เรื่องสั้นเรื่องนี้เกิดจาก อารมณ์ชั่ววูบของพิตเองค่ะ
บังเอิญว่ากลับบ้านแล้ว ได้ดูละครจักรๆวงศ์ๆ เข้า
ก็เลยเกิดอยากจะเขียนขึ้นมา
เพิ่งเขียนแนวนี้เป็นครั้งแรก ภาษาและราชาศัพท์ป่วยมาก
แต่อยากลง ฮ่าๆๆ ยังไงก็ช่วยอ่านกันด้วยนะคะ
มีอะไรก็ติได้ ชมได้ เหมือนเดิมค่ะ[/color]
ตอน 1
กัญจานคร เมืองที่อุดมสมบรูณ์ไปด้วยพืชพรรณ บ้านเมืองสงบร่มเย็นไร้สงครามประชาชนอยู่ดีกินดี
ด้วยท้าวกัญจานั้นทรงปกครองบ้านเมืองด้วยทศพิศราชธรรม แลนครน้อยใหญ่ที่อยู่โดยรอบต่างต้องการผูกไมตรีทั้งสิ้น
ขึ้นแปดค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรงพระมเหสีจันทนี ทรงมีพระประสูติกาลองค์รัชทายาแห่งกัญจานคร วันนั้นเองเกิดอาเพศใหญ่หลวง
ฟ้าผ่าทั้งสี่มุมเมือง ลมพายุกรรโชกแรง จนพืชสวนนาไร่วอดวาย พระอาทิตย์มืดมิดราวกับยามรัตติกาล
ท้องฟ้าบังเกิดสีแดงฉานคล้ายย้อมไปด้วยเลือด ท้าวกัญจาร้อนใจเป็นอย่างมากจึงต้องให้โหรทำทายดวงพระชะตาของพระโอรส
“ท่านโหร เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์เยี่ยงนี้ในวันที่ลูกเราเกิด มันเรื่องอันใดกัน”
สุระเสียงร้อนรนอย่างไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อนของเจ้าเหนือหัวทำเอาเหล่าเสนาอำมาตย์ต่างหวั่นวิตกไปตามๆกัน
“ขอเดชะ พระอาญามิพ้นเกล้า เอ่อ คือจากการตรวจดวงพระชะตาพระโอรส เอ่อคือว่า กระหม่อม”
“ท่านโหร จงบอกมาเถิด เรายินดีรับฟัง”
“ตามดวงพระชะตานั้น พระโอรสจักนำความพินาศย่อยยับมาสู่นครกัจญาพระเจ้าค่ะ” โหรหลวงทำนายอย่างกล้าๆกลัวๆ
“จะ เจ้า หมายความว่าเยี่ยงไร” ตรัสถามด้วยสุระเสียงแผ่ว พระเนตรกล้าแกร่งฉายแววแห่งความตระหนกแลหวาดหวั่นยิ่งนัก
“หากต้องการให้บ้านเมืองรอดมีทางเดียวคือ ต้องทรงประหารพระโอรสพระเจ้าค่ะ”
วรองค์สูงของเจ้าเหนือหัวแห่งกัญจานครทรุดลงบนพระแท่นคล้ายกับทรงมิอาจรับได้กับคำทำนายนั้น
แต่พระองค์ย่อมตระหนักดีว่า การปกครองบ้านเมืองนั้นจักเห็นแก่ความสุขส่วนองค์มิได้
“เราจักไปเยี่ยมจันทนีกับลูกของเรา”
วรองค์สูงเสด็จออกจากท้องพระโรงทันที พระองค์ได้ตัดสินพระทัยแน่วแน่แล้วว่าจักต้องเลือกบ้านเมืองมาก่อนสิ่งใด
แม้นว่าการตัดสินพระทัยจักทำให้พระองค์ต้องเจ็บปวดราวกับควักเอาดวงหฤทัยของพระองค์ไปก็ตาม
“เจ้าพี่เพคะ”
“อย่างเพิ่งลุกเลยจันทนี” วรองค์สูงตรัสพลางโอบกอดผู้เป็นดวงหทัยของพระองค์ไว้ราวกับต้องการปลอบโยน
“เรื่องลูกของเราเป็นอย่างไรบ้างเพคะ ” พระมเหสีจันทีตรัสถามพระสวามี
“คือว่า จันทนีเจ้าฟังพี่นะ พี่มิอาจปล่อยให้บ้านเมืองวุ่นวายได้ พี่..”
