ตอนที่ 56 : เข้าใจ [เอก...☼]
ღ
ღ
ผมนั่งทำงานแบบฟาดหัวฟาดหางมาได้มาหลายวันแล้ว พวกเพื่อน ๆ แทบจะเข้าใกล้กันไม่ได้ ทุกคนพากันตระหนกตกใจกันหมด
ยกเว้นไอ้โอ๊ค
ผมไม่รู้ว่ามันเอากายไปกกไว้ที่ไหน ผมไม่เห็นมันมาหลายวันแล้ว แต่ผมไม่ได้ถามใคร ว่ามันหายหัวไปไหน
ผมขับรถไปที่บ้าน ก็เห็นบ้านมันล็อกอยู่ แม่คงไปเชียงใหม่
แล้วไอ้ตัวเล็กล่ะ
หรือมันไปค้างบ้านผู้ชายคนอื่น
ผมไม่ได้อาลัยอาวรณ์ แต่อยากตามไปเหยียบมันให้มากขึ้นแค่นั้นเอง
แต่มันไปไหน?
ผมกับไอ้โอ๊คแทบจะมองหน้ากันไม่ติด มันไม่พูดอะไรเกี่ยวกับกายเลย ผมก็เฉย ๆ ถ้ามันคิดจะหักหลังเพื่อนแบบผมได้ ผมก็ไม่คิดจะรับมันไว้เป็นเพื่อนเหมือนกัน (นอกจากมันจะสำนึกผิดน่ะนะ)
ดูไอ้เป้มันก็เฉย ๆ และที่สำคัญไปกว่านั้น มันกับไอ้เต้ยยังมีพฤติกรรมเหมือนเดิม สายตามันยังมองไอ้เต้ยแบบเดิม จนผมชักไม่แน่ใจเรื่องมันกับกาย
แล้วภาพที่ผมเห็นวันนั้นล่ะ คืออะไร
ภาพมันกับกายที่โอบกอดกันไว้
ผมหงุดหงิดฟาดหัวฟาดหางให้กับทุกอย่างที่ผ่านเข้ามา ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน และที่มหาลัย
“ไอ้หมาเอก ยังไม่ถึงเดือนสิบสอง มึงเป็นบ้าอะไร” ไอ้อ้อยมันคงทนไม่ได้
“เปล่า”
“มึงนี่หัดมีสติซะบ้างสิ ถ้าอดอยากมากนัก ก็หาที่ระบายซะบ้าง” ไอ้มอมันแนะนำตามสไตล์มัน
“ว่าแต่ หนึ่งในกิ๊กมึงอ่ะ ไอ้กายมันหายไปไหน ไม่เห็นมันมาหลายวันแล้วนะ ปกติเห็นโผล่มาแทบทุกวัน” มันถาม
ผมหน้าหงิกยิ่งกว่าเดิม
“มึงไม่ต้องมาเรียกชื่อนั้นให้กูได้ยิน”
ไอ้มอมันหันมามอง
“นี่ตกลง ที่มึงมานั่งฟาดหัวฟาดหางแบบนี้ เพราะเรื่องของไอ้กายมันใช่ไหมเนี่ย”
“เปล่า”
“กูว่าร้อยเปอร์เซ็นต์เลย แม่ม.. มึงนี่ แล้วนี่ไอ้กายมันหายไปไหน”
“กูไม่รู้ ไม่เกี่ยวกับกู”
“ไม่เกี่ยว.. แต่แค่ตัวเชื่อมติดกัน มึง ก่อนที่มึงจะโดนพวกกูยำตีน รีบไปเคลียร์กับมันให้เรียบร้อยดีกว่า”
“ทำไมต้องเคลียร์ กูกับมันไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
คราวนี้ ทุกคนหันมามองหน้าผมกันหมด
“ก็แค่คู่นอนชั่วคราว และตอนนี้กูก็เบื่อแล้วด้วย”
ตึง!!!!
ผมเงยหน้ามอง ตอนแรกคิดว่าเป็นไอ้โอ๊ค แต่ที่ไหนได้...
