ โอ้ต เนี่ยเค้าให้ไปลงชื่อคนที่จะไปแคมป์กันแล้วนะ ” เมย์เดินมาบอกผม ตั้งแต่ปล่อยแถว
วันนี้เป็นวันแรกที่เปิดให้ลงชื่อไปแคมป์ที่ประจวบฯ
ผมทำสีหน้าอ้ำอึ้งเล็กน้อย แล้วหันไปมองเพื่อนรัก ที่ทำหน้าตาว่า ไปเหอะ
“ ขอเราคิดดูอีกหน่อยได้มั้ย ” ผมว่า สีหน้าแสดงถึงความไม่อยากไปที่สุด
“ ไม่ได้แล้วโอ้ต” เธอแห้วใส่ผม รอนานกว่านี้ เดี๋ยวคนก็เต็มกันพอดี
“ โอ้ตสัญญากับเราไว้แล้วไม่ใช่เหรอ ว่าจะไปด้วย” เธอทำเสียงอ่อน จนผมเห็นว่าไม่มี
ทางเลี่ยง
“ไปก็ไป ” ผมพูดแบบสั่วๆ “ แต่มึงต้องไปกะกูด้วยนะไอ้ปิง” ผมรีบหันไปลากมันมา
ไอ้ปิงทำหน้าตาเหลอหลาชี้มือไปที่หน้ามัน
“ เกี่ยวไรกะกูอะ กูไม่ได้อยาก - - ” ผมรีบเอามือไปอุดปาก พลางบอกเมย์
“ งั้นเมย์ไปใส่ชื่อเรา กะปิงได้เลยนะ ” ผมบอกพร้อมกับกดล็อกคอไอ้ปิง ไม่ให้พูดอะไรไปพลาง
เมย์ดูท่าทางหน้างอนิดหน่อย เพราะเธอคงไม่อยากให้เพื่อนผมไปด้วยเท่าไร แต่ก็ทำตามที่บอก
เมื่อผมยืนยันว่า จะไม่ไปไหนถ้าไอ้ปิงไม่ไปกับผมด้วย
“ มึงก็รู้ว่ากูไม่ค่อยมีตังค์ ” ไอ้ปิงแห้วใส่ผม “แล้วกูต้องอ่านหนังสืออีกนะ ”
“ มึงตอแหลมาก คิดเหรอว่าจะมีใครเชื่อว่ามึงจะอ่านหนังสือ” ผมบ่นกับมัน “ ถ้ากูไปกูก็ต้อง
ไปนอนกะไอ้คนไม่สนิทดิ กูไม่ชอบ”
“ มึงก็นอนคนเดียวดิ เดี๋ยวเมย์มันมุดเข้าเต้นมึง กูขี้เกียจออกไปนอนที่อื่น”
“ มุดป้ามึงดิ ” ผมชักเคืองที่มันล้อผมกับเมย์บ่อยไปแล้ว
“ ไปคราวนี้ กูจะบอกเมย์ว่ากูไม่ได้ชอบเค้า ” ผมบอกด้วยความมาดมั่น
ไอ้ปิงผิวปากเบาๆ แล้วพูดเหมือนกับคำว่า แล้วกูจะคอยดู
เหมือนกับว่าวันเวลาที่ไม่อยากให้มันถึง มันมักถึงก่อนที่เราจะรู้ตัวเสมอ วันก่อนออกเดินทางไป
แคมป์ ผมรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็ก เพราะยังไม่ได้เตรียมข้าวของอะไรเลย ไอ้ปิงซะอีกที่ดูเหมือนจะ
เตรียมพร้อมกว่าผม จนเมื่อผมพูดว่า ยังไม่ได้เตรียมอะไรเลย พร้อมกับถามมันว่าจะเอาอะไรไปดี
มันก็ทำหน้าปั้นยาก พร้อมกับจดอะไร
ขยุกขยุกใส่มือผม ผมตั้งหน้าอ่าน
“ มึงจะให้กูเอาถุงยางไปทำไมวะ ” ผมบอกอย่างเคืองๆ
“ เอากันไปไว้ก่อนไงมึง เผื่อว่ามันจะมีอะไร - - ”
“ มันไม่มีอะไรทั้งนั้นละ ” ผมพูดตัดบท
“ มึงไม่เอาไป แต่กูเอาไปนะ เผื่อฟลุค แล้วไงเจอกันพรุ่งนี้ ”
“ เออ …” ผมว่า
เช้ามืดวันรุ่งขึ้น ผมตื่นนอนด้วยความเพลียจัด อาจเป็นเพราะผมเกือบไม่ได้นอนเลยเมื่อคืน
