พิมพ์หน้านี้ - แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: pita ที่ 21-03-2012 03:22:08

หัวข้อ: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 21-03-2012 03:22:08
 :3125:ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง
ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,
ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง
ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก
ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ
กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว
ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง
ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะ
เสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น
คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว
ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย
และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย
เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ
ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ
ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ
โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน1 21/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 21-03-2012 03:28:53
เรื่องสั้นเรื่องนี้เกิดจาก อารมณ์ชั่ววูบของพิตเองค่ะ
บังเอิญว่ากลับบ้านแล้ว ได้ดูละครจักรๆวงศ์ๆ เข้า
ก็เลยเกิดอยากจะเขียนขึ้นมา
เพิ่งเขียนแนวนี้เป็นครั้งแรก ภาษาและราชาศัพท์ป่วยมาก
แต่อยากลง ฮ่าๆๆ ยังไงก็ช่วยอ่านกันด้วยนะคะ
มีอะไรก็ติได้ ชมได้ เหมือนเดิมค่ะ


[/color]

ตอน 1


กัญจานคร เมืองที่อุดมสมบรูณ์ไปด้วยพืชพรรณ บ้านเมืองสงบร่มเย็นไร้สงครามประชาชนอยู่ดีกินดี
ด้วยท้าวกัญจานั้นทรงปกครองบ้านเมืองด้วยทศพิศราชธรรม แลนครน้อยใหญ่ที่อยู่โดยรอบต่างต้องการผูกไมตรีทั้งสิ้น 

ขึ้นแปดค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง

พระมเหสีจันทนี ทรงมีพระประสูติกาลองค์รัชทายาแห่งกัญจานคร วันนั้นเองเกิดอาเพศใหญ่หลวง
 ฟ้าผ่าทั้งสี่มุมเมือง ลมพายุกรรโชกแรง จนพืชสวนนาไร่วอดวาย พระอาทิตย์มืดมิดราวกับยามรัตติกาล
ท้องฟ้าบังเกิดสีแดงฉานคล้ายย้อมไปด้วยเลือด  ท้าวกัญจาร้อนใจเป็นอย่างมากจึงต้องให้โหรทำทายดวงพระชะตาของพระโอรส

“ท่านโหร เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์เยี่ยงนี้ในวันที่ลูกเราเกิด มันเรื่องอันใดกัน”
สุระเสียงร้อนรนอย่างไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อนของเจ้าเหนือหัวทำเอาเหล่าเสนาอำมาตย์ต่างหวั่นวิตกไปตามๆกัน

“ขอเดชะ พระอาญามิพ้นเกล้า เอ่อ คือจากการตรวจดวงพระชะตาพระโอรส เอ่อคือว่า กระหม่อม”

“ท่านโหร จงบอกมาเถิด เรายินดีรับฟัง”

“ตามดวงพระชะตานั้น พระโอรสจักนำความพินาศย่อยยับมาสู่นครกัจญาพระเจ้าค่ะ”
 โหรหลวงทำนายอย่างกล้าๆกลัวๆ

“จะ เจ้า หมายความว่าเยี่ยงไร” ตรัสถามด้วยสุระเสียงแผ่ว พระเนตรกล้าแกร่งฉายแววแห่งความตระหนกแลหวาดหวั่นยิ่งนัก

“หากต้องการให้บ้านเมืองรอดมีทางเดียวคือ ต้องทรงประหารพระโอรสพระเจ้าค่ะ”
วรองค์สูงของเจ้าเหนือหัวแห่งกัญจานครทรุดลงบนพระแท่นคล้ายกับทรงมิอาจรับได้กับคำทำนายนั้น
แต่พระองค์ย่อมตระหนักดีว่า การปกครองบ้านเมืองนั้นจักเห็นแก่ความสุขส่วนองค์มิได้

“เราจักไปเยี่ยมจันทนีกับลูกของเรา”
วรองค์สูงเสด็จออกจากท้องพระโรงทันที พระองค์ได้ตัดสินพระทัยแน่วแน่แล้วว่าจักต้องเลือกบ้านเมืองมาก่อนสิ่งใด
 แม้นว่าการตัดสินพระทัยจักทำให้พระองค์ต้องเจ็บปวดราวกับควักเอาดวงหฤทัยของพระองค์ไปก็ตาม

“เจ้าพี่เพคะ” 

“อย่างเพิ่งลุกเลยจันทนี” วรองค์สูงตรัสพลางโอบกอดผู้เป็นดวงหทัยของพระองค์ไว้ราวกับต้องการปลอบโยน

“เรื่องลูกของเราเป็นอย่างไรบ้างเพคะ ” พระมเหสีจันทีตรัสถามพระสวามี

“คือว่า จันทนีเจ้าฟังพี่นะ พี่มิอาจปล่อยให้บ้านเมืองวุ่นวายได้ พี่..”

“เจ้าพี่เลือกที่จะฆ่าลูกหรือเพคะ เขาเป็นลูกของเรานะเพคะ เจ้าพี่พระทัยร้ายเหลือเกิน”
วรองค์บอบบางนั้นดิ้นรนออกจากอ้อมพาหาของผู้เป็นสวามี ก่อนจะดำเนินไปหาลูกน้อยที่ยังมิยอมลืมตาตื่น
  โอบกอดแก้วตาดวงใจของพระองค์ไว้แน่น

“จันทนี ฟังพี่นะ มิใช่พี่ไม่รักลูกแต่พี่ก็มิอาจทิ้งประชาชนของพี่ได้ พวกเขาก็ต่างมีครอบครัวมี พ่อ แม่ พี่ น้อง ที่ต้องปกป้องเช่นกัน”
ทรงตรัสอธิบายอย่างใจเย็น ผู้ใดเหล่าจะเข้าใจจิตใจของพระองค์ว่าทรงเจ็บปวดเพียงใด ทรงมิได้ยินดีสักนิดที่ต้องประหัตประหารเลือดเนื้อเชื้อไขของพระองค์เอง

“ไม่ หม่อมฉันไม่ยอม ไม่ยอมเด็ดขาด ไม่ยอม” วรองค์บางนั้นตะโกนราวกับคนเสียสติ

“จันทนีพี่ขอร้อง ส่งลูกมาเถิด”

“เจ้าลองตรองดูเถิด หากเจ้ายังยืนกรานที่จะปกป้องลูกประชาชนจักต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสเพียงใด เจ้าทนเห็นประชาชนต้องทุกข์ทนได้หรือ พี่เชื่อว่าลูกของเราก็คงยินดีหากชีวิตของเขาจักทำให้ประชาชนเป็นสุขได้”

“ฮื่อๆๆๆๆๆๆๆๆ เจ้าพี่เพคะ แม้นลูกของเราจักต้องตายหม่อนฉัน ขอให้พระองค์ทรงประทานชื่อให้ลูกของเราด้วยเถิดเพคะ”

“หากเป็นความต้องการของเจ้าพี่ก็จะตั้งชื่อให้ลูกของเราเอง”

“ท่านอำมาตย์ ประกาศออกไปว่า พระโอรสแห่งกัญจานคร มีนามว่า “แสงสุรีย์”
ตรัสจบทรงอุ้มพระโอรสตัวน้อยไว้แนบพระอุระ ก่อนจะส่งดวงใจของพระองค์ให้อำมาตย์แสงนำไปประหารที่ชายป่า

ร่างของอำมาตย์วัยกลางคน ควบม้าพลางอุ้มหน่อเนื้อแห่งกัญจานครไว้แน่นน้ำตาแห่งความอาดรูไหลมาเป็นสาย
เจ้านายพระองค์น้อยๆที่ยังทรงแบเบาะเยี่ยงนี้หรือจักเป็นกาลีบ้านกาลีเมือง

“แง้ๆๆๆ”
ร่างทารกน้อยส่งเสียงจ้า น้ำตาจากดวงตากลมโตนั้นช่างน่าสงสารจับใจ
 แม้นว่าผู้ใดได้เห็นคงมิอาจหักห้ามความโศกเศร้าไว้ได้

พลัน!! เมื่อมาถึงแม่น้ำใหญ่กลับเกิดพายุรุนแรงโหมกระหน่ำโดยไม่มีผู้ใดคาดคิด
อำมาตย์แสงได้แต่ประคองร่างของทารกน้อยไว้ในอ้อมแขนแม้นจักมีคำสั่งประหาร
แต่ความจงรักภักดีที่ยังคงอยู่ทำให้มิอาจปล่อยให้หน่อเนื้อขัตติยะแห่งกัญจานครเป็นอันตรายได้

แต่มนุษย์ธรรมดานั้นหรือจะสามารถต้านแรงแห่งกรรมได้ พลันทารกน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนก็ถูกพายุพัดตกลงไปในแม่น้ำทันที

“พรโอสร!!!” อำมาตย์แสงได้แต่ตะโกนเรียก แต่มิอาจ ลงไปช่วยได้เพราะพายุโหมพัดแรงเหลือเกิน

‘ได้โปรดเถิดเทพยดาทั้งหลาย ได้โปรดจงปกป้องคุ้มครองพระโอรสของข้าด้วยเถิด’

………………………………………………………………………………..


ภายในนครใต้บาดาล ร่างบุรุษผู้สวมอาภรณ์สีเขียวรอบกายเปล่งรัศมีเรืองรอง งดงามราวกับแก้วมณี
 ร่างนั้นนั่งสงบนิ่งราวกับมิมีลมหายใจ   “กนธีนาคา” นั่งสงบนิ่งเพื่อบำเพ็ญเพียร
จำต้องออกจากการภานาเพราะเสียงบางอย่างที่ตกลงมาใกล้ๆบริเวณถ้ำ

“แง้ๆๆๆ” เสียงร้องไห้ของทารกน้อยดังขึ้นที่หน้าถ้ำ ทำให้ร่างที่อยู่ในถ้ำแห่งนั้นมิอาจทนต่อไปได้
 จำต้องใช้นิมิตเพื่อดูความเป็นไปของเจ้าทารกน้อย

“เจ้าเด็กน้อย ช่างน่าสงสารเหลือเกิน มาเถิดต่อไปนี้ข้าจักเลี้ยงเจ้าเองนะแสงสุรีย์” กนธีนาคา เอ่ยก่อนจะอุ้มร่างทารกน้อยเข้าไปในถ้ำ

15 ปีผ่านไป

พระโอรสน้อยแสงสุรีย์เติบโตมาในถ้ำแก้วโกมลภายในนครใต้บาดาล ได้รับการฟูมฟักเลี้ยงดู
 แลได้รับการสั่งสอนคาถาอาคม เวทย์มนต์ต่างๆจากกนธีนาคา ผู้ที่แสงสุรีย์เคารพเยี่ยงบิดา

“เสด็จพ่อ ลูกกลับมาแล้ว” วรองค์เล็กของพระโอรสแสงสุรีย์วิ่งเข้ามาภายในถ้ำ
 แม้นจักเติบโตได้ 15ชันษาแล้วแต่รูปร่างบอบบางเกินจะเป็นชายของพระโอรสนั้น
 ทำให้ผู้เป็นบิดาบุญธรรมอดกังวลมิได้ว่า ร่างเล็กนั้นจักต้องพบกับความทุกข์เช่นตน

“เจ้าออกไปเล่นซนมาอีกแล้วหรือแสงสุรีย์” กนธีนาคากล่าวอย่างอาทร ยิ่งนับวันความรักแลสิเน่ห์หาต่อร่างเล็กๆนี้ยิ่งมากขึ้น

“ลูกมิได้เล่นซนนะเสด็จพ่อ ลูกอออกไปลาดตระเวนกับพี่ต้วมเตี้ยม ขอรับ”
สุรเสียงเล็กเอ่ยกับกนธีนาคา พร้อมกับชี้ไปที่เต่ายักษ์ที่ชื่อต้วมเตี้ยม

“จริงหรือต้วมเตี้ยม” วรองค์บอบบางตรัสถามเต่ายักษ์

“จะ จะ จริงพระเจ้าค่ะ ”

“ครั้งนี้พ่อจักไม่ว่าอันใดเจ้า แต่คราวหน้าเจ้าห้ามออกไปไกลจากถ้ำเกิน 100 เส้น เข้าใจหรือไม่”

“พระเจ้าค่ะ ”

“เจ้าก็กลับไปได้แล้วต้วมเตี้ยม” รับสั่งกับเจ้าเต่ายักษ์เบาๆ ก่อนจะพาลูกน้อยกลับเข้าไปในถ้ำแก้วโกมล

“เสด็จพ่อ พระเจ้าค่ะเหตุใดลูกจึงมิเคยเห็นเสด็จพี่เสด็จออกนอกถ้ำเลยพระเจ้าค่ะ”
 วรองค์เล็กตรัสถามพระบิดาบุญธรรมอย่างสงสัย ตั้งแต่แบเบาะจนเจริญวัยได้ 15ชันษา
พระโอรสแสงสุรีย์มิเคยเห็นเสด็จพ่อกนธีนาคาเสด็จออกนอกถ้ำเลย

“พ่อมิอาจออกไปจากถ้ำนี้ได้ดอก แสงสุรีย์ เหตุเพราะพ่อถูกจองจำในถ้ำนี้เป็นเวลา 500ปี ”

“เหตุใดเสด็จพ่อจึงถูกจองจำเล่า แล้วผู้ใดกันที่จองจำเสด็จพ่อ”

“เจ้ายังเด็กนัก แสงสุรีย์เอ๋ย เจ้ามิอาจเข้าใจดอกว่าความผิดของพ่อนั้นร้ายแรงนักการถูกจองจำเพียงเท่านี้เป็นโทษที่แสนเบาบางเหลือเกิน ”
 วรองค์บอบบางตรัสบอกพระโอรส แต่สุระเสียงนั้นกลับแผงไปด้วยความเศร้าแลสะเทือนใจยิ่งนัก
เจ้ายังเด็กนักแสงสุรีย์เอ๋ย เจ้าอย่าได้รับรู้เรื่องอัปยศของพ่อเลย หากแม้นว่าเจ้าล่วงรู้ความจริงแล้วนั้น
เจ้าอาจจะเกลียดชังพ่อ นั่นคือสิ่งเดียวที่พ่อมิอาจให้มันเกิดขึ้นได้

“ลูกมิใคร่เข้าใจที่เสด็จพ่อตรัสเลยพระเจ้าค่ะ แต่ไม่ว่าเสด็จพ่อจักต้องโทษด้วยความผิดอันใด ลูกนั้นยังเคารพเสด็จพ่อเสมอพระเจ้าค่ะ”

“ขอบใจเจ้ามากนะ แสงสุรีย์ลูกรัก จำไว้ว่าพ่อรักเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด”

..............................................

เหมือนเดิม ลิงค์เรื่องเก่าค่ะ
คืนข้ามปี
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21167.0
ใจฉันเป็นของเธอ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21268.0
หมอดูแม่นๆ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27943.0
ได้ยินไหมว่ารักเธอ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=28058.0
ผู้กองที่รัก
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=28796.0
ขอรักคืนใจ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29506.0
อาจเป็นรัก & อย่าปีนเกลียว (เบส-นะ ,ทัพ-เป้, ตาร์-พี)
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31148.0

ทั้งหมดอ่านไปอ่านมา น่าจะเป็นซีรียส์นะ ฮ่าๆๆ เหมือนจะรู้จักกันหมด
เอิ๊กๆๆๆ ยกเว้น ขอรักคืนใจกับเรื่องนี้เพราะคนละยุคกัน ^^

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน1 21/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: moneza ที่ 21-03-2012 03:40:55
 :กอด1: ชอบแนวจักร์ๆวงศ์ๆสุดๆ รอพระเอกเปิดตัวคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน2 23/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 23-03-2012 18:08:14
ตอน 2

ระหว่างที่พระบิดาบุญธรรมทรงบำเพ็ญเพียรอยู่นั้น วรองค์เล็กของพระโอรสแสงสุรีย์แอบหนีเที่ยวซุกซนในมหานทีเสมอ วันนี้ก็เช่นกัน

“พี่ต้วมเตี้ยมๆ” สุระเสียงเล็ก ร้องเรียกสหายสนิท

“พระเจ้าค่ะ พระโอรส”

“พี่ต้วมเตี้ยมออกไปเที่ยวกับเรานะ เราอยากจะเที่ยวเล่นที่ฝั่งตะวันตก”

“ไม่ได้พระเจ้าค่ะ เป็นตายร้ายดีพี่ต้วมเตี้ยมก็จักมิให้พระองค์เสด็จไป” ร่างใหญ่โตบอก ก่อนจะพาตัวบังปากถ้ำไว้

“ทำไมจักไม่ได้ เราจักไปพี่ห้ามเรามิได้ดอก” วรองค์เล็กหลับตาพลางร่ายคาถาที่ได้ทรงร่ำเรียนจากกนธีนาคา
ครานั้นผืนน้ำพลันปรากฏเป็นร่างงูใหญ่ยาวกว่าร้อยโยชน์เกี่ยวรัดเต่ายักษ์มิให้หลุดหนีไปได้
 เมื่อเห็นว่าเจ้าเต่ายักษ์เพลี่ยงพล้ำแล้ว วรองค์เล็กแสนซุกซนจึงลอบออกจากถ้ำแก้วโกมลมา

“ท้องน้ำฝั่งตะวันตกช่างสวยงามอะไรเช่นนี้”  พระโอรสแสงสุรีย์ ตรัสกับองค์เอง
ด้วยสิ่งที่ประจักษ์แก่สายพระเนตรนั้นช่างงามหาใดเปรียบมิได้
ท้องน้ำใสสะอาด หมู่ปลา แหวกว่ายกันไปมา ลึกลงไปใต้มหานที ปรากฏถ้ำใหญ่ที่มี
 อัญมณีล้อมรอบมิต่างจากสรวงสรรค์ วรองค์เล็กนั้นมิคิดเลยว่าจักมีสิ่งสวยงามเช่นนี้อยู่

“หยุดนะ เจ้ามนุษย์น้อย” เสียงตะหวาดก้องจนวรองค์เล็กแทบมิอาจคุมสติอยู่
ก่อนที่ร่างๆหนึ่งจักปรากฏต่อพระพักตร์ พระเนตรเบิกกว้างราวกับต้องมนต์สะกด
เมื่อร่างยาวสีเขียวนั้นส่งเสียงคำรามลั่น ตาแดงดั่งไฟนั้นช่างน่ากลัวราวกับทะเลเลือด

“เสด็จพ่อช่วยลูกด้วย!!!”

……………………………………………………………

“แสงสุรีย์!!!” วรองค์บางมิอาจทรงนิ่งเฉยอยู่ได้ เมื่อในนิมิตนั้นเห็นลูกน้อยกำลังจักถูกปองร้าย

“ต้วมเตี้ยม” สุระเสียงหวานหากแต่มีแววตื่นตระหนก รับสั่งหาสหายของลูกน้อย

“กระหม่อม อยู่นี้พระเจ้าค่ะ” ร่างของเต่ายักษ์เอ่ยเสียงแผ่ว
 เพราะต้องดิ้นรนออกจากแรงรัดมหาศาลของเจ้างูแปลงที่พระโอรสแสงสุรีย์ทรงเสกไว้

วรองค์บาง หลับพระเนตรก่อนจักบริกรรมคาถา เพียงครู่ร่างของงูยักษ์จึงกลับกลายเป็นน้ำดังเดิม

“แสงสุรีย์เล่าต้วมเตี้ยม” ตรัสถามเสียงสั่น หากลูกน้อยเป็นอันตรายพระองค์จักมีชีวิตอยู่ได้เยี่ยงไร
 แสงสุรีย์คือสิ่งเดียวที่พระองค์มีอยู่ คือแสงสว่างเพียงแสงเดียวที่ทำให้พระองค์ยังอยากพระชนม์ชีพอยู่

“พระโอรส เสด็จไปฝั่งตะวันตกพระเจ้าค่ะ ”

วรองค์บางนั้นแทบสิ้นสติเมื่อได้ยินคำของเต่ายักษ์ เหตุใดเจ้าจึงดื้อเช่นนี้หนอแสงสุรีย์
 ใยเจ้าไม่เชื่อฟังพ่อบ้าง วรองค์บางได้แต่สะอื้นไห้อยู่เพราะมิอาจออกไปช่วยลูกน้อยได้ พระองค์จักทำเช่นใด กัน

“เทพยดาทั้งหลาย หากบุญกุศลใดที่เราได้ทำไว้ในชาตินี้ เราขออุทิศให้แก่แสงสุรีย์ลูกของเรา ขอให้ลูกของเราปลอดภัยด้วยเถิด”
 สุระเสียงหวานเอ่ย





“เจ้าคิดว่าพ่อ จักใจไม้ไส้ระกำ เช่นนั้นเชียวหรือกนธี” สุระเสียงทุ้มตรัสถาม ก่อนที่วรองค์สูงจักดำเนินเข้ามาภายในถ้ำแก้วโกมล

“เสด็จพ่อ” วรองค์บางตรัสทั้งน้ำตา มิเคยคาดคิดเลยว่าจักมีวันนี้ วันที่เสด็จพ่อเสด็จมาหาลูกทรพีด้วยองค์เอง

“เจ้ายังมิได้ตอบคำถามพ่อเลยนะ กนธี” วิรุณปักษ์นาคราช ผู้เป็นใหญ่ในนครใต้บาดาลตรัสกับพระโอรส
 แม้นว่าจักผิดสักเพียงใด คนเป็นพ่อก็มิอาจตัดเป็นตัดตายไปได้ดอก

“ลูก มิบังอาจ”

“นี่เจ้าคงจักเห็นว่าพ่อ ใจร้ายถึงกลับต้องประหัตประหารเด็กตัวเล็กๆเยี่ยงแสงสุรีย์แล้วหรือ”

“ลูก ลูก”

“พอเถิดกนธี  พ่อมิได้อยากให้เจ้ามุสา ” สุระเสียงทุ้มตรัส ก่อนจักจูงมือเล็กๆเข้ามาภายในถ้ำแก้วโกมล

“เสด็จพ่อ!!” วรองค์เล็ก โผเข้าสู้อ้อมพาหาของพระบิดาบุญธรรม ด้วยความหวาดกลัวภยันตราย

“แสงสุรีย์ ปลอดภัยไหมลูก”

“ลูกมิเป็นไรพระเจ้าค่ะ แต่ลูกกลัว นาคตัวใหญ่จักทำร้ายลูก” วรองค์เล็กสะอื้นไห้

“โถ่เอ๋ย ลูกรักของพ่อ”

“แสงสุรีย์ มาหาปู่สิลูก” วรองค์สูงรับสั่งกับพระนัดดา

“เจ้ากลัวอันใดรึแสงสุรีย์ เสด็จปู่รับสั่งลูกได้ยินหรือไม่”

“ลูกกลัวพระเจ้าค่ะ เสด็จปู่เป็นพญานาค เสด็จปู่ เสด็จปู่ จะกินลูกหรือไม่พระเจ้าค่ะ”
สุระเสียงเล็กตรัส กนธีนาคาแลท้าววิรุณปักษ์นาคราชทรงสรวลเบาๆ เจ้าเด็กน้อยเอ๋ย อยู่กับวงศ์นาคามานับ10ปี
แต่กลับหวาดกลัวนาคาถึงเพียงนี้เทียวหรือ

“แสงสุรีย์ ลูกลืมไปแล้วหรือว่าพ่อ ก็เป็นวงศ์นาคา”

“แต่เสด็จพ่อมิเคยทำร้ายลูก”

“มาเถิด แสงสุรีย์ปู่มิทำร้ายเจ้าดอก”

วรองค์เล็ก ค่อยๆดำเนินเข้าใกล้ผู้เป็นเสด็จปู่ก่อนจักโผเข้าสู่อ้อมพาหาแกร่งที่อบอุ่นมิแพ้พระบิดาบุญธรรม

“เด็กคนนี้ น่าเอ็นดูจริงเชียว” สุระเสียงทุ้มรับสั่ง พลางแย้มพระโอษฐ์ ให้กับโอรสแลนัดดา

“ไหนบอกปู่สิ เหตุใดเจ้าจึงกลัวนาค”

“เหตุเพราะนาคานั้น มีตาแดงดั่งเพลิง แลดุดันยิ่งพระเจ้าค่ะ”

“เจ้าจงดูให้ดีเถิด แสงสุรีย์” สุระเสียงทุ้มตรัสก่อนจักคลายอ้อมพาหา หลับพระเนตรลงพลางบริกรรมคาถา
 พลัน ร่างแกร่งนั้นกลับกลายเป็นพญานาค 5 เศียร ลำตัวยาวจนมิอาจคะเนได้
เกร็ดสีทองสุกปลั่งต้องแสงจันทร์นั้นดูสวยราวกับภาพฝัน แม้จักมีดวงตาสีแดงดั่งที่พบเจอ
 หากแต่พระเนตรของท้าววิรุณปักษ์กลับมีแววเยือกเย็นแลน่าเลื่อมใส วรองค์เล็กแย้มพระโอษฐ์พลางสรวลเสียยกใหญ่
 ก่อนร่างเสด็จปู่จักกลับคืนเป็นมนุษย์ดังเดิม

“เจ้ากลัวปู่อยู่หรือไม่ แสงสุรีย์”

“ไม่พระเจ้าค่ะ หลานมิหวาดกลัวเสด็จปู่อีกแล้ว”

“เจ้าอยากนิมิตกลายเป็นนาคาหรือไม่แสงสุรีย์”

“หลานทำได้หรือพระเจ้าค่ะ” สุระเสียงเล็กเจือความซุกซน ตรัสถาม

“แม้นเจ้าจักมิใช่วงศ์นาคา แต่กระนั้นเจ้าก็คือหลานของปู่ ใยจักทำมิได้เล่า”

ท้าววิรุณปักษ์นาคราช ตรัส ก่อนจักประทานสาหร่ายใบเล็กให้แก่พระนัดดา

“นี่คือ ว่านนาคานิมิต เมื่อใดที่เจ้าต้องการจักนิมิตกลายเป็นนาคา จงอมไว้ในปากแลล้วนตั้งจิตนึกถึงปู่จักทำให้เจ้านิมิตกลายเป็นนาคาได้สามราตรี”

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ เสด็จปู่”

“กนธี” ผู้เป็นใหญ่แห่งสายน้ำตรัสเรียกผู้เป็นโอรส

“เจ้าอยู่ที่นี่สุขสบายดีหรือไม่”

“ลูกสบายดีพระเจ้าค่ะ”

“เจ้าเองก็ถูกจองจำที่นี่มาเป็นเวลา 400 ปีเศษแล้ว บัดนี้จักถึงเพลาที่เจ้าจักพ้นโทษเสียที”

“เสด็จพ่อ” วรองค์บางเอ่ย ก่อนจักก้มลงกราบบาทผู้ให้กำเนิด  ด้วยสำนึกในความผิดที่ตนเองได้กระทำ

ท้าววิรุณปักษ์นาคราชผู้เป็นใหญ่ในนครใต้บาดาล เข้าพระทัยดีว่าแม้นจักสามารถป้องกันได้400
 ปีแต่แรงกรรมของกรธีนาคานั้นมากมายเหลือเกิน มิช้าด้วยแรงแห่งกรรมนั้นจักทำลูกรักของพระองค์จักต้องพบกับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส แม้นจักช่วยเพียงใดคงได้เพียงยืดเพลาแห่งกรรมไว้เท่านั้นเพราะมิเคยมีผู้ใด หลบลี้ เส้นทางแห่งกรรมได้
‘กนธีเอ๋ย พ่อมิอาจช่วยเจ้าได้อีกแล้วเพลานี้ หนี้เวรกรรมนั้นได้หวนคืนมาอีกครั้งเจ้ามิอาจหลีกหนีได้อีกแล้วลูกเอ๋ย’




หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน2 23/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: reborn23 ที่ 23-03-2012 20:13:09
ชักอยากให้เป็นเรื่องยาวอะ  อ่านแล้วสนุก
อยากรู้ด้วยเรื่องของ  กนธี  พ่อของ  แสงสุรีย์  ไปทำผิดอะไรไว้
รออ่านต่อ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน2 23/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 24-03-2012 02:27:13
:กอด1: ชอบแนวจักร์ๆวงศ์ๆสุดๆ รอพระเอกเปิดตัวคะ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ยังไงก็รอหน่อยนะคะ เดี๋ยวพระเอก??
จะออแล้ว เย้ๆๆๆ



ชักอยากให้เป็นเรื่องยาวอะ  อ่านแล้วสนุก
อยากรู้ด้วยเรื่องของ  กนธี  พ่อของ  แสงสุรีย์  ไปทำผิดอะไรไว้
รออ่านต่อ

อืมเรื่องนี้ คงเป็นเรื่องสั้น ซ้อนเรื่องสั้นมั้งคะ
อันที่จริงก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะสั้นหรือจะยาว เพราะยังเขียนไม่จบฮ่าๆๆ
ยังไงก็ขอบคุณมากๆนะคะ ที่เข้ามาอ่าน เรื่องนี้คนอ่านน้อนซะจนท้อ
แต่ช่างมันเถอะ ยังไง พิตก็จะลงถึงจะมีคนอ่ายแค่ คนหรือ สองคน ^^


หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน2 23/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: moneza ที่ 24-03-2012 02:43:07
 :กอด1: มาอ่านต่อ

กรรมอะไรหว่า จะร้ายแรงป่าว   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน2 23/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 24-03-2012 03:44:12
คนแต่งอย่าเพิ่งท้อนะคะ
เปิดเรื่องมาก็น่าติดตามแล้ว ดูเหมือนมีปมหลายปมรอการคลี่คลายอยู่
มาต่อนะคะ จะรออ่าน
+1  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน2 23/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: lighter ที่ 27-03-2012 18:43:39
อัพๆๆ ค่ะ ชอบๆๆ แต่งต่อนะค่ะ

อยากอ่านมากๆๆ ชอบแนวนี้สุด ๆ

แต่งเนื้อหาดีนะค่ะ น่าติดตามมาก ๆ + 1 นะค่ะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน2 23/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 27-03-2012 18:57:25
เมื่อวันเสาร์ดูเหมือนกัน ละครแบบนี้
แม่บอกว่าพระเอกตัวเล็กเกิน น่าจะเป็นนางเอกมากกว่า จิ้นเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน2 23/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 30-03-2012 20:23:34
มารอน้า มาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน2 23/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: underscoreONES ที่ 30-03-2012 21:05:53
น่าติดตามมากค่ะ รอตอนต่อไปด้วยคน : )
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน2 23/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: kakashiget ที่ 30-03-2012 21:43:40
 :m24: :m24: มาต่อด่วนสนุมากๆๆๆ  o13 o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน2 23/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: lighter ที่ 31-03-2012 16:14:00
อัพๆๆ มารอนะค่ะ มารอ ๆ

คนเขียนอยู่ไหน

ต่อหน่อยนะ อยากอ่านมากๆ ๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน2 23/3/12
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 01-04-2012 19:10:38
ขอโทษจร้า  :impress3:
ตอนนี้พิต ฝึกงานอยู่ ไม่มีเวลาอัพ
ร้านเน็ตที่หอไม่ให้ เสียบแฟลตไดร์ ด้วยง่ะ
หนูจาทำยังไงดี เนี่ย จะลองๆหาดูร้านที่มันให้ใช้แลตไดร์นะ
ขอโทษ จริงๆ T^T
อยากอัพใจจะขาดรอนๆๆ  :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน2 23/3/12 (ชี้แจง 01/04/12)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 01-04-2012 19:22:22
รอ รอ รอ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน2 23/3/12 (ชี้แจง 01/04/12)
เริ่มหัวข้อโดย: KAME ที่ 01-04-2012 22:51:31
เข้ามาดูทุกวันเลย ยังไม่มาต่อ T^T
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน2 23/3/12 (ชี้แจง 01/04/12)
เริ่มหัวข้อโดย: KAME ที่ 12-04-2012 23:47:13
py'ivvp^j ธูธ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน2 23/3/12 (ชี้แจง 01/04/12)
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 17-04-2012 20:55:11
ตอน 3


เปรี้ยงๆๆ เสียงสายฟ้าจากพระเวทแก่กล้า ดั่งสนั่นไปทั่วพื้นพสุธา เป็นที่หวาดหวั่นแก่ผู้ที่ได้พบเห็นยิ่งนัก
 คงมีเพียง ท้าวราพสูญ ผู้เป็นใหญ่แห่งนครเวหล เท่านั้นที่ทรงแย้มสรวลแลปรีดายิ่ง

“เจ้าช่างเก่งกาจนัก ฤทธิรุทร สมแล้วที่เป็นโอรสแห่งเรา” ตรัสชมผู้เป็นโอรส

“ลูกยังห่างไกลเสด็จพ่อนัก พระเจ้าค่ะ”
สุรเสียงทุ้มตรัส อย่างถ่อมตน พระโอรสฤทธิรุทร เป็นพระโอรสพระองค์โตแห่งนครเวหล
แม้นจักมีพระชนมายุเพียง 20 ชันษาแต่กลับมีฝีมือด้านการรบเยี่ยมกว่าผู้ใด
ร่างกายกำยำสมชายชาตรีพระเนตรคมวาวแผงไปด้วยอำนาจ แลเป็นหน่อเนื้อวงษ์ยักษาด้วยแล้ว
ยิ่งเพิ่มความยำเกรงจนแม้เทพยาดายังมิกล้าต่อกร

“ฮ่าๆๆ พ่อภูมิใจในตัวเจ้านัก ฤทธิรุทร”
ผู้เป็นใหญ่แห่งวงศ์ยักษาตรัส ก่อนจักเสด็จกลับพระตำหนักเหลือเพียงวรองค์สูงที่ยังคงฝึกอาคมมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย

“พระโอรสพระเจ้าค่ะ ทรงพักบ้างเถิดพระเจ้าค่ะ”
ร่างหนากล่าวเพราะตนเองนั้นอยู่ในอุทยานมานานโขแล้วแต่พระโอรสก็ยังไม่เสด็จกลับพระตำหนักเสียที

“ไม่ได้ดอกพี่ไวย แม้นตัวเราจักเก่งกาจเพียงใดถ้าไม่หมั่นฝึกฝนสักวันอาจพลาดพลั้งได้”

“พระโอรสพระเจ้าค่ะ ข้าพระองค์ว่าพระโอรสทรงไปเที่ยวเล่นบ้างเถอะพระเจ้าค่ะ อย่าทรงหักโหมเลยข้าพระองค์เป็นห่วง”

หน่อเนื้อแห่งพระยายักษ์สรวลเบาๆอย่างรู้ทัน ว่าคนสนิทของพระองค์นั้นต้องการที่จะไปเที่ยวเล่นเองเสียมากกว่า

“พี่อยากไปที่ใดเล่า”

“เมืองมนุษย์พระเจ้าค่ะ” ร่างหนาทูล ก่อนจักลอบยิ้มน้อยๆ 

“เอาเถิด ครานี้เราจักตามใจพี่สักครั้ง พรุ่งนี้เช้าเราจักพาพี่ไปเที่ยวเมืองมนุษย์ดีหรือไม่”

“เป็นพระมาหากรุณายิ่งแล้วพระเจ้าค่ะ”
วรองค์สูงแย้มสรวลกับท่าทางตื่นเต้นของคนสนิท แต่ผู้ใดเล่าจักรู้ว่ากงล้อแห่งโชคชะตาได้หมุนมาบรรจบอีกเพลาแล้ว
 แม้นจักหลีกหนีเพียงใด ก็มิอาจต้านทานอำนาจแห่งพรหมได้


…………………………………………..


“พี่ต้วมเตี้ยมๆ ตื่นได้แล้ว” วรองค์เล็กปลุกเจ้ายักษ์ตัวโต เบาๆ

“อืม” เจ้าเต่ายักษ์ ครางอือ อย่างขัดใจแต่ก็มิยอมตื่นจากนิทรารมย์

“พี่ต้วมเตี้ยมื่นเดี๋ยวนี้!!!” สุรเสียงเล็กยังคงตะโกนปลุกเจ้ายักษ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ถ้าพี่ไม่ตื่นเราจัดเสกอสรพิษรัดพี่เหมือนกาลก่อนดีหรือไม่”

“จ๊ากกกกกกกก พระโอรส ตื่นแล้วพระเจ้าค่ะ ตื่นแล้วๆๆ”

“พระโอรสมีพระประสงค์อันใดพะเจ้าค่ะ” เจ้าเต่ายักษ์ผงกหัวขึ้นถามผู้เป็นนาย

“เราอยากไปเที่ยว” วรองค์เล็กตรัสอย่างรื่นรมย์

“เอ๋ ที่ใดพระเจ้าค่ะ พระองค์จักไปฝั่งตะวันตกอีกหรือพระเจ้าค่ะ”

“มิใช่ดอกพี่ เราจักขึ้นไปเที่ยวบนเมืองมนุษย์”

“เมืองมนุษย์!!!” เจ้าเต่ายักษ์แทบสิ้นสติ เมื่อได้ยินนายเหนือหัวตรัส

“ไม่ได้เด็ดขาดพระเจ้าค่ะ หากเสด็จพ่อแลเสด็จปู่ทรงรู้เข้า พี่ต้วมเตี้ยมตายแน่พระเจ้าค่ะ”

“เราไม่พูด พี่ไม่พูดก็มิมีผู้ใดล่วงรู้ดอก ไม่ว่าอย่างไรวันนี้เราจักขึ้นไปเมืองมนุษย์ให้จงได้”

ด้วยแรงกรรมแลโชคชะตา นำพาทั้งให้พระโอรสแสงสุรีย์มิอาจฟังคำทัดทานใดๆ
วรองค์เล็กที่แสนดื้อดึงนั้นจักรู้หรือไม่ว่าการเที่ยวเล่นซนครั้งนี้จักนำพาให้พระองค์เข้าสู่บ่วงกรรม



“โอ้โห พี่ต้วมเตี้ยมเมืองมนุษย์เป็นเช่นนี้เองหรือ” วรองค์เล็กตรัสด้วย สุรเสียงรื่นเริง

“อย่าวิ่งนะพระเจ้าค่ะ” เต่ายักษ์ที่บัดนี้อยู่ในร่างของบุรุษหนุ่มรูปร่างอ้วนกลมกล่าว

“พี่ต้วมเตี้ยมเราสั่งแล้วมิใช่รึว่าให้พูดกับเราอย่างสามัญชน”

“พระ เอ่อ ขอรับ”

วรองค์เล็กเที่ยวเล่นซุกซนอย่างสนุกสนานแม้จักเกิดมาในวงศ์วานของมนุษย์แต่กลับเติบโต
ในนครใต้บาดาลทำให้พระโอรสแสงสุรีย์มิเคยมีโอกาสสักครั้งที่จักได้พูดคุยกับมนุษย์

“อย่าวิ่งขอรับ” ร่างอ้วนตะโกนพลางหอบร่างอุ้ยอ้ายวิ่งตามเจ้านายพระองค์น้อย
 แต่อนิจจาเจ้าร่างอ้วน ฤ จัก ตามวรองค์องค์เล็กที่แสนซุกซนทันไม่กี่เพลาวรวงค์เล็กก็คลาดกับเจ้าเต่ายักษ์

“แย่แน่ๆ เจ้าต้วมเตี้ยมเอ๋ย พระโอรสอยู่ที่ใดพระเจ้าค่ะ อย่าทรงแกล้งพี่เลย ออกมาเถิดพระเจ้าค่ะ”
 ร่างอ้วนพลางตะโกนพลางวิ่งเพื่อออกตามหาเจ้านายองค์น้อยให้เจอก่อนเพลาค่ำ
หาไม่แล้วชีวิตที่อยู่มาเกือบ500 ปีของต้วมเตี้ยมคงมีอันเป็นไป ร่างอ้วนร่ำไห้ในใจ

“คิกๆๆ” วรองค์เล็กสรวลเบาๆก่อนจัก ดำเนินออกจากที่ซ่อน

“เราขอโทษนะพี่ต้วมเตี้ยมแต่เราอยากเที่ยวเล่นโดยมิมีผู้ใดตามเราบ้าง”

ตลาดของมนุษย์ช่างแตกต่างจากนครใต้บาดาลจนวรองค์เล็กเพลิดเพลิน
ผู้คนเดินไปมาควักไขว่ สินค้ามีมากมายจนมิอาจนับได้ทั้งสินค้าแปลกๆใหม่ๆจากแดนไกลก็มีขายมิได้ขาด
วรวงค์เล็กทอดพระเนตรการสินค้าแลผู้คนจนล่วงเลยเวลาไปมากโข กว่าจักรู้สึกพระองค์รอบข้างก็มือมิดเสียแล้ว

“แย่แล้ว ” ตรัสกับองค์เองก่อนจักออกตามหาพระพี่เลี้ยง

“โอ้ย!!”

วรองค์เล็กสะดุดล้มแต่กลับมิได้รู้สึกเจ็บพระวรกายส่วนใดเลย   

“เป็นไปได้อย่างไรกัน เหตุใดเราจึงไม่เจ็บอันใดเลย”

“เจ้าจักเจ็บได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าทับเราอยู่” สุรเสียงทุ้มตรัส เป็นผลให้วรองค์เล็กรู้สึกพระองค์ว่าตนทับคนผู้หนึ่งอยู่

“ขออภัย” วรองค์เล็กตรัส ก่อนจักลอบมองเสี้ยวหน้าคมคายของบุรุษผู้นั้น
หากเพียงสบพระเนตรคมใจดวงน้อยกลับเต้นแรงจนไม่อาจห้ามได้


นี่เราเป็นอันใด ใยต้องใจเต้นแรงกับบุรุษเพศด้วยกันเช่นนี้


“เจ้าเจ็บหรือไม่เจ้าเด็กน้อย” สุระเสียงทุ้มตรัสถามอย่างห่วงใยพระโอรส ฤทธิรุทร
นั้นก็มิอาจเข้าใจพระทัยของพระองค์เช่นกันว่าเหตุใดจึงห่วงใยเจ้าร่างบางนี้นักหนา
 ทั้งๆที่ ร่างนุ่มนิ่มในอ้อมพาหาของพระองค์นั้นป็นบุรุษ

“เรามิใช่เด็กนะ” สุระเสียงหวานตวาดลั่น จนผู้อยู่เบื้องล่างอดที่จะแย้มสรวลมิได้ นี่หรือมิใช่เด็ก

“มิมีผู้ใหญ่ที่ไหน โวยวายเยี่ยงเจ้าหรอกนะเด็กน้อย”

“เจ้ากล้าดีอย่างไรมาว่าเราเป็นเด็กเราอายุ 15 แล้วนะ”

“ฮ่าๆๆ เช่นนั้นหรือ แล้วเจ้าหนุ่มชื่ออันใดหรือ ” วรองค์สูงรับสั่งถาม “เจ้าหนุ่มน้อย”ที่ยังอยู่ในอ้อมพาหาของพระองค์

“เราชื่อแสงสุรีย์ แล้วท่านเล่า” สุรเสียงหวานตรัสถาม
 แม้นพระพักตร์ของวรองค์เล็กนั้นจักมีแววแห่งความถือดีอยู่มากโขแต่กลับมิอาจบดบังความน่ารักของเจ้าร่างบางแม้แต่น้อยทำให้
 วรองค์สูงหลงอยู่ในห้วงความคิดจนไม่ทันตอบคำถามอีกฝ่าย

“เราถามว่าท่านชื่ออะไร”

“อะ เอ่อ เราชื่อ ฤทธิรุทร” สุรเสียงทุ้มตรัส

นี่เราเป็นอันใดไปหนอ  พระโอรสฤทธิรุทรรำพึงกับองค์เอง ตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัยหนุ่มใช่พระองค์จักร้างสตรีข้างกาย
 ด้วยเป็นถึงหน่อเนื้อแห่งเจ้านครเวหล สตรีน้อยใหญ่ในเมืองต่างยอมศิโรราบต่อพระองค์ทั้งสิ้น
แต่กลับมิเคยมีนางใดทำให้พระองค์ปั่นป่วนได้เท่าเจ้าร่างบางนี้เลย

“ท่านจักกอดเราไปถึงเมื่อใด” สุรเสียงเล็กตรัส อย่างขัดใจ
ด้วยความถูกตามใจมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์จึงทำและตรัสอะไรตามใจองค์เองเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน

“เราขออภัยเจ้าด้วย แสงสุรีย์”

วรองค์สูงคลายอ้อมพาหาออกจากร่างนุ่มนิ่ม แต่ในพระทัยกลับเสียดายยิ่งนัก นี่พระองค์เป็นไปได้ถึงเพียงนี้เทียวหรือ

“เราคงต้องไปแล้วล่ะ ขอบคุณท่านมากที่ช่วยเราไว้”

“แสงสุรีย์” สุรเสียงทุ้มเรียก

“เราจักได้พบกันอีกหรือไม่”

“สุดแล้วแต่พระพรหมเถิด เราต้องไปแล้วขอให้ท่านโชคดี”

วรองค์เล็กดำเนินไปด้วยดวงหทัยที่สับสน ตั้งแต่ที่ได้สบตาคมนั้นจนกระทั่งเพลานี้
ดวงหทัยของพระองค์ยังมิหยุดสั่นได้เลย ดวงตาคมคู่นั้นแม้นสบกันเพียงเสี้ยวนาทีกลับยังคงฝังตรึงในจิตใจ
ราวกับเคยพบพานกันมานานแสนนาน นี่มันเรื่องอันใดกันหนอ

“พระโอรส ทรงไปซุกซนที่ไหนมาพระเจ้าค่ะพี่ต้วมเตี้ยม ตามหาพระองค์จนทั่วไปหมด”

“เราไปเล่นในตลาดมา กลับกันเถอะพี่ต้วมเตี้ยมหากเสด็จพ่อทรงรู้เข้า เราคงมิอาจได้เที่ยวเล่นอีก”

ร่างอ้วนแม้นไม่เข้าใจผู้เป็นนายเท่าใดแต่ก็จำใจต้องเดินตามวรองค์บางไป
เฮ้อ คงมิได้เกิดเรื่องอันใดกับพระโอรสของข้าพระองค์นะพระเจ้าค่ะ





“พระโอรส ทรงเหม่ออีกแล้วนะพระเจ้าค่ะ” ร่างหนาเอ่ยถามผู้เป็นนาย

“เราเหม่อหรือพี่ไวย”

“พระโอรสมีเรื่องอันใดขัดข้องพระทัยหรือพระเจ้าค่ะ บอกข้าพระองค์ฉันได้หรือไม่”

“ไม่มีอันใดดอกพี่ไวย เราง่วงแล้ว พี่กลับไปพักผ่อนเถิด”

วรองค์สูงดำเนินกลับพระตำหนักด้วยพระทัยที่นึกถึงเจ้าร่างบาง ป่านนี้เจ้าจักทำอันใดอยุ่หรือแสงสุรีย์
เจ้าจักคิดถึงพี่อย่างที่พี่คิดถึงเจ้าหรือไม่หนอ

“พี่จักได้เจอเจ้าอีกหรือไม่แสงสุรีย์”

จันทราลอยเด่นบนพื้นฟ้านั้นส่องแสงสีนวลราวกับมนต์สะกดให้ผู้คนหลงใหล
จันทร์เอ๋ยเจ้าช่างคล้ายกับความรักยิ่งนัก ลึกลับ น่าค้นหา เย้ายวนตาให้ลิ้มลอง
หากแต่ความจริงแสงจันทร์นั้นเป็นเพียงแสงสะท้อนของดวงสุริยัน
ผู้ใดที่หลงแสงแห่งจันทราก็มิต่างจากแมงเม่าที่หลงบินเข้าไปในกองไฟกาล
 ย่อมต้องมอดไหม้ไปกับความร้อนแรงแห่งพระเพลิง
แม้นว่ารู้ทั้งรู้ว่าพระเพลิงนั้นร้อนเพียงใดแต่แมงเม่าที่โง่เขลากลับยังคงบินเข้าสู่กองไฟ
เพียงหวังเพื่อได้เข้าใกล้แลรู้จักแสงสว่างเรืองรองนั้นสักครา






ใ..................................................
ขอโทษที่หายไปนาน อย่างที่บอก หนูเพิ่งมีเน็ตใช้ง่ะ
เอาไปอ่านกันก่อนนะ เวลามีไม่มาก ต้องไปแย้ว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน3 17/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 17-04-2012 21:15:15
มาต่อแล้ว
น้องแสงสุรีย์เจอเนื้อคู่แล้ว
กำลังสนุกเลย
+1  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน3 17/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: lighter ที่ 18-04-2012 18:58:11
ชอบจ้า มาเป็นกำลังใจให้อยู่ มาอัพไวๆ นะ

ชอบเรื่องนี้จัง

แสงสุรีย์คนงาม อ๊าย~~ มีเสน่ห์จริงๆๆ

หนุ่มน้อยของฉัน อิอิ

อัพๆๆ นะจ้า เป็นกำลังใจให้อยู่
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน3 17/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: moneza ที่ 18-04-2012 19:06:18
อ๊าย พระเอกมาแว้ววววว อยากอ่านต่อเค้าจะเจอกันอีกเมื่อไหร่น้าาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน3 17/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: kakashiget ที่ 20-04-2012 21:54:15
 :oo1: :oo1: :oo1:  ในตอนต่อไปนะ  :o8: :-[ :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน3 17/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 20-04-2012 22:24:25
รอตอนต่อไปครับ

 o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน3 17/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 21-04-2012 08:18:55
เสด็จพี่ทรงน่ารักยิ่งนัก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน3 17/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 23-04-2012 20:28:55
ตอน 4


“เป็นอันใดหรือ แสงสุรีย์” สุรเสียงหวานนั้นตรัสถามโอรส สายพระเนตรทอดมองวรองค์เล็กนั้นด้วยความปรานี

“ลูก…… ลูก   มิได้เป็นอันใดดอกพระเจ้าค่ะ” ทั้งๆที่ทรงรู้ว่า มุสาแต่กลับตรัสไป

“แล้ววันนี้ไปเล่นที่ใดรึ พ่อตามหาซะทั่ว”

“วันนี้ลูกไปเล่นที่ด้านใต้พระเจ้าค่ะ ออกไปไกลพอสมควร เสด็จพ่ออาจมิทันได้สังเกต”
 ตรัสจบวรองค์เล็ก มิกล้าแม้จักสบเนตรพระบิดาบุญธรรมเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พระองค์มุสาพระบิดา

“จำคำพ่อไว้นะ แสงสุรีย์เอ๋ย จงอย่าไว้ใจผู้ใดง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็น มนุษย์ ครุฑ เทพ ยักษา หรือแม้นแต่เผ่าพันธ์นาคา”

“เพระเหตุใดพระเจ้าค่ะ”

“อันว่าคำพูดนั้น จักกล่าวออกมาอย่างใดก็ย่อมได้ เรามิอาจล่วงรู้ได้เลยว่าในใจของผู้พูดนั้นคิดเช่นไร
 จงใช้เหตุผลตรองดูให้ดีก่อนจักเชื่อสิ่งใด จงจำคำพ่อไว้ให้ดี”
 ตรัสสั่งสอนลูกน้องแต่วรองค์บางกลับสะท้อนถึงองค์เอง หากเพราะมิหูเบา
 หากเพราะมิเชื่อใครง่ายๆ พระองค์คงจักไม่ต้องพบกับชะตากกรมเยี่ยงนี้
 เพลานี้ไม่อาจกลับไปแก้ไขอดีตได้จึงหวังเพียงแค่ลูกน้อยจักมีชีวิตในแดนนาคาอย่างไร้เภทภัยใดๆมากล้ำกลาย

“ลูกจักจำไว้พระเจ้าค่ะ”

“ไปนอนเสีย นี่ก็ใกล้ยามสองแล้ว”  ตรัสกับพระโอรสอย่างแผ่วเบาก่อนจักดำเนินออกจากถ้ำแก้วโกมล

เวิ้งน้ำกว้างใหญ่หาที่สิ้นสุดมิได้ ทำให้กนธีนาคา หวนย้อนถึงอดีตครั้งนั้น
ครั้งหนึ่งที่พระองค์ยังเยาว์ชันษานักแม้จักผ่านมาเกือบ500ปีแต่ในพระทัยกับประหวัดถึงเพียงคนผู้นั้น

“ท่านสบายดีหรือไม่ ราพฤทธิ” รำพึงกับองค์เองท่ามกลางเวิ้งน้ำที่มืดมิด
มิต่างจากชีวิตของพระองค์ที่แม้นจักพ้นจากคำพิพากษาแต่กลับมองไม่เห็นอนาคตเลย








วรองค์เล็กแอบลอบออกจากถ้ำแก้วโกมลแต่เช้าตรู่ เพราะมิอาจห้ามแรงคิดถึงที่อยู่ภายในพระทัยได้
เหตุใดพระองค์จักต้องคิดถึงคนผู้นั้นมากมายถึงเพียงนี้หนอ

“พระโอรสจะเสด็จที่ใดพระเจ้าค่ะ”  เสียงทุ้มคุ้นหูของเจ้าร่างยักษ์ทำให้วรองค์เล็กต้องหยุดพระบาทไว้

“เราเอ่อเรา”

“เฮ้ย พวกเจ้าอย่ามาแย่งขนมข้านะ” คำตวาดที่ออกจากปากคนสนิททำให้ ทรงรูว่าเจ้าเต่ายักษ์ละเมอเท่านั้น

“เฮ้อ เราขอโทษนะพี่ต้วมเตี้ยม” วรองค์เล็กร่ายมนตราที่ทำให้เจ้าเต่ายักษ์หลับลึกกว่าเดิม
เพื่อจักได้หนีเที่ยวซุกซนได้โดยไม่มีผู้ติดตาม







ตลาดเมืองมนุษย์ที่แสนคึกคักนั้นยังคงสร้างความสนุกสนานให้กับวรองค์เล็กได้เช่นเคย
 สินค้ามากมายที่ล้วนหาไม่ได้ในนครใต้บาดาลวางขายเกลื่อนกลาด ทำให้วรองค์เล็กเพลิดเพลิน
จนกระทั่งที่มือปริศนาคว้าที่ข้อพระกรของพระองค์


“ปล่อยนะ!!!”


