ตอนที่ 33 กองทัพสิขี"ฉันปล่อยพวกมันมานานเกินไปแล้ว..."
"ปล่อยให้พวกมันชูคอเสวยสุขอยู่บนความอัปยศ และความย่อยยับของฉัน"
"ถึงเวลาแล้วที่พวกมันจะได้ลิ้มรสชาติความเจ็บปวดของความหายนะ ความพินาศย่อยยับ ความอัปยศอดสู..."
"และ...ความตาย!!"
อดีตองค์ราชินี พระนางสิขี ผู้มีใจทะเยอทะยาน ผู้มีดวงหน้างดงามผุดผาดแลดูอ่อนกว่าวัย เส้นผมสีดำเด่นดั่งสีของราตรีกาลยาวสลวยถึงบั้นเอวบาง ริมฝีปากรูปกระจับสีแดงสดราวกับสีของโลหิต ดวงตากลมโตหากแต่มีหางตาที่คมกริบ นัยย์ตาราวลูกแก้วสีดำวาววาม ทอประกายร้ายกาจ ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มกับภาพเบื้องหน้า สองเท้าเยื้องย่างสง่างามราวกับนางพญา เหยียบไปบนซากร่างของทหารรักษาพระองค์ที่นอนแน่นิ่ง เพราะสิ้นแล้วทั้งวิญญาณ เหลือแต่เพียงร่างพาชนะเปล่าเปลือย
ท้องพระโรงกว้างใหญ่องค์กษัตริย์ องค์ราชินี และราชนิกูล รวมไปถึงเสนาบดี มหาดเล็กน้อยใหญ่ ต่างตกอยู่ในสภาพที่ไม่แตกต่างกัน เพราะล้วนเหลือเพียงร่าง ที่ไร้วิญญาณ
"พวกแกมันก็แค่มนุษย์อ่อนแอ แค่พริบตาเดียวเท่านั้น ชีวิตพวกแกก็อยู่ในกำมือฉันคนนี้หมดแล้ว ฮ่าๆๆ ช่างง่ายดายเสียจริง ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
เสียงหัวร่อ ของพระนางสิขีดังลั่นไปทั้งท้องพระโรงแห่งวังหลวงเอกูนวิสตี เช้าตรู่ของวันนี้ เวลาที่กษัตริย์ มเหสี และเหล่าราชบริพาร ร่วมกันออกว่าการ ที่ท้องพระโรงใหญ่ พระนางสิขีพร้อมด้วยบริวารที่เป็นภูติเงาผู้ชั่วร้ายซึ่งแฝงเร้นอยู่ในเงามืดของทุกที่ในวังหลวงตั้งแต่ที่ฟ้ายังไม่สาง นางร่ายมนต์ดำให้มีแต่ความมืดมนอนธการ ปกคลุมทั่วท้องฟ้าเมืองหลวงแห่งเอกูนวิสตี เมื่อไร้แสง ภูติเงายิ่งมีฤทธา พวกมันไล่ดูดกลืนดวงวิญญาณของทุกคนทุกผู้ที่ยังมีลมหายใจ ไม่เว้นแม้ลูกเล็กเด็กแดง หรือเท่าชรา แค่เพียงมีลมหายใจเป็นมนุษย์ ล้วนแล้วแต่ไม่มีทางรอด เมืองเอกูนวิสตีที่เคยเรืองรองบัดนี้ กลายเป็นเมืองรกร้างต้องคำสาปไปเสียแล้ว
"เหลือแค่มัน...แค่มัน หึหึ คิดว่าหนีไปอยู่ถึงวิหารมิคาทนแล้วจะหนีฉันพ้นอย่างนั้นเหรอ ไอ้เจ้าพวกมดปลวก เศษสวะอย่างพวกแก ฉันจะขยี้ไม่ให้เหลือแม้แต่เศษธุลีเลยทีเดียว ตั้งตารอกันไว้ได้เลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
ภัยร้ายที่กำลังจะจู่โจมถึงวิหารมิคาทน ใครเล่าจะสามารถมาเตือนภัยให้รัชทายาทได้รู้ ได้หาทางป้องกัน
.
.
.
.
.
.
.
"ว่ายังไงนะ รโมนินทร์!!? ท่านพ่อ ท่านแม่ทรง…!?"
"ขอประทานอภัย ฝ่าบาท พระนางสิขีพร้อมกองกำลังภูติเงาบุกเข้ามารวดเร็ว จนไม่อาจต้านทาน กระผมขอน้อมรับความผิดที่ไม่อาจช่วยทั้งสองพระองค์ไว้ได้.."