เพราะมัวแต่กังวลอะไรบ้าบอ ซึ่งเป็นนิสัยผมก่อนจะเดินทางไปไหนเสมอๆ
“แม่ผมไปนะครับ” ผมพูดพลางยกมือไหว้
“ไปไหว้คุณท่านบนเรือนก่อนไปนะโอ้ต ”
“ครับ” ผมรับคำ แล้วก็รีบวิ่งขึ้นไปบนเรือนใหญ่ กว่าจะได้รับการประสาตพรเสร็จก็นานโข
พอมาถึงโรงเรียนปั๊บ ก็ต้องขึ้นเรียนก่อนครับ เพราะว่ารถไฟจะออกตอนเที่ยง ตอนเช้าว่าง ก็เลย
ต้องให้ขึ้นเรียน ทั้งหมดทั้งมวลเป็นคำสั่งการของเจ๊รองฯปกครองนั่นแหละ
ถึงเวลาเที่ยง ก็มีประกาศให้นักเรียนที่จะไปเข้าค่ายลงมาเข้าแถว เพื่อเตรียมตัว เดิน ไปที่สถานีรถไฟ
พูดไม่ผิดหรอกครับ เดินไปจริงๆ หนนี้เราเดินทางโดยรถไฟ เพราะว่ามันสะดวกกว่า แล้วก็ได้
อรรรสด้วยครับ ส่วนสถานีรถไฟกับโรงเรียน ก็ไม่ห่างกันมากมาย ประมาณ กิโล สองกิโล ส่วน
ไอ้ปิงมันโดดคาบเช้า พึ่งเดินหอบของเข้ามาในโรงเรียนกับไอ้เต้ย เพื่อมาเช็คชื่อก่อน
“ นี่ไปแค่ 2 คืนนะ มึงจะย้ายบ้านเหรอ ” ไอ้ปิงแซวผมเมื่อเห็นผมหิ้วของเยอะกว่ามัน
นิดหน่อยเอง
“ ถ้ามึงหนาว ไม่ต้องมาขอผ้าห่มกูเลยนะ ” ผมชักสีหน้า
ตุ๊บบบบบ
มีใครมาตบหลังผมอย่างแรง จนต้องงหันกลับไปกำลังจะซักหมัด
“ดี จะย้ายบ้านไปอยู่ประจวบฯเหรอไง ” ไอ้ – เต้ย – เข้ามาทักผม โอ้ว นี่ผมอุตสาห์มาเที่ยว
ต่างจังหวัดแล้ว
มันยังตามมาราวีไปด้วยเหรอเนี่ย !?
หึหึ มันหัวเราะพอใจในท่าที
รองฯ ก็ไปด้วยนะเฟ้ย มันว่าพลางชี้นิ้วไปที่เด็กนักเรียนที่กำลังแบกสัมภาระมากมายของรองฯ
ปกครองขึ้นรถ (รองฯมีรถของโรงเรียนไปส่งที่สถานี) ก่อนท่านจะก้าวขึ้นบนรถ ก็กล่าวโอวาท
ซักเล็กน้อย
“ หวังว่า พวกเจ้าปัญหาทั้งหลาย คงไม่ก่อเรื่องอะไรให้เสื่อมเสียชื่อเสียงอีกล่ะ ไม่อย่างนั้น …. ”
เธอเว้นช่วงทีนึง
“ จะโทษว่าโหดร้ายไม่ได้นะ ” พูดเสร็จก็หันหลังกลับไป ไอ้เต้ยทำท่าเหมือนจะแกล้งถีบหลัง แต่เมื่อ
ท่านรู้สึกผิดปกติ หันกลับมา ไอ้เต้ยก็กลับไปในท่าเตรียมพร้อมเหมือนเดิมเรียบร้อย
เราใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมงในการเดินไปที่สถานี รวมถึงจัดแถวเพื่อเตรียมรอขบวนรถไฟที่กำลังจะมาถึง
เมื่อเด็กนักเรียนขึ้นรถไฟด้วยความรีบร้อนเป็นที่เรียบร้อย ก็ออกเดินทาง จากอำเภอเมือง ผ่านอำเภอ
ต่างๆของจังหวัด ผ่านชะอำบ้านผม แล้วก็เรื่อยมาจนถึงสถานีหัวหิน … สถานีนี้เอง พวกผมเกือบตกรถไฟ
เพราะรีบสั่งผัดไท แล้วยื่นตัวออกนอกรถขณะเริ่มแล่น
“ เกือบตายแล้วมั้ยกู เพราะความอยากกินแท้ๆ - - ไอ้เต้ย มึงไม่ต้องมาแย่งกูเลย ” ปิงว่าพลาง