“แสงสุรีย์ พี่เอง” สุรเสียงทุ้มตรัส


“ท่าน…ฤทธิรุทร” สุระเสียงแผ่วเบาคล้ายละเมอ ก่อนจะรับรู้ว่าดวงฤทัยของพระองค์เต้นแรงอีกครา

“เหตุใดเจ้าจึงไม่เรียกพี่ว่าพี่เล่าแสงสุรีย์”

“เหตุใดเราต้องเรียกท่านว่าพี่ด้วย” ตรัสอย่างเอาแต่ใจ

“เพราะพี่เป็นพี่อย่างไรเล่า”

“เหตุผลเพียงเท่านั้นไม่อาจพอให้เราเรียกพี่ได้ดอก”

“ตามใจเจ้าเถิด แล้วพี่จักทำให้เจ้าเรียกพี่ว่าพี่ให้จงได้ จำคำพี่ไว้นะแสงสุรีย์”
พระสุรเสียงทุ้มตรัสอย่างหนักแน่น สายพระเนตรที่มองมาทำให้วรองค์บางถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งพระวรกาย

“แล้วเราจะคอยดู”

“แล้ววันนี้เจ้าจักไปที่ใด”

“ไม่รู้ เราเพิ่งมาเมืองมนุ เอ่อ เพิ่งมาเมืองนี้เป็นครั้งที่สอง”

“ถ้าเช่นนั้น พี่จักพาเจ้าไปเที่ยวดีหรือไม่” ตรัสถามอีกคนแต่กลับไม่รอคำตอบ
พระหัตแกร่งคว้าข้อพระกรของพระโอรสแสงสุรีย์แน่นก่อนจักพาเจ้าร่างบางของพระองค์ดำเนินไปพร้อมกัน

“ท่านจักพาเราที่ใด” สุระเสียงเล็กตรัสถาม

“กัญจานคร” วรองค์สูงตรัสกับพระองค์ก่อนจักอุ้มวรองค์เล็กขึ้น

“ทะ ท่านจักทำอันใด”

“นครกัญจาอยู่ไกลจากที่นี้นัก พี่จักพาเจ้าเหาะไปอย่างไรเล่า”

“ท่านมีมนตราด้วยหรือท่านเป็นผู้ใดกันแน่”

“พี่จะไม่ตอบคำถามเจ้าจนกว่าเจ้าจะเรียกพี่ว่าพี่นะแสงสุรีย์” วรองค์สูงตรัสก่อนจักพาเจ้าร่างบางของพระองค์เหาะขึ้นไปในท้องฟ้า
เพียงชั่วลัดนิ้วทั้งสองก็สามารถมาถึงกัญจานครได้

“ลืมตาเถิดแสงสุรีย์” สุระเสียงทุ้มตรัสอย่างอ่อนโยนทรงรู้ว่าเจ้าร่างบางนั้นกลัวมากเพียงใด

“ถึงแล้วหรือ”

“เหตุใดท่านจึงไม่ปล่อยเราเสียทีเล่า” สระเสียงเล็กตรัสอย่างมิใครพอใจนักแต่มิใช่เพราะรำคาญแต่เพราะอ้อมแขนของ
ฤทธิรุทนนั้นอบอุ่นเกิดไป อบอุ่นจนพระทัยของพระองค์มิอาจทนได้
วรองค์สูงสรวลเบาๆก่อนจักปล่อยร่างในอ้อมพาหาของพระองค์เป็นอิสระแม้จักทรงเสียดายเพียงใดก็ตาม

“ท่านพาเรามาที่นี่ทำไม”

“กัญจานครเป็นเมืองที่รุ่งเรื่องที่สุดในแถบนี้ถ้าเจ้าอยากเปิดหูเปิดตาที่นี่น่าจะดีที่สุดอย่างไรเล่า”

“ถ้าเช่นนั้นเราก็เข้าไปกันเถิด” สุระเสียงที่เผยความตื่นเต้นแลซุกซนออกมาจนปิดไม่มิด
ทำให้เจ้าของวรองค์สูงต้องกลั้นสรวลจนพระพักตร์แดงกล่ำ

“เร็วๆสิท่าน”

“เจ้าวิ่งนำพี่เยี่ยงนั้น เจ้ารู้หรือว่าเราจักไปที่ใดกัน”

“ถ้า…ถ้าเช่นนั้น ท่านก็นำเราสิ”

“ได้ๆ พี่จักนำเจ้าเอง”

พระหัตแกร่งคว้าข้อพระกรของอีกองค์ให้เดินตามพระองค์มา แต่เพียงแค่พระหัตหนาแตะต้องพระวรกาย
วรองค์เล็กกลับรีบสะบัดออกราวกับถูกของร้อน จนอีกองค์ต้องมองด้วยความไม่เข้าพระทัย
เหตุใดเจ้าร่างบางจักต้องทำท่าทางรังเกียจพระองค์เยี่ยงนี้

‘หรือสิ่งที่พี่คิด พี่คิดไปเองเพียงผู้เดียวหรือความใกล้ชิดที่พี่เคยได้รับมันเป็นเพียงภาพลวงตา’ วรองค์สูงเอ่ยกับองค์เอง


“ท่าน ท่าน ท่าน ”

“มีอันใดหรือแสงสุรีย์ เจ้าเรียกเราด้วยเหตุใด”

“มะ ไม่มีอันใดดอก” สุรเสียงเล็กตรัส
แต่พระทัยกลับไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ‘เรา’ คนตรงหน้าแทนตัวว่าเราเช่นนั้นหรือ
 วรองค์เล็กไม่เข้าพระทัยสักนิดว่า คนตรงหน้านี้เป็นอันใด
ไม่เข้าพระทัยแม้กระทั่งองค์เองว่าเหตุใดจึงรู้สึกไม่ชอบเลยที่คนตรงหน้าแทนตัวด้วยคำห่างเหินเช่นนั้น

“ไปกันเถิด ” วรองค์สูงตรัสก่อนจักเดินนำพระโอรสแสงสุรีย์เข้าเมืองโดยไม่แม้แต่จัก สนใจวรองค์เล็กสักเพียงนิด

“ท่านเป็นอันใด” สุรเสียงเล็กตรัสถาม

“เราหรือ เรามิได้เป็นอันใด”

“แต่ท่านไม่ยอมพูดกับเรา”

“ไปเถิดเจ้า เดี๋ยวจักเย็นเสียก่อน” วรองค์สูงตรัสแต่กลับไม่แม้แต่มองอีกองค์เลย

“หากท่านไม่เต็มใจพาเรามา ท่านก็ไม่จำเป็นต้องฝืนใจเราไม่เข้าไปก็ได้” วรองค์เล็กตรัสด้วยสุรเสียงไม่พอพระทัย

“เจ้าอย่าดื้อได้ไหมแสงสุรีย์ ”

“ถ้าท่านเห็นเราเป็นคนไม่ดี ท่านก็อย่ามายุ่งกับเรา เราจักกลับบ้าน”

“ก็เจ้าเองไม่ใช่หรือรังเกียจมิอยากให้พี่เข้าใกล้” สุรเสียงทุ้มตัดพ้อ
 เจ้าเองมิใช่หรือแสงสุรีย์ที่ทำท่ารังเกียจพี่ แล้วเจ้าจักให้พี่ทำเช่นไร


“เรา เรา เรา มิได้รังเกียจท่าน”

“ถ้าเช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงทำท่าทางมิอยากให้พี่เข้าใกล้”

“ทะ  ท่าน มิรู้สึกว่ามันแปลกดอกหรือ เราสองคนนั้นเป็นบุรุษเพศเช่นเดียวกัน แล้วเราจักจับมือกันได้หรือ”

เมื่อทรงได้ฟังเจ้าร่างบางของพระองค์เอ่ย พระโอรสฤทธิรุทรแย้มพระโอษฐ์อย่างยินดีที่เจ้าร่างบางมิได้รังเกียจพระองค์

“ทำไมจักไม่ได้ ไปกันเถิด เจ้ามิอยากเข้าไปเที่ยวในเมืองหรือ”
พระหัตหนาคว้าข้อพระกรเล็กไว้แน่นก่อนจักจูงเจ้าร่างบางของพระองค์ให้ดำเนินไปด้วยกัน
 พระทัยของวรองค์สูงนั้นอิ่มเอมจนมิมีสิ่งใดเปรียบได้ หากความรู้สึกเช่นนี้เรียกว่าความรัก
พี่คงรักเจ้าแล้ว เจ้าร่างบางเอ๋ย


แม้นจักพบกันเพียงแค่สองครั้งแต่พระโอรสฤทธิรุทรนั้นก็ทรงแน่พระทัยว่า
ทรงหลงรักเจ้าร่างบางนี้เป็นแน่ แม้นแสงสุรีย์จักเป็นชายเหมือนกับพระองค์แต่พระองค์กลับมิอาจหักห้ามใจได้เลย



..................................................................

ขอบคุณที่ทุกคนชอบนะคะ ดีใจจัง อิอิ
อาจจะนานหน่อยน๊า เน็ตหายาก ฮ่าๆ
ฝึกงานเหนื่อย มัน มึนๆ คิดไรไม่ค่อยออก อ่ะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน4 23/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: reborn23 ที่ 23-04-2012 20:44:09
อยากอ่านต่อเจ้าค่า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน4 23/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 23-04-2012 20:56:32
รอตอนต่อไปนะครับ

น้องเองเริ่มชอบพี่แล้วละมั้งงง  :o8:

 o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน4 23/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 23-04-2012 21:11:07
 :o8: ท่านพี่ชอบน้องหรือเจ้าคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน4 23/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: KAME ที่ 23-04-2012 21:50:02
สนุกมากกกกก รอ รอ ร้อ รอ ร้อ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน4 23/4/12
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 04-06-2012 22:47:07
แสงสุรีย์ ตอน 5


สองขัตติยะดำเนินไปตามถนนในเมืองกัญจานครอย่างเพลิดเพลิน
 ความใหญ่โตโออ่าของเมืองทำให้วรองค์เล็กรู้สึกตื่นเต้นจนเก็บอาการมิได้
ความซุกซนฉายในแววพระเนตรจนวรองค์สูงอดที่จักแย้มโอษฐ์ตามมิได้

“หลีกหน่อยๆๆ พวกเจ้าหลบไปเดี๋ยวนี้ องค์เหนือหัวกับพระมเหสีจักเสด็จมา ”

 ชายหนุ่มที่แต่งกายด้วยอาภรณ์เนื้อดีเอ่ยบอกกับผู้คนที่อยู่ในตลาด ชาวเมืองกัญจานครต่างกระวีกระวาด
 นั่งพับเพียบเรียบร้อยแลเข้าแถวกันอย่างเป็นระเบียบเพื่อจักได้เข้าเฝ้าองค์เหนือหัวแลพระมเหสี ผู้ซึ่งพวกเขาเคารพ

“เหตุใดผู้คนจึงดูยินดีเช่นนี้หรือ” สุรเสียงเล็กตรัสถาม

“เท่าที่พี่รู้ ท้าวกัญจานั้นทรงเป็นกษัตริย์ที่ทรงทศพิศราชธรรมปกครองบ้านเมืองด้วยความซื่อสัตย์
 แลเสียสละ ชาวเมืองจึงเคารพรักพระองค์มาก”

“องค์เหนือหัวเสด็จ” ชายวัยกลางคนที่คล้ายจักเป็นกรมวังกล่าวก่อนเสลี่ยงของท้าวกัญจาแลพระนางจันทนีจักเคลื่อนเข้ามา

“แสงสุรีย์เจ้าเป็นอันใด” สุรเสียงทุ้มตรัสถามเจ้าร่างบางของพระองค์ที่บัดนี้ เครื่องหน้าสวยเต็มไปด้วยน้ำตาที่มิอาจหาที่มาได้

“เราไม่รู้ ” สุรเสียงเล็กตอบได้เพียงเท่านั้นก่อนจัก เหม่อมองเสลี่ยงทองจนลับพระเนตรไป
พระองค์ก็มิเข้าใจว่าพระองค์เป็นอันใด ทันทีที่เห็นพระพักตร์ของเจ้าเหนือหัวแลพระมเหสี
เหตุใดความรู้สึกนี้จึงเกิดขึ้นจนมิอาจห้ามอสุชลได้ ความรู้สึกทั้งรักแลน้อยใจนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร
ทั้งๆที่พระองค์นั้นไม่แม้แต่จักเคยพบทั้งสองพระองค์มาก่อน

“แสงสุรีย์ ไหวหรือไม่” สุรเสียงทุ้มตรัสด้วยความห่วงใย
วรองค์สูงมิใคร่สบายพระทัยนักที่เจ้าร่างบางแสนร่าเริงของพระองค์ทุกข์ตรมเยี่ยงนี้

“เรา เรา มิได้เป็นอันใดดอก ขบวนเสด็จผ่านไปแล้วเราไปเดินเล่นกันเถิด”แม้น สุรเสียงเล็กจักบอกอย่างร่าเริง
แต่ในพระเนตรนั้นกลับเต็มไปด้วยความทุกข์  ทำให้วรองค์สูงเป็นทุกข์ตามไปด้วยเจ้ารู้หรือไม่
 แสงสุรีย์แม้นทุกข์เพียงน้อยนิดของเจ้าแต่มันกลับทำให้ใจพี่นั้นร้อนราวกับโดนอัคคีแผดเผา
 พี่มิปรารถนาเห็นสีหน้าเศร้าตรมเยี่ยงนี้แม้เพียงนิด

“เจ้าอย่าโกหกพี่”

“เราบอกท่านแล้วว่าเรามิได้เป็นอันใดหากท่านยังคงถามเราเยี่ยงนี้ เห็นทีเราคงต้องกลับแล้ว”
วรองค์เล็กตรัส ก่อนจักดำเนินออกมาจากตลาด


วรองค์เล็กดำเนินออกมาด้วยพระทัยสับสน ไม่รู้ว่าจักทำเช่นไรจึงจะหลุดพ้นออกจากความทุกข์ใจที่ไม่ทราบสาเหตุนี้ได้
ทันทีที่เห็นพระพักตร์ของเจ้าเหนือหัวแห่งกัญจานคร ความน้อยใจพลันเกิดขึ้นโดยมิรู้องค์นี่มันเรื่องอันใดกัน

“แสงสุรีย์” สุรเสียงทุ้มตรัสก่อนที่อ้อมพระพาหาแกร่งจักโอบวรองค์เล็กเอาไว้แน่น

“ท่าน ปล่อยเรานะ ท่านจะทำอันใด”

“พี่ไม่ปล่อย หากปล่อยเจ้าก็จักเดินหนีพี่อีก พี่ไม่ปล่อยเจ้าดอก” สุรเสียงทุ้มเอ่ยเย้า ก่อนจักรัด วรองค์เล็กไว้แน่นกว่าเดิม

“เรามิใช่สตรี ท่านจักทำกับเราเยี่ยงนี้มิได้”

“เรื่องนี้มันมิได้เกี่ยวว่าเจ้าเป็นสตรีหรือบุรุษ แต่มันเกี่ยวกับว่าพี่อยากกอดเจ้าให้คลายทุกข์เพียงเท่านั้น”

“ท่าน เหตุใดท่าน…..”

“พี่มิอาจรู้ว่าเจ้าทุกข์ด้วยเรื่องอันใดแต่พี่เพียงอยากปลอบโยนเจ้าเท่านั้น แสงสุรีย์หากเจ้าไว้ใจพี่ก็จงบอกพี่ได้หรือไม่
ว่าเจ้าทุกข์ด้วยเรื่องอันใด”
สุรเสียงทุ้มตรัสถาม อ้อมพาหาแกร่งแต่อ่อนโยนจนวรองค์เล็กรับรู้ได้กระแสแห่งความอบอุ่นราวกับว่าเมื่ออยู่ในอ้อมกอดนี้
พระองค์จักสามารถลืมความทุกข์ตรมทั้งสิ้นลงได้

“เรา ฮึก เราไม่รู้ เราไม่รู้ว่าตนเองเป็นเช่นนี้ได้เยี่ยงไร ไม่รู้ว่าเรา ฮึก เรา….ทุกข์ด้วยเหตุอันใดแต่เราทุกข์เหลือเกิน”

“อย่าร้องไห้เลยแสงสุรีย์ พี่จักอยู่ตรงนี้อยู่ข้างๆเจ้าเอง อย่าได้กลัวสิ่งใดเลย” อ้อมพาหาแกร่งโอบกอดเจ้าร่างบางของพระองค์ไว้เพียงแค่อยากปลอบโยนให้ร่างบางนี้หายจากความทุกข์  แม้นมิได้เอ่ยสิ่งใดอีกแต่พระโอรสแสงสุรีย์กลับรับรู้ถึงความอบอุ่น
ที่ทำให้พระทัยผ่อนคลายอ้อมกอดนี้ช่างคล้ายกับพระบิดาบุญธรรมของพระองค์เหลือเกิน

“แสงสุรีย์นับจากนี้เจ้าเรียกพี่ว่าพี่ได้หรือไม่”

“ให้เราเรียกท่าน ว่าพี่ อย่างนั้นหรือ”

“ได้หรือไม่ ”

“ได้สิ พี่ฤทธิรุทร”
พระโอรสฤทธิรุทรแย้มพระโอษฐ์อย่างยินดีก่อนจักกระชับอ้อมพาหาแน่นขึ้น แม้นคำนี้จักไม่ใช่คำที่พระองค์ปรารถนาที่สุด
แต่อย่างน้อยเจ้าร่างบางก็ยอมเรียกพระองค์ว่า “พี่” แล้ว แม้นคำว่ารักจักอยู่ห่างไกลนักแต่พระองค์ยังมีเวลาอีกมาก
ที่จักทำให้ร่างในอ้อมพาหารักพระองค์





พระอาทิตย์อัสดงสะท้อนเงาของสองขัตติยะที่ทรงหลับใหลในอ้อมกอดของกันและกันเป็นภาพที่ชวนมองยิ่งนัก
หนึ่งองค์แข็งแกร่งสง่างามดังภูผา อีกองค์ช่างบอบบางราวแก้วเจียระไน แต่เวลาของทั้งสององค์จะเนิ่นนาน
อย่างที่พระโอรสฤทธิรุทรทรงคิดจริงๆหรือ ….


“แสงสุรีย์ ตื่นเถิด แสงสุรีย์” สุรเสียงทุ้มตรัสพลางเขย่าร่างบางในอ้อมพาหา

“อือ เสด็จพ่อลูกขอนอนอีกสักประเดี๋ยวนะพระเจ้าค่ะ”

เสด็จพ่อ ??? เหตุใดแสงสุรีย์จึงเอ่ยเช่นนี้หนอ เจ้าร่างบางในอ้อมกอดของพระองค์เป็นผู้ใดกันแน่

“แสงสุรีย์ ตื่นเถิด ”

“พระเจ้าค่ะ ลูกตื่นแล้ว” วรองค์เล็กงัวเงียก่อนจักลืมพระเนตรขึ้น

“เสด็จ ….. พี่ฤทธิรุทร เหตุใดเราถึงอยู่ที่นี้ได้”

“เจ้ากับพี่เผลอหลับไป นี่ก็ใกล้สองยามแล้วเราต้องเร่งออกเดินทางกันได้แล้ว”

“ นี่สองยามหรือ แย่แล้ว เสด็จพ่อต้องกริ้วเราแน่ๆ”

“เดี๋ยวก่อนแสงสุรีย์” วรองค์สูงตรัสก่อนจักจับวรองค์เล็กให้ประทับข้างๆพระองค์

“เจ้าพูดราวกับว่าเจ้าหนีใครออกมา”

“คือเรา….เรา”

“เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่แสงสุรีย์ เจ้าบอกพี่ได้หรือไม่” 
พระโอรสแสงสุรีย์มองพี่ฤทธิรุทรของพระองค์อย่างอ่อนใจมาถึงขั้นนี้แล้วคงมิอาจปิดบังได้อีกได้
แต่หวังเพียงว่าเมื่อรู้ความจริงแล้วพระองค์จักไม่ถูกมองว่าเป็นอมนุษย์ก็เพียงพอแล้ว

“เฮ้อ เห็นทีเราคงมิอาจปิดบังพี่ได้อีก……….. เราคือโอรสบุญธรรมของกนธีนาค แลเป็นนัดดาแห่งท้าววิรุณปักษ์ผู้เป็นใหญ่แห่งสายน้ำ”

“พี่ไม่แปลกใจดอกหรือ” วรองค์เล็กตรัสถามเหตุใดคนตรงหน้าจึงได้นิ่งเฉยราวกับเป็นเรื่องธรรมดาแม้นในเพลานี้จักมี
เทพผู้วิเศษแลอมนุษย์อยู่มากมายแต่หากมนุษย์ธรรมดาได้ยินต่างต้องอกสั่นขวัญเสียมิใช่หรือ

“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าเราเป็นผู้ใด”

“พี่ มิใช่มนุษย์ดอกหรือ”

“พี่เป็นโอรสแห่งท้าวราพสูญ เจ้าผู้ครองนครเวหล ผู้เป็นใหญ่ในวงศ์ยักษาได้ยินเช่นนี้แล้วเจ้าคิดว่าพี่ควรจักต้องหวาดกลัวเจ้าหรือไม่”

“ทะ ท่าน เป็นยักษ์หรือ”
สุรเสียงเล็กสั่นไหว แม้นจักเติบโตมาในวงศ์นาคาผู้เป็นกึ่งเทพแต่การได้มาอยู่ต่อหน้าวงศ์ยักษา
ที่ขึ้นชื่อถึงความโหดเหี้ยมแล้วไซร้พระองค์ก็อดที่จะหวาดกลัวมิได้

“เจ้ากลัวพี่หรือ”

“เรา…เรา”

“อย่ากลัวพี่เลยแสงสุรีย์ แม้นพี่จักเป็นยักษ์แต่หาได้คิดร้ายกับเจ้าไม่ พี่ไม่มีทางทำอันตรายกับเจ้าแม้เพียงปลายเส้นผมเจ้าเชื่อพี่หรือไม่” สุรสเสียงทุ้มตรัสอย่างใจเย็นทรงรับรู้ได้ถึงความกลัวที่วรองค์เล็กมีต่อพระองค์

“เราจักเชื่อท่านได้อย่างไร”

“พี่จะทำร้ายเจ้าได้อย่างไร ในเมื่อ พี่ รักเจ้า มากนักแสงสุรีย์”

คำรักของวรองค์สูงสะกดพระโอรสแสงสุรีย์ไว้จนมิกล้าเอ่ยคำใด

“ท่านเอ่ยสิ่งใดออกมาท่านรู้หรือไม่”

“เหตุใดพี่จักไม่รู้ พี่รักเจ้า รักตั้งแต่คราแรกที่พบหน้าเจ้า แล้วเจ้าเล่าแสงสุรีย์เจ้ารักพี่หรือไม่”

“เรา…เรา ไม่รู้ ”

“เจ้าเด็กน้อยเอ๋ย เจ้าช่างไร้เดียงสายิ่งนัก” พระโอรสฤทธิรุทรทรงสรวลเบาๆก่อนจักโอบวรองค์เล็กให้แอบอิงพระอุระ

“เรามิใช่เด็ก!!”สุรเสียงเล็กตรัส ก่อนจักแสดงอาการแง่งอนจนผู้ที่โอบกอดอยู่นั้นอดที่จะแย้มสรวลมิได้

“ท่านหัวเราะอะไร”
มีแต่เพียงความเงียบที่ตอบกลับมา สองขัตติยะต่างจดจ้องกันราวกับจะประกาศสงคราม

“ทำไมท่านเงียบเช่นนี้”

“พี่บอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่าให้เรียกพี่ว่าพี่แล้วแทนตัวเจ้าว่าน้อง”

“ท่าน …มันเอาแต่ใจ”

“…..”

วรองค์เล็กจำต้องเอ่ยคำที่ถูกบังคับมิเช่นนั้นคงต้องทนอยู่กับคนบ้าใบ้ทั้งคืนเป็นแน่

“พี่ฤทธิรุทร จักปล่อยน้องได้หรือยัง”

“เจ้ายังมิเอ่ยบอกพี่เลย ว่าเจ้าคิดกับพี่เยี่ยงไรใยพี่ต้องปล่อยเจ้าเล่า”

“ท่านบังคับเรา!!”

“แสงสุรีย์ หากใจเจ้าตรงกับพี่ก็บอกให้พี่รู้เถิด”

“เหตุใดต้องถาม หากไม่รักน้องจักทำเป็นนั่งนิ่งให้พี่กอดเยี่ยงนี้หรือ ถึงอย่างไรน้องก็เป็นชาย
หากไม่รัก ก็คงไม่ทำเรื่องที่น่าอับอายถึงเพียงนี้ดอก”
สุรเสียงเล็กตรัสแม้นจักเขินอายที่จำต้องตรัสเยี่ยงนี้ หากยังคงเก็บคำไว้เกรงว่าจนถึงเพลาเช้าก็คงมิอาจหลุดจากอ้อมอุระแกร่งได้
คำรักที่ร่างบางในอ้อมอุระเอ่ยทำให้พระทัยของวรองค์สูงนั้นเต้นแรงจนมิอาจห้ามได้แม้นในชีวิตจักได้ฟังคำว่ารักมานับร้อยนับหมื่นคำหากแต่เมื่อคำว่ารัก เอ่ยออกจากเจ้าร่างบางของพระองค์นั้นกลับหวานล้ำยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้าเสียอีก

“ไปเถิด พี่จักไปส่งเจ้าเอง”

“มิต้องดอก ลืมแล้วหรือว่าน้องเป็นบุตรแห่งสายน้ำที่ใดมีสายนที น้องย่อมสามารถใช้มันกลับบ้านได้”
วรองค์เล็กตรัสก่อนจักหยิบว่านนาคานิมิตรเพื่อใช้แปลงเป็นนาคา



วรองค์เล็กร่ายมนตราที่เสด็จปู่เคยสอนสั่งก่อนที่ร่างบอบบางจักกลายเป็นนาคาน้อยกลายสีเขียวดังมรกต
ยามต้องแสงจันทร์นั้นช่างสดใสราวกับอัญมณีล้ำค่า ดวงตาสีแดงกล่ำดังย้อมด้วยเลือดก่อนนาคาน้อยจักเลื้อยกายยาว
ลงลำธารสายเล็กที่ไหลผ่าน


“แสงสุรีย์เราจักได้เจอกันอีกหรือไม่”
นาคาน้อยมิได้เอ่ยสิ่งใดแต่แววตาอ่อนโยนนั้นกลับสะท้อนถึงคำมั่นสัญญาได้เป็นอย่างดี  ก่อนร่างนั้นจักเลื้อยแลหายไปในสายน้ำ


........................................................................

มาต่อแล้วนะคะ ขอโทษจริงค่ะ ฝึกงานไม่มีเวลา และอารามณ์
จะเขียนเลย มันเหนื่อย คิดไม่ค่อยจะออก แต่ยังไงก็ขอบคุณ
นะคะ ที่ยังติดตามกันตลอดมา ^_______^
ทุกคน น่าร็อคอ่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน5 4/6/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 05-06-2012 02:46:36
เรื่องกำลังสนุกค่ะ ตอนแรกนึกว่าพระเอกเราจะเป็นครุฑซะแระ อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน5 4/6/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: lighter ที่ 09-06-2012 06:01:03
นึกว่าพระเอกจะเป็นครุฑเหมือนกัน

อิอิ สนุกๆๆ มาอัพไวไว นะจ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน5 4/6/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 09-06-2012 12:11:13
เพิ่งเห็นเรื่องใหม่
ของพิตต้าอ่า
มาตามอ่านแล้วน๊า
ยังเขียนได้สนุก
เหมือนเดิม
รออ่านตอนต่อไป :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน5 4/6/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 25-06-2012 21:28:35
ตอนที่ 6


พระโอรส ในที่สุดท่านก็เสด็จกลับมา รู้ไหมว่าข้าพระองค์จักอกแตกตายอยู่แล้ว” เสียงทุ้มของเจ้าเต่ายักษ์เอ่ยกับผู้เป็นาย

“พี่จักอกแตกตายหรือท้องแตกตายกันแน่พี่ต้วมเตี้ยม เราเห็นว่าพี่กำลังเพลิดกับการกินมากกว่าเป็นห่วงเราเสียอีก”

“ข้าพระองค์เป็นห่วงพระโอรสนะพระเจ้าค่ะ แต่ของกินมากมายนี้เสด็จพ่อของพระองค์ประทานมาถ้าหากมันเหลือจักเป็นที่สงสัยได้นะพระเจ้าค่ะ”

“เราเชื่อแล้ว พี่ช่างเป็นห่วงเราเสียจริง แล้วเสด็จพ่อเล่าเหตุใดเรามิเห็นพระองค์เลย”

“ท่านกนธี เสด็จไปที่ทะเลตะวันออกพระเจ้าค่ะ”

“แล้วเสด็จพ่อสงสัยอันใดหรือไม่”

“ฝีมือระดับข้าพระองค์มิอาจมีใครสงสัยได้ดอกพระเจ้าค่ะ”
 เจ้าเต่าตัวอ้วนเอ่ยอย่างภูมิใจ ก่อนจะตบอกเป็นการใหญ่เพื่อยืนยันกับผู้เป็นนาย



วรองค์เล็กมิใคร่อยากสนใจเจ้าเต่าอ้วนนักจึงดำเนินออกมาด้านนอก เงาจันทร์สะท้อนลงมาในมหานทีทำให้จิตใจกระหวัดถึงอีกองค์ที่อยู่แสนไกล คำว่ารักที่ฝากไว้จักอยู่ได้ยาวนานเพียงใดหนอ

…………………………………………………………….