"ลุกขึ้นเถิด แค่นายเสี่ยงชีวิตมาถึงขนาดนี้ ฉันก็ขอขอบใจแล้วล่ะ แล้วเอาทารย์ กับหิรัญญิการ์เล่า?"
"เอาทารย์ บาดเจ็บสาหัสระหว่างที่พากระผมหลบหนีมา ขณะนี้ให้ทางแพทย์หลวงของมิคาทนดูแลอาการอยู่ ส่วน...หิรัญญิการ์...เอ่อ..."
"หิรัญญิการ์เป็นอะไร ไม่ได้หนีมาพร้อมกันหรอกเหรอ?"
"ในตอนแรก พวกเราทั้งสามคน ร่วมกันต้าน กองกำลังภูติเงา ในขณะที่กำลังจะเพลี่ยงพล้ำ พระราชาทรงมอบราชโองการให้กระผมเร่งเดินทางมาแจ้งข่าวแก่ท่านรัชทายาท โดยมีเอาทารย์ช่วยตีฝ่าภูติเงาให้ ส่วนหรัญญิการ์นางรับหน้าที่ป้องปักษ์องค์ราชันย์และองค์รานี ซึ่งตอนนี้นางได้..."
"เข้าใจแล้ว นายเองก็บาดเจ็บหนัก ไปพักผ่อนเถิด ทางนี้เดี๋ยวฉันจะเร่งเตรียมการเอง"
"เอ่อ...องค์รัชทายาท มีอีกเรื่องที่กระผมต้องการบทูน"
"เรื่องอะไร?"
"ตอนที่เอาทารย์เพลี่ยงพล้ำ และกระผมเกือบเอาชีวิตแทบไม่รอดนั้น มีคนคนหนึ่ง มาช่วยเราทั้งสองไว้..."
"................มัชชาโร งั้นรึ?"
"ขอรับ เสนาธิการฝ่ายเหนือมัชชาโร เป็นผู้ที่ช่วยชีวิตพวกเราไว้ และเป็นคนใช้พลังเวทย์เปิดทางส่งเราทั้งคู่มาถึงที่นี่..."
"อืม...ฉันเข้าใจแล้ว นายรีบไปรักษาแผลเถอะ"
"ขอบพระทัยขอรับ องค์รัชทายาท"
ความตึงเครียดเข้าครอบงำจิตใจโสฬส หนักหน่วงทันที พระนางสิขีชิงลงมือเร็วกว่าที่เขาคาดการณ์ไปมาก คาดว่าอีกไม่เกิน 7 ราตรี กองทัพของพระนางจะมาถึงหน้าประตูวิหารเป็นแน่ ถึงตอนนี้กองกำลังของเขาเองจะพร้อม หากแต่เรโช ชายาของเขาที่ท้องแก่เต็มทีนั้น ก็ยังความลำบากใจมาให้ไม่น้อย แม้จะมีเหล่าชาวเสมัญคอยคุ้มกัน แต่เกรงว่าหากเขาเพลี่ยงพล้ำ เรโชและลูกอาจเป็นอันตราย ยิ่งคิดใจก็ยิ่งสั่น
"ฉันจะยังวางใจนายได้อยู่ใช่มั้ยนะ...มัชชาโร..."
โสฬสเอื้อนเอ่ยกับตัวเองแผ่วเบา หลับตาทำสมาธินิ่งงัน
.
.
.
.
.
สี่กุมารหาญกล้า ตรี คฑา จักร สังข์
ปราบไปทั่วทั้งไตรจักร ยักษ์มารมิกล้าต่อกร กำจัดดัสกร มิเคยหวั่นความตาย
สี่คนแรงฤทธิ์ พิษสงมีรอบกาย
เหินฟ้า เดินน้ำ ดำดิน พระอินทร์ให้ฤทธิ์เดชไว้ อาวุธคู่กาย ปราบไปถึงโลกันต์
ตรี...คฑา...จักร...สังข์...สี่พลังยิ่งยงเกรียงไกร
สิบทิศทั่วแคว้น ทั้งดินแดนใกล้ไกล
เกลียดความอยุติธรรม เกลียดอำนาจความชั่วร้าย ประชาอุ่นใจ รักยอดสี่กุมาร...
.
.
.