ถองไอ้เต้ยไปไกลๆ ผัดไท
สนิทกันจังนะพวกมึงเนี่ย ผมคิดในใจ หูก็ฟังซาวอเบ้าส์ที่เอาด้วย สายตาก็ทำทีมองออกไปทาง
หน้าต่างรถ พอเห็นพวกมันคุยเล่นหัวอะไรกันเฮฮา ก็อดอยากจะร่วมแจมไม่ได้ ถ้าไม่มีไอ้เต้ยล่ะ
ก็ ……
พอมาถึงสถานีนึง ก็มียายคนนึงเดินเข้ามาในตู้ของพวกผม
“ ยายๆ จะไปไหนเหรอครับ ” ผมถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นแกเริ่มกระวนกระวาย
จนเมื่อรู้ว่ายายผู้น่าสงสารขึ้นรถขบวนผิด โชคยังดีที่รถยังไม่ออก เพียงแต่ยังหาตู้ที่จะต้องขึ้น
นั้นไม่เจอ
“ ยาย เดี๋ยวไปกับผมดีกว่า ” เต้ยว่า พลางลุกขึ้นจูงเหมือนหิ้วยายลงจากขบวน
“ เฮ้ย ไอ้เต้ย รถไฟจะออกแล้วนะเว้ย ” ไอ้ปิงเตือน พลางทำหน้าไม่สบายใจ
“ เออ กูไปแป็บเดียว เด๋วมา มึงบอกอาจารย์ด้วยล่ะกัน ” ว่าแล้วก็เดินหายไปเลย
* * * * * * * * * * * *
ปู้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน .......
เสียงหวูดรถไฟร้องออกมา พร้อมกับใจที่กระวนกระวายของผมสองคน (จริงๆก็คือไอ้ปิงคนเดียว)
ถ้ามันกลับมาไม่ทันจะทำยังไง ถ้าอาจารย์รู้เข้า ทั้งๆที่มีกฎไม่ให้นักเรียนลงจากรถไฟ อะไรจะเกิดขึ้น
“ โอ้ต กูว่ากูลงไปตามมันดีกว่า” ปิงมันทนไม่ได้พูดขึ้นมา พร้อมทำท่าจะลง
“ เฮ้ย อย่านะเว้ย “ ผมรีบห้าม “ ถ้าไปอีกคนแล้ว เกิดสวนกันจะว่าไงวะ รออยู่นี่แหละ ”
“ แต่ระ รถ ไฟมันจะออกแล้วนะ “ ปิงบอก “ อย่างน้อย กูว่าไปบอกอาจารย์ก่อนดีป่ะ เผื่อว่า - - ”
“ รู้สึกว่านักเรียนกลุ่มนี้จะก่อเรื่องอีกแล้วซินะ ” เสียงแหลมปี้ดดังขึ้นด้านหลังผม เป็นใครไปไม่ได้
นอกจาก เจ๊รองฯสุดโหด ผมยังอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเค้าชอบมายุ่งกับพวกไอ้เต้ยนัก
“ ไหนว่ามาซิ ใครก่อเรื่องอะไร - - ”
“ ไม่มีใครก่อเรื่องอะไรเลยครับ ” ไอ้ปิงชิงพูดขึ้นก่อน คนอื่นๆที่อยู่ในตู้ก็พยักหน้าเป็นเชิงรู้กัน
สายตาอาจารย์หรี่ลงอย่างเห็นได้ชัด ว่าไม่เชื่อคำพูดของเพื่อนผม พลางกวาดสายตาไปรอบตู้โดยสาร
“ นาย - ติ๊ด - ไม่อยู่ ” เธอพูดเสียงดัง เหมือนจะจ้องจับผิดไอ้เต้ยอยู่ก่อนแล้ว
“ มันไปไหน !? ” อาจารย์ถามย้ำ
พวกเรามองหน้ากันเลิ่กลั่ก ภายในตู้เกิดความตึงเครียดขึ้นทันที
“ เออ มันไปหาเพื่อนตู้อื่นครับ ” ผมบอก
“ไม่ได้แจ้งเหรอว่า ในระหว่างเดินทาง ไม่ให้ใครก็ตามย้ายก้นออกจากตู้ของตัวเอง ” ว่าพลาง
หันมามองผม ซึ่งกำลังจะอ้าปากเถียง “ หรือว่าเธอมีอะไรจะบอก “