นานนับเดือนที่สองขัตติยะลักลอบพบกันแม้นทุกครั้งเวลาที่พบพักตร์จักแสนสั้นแต่หากเติมเต็มหัวใจสองดวงให้อิ่มเอมยิ่งนัก

“พี่ฤทธิรุทร” สุรเสียงเล็กตรัสเรียกวรองค์สูงที่ประทับเบื้องหน้า

“เจ้ามาแล้วหรือ แสงสุรีย์” วรองค์สูงตรัสก่อนจักโอบกอดเจ้าร่างบางของพระองค์เข้าสู่อ้อมพาหา

“รู้หรือไม่ว่าพี่คิดถึงเจ้ามากเหลือกิน”

“อันว่าชาติยักษาช่างเจ้าชู้ยิ่งนักคำหวานที่เอ่ยมันจักเป็นจริงเพียงใดกัน”

“เพลานับเดือนที่ผ่านมาเจ้ายังไม่รับรู้ถึงใจพี่อีกหรือ” ทรงตัดพ้อร่างในอ้อมพาหา

“น้อง น้อง….”

“ถ้าเช่นนั้นพี่จักพิสูจน์เอง ดีหรือไม่” วรองค์สูงตรัสก่อนจักเคลื่อนพระพักตร์เข้าใกล้น้องน้อยของพระองค์

“อะ อืม” สุรเสียงหวานดังลอดผ่านจุมพิตที่แสนอ่อนโยน จากวรองค์สูง ช่างเป็นการพิสูจน์ที่มีแต่ได้เสียจริง
 พระโอรสแสงสุรีย์ทรงคิด แต่ก็ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามที่ใจปรารถนา เพราะพระองค์เองก็โหยหาอ้อมพาหานี้เหลือเกิน
 สองร่างเกี่ยวกระวัดส่งหมอบความรักแลความสุขให้แก่กันอย่างไม่รู้เบื่อแม้นจักรู้ว่าการทำเยี่ยงนี้เป็นสิ่งต้องห้าม
แต่กลับมิมีผู้ใดหยุดความหวาบหวามที่แสนอ่อนโยนนั้นได้ ต่างตกอยู่ในห้วงแห่งความปรารถนาที่หอมหวานทั้งสององค์

“เจ้าช่างหวานนัก” ทรงเอ่ยเย้าวรองค์บางที่เปลือยเปล่าในอ้อมพาหา หลังจากไฟแห่งความปรารถนามอดดับลง

“ท่าน อย่าพูดนะ” วรองค์เล็กตรัสอย่างเขินอาย ก่อนจักซุกพระพักตร์กับพระอุรของอีกองค์

“เจ้าอายหรือ เหตุใดต้องอายกัน เราสองคนแค่เพียงแสดงความรักต่อกันเท่านั้นหรือเจ้ามิชอบ แต่พี่ก็ได้ยินเสียงแห่งความสุขสมของเจ้าตลอด หรือพี่ฟังผิดกัน”

“ทะ ท่าน น้องบอกว่าอย่าพูดอย่างไรเล่า” วรองค์เล็กตรัสพลิกไปอีกด้านอย่างแง่งอน

“พี่ไม่พูดแล้ว น้องอย่าโกรธ ที่พี่ทำทั้งหมดเพราะพี่รักเจ้านะแสงสุรีย์ รักมาก รักยิ่งกว่าชีวิตของพี่แล้วเจ้าเล่ารักพี่หรือไม่”

“หากน้องไม่รักคงมิทำเช่นนี้ดอกเพียงแต่น้องกลัว กลัวเหลือเกิน ” วรองค์บางตรัสเสียงแผ่ว พระองค์ทรงรู้ตลอดเวลาว่าสิ่งที่ทำนั้นไม่ถูก
ต้องแต่ก็มิอาจห้ามจิตใจได้ ได้แต่เพียงหวังว่าความอยู่เช่นนี้จักอยู่กับพระองค์ตลอดไป

“อย่ากลัวไปเลย ไม่ว่าวันข้างหน้าจักต้องพบเจอกับสิ่งใด ขอให้รู้ไว้ว่าพี่รักเจ้า แม้นเราจักต้องห่างกันไกลแค่ไหนพี่สัญญาพี่จักตามหาเจ้าให้พบให้ได้ เราสองจักไม่มีวันพรากจากกัน”
ทรงตรัสก่อนจักกอดกระชับร่างบางในอ้อมพาหาของพระองค์แน่นส่งต่อความรักที่พระองค์มีแลยืนยัน
ว่าพระองค์ทรงรักเจ้าร่างบางนี้มากเพียงใด








เวลาพลบค่ำพระโอรสแสงสุรีย์จึงเสด็จกลับก็พบเจ้าเต่ายักษ์รออยู่แล้วด้วยท่าทีร้อนรน

“พระโอรส แย่แล้วพระเจ้าค่ะ แย่แล้ว ” เจ้าเต่ายักษ์โวยวายลั่น

“แย่อันใดหรือพี่ต้วมเตี้ยม หรือว่า เสด็จพ่อจักทรงทราบเรื่องแล้ว” ตรัสถามอย่างร้อนรนไม่แพ้พระพี่เลี้ยง

“ไม่ใช่พระเจ้าค่ะ เรื่องนั้นยังมิทรงล่วงรู้ แต่เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่กว่านั้นอีกพระเจ้าค่ะพระโอรส”

“เรื่องอันใดหรือพี่”

“ก็เรื่อง…”

“ต้วมเตี้ยม!!” สุรเสียงหวานตวาดลั่นก่อนจักใช้สายพระเนตรปรามเต่าเจ้าปัญหาให้เงียบ

“ท่านกนธี เอ่อ กระหม่อนขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”

“แสงสุรีย์ เจ้าตามพ่อมา” วรองค์บางเดินนำหน้าพระโอรสเข้าไปในถ้ำแก้วโกมล ก่อนจักประทับนั่งบนบังลังก์แก้ว

“ปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่แล้วแสงสุรีย์”

“15ย่าง16 พระเจ้าค่ะ”

“ถึงเวลาที่เจ้าต้องมีคู่ครองแล้วสินะ”

“คู่ครอง เสด็จพ่อหมายถึงลูกจักต้องแต่งงานหรือพระเจ้าค่ะ”  ตรัสถามเสียงแผ่วในพระทัยร้อนรนยิ่งหนัก


“ใช่ พ่อจักให้เจ้าแต่งงานกับ ธิดาแห่งเจ้านครบาดาลทางใต้”

“เสด็จพ่อแต่ลูกอายุยังน้อยนะพระเจ้าค่ะ ลูกเห็นว่าเรื่องนี้ยังมิถึงเวลา” ทรงอ้อนวอนพระบิดา กลัว กลัวเหลือเกินว่าจักต้องสูญเสียคนรักไป

“แสงสุรีย์ อย่าได้ขัดพ่อ พ่อบอกให้เจ้าแต่งเจ้าก็ต้องแต่ง”

“เสด็จพ่อ ลูกไม่แต่งพระเจ้าค่ะ ลูกไม่แต่งเด็ดขาด!!!”

“เจ้ากล้าขัดคำสั่งพ่อหรือ!!!” สุรเสียงหวานตวาดลั่น น้อยครั้งนักที่โอรสจักขัดพระประสงค์

“ลูกมิกล้า เพียงแต่…”

“เพียงแต่กระไร เจ้าจักโกหกอะไรพ่ออีก เจ้าอย่าคิดว่าพ่อมิรู้ว่าตอนนี้เจ้าแอบลักลอบทำในสิ่งที่มันผิดหรือ แสงสุรีย์”     
    สุรเสียงหวานตรัสก่อนที่สายพระเนตรจักจับจ้องที่โอรสขององค์เอง

“เสด็จพ่อทรงทราบ”

“พ่อรักเจ้านะ แสงสุรีย์ ที่พ่อทำไปก็เพราะมิอยากให้เจ้าต้องทำผิดอีก จงรับคำพ่อแล้วแต่งงานเสียเถิด”

“แต่ลูกกับพี่ฤทธิรุทร รักกันด้วยใจจริงนะพระเจ้าค่ะ เหตุใดความรักจึงเป็นสิ่งที่ผิด เสด็จพ่อเอาอะไรมาตัดสินว่าความรักของลูกนั้นผิด” ว
รองค์เล็กกล่าวพร้อมกับอสุชลที่หลั่งริน เหตุใดหนอพระบิดาที่พระองค์ทรงเคารพรักจึงมิเข้าใจพระองค์เลย

“เจ้าอย่าดื้ออีกเลย จงเลิกคิดเรื่องความรักของเจ้าแล้วเตรียมตัวแต่งงานในอีก 15 ราตรีเถิด”

“ลูกมิยอม หากเสด็จพ่อทรงบังคับลูกอีก ลูกจักฆ่าตัวตาย!!!” ตรัสด้วยสุรเสียงแข็งกร้าวก่อนจักล้วงกริชจ่อพระศอขององค์เอง

“แสงสุรีย์!!” วรองค์บางตรัสก่อนจักบริกรรมคาถา



พลัน!!! ปรากฏนาคาขึ้นสองตน ตนหนึ่งใช้หางตวัดจนกริชในพระหัตบางตกลงก่อนที่อีกตนจักรัดวรองค์เล็กไว้แน่นจนมิอาจขยับวรกายได้

“จงนำลูกของเราไปขังไว้ในห้องอย่าให้ผู้ใดเข้าไปได้เด็ดขาด จนกว่าจักถึงพิธีอภิเษก”
 ตรัสสั่งนาคาแปลงก่อนจักหลับพระเนตรลง ทรงมิอยากเห็นเนตรกลมโตนั้นตัดพ้อพระองค์อีกแล้ว

“เสด็จพ่อพระทัยร้าย ทรงพระทัยร้ายเหลือเกิน ” สุรเสียงเล็กตรัสก่อนจักถูกพาออกไป

“แสงสุรีย์เอ๋ย พ่อมิอาจเห็นเจ้าทำความผิดอีกแล้ว พ่อมิอยากให้เจ้าต้องรู้สึกผิดบาปไปชั่วชีวิตเยี่ยงพ่อ ความรักนั้นเจ็บปวดเหลือเกิน เจ้าจงอย่าได้เผชิญกับมันอีกเลย”
 รับสั่งแผ่วเบาเพียงลำพัง ต่อให้พระองค์ต้องถูกพระโอรสโกรธเกลียดไปจนตลอดพระชนชีพพระองค์ก็จักทำ
 เพื่อปกป้องคนที่พระองค์รักให้ออกห่างจากความเจ็บปวด










นครเวหล

วรองค์สูงประทับนิ่งเหนือแท่นบรรทม สายพระเนตรเหม่อมองออกไปบนท้องฟ้าที่ประดับด้วยแสงดาวระยิบระยับพลางคิดถึงเจ้าร่างบางของพระองค์เหตุใดหนอ ในพระทัยของพระองค์จึงทรงว้าวุ่นเช่นนี้ สามราตรีที่มิอาจข่มพระเนตรหลับได้มันเกิดจากสาเหตุอันใดกัน

“แสงสุรีย์ คืนนี้เจ้าจะหลับฝันดีหรือไม่หนอ” ทรงตรัสคล้ายละเมอ อยากเหลือเกินที่จักโอบกอดร่างบางนั้นเอาไว้ในอ้อมพาหาตลอดคืน
อยากได้กลิ่นหอมอ่อนจากเรือนกายที่พระองค์ทรงหลงใหล

“พระโอรส ทรงบรรทมเถิดพระเจ้าค่า” ต้นห้องคนสนิทเอ่ย เพราะเวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามสามแล้วแต่พระโอรสกลับทรงประทับนิ่งมิมีวี่แววว่าจักทรงบรรทมเลย

“เรานอนไม่หลับน่ะพี่ไวย เราคิดถึง แสงสุรีย์”

“อีกไม่กี่ราตรีก็จักได้พบ พระโอรสแสงสุรีย์แล้วนะพระเจ้าค่ะ เหตุใดต้องทรงกังวล”

“เราก็ไม่รู้ว่า แต่จิตใจของเราเพลานี้มันไม่ยอมอยู่เป็นสุขสักที หรือเราจักไปหาแสงสุรีย์ที่นครใต้บาดาลกันดี”

“มิได้พระเจ้าค่ะ พระองค์ก็ทรงทราบว่าองค์เหนือหัวห้ามมิให้ชาวนครเวหลทุกตน คบค้ากับชาวนครใต้บาดาลหากใครฝ่าฝืนจักต้องอาญาแผ่นดินนะพระเจ้าค่ะ”

“เรารู้พี่ไวย แต่เรามิอาจข่มตาหลับลงได้ หากใจเรายังเป็นเช่นนี้” ตรัสจบก็ทรงดำเนินออกจากพระแท่น เพื่อออกตามหาเจ้าร่างบางของพระองค์




...............................................

กลับมาแล้วค่า คิดถึง ทุกคนจังเลย
ช่วงนี้เป็นช่วงลูกผี ลูกคน เทอมสุดท้ายของการเป็น
นักศึกษา อาจจะยุ่งนิดหน่อยนะคะ  :really2:
แต่ยังไงก็จะไม่ทิ้ง แน่นอน ^______^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน6 25/6/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: jilantern ที่ 25-06-2012 23:29:14
งืออออออ น่าสงสาร มีอุปสรรคแล้ว ~
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน6 25/6/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 26-06-2012 22:25:18
เงียบเกิ๊ํนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: คนนี้แหละที่พี่อยากได้ ขอวลอีกนิดนคดี๋ยวอมลงห้น่นอน อย่กันลืมน
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 27-06-2012 17:23:14
ตมห้จอน ล้วรพฤทธินี่ช่ญติของตัวพรรึปล่ มติดตมค่
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน6 25/6/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 28-06-2012 10:52:37
แย่แล้วซิ
มีอุปสรรคจนได้ :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน6 25/6/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 05-07-2012 03:49:21
ตอน 7

“พระโอรส ทรงเสวยสักนิดเถิดพระเจ้าค่า” เจ้าเต่ายักษ์อ้อนวอนผู้เป็นนายที่เพลานี้ทรงมิยอมเสวยอะไรมา
สามราตรีแล้ว ร่างกายที่เคยสดใสบัดนี้ซูบผอมแลอมทุกข์ยิ่งนัก เหตุใดมันจักไม่รู้ว่าพระโอรสของมันตรอมใจ
 อนิจจา พิษรักหนอช่างร้ายนัก แต่มันจักทำอันใดได้เพราะลำพังเวทย์มนตร์คาถาก็พอมีเพียงป้องกันตัวเท่านั้น
คงมิอาจต่อสู้กับทหารนาคานับร้อยนับพันได้ หวังเพียงแค่ให้ผู้เป็นหัวใจแห่งเจ้านายตน เร่งมาช่วยในเร็ววัน

“ท่านต้วมเตี้ยม ขอรับ พระกายาหารมาแล้วขอรับ” ทหารนาคากล่าวก่อนจักนำเครื่อง คาว หวานเข้ามา

“เจ้าออกได้แล้วพระโอรสจักได้เสวย” เอ่ยบอก แต่เจ้าทหารเลวก็มิยอมออกไป

“เจ้าทหารเลว เหตุใดจึงมิฟังคำสั่งข้า!!!”

“ต้วมเตี้ยม นี่เราเอง” สุรเสียงทุ้มตรัส ก่อนที่ร่างทหารนาคาจักเปลี่ยนเป็นวรองค์สูงสง่ากำยำ อย่างที่มันเคยเห็นบ่อยครั้ง

“พระองค์ ในที่สุดพระองค์ก็เสด็จมา” เจ้าเต่ายักษ์กล่าวอย่างยินดี

“เจ้าอย่าเพิ่งพูดมาก ออกไปเฝ้าประตูไว้อย่าให้ใครผิดสังเกต เข้าใจหรือไม่”

“พระเจ้าค่ะ” ต้วมเตี้ยมรับคำสั่งก่อนจักเดินออกจากห้องบรรทมไป

วรองค์สูงดำเนินเข้าไปในห้องส่วนในพลางมองผ่าน วิสูตรที่เป็นม่านน้ำบางเบา ร่างบางที่พระองค์ทรงรักยังคงหลับใหลมิได้สติ
 แต่หากร่างกายนั้นกลับดูซุบผอมแลอมทุกข์เหลือเกิน พลันในพระทัยกลับเจ็บปวดแลบีบรัดอย่างประหลาด
 พระองค์มิปรารถนาจักเห็น แสงสุรีย์ที่แสนร่าเริงของพระองค์เป็นเยี่ยงนี้เลย

“แสงสุรีย์ ตื่นเถิด” ตรัสกระซิบเพื่อปลุกเจ้าดวงใจ

“อือ พี่ต้วมเตี้ยม ออกไปเถิดเราอยากอยู่คนเดียว”

“ลืมตาเถิด แสงสุรีย์ พี่อยากเห็นแววตาสดใส ของเจ้าอีกครั้ง” ตรัสพลางโอบกอดวรองค์บางเข้าสู่อ้อมพาหาแกร่ง

“พี่ฤทธิรุทร น้องมิได้ฝันไปใช่หรือไม่” วรองค์บางตรัสพร้อมกับอสุชลที่หลั่งริน พลางกอดกระชับวรกายนี้ไว้แน่นกลัวเหลือเกินว่าจักเป็นเพียงความฝัน

“เจ้ามิได้ฝันดอกแสงสุรีย์ พี่มาแล้ว พี่จักช่วยเจ้าเอง ”

“ฮึกๆๆ ฮื่อ เสด็จพ่อจักให้น้องแต่งงาน น้องจักทำเยี่ยงไรพระเจ้าค่ะ น้องไม่อยากแต่งงาน”


“แสงสุรีย์ เจ้าพร้อมที่จักไปกับพี่หรือไม่”

“ไปไหนหรือพระเจ้าค่ะ”

“ไปในที่ๆไม่มีผู้ใดไม่รู้จักเรา ไม่มีพระโอรส ฤทธิรุทร ไม่มีพระโอรส แสงสุรีย์  มีแค่เจ้ากับพี่เท่านั้น”
รับสั่งด้วยพระทัยแน่วแน่ หากแม้นการอยู่ในฐานันดรนี้จักทำให้พระองค์ต้องผลัดพราก
ขอยอมเป็นเพียงชาวป่าธรรมดาเพื่อจักได้อยู่คู่กับเจ้าจวบจนสิ้นชีวา

“แม้นจักต้องลำบากเพียงใด น้องก็อยู่ได้หากมีพระองค์” วรองค์บางซุกวรกายเข้าสู่อ้อมพาหาแกร่งที่ทรงโหยหา
บัดนี้แม้นจักต้องเผชิญสิ่งใดก็มิทรงหวาดกลัวขอเพียงพระหัตแลพาหานี้ ประคองอยู่พระองค์ก็มิเกรงสิ่งใด















“พี่แสง กลับมาแล้วหรือจ๊ะ”

“จ้า” ร่างบางหันกลับไปยิ้มให้อย่างเป็นมิตรให้เพื่อนบ้านก่อนจักขึ้นเรือนของตนไป นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ เวลาล่วงเลยมานับขวบปีแล้วที่สองขัตติยะทรงหนีมาอาศัยที่หมูบ้านแห่งนี้ และยึดอาชีพพรานป่าแลหาของป่าขาย แม้นจักมิได้สุขกายแต่ในหัวใจกลับเบิกบานยิ่งนัก

“พี่แสงจ๊ะ มะลิเอา แกงบัวมาให้จ๊ะ แล้วพี่รุทร ยังมิกลับดอกหรือจ๊ะ” มะลิ หญิงสาวร่างบางลูกสาวหัวหน้าหมู่บ้านบอกก่อนจักนำแกงบัวมาให้พลางสอดสายตามองหาอีกคนที่นางแอบพึงใจอยู่ แต่ก็มิมีวี่แววของร่างสูงกำยำ

“พี่รุทรต้องเข้าไปเก็บสมุนไพรในป่าลึก อาจจักกลับค่ำสักหน่อยนะ มะลิ มีเรื่องอันใดหรือเปล่า”

“เปล่าจ๊ะ พี่แสงจ๊ะ มะลิขอถามสักเรื่องได้หรือไม่”

“อันใดหรือ”

“พี่รุทรมีหญิงที่พึงใจแล้วหรือยังจ๊ะ” เสียงหวานของหญิงสาวเอ่ยถาม แต่ผู้ถูกถามกลับทำหน้านิ่งเพราะมิสามารถตอบอันใดได้ เหตุใดจักไม่รู้ว่าร่างสูงนั้นเป็นที่หมายปองของหญิงสาวในหมู่บ้านมากเพียงใด แต่ก็ทำกระไรมิได้ ได้แต่เก็บความอึดอัดใจไว้เพียงลำพัง

“ตั้งแต่มาอยู่ที่นี้ มะลิ มิเคยเห็นว่าพี่รุทรจะเสน่หาหญิงใดเลย เลยอดสงสัยมิได้ว่า พี่รุทรอาจจักมีนางในดวงใจแล้ว พี่แสงรู้หรือไม่จ๊ะ”

“พี่ เอ่อ พี่…”

“มีหรือไม่มันก็มิใช่การของเจ้านะ มะลิ” เสียงทุ้มที่แผงไปด้วยอำนาจเอ่ยขึ้นก่อนที่ร่างสูงกำยำของผู้ที่ถูกถามถึงจักก้าวเข้ามา

“พี่รุทร ถ้าเช่นนั้นมะลิ ลากลับเลยนะจ๊ะ” หญิงสาวลนลานก่อนจักกลับบ้านไป มิเคยเลยสักครั้งที่จักทนต่อสายตาที่มีอำนาจของคนร่างสูง
ได้ แม้จักหลงใหลแต่หากในใจกลับหวาดหวั่นคล้ายคนผู้นี้มีรังสีแห่งความน่าเกรงขามแผ่ซ่านออกมา เสมอจนคนรอบข้างมิกล้าเข้าใกล้
ลับหลังร่างของมะลิ ร่างสูงนั้นกลับรั้งร่างบางเข้าในอ้อมกอดก่อนจัก สูดกลิ่นหอมจากพวงแก้มที่คุ้นเคย จนร่างในอ้อมแขนต้องเบี่ยงหน้าหลบ

“เจ้าพี่ พอแล้วพระเจ้าค่ะ”

“กลิ่นกาย เมีย พี่หอมถึงเพียงนี้เหตุใดจักต้องพอด้วยเล่า” สุรเสียงทุ้มเย้า

“ทะ ท่าน ทรงรับสั่งเยี่ยงนี้ได้อย่างไรพระเจ้าค่ะ”

“ก็เจ้าเป็น เมียพี่ แล้วจักให้พี่เรียกว่าเช่นใดเล่า หืม แสงสุรีย์ พี่นึกเคืองเจ้านักเหตุใดจึงไม่บอกมะลิไปเล่าว่า พี่มีคนที่อยู่ในใจแล้ว”

“จักบอกได้เยี่ยงไร น้องมิอยากให้ เจ้าพี่ มัวหมองด้วยเหตุพระเรานั้นต่างเป็นชายทั้งคู่ ชาวบ้านคงมิอาจรับได้กระมัง”

“แสงสุรีย์ สำหรับพี่แล้ว เจ้าสำคัญที่สุด แม้นผู้คนทั้งโลกจักรังเกียจพี่ พี่มิสนใจ ขอเพียงเจ้ารักพี่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว หากวันใดที่เราต้อง
จากนั้น วันนั้นคือวันที่พี่จักสิ้นลมหายใจ” สุรเสียงทุ้มตรัสหนักแน่นก่อนจักกอดวรองค์บางแน่นขึ้น

พี่จักมิยอมให้สิ่งใดพรากเราไปจากกันอีกแล้ว เจ้าดวงใจของพี่


















ปัง!!!! เสียงทุบพระแท่นบังลังก์ ดังก้องท้องพระโรงแห่งนครเวหล ก่อนที่วรองค์สูงใหญ่ โกรธเกรี้ยวจักลงมือประหารเจ้าทหารเลวผู้มาแจ้งข่าวด้วยพระองค์เอง

“ไม่ได้เรื่อง พวกเจ้ามันเลี้ยงเสียข้าวสุก!!” รับสั่งกับเหล่าเสนา อำมาตย์ที่เข้าเฝ้า พระพักตร์บึ้งตึงจากการรับฟังเรื่องขัดพระทัยแลดูน่ากลัวยิ่งหนักจนมิมีผู้ใดกล้าสบพระพักตร์

“เราให้พวกเจ้าออกตามหาเจ้าลูกชั่วนั่นมานับปี เหตุใดจึงไม่พบ นี่น่ะหรือทหารแห่งนครเวหล ที่เกรียงไกรหากความนี้แพร่ออกไป คงจัก
ถูกพวกชั้นต่ำหัวเราะเยาะเอาเป็นแน่”

“เอ่อ องค์เหนือหัวพระเจ้าค่ะ กระหม่อมขอบังอาจกราบทูลได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“ว่ามาสิ ท่านวาตุมาร แต่หากมิเข้าหูเรา ท่านย่อมว่ามันจักเป็นเช่นไร”

“เอ่อ คือ ที่เราไม่สามารถตามพระโอรสฤทธิรุทรได้ทันนั้น มิใช่เกิดจากที่ทหารแห่งองค์เหนือหัวด้อยปัญญา แต่เหตุเพราะขณะนี้มีผู้มีมนตราแก่กล้า ช่วยเหลือพระโอรสอยู่อย่างลับๆพระเจ้าค่ะ”

“เจ้าหมายความว่าเยี่ยงไร”

“กระหม่อน คิดว่า ต้องมีผู้คอยช่วยเหลือพระโอรสอยู่พระเจ้าค่ะ หากแม้นคาดการมิผิด อาจจักเป็นกนธีนาคา ผู้เป็นบิดาแห่งพระโอรสแสงสุรีย์เป็นแน่พระเจ้าค่ะ”

“ได้ ในเมื่อมันอยากลองดี ข้าก็จักสู้กับมันสักครา” ตรัสจบก็ทรงดำเนินกลับพระตำหนัก เพื่อทำพิธีลบล้างมนตราทันที!!!