เป็นไอ้เป้
มันถีบเก้าอี้ว่างตรงหน้ามันเสียงดัง เดินลิ่ว ๆ เข้ามาหา แล้วง้างหมัดซัดใส่ปากผมเต็มแรง ผมหน้าหันไปตามแรงหมัดก่อนค่อย ๆ หันกลับมามอง ทุกคนอ้าปากตาค้างไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“เอ้ย!! มึงทำอะไรวะเป้!!” ไอ้มอที่ได้สติก่อนรีบท้วงขึ้น
“หึ จะทำอะไร ก็ปกป้องเมียมันไง!!” ผมตะคอกตอบแทน “ได้กันกี่ครั้งแล้วล่ะ ถึงได้ลุกขึ้นมาปกป้องกันขนาดนี้”
ต่อมหงุดหงิดผมถูกรบกวนอย่างหนัก ทำให้พูดอะไรออกไปโดยไม่ยั้งคิด จริงไม่จริงไม่รู้ ขอพาลไว้ก่อน
“กูผิดหวังในตัวมึงมากเลยนะเอก ถึงมึงไม่คิดจะจริงจัง แต่กูก็คิดว่ามึงจะให้เกียรติน้องกูบ้าง มึงทำแบบนี้ก็ไม่ต่างกับตัวเหี้ยดี ๆ นี่เอง น้องกูก็อุตส่าห์รักอุตส่าห์ชอบมึง แต่มึงกลับเอาความรักของน้องเขามาขยี้ขยำเล่น”
“มึงไม่ต้องมาพูดดี มึงก็เป็นไอ้ตัวเหี้ย ที่อยากเอาน้องมาเป็นเมียเหมือนกัน!!”
ทุกคนพากันเงียบกริบ
ดวงตามันวาวโรจน์ขึ้น ก่อนนิ่งสงบลง
“ใช่ กูยอมรับ กูอยากเอาน้องตัวเองมาเป็นเมีย เพราะกูรักมัน แต่ความเป็นคนของกูก็ยังอยู่ ยังทำให้กูรู้จักยับยั้งชั่งใจ พยายามตัดใจจากมัน แต่คนอย่างมึง กลับเอาคนดี ๆ มาเป็นเครื่องระบายอารมณ์ พอหมดประโยชน์ก็เขี่ยทิ้ง”
มันสูดลมหายใจเข้าปอดลึก
“กายเคยแนะนำกูไว้ครั้งหนึ่ง ว่าทำไมกูไม่ลองหาใครสักคนที่ทำให้กูรู้สึกสบายใจที่ได้อยู่ข้าง ๆ กูก็บอกไปว่า กูไม่อยากเอาหัวใจใครมาเป็นเครื่องมือ แต่ถ้าถามว่ากูอยู่กับใครแล้วสบายใจที่สุด ก็คงเป็นมัน... ในเวลาที่กูเหนื่อย มันก็มาให้กำลังใจกู ในเวลาที่กูเสียใจ มันก็มาปลอบใจกู ในเวลาที่กูร้องไห้ ก็มีมันนี่แหละ ที่คอยซับน้ำตาให้ มีแค่มันคนเดียว ที่คอยโอบกอดกูไว้ในเวลาที่กูอ่อนแอที่สุด”
พวกเพื่อน ๆ พากันเงียบกริบ
ไม่ต่างกับผม
โอบกอด…
ในเวลาที่มันอ่อนแอที่สุด
งั้นภาพที่ผมเห็นในวันนั้น…
“กูเคยบอกมันว่าถ้าไม่ติดว่าจะโดนมึงฆ่า กูคงคว้ามันมาคบเพื่อให้ตัดใจจากน้องกูไปแล้ว แต่ตอนนี้กูเปลี่ยนใจแล้วว่ะ ถ้ามึงไม่ต้องการมันแล้ว จะทิ้งจะขว้างมัน กูก็ยินดีรับของเหลือเดนจากมึง เพราะเดนของมึง มันเป็นสิ่งมีค่าสำหรับหัวใจที่บอบช้ำของกู ขอบใจที่มึงทิ้งมัน เพราะมันเป็นโอกาสที่กูจะได้หัวใจดวงใหม่ ที่มีคุณค่ามาไว้ในครอบครอง”
