- 2 - การฝึกของลูกแก้วพัฒนากว่าเดิมมาก ถึงแม้ท่าทางดูขัดๆอยู่บ้าง แต่ก็ไม่แย่เหมือนที่ผ่านมา
อาคมคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด พร้อมกับสังเกตข้อบกพร่องไปด้วย ลูกแก้วทุ่มเทกับการฝึกโดยไม่ยอมหยุดพักนอกจาก
มื้อเที่ยงเพื่อทานอาหารแล้ว หลังจากนั้นก็เริ่มฝึกต่อจนตอนนี้เจ้าตัวยังไม่ยอมหยุดเลยแม้แต่น้อย ร่างกำยำสูงใหญ่อาบไปด้วย
เหงื่อแผ่นหลังกว้างเปียกโชกจนเป็นวาวน้ำบนชุดฝึกสีขาว อาคมดูเวลาห้าโมงเย็นแล้วรู้สึกถึงพัฒนาการที่ดีของลูกแก้ว
เลยสั่งให้ยุติการฝึกของวันนี้ไว้ก่อน
“พอก่อนครับ คุณทำได้ไม่เลว” เขาชมจากใจ
“ขอบคุณที่ชมทั้งที่ผมว่ามันยังไม่ดีเท่าที่ควร ผมไม่สามารถรับมือพี่เขาได้เลยสักนิด” ลูกแก้วพูด
พร้อมกับหยิบผ้าขนหนูซับหน้าไปด้วย
“เท่าที่ดูคุณก็ไม่ล้มเหมือนคราวที่แล้ว สามารถประคองตัวหลบหลีกการจู่โจมได้บ้าง ถึงท่าจะไม่
ค่อยสวยเท่าไหร่” อาคมยืนยันตามที่เห็น ไม่อยากให้ลูกแก้วคิดว่าเขาให้กำลังใจ ลูกแก้วพัฒนาขึ้นกว่าเดิมเยอะ
“ฟังดูไม่เลว ขอบคุณครับที่สละเวลาเป็นครูฝึกให้ผม” เขาพูดจากใจ อาคมชี้แนะข้อบกพร่องให้
อย่างละเอียด ไม่เพียงแต่ข้อแนะนำดีๆ ลูกแก้วรู้สึกถึงความมุ่งมั่นที่อาวุโสท่านนี้ต้องการถ่ายทอดให้ตนโดยไม่หวงวิชา
เขาจึงขอบคุณจากใจจริงเช่นกัน
“ไว้คุณสามารถปกป้องคุณมังกรได้ก่อน ถึงเวลานั้นค่อยขอบคุณผมก็ยังไม่สาย ว่าแต่ตอนนี้
ไปอาบน้ำเตรียมทานมื้อค่ำกันดีกว่า” ฝ่ามืออาวุโสตบบนบ่าแกร่งอย่างนึกเอ็นดู ความใกล้ชิดที่ได้ใช้เวลาฝึกทักษะให้ลูกแก้ว
ครั้งนี้ อาคมยอมรับว่าเด็กหนุ่มทำให้เขาเห็นความตั้งใจในการฝึกไม่เหลาะแหละเหมือนครั้งที่ผ่านมา ที่สำคัญยังไงความเชื่อ
ส่วนตัวเกี่ยวกับสรีระของลูกแก้ว อีกไม่นานคงเทียบรัศมีมือหนึ่งอย่างพยัคฆ์ในเร็ววันนี้แน่
เกือบสี่ทุ่มรถประจำตำแหน่งของมังกรเข้ามาภายในคฤหาสน์ ชายหนุ่มลงจากรถเสร็จหันไปพูด
กับคนสนิททั้งสองคนสั่งงานเล็กน้อย แล้วต่างแยกย้ายกันไปพัก เดินเข้ามายังโถงต้อนรับร่างสูงหยุดชะงัก นึกแปลกใจเมื่อเห็น
ตรงโซฟาหลุยส์มีคนนั่งดูทีวีอยู่ บนห้องก็ใช่ว่าจะไม่มีทีวีดูหากเจ้าตัวมีจุดประสงค์แค่ต้องการดูทีวีไม่จำเป็นต้องมานั่งข้างล่าง
น่าจะกำลังรอตนอยู่แน่ คิดว่าการคาดเดาไม่น่าจะพลาด จึงเลือกที่จะเอ่ยปากถาม
“รออาอยู่สินะ” มังกรมั่นใจในความคิดตนเอง
“เปล่า..ทำไมเข้าใจว่าผมรอ” หน้าหล่อถึงกับขึ้นสี ไม่คิดว่าจะถูกย้อนแบบนี้
กลายเป็นสำคัญตัวเองผิด ไม่เคยรู้สึกหน้าแตกแล้วอยากเดินหนีก่อนเลยสักครั้ง หากลูกแก้วเข้าใจว่าทำแบบนี้แล้วตนจะอาย
