Kiss Love : 43
พี่เอก.. พี่เอก.. พี่เอก
กาย....♥
ในโลกนี้จะมีใครเจ้าเล่ห์ไปกว่าผู้ชายที่กำลังกระซิบข้างหูผมตอนนี้อีกไหมครับ
ขี้หึง โหด หื่น หน้าด้าน เจ้าชู้ ขี้โมโห ขี้ตู่
ผมขอเพิ่ม ‘เจ้าเล่ห์‘ เข้าไปอีกข้อ
แต่ผมทำอะไรไม่ได้ครับ แพ้ทางตลอด ตั้งแต่เสียจูบแรกให้พี่มันไปแล้ว
แม่ม
เสียจิตจริง ๆ
“พี่เอกกกกกกก”
พอออกไปด้านนอก ก็เห็นพวกทโมนพากันวิ่งหน้าตั้งฝ่าวงล้อมสาว ๆ เข้ามาหาพี่มัน พี่เอกก็งงที่เห็นพวกทโมนมาอยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน
“พอดีพวกแฟนคลับพี่เขาส่งทวิตเตอร์บอกทุกคนน่ะค่ะ ว่าพี่อยู่ที่นี่”
น้องมันเฉลยครับ ผมถึงบางอ้อทันที
งั้นที่ทุกคนแห่มาเพราะทวิตเตอร์ตัวเดียวน่ะสินะ
“พี่กายร้ายอะ ขโมยพี่หนูมา”
น้องทำท่าเง้างอด
กูไม่ได้ขโมย มันมาของมันเอง
“พี่ทำกายเขาเดินแทบไม่ได้น่ะ เลยมาทำงานแทน”
มึงจะจริงใจกับน้องมึงไปไหม โกหกบ้างอะไรบ้าง เห็นแก่หน้าบาง ๆ ของกูหน่อยเหอะ
พวกน้อง ๆ รู้ครับ พากันทำสายตากรุ้มกริ่มเชียว ผมทำเป็นไม่สนใจ รีบเดินเลี่ยงไปทำงานของตัวเองต่อ ต้องเดินเบา ๆ ครับ ยังเจ็บอยู่
สักพัก พวกน้อง ๆ ก็วิ่งไปทางหลังร้าน แล้วก็วิ่งออกมาอีกทีพร้อมผ้ากันเปื้อนลายเดียวกับผมคาดไว้ที่เอว สามสาวในชุดนักเรียนน่ารัก กลายเป็นพนักงานเสิร์ฟชั่วคราวของร้านไปแล้ว
ปกติที่นี่ไม่มีพนักงานเสิร์ฟผู้หญิงหรอกครับ มีแต่ผู้ชาย ส่วนพวกผู้หญิงจะรับหน้าที่อื่นไปทำแทน อย่างพี่อร(อายุเยอะสุด)เป็นแม่บ้านดูแลทำความสะอาดเบื้องหลัง ซักผ้า เก็บกวาดทำความสะอาดรอบ ๆ ร้าน ส่วนพวกโต๊ะเครื่องดื่ม พนักงานเสิร์ฟต้องเป็นคนทำครับ พี่เอกับพี่นุ้ยทำเครื่องดื่ม พี่เนเน่เป็นแคชเชียร์สลับกับพี่โฟน
ลูกค้าเยอะครับ ใครมาของานทำตอนนี้ ผู้จัดการรับหมด พวกน้อง ๆ ก็สนุกกันใหญ่ แต่วิ่งวุ่นกันซะเยอะ จนผมที่ควรจะอยู่นิ่ง ๆ ต้องเดินเจ็บ ๆ ไปดูแลอีกระลอก โดยมีพี่เอกเดินตามตูดผมมาอีกที
“นี่หยุดเดินได้แล้ว” พี่มันปราม
“หยุดได้ยังไงล่ะพี่ พวกน้อง ๆ ทำอะไรกันไม่ค่อยเป็น เห็นไหม”
ผมเถียงแกกลับ แต่เบา ๆ ครับ เพราะรอบด้านยังมีสาว ๆ มายืนมองกันอยู่ ผมกับพี่เอกเริ่มชินกับเสียงแชะ ๆ รอบด้านแล้วด้วย
เอาเถอะ ถือว่าหาลูกค้าให้ร้านละกัน
“กาย!”