มันพูดแค่นั้น แล้วหันหลังเดินออกจากห้องไป
ทิ้งทุกคนไว้ให้อยู่กับความเงียบ
เงียบอยู่นานมาก จนมีเสียงเลื่อนเก้าอี้ออกเบา ๆ ผมและเพื่อน ๆ หันไปมองคนที่ทำให้เกิดเสียงนั้น
“กูเคยบอกมึงแล้วนะเอก ว่าอย่าทำให้กายร้องไห้อีก แต่มึงก็ยังทำ ถ้ามึงไม่ต้องการกายแล้วจริง ๆ งั้นก็ปล่อยกายให้เป็นอิสระ อย่าไปยุ่งกับมันอีก แล้วกูจะเป็นคนดูแลกายแทนมึงเอง”
มันพูดแค่นั้นแล้วเดินจากไป ทิ้งเพื่อน ๆ ทุกคนให้ยืนตะลึงกับคำสารภาพที่ทุกคนไม่เคยรู้
“ที่ไอ้โอ๊คพูดหมายความว่ายังไง” ไอ้โอมมันถามขึ้นมามึน ๆ
“ก็หมายความว่า มันชอบกายยังไงล่ะ แต่กายมันมีหมาคอยหวงไว้ มันเลยชอบไม่ได้ พอหมาคิดจะทิ้ง มันก็เลยคิดจะเสียบ ก็ดี เพราะจะว่าไปแล้ว ไอ้โอ๊คก็นิสัยดี แต่ถ้าให้เครดิต กูให้ไอ้เป้ว่ะ เพราะรายนั้น รักใครรักจริง และถ้าเรื่องที่มันพูดเป็นเรื่องจริง มันจะได้ตัดใจจากน้องมันได้ด้วย”
ไอ้กิ๊ฟมันพูด พาเอาทั้งตัวทั้งหน้าและหัวใจของผมรู้สึกชาและด้านไปหมด
“คนเรามีของมีค่าอยู่ในมือ แต่ไม่รู้วิธีรักษา ค่ามันก็สูญเปล่า”
มันย้ำต่อ
ผมยังคงนั่งนิ่ง ภายใต้สายตาประณามหยามเหยียดจากเพื่อน ๆ
“อ้อ ไอ้เอก กูมีเรื่องจะถามมึงด้วย”
ผมเงยหน้าเหม่อ ๆ มองมัน ตอนนี้สมองผมกำลังตียุ่งไปหมด ไม่รู้เรื่องไหนเป็นเรื่องไหนแล้ว
เหมือนถูกน็อกกลางอากาศ
“กายเขาเคยเจอพวกน้องชายมึงแล้วใช่ไหม”
ผมพยักหน้า
“แล้วมันเคยพูดอะไรเกี่ยวกับน้องมึงให้ฟังรึเปล่า”
ผมส่ายหัว
มันล้วงหยิบมือถือขึ้นกด สักพักเสียงข้อความจากมือถือของผมที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น ผมเหลือบตามอง ก่อนหันไปมองไอ้กิ๊ฟอีกที มันพยักหน้าทีเดียวมายังมือถือเครื่องนั้น ผมจำใจต้องหยิบมันขึ้นมาดูอย่างไร้เรี่ยวแรง ก่อนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
สิ่งที่เห็นคือกายกำลังถูกจูบ จากใครบางคนที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายกับผม แต่ไม่ใช่ผมแน่ ๆ
“กูไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนะ แต่นี่พวกทโมนมันส่งมาให้กูดู มันได้มาจากมือถือของไอ้อาร์ตอีกที”
ผมนั่งอึ้ง
