Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ
59 : ค่ำคืนแสนหวาน พาร์ท 2 [กาย] 50%
พี่เอกตื่นมาตอนเช้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ส่วนผมสะโหลสะเหลนิดหน่อย เห็นพ่อมองมาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม แต่ผมทำเป็นไม่ใส่ใจเดินไปคว้ากุญแจรถมอเตอร์ไซด์เพื่อเตรียมไปซื้อของกับแม่ พอผมขึ้นควบได้ พี่เอกก็ก้าวขาขึ้นมานั่งซ้อนทันที ผมหันไปมอง
“พี่เอก ผมจะไปซื้อกับข้าวกับแม่”
“พี่ไปด้วย”
“แล้วแม่ล่ะ”
พี่มันพยักหน้าไปทางแม่ที่โดนพ่อบังคับให้นั่งซ้อนท้ายแกอยู่ แต่แม่ไม่ยอมครับ จะขับไปคนเดียว เถียงกันอยู่สักพัก พ่อก็ยอมยื่นกุญแจคืนให้แม่ พอแม่ขึ้นควบสตาร์ทตัวเครื่อง พ่อก็ขึ้นไปนั่งซ้อนเหมือนพี่เอกทันที แถมยังเจ้าเล่ห์จับเอวแม่ไว้แน่นหนึบอีกต่างหาก
แม่พยายามไล่พ่อลงจากรถ พอ ๆ กับแกะมือที่เอวตัวเองออก แต่พ่อผมลงกาวใส่มือไปแล้วเรียบร้อย แงะยังไงก็แงะไม่ออก
“ไปกันได้แล้ว”
คนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังผมเร่ง ผมเลยจำใจต้องหันกลับมาสตาร์ทเครื่อง ขับเคลื่อนตัวรถออกจากบ้านลัดเลาะไปตามเส้นทางขรุขระของท้องทุ่งนา มันเป็นทางลัดครับ ถ้าไปทางหลักเดินทางร่วมสิบกิโล แต่ทางลัดแค่ 3 กิโลเอง
วิวสวยด้วย ได้บรรยากาศไปอีกแบบ ตลาดที่เราจะไป เป็นตลาดขนาดใหญ่ของตำบล จะมีแค่วันเสาร์และอาทิตย์เท่านั้น
รถแม่ส่ายโคลงเคลงจนพ่อต้องจับแฮนด์เอง รถผมเองก็ไม่ต่าง จนพี่เอกต้องจับแฮนด์เองเหมือนกัน ไม่รู้พี่มันกลัวผมพาล้ม หรืออยากแต๊ะอั๋งผมกันแน่ เพราะตอนนี้พี่มันคร่อมผมเอาไว้ทั้งตัว ขับ ๆ ไปก็ซุกปากกับซอกคอผมไป ผมงี้เสียววูบ และที่สำคัญ ไอ้คุณน้องของมันอ่ะ ดันผมอยู่ด้านหลังไม่หยุด
แม่ง ขับรถมึงก็ยังมาทำหื่นได้อีกนะ
เส้นทางนี้ผมขับบ่อยครับ ชินแล้ว พี่มันก็เก่งนะที่ขับได้ ข้อแข็งน่าดู ตกร่องไปก็ตั้งหลายรอบ นี่ถ้าข้อไม่แข็งจริง ทั้งคนทั้งรถ คงได้ลงไปนอนกองกันอยู่ที่พื้นแล้ว
“เขยิบไปด้านหลังหน่อยก็ได้”
ผมรีบปรามเมื่อพี่แกเบียดตัวเองเข้ามามากขึ้น
“ไม่ล่ะ เดี๋ยวรถล้ม”
มันเกี่ยวกันไหมเนี่ย =*=
“แต่...”
คืออยากบอกว่าน้องมึงอ่ะ ทิ่มตูดกูอยู่ กูเสียวว้อย!!