พี่มันทำเสียงเครียด ก้มหน้าลงต่ำจนหน้าผากพี่มันแทบจะชิดหน้าผากผมอยู่รอมร่อ
“กรี๊ดดดดดดดด!!”
ไม่ใช่เสียงแปดหลอดที่ไหนหรอกครับ เสียงพวกสาว ๆ น่ะ จะได้ยินทุกครั้งที่พี่เอกมันเข้ามาใกล้ ๆ ผม ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะกรี๊ดกันไปทำไม
หรือเพราะความหล่อมันคูณสอง?
หึหึ คิดเข้าข้างตัวเองไว้ก่อนครับ
“โอ๊ย อ้อนเหนื่อย”
“แอมก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”
“ไอเมื่อยแขนแล้ว ถาดหนักมากกก”
สาวสามเริ่มบ่นกระง้องกระแง้งกันแล้วครับ ผมเลยเดินเข้าไปหาน้อง ๆ ลูบหัวปลอบใจเบา ๆ
“ไม่ไหวก็พักกันก่อนก็ได้ ฝืนทำมาก ๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเมื่อยยิ่งกว่านี้นะ”
พวกทโมนยิ้มแป้น พากันเกาะแขนผมแน่นหนึบ
“รักพี่กายที่สุดเลย”
แล้วผมก็โดนอ้อนครับ ท่ามกลางสายตาประชาชีนั่นแหละ
“ทำไมวันนี้คนเยอะจังฮึ”
ผมหันไปมองเจ้าของน้ำเสียงนุ่ม ๆ ของคนที่เดินหน้าหล่อแทรกฝูงชนเข้ามา
“ป๋าาา”
เปล่าครับ ไม่ใช่เสียงผม
เป็นเสียงของสามทโมนเขาน่ะ พวกน้อง ๆ ผละจากผมวิ่งไปกอดป๋าทันที ส่วนผมระงับอารมณ์ดีใจไว้ฮะ ค่อย ๆ เดินไปหาพ่อแบบเนียน ๆ
เจ็บตูดวุ้ย
“ทำไมเดินแบบนั้นล่ะลูก”
แก่แล้วหูตายังไวอีกนะ
ผมทำหน้าจืด กูจะอธิบายยังไงดีวะเนี่ย กำลังจะบอกพ่อว่าหกล้มมา(ท่าคลานด้วย) แต่ไอ้ตัวต้นเหตุมันเดินหน้าหล่อมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังของผมก่อน
พ่อมองหน้าจืด ๆ ของผมทีสลับกับคนที่ยืนทำหน้านิ่ง ๆ ด้านหลังที
เหมือน ๆ พ่อจะรู้สาเหตุแล้วฮะ
ไม่ต้องทำสายตาอย่างนั้นก็ได้ ผมอาย
พี่เอกทักทายพ่อนิดหน่อย ก่อนเดินไปทำงานต่อ
คนเยอะครับ ดีที่ผู้จัดการสั่งของมาตุนไว้ กี่แก้วก็บ่ยั่น พี่เอกับพี่นุ้ยนี่มือแทบพันกัน จนพี่เป้ต้องอาสาเข้าไปช่วยอีกแรง โดยมีไอ้เต้ยเกาะหนึบไปเป็นลูกมืออีกที
ปกติเวลาไม่มีลูกค้า พี่เป้จะชอบเข้าไปขลุกอยู่กับพี่เอเพื่อดูวิธีทำ หรือบางทีก็ไปช่วย ๆ ทำบ้าง จนรู้สูตรแทบจะทุกอย่าง ทำแทนได้สบายฮะ ส่วนไอ้เต้ย รายนั้นทำอะไรไม่เป็นหรอก ไปเป็นลูกมือหยิบจับข้าวของอย่างเดียว