“เจ้าพี่เลือกที่จะฆ่าลูกหรือเพคะ เขาเป็นลูกของเรานะเพคะ เจ้าพี่พระทัยร้ายเหลือเกิน”
วรองค์บอบบางนั้นดิ้นรนออกจากอ้อมพาหาของผู้เป็นสวามี ก่อนจะดำเนินไปหาลูกน้อยที่ยังมิยอมลืมตาตื่น
โอบกอดแก้วตาดวงใจของพระองค์ไว้แน่น
“จันทนี ฟังพี่นะ มิใช่พี่ไม่รักลูกแต่พี่ก็มิอาจทิ้งประชาชนของพี่ได้ พวกเขาก็ต่างมีครอบครัวมี พ่อ แม่ พี่ น้อง ที่ต้องปกป้องเช่นกัน”
ทรงตรัสอธิบายอย่างใจเย็น ผู้ใดเหล่าจะเข้าใจจิตใจของพระองค์ว่าทรงเจ็บปวดเพียงใด ทรงมิได้ยินดีสักนิดที่ต้องประหัตประหารเลือดเนื้อเชื้อไขของพระองค์เอง
“ไม่ หม่อมฉันไม่ยอม ไม่ยอมเด็ดขาด ไม่ยอม” วรองค์บางนั้นตะโกนราวกับคนเสียสติ
“จันทนีพี่ขอร้อง ส่งลูกมาเถิด”
“เจ้าลองตรองดูเถิด หากเจ้ายังยืนกรานที่จะปกป้องลูกประชาชนจักต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสเพียงใด เจ้าทนเห็นประชาชนต้องทุกข์ทนได้หรือ พี่เชื่อว่าลูกของเราก็คงยินดีหากชีวิตของเขาจักทำให้ประชาชนเป็นสุขได้”
“ฮื่อๆๆๆๆๆๆๆๆ เจ้าพี่เพคะ แม้นลูกของเราจักต้องตายหม่อนฉัน ขอให้พระองค์ทรงประทานชื่อให้ลูกของเราด้วยเถิดเพคะ”
“หากเป็นความต้องการของเจ้าพี่ก็จะตั้งชื่อให้ลูกของเราเอง”
“ท่านอำมาตย์ ประกาศออกไปว่า พระโอรสแห่งกัญจานคร มีนามว่า
“แสงสุรีย์” ”
ตรัสจบทรงอุ้มพระโอรสตัวน้อยไว้แนบพระอุระ ก่อนจะส่งดวงใจของพระองค์ให้อำมาตย์แสงนำไปประหารที่ชายป่า
ร่างของอำมาตย์วัยกลางคน ควบม้าพลางอุ้มหน่อเนื้อแห่งกัญจานครไว้แน่นน้ำตาแห่งความอาดรูไหลมาเป็นสาย
เจ้านายพระองค์น้อยๆที่ยังทรงแบเบาะเยี่ยงนี้หรือจักเป็นกาลีบ้านกาลีเมือง
“แง้ๆๆๆ”
ร่างทารกน้อยส่งเสียงจ้า น้ำตาจากดวงตากลมโตนั้นช่างน่าสงสารจับใจ
แม้นว่าผู้ใดได้เห็นคงมิอาจหักห้ามความโศกเศร้าไว้ได้
พลัน!! เมื่อมาถึงแม่น้ำใหญ่กลับเกิดพายุรุนแรงโหมกระหน่ำโดยไม่มีผู้ใดคาดคิด
อำมาตย์แสงได้แต่ประคองร่างของทารกน้อยไว้ในอ้อมแขนแม้นจักมีคำสั่งประหาร
แต่ความจงรักภักดีที่ยังคงอยู่ทำให้มิอาจปล่อยให้หน่อเนื้อขัตติยะแห่งกัญจานครเป็นอันตรายได้
แต่มนุษย์ธรรมดานั้นหรือจะสามารถต้านแรงแห่งกรรมได้ พลันทารกน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนก็ถูกพายุพัดตกลงไปในแม่น้ำทันที
“พรโอสร!!!” อำมาตย์แสงได้แต่ตะโกนเรียก แต่มิอาจ ลงไปช่วยได้เพราะพายุโหมพัดแรงเหลือเกิน
‘ได้โปรดเถิดเทพยดาทั้งหลาย ได้โปรดจงปกป้องคุ้มครองพระโอรสของข้าด้วยเถิด’
………………………………………………………………………………..