พี่มันคงรู้ว่าผมจะพูดอะไร ได้ยินพี่มันหัวเราะหึ ๆ
“ก็ตัวกายหอม”
ไม่เกี่ยวกันเลยนะน่ะ =*=
“ทั้งหอม ทั้งน่าฟัด”
คำพูดสยิวกิ้วมาพร้อมกับริมฝีปากที่คลอเคลียอยู่แถว ๆ ผิวแก้มไล่ไปที่ใบหู
ผมก็เคลิ้มอ่ะดิ
วิวข้างทางก็สวย ปากพี่มันก็ซุกไซ้ไล่งับผมไป น้องมันก็ทิ่มผมไป
โอ๊ย มึงจะมากไปไหม เพลา ๆ ลงหน่อยเถอะ ความหื่นน่ะ
“ใกล้ถึงแล้ว”
ผมรีบบอกเมื่อรถกำลังจะหลุดออกจากท้องทุ่งนาไปสู่เส้นทางหลัก พี่เอกรีบละจากอาการหิวหูผม เขยิบออกไปนั่งอยู่ห่าง ๆ แล้วปล่อยให้ผมเป็นคนขับเอง
รู้งี้ กูน่าจะใช้มุขนี้ตั้งนานแล้วนะเนี่ย
พ่อพาพวกเราไปจอดรถไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ ที่มีรถของพวกชาวบ้านคนอื่น ๆ มาจอดกันไว้ก่อนหน้านั้นนับสิบ เรียงรายกันไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ใครอยากจอดตรงไหนก็จอด ผู้คนส่วนใหญ่ที่นี่ใช้รถมอเตอร์ไซด์กับรถจักรยานกันเป็นหลัก รถใหญ่ก็มีให้เห็นกันบ้างประปราย แต่เป็นกระบะซะเยอะ ดูจากสภาพแล้ว น่าจะผ่านการใช้งานมาแล้วอย่างโชกโชน หรือไม่ก็เป็นรถที่มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบยี่สิบปี
ผมกวาดมองไปรอบ ๆ วันนี้ของเยอะครับ ดูท่าจะเยอะกว่าทุกครั้งที่ผมเคยมาด้วย ข้าวของส่วนใหญ่ก็เป็นพวกผักและผลไม้พื้นเมือง แม่ค้าพ่อค้าก็มีทั้งชาวบ้านและชาวเขา ของราคาแค่ห้าบาทสิบบาทแต่ขนาดนี่แทบต้องหาบกันกลับบ้าน
ผมแอบไปกระซิบบอกแม่ว่ามื้อเช้าพี่เอกจะกินจุมาก ต้องทำไว้เผื่อสักสองสามคน แม่ก็โอเค ของบางอย่าง พ่อกับแม่หาซื้อมากันแล้ว แต่มาดูพวกผักพื้นบ้านกับขนมและผลไม้บางอย่างเพิ่มเติม โดยเฉพาะขนมโบราณ เพราะปู่กับย่าชอบกิน
เจอคนรู้จักเยอะเลยครับ พ่อกับแม่ทักบ้าง ผมก็ทักบ้างเหมือนกัน ไอ้คนข้างตัวผมมันก็เด่นน่าดู เดินไปไหน ก็มีแต่คนมอง แต่พี่มันไม่สนสายตาใครหรอก เดินนิ่ง ๆ ของแกไป
“กาย”
มีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาทัก
ผมเอียงคอมอง จ้องหน้านึกอยู่นาน ก่อนเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าเป็นใคร
“ฝ้าย!!”