สรุป ข้างนอกมีผม พี่เอก สามสาว (ที่เริ่มบ่นว่าเมื่อยแล้ว) และพวกพี่ ๆ ที่ถูกโทรเรียกตัวมากะทันหันสามคน พี่โจ พี่ไนท์ และพี่เก่ง
พ่อนึกสนุกครับ เดินไปหาผู้จัดการ ผู้จัดการยื่นผ้ากันเปื้อนให้ทันทีโดยไม่ต้องพูดอะไร(ที่ร้านมีเยอะครับ)
หล่อครับ พ่อผม แกคงเพิ่งกลับมาจากคุยกับลูกค้า วันนี้พ่อผมใส่เชิ้ตสีฟ้านวลแบบหนุ่มออฟฟิศ กางเกงสแลคสีดำ รองเท้าหนังสีดำ และตอนนี้ก็มีออฟชั่นเสริมเป็นผ้ากันเปื้อนมีโลโก้ของทางร้านคาดไว้ที่เอว เซตผมเท่เสยไปด้านหลัง แบบที่ผมชอบให้พี่เอกชอบทำนั่นแหละ
จริง ๆ พ่อจะทำผมทรงนี้ก็ต่อเมื่อต้องไปติดต่อธุระสำคัญ ๆ จริง ๆ (เพราะทำแล้วหล่อกว่าเดิม ลูกค้าเห็นแล้วหลงเสน่ห์ แม้คนที่ไปติดต่อด้วยจะเป็นผู้ชายก็เถอะ)
ไม่ได้มีให้เห็นกันบ่อย ๆ หรอก(พ่อไม่ค่อยชอบโชว์เหม่ง เห็นบอกว่าดูแก่ ไว้ผมทรงวัยรุ่นปิดคิ้วปิดตาหน่อย ๆ ดูหน้าเด็กกว่า)
เวลาพ่อทำผมทรงนี้ทีไร ผมถึงได้ชอบไง เหอ ๆ ถ้าพี่เอกรู้ คงไม่น้อยใจนะ
พ่อเขาชำนาญครับ เดินถือสองถาดไปเสิร์ฟ ยิ่งรู้ว่าพวกที่มาเป็นพวกที่ปลื้มภาพที่ผมถ่ายกับภาพพี่เอกแล้วด้วย พ่อยิ่งบริการดีเป็นสิบเท่า
สนุกครับ บอกได้คำเดียวว่าสนุกมาก ผมนี่ทำงานแทบลืมเจ็บ แต่ข้างกายผมมักจะมีพี่เอกยืนอยู่เคียงข้างเสมอ ซึ่งตอนนี้
เราสองคนทำงานคล้ายพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารระดับห้าดาว โดยพี่เอกทำหน้าที่ถือถาดเครื่องดื่ม ส่วนผมทำหน้าที่ยกเสิร์ฟให้ลูกค้าอีกที ผมยิ้มไมตรีให้ลูกค้า ส่วนพี่เอกทำหน้าเป็นปูนปลาสเตอร์เหมือนเดิม
“กรี๊ดดดดด”
และนี่คงแทนคำว่าขอบคุณ
เราต้องสั่งน้ำแข็งเพิ่มอีกเป็นลัง ๆ เลย เพราะไม่พอ นอกนั้นเหลือเฟือครับ คิดว่ายอดขายวันนี้ คงครอบคลุมไปได้ทั้งเดือน ผู้จัดการร้านยิ้มหน้าบานเลย
หมดแรงครับ กว่าจะต้อนให้ลูกค้าออกจากร้านได้หมดก็สี่ทุ่มเข้าไปแล้ว ผู้จัดการเลื่อนประตูลง กลับป้ายหน้าร้านเป็น ‘Close’ เป็นอันจบพิธี พวกเรานั่งหอบแดก สามสาวแทบจะเป็นลมล้มพับ
คุณแม่โทรตามแล้ว แต่สาว ๆ ยังดื้อขออยู่ต่อ แล้วสัญญาว่าจะลากพี่เอกกับผมกลับไปด้วย
แล้วกูไปเกี่ยวอะไรด้วยวะเนี่ย
“โทษทีนะ หิวกันน่าดู เดี๋ยวจะโทรสั่งหมูกระทะมาให้กิน”