เสียงราวฆ้องแตกเจื้อยแจ้วของคนท้องแก่ที่นอนแบเพราะไปไหนไม่ไหว กำลังร้องเพลงฮิตที่ช่วงนี้ร้องตลอด 24 ชั่วโมงตราบเท่าที่ยังไม่หลับ จนคนทั้งวิหารมิคาทน จะร้องตามกันได้ทุกคนแล้ว อินทิราที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างๆยังอดหลุดขำทุกครั้งไม่ได้ที่ เรโชที่ร้องเพลงเสียงหลงขนาดนี้ ยังขยันร้องเพลงนี้ทุกวัน
"ดูพระชายาจะชอบเพลงนี้มากเลยนะครับ ร้องทุกวันเลย"
"ไม่ได้ชอบเป็นพิเศษหรอกครับ แต่มันเข้ากับสถานการณ์ดี เลยร้องมันอยู่เพลงเดียวเนี่ยแหละ อิอิ"
"นี่ก็เหลืออีก 19 วันแล้วสินะครับ 4 ยอดกุมารของท่านก็จะลืมตาดูโลก ดีใจมั้ยครับ?"
"ดีใจสิครับ ตื่นเต้นจะแย่แล้วเนี่ย"
เรโชยิ้มหวาน ให้อินทิราอีกครั้งเป็นการสำทับความหนักแน่นในคำพูดแสดงความยินดี
"ขอเจอลูกท่านอีกทีได้ป่ะ?"
"ลูกผมเหรอ? ได้สิเดี๋ยวเรียกให้ ว่าแต่ทำไมท่านถึงอยากเจอกันล่ะ?"
"ผมอยากเห็น เด็กที่ถูกคลอดโดยแม่ผู้ชาย"
"เอ...ท่านก็เคยเห็นตั้งหลายครั้งแล้วนี่?"
"อยากเห็นอีกอ่ะ อยากมั่นใจว่าลูกๆทั้ง 4 คนของผมจะแข็งแรงเหมือนลูกท่าน"
"หึหึ..."
อินทิรายกยิ้มเอ็นดูคนที่นอนอยู่ตรงหน้า คนที่อีกไม่นานจะต้องผ่านความน่ากลัวของการคลอดบุตรที่ผิดธรรมชาติ ราวกับเป็นการทดสอบจากสวรรค์ ว่าคนคนหนึ่ง จะอดทนต่อความเจ็บปวดราวกับตายทั้งเป็นได้แค่ไหน เพื่อแลกกับสิ่งล้ำค่าที่ได้ชื่อว่า "บุตร" ในสายตาของอินทิราเรโชตรงหน้าเขาคนนี้ แม้ภายนอกจะดูซื่อๆ ไร้เดียงสา และยังคงเด็กอยู่มาก เพราะอายุยังไม่ ถึง 19 ปีเต็มเสียด้วยซ้ำ แต่จะต้องมารับผิดชอบชีวิตที่อยู่ในร่างกายถึง 4 ชีวิต เป็นเรื่องฝืนธรรมชาติเกินกว่าที่บุรุษเพศทั่วไปจะรับได้ แต่เรโชตรงหน้าเขาคนนี้กลับไม่มีหวั่นไหว ตั้งแต่แรกที่พบกัน เรโชไม่เคยแสดงให้เห็นว่าท้อแท้ หรืออ่อนแอต่อความเจ็บปวดสาหัสที่จะเกิดขึ้นในการคลอดบุตร หากแต่กลับมุ่งมั่น แน่วแน่ ที่จะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำใด้ แม้จะต้องใช้ชีวิตตัวเองเข้าแลกก็มิเคยหวาดหวั่น ช่างเหมือนกับ...ภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้วของเขาเหลือเกิน...
"เอ้านี่...พามาให้แล้ว"
"อ๊ะ โสฬส?"
"ถวายบังคม องค์รัชทายาท"
"ท่านรู้ได้ไงว่าผมกำลังอยากเจอ จันทรา บุตรแห่งท่านอินทิราอยู่พอดี?"
"พี่ฉลาดไง หึหึ เดินเจอกลางทางพอดีเลยพาเข้ามาด้วย นึกอยู่แล้วว่าเรโชของพี่น่าจะอยากเจอ"
"สามีผมแสนรู้จริงๆด้วย" (กระซิบเบาๆกับอินทิรา พร้อมหัวเราะคิกคัก)
"อะ แฮ่ม...ได้ยินนะ"
"ชิ...แสนรู้ไม่พอ...หูดีอีกแน่ะ"
"ไม่เถียงด้วยแล้ว นายคุยกับจันทราไปก่อนแล้วกันนะ พี่ขออินทิราไปคุยด้วยหน่อย"
"ก็ด่ะ...มะ...จันทราเข้ามาหาเฮียเด๊ะ"
โสฬสและอินทิรา เดินออกมาข้างนอกอย่างเงียบๆ ปล่อยให้เด็กหนุ่มสองคนคุยกัน เพราะถือว่าวัยใกล้เคียงกันมาก ดังนั้นทั้งความเกรียน และความบ้าบิ่น แทบไม่ทิ้งห่างกันเลย
"พระนางสิขี...เคลื่อนไหวแล้วสินะครับ? เมื่อครู่ผมเห็นคนจากวังหลวงบาดเจ็บมาสองคน"
"อืม ตอนนี้นางยึดวังหลวงได้สำเร็จแล้ว"
"งั้นที่นี่ก็..."