“คิดว่าจะจำกันไม่ได้ซะแล้ว”
ฝ้ายพูดยิ้ม ๆ กับผม ก่อนมองเลยไปยังพี่เอกที่ยืนอยู่ด้านหลังผมอีกที ฝ้ายเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
แต่ก่อนบ้านฝ้ายอยู่ติดกับบ้านปู่ย่าผมครับ ปิดเทอมไหนที่ผมกลับมา ก็มีฝ้ายนี่แหละ เล่นอยู่เป็นเพื่อน แต่ฝ้ายย้ายบ้านไปอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งนานแล้ว พวกเราเลยไม่ได้ติดต่อกันอีก
“นี่พี่เอก รุ่นพี่ที่มหา’ลัยเราเอง”
ผมเป็นลูกหลานคนเหนือครับ แต่เชื่อกันไหม ผมพูดภาษาเหนือได้แค่ไม่กี่คำเอง คงเพราะผมเกิดและเติบโตอยู่ที่กรุงเทพเป็นหลัก กลับบ้านมาหาปู่ย่าบ้างก็ชั่วเวลาไม่นาน แถมลูกเขยลูกสะใภ้บ้านนี้ยังเป็นคนต่างถิ่นกันหมดอีก ที่บ้านเลยใช้ภาษากลางกันเป็นหลัก
“พี่เอก นี่ฝ้ายนะ แต่ก่อนบ้านฝ้ายเขาอยู่ข้าง ๆ บ้านปู่กับย่าน่ะ แต่ย้ายไปนานแล้ว”
ผมแนะนำ
พี่มันพยักหน้านิดหนึ่ง ทำหน้านิ่ง ๆ ตามสไตล์
ฝ้ายยิ้มให้เล็กน้อย หันมองมาทางผมต่อ
“คิดถึงจัง หล่อขึ้นเป็นกองเลย”
ฝ้ายชม
“ฝ้ายก็เหมือนกัน สวยขึ้นเยอะเลย”
ภาพจำของผมคือฝ้ายเป็นเด็กแนวแม้วตัวน้อย ตัวเล็กกว่าผมมาก น้ำมูกไหลยืดแทบจะตลอดเวลา เพราะอาศัยอยู่กับยายเลยมีผมทรงกะลาครอบเป็นทรงประจำ หน้าเปื้อนไปด้วยดินกับโคลน และมีสัตว์เลี้ยงประจำตัวเป็น…
เอิ่ม…
หนูน่ะครับ
หนูตัวเป็น ๆ ทุกไซส์ทุกขนาด เลี้ยงไว้หลายตัวเลย ปลื้มมากหน่อยก็ตัวใหญ่ ๆ ที่หน้าเปื้อนดินตลอด เพราะชอบไปมุดจับหนูนี่แหละ เพราะงั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมตอนฝ้ายเข้ามาทัก ผมถึงจำฝ้ายไม่ได้
ตอนนี้ฝ้ายน่ารักเอามาก ๆ ผมยาวระกลางหลัง หน้าม้าซอยสไลด์ ใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นแนววัยรุ่นทั่วไป ปากแดง ๆ ตาโต ๆ ผิวขาวอมชมพูดูน่ารักดี
ฝ้ายส่งยิ้มหวานมาให้
พี่เอกเลื่อนมือขึ้นมาจับเอวด้านหลังผมไว้เบา ๆ รังสีความหึงหวงแผ่กระจายไปทั่วจนผมขนลุกซู่
“พอดีเรามาซื้อของไปทำกับข้าวน่ะ ไปทานด้วยกันสิ พ่อกับแม่เราก็มา”
ผมบุ้ยหน้าไปยังสองชีวิตที่เดินกันอยู่ลิบ ๆ แต่ฝ้ายปฏิเสธ เพราะเธอมีนัดแล้ว
เราพูดจาทักทายแลกเปลี่ยนเบอร์โทรกันนิดหน่อย ก่อนฝ้ายจะโบกมือลาวิ่งจากไป ผมรีบหันไปหาคนที่ยืนหน้าหงิกอยู่ด้านหลังทันที
“พี่เอก”
พี่มันถอนหายใจแรง
“ไปกันเถอะ”
ก่อนดันหลังผมให้เดินหน้าเบา ๆ
“โกรธอยู่หรือเปล่า”
พี่แกหันมามองแล้วส่ายหัว