ผู้จัดการร้านเดินตัวลอย ๆ ไปหาโทรศัพท์ วันนี้แกเหนื่อยไม่แพ้กัน เพราะต้องลงมารับลูกค้าด้วยตัวเอง
ไม่เกินครึ่งชั่วโมง(โห ทำอย่างกับพิซซ่า) หมูกระทะห้าเซตใหญ่ ๆ ก็มากองอยู่ตรงหน้า พร้อมอุปกรณ์ครบเซต พวกเราแค่ตั้งเตา รอหม้อเดือด และซัดไม่เหลือซาก
ผมมานั่งตีพุง หลังจากผ่านสงครามกระเพาะพิฆาตไปยี่สิบนาที กินกันเหมือนห่าลงครับ หิวกันจัด ๆ
“สนุกดี”
พ่อบอก ผมหันไปมอง
“ถ้าแม่อยู่น่าจะสนุกกว่านี้”
พ่อทำหน้าบู้บี้(รู้ละ ผมทำหน้าแบบนี้เหมือนใคร)
“ได้ทะเลาะกันร้านพังน่ะสิ”
ผมหัวเราะร่วน มันก็จริง
พ่อยกนาฬิกามอง
“ดึกแล้ว กลับกันเลยไหม”
พ่อชวน แต่สามทโมนรีบแย้ง
“ไม่ได้ค่ะ หนูสัญญากับป๊ากับม๊าไว้แล้ว ว่าจะพาพี่เอกกับพี่กายกลับบ้านให้ได้วันนี้”
พ่อเลิกคิ้วสูงกับคำนั้น แต่สามสาวทำท่าตั้งปราการจนพ่อไปไม่เป็น
“ไปค้าง…” พ่อถามสั้น ๆ
“ค่ะ/ค่ะ/ค่ะ”
แล้วสามสาวก็พร้อมใจกันตอบอีกที พ่อหันมามอง ผมทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม พ่อหัวเราะหึทีเดียว เดินมากระซิบข้างหูผม
“เข้าบ้านสามีไปแล้วเหรอลูก”
“ป๋า!!!”
พ่อหัวเราะร่วน เดินไปหยิบกระเป๋า แล้วเดินกลับมาหาผมอีกที
“งั้นพ่อกลับละ จะนอนกับเรานี่ต้องจองคิวก่อนใช่ไหม” พ่อแซวต่อ
พี่เอกมันยังตีหน้านิ่ง
เฮีย พ่อรู้นานแล้วล่ะเฮีย ไม่ต้องเก็กก็ได้
ผมเดินไปส่งพ่อที่รถ โดยมีสามสาวเดินตามมาส่งด้วย และเหมือนเป็นประเพณีของบ้านเราไปแล้ว ไปไหนมาไหนต้องบอกลาหรือทักทายกันด้วยการหอมแก้ม พวกทโมนรีบเอียงแก้มให้พ่อหอมใหญ่ ผมล่ะขำ
พ่อก็รับมุขซะเต็มประดา
“วันหน้า พากันไปค้างที่บ้านบ้างสิ”
พ่อชวนพวกน้อง ๆ สามทโมนพากันตอบรับเสียงใส
“บ้านไหน” ผมถาม
“อ้าว ก็บ้านเราไง”
ผมเลิกคิ้ว ก่อนทำสายตากรุ้มกริ่มมอง
“ยอมเข้าบ้านได้ง่าย ๆ แล้วเหรอฮะ”
พ่อเบ้หน้า
“ยังไงบ้านนั้นพ่อก็เป็นคนซื้อ แล้วแม่ก็โอนให้เราเรียบร้อยแล้วนี่”
ผมอมยิ้ม
“ครับ ๆ”
แล้วพ่อก็ก้าวเท้าขึ้นรถขับจากไป
ไปแล้วครับหนึ่ง พวกพี่ ๆ คนอื่น ๆ ก็ทยอยกลับกันแล้วเหมือนกัน
“พี่เป้ เต้ยเหนื่อย ขอไปนอนด้วยคนนะ”