วรองค์บอบบางลืมพระเนตรขึ้นก่อนจักถอนปัสสาสะด้วยความหนักพระทัย แสงสุรีย์เอ๋ย พ่อจักช่วยเจ้าได้เยี่ยงไรหนอ พอมิอยากเห็นเจ้าต้องทนทุกข์ทรมานจากการผลักพรากดังที่พ่อเคยเป็น

“ท่านกนธี พระเจ้าค่า พระโอรสทรงเป็นเยี่ยงไรบ้างพระเจ้าค่ะ” ร่างอ้วนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงแม้นมิอาจเอื้อมจักเป็นพระเชษฐาแห่งพระโอรสแต่มันก็รักแลเอ็นดูพระโอรสของมันยิ่งนัก

“แสงสุรีย์ สบายดี เพียงแต่”

“แต่อะไรพระเจ้าค่า”

“บัดนี้กงล้อแห่งเวรกรรมได้เวียนมาบรรจบอีกครั้งแล้ว เรามิรู้ว่าเราจักช่วยลูกให้พ้นจากความทุกข์ทรมานนี้ได้เยี่ยงไร” รับสั่งแผ่วเบา







 นานเหลือเกินกับการต้องจากคนที่รัก นานเหลือเกินกับการทำได้เพียงคิดถึงโดยมิอาจเห็นหน้า ชั่วระยะเวลา 500 ปี สำหรับเหล่านาคาผู้เป็นกึ่งเทพอาจจะสั้นแค่เพียงลัดนิ้วเดียว แต่สำหรับ ผู้ที่ต้องทนทุกข์กับความรัก มันช่างยาวนานราวกับอสงไขย


.......................................... TBC
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน7 4/7/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 05-07-2012 04:21:50
คนรักของพญานาคกนธีจะเป็นใครนะ...

 :dont2:


แล้วพี่รุทธกับน้องแสงจะต้องพลัดพราดจากกันหรือเปล่าเนี่ย  :o7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน7 4/7/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Rina ที่ 06-07-2012 15:28:01
ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากแสงสุรีย์กับรุทรต้องฟันฝ่ากรรมเวรอันนี้ให้ได้เอง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน7 4/7/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: honeystar ที่ 06-07-2012 16:07:21
สนุกจังเลยค่ะ
ชอบเรื่องแนวนี้
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน7 4/7/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 06-07-2012 16:31:56
จะเจออุปสรรค
ไปถึงเมื่อไหร่กัน :z3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน7 4/7/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 06-07-2012 21:07:33
ว้าวๆๆ มาแล้ว
กำลังสนุกเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน8 7/7/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 07-07-2012 05:54:00
 ตอน 8 (อดีตที่มิอาจลืม ตอน 1 กนธี ราพฤทธิ์)



“พระโอรสพระเจ้าค่ะ ทรงเสด็จกลับเถิดพระเจ้าค่ะ” เหล่าทหารนาคาทูลกับวรองค์บางที่ยังวิ่งเล่นซุกซนบริเวรชายป่า อย่างมิมีทีท่าว่าจักกลับ

“พวกเจ้านี่ เรากำลังสนุกอย่างเพิ่งมากวน” สุรเสียงหวานรับสั่งอย่างเอาแต่ใจ ไม่บ่อยนักที่เสด็จพ่อจักปล่อยให้พระองค์เที่ยวเล่นซุกซน เหตุใดจักต้องรีบกลับ ไปบำเพ็ญเพียรแสนน่าเบื่อหน่ายนั่นอีกเล่า

“แต่นี่มันใกล้ค่ำแล้วนะพระเจ้าค่ะ หากมิรีบเสด็จกลับกระหม่อมคิดว่าอาจเกิดอันตรายได้พระเจ้าค่ะ”

“ไม่มีอันใดดอก พวกเจ้าอย่าได้หลัวไปเลย” รับสั่งกับทหาร ก่อนจักดำเนินเข้าไปในป่าลึกขึ้นเรื่อยๆ ความสวยงามของผืนป่าเขียวขจีช่างแตกต่างจากนครใต้บาดาลที่พระองค์ รู้จักเหลือแม้นจักมิมี แก้วมณีหรือไข่มุกแวววาว แต่หากก็งดงามไปด้วยเหล่าพฤกษาแลดอกไม้นานาพรรณ



“พระโอรส ทรงระวังพระองค์ด้วยพระเจ้าค่ะ!!!” เสียงตื่นกลัวของทหารนาคากราบทูล

ก่อนที่เสียงดังสนั่นราวแผ่นดินจักถล่มใกล้เข้ามา พระโอรสกนธีทอดพระเนตรเห็น รากษส ตนหนึ่งเดินเข้ามาหาพระองค์ตลอดทางที่ร่างใหญ่โตราวขุนเขานั้นย่างกายไปต้นไม้ล้วนหักโค่นเป็นทิวแถว แม้นจักมิอาจเชื่อสายตาแต่ก็มิอาจปฏิเสธได้ว่าพระองค์นั้นหวาดกลัวเหลือเกิน

“ฮ่าๆ วันนี้สงสัยจักเป็นลาภปากของข้า มีอาหารมาให้กินมากมายถึงเพียงนี้เทียว” รากษส ผู้รูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์เอ่ยก่อนจักกวาดสายตามองเหล่าทหารนาคา

เหล่าทหารนาคาพยายามต่อสู้จนสุดกำลังแต่มีหรือจักเป็นคู่ต่อสู้ของรากษสผู้มีตบะแก่กล้า เพียงไม่นานก็กลายเป็นอาหารของมันจนหมดสิ้น เหลือเพียงวรองค์บางที่ประทับมองด้วยความหวาดกลัว

“อ่า เจ้าช่างงามนัก ”

“เจ้าบังอาจ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเราเป็นใคร!!”

“ฮ่าๆ ในป่าแห่งนี้มิมีผู้ใดยิ่งใหญ่ไปกว่าข้าดอก แม้นเจ้าจักเป็นเทพมีฤทธิ์แก่กล้าหากเข้ามาในป่าของข้าเจ้าก็มิอาจสู้ข้าได้ ฮ่าๆๆๆๆ” มันหัวเราะก้องก่อนจักใช้มือใหญ่โต จับวรองค์บางไว้ได้ แม้นจักทรงขัดขืนเพียงใดก็มิอาจทำได้เพราะเขตป่าแห่งนี้เต็มไปด้วยมนตราจนมิอาจใช้คาถาที่ทรงร่ำเรียนมาได้

“เจ้าไปเป็นเมีย ข้าซะดีกว่า ฮ่าๆๆ”

“เจ้า ข้าเป็นชาย จักเป็นเมียเจ้าได้อย่างไร”

“หุบปาก!!! ถ้าข้าอยากได้เจ้าใครหน้าไหนก็ห้ามไม่ได้”

“เราว่าเจ้าอย่าโอหังมากไปนัก เจ้ายักษ์ชั้นต่ำ” เสียงทุ้มเอ่ยก่อนที่บุรุษผู้หนึ่งจักปรากฏขึ้น

“เจ้า บังอาจยิ่งนัก ข้าคือ  ผู้เป็นใหญ่แห่งป่านี้ เจ้าถือดีอย่างไรมาท้าทายข้า”

“เราไม่ได้มีเวลามาฟังเจ้าพล่ามนักดอก ตอบเรามาว่าจักปล่อยคนหรือไม่”

“โอหังนัก หากเจ้ามิอยากมีชีวิตแล้ว ข้าจักลดตัวลงไปสู้กับเจ้าสักครา” กล่าวจบเจ้ารากษสก็วาง วรองค์บางลงก่อนจะเข้าโรมรันกับบุรุษแปลกหน้าทันที

ทั้งสองต่อสู้โรมรันด้วยอาวุธแลมนตราจนดังสนั่นก้องป่า แม้นว่ารากษสจักมีร่างกายใหญ่โตแต่บุรุษแปลกหน้าก็หาได้เกรงกลัวไม่

การต่อสู้ดำเนินมาเนิ่นนานก่อนที่บุรุษแปลกหน้าจักได้โอกาสแผลงศรใส่รากษสจนได้รับบาดเจ็บ

“เจ้า!!” รากษส คำรามลั่นก่อนจักบริกรรมคาถาเรียก จักรกรด ออกมา

“เจ้าต้องตายด้วย จักรกรดของข้า” ว่าพลางสั่งจักรกรดที่ลอยคว้างกลางอากาศให้เข้าจัดการกับอีกคน แต่บุรุษแปลกหน้าหน้าได้กลัวไม่กลับยืนนิ่งเพียงยกคันศรขึ้นปัดเท่านั้น จักรกรดที่ทรงอิทธิฤทธิ์ก็กลายเป็นเพลงเศษธุลี ก่อนจักแผลงศรออกไปต้องเจ้ายักษ์รากษสจนแน่นิ่งขาดใจ ทันที


“เจ้าเป็นเยี่ยงไรบ้าง” เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยความห่วงใย

“เรามิเป็นไร”

“เจ้าลุกไหวหรือไม่ เราว่าออกไปจากป่านี้ก่อนเถิด ” บอกก่อนจักพยุงพระโอรสกนธี ออกจากเขตป่า

“เอาล่ะ เราขอส่งท่านเพียงเท่านี้ คราวหน้าท่านอย่าได้เข้าไปในเขตอันตรายอีกเด็ดขาด ” บุรุษแปลกหน้าบอกก่อนจักหันกายเดินจากไป

“เดี๋ยวก่อนท่าน ท่านมีนามว่าอะไร หากมีโอกาสเราอยากตอบแทนท่าน”

“เรามีนามว่า ราพฤทธิ์ ”

“ราพฤทธิ์” ตรัสทวนชื่อนั้นจนขึ้นพระทัย ก่อนจักทอดพระเนตรแผ่นหลังกว้างที่เดินลับชายป่าไป ในพระทัยเต้นรัวราวกลองศึก นี่พระองค์
เป็นอันใดหนอเหตุใดจึงมิอาจควบคุมจิตใจตนเองได้











หลายเดือนผ่านไป วรองค์บาง ทรงแทบลืมเลือนเหตุการณ์ที่ทรงเกือบสิ้นชีวาหากแต่มีเพียงบุคคลเดียวเท่านั้นที่พระองค์มิเคยลืม เหตุใดจึงทรงมิอาจลบใบหน้าคมคาย นั้นออกจากพระทัยได้ คิดแล้วว้าวุ่นยิ่งนัก พระโอรสกนธีจึงกลายร่างเป็นนาคาน้อยเพื่อขึ้นไปยังเมืองมนุษย์

“ท่านจักมาอีกหรือไม่” รำพึงกับองค์เองเพียงแผ่วเบากับองค์เอง

“ท่านหมายถึงเราหรือ” เสียงทุ้มที่แม้นจักมิได้ฟังมาหลายเดือนเอ่ยขึ้น แต่กลับทำให้พระทัยของวรองค์บางเต้นรัว

“ท่าน ราพฤทธิ์”

“เราเอง ท่านยังมิได้ตอบคำถามเราเลยว่า ท่านหมายถึงเราหรือไม่” เสียงทุ้มเอ่ยเย้า

“เรา เรา มิได้หมายถึงผู้ใด เราเพียงแค่พูดขึ้นมาเท่านั้น”

“เช่นนั้นหรือ ช่างน่าผิดหวังยิ่งหนัก เราสู้อุส่ารอพบท่านที่นี่ทุกวัน หวังเพียงว่าท่านจักคิดถึงเราบ้าง” เอ่ยคล้ายตัดพ้อก่อนจัก มองวรองค์
บางด้วยแววตาพราวระยับ จนผู้ถูกมองได้แต่เขินอาย

“เรา เรา เราจักกลับแล้ว”

“เดี๋ยวก่อนสิ เรายังไม่รู้จักนามของท่านเลย” มือหนาเอ่ยก่อนจักคว้าข้อพระกรของวรองค์บางแน่น มิยอมให้จากไป

“เรา เรา ชื่อ กนธี ปล่อยเถิดเราจักกลับบ้านแล้ว ”

“เหตุใดจักต้องรีบเล่า หรือท่านมิอยากเสวนากับคนต่ำต้อยอย่างเรา ท่านนาคาผู้เป็นกึ่งเทพ”

“ท่านรู้ว่าเราเป็นนาคา เช่นนั้นก็ปล่อยเราเถิด”

“ท่านรังเกียจที่จักสนทนากับ คนต่ำต้อยเยี่ยงเราหรือ” เสียงทุ้มเอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ

“มิได้ เพียงแต่ เรา ต้องรีบกลับก่อนที่จักถึงเพลาบำเพ็ญเพียร ท่านจงเร่งปล่อยเราเถิด”

“วันพรุ่งเราจักรอท่านที่นี่” เสียงทุ้มเอ่ยบอกก่อนจักปล่อยข้อพระกรบางด้วยความอาลัย









จากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปีที่ทั้งสองคบค้าแลเป็นเพื่อนเล่นสนทนากัน หากแต่ในพระทัยวรองค์บางคล้ายมีบางอย่างที่มิใครเข้าใจนัก เหตุใดจึงทรงพระทัยเต้นแรงทุกคราเมื่อพบใบหน้าคมคาย หากแต่ยามหากใกล้ยังต้องเฝ้าคะนึงหา พระองค์เป็นอันใดหนอ

“นี่เจ้า เรามีเรื่องจักถาม” สุรเสียงหวานตรัสถามทหารคนสนิท

“อันใดหรือพระเจ้าค่ะ”

“หากเจ้าพบคนผู้หนึ่งแล้ว ใจเต้นแรงจนไม่อาจควบคุมได้ แม้นยามอยู่ไกลก็เฝ้าคะนึงหา หากเป็นเช่นนี้มันหมายความว่าเยี่ยงไร”

“หากเป็นเช่นนั้น กระหม่อมขอบังอาจกราบทูลว่า สิ่งนั้นเรียก ความรัก พระเจ้าค่ะ”
รัก เช่นนั้นหรือ ???





วรองค์บางเหม่อมองมหานทีกว้างด้วยพระทัยว้าวุ่น มิอาจวางปล่อยวางความรู้สึกที่สับสนนั้นออกจากพระทัยได้ รัก หรือ เราจักรัก ท่านราพฤทธิ์ได้อย่าง ในเมื่อ เราแลท่านผู้นั้นเป็นบุรุษเฉกเช่นกัน

“คิดอันใดอยู่หรือเจ้า” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น

“ท่านราพฤทธิ์!!”

“เจ้ายังมิตอบคำถามเราเลย ว่าเจ้าคิดสิ่งใดอยู่”

“ไม่มีอันใดดอก” ตรัสเลี่ยงที่จักตอบคำถามผู้มาใหม่

“ช่างเถิด ท่านมิอยากพูดเราก็มิอาจบังคับ หากแต่การมาของเราในครั้งนี้อาจจักเป็นครั้งสุดท้าย”

“เหตุใดท่านจึงกล่าวเช่นนั้น” สุรเสียงหวานตรัสถาม แต่ในพระทัยกลับหวาดหวั่นยิ่งหนัก พระองค์มิปรารถนาจักได้ยินคำลาจากร่างนี้เลย

“เราจักต้องกลับบ้านเมืองของเรา มิอาจรั้งอยู่ได้อีกแล้ว”

“ท่าน ท่าน จักต้องไปแล้วหรือ”

“กนธี ก่อนจักต้องจากกัน เราอยากจะบอกความแก่ท่าน สักเรื่องได้หรือไม่”

“จงบอกมาเถิด หากแม้นท่านให้เราบุกน้ำลุยไฟเราก็ยินดี เพื่อตอบแทนพระคุณ”

“มิต้องทำถึงเพียงนั้นดอก เราเพียงแต่อยากแจ้ง ความในใจของเราแก่ท่านให้รับรู้เพียงเท่านั้น หากแม้นท่านไม่อาจรับไว้ได้ก็จงปล่อยให้เป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านก็เพียงพอ”

“กนธี……………..เรารักเจ้า” เสียงทุ้มเอ่ยหนักแน่น ราวกับจักยืนยันในคำรักที่เอ่ยบอกวรองค์บางไป แม้นอาจมิได้รักตอบกลับมาแต่อย่างน้อย ก็ได้บอกความรู้สึกที่เก็บไว้ในใจให้คนตรงหน้าได้รู้เสียที
ร่างหนาหันกายกลับมิอาจทนฟังคำปฏิเสธของร่างตรงหน้าได้







“ท่านราพฤทธิ์” วรองค์บางโผเข้าซบแผ่นหลังกว้าง ก่อนที่ร่างหนาจักจากไป

“เรามิอาจบอกท่านได้ว่า สิ่งที่เรารู้สึกอยู่นี้เรียกว่า รักหรือไม่ เราบอกท่านได้แต่เพียงว่า เราตื่นเต้นนักเมื่อยามที่ได้พบหน้าท่าน แลคิดถึง
ท่านเมื่อยามห่างไกล”

“กนธี” เสียงทุ้มเอ่ยก่อนที่วงแขนแกร่งจักโอบรัดวรองค์บางเข้าสู่อ้อมแขน ความอบอุ่นโอนโยนที่ได้รับดังล่องลอยอยู่ในห้วงฝัน นี่หรือสิ่งที่เรียกว่ารัก




..........................TBC 
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน8 7/7/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: jilantern ที่ 07-07-2012 07:54:02
กนธีน่าสงสารรรร
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน8 7/7/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 07-07-2012 12:12:31
กนธีรักที่ไม่สมหวัง :monkeysad:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน8 7/7/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 07-07-2012 19:40:30
กนธี ตอน 2 รอ สัก เที่ยง คืน นะจ๊ะ ^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน8 7/7/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 07-07-2012 23:15:20
กนธีน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน8 7/7/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 08-07-2012 01:13:50
ตอน 9 กนธี ราพฤทธิ์ ตอน จบ


คิดถึง   คำนี้ดังก้องอยู่ในพระทัยของวรองค์บางราวกับถูกสลักเอาไว้ การจากลาจากคนรัก มันทุกข์ทรมานเช่นนี้เองหรือ จากวันที่ทรงรับรู้ ความอ่อนหวานของห้วงรัก จนวันนี้ผ่านมากว่า สามเดือนร่างหนาที่เอ่ยคำรัก ก็ยังมิกลับมา หรือจักลืมว่าเคยฝากรักไว้กับผู้ใด
วรองค์บอบบางดำเนินไปตามแนวป่า อย่างเลื่อนลอย ในพระทัยว้าวุ่นจนมิอาจทนอยู่ในนครใต้บาดาลได้

“กนธี” เสียงทุ้มที่แสนคุ้นเคยเอ่ยขึ้น ก่อนที่วรองค์บอบบางจักรับรู้ถึงแรงกอดรัด

“ราพฤทธิ์ ท่าน ท่าน กลับมาแล้ว ”

“ใช่ เรากลับมาแล้ว ”

“ฮึก ฮื่อๆๆ ” สุรเสียงหวานสะเอื้อน ก่อนจักซุกพระพักตร์ลงบนอกกว้าง คิดถึง เหลือเกิน คิดถึงอ้อมกอด นี้หนักหนา

“ร้องไห้ทำไมหรือเจ้า”

“เรากลัว เรากลัวว่าท่านจักลืมเรา ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับเรา”

“กนธี ท่านยังไม่แน่ใจอีกหรือว่าเรารักท่าน ต่อให้เราจากไปไกลแค่ไหน เราก็จักมาเพราะหัวใจของเราอยู่ที่นี่ คนเราจักมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรหากปราศจากหัวใจ ท่านว่าจริงหรือไม่” เสียงทุ้มเอ่ยบอก ก่อนจักโอบกอดวรองค์บางแน่นให้สมกับความคิดถึง แม้นการจากกันเพียงระยะเวลาสั้นๆ ยัง คิดถึงกันจนแทบขาดใจ หากวันหนึ่งต้องจากกันมิได้พบพานแล้ว เราสองจักอยู่ได้อย่างไรหนอ






กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปนานนับปี แต่สายใยแห่งรักกลับแนบแน่นจนมิอาจตัดกันขาดได้ สองร่างเฝ้าคลอเคลีย เอาใจกันมิได้ขาด ทุกวันผ่านไปด้วยความอิ่มเอมใจ จนอาจลืมไปว่า ความสุขนั้น แสนจักเปราะบางเพียงใด

“กนธี ดูนี่สิ พี่ไปเก็บมาให้เจ้าชอบหรือไม่” ร่างหนาเอ่ยก่อนจักยื่นดอกไม้ป่าที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆให้วรองค์บางที่ประทับเคียงข้าง จนผู้รับได้แต่เอียงอาย

“เจ้าชอบหนือไม่”

“ชอบ อะ อื้อ” สุรเสียงหวานขาดหายไปหลังจากที่รอมฝีปากหนานั้นประกบลงมาก่อนจักสอดลิ้นเข้าชิมความหวานอย่างร้อนแรง แต่แฝงไว้ด้วยความรักและความโอนโยนจนวรองค์บางแทบคุมสติไม่อยู่




“ช่างน่าสมเพชนัก!!!”
เสียงห้าวที่แฝงไปด้วยอำนาจกล่าวขึ้นจนร่างทั้งสองต้องผละออกจากกัน

“ท่านพี่ ราพสูร” เสียงทุ้มจากร่างหนาเอ่ยด้วยความตกใจ มิคิดเลยว่าจักต้องเจอกับคนผู้นี้

“เห็นหรือยังท่าน ว่าเรามิได้ มุสา” ผู้มาใหม่เอ่ยขึ้นก่อนที่ ร่างหนาในอาภรณ์สีเขียวจักดำเนินออกมา พลางมองสองร่างที่ตระกองกอดกันด้วยแววตา วาวโรจน์

“เสด็จพ่อ!!!” ครานี่เป็นสุรเสียงหวานที่ตรัสด้วยความตื่นตระหนก มิแพ้กัน

“เจ้า มันช่างงามหน้านัก เจ้าทำเยี่ยงนี้ได้อย่างไร กนธี ”

“เสด็จพ่อ ลูกขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ แต่ ลูกกับพี่ราพฤทธิ์รักกันด้วยใจ จริงเสด็จพ่อโปรดประทานอภัยให้ลูกด้วย” ตรัสด้วยอสุชลก่อนจักคลานไปกราบแทบบาทผู้เป็นพระบิดา

“ฮ่าๆๆๆ ช่างน่าขันนัก นี่หรือเหล่านาคาผู้อ้างว่าเป็นกึ่งเทพ แต่เหตุใด ผู้สูงส่งเยี่ยงพวกท่านจึงมาเกลือกกลั้วกับเหล่าอสูรชั้นต่ำอย่างน้องชายของข้าพระองค์ได้เล่า ท่านกนธี” เสียงห้าวเอ่ยเยาะเย้ย

“อสูร นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร ใครเป็นอสูรกัน”

“หึหึ ช่างโง่เขลานัก นี่ท่านมิรู้ดอกหรือว่าคู่รักของท่าน คือ เจ้าชาย ราพฤทธิ์ น้องชายคนเดียวของเรา ผู้เป็นใหญ่แห่งยักษาทั้งปวง ฮ่าๆๆๆ”

“พอได้แล้ว ท่านพี่ ได้โปรดเถิด” เสียงทุ้มเอ่ยบอกก่อนจัก ดำเนินไปหาผู้เป็นที่รักที่บัดนี้ มองตนด้วยแววตัดพ้อ
ได้โปรดเถิดกนธี อย่ามองพี่ด้วยแววตาเยี่ยงนั้น เจ้ารู้หรือไม่ว่า ใจพี่จักขาดแล้ว

“กนธี ได้โปรดฟังพี่ก่อน”

“ไม่ เราไม่ฟัง ท่านหลอกเรา ท่านหลอกลวงเราได้เยี่ยงไรกัน” สุรเสียงหวานตัดพ้อก่อนที่อสุชลจักหลั่งริน ราวกับห่าฝน พระพักตร์งานที่มักแต้มรอยยิ้มนั้นเหลือเพียงร่องรอยแห่งความเศร้า

“กนธี พี่รักเจ้านะ คำว่ารักของพี่มิเคยหลอกลวง พี่รักเจ้าด้วยใจบริสุทธิ์ ”

“จงหยุดกล่าว วาจา ล่วงเกินโอรสแห่งเราบัดเดี๋ยวนี่ เจ้าอสูรชั้นต่ำ” สุรเสียงกราดเกรี้ยวของเจ้าแห่งนาคาตรัส

“การนี้นำความเสื่อมเสียมาสู่วงนาคา จนมิอาจอภัยให้ได้ เราคงมิอาจปล่อยเจ้าไป”

“เสด็จพ่อ!!! ได้โปรดอย่าทำร้ายคนรักของลูกเลยพระเจ้าค่ะ” วรองค์บางตรัสก่อนจักขวางพระบิดาของพระองค์ไว้  แม้นจักโกรธที่โดนหลอกลวงหากแต่รักที่มีในพระทัยนั้นกลับทำให้พระองค์มิอาจทนเห็นคนรักต้องสิ้นชีวาได้

“ทหารเอาตัวพระโอรสออกมา” สุรเสียงเข้มตรัสก่อนที่เหล่าทหารนาคาจักเข้าไปแยกทั้งสองออกจากกัน

“ปล่อย ปล่อยเรา นะ ปล่อย พี่ราพฤทธิ์ ๆๆๆ”

“กนธี” สองร่างต่างโผเข้ากอดกันแน่นมิยอมแยกจาก แต่ก็อาจต้านแรงคนมากกว่าได้

“พี่ราพฤทธิ์ ฮึกๆๆ ฮื่อ ๆๆ”

“ฮ่าๆๆ ละคร เรื่องนี้ช่างสนุกยิ่งนัก ดูแล้วเพลิดเพลินยิ่งกว่าละครในเสียอีก” สุรเสียงห้าวของเจ้าแห่งยักษาตรัสก่อนจักสรวลลั่น ราวขบขันเสียเต็มประดา

“เหตุใดท่านจึงมิยื่นมือเข้าช่วย อนุชาท่าน ท่านราพสูร” เจ้าแห่งนาคาตรัสถาม

“เหตุใด ต้องช่วย เราเป็นอสูร มิได้มีจิตใจขาวสะอาดเมตตาเยี่ยงพวกท่านดอก เรามาที่นี่ก็เพื่อมาชมละครสนุก เพียงเท่านั้น ต่อให้ท่านสังหารราพฤทธิ์สิ้นเราก็มิได้รู้สึกอันใด ฮ่าๆๆๆ”

“ก่อนที่จักต้องตาย ข้าพระองค์อยากขอร้องท่านผู้เป็นใหญ่แห่งสายน้ำสักคราได้หรือไม่”

“ช่างไม่เจียมตัวนัก เจ้าสิทธ์อันใดมาขอร้องเรา”

“ข้าพระองค์รู้ว่าต่ำต้อย มิอาจคู่ควรเมตตาของพระองค์ แต่สิ่งที่ข้าพระองค์จักขอร้องก่อนตาย คือ ได้โปรดอย่าลงโทษกนธีเลยนะพระเจ้าค่ะ ขอให้ความผิดทุกอย่างเป็นของข้าพระองค์แต่เพียงผู้เดียวเถิดพระเจ้าค่ะ”



ร่างหนาเอ่ยก่อนที่แสงจากตรีสูรของผู้เป็นใหญ่แห่งสายน้ำจักพาดพันลงมา ในห้วงสำนักสุดท้ายแห่งลมหายใจ ร่างหนาจ้องมองไปยังเจ้าหัวใจของตนที่ร้องไห้คร่ำครวญราวกับจักขาดใจ

“กนธี พี่รักเจ้า ต่อให้ชาตนี้หรือชาติหน้า พี่ก็จักขอรักเจ้าทุกชาติไป”

“ไม่!!!!” วรองค์บางตะโกนก้องเมื่อร่างของผู้เป็นที่รัก แน่นิ่งไป ราวกับดวงใจถูกกระชากออกจากวรกาย บัดนี้พระองค์ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่มิอาจประเมินได้ มันเจ็บราวกับมีเข็มนับพันทิ่มแทงร่างกาย


ไม่มีอีกแล้วอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น
ไม่มีอีกแล้วคำหวานที่ได้รับฟังทุกคราที่พบหน้า
ไม่มีอีกแล้ว ร่างหนาที่ หยอกเย้าให้พระองค์ขบขัน ตลอดเวลา

วรองค์บางได้แต่ร่ำไห้แลปล่อยให้อสุชลไหลรินอยู่เยี่ยงนั้น ตั้งแต่นี้ต่อไป ชีวิตของพระองค์จักดำรงอยู่เช่นไรเมื่อมีเพียงร่างกายแต่ปราศจาก “ดวงหทัย”

“ราพฤทธิ์ เจ้าพี่ ไม่ ไม่!!!”