“พี่คงห้ามตัวเองไม่ให้หึงกายไม่ได้หรอกนะ"
พี่มันมองตาผม
"แต่พี่จะพยายามเชื่อใจกาย และเชื่อว่ากายจะรักพี่เพียงคนเดียวละกัน”
พี่มันพูดด้วยน้ำเสียงและใบหน้านิ่ง ๆ แต่ทำเอาคนฟังอย่างผมหน้าร้อนผ่าว ผมรีบจ้ำอ้าวก้าวหนี ได้ยินเสียงพี่มันหัวเราะหึ ๆ มาตามหลัง
[50%]
พวกเราเดินซื้อของกันอยู่นานเป็นชั่วโมง(ส่วนใหญ่เป็นเพราะพ่อติดคุยกับคนรู้จักมากกว่า) ผมกับพี่เอกได้ของกันคนละนิดคนละหน่อย แต่พ่อกับแม่ได้ของมากันเพียบ หลัก ๆ ก็เป็นพวกผักกับผลไม้นั่นแหละ ได้ขนมไปให้ปู่กับย่าและของเล่นบางอย่างไปให้เจ้าตัวเล็กที่บ้านด้วย
ผมกับพี่เอกแบ่งข้าวของจากพ่อแม่มาถือไว้ครึ่งหนึ่ง แล้วพวกเราก็พากันเดินกลับไปที่รถ ผมวางของไว้ตรงที่ว่างใกล้ที่พักเท้า ขากลับเราก็ใช้เส้นทางเดิม พ่อเป็นคนขับไม่ต่างกับพี่เอกที่รับอาสาขับเอง คงเพราะเห็นว่าข้าวของเยอะด้วยละมั้ง
ดีแล้วล่ะ พี่มันจะได้ไม่มาทำหื่นใส่ผมอีก
ผมก็ปล่อยให้พี่เอกขับไป ส่วนตัวเองก็มานั่งชิว ๆ ซ้อนอยู่ด้านหลัง สองมือเกาะเอวพี่มันไว้หลวม ๆ มองวิวสองข้างทางไป หันไปมองแม่ก็มีสภาพไม่ต่าง พ่อขับรถห่างจากรถผมเยื้องไปด้านหน้าไม่เกินสองวา ใบหน้าด้านข้างเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ในขณะที่แม่นั่งไพล่ซ้อนอยู่ด้านหลัง มือหนึ่งเกี่ยวเอวพ่อไว้หลวม ๆ อีกมือเกี่ยวเส้นผมที่มันปลิวมาระแก้มไปทัดหู
บางจังหวะ ผมก็แอบเห็นแม่เอียงหัวไปซบหลังพ่อเบา ๆ ด้วย ผมมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนหันกลับมามองแผ่นหลังกว้างของคนที่กำลังทำหน้าที่สารถีอยู่
แค่แผ่นหลัง ผมก็ยังรู้สึกได้ถึงความเป็นผู้นำ เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และการเป็นนักปกป้องที่ดี
ผมกระชับอ้อมแขนกับเอวพี่มันแน่นขึ้น แนบหน้ากับแผ่นหลังกว้างนั้นเบา ๆ ปล่อยตัวและหัวใจให้ล่องลอยไปกับธรรมชาติจากสองข้างทาง สนุกไปกับจังหวะโคลงเคลงของตัวรถที่กำลังเคลื่อนที่ไปด้านหน้า ไม่ช้าและไม่เร็ว ปล่อยให้สายลมพากันโกรกกระทบผิวเนื้อไป
ผมหลับตาลงเบา ๆ ใช้สมาธิหวังฟังเสียงหัวใจของพี่เอกที่กำลังเต้นอยู่ มันคงไม่ได้ยินด้วยหู แต่ผมสามารถสัมผัสมันได้ด้วยหัวใจตัวเอง ผมยิ้มนิด ๆ ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามองอีกครั้ง กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นไปอีก
หวังว่าพี่เอกจะได้ยินเสียงหัวใจผมด้วยเหมือนกันนะ...