ไอ้เต้ยมันอ้อนพี่มัน พี่เป้โหมดเงียบ(ไอ้เต้ยกับผมพากันเรียกงี้) ปรายตามองนิดหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไรครับ พี่แกคงเหนื่อย ไอ้เต้ยก็คงจะเหนื่อยไม่แพ้กัน เพราะวันนี้มันทำงานหนักด้วย(ปกติเป็นคุณหนูตลอด) สงสารเหมือนกัน พี่เป้ไม่ตอบปฏิเสธ แต่เดินลิ่ว ๆ นำไปที่รถ ไอ้เต้ยรีบวิ่งตามไปทันที
พวกเราบอกลาผู้จัดการ แล้วก็พากันยกโขยงกลับบ้าน
หลังจากก้าวขึ้นรถ ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว เหมือน ๆ จะได้ยินเสียงน่ารัก ๆ ของพวกทโมนเอ่ยเรียก รู้สึกตัวอยู่นะ แต่ไม่อยากลืมตาตื่น มันเบลอ ๆ ง่วง ๆ มึน ๆ ยังไงบอกไม่ถูก
หลังจากนั้นก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศ สักพักแผ่นหลังก็สัมผัสถึงความนุ่มสบายของพื้นเตียง
ได้ยินเสียงพ่อกับแม่พี่เอกด้วย อยากลุกไปทักทายนะ แต่ไม่ไหวครับ ง่วง เพลีย เหนื่อยเหลือเกิน
รู้สึกเย็น ๆ ไปทั่วทั้งหน้า ลำคอ แขนและขา มันเย็นสบายจนผมต้องเอียงหน้าหน่อย ๆ ให้ความเย็นนั้นซึมซับเข้ามาได้มากขึ้น แล้วหลังจากนั้นสติผมก็จางหายไป
ไม่อยากตื่นครับ มันง่วงสุดติ่งจริง ๆ ผมกระแซะสิ่งที่ผมกอดไว้แน่น มุดหน้าให้มากที่สุดเท่าที่จะมุดได้ ก่อนจะรู้สึกว่ามีอะไรแข็ง ๆ มาทิ่มที่หน้าท้อง ผมปรือตามอง
สิ่งแรกที่เห็น คือแผงอกกว้างของใครบางคน ผมค่อย ๆ แหงนหน้าไล่สายตาสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนไปสบเข้ากับดวงตาคมเข้มที่ทอดมองผมอยู่ก่อนแล้ว ต่ำลงมาอีกนิด ริมฝีปากหยักได้รูปกำลังคลี่ยิ้มบางเบาส่งมาให้
“พี่เอก”
“น้องพี่มันตื่นขึ้นมาทักทายแต่เช้าแน่ะ”
เบลอครับ นี่พวกทโมนเข้ามากันตั้งแต่เช้าเลยเหรอ ผมหันไปมองที่หน้าประตู แต่ไม่เห็น พอมองไปรอบ ๆ ห้องก็ไม่เห็นใครอีก หันกลับมาที่เดิม ก็เห็นพี่มันอมยิ้มขำ ๆ ชี้นิ้วจึก ๆ ไปด้านล่าง ตรงกลางระหว่างเราสองคน ไปยังจุดที่มีอะไรแข็ง ๆ ทิ่มผมไว้นั่นแหละ
ผมตื่นแทบจะทันที มันอายครับ อายฉิบหาย
ผมรีบคลายอ้อมกอดผลักตัวเองออกเบา ๆ แต่พี่มันดึงผมกลับไปที่เดิม พลิกตัวนอนหงายแล้วดึงผมขึ้นไปนอนคว่ำไว้บนตัวแก
คือ…
ส่วนนั้นของพี่มันก็กำลังแข็งโป๊กน่ะนะ
“พี่เอก ไม่เจ็บรึไง”
ผมถามตามจริง ผมโดนยังเจ็บเลย พี่มันส่ายหัว
“เสียวมากกว่า”
ด้าน!!