“กูสงสัยว่าทำไมไอ้อาร์ตถึงมาจูบกับกายได้”
ผมก็สงสัย เพราะจากภาพที่มอง กายไม่ได้มีท่าทีสมยอม ดูจะขัดขืนด้วยซ้ำ ทำให้ผมนึกไปถึงวันสุดท้ายที่มันทำงาน วันที่มันมีท่าทีแปลก ๆ
‘พี่เอกใช่ไหม’
ท่าทีตระหนกทุกครั้งที่เจอผม การปัดป้องเหมือนคนกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่างจากผม
“มันเคยโทรมาถามกู ว่ารู้วิธีแยกมึงกับอาร์ตออกไหม กูก็บอกมันไปว่า อยู่ไปนาน ๆ ก็รู้เอง มันถามว่ามีวิธีที่เร็วกว่านั้นไหม เพราะมันต้องการแยกออกตอนนั้นเลย มันหมายความว่ายังไง แล้วทำไมมันต้องรีบแยกให้ออกขนาดนั้น แล้วทำไมคนที่จูบกายไม่ใช่มึง แต่เป็นไอ้อาร์ต”
มันไล่จี้ผม และผมก็กำลังไล่จี้ก้านสมองตัวเอง
ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมยังจำสายตาหวาดผวาเวลาที่มันเจอผมได้ และความรู้สึกจากจูบที่มันมีให้ผม จูบที่หนักหน่วง แล้วยังร่องรอยเหมือนมีคนจงใจมาจูบมากกว่าจูบแบบปกติที่ผมเคยจูบมัน
“กูไม่ฉลาดพอว่ะเอก แต่มึงก็โง่กว่ากู ที่ทิ้งคนดี ๆ แบบกายไป ถ้ากูเป็นผู้ชาย กูก็อยากจะเอากายมาเป็นเมียเหมือนกัน แต่บังเอิญกูเป็นผู้หญิง เลยอยากได้ผู้ชายแมน ๆ ไม่ใช่แบบเมีย ๆ อย่างน้องมัน แล้วมึงก็โง่ ที่ทิ้งเมียดี ๆ ให้คนอื่นคาบไปแดก”
มันพูดใส่หน้าผมแค่นั้น แล้วหันหลังเดินจากไป
ผมรู้ว่ามันกำลังโกรธ มันรักกายเหมือนน้องเหมือนนุ่ง และมันก็คงจะเดือดร้อนแทน
พวกเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ ที่เหลือก็พากันทยอยเดินออกไป ทิ้งให้ผมนั่งอยู่คนเดียวเงียบ ๆ หลังโต๊ะทำงาน
มันเงียบเอามาก ๆ จนได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของตัวเองคลอไปกับเสียงแอร์ภายในห้อง ผมก้มมองภาพในมือถือตัวเองอีกที ภาพของไอ้ตัวเล็กที่กำลังถูกใครบางคนจูบอยู่
และคนคนนั้นก็เป็นน้องชายของผมเอง
ไอ้อาร์ต
[50%]
ผมรีบขับรถตรงดิ่งกลับบ้าน เดินไปกระชากเปิดประตูห้องนอนของไอ้อาร์ตออก มันหันมามองขณะกำลังปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาออก ผมเดินไปสวนหมัดซัดใส่ใบหน้ามันทันที จนมันเสียหลักล้มไปนอนกองอยู่ที่พื้น ผมตามไปคร่อมร่างมันไว้ จับคอเสื้อมันยกขึ้นมากระชากถาม
“มึงทำอะไรกาย!!”