จนไม่กล้าสู้หน้าละก็..ต้องบอกว่าคิดผิดเช่นกัน
“นั่นสิ..อาคงไม่ชินเพราะเห็นเรานั่งดูทีวีอยู่ข้างล่างเข้าใจว่าคงมีธุระจะคุย ลืมไปว่าไม่เคยมีใคร
รอมานานแล้ว หรือพูดให้ถูกไม่เคยมีใครรออาเลยต่างหาก” หางเสียงแผ่วลงโดยเขาเองก็ไม่เข้าใจรู้สึกหน่วงอกดื้อๆ
ฉายามังกรเดียวดายเหมาะกับตนที่สุดแล้ว
“คุณอา..” ลูกแก้วครางเสียงแผ่วเมื่อเห็นแววตาอ้างว้างที่ฉายชัดในตาสีถ่านของร่างสูง
รู้สึกสะอึกไม่คิดว่าคำพูดประชดที่หวังยั่วโมโหจะมีผลลัพธ์แบบนี้ หากต้องเห็นความอ้างว้างเหมือนตัวคนเดียวในโลก
ของคนเป็นที่รักแล้วละก็ คงไม่หลุดปากพูดพล่อยๆออกไปแบบนั้น ต่างนิ่งก่อนมังกรจะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ
เมื่อเห็นแววตาสำนึกผิดจากร่างสูงใหญ่กำยำตรงหน้า
“ตามสบายนะ อาขอตัวก่อน” พูดจบเดินลิ่วขึ้นบันไดตรงไปห้องนอนทันที นึกโมโหตัวเอง
ที่เผลอแสดงความรู้สึกออกไป ไม่ได้หวังให้ใครเห็นใจ โดยเฉพาะลูกแก้วมังกรถึงกับสบถเพื่อลดความขุ่นมัวลง
เปิดประตูเข้าห้องยังไม่ทันล็อกกลับมีแรงดันมหาศาลผลักเข้ามาจนร่างถึงกับเซถอยไปหลายก้าว
“อ๊ะ!!” กำปั้นเตรียมปล่อยสวนกลับไป ดีที่ยั้งไว้ทัน..
“ขอโทษครับ ผมกลัวไม่ทันอาล็อกเสียก่อน” แววตาลุแก่โทษปั้นหน้าเจียมเจี๋ยม ทำเอามังกร
ถอนหายใจคลายหมัดจ้องหน้าลูกแก้วนิ่ง ก่อนปากสวยได้รูปจะถามเสียงห้วน
“มีอะไร” ท่าทางห่างเหินของอีกฝ่ายไม่ทำให้ลูกแก้วเสียความรู้สึกเหมือนคราวที่ผ่านมา
เขาเข้าใจดีมังกรไม่อยู่ในภาวะที่อยากจะคุย
“ผมอยากคุยกับอา” รอดูท่าทีของอีกฝ่าย ที่ยังปั้นหน้าเรียบเฉย
“ไหนบอกไม่มีอะไรจะคุย” เพิ่งเห็นมุมประชดของมังกร คงโมโหที่โดนตนย้อนเมื่อตะกี้
ลูกแก้วเกือบเผลอหัวเราะไม่ติดกลัวร่างสูงตรงหน้าจะโกรธคงหลุดขำไปแล้ว
“เมื่อกี้ไม่มี แต่ตอนนี้มีแล้ว” ใช้น้ำเสียงทะเล้นอย่างที่เคยทำ มังกรหรี่ตาค้นหาพิรุธ
ร่างกำยำเห็นว่าคงไม่จบง่ายๆฉวยโอกาสก่อนจะถูกปฏิเสธตัดบทเอาเองเลย
“อาอาบน้ำให้สบายตัวก่อน ผมขออนุญาตรอในนี้ เสร็จแล้วเราค่อยคุยกัน” มังกรยังคงนิ่งจ้อง
ลูกแก้วไม่วางตา คนพูดเกือบหลุดยิ้มกับท่าทางไม่ไว้ใจที่ร่างสูงแสดงออกโดยอาศัยการเงียบ ถึงไม่พูดแต่สายตาที่จ้องเขม็ง
ก็พอเดาได้ไม่ยากว่ามังกรกำลังคิดตนจะมาไม้ไหนกันแน่
“ไปเถอะน่าสบายตัวแล้วค่อยคุย นะคร๊าบ!” ถือโอกาสคว้าข้อมือลากให้เดินตามไปห้องน้ำ
ก่อนดันหลังให้เข้าไป ขืนปล่อยให้ยืนจ้องนานๆ ความอดทนตนมีจำกัดจับกดขึ้นมาเป็นเรื่องจนได้ ต่อให้ไม่ยอมแต่นั่นไม่ใช่