"ท่านอินทิรา เรามีเรื่องขอร้องท่าน"
"ได้โปรดบัญชา องค์รัชทายาท ชาวเสมัญยินดีช่วยเต็มที่"
"เราอยากให้ท่าน ช่วยพาเรโช ชายาของเราไปที่เสมัญ"
"......................ร้ายแรงเพียงนั้นเลยหรือขอรับ?"
"มิอาจคาดเดา ท่านอินทิรา ทางใดป้องกันได้เราอยากป้องกัน"
"รับด้วยเกล้าขอรับ กระผมจะอารักษ์ขาองค์พระชายาด้วยชีวิต"
"ลำบากท่านแล้ว อินทิรา เราจะเร่งปราบพระนางสิขีให้ได้เสียที่นี่ แล้วเราจะรีบตามไป...เพื่อรับชายาและลูกเรากลับมา"
"รักษาพระองค์เองด้วย"
"ขอบใจมากท่านอินทิรา จำไว้อย่าง ท่านต้องเดินทางเฉพาะตอนกลางวันเท่านั้น ภูติเงาของพระนางสิขีจะสิ้นฤทธิ์ในแสงอาทิตย์ หากทรงพลานุภาพยิ่งในยามราตรี"
"เข้าใจแล้วฝ่าบาท พรุ่งนี้เช้าเราจะเร่งเดินทาง"
ร่างสูงของโสฬส คุกเข่าเดียว ลงบนพื้นเป็นการแสดงถึงความเคารพอย่างสูงสุด อินทิราถึงกับทรุดลงไปคุกเข่าด้วยท่าทางตื่นตระหนก
"ลุกขึ้นเถิดองค์รัชทายาท เหตุใดท่านถึงทำแบบนี้!?....."
"เราขอขอบคุณท่านด้วยหัวใจ ในฐานะของลูกผู้ชายคนหนึ่ง เราขอบคุณท่านจริงๆ ที่ช่วยดูแลเรโช ดวงใจของเรา..."
"ผมเองก็ขอให้คำมั่นเช่นกัน ว่าจะขอดูแลปกป้ององค์พระชายามิให้ขาดตกบกพร่อง ไม่ให้ภยันตรายใดกล้ำกรายเด็ดขาด ท่านก็ต้องมารับพระชายากลับให้ได้นะครับ องค์รัชทายาท"
"แน่นอน เราต้องไปรับชายาเราแน่ๆ...ยังไงก็...ฝากด้วยนะ อินทิรา"
.
.
.
.
.
ขณะที่ไม่ทันระวังตัว เรื่องที่อินทิรากับโสฬสคุยกัน ถูกดักฟังเสียแล้ว
"ว่ายังไงจันทรา สองคนนั้นคุยอะไรกัน ไหนแจงให้เฮียฟังเด๊ะ?"
เรโชที่นองแอ้งแม้งอยู่รีบถามขึ้นทันทีที่จันทรากระโดดหวือลงมาจากขื่อเพดาน
"เขากำลังตกลงกัน ให้ท่าน...เอ่อ...หนีไปเมืองเสมัญกับพวกเรา..."
"ว่ายังไงนะ!!? ละ...แล้วโสฬสล่ะ?"
"ได้ยินว่ามีเพียงท่านที่เดินทาง ส่วนองค์รัชทายาท เอ่อ...จะอยู่ต่อสู้กับพระนางสิขีที่นี่..."
"ให้เฮียหนีเอาตัวรอดคนเดียวงั้นเหรอ!!? ไม่เอาเด็ดขาด!"
"คนเดียวที่ไหนกัน เรโช...ลูกท่านล่ะ?"
เรโชฟึดฟัดโมโหทันที ที่ตัวเองกำลังจะโดนปล่อยเกาะไปปลอดภัยอยู่เพียงลำพัง หากแต่จันทราเอ่ยเรียกสติไว้เสียก่อน
"ถึงอย่างนั้นก็เหอะ เฮียทิ้งโสฬสไม่ลงหรอก...อย่างน้อย ตอนกำลังลำบาก เฮียก็อยากอยู่กับเขา"
เรโชกล่าวเสียงอ่อย ลูกในท้องก็ห่วง สามีก็รัก ตัดใจทิ้งใครไม่ได้ทั้งนั้น
"จันทรา..."
