รสเค็มของเลือดยังติดอยู่บนลิ้น....ผม...ทำเจเจ็บ...ผมทำเพื่อแก้แค้นเจเหรอ...เปล่า....ทำเพื่อความสะใจที่เห็นเจยอมง่ายๆ เหรอ...เปล่า....แต่มันเป็นเพราะความโกรธ ความหึง ความหวง...จากเรื่องเก่าก่อน....ผมไม่เคยคิดจะใช้กำลังกับเจ....ปกป้องความรู้สึกเจตลอดเวลา...บางครั้งเจผิด แต่เพียงเขายิ้มให้ เพียงเขามาหา...ผมก็อภัยโดยที่ไม่ต้องรอคำว่าขอโทษ.....ผมมองข้ามทุกอย่างเพียงเพราะคำว่ารักที่มีให้.....มองข้ามความผิด...มองข้ามความรู้สึกตัวเอง....แล้วผมก็เพิ่งนึกออกว่า....ไม่ใช่แค่ทำร้ายจิตใจตัวเองเท่านั้น...แต่มันทำร้ายเจทางอ้อมด้วย....ผมเผลอปกป้องเจเหมือนกับสองคนนั้น....ปกป้อง....จนเขาหวาดกลัวและไม่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหาใดๆ....หลบเลี่ยงทุกอย่าง....เพราะมั่นใจว่ามีเกราะป้องกันที่แน่นหนา...มีคนรอบข้างที่พร้อมจะให้อภัยในทุกๆ เรื่อง.....และนั่น.....มันผิด
ผมนั่งสงบใจอยู่บนเตียงในห้องนอนของเอ็ม รู้ตัวดีว่าวันนี้แกล้งเจค่อนข้างแรง ไม่ใช่การเอาคืน...เป็นเพียงการกระตุ้นให้เจแสดงออกเสียบ้าง และมันได้ผล...เมื่อเจเอ่ยห้ามและร้องขอให้กลับบ้านด้วยกัน แววตาคู่นั้นสื่อได้ว่า....หึง....มันบ่งบอกความรู้สึกได้อย่างดี
“เอ็กซ์วันนี้ญาติๆ มึงมาเปล่าวะ”โมทย์กระซิบถามเบาๆ หลังจากที่ซ้อมรับปริญญาในช่วงเช้าเสร็จสิ้น และตอนนี้กำลังนั่งรอถ่ายรูปรุ่นอยู่ครับ
“ไม่มา มาพรุ่งนี้ทีเดียว บ้านมึงล่ะ”
“ไม่มาเหมือนกัน แล้วมึงจ้างที่ไหนถ่ายรูปวะ”
“จ้างทำไมให้เปลืองเงิน น้องมีก็ใช้น้องสิวะ”เอ็มมันมาถึงเมื่อเช้าพอดีเลยครับ ตอนแรกนึกว่าจะเบี้ยว ที่ไหนได้มาตั้งแต่เมื่อวานแต่ไปหาเพื่อนเก่ามา
หลังจากถ่ายรูปรุ่นเสร็จพวกผมก็เดินออกมาด้านนอก ตรงมาที่คณะตัวเองก่อนเลยครับ รุ่นน้องยืนรอพวกผมอยู่แล้ว รุ่นพี่ทุกคนเดินไปยืนด้านในวงกลมขนาดใหญ่เพื่อให้น้องๆ ร้องเพลงบูมของคณะ เสียงตะโกนร้องที่พร้อมเพรียงดังกึกก้องจนได้ยินเสียงสะท้อนกลับ ใบหน้าเพื่อนๆ ทุกคนประดับไปด้วยรอยยิ้มกับความผูกพันธ์ฉันท์พี่น้อง ถึงแม้จะไม่ได้พบกันมานาน แต่มิตรภาพยังคงอยู่ พี่รหัสน้องรหัสเดินไปถ่ายรูปคู่กันให้จ้าละหวั่น ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