“ท่านกนธี ท่านกนธี พระเจ้าค่ะ ท่านกนธี” เจ้าเต่าอ้วนเอ่ยเรียกผู้เป็นนายเหนือหัว ด้วนแววตาตื่นตระหนก วรองค์บอบบางที่ดิ้รทุรนทุรายราวกับเสียสตินั้น เหตุใดมิยอมตื่นหนอ นายของมันเป็นอันใดกัน ช่างน่ากลัวเหลือเกิน

“ท่านกนธี ตื่นเถิดขอรับ!!!” เจ้าเต่าตะโกนลั่น ก่อนที่วรองค์บางจักรู้สึกพระองค์

“ต้วมเตี้ยม เจ้าเองหรือ”

“พระเจ้าค่ะ พระองค์เป็นอันใดพระเจ้าค่ะ ช่างน่ากลัวเหลือเกิน”

“เราฝันร้าย”

“แย่แล้ว ต้วมเตี้ยม แสงสุรีย์!!!” สุรเสียงหวานตรัสก่อนจัก ดำเนินออกจากพระแท่นทันที

.............................TBC

จะเกิด อะไร ขึ้น กันน้อ ฮ่าๆๆ  คงรู้กันแล้วใช่ไหมคะ
ว่าคนรักของ กนธี เป็นใคร ทันี้เรามาลุ้น คู่หลักกันดีกว่า
ว่าจะเป็นยังไงต่อ เนาะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน9 8/7/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 08-07-2012 03:34:26
น่าสงสารกนธีนะ


แล้วใครจะช่วยแสงสุรีย์ได้ล่ะทีนี้...  :dont2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้นๆ) แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน9 8/7/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: honeystar ที่ 08-07-2012 08:42:45
กนธีน่าสงสารอ่ะ แสงสุรีย์จะเป็นอะไรไหมนะ
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน9 8/7/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 09-07-2012 00:39:01
ขอเปลี่ยนแปลง นิดหน่อย เพราะ ทีแรก คิดว่า จะเป็นเรื่องสั้น

แต่มาๆไปๆ มันดันไม่สั้น ฮ่าๆๆ

ขอเปลี่ยนเป็นเรื่องยาว นะคะ
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน9 8/7/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 10-07-2012 20:06:31
       ตอน 10
     
สองร่างที่ตระกองกอดกันในยามราตรีต่างหลับด้วยความสุข หากแต่วรองค์สูงกลับลืมตาโพลงในความมืดเมื่อรับรู้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น รอบแนวป่า

“แสงสุรีย์ ตื่นเถิด”

“มีอันใดพระเจ้าค่ะ”

“เจ้าจงรีบไปแจ้งแก่ นายบ้านแลชาวบ้านทั้งหลายว่า ต่อให้ได้ยินเสียงอันใดก็จงอย่าออกจากบ้านเป็นอันขาด”

“มีเหตุอันใดหรือ”

“จงเร่งไปเถิด หากช้าจักไม่ทันกาล”

วรองค์สูงมิยอมตอบอันใดแต่กลับเร่งนั่งสมาธิแลบริกรรมคาถาเพื่อสร้างเขตอาคมป้องกันมิให้คนในหมู่บ้านได้รับอันตรายในที่สุดสิ่งงที่พระองค์กลัวก็เกิดขึ้นจริง!!!


“เกิดอันใดขึ้นพระเจ้าค่ะ ทรงบอกน้องเถิด” วรองค์บางของพระโอรสแสงสุรีย์ตรัสถามหลังจากแจ้งแก่ชาวบ้านแล้ว

“เราอาจจักต้องพบเจอกับเหตุการณ์ร้ายเสียแล้วเจ้า”

“เจ้าพี่หมายความว่า มีคนตามเราพบหรือพระเจ้าค่ะ”

“ใช่ ” สุรเสียงทุ้มตรัสก่อนจักรั้งวรองค์ไว้แน่น

“พี่รักเจ้านะแสงสุรีย์ ไม่ว่าอันใดจักเกิดขึ้นต่อไปนี้ ขอให้เจ้ารู้ว่า พี่นักเจ้ามากเหลือเกิน” ทรงย้ำกับคนรักและย้ำกับองค์เองว่า คนที่อยู่ในอ้อมพาหานี้สำคัญกับพระองค์มากเพียงใด

“ไปเถิด คงถึงเวลาที่เราจักต้อง พบความจริงเสียที”

“เจ้าพี่ น้องรักเจ้าพี่เช่นกัน ตลอดเวลาที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน น้องมีความสุข แม้นมันจักเป็นช่วงเวลาที่สั้นเพียงใด แต่น้องก็มีความสุขเพราะน้องได้อยู่กับคนที่น้องรัก ไม่ว่าจักเกิดอันใดก็ตาม น้องก็จักขอรักเจ้าพี่ทุกภพทุกชาติไป”




สองขัตติยะดำเนิน ออกจากเรือนพักเพื่อมาที่ชายป่า หมดเวลาที่ต้องหนีเสียที

“มาแล้วหรือ ฤทธิรุทร ลูกรัก”

“เสด็จพ่อ มิน่าลำบากเสด็จมาด้วยพระองค์เองเลยนะพระเจ้าค่ะ”
ตรัสตอบอย่างดูเชิง เพราะรู้อยู่เต็มพระทัยว่า คนตรงหน้านี้แม้นจักเป็นพระบิดาของพระองค์ แต่คงมิมีทางอภัยในสิ่งที่พระองค์ทำได้ เพราะ องค์ราพสูรมิเคยไว้ชีวิตผู้ทรยศ!!

“นี่สินะ คนรักของเจ้า หึหึ อืม ช่างงามสมกับเป็นโอรสแห่งกนธีนาคา มิน่า ถึงทำให้เจ้ายอมทิ้งฐานันดร มาเป็นชาวป่าเยี่ยงนี้” สายพระเนตรแข็งกระด้างทอดมองวรองค์บาง อย่างพินิจแต่กลับแฝงไปด้วยโทสะจนคนถูกมองสั่นสะท้าน

“แสงสุรีย์ คือคนรักของลูก ลูกยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อได้อยู่กับคนที่ลูกรักพระเจ้าค่ะ”

“หึ เจ้ารู้หรือไม่ลูกรัก เมื่อ 500 ปีก่อนมีชายที่โง่เขลาแลเชื่อในความรักคนหนึ่ง ยอมทิ้งฐานันดรต่างๆแลหนีการแต่งงานมาเพื่ออยู่กับคนรัก
แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าจุดจบของชายคนนั้นเป็นเยี่ยงไร”

“จุบจบของมันคือ ตาย !!! อย่างไรเล่า ฮ่าๆๆ ช่างน่าขันนัก ความรักมีอะไรดีหรือ ยิ่งความรักระหว่างบุรุษด้วยกันนั้น ยิ่งมิน่าใคร่เอาเสียเลย เจ้าลองตรองดูเถิดลูกรัก ว่าจักเลือกสิ่งใด”

“โปรดอภัยให้ลูกด้วย ลูกเลือก     รักพระเจ้าค่ะ ”

“ดี หากเจ้าเลือกรัก ก็จงตายตกไปตามความโง่ของเจ้าเสียเถิด” ตรัสจบก่อนจักบริกรรมคาถา พลันปรากฏ ลมพัด อื้อ อึง เมฆดำลอยอยู่ทั่วบริเวณ พระเนตรแข็งกร้าวแดงฉาดดั่งโลหิตก่อนจักใช้จักรกรดเข้าพาดฟันต่อสู้กับโอรสแห่งตน


เปรี้ยงๆๆๆ

เสียงของจักกรดแลตรีเพรช เข้าโรมรันกันกลางเวหา จนเกิดเป็นเสียงเปรี้ยงปร้างคล้ายฟ้าจักถล่ม อาวุธทรงอานุภาพทั้งสองต่างเข้าพาดฟันโดยมิมีใครยอมใคร แต่อนิจจา ผู้เป็นโอรสไหนเลยจักเอาชนะบิดาแห่งตนได้เพียงเพลาไม่นานตรีเพรชกลับถูกจักรกรดทำลายเสียย่อยยัย





“อ๊ากกก” วรองค์สูงกระอักพระโลหิตออกมาก่อนจักทรุดลงเพราะมิอาจต้านพระเวทย์ของบิดาได้

“เจ้าพี่” วรองค์บางตระกองกอดคนรักแน่น

“แสงสุรีย์ หนีไป อย่าเป็นห่วงพี่ หนีไปเถิด”

“ไม่ น้องไม่หนี ต่อให้ต้องตายน้องก็มิทิ้งเจ้าพี่ไป”

“หึ ช่างน่าสมเพช หากพวกเจ้ารักกันมากนักก็ตามตกไปตามกันเสียเถิด”

“จักรกรด ฆ่าพวกมันซะ” ตรัสสั่งจักรกรดเข้าสังหาร สองร่างที่ตระกองกอดกันไว้นั้นทันที

“พี่รักเจ้า/น้องรักเจ้าพี่”



เปรี้ยง!!!!




สองขัตติยะต่างตระกองกอดกันแน่นแม้นจักเป็นวาระสุดท้ายแห่งชีวิตก็จักขอตายในอ้อมกอดของกันและกัน
อานุภาพแห่งจักรกรด ฟาดฟันลงใส่อย่างมิมีปรานี แต่กลับมิอาจทำให้พระโอรสทั้งสองหวั่นไหวได้ แม้นเสี้ยวสุดท้ายแห่งลมหายใจยังคงแย้มยิ้มให้แก่กัน ความตายมิได้มีอันใดน่ากลัวสักนิด เพราะสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าคือความรัก

“ขอให้เราสอง ครองรักกันทุกชาติไป”
 

“หึ พวกเจ้ามันช่างโง่นัก” ตรัสเย้ยหยันก่อนจักพาเหล่าเสนายักษ์กลับนครเวหลไป













“โอ้ย!!!” สุรเสียงหวานอุทานลั่นก่อนจักกุมพระทัยที่เจ็บราวกับโดนเข็มนับพันทิ่มแทง

“ท่านกนธี เป็นอันใดพระเจ้าค่ะ” ต้วมเตี้ยมเอ่ยถามผู้เป็นนาย

“เรามิรู้ ต้วมเตี้ยยม เหตุใดเราจึงเจ็บปวดหัวใจเช่นนี้ โอ้ย!! หรือว่า จักเกิดอันใดขึ้นกับลูกของเรา” สุรเสียงหวานเอ่ยก่อนจักเร่งรุดเดินทาง
ไปยังหมู่บ้านพรานป่าที่พระโอรสของพระองค์ซ่อนตัวอยู่

เทพยดาทั้งหลายได้โปรดช่วยแสงสุรีย์ด้วยเถิด อย่าให้โอรสของเราเป็นอันใดเลย







วรองค์บางดำเนินเข้าไปในหมู่บ้านกลับพบเพียงความเงียบงันที่ผิดปกติ

“เหตุใดจึงเงียบเช่นนี้พระเจ้าค่ะ”

“ไปตามหาแสงสุรีย์ เถอะต้วมเตี้ยม” สุรเสียงหวานตรัส ก่อนจักดำเนินไปที่ชายป่า

“แสงสุรีย์!!!”


สุรเสียงหวานตะโกนลั่นก่อนจักทรุดองค์ลงเพราะมิอาจยอมรับได้กับสิ่งที่ทอดพระเนตรอยู่ ร่างสองร่างตระกองกอดกันแน่น เต็มไปด้วยเลือดแดงฉาด องค์กนธีรับรู้ถึงความเย็นเฉียบที่แล่นเข้าสู่ร่างกาย จนมิอาจขยับองค์ได้ หัวใจบีบรัดราวถูกกระชากออกมา กี่ครั้งที่พระองค์ต้องทนเห็นคนที่รักจากไป กี่ครั้งที่ต้องทุกข์ทรมานอยู่เพียงผู้เดียวบนโลกที่แสนอ้างว้าง นี่มันเวรกรรมอะไรกันหนอ พระองค์เคยทำอะไรไว้หรือใยต้องพบเจอกับความทุกข์เยี่ยงนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ท่านกนธี พระโอรส” เจ้าเต่าอ้วนรีบวิ่งเข้าไปประคองนายเหนือหัว ของมันเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ขนาดมันที่เป็นเพียงพี่เลี้ยงแลเพื่อนเล่นของพระโอรสยังเจ็บปวดถึงเพียงนี้ แล้วองค์กนธีเล่าจักเจ็บปวดมากกว่ามันกี่ร้อยกี่พันเท่ากัน

“ลูกเรา ตายแล้ว ต้วมเตี้ยว เรามาไม่ทัน แสงสุรีย์ทิ้งเราไปแล้ว ฮื่อๆๆ” วรองค์บางกันแสงอย่างหนักจนอสุชลแทบเป็นสายเลือด ลูกน้อยที่พระองค์ฟูมฟักเลี้ยงดูมาตั้งแต่แบเบาะ สิ้นลมไปต่อหน้า พระองค์จักมีชีวิตอยู่ได้เยี่ยงไร แสงสุรีย์คือสิ่งเดียวที่ทำให้พระองค์อยากมีชีวิตอยู่หลังจากที่ คนรัก จากไป แต่บัดนี้ ไม่มี อีกแล้ว

“พระองค์ โถ่ หักห้ามใจเถิดพระเจ้าค่ะ อย่าทรงกันแสงอีกเลย ” เจ้าเต่ายักษ์ได้แต่ปลอบผู้เป็นนาย แต่คล้ายกับว่า วรองค์บางนั้นไม่ยินยอมรับรู้สิ่งใดเลย ยังคงปล่อยให้อสุชลหลั่งรินอยู่อย่างนั้น

“เราทำอันใดผิดหรือ เรากับลูกทำอันใดผิด เหตุใดต้องสูญเสียถึงเพียงนี้ ความยุติธรรมอยู่ที่ใด ความรักคือสิ่งที่น่ารังเกียจหรือ คนมีความรักคือคนที่สมควรตายหรืออย่างไรกัน”








“เจ้านายเจ้า กินอะไรบ้างหรือยังต้วมเตี้ยม”

“ไม่เลยพระเจ้าค่ะ องค์กนธีมิยอมเสวยอะไรมาหลายวันแล้วนะพระเจ้าค่ะ ทรงซูบผอมจนข้าพระองค์จักทนดูไม่ได้แล้ว”
องค์วิรุณปักษ์นาคา ฟังคำกราบทูลของต้วมเตี้ยมแล้วได้แต่ถอนใจ แม้นครั้งนี้จักคล้ายเมื่อ 500 ปีก่อนแต่ กลับหนักหนานักสำหรับหัวใจโอรสของพระองค์ การสูญเสียคนที่รักซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้กนธีนาคามิอาจรับความจริงได้ ตั้งแต่วันที่นัดดาของพระองค์สิ้นชีพไป กนธีก็มิยอมพูดหรือกินอะไรเลย พระองค์ผู้เป็นพ่อนั้นห่วงแทบขาดใจแต่ก็มิอาจช่วยลูกมากเพราะนี่เป็นเวรกรรมของกนธี ที่ต้องเผชิญ ได้แต่ภาวนาให้โอรสหลุดพ้นจากห่วงทุกข์นี้ได้เสียที

“แสงสุรีย์ เจ้าอยู่ที่ไหน แสงสุรีย์ ออกมาหาพ่อเถิด อย่าเอาแต่เล่นซนสิ ” วรองค์บางตรัสก่อนจักดำเนินหาลูกน้อย

“ต้วมเตี้ยม เจ้าเห็นแสงสุรีย์ไหม ไม่รู้ว่าไปเล่นซนที่ใด ดึกดื่นป่านนี้เหตุใดยังไม่กลับมา”

“โถ่ พระองค์ ทรงหักใจบ้างเถอะพระเจ้าค่ะ พระโอรส สิ้นพระชนพ์ไปแล้วนะพระเจ้าค่ะ”

“บังอาจ ลูกเรายังไม่ตาย เจ้าอย่ามาพูดจาเช่นนี้ระวังจะหัวหลุดจากบ่า”

“พระองค์”

“ฮื่อๆๆๆ ฮึกๆๆ ลูกเรายังไม่ตาย แสงสุรีย์เพียงแค่เที่ยวเล่นเท่านั้น อีกไม่นานก็จักกลับมา” วรองค์บางเหม่อมองออกไปนอกถ้ำพลางตรัสแผ่วเบาถึงพระโอรส จนเจ้าเต่ายักษ์มิอาจทนดูได้ เหตุใดหนอนายเหนือหัวของมันจึงต้องทนทุกข์ทรมานเยี่ยงนี้ นี่มันเวรกรรมอันใดกัน






นานนับเดือนที่กนธีนาคาปล่อยพระทัยให้จมจ่ออยู่กับความโศกเศร้า ไม่กิน ไม่นอน ไม่พูด กับผู้ใดเลยนับตั้งแต่วันนั้น หัวใจดวงน้อยที่แสนเปราะบางนั้นมิอาจรับได้กับเรื่องราวร้ายๆที่เกิดขึ้น สองครั้ง สองครา มิอยากอยู่อีกแล้ว มิอยากอยู่อย่างโดดเดี่ยวเยี่ยงนี้เลย

“แสงสุรีย์ๆๆๆ เจ้าพี่ราพฤทธิ์ ทั้งสองกลับมาหาเราแล้วๆ ”

“กลับมาหาเราแล้วใช่หรือไม่”

พระเนตรหวานที่เต็มไปด้วยอสุชล มองไปยังสองร่าง ที่พระองค์รักจับใจ หนึ่งนั้นคือ บุรุษอันเป็นที่รัก หนึ่งคือลูกน้อยของพระองค์ ในที่สุด วันที่พระองค์รอคอยก็มาถึง

“กนธี อย่าร้องไห้อีกเลย พี่มิอยากเห็นเจ้าร้องไห้” สุรเสียงทุ้มที่แสนรักตรัสบอกอย่างอ่อนโยนก่อนพระหัตหนาจักเช็ดน้ำตาให้

“เสด็จพ่อ อย่าทรงห่วงลูกเลย พระองค์มิผิดที่ช่วยลูกไม่ได้ มันมิใช่ความผิดใคร เพราะมันคือกรรมของลูกเอง อย่ากันแสงเลยนะพระเจ้าค่ะ”

“แสงสุรีย์ เจ้าพี่ ”

“กนธี พี่รักเจ้านะ อย่าร้องไห้อีกเลย หากเจ้าร้องไห้พี่กับลูกคงมิอาจเป็นสุขได้ แม้นชาตินี้เกิดมาเพียงได้พบกันแต่หากชาติหน้ามีจริง พี่ของเกิดมาเพื่อได้รักเจ้า แลจักตามรักเจ้าทุกชาติไป”

“ลูกก็เช่นกัน หากชาติหน้าเลือกได้ ลูกขอเกิดเป็นลูกของเสด็จพ่อ เช่นกัน”


“ลูก เจ้าพี่ อย่าเพิ่งไป อย่าทิ้งเราไว้คนเดียว อย่าเพิ่งไป!!!”

“พระองค์ๆ ตื่นเถิดพระเจ้าค่ะ พระองค์”

“ต้วมเตี้ยม” วรองค์บางตรัส หลังจากรู้สึกพระองค์

“ทรงสุบินหรือพระเจ้าค่ะ”

“เราฝัน เราฝันว่าลูกกับเจ้าพี่มาหาเรา ”

“พระองค์ หักห้ามใจเถิดพระเจ้าค่ะ”

“นี่มันเช้าแล้วหรือต้วมเตี้ยม”

วรองค์บอบบางทอดพระเนตรรอบๆห่องบรรทม กี่ราตรีแล้วที่พระองค์มิอาจข่มตาหลับได้ กี่ราตรีที่ทนทุกข์ทรมานจนมิเห็นเดือนเห็นตะวัน

“เจ้าไปเตรียมสำรับเถิด เราหิวแล้ว”
“พระองค์” เจ้าเต่ายักษ์เอ่ย อย่างตกตะลึง

“ยังมิรีบไปอีก”

“พระเจ้าค่ะ” ร่างอ้วนๆกระวีกระวาดเข้าโรงครัวเพื่อบอกข่างเดียวกับเหล่าข้าราชบริพาร ในที่สุด เจ้าเหนือหัวของมันก็คลายทุกข์แล้ว มันดีใจยิ่งกว่าตนเองได้กินสาหร่าย ทั้งทะเลเสียอีก มิมีความสุขใดเทียบเท่าได้เลย

“ลูกรัก พ่อทำถูกใช่ไหมลูก”

“เจ้าพี่ น้องทำถูกแล้วใช่ไหมพระเจ้าค่ะ”

วรองค์บางเหม่อมองออกไปยังท้องทะเลเบื้องหน้า ก่อนจักแย้มพระโอษฐ์ ขึ้น เมื่อนึกถึงบุคคลอันเป็นที่รัก

“หากชาติหน้ามีจริง หวังเพียงว่าเราสามคนจักได้อยู่ร่วมกัน อย่างมีความสุขเสียที อย่าให้เหมือนชาตินี้ที่ต้องพบเจอกับความทุกข์เลย”
วรองค์บางตรัส ราวกับฝากบอกคนที่อยู่แสนไกล หากชาตินี้พระองค์มีเวรกรรมใหญ่หลวงจักต้องเผชิญ ก็ขอรับไว้ให้มันสิ้นสุดลงในชาตินี้ แลจักหมั่นบำเพ็ญภาวนาเพื่อให้ชาติภพหน้ามิต้องทนทุกข์ทรมานด้วยการสูญเสียคนรักเลย

                                           
                                                         แสงสุรียา ลาลับ ดับไปแล้ว

                                                           
                                                           เหลือเพียงแววเศร้าโศกแลโหยหา

       
                                                                           หากแม้นมี บุญ บาป ร่วมกันมา


                                                                       หวังเพียงพบ สุริยา ในเร็ววัน



......................................... TBC 

มันยังไม่ยอมจบ ฮ่าๆๆ ช่วงนี้ พิต เวิ่น มาก

จบไม่ลง อิอิ คงมีต่ออีก หลายตอน

แต่คงเปลี่ยนแนว นิดหน่อย คิดว่า คงพอจะเดาออก

กันแล้ว ^_^

ปอลอ  รักทุกคนนะ ม๊วบๆๆ





 
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน10 10/7/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 10-07-2012 20:21:54
หาคู่ให้ กนธี บ้าง จะได้หายเหงา
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน10 10/7/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: mumamayza ที่ 10-07-2012 20:59:03
หาคู่ให้ กนธี บ้าง จะได้หายเหงา

เห็นด้วยอย่างยิ่ง ท่าน นักเขียนโปรด หาคู่ หัยท่านกนธี  มิฉะนั้น ข้าพเจ้า จะฉุด นักเขียนลงใต้บาดาร  :a2:
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน10 10/7/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: honeystar ที่ 10-07-2012 21:10:03
รอตอนต่อไปค่า เดาตอนต่อไปไม่ถูกเลยว่าจะเป็นยังไง
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน10 10/7/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 10-07-2012 21:44:12
อะไรจะรันทดขนาดนี้

 :o7:
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน10 10/7/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 10-07-2012 22:41:07
น้ำตาซึม
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน10 10/7/12 P 2 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 11-07-2012 12:56:25
สปอยๆๆๆๆ ตอน 11  :impress2:

เจอกัน เพราะ.....วาสนา

จากกัน เพราะ.....โชคชะตา

กลับมา เพราะ .... ฟ้าลิขิต


เฝ้าตามหาความรักมาตลอดทั้งชีวิตแต่ยิ่งพยายามตามหากลับยิ่งพบเพียงความว่างเปล่า ไม่มีใครสามารถเติมช่องว่างที่อยู่ในหัวใจได้เลย เหมือนเขาเฝ้ารอใครสักคนมานานแสนนาน มันนานซะจนในใจมีแต่ความเจ็บปวดและคำว่าคิดถึง


http://youtu.be/fwp0VWEbk_M (http://youtu.be/fwp0VWEbk_M) อยากลงเพลงแต่ลงไม่เปน เอาแบบนี้แล้วกันเนาะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า สปอยๆๆ ตอน11 11/7/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 11-07-2012 20:59:44
ง่ะ อย่ามาสปอยล์ เอามาต่อด่วนๆเลยจ้า
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า สปอยๆๆ ตอน11 11/7/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 12-07-2012 18:08:58
มาแบบนี้
ฆ่ากันเลยดีกว่า o18
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน11 14/7/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 14-07-2012 22:22:52
ตอน 11


เจอกัน ....... เพราะ วาสนา

จากกัน ....... เพราะโชคชะตา

กลับมา ...... เพราะฟ้าลิขิต




 ปี 2555 กรุงเทพ ประเทศไทย


ร่างบางยืนชะเง้อมองที่ช่องผู้โดยสารขาเข้าอย่างใจจดใจจ่อ วันนี้แล้วสินะที่เขารอคอยมา 5 ปี ในที่สุด เขาก็จะได้เจอคนที่คิดถึงเสียที

“ที ไม่ต้องชะเง้อขนาดนั้นหรอก เดี๋ยวลูกก็มาแล้ว” เสียงทุ้มจากชายร่างสูงที่อยู่ข้างหลังเอ่ยเย้า พลางกลั้นหัวเราะกับท่าทีของคนตัวบางที่ดูจะตื่นเต้นเหลือเกิน

“นี่คุณ ฤทธิ์ อยู่เฉยๆก็ไม่มีใครว่าอะไรนะ” เสียงหวานนั้นหันมาเอ็ดก่อนจะชะเง้อมองต่อไป

ร่างสูงของ ฤทธิ์  อัศวาพิพัตร ได้แต่สายหน้าให้คนรักเบาๆไม่น่าเชื่อว่าคนตรงหน้านี้จะเป็นผู้ชายและอายุ 42 เข้าไปแล้วเพราะรูปร่างบอบบางที่มองยังไงๆก็เหมือนกับสาววัยสามสิบต้นๆ นั้นยังดูสวยเหมือนวันแรกที่เจอไม่มีผิด หากจะย้อนกลับไปในวันแรกที่เขาเจอกับร่างบางๆนี้มันก็คงนานโข เพราะเป็นช่วงเรียนมหาวิทยาลัยของทั้งคู่ เขาเป็นคนนึงที่เฝ้าตามหาความรักมาตลอดทั้งชีวิตแต่ยิ่งพยายามตามหากลับยิ่งพบเพียงความว่างเปล่า ไม่มีใครสามารถเติมช่องว่างที่อยู่ในหัวใจได้เลย เหมือนเขาเฝ้ารอใครสักคนมานานแสนนาน มันนานซะจนในใจมีแต่ความเจ็บปวดและคำว่าคิดถึงอยู่แน่นไปหมด

แต่วันนั้น วันที่เขาพบกับร่างบางตรงหน้า ความรู้สึกเต็มตื้นที่เอ่อล้นในหัวใจ ไม่รู้ว่ามาจากไหนเพียงได้พบคล้ายกับช่องว่างในหัวใจมันถูกเติมเต็ม เขาเองก็ไม่เคยคิดว่าจะรักผู้ชายด้วยกันมาก่อนแต่กลับรักผู้ชายร่างบางๆคนนี้อย่างเต็มหัวใจ
มันคงแปลกสำหรับคนทั่วไปที่จู่ๆ ผู้ชายที่เพิ่งพบกันครั้งแรกสองคนโผเข้ากอดกันเหมือนโหยหามานานแสนนาน ไม่อยากจะบอกว่า วีรกรรมของเขากับคนรักเป็นตำนานของมหาวิทยาลัยมาจนถึงวันนี้