พอกลับมาถึงบ้าน แม่กับอาพิมลงครัวกันไปสองคน ส่วนพวกเราเหล่าผู้ชายก็ออกมานั่งคุยกันเฮฮาด้านนอก โดยมีเจ้าตัวเล็กวิ่งเล่นอยู่รอบ ๆ เล่นของเล่นที่พวกเราพากันซื้อมาให้ ชอบมากหน่อยก็ของที่พี่เอกเป็นคนเลือกนั่นแหละ
ผมเหลือบตามองคนที่กำลังหัวเราะร่วนรับมุขที่ลุงพงษ์กำลังเล่าอยู่ ดูท่า พี่เอกจะเก่งในเรื่องของการเลือกของให้เด็กผู้หญิงแฮะ สงสัยจะเลือกของให้พวกทโมนบ่อย ๆ
พอกับข้าวเสร็จทุกคนก็มานั่งล้อมวงกินกัน คนบ้านผมชอบนั่งกินข้าวกับพื้นครับ มันไม่จำกัดจำนวนคนดี คนยิ่งเยอะ อาหารยิ่งอร่อย
หลังจากมื้อเช้า ลุงพงษ์ก็ให้ผมพาพี่เอกไปเที่ยวตามที่ได้สัญญากันไว้ ผมพยักหน้ารับ พาพี่เอกพ่วงท้ายด้วยพ่อกับแม่ขับรถมอเตอร์ไซด์ทัวร์รอบหมู่บ้าน แนะนำสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงวิถีชีวิตแบบบ้าน ๆ ของต้นตระกูลผมเองให้พี่เอกได้รู้จัก ก่อนพาเลยไปดูฝายน้ำล้นถัดไปอีกสี่ห้าหมู่บ้าน
พ่อกับแม่ขับรถไปทะเลาะกันไป พ่อให้แม่ขับ ส่วนตัวเองนั่งซ้อนท้ายคอยแทะโลมแม่ไปตลอดทั้งเส้นทาง และไม่ต้องถามถึงคนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังผมเลย
ปลาหมึกไม่ต่าง
แต่พี่มันไม่ได้จาบจ้วงน่าเกลียดมาก เพราะคนริมถนนเยอะ แต่พอพ้นสายตาผู้คนเมื่อไหร่ ตัวผมก็พรุนเหมือนเดิม
แม่ม
หื่นได้ถ้วยจริง ๆ
พอเที่ยงตรงพวกเราก็แวะหาอะไรกินกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางแบบเพิงหมาแหงน เห็นคนเยอะดี หน้าตาดูธรรมดา แต่รสชาตินี่ เล่นเอาพ่อกับพี่เอก ซัดกันไปคนละสองสามชามเลย
หลังจากคนอิ่ม เราก็เติมอาหารให้รถกันบ้าง แล้วหลังจากนั้นเราออกตะลอนกันต่อ จวบจนพระอาทิตย์คล้อยไปทางด้านหลัง พ่อถึงได้ชวนพวกเรากลับบ้านเพื่อไปกินข้าวเย็นพร้อมหน้าพร้อมตากัน
หลังจากมื้อเย็น แม่ก็โดนอาพิมลากไปคุยกันตามประสาสาว ๆ ในห้องนอน ไม่ต่างกับพ่อที่โดนลุงพงษ์และก๊วนเพื่อนสมัยเด็ก ๆ ลากไปดวลเหล้าส่งท้ายอีกรอบบนแคร่หน้าบ้าน ส่วนพี่เอกถูกคุณปู่ชวนคุยอยู่ในห้องรับแขก
ผมขอตัวไปอาบน้ำ(หลังจากเล่นกับเจ้าตัวเล็กแล้วน้องทำขนมหกใส่) พออาบน้ำเสร็จก็กะว่าจะเดินออกไปนั่งคุยกับปู่กับย่าต่อ แต่เห็นพระจันทร์สวยดี เลยตัดสินใจหันหัวเรือเดินออกไปนอกตัวบ้านแทน