"ครับ?"
"ช่วยอะไรเฮียอย่างเด่ะ..."
...............................................................................
คืนเดือนแรม สลัว ณ ราชบัลลังก์เอกูนวิสตี พระนางสิขีนั่งยืดตัวตรงองอาจอยู่บนแท่นบัลลังก์ที่เป็นจุดสูงสุดแห่งอำนาจ เมื่อไม่มีองค์รัชทายาทโสฬสผู้มีพลังเวทย์น่าเกรงขามอยู่ในเมืองอีก ก็ไม่มีสิ่งใดในราชฐานเอกูนวิสตีต้านทานอำนาจนางได้ ภูติเงานับหมื่น กองกำลังที่นางเพียรสร้างขึ้นจากความชิงชัง เคียดแค้น และคำสาปแช่ง ทุกตนทรงอิทธิฤทธิ์แรงกล้า ตอนนี้นางไม่เกรงกลัวอะไรอีกแล้ว นางได้ราชบัลลังก์ ได้อำนาจคืนมาเป็นของตนแล้ว สิ่งที่ต้องทำหลังจากนี้มีเพียงแค่ สังหารรัชทายาทโสฬสติยาผู้เป็นปฏิปักษ์ ชิงหัวใจสดๆของตรีสาโรจน์เตโช และสิ่งสุดท้าย...บั่นคอมารหัวใจ..."ไอศุพายัฆ".....!!
"ถวายพระพร...องกษัตรียาแห่งเอกูนวิสตี กระหม่อมสำรวจทั่วแล้ว หามีผู้รอดชีวีไม่ ทั้งวังต่างถูกภูติเงาดูดกลืนดวงวิญญาณสิ้นแล้ว"
"ดีมาก...มัชชาโร หากไม่มีแก ฉันคงมาถึงจุดนี้ไม่ได้ ฉันภูมิใจในตัวแกจริงๆ หึหึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
"..............พระองค์กล่าวเกินไปแล้ว"
"หึหึ...เอาล่ะ เอาล่ะ วันนี้แกเหนื่อยมามากแล้วไปพักผ่อนเถอะ"
"ขอบพระทัย...ฝ่าบาท"
มัชชาโรเอ่ยลา และกลับมาที่ห้องตนเอง ปล่อยพระนางสิขีกับลิ่วล้อ สังสรรค์รื่นเริงจากการยึดบัลลังก์เอกูนวิสตีได้ กันอย่างสนุกสนาน
.
.
.
.
.
เมื่อกลับมาถึงห้องพัก มัชชาโรถอนหายใจระโหย ตั้งแต่ลงรักขติให้กับพระชายาไป ร่างกายเขาอ่อนเพลียง่ายกว่าปกติ วันนี้ทั้งๆที่เขาแทบไม่ได้ทำอะไรเลย ที่จริงก็แค่นั่งดูความหายนะที่เกิดขึ้นตรงหน้าเฉยๆ เท่านั้น แอบเสียดายความสวยงามของเมืองเล็กน้อย แต่ก็หาได้ยี่หระหากมันจะพังพินาศไป สิ่งที่ยังคงค้างในใจมีอยู่แค่สิ่งเดียว
"ขอโทษนะรัชทายาท ฉันน่าจะเชื่อนาย ... คนหนึ่งคน ไม่สามารถปกป้องของรักสองสิ่งพร้อมกันได้จริงๆด้วย..."
มัชชาโรเอ่นเบาๆ พลางยิ้มขมขื่นกับตัวเอง
"ถึงขั้นนี้แล้ว...ฉันคงช่วยอะไรนายไม่ได้อีก หวังว่านายจะปกป้องของรักของนายได้นะ โสฬส..."
"ถ้างั้น...ฉันขอปกป้องของรักของฉันบ้างได้หรือเปล่า มัชชาโร!?""ไอศุพายัฆ!!!""ใช่...ฉันเอง ไม่เจอกันนานเลยนะ...มัชชาโร..."
..........................................................................เริ่มตึงๆ แล้วล่ะนะ...อิอิ
ตอนหน้าชื่อตอนว่า..."หัวใจรัก มัชชาโร" ล่ะเน่อ
.
.
.
อะไรกันน๊าที่ค้ำคอมัชชาโรอยู่...
.
.
.
แล้วโสฬสจะปกป้องเรโชอย่างไร จะกู้คืนบัลลังก์ได้หรือไม่ จะชุบชีวิตทุกคนได้หรือเปล่า...เง่อ