มันมองผมตะลึง ๆ ก่อนคลี่ยิ้มเย็น
ปกติเวลาผมคบใคร ผมไม่ค่อยจะมีเวลามาเทคแคร์ดูแลใครเท่าไหร่ พอผู้หญิงเหล่านั้นมาเจอไอ้อาร์ต บางทีก็พากันเปลี่ยนใจจากผมไปหามันก็มี
บางคนนะ ไม่ใช่ทุกคน
วันแรกที่เจอกัน ผมถึงไม่ไว้ใจให้กายอยู่กับมันเพียงลำพัง กลัวกายเปลี่ยนใจ แต่ดีที่มีอิฐอยู่ เลยพอจะช่วยหารความหวาดระแวงลงไปได้บ้าง แต่ไม่คิดว่ามันจะกล้าทำอะไรแบบนั้นในร้าน
ผมไม่รู้ว่ามันทำอะไรไปบ้าง กายถึงได้ทำท่าหวาดกลัวขนาดนั้น
แล้วผมก็ยังไปซ้ำเติมมันอีก
ในเวลาที่มันหวาดกลัว มันคว้าผมไปกอดเพื่อให้คลายความหวาดผวา แต่ผมกลับคิดว่ามันกำลังทำตัวร่าน ไม่ต่างกับพวกผู้หญิงที่ผมเคยเจอ
“คิดอะไรมากล่ะพี่ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้หญิงของพี่มาชอบผมซะหน่อย”
“แต่กายไม่ใช่ผู้หญิง”
มันเลิกคิ้วสูง
“แต่คนที่มายั่วผมก่อนคือกายนะ ทั้งกอดและจูบ กายก็เป็นคนเริ่มก่อนทั้งนั้น ไม่ใช่ผม”
ผมง้างหมัดใส่จนมันเลือดกบปาก
“กายไม่ใช่คนแบบนั้น”
มันยกยิ้มมุมปาก
“ใช่ไม่ใช่ กายก็เป็นคนเริ่มก่อน”
ผมกำหมัดแน่น ซัดมันไปอีกที แต่ครั้งนี้มันหลบและสวนผมกลับ
“พี่ไม่เคยจริงจังกับใครอยู่แล้วนี่ แล้วมาเดือดร้อนอะไรกับคนคนเดียว”
ผมง้างหมัดไว้เหนือหน้ามัน
“มึงทำอะไรกาย” ผมถามเสียงเครียด
มันยิ้มพราว
“ไม่มีอะไร ก็แค่จับ..”
มันพูดเนิบ ๆ ช้า ๆ ราวกับจะยั่วยวน
“แล้วก็จูบ...”
ผมพยายามระงับอารมณ์ตัวเองอีกที
“ลูบ ๆ คลำ ๆ แค่นั้นแหละ หวานลิ้นดี เสียงครางก็อื้อฮือ ทำเอาผมตั้งเลย”
ผมตัดสินใจง้างหมัดใส่หน้ามันอีกทีเต็มแรง แล้วผละตัวลุกหนีมา
ทำไมผมไม่เอะใจเรื่องนี้
ผมรีบล้วงหยิบโทรศัพท์มากดหามัน แต่มีเพียงเสียงข้อความตอบรับเท่านั้น ผมกระหน่ำโทรอีกแทบจะติด ๆ กันเหมือนพวกโรคจิต
นึกถึงแววตาตัดพ้อ
นึกถึงสายตาเจ็บปวด
นึกถึงคำพูดและการกระทำผสมหวาดกลัวของมันแล้วอยากกระทืบตัวเองให้จมดิน
จะอีกกี่ครั้งกันที่ผมต้องทำให้มันเจ็บปวด ด้วยการกระทำของตัวผมเอง
ด้วยปากผมและหัวใจผม
ผมผลักไสมัน ทั้ง ๆ ที่มันรักผม
และผมก็….
ผมโทรศัพท์เข้าบ้านก็ไม่มีคนรับ ผมไม่มีเบอร์แม่ ที่เชียงใหม่ผมก็ไม่รู้ ไม่รู้เบอร์พ่อมันด้วย
ผมหยุดเท้าที่กำลังก้าวเดินเอาไว้กับที่
ผมเคยรู้เรื่องอะไรของมันบ้าง
นอกจากไซส์ตัวมัน
นอกจากทำให้มันเหน็ดเหนื่อย ทรมานและทุกข์ทน
ผมรู้อะไรเกี่ยวกับมันบ้าง
ผมจำใจโทรหาไอ้กิ๊ฟ มันกดรับหลังจากปล่อยให้ผมยืนฟังเพลงรอสายอยู่นานสองนาน
‘ว่ามา’