“เจ้าพี่ ท่านกลับมาแล้ว ท่านกลับมาหาน้องแล้ว”

“พี่กลับมาแล้ว พี่กลับมาเจ้าแล้วนะยอดดวงใจของพี่”

คำพูดลิเกๆ ที่ทั้งสองบอกกันชวนให้คนอื่นสงสัย แต่มันไม่ใช่กับ ฤทธิ์และนที เพราะมันเป็นคำที่ออกมาจากใจ เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองพูดมันออกไปได้ยังรู้แค่ว่า ต้องพูดเท่านั้น ตั้งแต่วันนั้น นาย นที ธาราลัย ก็กลายเป็น นาย นที อัศวาพิพัตร โดยพฤตินัยทันที และเป็นโดยนิตินัยหลังจากนั้นเพียงสี่ปี  เขาสองคนผ่านอะไรต่างๆมาด้วยกันมากมาย ทั้งการยอมรับจากครอบครัว การปรับตัวให้ชินกับสายตาแปลกๆที่ถูกมอง แต่ ทั้งคู่ก็ผ่านมันมาได้อย่างไม่ยากเย็น  เพราะ ความรักที่มีให้กัน ทำให้คนรอบข้างเริ่มมองพวกเขาในแง่ดีขึ้น เขาไม่สนว่าโลกจะมองยังไง คนเดียวที่เขาสนใจ คือร่างบางที่อยู่ตรงหน้าต่างหาก จะมีประโยชน์อะไรถ้าเราแคร์คนอื่นแล้วทำให้คนที่เรารักต้องเจ็บปวด สังคมเป็นแค่องค์ประกอบของชีวิต แต่ นที คือชีวิตทั้งชีวิต ของเขา

“คุณๆ เหม่ออะไรเล่า ช่วยกันมองหาลูกสิ”

“ครับๆ คุณภรรยา” เสียงทุ้มตอบก่อนจะได้ค้อนวงใหญ่จากคนรัก

“ตะวันๆ ทางนี้ลูก ตะวัน ” เสียงหวานตะโกนโหวกเหวก พลางชูไม้ชูมือเรียกคนที่กำลังเดินออกมาจากเกท

“คุณพ่อ คุณป๋า” ร่างเล็กของใครคนนึงวิ่งมาหาทั้งสองก่อนจะโผเข้ากอด นทีเสียเต็มรักให้สมกับความคิดถึงที่ไปเรียนต่อเมืองนอกเมืองนานานหลายปี

“คิดถึงจังเลยครับ” เสียงเล็กๆเอ่ยบอก ตะวัน อัศวาพิพัตร คือพยานรักของเขาและนที ที่ตอนนี้อายุ 22 ปีแล้วและเหตุที่เขากับคนรักต้องมารับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่นี่เพราะว่าเจ้าลูกชายตัวดี ดันเรียนเก่งจนได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาที่อเมริกา

“ปากหวานนะเรา ไปอยู่โน่นตั้งนานสงสัยจะคุณป๋าไปแล้วมั้ง” เสียงทุ้มเอ่ยเย้าลูกชายที่เอาแต่กอดอีกคนจนอดน้อยใจไม่ได้

“แหม คุณป๋า อ่า ตะวัน คิดถึงคุณป๋าที่สุดเหมือนกันคร้าบบบบบบ” ลูกชายยิ้มน่ารักก่อนจะโผเข้ากอดแน่น

“กลับเถอะลูก รู้ไหมว่า พ่อของลูกน่ะ เขาเตรียมทำกับข้าวรอเราตั้งแต่ตีสามแน่ะ” ฤทธิ์บอก

“เชอะ ใครบอกว่าพ่อคนเดียว คุณป๋าเราน่ะ เตรียมของขวัญรับขวัญตั้งแต่เดือนที่แล้ว” ร่างบางได้ทีแขวะบ้าง

“พอๆ เถอะคร้าบ กลับบ้านกันดีกว่าตะวันคิดถึงบ้านจะแย่แล้วครับ” เด็กหนุ่มห้ามทัพ ก่อนจะดุนหลัง พ่อกับคุณป๋าสุดที่รักให้กลับบ้าน
ถึงจะผ่านมานานแค่ไหนแต่ ตะวัน ก็รับรู้ได้ถึงความรักที่อบอวลอยู่รอบๆตัว ทุกครั้งที่เขา มอง คุณพ่อ กับ คุณป๋า อยู่ด้วยกันเด็กหนุ่มมักเห็นประกายแห่งความรักที่ทั้งคู่สื่อถึงกันแทบตลอดเวลา มันทำให้เขามีความสุขที่ได้อยู่บ้านหลังนี้ ถึงเขาจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ นที กับ ฤทธิ์ ก็ไม่เคยรักเขาน้อยลงเลย เขาไม่แคร์ว่าใครจะมองว่าครอบครัวเขาแปลกประหลาด เพราะ คุณป๋า สอนเสมอว่า ให้ใส่ใจกับความรู้สึกของคนที่อยู่ข้างๆ ตัวก่อน ก่อนที่จะมองคนอื่นๆรอบตัว

“เฮ้อ เราจะโชคดีแบบ คุณพ่อ กับ คุณป๋าไหมนะ” เด็กหนุ่มพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเดินตามผู้มีพระคุณทั้งสองไป

ปึก ตุ๊บ !!!


โอ้ย!!!!


เสียงเล็กอุทานหลังจากที่ชนกับแผงอกของใครสักคนเข้า

“เป็นอะไรไหมหนู” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ก่อนที่มือหนาจะพยุงร่างเล็กให้ลุกขึ้น

“ไม่หรอก แต่ว่าคุณเรียกใครว่าหนู” ตะวันบอกก่อนจะจ้องที่แผงอกของร่างสูงที่ดูๆไปน่าจะสูงกว่าเขาเกือบ 20 เซ็นต์ ตอนเด็กๆแม่ให้กิน
นมยีราฟหรือไงนะ ถึงโตมาสูงขนาดนี้

“เอ๋า ก็หนูไง ยังอยู่มัธยมอยู่ล่ะสิ ใช่ไหม หลงกับพ่อแม่เหรอ” เสียงทุ้มยังถามอย่างห่วงใย แต่ตะวันไม่ซึ้งสักนิด ไอ้ยาวนี่มันกล้าเรียกเขาว่าเด็กประถมเหรอ

“นี่ นายกล้าดียังไงมาว่าฉันเป็นเด็กมัธยมห่ะ ………………….เอ๊ะ”

ตะโกนบอกก่อนจะเงยหน้ามองไอ้คนตาถั่วให้ชัดๆ แต่ก็ต้องแปลกใจ เพราะไอ้คนตรงหน้า ทำไม มันคุ้นเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อนนะ

“เอ่อ เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า” ร่างสูงถามทันทีที่เห็นหน้า เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร รู้แค่ว่าเขา คุ้นเคยกับร่างเล็กๆตรงหน้าเหลือเกิน เหมือนโหยหา และคิดถึงมานานแสนนาน แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเขาเพิ่งเจอ คนตรงหน้าเป็นครั้งแรก

“มะ  ไม่ เคย หรอก อย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะ คุณขอโทษผมมาซะดีๆ ที่เรียกผมว่าเด็กมัธยม” เสียงเล็กยังคงโวยวาย จนคนทั้งสนามบินหันมามองเป็นตาเดียว

“มีอะไรกันเหรอลูก ตะวัน ” เสียงหวานเอ่ยถามลูกชาย ทันทีที่มาถึง นึกว่าหลงทางที่แท้ก็มาแผลงฤทธิ์แย้วๆอยู่นี่เอง

“ก็ เขามาชนตะวันแล้วไม่ยอมขอโทษแถมยังเรียกตะวันว่าหนูอีกอ่ะ พ่อ” เสียงเล็กบอกอ้อน จนร่างสูงตรงหน้าได้แต่ค่อนขอดในใจ เหอะ นี่มันนิสัยเด็กชัดๆ เฮ้อ จะทันประชุมไหมว่ะเนี่ย  ร่างสูงถอนใจอย่างระอา

“เอ่อ ขอโทษนะครับ มีอะไรกันเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ลูกชายและคนรัก

“คือ ตะวันมีเรื่องนิดหน่อยน่ะคุณ”

“หืม มีเรื่องกับใครเหรอ”  ฤทธิ์ถามพลางมองไปรอบๆตัว ก่อนสายตาจะปะทะกับร่างสูงที่น่าจะสูงพอๆกับเขายืนอยู่ สูทราคาแพงบวกกับบุคลิกน่าเกรงขามทำให้คนตรงหน้าดูมีอำนาจอย่างบอกไม่ถูก

“โทษนะครับ ไม่ทราบว่าจะโอ๋กันอีกนานไหมครับ พอดีผมรีบ” ร่างสูงบอกก่อนจะมองภาพของผู้ชายสองคนที่ทำท่าโอ๋ คนตรงหน้ายังกับโดนรถสิบล้อชน ก็แค่เดินชนนิดๆหน่อย

“นี่นาย พูดแบบนี้ก็สวยซิว่ะ” ร่างเล็กว่า พลางทำตาขวางราวกับโกรธคนตรงหน้ามาสักสิบชาติ

“ตะวัน พอแล้วลูกเดี๋ยวป๋าคุยเอง เราน่ะอยู่เงียบๆได้แล้ว”

“ป๋าอ่ะ ” ร่างเล็ก ทำหย้ายู่ใส่คนที่ถูกเรียกว่าป้า ก่อนจะสะบัดหน้างอนๆ
น่ารัก  คำสองคำนี่ผุดขึ้นมาในหัวของคู่อริ จนต้องสะบัดไล่ความคิดแปลกๆออกจากสมอง ไอ้เด็กผอมนี่มันจะน่ารักได้ไง เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่คิดแบบนั้น

“เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณ”  ฤทธิ์หันมาถามกับคู่กรณีของลูกชาย

“อ้อ ผม  อนิรุทร อัศวาพิพัตร ครับ” ร่างสูงแนะนำตัว

“หา!!!!”
แต่เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อคนสามคนทีอยู่ตรงหน้า ทำหน้าอย่างกับเห็นหนอนไม้ไผ่กลายเป็นมังกร ล่ะห่ะ

“คุณบอกว่าคุณนามสกุลอะไรนะครับ” ฤทธิ์ถามเพื่อความแน่ใจ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะฟังผิด

“อัศวาพิพัตร ครับ” ชายหนุ่มตอบฉะฉาน

“คุณเป็นอะไรกับ ราชัน อัศวาพิพัตร์”

“คุณรู้จักพ่อผมด้วยเหรอครับ”

“เจ้ารุทร จำอาได้ไหม ” ฤทธิ์เอ่ยถามร่างสูงตรงหน้า ก่อนที่อนิรุทรจะมองเขาด้วยแววตาพิจารณา



“อาฤทธิ์!!!” ชายหนุ่มอุทานเสียงดังลั่น จนคนทั้งสนามบินต้องหันมามองอีกครั้ง คราวนี้เป็นเขาบ้างที่ต้องเป็นฝ่ายเบิกตากว้างแทน
ตะวันมองดูคู่กรณีคุยกับป้าวยความ งง สรุปว่า ไปๆมาๆ เขากับไอ้ยาว นี่เป็นญาติกันเหรอ ไม่นะ อะไรมันจะ บังเอิญขนาดนั้น นี่ไม่ใช่ละครหลังข่าวนะเว้ยเห้ย

“ป๋า นี่มันอะไรกันครับ”

“เอาเป็นว่าไปคุยกันที่บ้านแล้วกันนะ ว่าแต่ รุทร ว่างไหม วันนี้”

“ที่จริงผมมีประชุมตอน 10 โมงแต่ตอนนี้ก็ 9 โมง 45 แล้ว คงไม่ทันหรอกเอาเป็นว่า ผมว่างแล้วกันครับคุณอา”
ชายหนุ่มตอบผู้เป็นอา ก่อนจะโทรไปเลื่อนนัดประชุม ดีนะที่ไม่ใช่ประชุมสำคัญอะไรไม่งั้นเขาคงโดนหาว่าเป็นพวกไม่ได้เรื่องเพราะโดดประชุมหลังจากรับตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการเพียงสามเดือน แน่ๆ
รถคันหรูทั้งสองคันขับเข้าจอดในบริเวณบ้านเดี่ยวสองชั้นที่ดูร่มรื่นด้วยสวนสวยดูไปดูมาคล้ายรีสร์อทในป่ามากกว่าบ้าน ใจกลางกรุง อืม สงสัย คนออกแบบสวนจะชอบตนไม้เอามากๆนะ เนี่ย

“เข้ามาๆๆ” เจ้าของบ้านร่างบางเชื้อเชิญอย่างเป็นกันเอง เพราะถึงยังไงชายหนุ่มตรงหน้าก็เป็นหลานแท้ๆของคนรัก ผิดกับร่างเล็กที่เดินหน้างอลงจากรถพลางมองค้อนให้คนตัวสูง

“เป็นอะไรคุณ ตกใจเหรอที่ผมกลายเป็นพี่ชายคุณน่ะ” ร่างสูงกระซิบ

“ผมเป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่ ไม่มีน้อง หลีก จะเข้าบ้าน” ร่างเล็กบอกอย่างไม่สบอารมณ์ คนตรงหน้านี่กวนโมโหเกินไปแล้วนะ

“เดี๋ยวสิ” มือหนาคว้าแขนเล็กไว้แน่น

“เอ๊ะนี่คุณ…”
กระแสบางอย่างที่ไหลผ่านร่างทำให้ตะวันหยุดชะงัก ไม่ต่างจากฝ่ายที่รั้งไว้เท่าไหร่ ความรู้สึกอบอุ่นที่แผ่ซ่านเข้ามาในใจมันคืออะไรกันแน่นะ ทั้งสองเหมือน ตกอยู่ในภวังค์ จนไม่สามารถขยับได้ ความรู้สึกเต็มตื้นเอ่อล้น จนคับอก นี่มันอะไรกัน ร่างเล็กบอกกับตัวเองในใจ ทำไมเหมือนอยากร้องไห้นะ

“ตะวัน ร้องไห้ทำไม ลูก” นทีเดินออกมาตามลูกชายแต่กลับพบว่า ลูกชายกับหลานชายกำลังจ้องกันอยู่ หนำซ้ำลูกชายตัวเล็กของเขายังร้องไห้อีกด้วย นี่มันอะไรกันเนี่ย

“ปะ เปล่า ครับพ่อ พอดี ตะวันแสบตาน่ะ สงสัยจะฝุ่นเข้า ตะวันขอตัวไปพักผ่อนนะครับ”
ร่างเล็กเลี่ยงเข้าบ้านก่อนที่จะสลัดแขนออกจากการเกาะกุม

“เข้าบ้านเถอะครับ คุณรุทร”

“เรียกผมว่า เจ้ารุทรเหมือน อาฤทธิ์ ก็ได้ครับ อาที” ชายหนุ่มบอกก่อนจะเดินตามร่างบางของ อาสะใภ้?? เข้าบ้านไป



..........................................................

เอาตอน 11 มาลงแล้วนะ ^_^
 เดาออกกันไหม อ่า ว่า จะออกมาในรูปนี้ กิกิ
พอเขียนๆไปมันรู้สึกว่าเหมือนเพลงนี้ ยังไงก็ไม่รู้
http://youtu.be/B6ZTc6qJyyk (http://youtu.be/B6ZTc6qJyyk)
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน11 14/7/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: honeystar ที่ 14-07-2012 22:36:31
เจอกันเเล้วว
แต่เอ ==' นทีกับคุณป๋าเรา =[]= มีตะวันได้ไงอ่ะ
อยากรู้ๆ
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน11 14/7/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: frenzy19 ที่ 14-07-2012 23:22:17
 :-[
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน11 14/7/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 15-07-2012 01:32:47
โอ๊ะ,,,กลับชาติมาเจอกัน
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน11 14/7/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: sukaz ที่ 15-07-2012 18:42:45
กลับมาแล้ว    กลับมาเจอกันแล้ว  :m15: :m15: :m15:



 o13 o13 o13

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอน11 14/7/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 04-09-2012 03:38:14
ตอน 13  The End

ปริ๊นๆๆๆๆๆ

เสียงคุ้นหูที่ร่างเล็กได้ยินมาตลอดทั้งเดือนทำให้ต้องผละจากงานที่ทำค้างอยู่ ออกไปที่หน้าบ้าน

“มาทำไมอีกเนี่ย” เสียงบ่นไม่พอใจดังขึ้นทันทีที่คนตัวสูงเดินเข้ามาในบ้าน

“ถ้าจะบอกว่า มาเพราะใจเรียกร้องล่ะครับ” เสียงทุ้มบอก ก่อนจะได้ค้อนวงโตจากร่างเล็กๆ ตรงหน้า

“เสี่ยวชะมัด ไอ้ยาวเอ้ย” เหวใส่คนร่างสูง ก่อนจะรีบหลบเข้าห้องทำงานไป

“บ้าเอ้ย ยิ้มทำไมเนี่ย ไอ้ตะวัน ” บ่นกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะจับหน้าที่เริ่มร้อนเพราะคำพูดของใครบางคน ตั้งแต่เจอกันจนถึงวันนี้ร่างสูงก็มาบ้านเขาแทบทุกวันจนเรียกว่าเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว

“บ้านตัวเองไม่มีให้กลับหรือไงนะ มาบ้านคนอื่นเขาได้ทุกวัน ชิ”

“ก็ที่บ้านอ่ะ มันไม่มีอะไรน่าสนใจนิครับ” เสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหู

“เฮ้ย !!! เข้ามาทำไมเงียบๆเนี่ยคุณ”  ตะวันเหวใส่คนตัวโตก่อนจะผลักร่างสูงออกห่าง

“พี่รุทร”

“อะไรเนี่ยคุณ พูดอะไรให้มันมีประธาน กริยา กรรม หน่อยได้ไหม ห่ะ”

“ก็รู้จักกันมาตั้งเดือนแล้ว ยังเรียกคุณๆอยู่ได้ บอกแล้วไงว่ามัน ห่างเหิน”

เหอะ อีตาบ้านี่ ชักเอาใหญ่พอไม่ว่าเข้าหน่อย หยอดใหญ่เลยนะ

“แล้วใคร สนิทกับคุณไม่ทราบ แล้วก็ไม่ได้อยากให้มาเลยเหอะ”

“แหมๆ ก็บอกแล้วไงว่าหัวใจมันเรียกร้อง”

“เสี่ยว!!”

“อ่า ถึงเสี่ยวก็จริงใจนะคร้าบ”

“นี่ถามจริงเถอะคุณ อะไรดลใจให้คุณพูดจาอะไรแบบนี้ห่ะ”

“อ้าว คุณไม่ชอบเหรอ ไหนไอ้เซ้นส์มันบอกว่า มุขนี้ใช้จีบได้ตลอดกาลไงหว่า”   ถามอีกคนอย่างแปลกใจ

สงสัยคงต้องกลับไปตบกระบาลไอ้เซ้นส์ อีกสักหลายดอกซะแล้วไหนบอกว่ามันใช้มุขนี้จีบเมียมันจนติดไง ทำไมคนหน้างอ ตรงหน้าเนี่ยยังขยันไล่เขาอยู่เลย

“กะ  ก็   …………..  ไม่ชอบ”

ร่างเล็กตอบไม่เต็มเสียงนัก เพราะเอาเข้าจริงใจ แล้วก็ต้องยอมรับกับตัวเองว่า บางครั้งไอ้คนพูดเสี่ยวๆบ้าๆ นั่นมันก็ทำเอาใจสั่นเหมือนกัน

“หึหึ ตอบไม่เต็มเสียงแบบนี้ ไม่สมกับเป็นน้องตะวันคนเก่งเลยนะ” อนิรุทร เอ่ยล้อ

“อะ  อะไรเล่า  คุณออกไปเลยนะ ผมจะทำงาน”

“ไม่ออกครับ เมื่อกี้พี่บอกให้เรียกว่ายังไง ถ้าไม่ยอมเรียกดีๆพี่ก็ไม่ออก”

“ไหนลองพูดสิครับ ……. พี่รุทรออกไปก่อนนะ ตะวันจะทำงานนะครับ” ร่างสูงพูดนำก่อนจะกอดอกนิ่ง

“ถ้าพูดแล้วต้องออกไปตกลงไหม”

“ครับ พี่ไปแน่ แต่ไปรอกินข้าวนะ”

“พี่รุทรคร้าบ ออกไปเถอะคร้าบ ตะวันจะทำงานนะคร้าบบบบบบบบ”

“อย่างนี้สิครับถึงจะน่ารัก” ร่างสูงบอกก่อนจะยิ้มน่าระรื่น ออกจากห้องไป

ร่างเล็กได้แต่ถอนหายใจกับผู้ใหญ่ดื้อ ตรงหน้า อย่างขำๆ ไม่รู้ว่ามันเดินมาถึงจุดนี้ได้ยังไง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ผ่านมามันคืออะไร รู้ตัวอีกที คนตัวสูงแปลกหน้าก็กลายเป็นคนที่เข้ามากวนใจได้ทุกวัน


Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

“ว่าไงครับมึง” ร่างเล็กรับโทรศัพท์เสียงใส

(เสียงสดใสเชียวนะครับคุณตะวัน) คนในสายเอ่ยตอบ

“แล้วนี่ โทรมาทำไมมิทราบคร้าบ คุณเคน ว่างโทรหาเพื่อนด้วยเหรอ นึกว่าขลุกอยู่กับแฟน”

(เหอๆ ใครกันแน่ที่มัวขลุกอยู่กับแฟนน่ะ ไม่น่าจะใช่กูนะครับ)

“มึงหมายถึงใครว่ะ คนๆนั้นไม่น่าจะใช่กูนะ”

(อ้าว นี่มึงกับพี่ชายสุดหล่อของมึง ยังไม่ตกลงปลงใจอยู่กินกันอีกเหรอว่ะ) คนในสายถามทีเล่นทีจริง จนร่างเล็กอดที่ค้อนเพื่อน
ไม่ได้ ทั้งๆที่ค้อนไปก็ไม่มีใครเห็นสักนิด

“พูดไรว่ะ กูกับพี่รุทรไม่ได้เป็นอะไรกันเว้ย”

(โห น่าสงสารพี่ชายมึงว่ะ นี่ตามจีบมาเป็นเดือนแล้วมึงยังไม่ใจอ่อนอีกเหรอเนี่ย)

“มึงไม่คิดว่ามันเร็วไปเหรอเคน ถ้ากูจะเอ่อ…….ใจอ่อนกับพี่รุทร”

 เอ่ยถามเพื่อนเสียงแผ่ว สำหรับตะวันนอกจากพ่อกับป๋าแล้วคนที่ไว้ใจที่สุดคงหนีไม่พ้นเพื่อนสนิทสมัยมัธยมคนนี้ เรียกว่าเคนเป็นที่ปรึกษาและผู้รับฟังปัญหาของร่างเล็กมาแต่ไรแต่ไรถึงแม้ว่าบางครั้งวิธีแก้ปัญหาของไอ้เพื่อนสนิทนี่มันจะออกแนวบ้าๆบอๆไปบ้างก็ตาม

(ไอ้ตะวัน เพื่อนรัก มึงเชื่อเรื่อง พรหมลิขิตไหม)

“ทำไมว่ะ พรหมลิขิตเกี่ยวอะไร”

(มึงนี่แมร่งไม่มีความโรแมนติกเล๊ยยยยย  ก็มึงไม่คิดบ้างเหรอว่าการที่มึงเจอกับพี่รุทรวันนั้นมันอาจจะเป็นพรหมลิขิตก็ได้นะมึง )

“เหอะ พรหมลิขิตที่มึงว่าต้องไปเจอที่ต้นมะม่วงด้วยหรือเปล่า”

(อย่ามาทำเป็นเล่นนะครับเพื่อน ถึงกูกับแมทจะเจอกันที่ต้นมะม่วงจริงๆ แต่ก็คบกันมาได้จนถึงวันนี้ก็แล้วกัน ตะวันกูอยากจะบอกมึงสักหน่อยนะ สำหรับความรักมันไม่มีเร็วไปหรือช้าไปหรอกนะ แค่รู้ว่าวันนี้หัวใจมึงอยู่ที่ใครก็พอ )

“แต่กูว่ามันเร็วไป”

(เฮ้อ) เสียงปลายสายทอดหายใจระอากับความดือของเพื่อน

(มึงครับ มึงแน่ใจได้ยังว่าพรุ่งนี้มึงจะยังหายใจอยู่ ถามหน่อย แน่ใจได้ยังว่าถ้าปล่อยให้ถึงวันที่เรียกว่า “เหมาะสม” แล้วมันจะไม่
สายเกินไป ตะวันทำตามใจตัวเองซะบ้างเถอะน่า อย่ามัวคิดโน่นคิดนี่อยู่เลย เชื่อกูสักครั้ง ทำตามที่ใจมึงเรียกร้องซะ)

“อืม ขอบคุณมากนะเคน”

“อืม มึงก็คิดดีๆล่ะ จะได้มีสามีเป็นตัวเป็นตนสักที กูอยากอุ้มหลานแล้วฮ่าๆๆๆ ”

ปลายสายบอกเสียงร่าเริงก่อนจะวางสายไป ร่างเล็กได้แต่นั่งเหม่อจมอยู่ในความคิดของตัวเอง ไม่ใช่ไม่รู้ว่า ใจเต้นทุกครั้งที่ถูกมอง ใจทุกครั้งที่เห็นหน้า เจ็บปวดทุกครั้งที่เห็น เขาคนนั้นใสใจคนอื่นมากกว่า แต่หัวใจกลับเต็มไปด้วยความกลัว  ความกลัวที่ไม่มีที่มา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังกลัวอะไร





ก๊อกๆๆๆ

“ตะวัน ทานข้าวได้แล้วนะ” อนิรุทรเอ่ยเรียกร่างเล็กที่อยู่ในห้องทำงาน เบาๆ

“อืม ได้ยินแล้ว” คนในห้องขานรับก่อนจะเปิดประตูออกมา


อนิรุทรได้แต่นั่งมองคนที่ดูท่าทางเหมือนคิดอะไรในใจตลอดเวลาอยู่เงียบๆ ตะวันที่เคยร่าเริงวันนี้ดูร่างเล็กไม่ค่อยจะคุยเหมือนเดิมเท่าไหร่ ถึงเขาจะแกล้งแหย่บ้าง ล้อบ้างตลอดเวลาที่ทานข้าว ร่างเล็กก็ดูเหมือนจะแค่นยิ้มบางๆเท่านั้น แม้แต่กับคุณอาทั้งสอง ร่างเล็กก็แทบจะไม่คุยด้วยเลย

“ตะวัน อิ่มแล้ว ขอตัวนะครับ” ร่างเล็กบอกก่อนจะเดินออกไปที่สวนหลังบ้าน

อนิรุทรมองตามร่างเล็กๆจนลับตา ความกังวลเริ่มก่อกวนจนอยู่ไม่สุข แววตาหม่นๆของคนร่างเล็กทำเอามื้ออาหารที่ควรจะครึกครื้น
เหมือนมุกวันดูกร่อยลงไปถนัดตา พาลเอาอีก 3 คนคอแข็งเอาดื้อๆ

“รุทร ไปดูน้องหน่อยสิลูกไม่รู้เป็นอะไรหรือเปล่า” นทีเอ่ยบอกร่างสูงด้วยแววตาเป็นกังวล

“ครับอา”







ร่างสูงของอนิรุทรทรุดนั่งข้างๆร่างเล็กบนชิงช้าในสวนพลางเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง

“ตะวัน เป็นอะไรบอกพี่ได้ไหม”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ”