ปัญหา ลูกแก้วมั่นใจสามารถทำให้มังกรยอมได้แน่เคยลองมาแล้ว
มังกรยอมอาบอย่างว่าง่าย ที่ไม่ปฏิเสธหรือตั้งแง่ให้เสียเวลาเพราะต้องการรู้ว่าลูกแก้วจะคุยอะไร
ในเมื่อก่อนหน้าบอกไม่มีเรื่องคุย กลับออกจากห้องน้ำด้วยการนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว คิดไว้แล้วต้องผจญสายตาจ้องสำรวจ
โจ่งแจ้งไม่เก็บอาการของอีกฝ่ายแน่นอน เขาไม่มีทางเลือกเพราะตอนเข้าไปไม่ได้ติดเสื้อผ้าเข้าไปด้วย จะว่าไปแล้ว
ขืนทำแบบนั้นเหมือนเผยให้ลูกแก้วคิดเข้าข้างตัวเองว่าตนแคร์สายตาเอาได้ ทำไม่สนใจถึงจะรับรู้อยู่ทุกฝีก้าว
ตั้งแต่เปิดประตูมากระทั่งหยิบชุดนอนผ้าฝ้ายออกมาสวม สายตาคมเข้มจ้องตามจนร่างจะพรุนแล้วหากมันเป็นลูกกระสุนแล้วละก็
“เอาล่ะคุยธุระของเราเถอะ” แต่งตัวเรียบร้อย หันมาทางลูกแก้วที่ถือวิสาสะนั่งห้อยขาบนเตียง
ไปแล้วเรียบร้อย
“เหนื่อยไหมครับ” คำถามธรรมดา แต่คนฟังถึงกับหัวคิ้วกระตุกแม้จะยังคงมีสีหน้าเรียบนิ่ง
“มีบ้างนิดหน่อย” มังกรตอบด้วยหางเสียงปกติ
“เหนื่อยก็พักสิครับ จะฝืนไปทำไม” ประโยคนี้ทำเอามังกรถึงกับมองแปลกๆ ไม่เข้าใจว่านี่คือธุระ
ที่ลูกแก้วจะคุยหรือเปล่า
“อืม..ว่าแต่เราคุยธุระมาเถอะ ถ้าเป็นเรื่องนี้ละก็อาขอตัวพักผ่อนดีกว่า จะได้ไม่ต้องฝืน”
ร่างสูงขานรับ ก่อนจะตัดบทย้อนคำแนะนำที่เพิ่งได้จากหนุ่มหล่อหน้าคมกลับคืนดื้อๆ
“ยังไม่ต้องรีบนอนหรอกครับ จะหนีไปถึงเมื่อไหร่” ลูกแก้วลุกยืนเต็มความสูง ก้าวเข้าประชิด
โดยที่มังกรยังคงยืนอยู่กับที่ไม่ขยับหนีแม้แต่นิดเดียว ไม่งั้นคำพูดประโยคท้ายของลูกแก้วจะยืนยันความคิดเจ้าตัวได้
“มันจบไปแล้ว อย่ารื้อฟื้นอีกเลย” มังกรสบตาคมเข้ม ตัดจบสั้นๆ
“มันยังไม่จบ เพิ่งเริ่มต่างหาก” ลูกแก้วพูดเสียงเบาเกือบกระซิบ ยื่นหน้าเข้าใกล้จนปลายจมูก
เกือบชนแก้มใส กลิ่นแชมพูกระทบโสตสัมผัสจนเผลอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มังกรรู้ว่าคนทำมีเจตนายั่วยุตนนอกจากไม่หลบ
ยังยืนนิ่งวางหน้าเฉย ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย
“อย่าให้มันเริ่มดีกว่า คงไม่สวยงามอย่างที่เราคิดไว้หรอก” คนฟังมุมปากกระตุก ปากหนาได้รูป
ยกยิ้มนิดๆอย่างไม่สนใจ ก่อนสวนกลับว่า
“อารู้หรือว่าผมคิดอะไร” ตีมึนกวนใส่ในขณะที่ใบหน้ายังไม่ยอมถอยห่างหน้าใสแม้แต่น้อย
ใกล้จนเกือบชิดลมอุ่นเป่ารด ต่างฝ่ายต่างรับรู้ลมหายใจของกันและกันชัดเจน ไม่มีใครผละออกจากสถานการณ์ตรงหน้า
ยืนหยั่งเชิงสบตากันนิ่ง คำพูดชิงไหวชิงพริบไม่มีลดลาวาศอก