ผมอึกอักอยู่พัก ก่อนถามมัน
“มึงรู้ไหม ว่ากายอยู่ไหน”
‘กูไม่รู้ แต่เห็นอาจารย์ชาติบอกว่า กายลาหยุดยาวอาทิตย์หนึ่ง หรืออาจมากกว่านั้น ไปต่างจังหวัด’
ผมยืนอึ้ง
นี่ถึงขนาดต้องหนีผมไปไกลเลยเหรอ แล้วมันไปอยู่ที่ไหน
ผมรีบกดมือถือให้เลขาจองตั๋วเครื่องบินแบบด่วนให้ผม
ตอนนี้ใจผมร้อนยิ่งกว่าลาวาซะอีก
ผมทำร้ายมันครั้งแล้วเล่า ทั้งที่บอกจะเชื่อใจมัน แต่กลับเป็นคนที่เชื่อใจมันน้อยที่สุด ในขณะที่คนรอบข้าง เห็นคุณค่าของมัน และกำลังจะแย่งมันไปจากผม
ผมได้เที่ยวบินด่วนภายในสองชั่วโมง และไม่เกินสามชั่วโมงนับจากจองตั๋ว ผมก็มายืนอยู่หน้าบ้านของไอ้ตัวเล็กเรียบร้อย
ผมกดกริ่ง คาดหวังว่าจะได้เจอมันที่นี่ เห็นมันเดินหัวฟูออกมาเปิดประตู ผมจะได้กอดมันได้ บอกขอโทษมันได้
แต่คนที่เดินออกมา กลับเป็นแม่มันเท่านั้น
“คุณแม่”
แม่มีสีหน้าแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นผม ผมยกมือไหว้
“กายอยู่ไหมครับ”
แม่เลิกคิ้วสูงด้วยความแปลกใจ
“มีอะไรหรือเปล่า กายไม่ได้อยู่เชียงใหม่หรอก ไปน่านหาปู่หาย่าน่ะ”
หัวใจผมแป้วไปเยอะ
“คืออยู่ที่ไหนครับ ผมอยากไปหา”
แม่มองผมด้วยสายตาแปลก ๆ ผมไม่รู้ว่าท่านจะสงสัยอะไรไหม แต่ถ้าแม่ถามผมก็จะยอมรับตรง ๆ
“แน่ใจนะ”
ผมขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
“ครับ?”
“แน่ใจกับสิ่งที่กำลังจะทำ แม่ไม่เคยเห็นกายเป็นแบบนี้มาก่อน คนเป็นแม่ทนไม่ได้หรอกที่จะเห็นลูกตัวเองเสียใจ”
ผมเข้าใจความหมายที่แม่ต้องการจะสื่อทันที
“ผมเข้าใจครับ และผมก็เสียใจที่ทำให้กายเสียใจ”
ผมมองตาแม่ตรง ๆ
“แม่ไม่ชอบให้ใครมาสัญญา เพราะมันไม่เคยยั่งยืน แต่ให้รู้ไว้ ว่ากายมีหัวใจ และกายก็เป็นหัวใจของใครอีกหลาย ๆ คน การที่เขาเจ็บ ไม่ได้ทำให้หัวใจของเขาเจ็บเพียงคนเดียว แต่ยังมีหัวใจที่รักเขาอีกหลาย ๆ คนต้องเจ็บตามไปด้วย”
“ครับ และตอนนี้ หนึ่งในนั้นก็คือหัวใจผมเอง”
แม่จ้องหน้าผมนิ่ง ๆ
“คืนนี้ไม่มีรถหรอก ต้องค้างที่นี่แหละ พรุ่งนี้จะขับไปส่ง ขืนบอกเส้นทางให้ไปคนเดียว คงได้เตลิดไปลาวแน่ ๆ”
แม่บอก
ผมยิ้มจนเห็นฟัน
“ถ้าพ่อเขารู้ นายได้โดนแหกอกแน่”
“ผมยอมครับ เพราะผมทำเขาเจ็บเยอะกว่า”
แม่หันมามองหน้า ไม่ได้พูดอะไร แต่เดินนำผมเข้าไปภายในบ้านและพาขึ้นไปยังชั้นสอง
“ตอนแรกว่าจะให้นอนห้องรับแขก แต่ไปนอนห้องกายดีกว่า เพราะวันนี้จะมีแขกไม่ได้รับเชิญมานอนด้วย แล้วก็เตรียมล้างหน้ารับหมัดไว้ด้วยล่ะ”
ผมเสียวสันหลังวูบ