“ตะวัน พี่ขอล่ะนะ ถ้าไม่เห็นแก่พี่ก็เห็นแก่คุณอาได้ไหม พ่อกับป๋าของตะวันเป็นห่วงมากเลยนะ”

“ผมไม่เป็นอะไรจริงๆครับคุณรุทร” เสียงเล็กเอ่ยบอกก่อนจะเหม่อมองไปอีกทาง

 ร่างสูงถอนหายใจเสียงดังก่อนจะมองเสี้ยวหน้าของคนตัวเล็กด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง  ไม่ชอบเลยที่คนตัวเล็กแสนร่าเริงดูหงอยแบบนี้  มันเหมือนหัวใจโดนทับด้วยอะไรสักอย่างก็ไม่รู้ อนิรุทรเฝ้าถามตัวเองเสมอว่า ทำไมถึงยังคงมาที่นี่ทุกวัน ทั้งๆที่ถูกไล่ทุกวัน  เขาเองก็ตอบคำถามตัวเองไม่ได้สักที รู้แค่ว่า  คิดถึง  อยากเจอคนๆนี้มากเหลือเกิน มันเหมือนเขารอคนๆนี้มานาน อาจจะฟังดูงี่เง่าไร้สาระแต่เขาคิดกับคนที่นั่งข้างๆแบบนี้จริงๆ ตั้งแต่วันแรกที่เดินชนกันที่สนามบิน หัวใจที่ไม่เคยรักใครของเขาเหมือนมันหาเจ้าของเจอแล้ว คนที่ไม่เคยแคร์หรือห่วงใคร กลับเก็บเอาร่างเล็กๆตาหวานๆ พร้อมกับเสียงตวาดแว๊ดๆๆ ของใครบางคนมานอนฝัน คิดแล้วก็น่าหัวเราะเหมือน 

“ตะวันคิดมากเรื่องพี่เหรอ” ตัดสินใจเอ่ยถามคนตัวเล็ก

“ทำไมคุณคิดแบบนั้น”

“ไม่รู้สิ ทุกครั้งที่พี่มาที่นี่ เหมือนตะวันจะไม่ค่อยอยากคุยกับพี่เท่าไหร่ พี่ทำให้ตะวันลำบากใจหรือเปล่า”


ร่างเล็กไม่ยอมตอบ แต่สำหรับอนิรุทร ความเงียบของคนข้างๆมันน่ากลัวกว่าคำพูดร้อยพันเป็นไหนๆ

“อ่า  นี่ก็ดึกแล้ว พี่ว่าพี่กลับก่อนดีกว่า ตะวันเองก็อย่าเอาแต่ทำงานนะ พี่ไปล่ะ ฝากลาคุณอาทั้งสองด้วยนะ”

เอ่ยบอกกับคนตัวเล็กก่อนจะเดินไปที่รถของตัวเอง




ตะวันเฝ้ามองรถยนต์คุ้นตาค่อยๆขับห่างออกไปจากบ้าน พลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า
ขอเวลาตะวันหน่อยนะพี่รุทร ตะวันยังไม่พร้อมจริงๆ



ร่างเล็กนอนกระสับกระส่ายตลอดทั้งคืนแต่ก็ไม่สามารถข่มตาหลับได้สักที

“โอ้ย แกเป็นอะไรของแกเนี่ย ไอ้ตะวัน ทำไมนอนไม่หลับว่ะ” บ่นกับตัวเองเบาๆเพราะไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ทั้งๆที่วันนี้มันก็
เหมือนกับทุกๆวันไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมวันนี้ถึงนอนไม่หลับล่ะ  ไม่สิ วันนี้ มันขาดไปจริงๆด้วย มันขาดเสียงโทรศัพท์จากใครบาง
คนที่ต้องโทรมาตอนสี่ทุ่มของทุกวัน แต่วันนี้ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืนแล้วแต่ทำไมเสียงโทรศัพท์ยังไม่ดังสักนิดนะ

“โอ้ยๆๆๆ ไอ้ตะวัน นอนเดี๋ยวนี้นะ แกจะรอทำไมห่ะ  นอนได้แล้ว”  บอกตัวเองอย่างหงุดหงิดแต่ทำไมตามันไม่ยอมปิดสักทีเนี่ย





ร่างเล็กนั่งโงนเงนอยู่บนโต๊ะอาหารจน ฤทธิ์อดที่จะขำลูกชายไม่ได้

“วันนี้เป็นอะไรห่ะ ตะวันทำเหมือนไม่ได้นอน”

“เปล่าหรอกป๋า ตะวันแค่นอนไม่ค่อยหลับน่ะ”

“มีอะไรหรือเปล่า เห็นเราไม่ค่อยร่าเริงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” นทีที่เพิ่งเดินออกมาจากครัวพร้อมกับข้าวต้มหอมฉุยเอ่ยถามขึ้น

“เปล่าครับพ่อ ตะวันไม่เป็นอะไร” เอ่ยบอกบุพการี ก่อนจะลงมือกินข้าต้มเงียบๆ

ตะวันเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร รู้แค่ว่าน้ำเสียงตัดพ้อของใครบางคนกำลลังทำให้หวั่นไหว มันเป็นความหวั่นไหวที่ตะวันกลัวมา
ตลอด ความหวั่นไหวจาก “ความรัก”






สามวันแล้วที่ร่างเล็กคอยเงี่ยหัวฟังเสียงรถยนต์ที่คุ้นเคยแต่ก็ไม่มีวี่แวว ว่าร่างสูงคุ้นตาจะมาสักที  สามวันที่ผ่านมาร่างเล็กที่เคยร่าเริงกลับดูหงอยลงจนคนรอบข้างรู้สึกได้ ตั้งแต่วันที่ร่างสูงหายไป ก็เหมือนกับว่ารอยยิ้มของร่างเล็กหายไปด้วยเหมือนกัน

ปริ๊นๆๆๆๆ   เสียงแตรรถยนต์ปลุกให้ร่างเล็กรีบวิ่งออกมาที่หน้าบ้านหวังเหลือเกินว่าจะเป็นใครคนนั้น

“ตะวันเพื่อนเลิฟ” เสียงห้าวๆของเจ้าของรถทักเจ้าของบ้านเสียงใส ก่อนจะวิ่งเข้าไปสวมกอดเพื่อนทันที

“ไอ้เคน มาได้ไงว่ะ”

“มึงก็เห็นว่ากูนั่งรถมา” เคนตอบกลับกวนๆ ก่อนจะสังเกตว่าสีหน้าเพื่อนไม่สู้ดีนัก

“ตะวันเป็นอะไร ใครทำอะไรมึงว่ะ บอกท่าเคนมาดิ เดี๋ยวกูไปจัดการให้”

“เก่งตลอดอ่ะมึง ไม่มีใครทำอะไรกูหรอก กูคงบ้าของกูเอง” บอกเพื่อนเสียงแผ่ว

“ตะวัน มึงกับกูเป็นเพื่อนกันมา 10 กว่าปีแล้วนะ มึงคิดว่ากูดูมึงไม่ออกรึไงห่ะ”

“ไปคุยที่ห้องกูได้ไหม”





“เอาล่ะไหนคุณตะวัน บอกเพื่อนสิว่าเป็นอะไรอะไร”  เคนเอ่ยถามทันทีที่มาถึงห้องของเพื่อนตัวเล็ก

“เคน กู คิดถึง เขา ว่ะ” ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องปิดบัง ระยะเวลาสามวัน มันทำให้เขาเข้าใจอะไรๆมากขึ้น เขาใจ ว่าตัวเอง
ต้องการอะไร แต่เขาไม่ว่าเขาเข้าใจ มันสายไปหรือเปล่า

“อ้าว พี่ชายสุดหล่อ ถอดใจแล้วเหรอ”

“ไม่รู้ แต่เขาไม่มา สามวันแล้ว”

“นางเอกจริงเพื่อนกู เฮ้อๆๆ” บ่นกับตัวเองเสียงไม่เบานักจนอีกคนแทบอยากจะตบกะโหลกสักสองป๊าบ

“กูบอกมึงแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าให้ซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเองน่ะ ถามจริงเถอะ มึงเคยโทรหาพี่เขาสักครั้งยัง เคยถามไหมว่าเขาหายไปไหน ”

“ไม่เคย”

“เฮ้อ นางเอกหนังไทยสุดๆ อ่ะโทรซะ ให้ว่องครับเพื่อน” เอ่ยกับเพื่อนตัวเล็กก่อนจะยื่นโทรศัทพ์ให้

“กู….”

“เลือกเองนะ ถ้าไม่อยากเสียใจก็คว้ามันไง้ซะ ถ้าอยากเสียใจก็ปล่อยมันไว้แบบนี้แหล่ะ แต่กูจะบอกว่ามันไม่ง่ายนะที่เจอใครสัก
คนที่รักเราจริงๆ ”

ร่างเล็กทำหน้าลำบากใจก่อนจะหยิบโทรศัพท์ไปโทรหาร่างสูงอย่างเสียไม่ได้   เสียงสัญญาณโทรศัพท์ทำเอาร่างเล็กใจสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ มันตื่นเต้นซะยิ่งกว่าดูผลสอบเข้ามหาลัยอีกนะเนี่ย

(สวัสดีค่ะ) เสียงหวานรับสายทำเอาร่างเล็กใจสั่น

“เอ่อ ขอสายคุณรุทรหน่อยครับ” ตะวันเอ่ยบอก แต่ทำไมรู้สึกว่าเสียงตัวเองมันสั่นแปลกๆนะ

(เอ๋  ตะวันเหรอ) เสียงปลายสายถามกลับทำเอาคนที่โทรไปได้แต่อึ้งเพราะไม่นึกว่าคนปลายสาบจะรู้จักเขา

“คะ….. ครับ”

(พี่ก็นึกว่าใคร อิอิ เพราะน้องชายพี่ไม่ได้เมมชื่อเราไว้น่ะพี่เลยไม่รู้)

“ระ   เหรอ  ครับ     ละ  แล้ว  เอ่อ…”

(รุทรนะเหรอ อ่า ตอนนี้รุทรไม่สบายน่ะจ๊ะ ไม่รู้ว่าเกิดบ้าอะไรขึ้นมา ไปยืนตากฝนทำพระเอกซะอย่างนั้น)

“แล้วพี่รุทรเขาเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ” เอ่ยถามคนในสายเสียงเครียด

(อาการป่วยกายน่ะพี่ว่าไม่เท่าไหร่หรอก แต่ป่วยใจเนี่ยสิ ท่าจะหนัก พี่ไม่รู้นะว่า ตะวันกับน้องชายพี่ทะเลาะอะไรกัน แต่พี่แค่
อยากจะบอกว่า รุทรไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนนะ พี่รู้จักน้องชายพี่ดี มีเรื่องอะไรกันก็รีบเคลียร์นะ พี่ไม่อยากเห็นน้องของพี่สองคนงอนกันนาน)

“ตะ  แต่”

(มาเถอะนา เดี๋ยวพี่เมจเซสที่อยู่คอนโด รุทรไปให้นะ รีบๆมาล่ะ น้องชายพี่รอตะวันมานานแล้วนะ)











สัมผัสชื้นจากจากผ้าชุบน้ำทำให้ร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงรู้เริ่มสึกตัวขึ้น

“อื้อ พี่นีเหรอครับ” ร่างสูงถามเสียงแผ่ว แต่กลับไร้เสียงตอบรับจากพี่สาว จนต้องพยายามลืมตาที่หนักอึ้งขึ้น ช้าๆ แต่คนที่อยู่ตรง
หน้ากลับทำให้ เขาต้องขยี้ตาทันที

เหอๆๆ นี่ไข้สูงจนหลอนเลยเหรอเนี่ย

“พี่รุทร เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงเล็กถามยิ่งทำเอาคนป่วย ลืมตาโพรงด้วยความตกใจ

“ตะวัน” 

“ครับ”

“นี่พี่ไม่ได้ เป็นไข้จนเพ้อใช่ไหม ตะวันจริงๆใช่ไหม” ถามพลางโอบอีกคนแน่น จนพยาบาลจำเป็นต้องก้มหน้าซ่อนความอายหรือจะเป็นเพราะมือร้อนๆคู่นี้นะ ที่ทำเอาเขาน่าร้อนไปด้วย

“พะ   พี่รุทร ปล่อยตะวันก่อนนะ เดี๋ยวเช็ดตัวก่อน”

คนตัวเล็กบอกอย่างประหม่าเพราะตอนนี้โดนคนป่วยกอดเอาซะจนแทบหายใจไม่ออก

“พี่ขอโทษครับ พี่แค่ดีใจมากไปหน่อย ดีใจที่ตะวันเป็นห่วงพี่    แต่  นี่ตะวันยอมเรียกพี่ว่าพี่แล้วเหรอ” คนป่วยที่เพิ่งรู้ตัวว่า
สรรพนามเปลี่ยนไปยกยิ้มกว้างส่งให้ร่างเล็ก

“เพิ่งรู้ตัวรึไงเล่า ไอ้เสาไฟฟ้าเอ้ย”

คนป่วยยิ้มร่าเพราะคนตัวเล็กแสร่าเริงของเขากลับมาแล้ว ถึงจะชอบท่าทาง ของตะวันเวลาอายแค่ไหนแต่ว่าตะวันที่เขารู้จักต้องปากจัดแบบนี้ตะหาก


“ตะวันครับ พี่ขอเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าตะวันยอมคบกับพี่แล้ว”

“เหอะ พี่เคยขอตะวันคบหรือยัง ล่ะ ถ้ายังก็แปลว่าตอนนี้เราก็เป็นคนรู้จักกันเหมือนเดิมนะครับ”  คนตัวเล็กว่างอนๆ

“อ่า นั่นสิเนาะ  งั้น   ตะวันครับ พี่รักตะวันเป็นแฟนกับพี่นะครับ”

“ครับ”

เสียงตอบรับหนักแน่นจาดร่างเล็กทำให้อนิรุทรกอดอีกคนไว้แน่น ในที่สุดสิ่งที่รอคอยก็เป็นจริงถึงใครจะมองว่าเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนมันดูจะเร็วเกินไปแต่สำหรับ คนสองคนแล้ว มันเหมือนพวกเขารอคอยกันและกันมานานแสนนาน แต่ไม่ว่าจะรออีกนานแค่ไหน พวกเขาก็พร้อมที่จะรอ ไม่ว่าสิ่งที่นำทางให้พวกเขามาพบกันจะเป็น เวรกรรมหรือพรหมลิขิต มันก็ไม่ได้มีความหมายอะไร เพราะสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือ “ความรักไม่มีวันตาย” ต่อให้ต้องรออีกนานแสนานแค่ไหน ก็เพียง…………………………………………………………


ขอให้เราสอง ครองรักกันทุกชาติไป


ปล่อยความคิดถึงปลิวไปในอากาศ
ล่องลอยหัวใจสะอาด ปล่อยไปแสนไกล
กรุ่นกลิ่นบุหงาพัดมาด้วยรักจากใจ
เพียงหวังให้ถึงใคร คนที่รอคนนั้น
ส่งความคิดถึงปลิวไปในอากาศ
คิดถึงใจจะขาด เธออาจไม่เข้าใจ
แค่อยากให้รู้ ไม่ได้ต้องการสิ่งใด
เธอไม่ต้องขืนใจ ถ้าเธอไม่ต้องการ

ฝากเป็นเพลง ให้ลอย เล่นลมไป ล่องลอย ผ่านไปถึงเธอ

แม้จะเนิ่นนาน ยังรักเธอ ตราบนาน อสงไขยเวลา

หากเพลงคิดถึงที่ปลิวไปในอากาส
เพียงถ้ามันพลั้งพลาด ไปไม่พบเธอ
ให้บทเพลงนี้ล่องลอยไปเสมอ
รอสักวันที่เจอ คนที่เขาต้องการ

ฝากเป็นเพลง ให้ลอย เล่นลมไป ล่องลอย ผ่านไปถึงเธอ

แม้จะเนิ่นนาน ยังรักเธอ ตราบนาน อสงไขยเวลา

แม้จะเนิ่นนาน ยังรักเธอ ตราบนาน อสงไขยเวลา




............................................ END....................................................


ปล เพลงอสงไขย เดอะซิส

ถึงเวลาที่ต้องจบแล้วค่ะเรื่องนี้
ไม่มีเวลาแต่งเลย มันออกมาขาดๆยังไง
ก็ไม่รู้ ขอโทษ นะคะ  :z6:

แล้วก็ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม นะคะ
รักนะม๊วฟๆๆๆ  :sad11:
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: PetitDragon ที่ 04-09-2012 05:01:05
สุดท้ายก็มาเจอกันจนได้นะ

แถมได้คู่มา 1 คู่แน่ะ


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: sukaz ที่ 04-09-2012 06:01:16
 อร๊ายยยย จบแย้ววววววว

น่ารักที่ซู๊ดดดด กว่าจะได้เจอกัน นานมากกก :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

สมหวังกันซะทีเน๊อะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 04-09-2012 07:28:51
จบแล้ววววว ดีใจด้วยยย :-[ :pig4:
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 04-09-2012 08:09:37
ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้ สนุกค่ะถึงบางช่วงดูจะรวบลัดไปหน่อย
แต่ก็สนุก ซึ้งกินใจมากค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ
+1  :กอด1:
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: honeystar ที่ 04-09-2012 11:05:59
จบเเย้วววว ;w; เป็นตอนจบที่น่ารักมากกเลยค่ะ :)

เจอกัน เพราะ.....วาสนา

จากกัน เพราะ.....โชคชะตา

กลับมา เพราะ .... ฟ้าลิขิต

ชอบประโยคนี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 04-09-2012 11:17:45
ขอแค่สมหวัง :L2:
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: rakna ที่ 04-09-2012 13:36:34
คนแต่งเรื่องนี้เก่งมาก o13 แหวกแนวสุดๆ สนุกด้วย
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 04-09-2012 14:08:51
สมหวังกับการรอคอย :L1:
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 04-09-2012 16:29:04
เพิ่งได้อ่าน แอบน้ำตาซึม สนุกค่ะ   o13
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 09-10-2012 20:21:14
ดันจั๊กกะหน่อย
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: sinyou ที่ 11-10-2012 22:08:22
เรื่องนี้แหวกแนวมาก ไม่เคยอ่านแนวจักรๆวงศ์ๆอะไรแบบนี้มาก่อน สนุกดีค่ะ น่ารักด้วย
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 17-10-2012 04:43:29
พล็อตเรื่องแหวกแนวดีค่ะ เราก็เป็นคนชอบละครจักรๆวงศ์ๆเหมือนกัน

เมื่อก่อนติดมากกกกกกกกกก ต้องดูทุกเสาร์อาทิตย์ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ดูเพราะไม่ค่อยชอบที่มีแอฟเฟกซ์เยอะเกินไป ชอบแบบสมัยก่อนมากกว่า

พอมาเจอนิยายแนวจักรๆวงศ์ๆแบบนี้ก็ถูกใจเลย คนแต่งก็แต่งได้สนุก ชวนติดตามดีด้วย

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ ^_______________^
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: IWacKEE ที่ 17-10-2012 19:15:22
ชอบค่ะ สนุกมาก
อ่านแล้วให้ความรู้สึกแตกต่าง แต่ลงตัวมากๆค่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: tomodaging ที่ 18-10-2012 00:08:51
รักมากเลยเรื่องนี่!!!
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 18-10-2012 12:39:46
แอร๊ย ขอบอกว่าชอบแนวนี้มากมาย น่ารักสุด ๆ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุก ๆ นะฮ๊าฟฟฟ
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: lovely1714 ที่ 18-10-2012 22:27:27
สนุกเว้ยเห้ย
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Made ที่ 19-10-2012 10:11:54
เล็งเรื่องนี้ไว้นานแล้วว แต่พึ่งได้เข้ามาอ่าน อยากบอกว่าชอบแนวนี้มากกกกกก สนุกมากเลยค่ะ
เรื่องในอดีตชาติแบบว่าเศร้า สลด รันทดได้อีก สงสารคุณพ่อกนทีสุดใจ ค่อยยังชั่วที่ชาตินี้ได้รักกัน ไม่งั้นเศร้าใจกันไปอีกนานนเลย คาแรคเตอร์แสงสุรีย์น่ารักมาก และพี่รุทธกับพี่ราพย์ก็ช่างงง :impress2: เป็นชายในฝันจริงจริ๊งงงง
ปล.ชอบเพลงมากเลย 555 เพลงอสงไขยเราก็โหลดมาเก็บไว้แว้ววว
 :pig4: ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะแล้วก็ขอโทษที่ไม่ได้ติดตามให้กำลังใจแต่แรกๆนะคะ
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 19-10-2012 22:57:18
เฮ่อ ในที่สุดก็ได้ครองคู่กันซะที
แถมยังสมหวังทั้งสองคู่อีก
สนุกมากๆอ่ะ
จะรอเรื่องต่อไปนะจ้า
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: lovely2min ที่ 20-10-2012 00:33:22
 o13
เย้ จบอย่างมีความสุข ดีจัง
ชอบนิยายแนวนี้มากเลยคะ
เขียนอีกเรื่อยๆนะคะรอติดตามอ่านคะ
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: charapin ที่ 20-10-2012 00:45:17
อ่านเพลินเลย จนซะแล้ว  สนุกมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 24-10-2012 10:41:53
ไม่สมหวังชาติก่อนแต่สมหวังชาติปัจจุบันก็ยังดีนะคะ :mc4:
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: hyapeonzz ที่ 25-10-2012 13:24:07
 :-[ สนุกมากก ค่ะ

อ่านแล้วน้ำตาคลอเลย  :sad4:

น่าสงสาร ความรักต้องห้าม
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 28-10-2012 18:56:30
หนุกดีค่ะ ชอบ  :3123:
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: @Lucifer_Prince@ ที่ 29-06-2013 13:40:06
ขอบคุนคัฟ^^
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: `ลoงสิจ๊ะ™ ที่ 26-07-2013 16:51:24
มาเจิมตอนจบครับ
แบบว่า ความรักมันต้องสมหวังอยู่นี่เนอะ
คู่กันแล้วมันก็ไม่แคล้วกันหรอก
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 26-07-2013 23:30:21
 :pig4:  ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆค่ะ
อยากจะบอกคุณพิตว่า เขียนเรื่องนี้ได้ดีมาก ดีจริงๆนะ
อ่านแล้วไม่สะดุดเลยอ่ะ แถมเนื้อเรื่องก็สนุกน่าติดตามมาก

นิดเดียวจริงๆค่ะ เข้าใจว่าช่วงนั้นคงไม่ค่อยมีเวลาเขียน
เลยต้องรวบรัดให้จบ ทั้งๆที่มันน่าจะเขียนได้อีกซัก2-3ตอน
เราคิดว่าคงกำลังดีเลย ^.^

ยังไงก็อยากบอกอีกทีว่า เรื่องนี้เขียนดีจริงๆ ประทับใจและก็ซึ้งมากค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 23-02-2014 15:37:36
 :m4: สนุกมากค่ะ แม้ว่าบางตอนจะเขียนรวบรัดไปหน่อย แต่ก็น่าติดตาม

น่าจะมีตอนพิเศษมาขยายปมที่สงสัย อย่างที่มาของตะวัน และก็เพื่อให้ตอนจบรู้สึกอิ่มมากกว่านี้
 
 :pig4: ขอบคุณสำหรับเรื่องคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: ammamooty ที่ 07-06-2014 10:31:04
เย่ๆ ถึงชาติหน้าจะได้คู่กันแต่ก็ตายจากกัน แต่ถึงยังไงชาตินี้ก็ได้คู่กัน>< ดีใจจังแถมคู่คุณพ่อได้คู่กันอีก

สนุกมากเลยค่ะ ชอบแนวนี้อยู่แล้วด้วย น่าจะเป็นเรื่องยาว

ขอบคุณมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: `ลoงสิจ๊ะ™ ที่ 07-06-2014 11:46:03
สนุกมาก
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 07-06-2014 14:17:56
ชอบๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: ^^KENTA^^ ที่ 12-06-2014 13:19:33
ชอบๆๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายครับ
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 17-01-2015 12:38:45
 :-[
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: pacharauksara ที่ 18-01-2015 09:39:35
ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Tsubamae ที่ 30-01-2015 10:15:35
อดีตชาติแสนเศร้าสลด มีรักกลับตัองพรากจาก
แต่สุดท้ายก็ได้กลับมาครองรักกันในปัจจุบัน ดีใจ
กับทั้งสองคู่มาก ไม่ว่าจะเป็น นที(กนธี)คุณฤทธิ์(ราพฤทธิ์)
และ ตะวัน(แสงสุรีย์)อนิรุทธ์(รุทธ์ฤทธิ์) ขอให้มีความสุข
ครองรักกันทุกชาติทุกภพ ... ฮืออ ยังรู้สึกเศร้ากับอดีตชาติ
ของทั้งสองคู่ไม่หายเลย
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 31-03-2015 17:42:44
:mc4: เย้~ ใจกับทั้งสี่คนด้วยค่าา... กว่าจะได้ครองรักกันสักที ช่วงอดีตก็รีดน้ำตาเราไปตั้งเยอะเลยค่ะ กระซิกๆ สงสารกณทีที่สุดในสามโลกเลยย เพราะราพสูรนั่นล่ะ ตอนแรกก็แอบหวาดเสียวว่าจะเกิดมาเจอกันอีก แต่สุดท้ายก็ไม่เจอเป็นอะไรที่ปลื้มปริ่มมากเลยค่ะ วู้ๆ บายจ้าราพสูร~ คึคึ ขอให้ทั้งสองคู่มีความสุขมากๆ เลยนะคะ

สุดท้าย...ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ นะค้า~
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: natt lUcky ที่ 31-03-2015 21:29:38
ดีใจ ในที่สุดก็ได้กลับมารักกันทั้ง  2 คู่
สงสารคู่คุณป๋ากับคุณพ่อชาติที่แล้วมาก น้ำตาไหลเลย
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 08-04-2015 22:40:15
สนุกอ่า ขอบคุณนะคะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 11-04-2015 12:39:35
สนุกค่า
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: วันชัย ที่ 01-05-2015 21:46:30
สนุกจ้า
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: kazuribum ที่ 02-05-2015 20:18:19
น้ำตาไหลให้ หม่ามี้กลที ชาติก่อน มี้น่าสงสานมาก
แต่ยังไงชาตินี้ก็มีความสุขแล้ว

ปล.เป็นเรื่องสั้นที่สนุกได้ใจความมากครับ เรื่องหน้าขอบแบบยาวววว ไคลเมก เต็มๆน่ะครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 02-05-2015 23:19:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 03-05-2015 10:49:36
ชาติที่แล้วอย่างเศร้า สมหวังกันแล้วในชาตินี้
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 09-01-2016 19:54:56
น่ารักมาก ๆ ครับ กว่าจะสมหวังต้องรอกันข้ามภพข้ามชาติเลย

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 11-01-2016 21:10:41
น่ารัก......^^
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 12-01-2016 19:41:01
น้ำตาซึมเลยทีเดียว :sad4:

ทั้งหวานทั้งขม เลยอ่ะ

ยังดีที่ตอนจบได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง  :hao5:
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 13-01-2016 08:28:39
สนุก
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 25-06-2017 12:40:21
 :mew1:
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 12-04-2018 23:24:53
คิดว่าจะดราม่าหนักหน่วงเสียแล้วววว ฮือออออ ดีใจที่ได้กลับมาเจอกันอีก
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 11-12-2022 23:06:35
กลับมาอ่านอีกครั้ง
นาน จนลืมไปเลยว่าเคยอ่านเรื่องนี้ ^^
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 27-12-2023 17:32:57
ขอบคุณค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 03-03-2024 18:47:54
เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I (https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg (https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368 (https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368)