ภายในนครใต้บาดาล ร่างบุรุษผู้สวมอาภรณ์สีเขียวรอบกายเปล่งรัศมีเรืองรอง งดงามราวกับแก้วมณี
ร่างนั้นนั่งสงบนิ่งราวกับมิมีลมหายใจ “กนธีนาคา” นั่งสงบนิ่งเพื่อบำเพ็ญเพียร
จำต้องออกจากการภานาเพราะเสียงบางอย่างที่ตกลงมาใกล้ๆบริเวณถ้ำ
“แง้ๆๆๆ” เสียงร้องไห้ของทารกน้อยดังขึ้นที่หน้าถ้ำ ทำให้ร่างที่อยู่ในถ้ำแห่งนั้นมิอาจทนต่อไปได้
จำต้องใช้นิมิตเพื่อดูความเป็นไปของเจ้าทารกน้อย
“เจ้าเด็กน้อย ช่างน่าสงสารเหลือเกิน มาเถิดต่อไปนี้ข้าจักเลี้ยงเจ้าเองนะแสงสุรีย์” กนธีนาคา เอ่ยก่อนจะอุ้มร่างทารกน้อยเข้าไปในถ้ำ
15 ปีผ่านไป
พระโอรสน้อยแสงสุรีย์เติบโตมาในถ้ำแก้วโกมลภายในนครใต้บาดาล ได้รับการฟูมฟักเลี้ยงดู
แลได้รับการสั่งสอนคาถาอาคม เวทย์มนต์ต่างๆจากกนธีนาคา ผู้ที่แสงสุรีย์เคารพเยี่ยงบิดา
“เสด็จพ่อ ลูกกลับมาแล้ว” วรองค์เล็กของพระโอรสแสงสุรีย์วิ่งเข้ามาภายในถ้ำ
แม้นจักเติบโตได้ 15ชันษาแล้วแต่รูปร่างบอบบางเกินจะเป็นชายของพระโอรสนั้น
ทำให้ผู้เป็นบิดาบุญธรรมอดกังวลมิได้ว่า ร่างเล็กนั้นจักต้องพบกับความทุกข์เช่นตน
“เจ้าออกไปเล่นซนมาอีกแล้วหรือแสงสุรีย์” กนธีนาคากล่าวอย่างอาทร ยิ่งนับวันความรักแลสิเน่ห์หาต่อร่างเล็กๆนี้ยิ่งมากขึ้น
“ลูกมิได้เล่นซนนะเสด็จพ่อ ลูกอออกไปลาดตระเวนกับพี่ต้วมเตี้ยม ขอรับ”
สุรเสียงเล็กเอ่ยกับกนธีนาคา พร้อมกับชี้ไปที่เต่ายักษ์ที่ชื่อต้วมเตี้ยม
“จริงหรือต้วมเตี้ยม” วรองค์บอบบางตรัสถามเต่ายักษ์
“จะ จะ จริงพระเจ้าค่ะ ”
“ครั้งนี้พ่อจักไม่ว่าอันใดเจ้า แต่คราวหน้าเจ้าห้ามออกไปไกลจากถ้ำเกิน 100 เส้น เข้าใจหรือไม่”
“พระเจ้าค่ะ ”
“เจ้าก็กลับไปได้แล้วต้วมเตี้ยม” รับสั่งกับเจ้าเต่ายักษ์เบาๆ ก่อนจะพาลูกน้อยกลับเข้าไปในถ้ำแก้วโกมล
“เสด็จพ่อ พระเจ้าค่ะเหตุใดลูกจึงมิเคยเห็นเสด็จพี่เสด็จออกนอกถ้ำเลยพระเจ้าค่ะ”
วรองค์เล็กตรัสถามพระบิดาบุญธรรมอย่างสงสัย ตั้งแต่แบเบาะจนเจริญวัยได้ 15ชันษา
พระโอรสแสงสุรีย์มิเคยเห็นเสด็จพ่อกนธีนาคาเสด็จออกนอกถ้ำเลย
“พ่อมิอาจออกไปจากถ้ำนี้ได้ดอก แสงสุรีย์ เหตุเพราะพ่อถูกจองจำในถ้ำนี้เป็นเวลา 500ปี ”
“เหตุใดเสด็จพ่อจึงถูกจองจำเล่า แล้วผู้ใดกันที่จองจำเสด็จพ่อ”
“เจ้ายังเด็กนัก แสงสุรีย์เอ๋ย เจ้ามิอาจเข้าใจดอกว่าความผิดของพ่อนั้นร้ายแรงนักการถูกจองจำเพียงเท่านี้เป็นโทษที่แสนเบาบางเหลือเกิน ”
วรองค์บอบบางตรัสบอกพระโอรส แต่สุระเสียงนั้นกลับแผงไปด้วยความเศร้าแลสะเทือนใจยิ่งนัก
เจ้ายังเด็กนักแสงสุรีย์เอ๋ย เจ้าอย่าได้รับรู้เรื่องอัปยศของพ่อเลย หากแม้นว่าเจ้าล่วงรู้ความจริงแล้วนั้น
เจ้าอาจจะเกลียดชังพ่อ นั่นคือสิ่งเดียวที่พ่อมิอาจให้มันเกิดขึ้นได้
“ลูกมิใคร่เข้าใจที่เสด็จพ่อตรัสเลยพระเจ้าค่ะ แต่ไม่ว่าเสด็จพ่อจักต้องโทษด้วยความผิดอันใด ลูกนั้นยังเคารพเสด็จพ่อเสมอพระเจ้าค่ะ”
“ขอบใจเจ้ามากนะ แสงสุรีย์ลูกรัก จำไว้ว่าพ่อรักเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด”
..............................................
เหมือนเดิม ลิงค์เรื่องเก่าค่ะ
คืนข้ามปี
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21167.0ใจฉันเป็นของเธอ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21268.0หมอดูแม่นๆ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27943.0ได้ยินไหมว่ารักเธอ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=28058.0ผู้กองที่รัก
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=28796.0ขอรักคืนใจ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29506.0อาจเป็นรัก & อย่าปีนเกลียว (เบส-นะ ,ทัพ-เป้, ตาร์-พี)
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31148.0ทั้งหมดอ่านไปอ่านมา น่าจะเป็นซีรียส์นะ ฮ่าๆๆ เหมือนจะรู้จักกันหมด
เอิ๊กๆๆๆ ยกเว้น ขอรักคืนใจกับเรื่องนี้เพราะคนละยุคกัน ^^