ไม่ต้องบอกเลยครับ ว่าแขกไม่ได้รับเชิญคนนั้นเป็นใคร
ผมเดินเข้าไปภายในห้องที่ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างเรียบ ๆ แต่คงความเป็นไทยเอาไว้ เพียงแค่ก้าวเข้ามาผมก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันทีไม่ต่างกับมีมันอยู่ในอ้อมแขน
ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ลูบไล้ฝ่ามือไปมา หวังสัมผัสให้เจอเรือนร่างของมัน
แต่สิ่งที่สัมผัสได้ มีเพียงความว่างเปล่าและความเงียบเหงาเท่านั้น
ผมหลับตาลง ภาพมากมายก็หลั่งไหลเข้ามา
มันเป็นคนใจดี มีความอดทน ทำเพื่อคนอื่น และชอบที่จะมีความสุข เวลาที่มันมีความทุกข์ มันจะเก็บเอาไว้คนเดียว แต่เวลาที่มันมีความสุขมันชอบแบ่งปันความรู้สึกดี ๆ ผ่านทุกเส้นทาง
ผมมองไปยังคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ชั่งใจอยู่พัก ก่อนตัดสินใจ ลุกจากที่นอนเดินไปเปิด
สิ่งแรกที่เห็น พาเอาผมต้องตะลึง
เพราะภาพแบล็กกราวน์ของคอมพิวเตอร์เป็นภาพของตัวผมเอง
‘ดั่งดวงอาทิตย์’
และเมื่อกี้ถ้าผมจำไม่ผิด ตรงฝาบ้าน ก็มีภาพดั่งดวงอาทิตย์ของผมรวมอยู่ด้วย
ผมมองไปรอบ ๆ ห้องอีกที มีภาพอื่น ๆ ของผมประดับอยู่ที่ข้างฝาอีกสองภาพ ทั้ง ๆ ที่มันยังไม่มีโอกาสได้มาอยู่ที่นี่จริง ๆ จัง ๆ แต่กลับมีสิ่งที่เป็นผมอยู่ตั้งหลายจุด ผมกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องมันก่อนหันมายังคอมพิวเตอร์ตรงหน้าอีกที
ผมคลิกเปิดไปที่เว็บบอร์ดของมัน ไม่รู้ทำไม แต่ผมอยากเปิด ตั้งแต่วันที่ผมดูวันนั้น ผมก็ไม่มีโอกาสได้เปิดดูอีกเลย
นี่ผมละเลยมันมากขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
ผมจึงใช้เวลาหลังจากนั้น นั่งดูรายละเอียดแทบจะทุกจุดของบอร์ดมัน จนเวลาล่วงเลยไปดึกดื่น
ผมง่วงและกำลังตัดสินใจจะเข้านอน แต่เห็นอะไรบางอย่าง ที่ดูแล้วน่าจะเป็นการอัพเดทครั้งล่าสุด ไม่รู้ผมปล่อยให้จุดนี้คลาดสายตาไปได้ยังไง
ผมรีบเลื่อนเม้าส์ไปคลิกเปิด
หัวใจผมเต้นระรัว เพราะวันที่มันอัพคือไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง เป็นภาพถ่ายพร้อมข้อความอย่างที่มันเคยทำ
ภาพนี้เป็นภาพของมันที่กำลังยืนมองพระจันทร์ด้วยสีหน้าและแววตาเงียบเหงา
ผมปวดแปลบไปกับสิ่งที่เห็น
อีกภาพเป็นภาพของพระอาทิตย์อันร้อนแรง
‘ผมอยากอยู่เคียงข้างพระอาทิตย์ แต่ดูเหมือนพระอาทิตย์จะร้อนแรงเกินไป และพระอาทิตย์คงไม่ต้องการพระจันทร์ดวงนี้ พระจันทร์จึงได้แต่ทอดมองพระอาทิตย์จากที่ห่างไกล แต่ผมก็ยังดีใจ ที่พระจันทร์ได้อยู่ภายใต้ผืนฟ้าเดียวกันกับพระอาทิตย์’