ด้านมากมาย
ผมอ้าปากค้าง อยากด่าพี่มันสักสิบประโยค
“จ่ายค่าตัวได้แล้ว”
พี่มันทวง ผมทำหน้างง
พี่มันชี้มือไปข้างล่างอีกที ผมเอี้ยวหน้าไปมอง ก่อนหันกลับมาทำตาปรอยเพราะร่างกายยังเมื่อยไม่หายเลย
“ผมไม่ไหวแล้วนะ”
“พี่รู้”
มึงรู้ แล้วยังจะให้กูอะจึ๋ง ๆ กับมึงอีกนะ
“พี่ไม่ได้ให้กายใช้ไอ้นี่นี่”
พี่มันบีบแก้มก้นผมที
“แต่ให้ใช้ไอ้นี่ต่างหาก”
แล้วเลื่อนมือมาแตะที่ปากผมเบา ๆ
ให้กูโม๊กให้แต่เช้าเนี่ยนะ
“พี่ไปปล่อยในห้องน้ำไม่ได้เหรอ”
ผมต่อรอง ธรรมชาติผู้ชายครับ ตั้งได้ตอนตื่น ลดได้ด้วยมือ ผมก็เป็น แต่ไม่ทุกเช้าแบบเฮียแก
“ค่าตัว”
แม่ม…ทวงจริงวุ้ย
ผมกัดปากแน่น ด่าพี่มันทางสายตา ก่อนค่อย ๆ กระเถิบตัวลงไปทำหน้าที่ของตัวเอง
เช้าวันนี้ คงเป็นเช้าที่ผมรู้สึก…
เมื่อยปากเป็นที่สุด
แต่ก็ตัวเบาครับ ไม่เหนื่อยร่างกายดี ผมเดินเข้าห้องน้ำต่อจากพี่มัน พออาบน้ำอาบท่าเสร็จ ก็เดินออกมา พี่เอกหายไปแล้ว ผมมองหาชุดนักศึกษาของตัวเอง
มันหายไป...
กูมีเรียนช่วงเช้านะเว้ยเฮ้ย
ผมหยิบเสื้อเชิ้ตที่ใส่นอนเมื่อคืนมาใส่ พี่มันก็ชอบให้ผมใส่ชุดนี้จริงจัง ชอบอะไรนักหนาก็ไม่รู้
ผมรีบเดินตรงไปยังหน้าประตู จะออกไปถามว่าชุดของผมอยู่ที่ไหน แต่ผมคงทะเล่อทะล่ามากไปหน่อย เปิดประตูออกไปชนใครบางคนเข้า ก็ใครจะไปคิดล่ะว่าจะมีคนมายืนขวางเป็นยักษ์วัดแจ้งอยู่หน้าประตูห้องนอนแบบนี้
ตัวผมเด้งกลับเข้าไปในห้องอีกที ในสภาพนั่งกึ่งนอนหงาย ชายเสื้อเชิ้ตร่นสูงจนเห็นต้นขา ยังดีที่กายน้อยไม่โผล่(ไม่มีชั้นในครับ หายหมด)
เนื่องจากรีบ กระดุมเลยปิดไว้หลวม ๆ สองสามเม็ด ด้านบนจึงเลื่อนหลุดจนหัวนมโผล่ แต่ตอนนี้เจ็บตูดครับ ไม่ได้ห่วงนมหรือกายน้อยที่จะโผล่หรือไม่โผล่ เจ็บร้าวไปทั่วทั้งช่วงล่างเลย
แม่ม เอากูแต่ละที ไม่บันยะบันยังเลย
ผมยันสองมือไว้ด้านหลังพยุงตัวขึ้นดี ๆ(แต่ก็ยังนั่งกึ่งนอนหงายอยู่ดี) ผมเงยหน้ามอง ก็เห็นพี่เอกยืนทำหน้าแปลกใจอยู่ในชุดเสื้อยืดโปโล พี่มันมองผมอึ้ง ๆ
นี่มึง ช่วยกูก่อนได้ไหม แล้วค่อยตะลึงในความหล่อของกูทีหลัง
“พี่เอก...”