“แต่งหล่อมากลบรัศมีพี่รหัสเหรอวะตี๋”ผมแซวมันทันที ความจริงก็ชินกับมันแล้วครับ ถ้ามีงานใหญ่ๆ แบบนี้ทีไรมันต้องแต่งตัวเนี๊ยบมาทุกที
“จะไปสู้บัณฑิตแบบพี่ได้ไงครับ นี่ไงของขวัญ....ยินดีด้วยนะครับ”ตี๋ยื่นกล่องของขวัญในมือมาให้ ผมเขย่าๆ ฟังเสียง แต่ก็เดาไม่ออกว่าเป็นอะไร แต่มันเบามากเลยครับ
“ขอบใจนะ มาๆ มาถ่ายรูปกัน”ผมดึงให้มายืนคู่ผม ว่าแต่...ไอ้ช่างกล้องของผมมันหายไปไหนอีกแล้วล่ะเนี่ย
“
ไอ้เอ็ม!!! พี่มึงยืนอยู่นี่ไปถ่ายอะไรต้นไม้วะ”ผมล่ะปวดหัวกับมันจริงๆ นี่ยังไม่ค่อยมั่นใจเลยว่ามันจะถ่ายรูปผมติดไปบ้างมั้ย กลัวมันซูมแต่ภาพวิวหรือสาวๆ ที่มันมองตาเยิ้มส่งยิ้มให้
“แป๊ปพี่.......เสร็จแล้ว เร่งจริง ขอถ่ายซุ้มหน่อยเดียวเอง”เอ็มเดินสะพายกล้องกลับมาตรงหน้าผม มัน....ถ่ายซุ้ม...ถ่ายแต่ซุ้มจริงๆ ครับ ไม่มีคนอยู่เลย ไอ้น้องเวร...เขาจัดซุ้มเพื่อให้คนไปยืนถ่ายรูป มันดันไล่คนออกขอถ่ายแค่ซุ้มเปล่าๆ
“มาถ่ายรูปให้พี่หน่อยเถอะครับคุณชาย ขอความกรุณาหน่อย”
“อ้าว...มาด้วยเหรอมึง”ทีผมคุยไม่นี่สน พอเห็นไอ้คนข้างกายผมนี่หันขวับเลยนะ เริ่มไม่ค่อยไว้ใจรสนิยมมันเท่าไหร่แล้ว
“ไม่มีตาดูหรือไงมึง ถามแปลกๆ”ตี๋ยืนกอดอกยกคิ้วกวนๆ ใส่ มันจะต่อยกันในงานมั้ยเนี่ย
“กวนตีนได้ตลอดเวลาเลยนะมึง เดี๋ยวกูไม่คุยเอ็มด้วยเลยนี่”เอ็มบ่นเบาๆ แต่ดังพอที่จะทำให้ผมและตี๋ได้ยิน ตกลงว่า...พวกมันยังติดต่อกันอยู่เหรอ สงสัยจะบ่อยกว่าที่ผมคิด แต่ไหงไม่เห็นเลิกกัดกันสักที
“เชี่ยเอ็ม กูสิต้องบอกว่าจะไม่คุยกับมึง รบกวนกูอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน”
“ชิๆๆ ทำเป็นพูดดี....เหงาแล้วอย่ามาถามหากูอีกนะ โอ้ย!!”เอ็มพูดยังไม่ทันจบตี๋ก็ตบหัวมันเต็มๆ ฝ่ามือ ผมห่างเหินกับการหยอกล้อแบบนี้มานานแล้วนะครับ...เอ๋....หยอกล้อเหรอ
“พูดมากนะมึง จะถ่ายก็ถ่าย ร้อนจะตายแล้ว”ตี๋สะพัดชายเสื้อไล่ความร้อน ขนาดมันยังร้อน แล้วผมเนี่ยโคตรร้อนเลย ชุดก็อึดอัด แถมต้องหอบดอกไม้ตุ๊กตาเต็มมือไปหมด เอ็มหามุมที่มันบอกว่าสวยแล้วก็ถ่ายรูปพวกผมไปหลายรูปเหมือนกัน แถมมันยังจะถ่ายรูปเดี่ยวไอ้ตี๋อีกต่างหาก
“ไม่ใช่งานกูนะมึง จะถ่ายทำไม ประสาทใหญ่แล้ว”