หัวใจผมราวกับถูกบีบด้วยมือที่มองไม่เห็นมากขึ้น
และภาพสุดท้าย เป็นภาพที่มันใช้สองมือโอบพระอาทิตย์เอาไว้ทั้งดวง
‘ถึงพระอาทิตย์จะร้อนแรง แต่พระอาทิตย์ก็เป็นสิ่งที่ผมรักและคลั่งไคล้ที่สุด’
หัวใจผมแทบหยุดเต้นไปกับสิ่งที่เห็น
มันไม่ได้ตัดพ้อต่อว่า
มันไม่คิดจะหยุดรักผม
แม้ผมจะร้อนแรง แม้ผมจะแผดเผามัน แต่มันก็ยังเลือกที่จะโอบกอดผมไว้
ผมนั่งมองภาพเหล่านั้นอยู่นานสองนาน แต่คงไม่นานเท่ากับที่มันเคยนั่งมองภาพ ‘ดั่งดวงอาทิตย์’ ของผมหรอก
ตีสามแล้ว ผมกำลังจะกดปิดเว็บบอร์ด แต่อยู่ ๆ ก็มีการแจ้งการอัพเดทขึ้นมา
นี่มันตีสามแล้วนะ มันยังไม่นอนอีกเหรอ
ผมตัดสินใจเลื่อนเม้าส์ไปคลิกเปิดดู
สิ่งที่เห็นคือภาพถ่าย
เป็นภาพมือคนที่กางนิ้วชี้และนิ้วโป้งจรดกันเป็นรูปหัวใจ กางไว้กลางอากาศ โดยมีแบล็กกราวน์เป็นท้องฟ้าสีมืดและดวงดาวนับร้อยนับพัน เคียงด้วยพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว
‘ผมรู้ว่าดึกแล้ว แต่ทำไมไม่รู้ ผมถึงได้รู้สึกว่าอยากลงภาพนี้ และพูดคำคำนี้ให้ใครบางคนได้ยิน’
‘รัก’
หัวใจผม โดนขยำแรงอีกครั้ง ผมไม่แน่ใจว่ากายจะรู้ไหมว่าผมอยู่ตรงนี้ นั่งมองภาพของมันอยู่ หรือเป็นเพียงสัญชาตญาณ หรืออะไร แต่มันพูดคำรักผ่านเว็บบอร์ด ในตอนที่ผมกำลังนั่งอ่านอยู่พอดี
ราวกับคำพูดนี้ มันต้องการส่งผ่านมาให้ผม…เพียงคนเดียว
To be Con...
เป็น 50% ที่เรียกน้ำตาออกมาได้เบา ๆ บางครั้งกลับมาย้อนอ่านนิยายที่ตัวเองแต่งก็นึกทึ่งว่า'เราแต่งไปได้ยังไง' เรื่องนี้ถือเป็นนิยายที่คนเขียนภาคภูมิใจที่สุด เพราะถ้าให้ย้อนกลับไปแต่งใหม่ ก็คงจะแต่งให้ได้ดีแบบนี้ไม่ได้อีก มันจะกลายเป็นคิสเลิฟในอีกเวอร์ชั่นไป
คนเขียนจะอ่านเรื่องคิสเลิฟเมื่อต้องการผ่อนคลายบางความรู้สึก เวลาอ่านแล้วเหมือนได้เยียวยาบางความรู้สีกที่มันแย่ๆ มันทั้งอบอุ่น มีความสุข แม้บางพาร์ทจะทำให้รู้สึกเศร้าบ้าง แต่มันก็ยังเป็นความเศร้าที่กลมกล่อม คงให้ความรู้สึกเหมือนเวลาเบื่อๆ เหนื่อยๆ พอหยิบเรื่องนี้มาก่อน ก็ไม่ต่างกับได้เดินออกจากห้องไปท่องเที่ยวจริง ๆ หรือไปนั่งร้านกาแฟแนวอาร์ต ๆ สักแห่ง จิบกาแฟมองวิว อะไรทำนองนั้น
บางข้อคิดเราก็ลืมไปแล้ว อ่านใหม่ก็ทำให้กลับมาคิดได้
รักน้องกาย รักพี่เอก รักตัวละครทุกตัว เลิฟยูออล
............
หนังสือ & e-book เรื่องนี้ค่ะ
[>Books & E-book<]