ผมครางเรียก
มึงรับผิดชอบหน่อยสิ
ผมเบะหน้าหน่อย ๆ
แอบนอยด์ครับ ดูดิ ยังไม่สนใจจะช่วยผมอีก
กูเจ็บอยู่นะ
มันยังยืนอึ้งครับ
ไอ้เวรตะไล ไอ้คนเห็นแก่ตัว ไอ้คนเห็นแก่ได้ หื่น กินแล้วทิ้ง ผมนั่งด่าพี่มันทางสายตา หน้าก็ยังเบะ ๆ อยู่
มึง กูใช้โหมดนี้กับพ่อแม่กูเท่านั้นนะ เห็นใจกูหน่อยดิ
สักพัก ก็มีใครอีกคนเดินมายืนอยู่ข้าง ๆ พี่เอกมันอีกที
เอ่อ…
กูว่ากูเจ็บตูดนะ แต่สงสัยกูต้องยกตูด พาตาไปหาหมอแล้วล่ะ
เพราะตอนนี้ผมเห็นพี่เอกมายืนทำหน้าแปลกใจอยู่ตรงหน้าสองคน ผมอ้าปากค้าง ทำตาปริบ ๆ
“พี่เอก…พี่เอก”
ผมชี้หน้าพี่เอกคนแรกเลื่อนไปหาคนที่สอง พยายามกะพริบตาอีกที เผื่อมันเป็นภาพซ้อน
“อะนี่ ฝากด้วยนะ”
แล้วก็มีพี่เอกอีกคนเดินมายื่นของบางอย่างให้พี่เอกคนที่สอง
คราวนี้ผมคงต้องไปนอนที่โรงพยาบาลแล้วจริง ๆ
เพราะมีพี่เอกถึงสามคน
“กาย”
แต่คนที่มาหลังสุด เป็นคนเรียกชื่อผม
“พะ พี่เอก…พี่เอก…แล้วก็พี่เอก…มีพี่เอกสามคน!!”
ตาย ๆ กู กูตายแน่ ๆ แค่คนเดียว กูก็จะตายแล้ว เจอพี่เอกสามคน กูขอตายก่อนดีกว่า
*** ***
TBC..
ฮ่าๆ น้องกายรีบยกตูด(ช้าๆ)พาตาไปหาหมอด่วนเลย
ช่วงนี้อยู่ในโหมดอารมณ์ดี หลังจากดาร์กมานาน
อ่านกันให้สนุกนะขอรับ (ว่าแต่ ยังมีคนอ่านกันอยู่ไหมเนี่ย หรือรอไม่ไหวตามไปอ่านที่เด็กดีกันหมดแล้ว?
แต่เราก็ยังมุ่งมั่นจะลงต่อไปจนจบ ไว้เป็นทางเลือกให้คนอ่าน
ปล. ฝากนิยายใหม่ไว้ด้วยนะคร้าาา เพิ่งลงตอนแรกไป หวังว่าจะชอบ ^^
ทาสแค้น : http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47105.new#new