“ เออ ... ไม่มีอะไรครับ ” ผมตอบ แต่สายตาผมยังคงจ้องมองเธอด้วยความโกรธ ผม
เชื่อว่าถ้าผมบอกความจริงว่าไอ้เต้ยพาคนแก่ที่พลัดหลงมาขึ้นตู้เราไปส่ง คงไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่
จะไม่ให้อาจารย์ไร้เหตุผลคนนี้ลงโทษมัน
“ แล้วมันไปไหน ” อาจารย์หน้าคางคกยังคงถามย้ำ
“ ก็บอกว่าเค้าไปหาเพื่อนตู้อื่นไง - -” ผมตอบเสียงขุ่น “ - - ครับ”
อาจารย์มองหน้าผมที่ทำเสียงแบบนั้นใส่
“ เธอรู้มั้ยว่าการโกหก เพื่อปกป้องเพื่อนเนี่ย โทษที่ได้รับมันก็มากพอๆกันนะ ” เธอขู่
“ แต่ถ้าไม่ได้ทำ ทำไมผมต้องใส่ใจด้วยล่ะครับ ” ผมตอบ พลางรู้สึกไม่ค่อยเชื่อตัวเองที่กล้า
เถียงอาจารย์ไร้สาระคนนี้
“ ถูกต้องแล้วเพื่อนเอ๋ยยย .. ” เสียงไอ้เต้ยดังขึ้นมา พร้อมกับตัวมันกำลังเดินมาจากตู้ด้านหน้า
“ เห็นไหมครับ อาจารย์ บอกแล้วว่ามันไปตู้อื่นมา ” ไอ้ปิงพูดขึ้นสำทับ
“ ใครให้เธอเดินไปตู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ” เธอถามด้วยอารมณ์ออกจะโกรธๆ เมื่อรู้สึกว่า
ตนเองจนมุม
“ ก็จะขออนุญาตใครละครับ ก็ในตู้ก็มีแต่นักเรียน ไม่มีอาจารย์คุมซะหน่อย ” ไอ้เต้ยบอกเสียงใส
ริมฝีปากอาจารย์กลายเป็นเส้นบางๆ พร้อมกับถามคำถามสุดท้าย
“ แล้วเธอมีธุระจำเป็นอะไรถึงต้อง ฝ่าฝืนคำสั่ง !! ” เธอถามเสียงแหลมปี้ด เหมือนกับต้องการ
เอาความผิดให้ได้
“ ของส่วนตัวครับ ” ไอ้เต้ยตอบหน้ากวนตีน “ ผมคิดว่า อาจารย์คงเข้าใจคำว่า – ส่วนตัว-
นะครับ ”
ริมฝีปากอาจารย์บิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ พร้อมกับความรู้สึกสะใจของนักเรียนที่ได้ยิน
“ แล้วเก็บคำตอบของแก ไปพูดให้หัวหน้าระดับฟังแล้วกัน ” ว่าพลางเดินลงส้น
กลับไป เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเธอสะกดอารมณ์ไว้ไม่อยู่ถึงขั้นเรียกนักเรียนว่า –แก- แต่ความ
รู้สึกสะใจในชัยชนะของพวกเราทำให้ไม่ได้แคร์หยาบคายคำนั้นเท่าไร
“ ยายเป็นไงมั่งไอ้เต้ย ” ปิงถาม
“ ส.บ.ม.ย.ห. กูระดับไหนแล้ว ” ไอ้เต้ยคุยโว
“ แล้วก็ทำให้คนอื่นเกือบเดือดร้อนด้วยนะ ” ผมบอก พลางเดินไปนั่ง
ไอ้เต้ยทำเป็นไม่ได้ยินที่ผมพูด พลางเดินไปคุยกับไอ้ปิง พร้อมกับหันมามองผมเป็นระยะๆ
เป็นอันแน่นอนแล้วว่า สิ่งที่ผมเถียงกับอาจารย์ไปเมื่อครู่นี้ ไอ้เต้ยมันได้ยินมาตลอด
ผมกลับมาคิดว่า กูไม่น่าไปปกป้องกันคนห่าแบบนี้เลย ให้ตายซิ