ผมเลือกมุมที่มืดที่สุดเพราะจะได้เห็นพระจันทร์และดวงดาวได้ชัดที่สุด ก่อนแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้านบน แม้จันทร์จะไม่เต็มดวง แต่มันก็ยังทอแสงสีเหลืองอร่ามงดงามอยู่เสมอ
สวยดีครับ น่าจะหยิบกล้องออกมาด้วยนะเนี่ย
กำลังยืนมองพระจันทร์อยู่ดี ๆ ก็ต้องสะดุ้งโหยงเพราะมีมือของใครบางคนมาสวมกอดไว้จากทางด้านหลัง
ผมหันไปมอง
“พี่เอก”
พระอาทิตย์ของผมนี่เอง
“ดูจนจะกลายเป็นพระจันทร์อยู่แล้ว”
ผมยิ้ม
“ก็ผมเป็นพระจันทร์อยู่แล้วไม่ใช่รึไง”
พี่มันก้มมอง
“ก็จริง” แล้วกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นอีก “แต่พระจันทร์ดวงนี้มีเจ้าของแล้วนะ ใครจะมองพี่ไม่ว่า แต่คนที่สัมผัสได้มีเพียงพี่คนเดียวเท่านั้น”
ดูพี่มันพูดเข้า แล้วพี่มันก็ตีตราพระจันทร์อย่างผม ด้วยริมฝีปากตัวเองเบา ๆ
To Be Con...
โรแมนติกได้อีก เดี๋ยวจะเร่งจบเรื่องนี้ที่เล้า ขอให้สนุกกับการอ่านในทุกๆ ตอนนะคะ ^^
จองหนังสือ จิ้ม ๆ^^
รีไรท์เพิ่งซะยาวเฟื้อยเลย
นั่งรีไรท์ตอนนี้มาสามวันเต็ม เซฟข้อมูลไว้เรื่อย ๆ ล่าสุด ได้ฟิวล่ะ กำลังจะเอาลงเด็กดี สำรองข้อมูลไปลงเวิร์ด ในระหว่างรอให้มันหมุนติ๋ว ๆ (ใช้เวลาเป็นนาทีสำหรับขั้นตอนนี้ เพราะมีภาพอยู่) ก็หันไปกดเอ็นเทอร์ในเด็กดี พอกลับมาที่เวิร์ด กำลังจะกดเซฟ คอมดันงอแง ทำอะไรไม่ได้ กดเซฟก็ไม่ได้ รอนานมาก เห็นว่าไม่ได้การแน่ เลยตัดสินใจรีสตาร์ทเครื่อง
ซึ่งปกติ เวิร์ดจะทำการออโต้เซฟข้อมูลให้ แต่พอเปิดมา มันดันไม่ออโต้ให้ แทบร้องได้ ยังดีที่เอาลงเด็กดีแล้ว แต่พอเข้าไปเช็คในเด็กดี เด็กดีดันไม่เซฟงานล่าสุดให้ มันเซฟเนื้อหาก่อนหน้ารีไรท์ แทบจะโยนระเบิด
นอยด์มาก พยายามถามคนว่ามีใครเซฟเก็บไว้บ้างไหม ส่วนมากจะเป็นอันเก่ากันซะหมด เพราะไรเตอร์เซฟตอนตีสองกว่า ๆ เกือบตีสาม เจ็ดโมงลุกขึ้นมาทำอีกรอบ เพราะคนคนที่เซฟได้คือคนที่อ่านระหว่าง ตีสามถึงเจ็ดโมงเช้าเท่านั้น T^T
ขอบคุณน้อง ๆ ที่ส่งกันเข้ามานะคะ สุดท้าย วันนี้ก็ต้องมานั่งรีไรท์ใหม่ทั้งวันเลย T^T
น้องฝ้ายตอนเด็ก ^^
ไรเตอร์ทอค (ว่าด้วยเรื่องลายเซ็น)
มีน้อง ๆ มาขอลายเซ็นน้องกาย (กับลายแมวข่วนของไรเตอร์) ตอนแรกคิดว่าน้องพูดเล่น ดูท่าจะเอาจริงแฮะ
เอิ่ม...