“ไม่ใช่เรื่องแปลกที่อาจะรู้ เราบอกจุดมุ่งหมายตั้งแต่แรกแล้วนี่” มังกรบอกไม่แสดงอาการ
สะทกสะท้านหรือหวั่นไหวไปกับท่าทางอุกอาจที่ร่างสูงใหญ่กำลังคุกคามอยู่ขณะนี้
“หึหึเป็นการดีสำหรับผม เมื่ออารู้ว่าผมต้องการอะไร ก็ช่วยส่งเสริมให้ความต้องการของผม
บรรลุเป้าหมายหน่อยสิครับ” มือหนาถือวิสาสะจับคางสวยบังคับให้แหงนมองกันชัดๆ ร่างที่ดูบางกว่ารีบยึดข้อมือใหญ่ไว้มั่น
จ้องตอบตาไม่กะพริบ ความร้อนแรงในสายตาของลูกแก้วถ่ายทอดอารมณ์ดิบจนมังกรเองถึงกับรู้สึกเหมือนโดนเผา
อาศัยความหนักแน่นส่วนตัว ขบกรามพูดเสียงลอดไรฟันช้าๆเน้นๆว่า
“อาคงไม่สามารถเป็นผู้สนับสนุนหลัก เราหาตัวช่วยที่คุณสมบัติเหมาะสมแทนจะดีกว่า”
พูดจบกระชากข้อมือออกพร้อมบิดหน้าหนี คิดว่าสามารถหลุดจากภาวะล่อแหลมได้แน่ ผิดคาดไม่น้อยนอกจากไม่เป็นไป
อย่างที่คิด กลับถูกวงแขนแกร่งรวบกอดดึงร่างปะทะอกหนาอย่างแนบชิด ก่อนตัวจะลอยหวืดล้มลงไปบนเตียงอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ปึ๊ก! ตุ๊บ!..” ร่างกำยำกดทับด้านบน ขณะที่มังกรถูกตรึงไว้ข้างใต้
ขยับไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
“ลูกแก้วคิดจะทำอะไร” คำถามงี่เง่าหลุดออกไป เป็นเพราะอึ้งที่ลูกแก้วสามารถกดเขาไว้ใต้ร่าง
ในเวลารวดเร็ว สมองไม่มีเวลามากนักนอกจากเอ่ยคำถามโง่ๆ อย่างที่ได้ยิน
“ไหนบอกเองว่ารู้ความคิดของผม ทำไมถามว่าผมต้องการอะไร” แทบจะถ่ายทอดคำพูด
เข้าปากมังกรด้วยซ้ำ เมื่อคนเอ่ยเล่นบอกชิดปาก สายตาเอาเรื่องของมังกรสบตาคมเข้มอย่างโมโหสุดๆ
“ปล่อย!ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าอาไม่เตือน” มังกรขู่เสียงขุ่นรู้สึกเสียหน้าไม่น้อยที่ถูกตรึงไว้
ใต้ร่างขยับไม่ได้สักนิด
“หลักสูตรพื้นฐานอย่าให้คู่ต่อสู้ประชิดตัว อาพลาดเอง” ลูกแก้วยกยิ้มล้อเรียกสีเลือดวิ่งขึ้น
หน้าใสได้ทันตา ทำไมมังกรจะไม่รู้ว่าที่ลูกแก้วพูดมาคือทักษะการต่อสู้ที่อาคมสั่งให้ท่องเอาไว้ ตั้งแต่เด็กที่เริ่มฝึก
“รู้สึกเราจะพัฒนาเร็วกว่าที่คิด แต่ยังเร็วไปสิบปี” พูดจบหน้าผากขาวก็โขกเข้าศีรษะลูกแก้ว
เต็มเหนี่ยว หวังให้หลุดจากการตรึงเพื่อเปิดช่องให้ขยับอวัยวะได้สะดวก ผิดคาดเป็นรอบที่สองที่คิดไว้ว่าต้องปะทะกับกะโหลก
ศีรษะของลูกแก้วอย่างแรงหวืดเจอแต่อากาศ ไม่กระทบสิ่งใดเลย ตรงข้ามกับขนลุกซู่เมื่อลิ้นชื่นตวัดเลียซอกคอ
จนรู้สึกร้อนวาบเข้าให้
“อื้อ! หยุด..ลูกแก้วหยุดเดี๋ยวนี้” มังกรตะคอกเสียงดัง เข้าใจแล้วทำไมโขกไม่โดนในเมื่อ