ถ้าไง ไรเตอร์จะลองถามน้องกายดูให้นะคะ
"กายมีคนมาขอลายเซ็นนายแน่ะ"
"หือ" น้องกายหันมามอง
"ใครเหรอครับ"
"แฟนคลับนายนั่นแหละ"
น้องกายชี้นิ้วใส่หน้าตัวเอง "แฟนคลับผม"
ไรเตอร์พยักหน้ารับ
"มีด้วยเหรอ มาจากไหน"
"เอ้า ก็นายเป็นนายเอกนิยายเรื่อง Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อนี่ มีแต่คนชอบและอยากเอาเป็นแบบอย่างทั้งนั้น ไม่รู้เหรอ"
"อ้าวเหรอ ก็ธรรมดานี่"
"ธรรมดาของนายแต่มันไม่ธรรมดาสำหรับคนอื่นน่ะสิ ว่าแต่จะให้หรือเปล่า"
"ฮ่า ๆ เขาบอกว่าคนหล่อมักใจดี ผมให้อยู่แล้วครับ"
แล้วอยู่ ๆ พี่เอกก็เดินมาสวมกอดเอวน้องกายไว้หมับ รังสีหึงหวงฟุ้งกระจายไปทั่ว จนไรเตอร์ต้องเขยิบออกไปยืนอยู่ห่าง ๆ
"เอาของพี่ด้วยไหม"
เฮียแกถือปากกาเมจิกไซส์อย่างใหญ่ไว้ แล้วเดินมาเขียนหน้าผากไรเตอร์ตัวโต ๆ ว่า...
"กายเมียกู"
"สุภาพหน่อยสิพี่เอก" น้องกายรีบปรามพี่เอก เฮียแกพยักหน้า ลบคำว่า "กายเมียกู" ออก แล้วเซ็นใหม่เป็น
"กายเมียเอก"
น้องกายหน้าแดงก่ำ
"นั่นก็ไม่ดี" (ว่าแต่พวกเมิงเห็นหน้าผากกูเป็นอะไร - -)
"งั้นเอาแบบนี้ละกัน" พี่แกลบคำเดิมออกแล้วเซ็นใหม่เป็น
"เอกสามีกาย"
น้องกายหน้าง้ำ รีบเดินงอน ๆ หนีพี่เอกไปทันที พี่เอกรีบทิ้งปากกาเดินกึ่งวิ่งตามไป
"ถ้าไม่ชอบ งั้นเอาคำแทนเราก็ได้ พระจันทร์เมียพระอาทิตย์ หรือพระอาทิตย์สามีพระจันทร์ แต่พี่ว่ากายเมียเอกนั่นแหละดีแล้ว กันพวกเหลือบไรมาตอม นี่ ๆ กาย รอพี่ก่อนสิ"
ปล่อยพวกเขาสองคนไปเถอะค่ะ = =
ว่าแต่...
หยิบกระจกมาส่องหน้าผากตัวเอง
เต็มๆ = [ ] =
"กายเมียเอก"
งื้อ T^T
สรุป คงไม่มีใครอยากได้ลายเซ็นพี่เอกหรอกใช่ไหม - -
จองหนังสือทางนี้คร้าบบบ
Add Fav. แฟนคลับน้องคีส
กดไลค์ Facebook แฟนเพจ
ทวิตเตอร์ฮับ