หัวทุยสวยซบซอกคอและกำลังจาบจ้วงล่วงเกินเขาอย่างถือวิสาสะ มันจะโขกโดนได้ยังไง
“อืม..สัญญาสิจะไม่ทำร้ายร่างกายผม” เสียงอู้อี้ดังให้ได้ยินทั้งที่เจ้าของยังคงซุกไซร้ดูดชิม
ไปทั่วลำคอขาว ทำเอามังกรแดงเถือกไปทั่วหน้า อารมณ์โมโหหงุดหงิดทำอะไรไม่ได้ ต้องมาเสียท่าในสภาพล่อแหลมอีก
“ปล่อยก่อนสิ” ขบกรามสั่งให้ร่างกำยำที่ทิ้งน้ำหนักกดทับเหมือนถูกสิบล้อบดอยู่ขณะนี้
ปล่อยพันธนาการทางร่างกายออกให้ก่อน
“เลิกโมโหหลับตาลงแล้วหายใจยาวๆ ฟังเสียงหัวใจตัวเองก่อนผมถึงจะปล่อย ทำสิครับ”
ลูกแก้วกระซิบเสียงพร่า มังกรไม่มีทางเลือกข้อมือถูกตรึงด้วยมือหยาบหนาแนบลำตัวทั้งสองข้าง ส่วนอื่นขยับไม่ได้เลย
สักนิดเดียว พื้นที่ในการมองเห็นคือท้ายทอยสีน้ำตาลไหม้เท่านั้น จำต้องผ่อนลมหายใจยาวหลับตาสูดหายใจลึกโดยไม่คิด
ต่อต้าน ทำอยู่สามครั้งรู้สึกอารมณ์ที่ปะทุด้วยความโมโหค่อยเบาบางลง กระทั่งได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นเป็นจังหวะ
แต่ที่รับรู้มากกว่านั้นดันได้ยินเสียงหัวใจของร่างด้านบนเต้นเป็นจังหวะเดียวกันอีกต่างหาก ความเงียบที่เกิดขึ้นสัมผัสได้ชัดเจน
ถึงเสียงหัวใจที่สอดประสานเป็นจังหวะเดียวกัน มังกรผ่อนคลายอาการเกร็งลงช้าๆ ก่อนจะรู้สึกถึงความนุ่มตรงริมฝีปาก
นิ่มนวลอ่อนโยนหยอกเย้าไม่อุกอาจ เป็นไปอย่างอ้อยอิ่ง จนเผลอตอบรับเปิดปากให้เกิดการล่วงล้ำ ความแนบเน้น
เกิดขึ้นตามมา การลุกไล่เกี่ยวกระหวัดโหยหา ความต้องการถูกปลุกเร้าจากก้นบึ้งของจิตใต้สำนึก ไม่มีการบังคับ
แต่เป็นการชักนำร้องขอ ผ่านการสัมผัสอ่อนโยนเรียกร้อง ไม่มีคำพูดไม่มีคำถาม มีเพียงสองร่างกำลังนัวเนียกันอย่างลึกล้ำ
จันทร์ครึ่งเสี้ยวบนท้องฟ้าคืนนี้ หากเพ็งมองดีๆเหมือนจันทร์กำลังยิ้ม ร่างกำยำสูงใหญ่ยืนมองไปไกล
สายตาจับนิ่งที่ผืนผ้ากำมะหยี่สีดำแต่งแต้มด้วยจันทร์ซีก ผ่านกระจกรูดม่านออกเปิดช่องว่างเพียงน้อยนิด ใบหน้าคมคาย
หล่อเหลาดุจรูปสลักอพอลโล่ เจือจางไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่นอย่างมีความสุข ในขณะที่ร่างเปลือยใต้ผ้าห่มบนเตียงใหญ่
ยังคงหลับไหลอย่างสงบ ลมหายใจสม่ำเสมอโผล่ลาดไหล่ขาวเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสมส่วน ใบหน้าหล่อช่างดึงดูดกระทั่ง
ตอนหลับ ดูเหมือนเจ้าของร่างกำลังฝันดีเช่นกัน....?
ขอบคุณค่ะที่ตามกันมาตลอด เรื่องนี้ไล่ปั่นอย่างต่อเนื่อง
คิดว่าไม่เกินเดือนตุลาคมคงจบเรียบร้อย
รักคนอ่านทุกท่าน ที่ติดตามกันอย่างเหนียวแน่น
เชียร์ใคร? อะไร? ยังไง? รอลุ้นกันต่อไปนะคะ

Luk.