“ไม่เห็นเป็นไร งานรับปริญญาไม่ได้จัดบ่อยๆ ซุ้มสวยๆ ก็มีเยอะๆ หาถ่ายที่อื่นไม่ได้แล้วนะเว้ย”เอ็มพยายามดึงตี๋ไปที่น้ำตกเล็กหน้าคณะผม
“เรื่องของมึง อยากถ่ายก็ไปถ่ายคนอื่นโน่น ร้อนจะตายให้กูยืนตากแดดอยู่ได้”
“แดดแค่นี้ไม่ดำหรอก เร็วๆ อีกรูปเดียว มุมนี้กำลังโอเลย แต่...มันดูโล่งๆ ไปว่ะ ถ้าถ่ายสองคนจะบาลานซ์กว่านี้นะกูว่า นี่พี่เอ็กซ์...ถ่ายรูปให้หน่อย กดตรงนี้นะ”เอ็มพูดพร้อมยัดกล้องใส่มือผมเตรียมวิ่งลากไอ้ตี๋ไปทันที แล้วกล้องมันก็ปุ่มเยอะไปหมด ผมจะใช้เป็นเหรอ
“เดี๋ยวสิวะ กล้องรุ่นนี้ถ่ายไม่เป็นว่ะ ไม่มีออโต้เหรอ”รุ่นนี้ใช้ฟิล์มครับ ภาพออกมาจะดูนุ่มนวลกว่า แต่..ถ่ายโคตรยาก เสียมาก็เสียฟิล์มฟรีเลย
“ไม่เป็นไร กดตรงนี้ก็....พอ”เอ็มวิ่งกลับมาหาผมอีกรอบ พูดอยู่ดีๆ ก็หยุดซะงั้น
“อ้าว...ไม่ถ่ายเหรอมึง วิวไม่โล่งแล้วไง สองคนพอดีเลย”โก้มายืนข้างตี๋ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ครับ เอ็มยืนหน้าหงิกเลย มันคงไม่กล้าเข้าไปว่าเท่าไหร่ ท่าทางจำใจถ่ายรูปคู่ของสองคนนี้สุดๆ ถ่ายรูปเดียวก็เก็บกล้องเลย ไอ้โก้ยืนหัวเราะใหญ่
“พี่เอ็กซ์ของขวัญครับ”โก้ยื่นกล่องใบเล็กๆ มาให้ผม มันเล็กแค่ฝ่ามือเองครับ
“เออ...ขอบใจนะ เอ็มถ่ายรูปให้หน่อย”ผมหย่อนกล่องลงในกระเป๋ากางเกงก่อนจะยืนถ่ายรูปคู่มัน ตี๋ก็มาแล้ว โก้ก็มาแล้ว แต่.....เจ....ยังไม่เห็นเลยครับ เมื่อเช้าผมก็ต้องออกมาตั้งแต่ตีห้ากว่า ไม่รู้ว่าเจจะมาหรือเปล่า...อาจจะโกรธที่ผมทำให้เจ็บ....หรือ....จะน้อยใจจนไม่อยากมา....โอยย ปวดหัวครับ....ถ่ายรูปกับคนโน้นคนนี้จนจะครบทั้งคณะแล้วยังไม่เห็นเจเลย....หรือว่าจะปวดท้อง....แต่เมื่อเช้าตอนเข้าไปในห้องก็เห็นหลับสบายดีนี่นา ใจจริงก็กังวลว่าเจจะป่วย แต่ตอนนั้นลืมตัวไปหน่อย ทั้งๆ ที่โมทย์ส่งเสียงเตือนผมก็ยังไม่หยุด ลืมไปเลยว่าเจป่วยอยู่....หวังว่าอาการจะไม่กำเริบนะ
“เป็นอะไรพี่ ชะเง้อจนคอยืดคอยาวหมดแล้ว”เอ็มสะกิดถามผม ตอนนี้พวกกลุ่มผมไม่เดินถ่ายรูปแล้วครับ เหนื่อย แดดร้อน มานั่งกันอยู่ที่ซุ้มหมดเลย
“เห็นเจมั้ยวะ เมื่อเช้าตอนเข้าไปในบ้านเจอเจหรือเปล่า”
“ไม่รู้สิ เข้าบ้านเอากระเป๋าวางไว้แล้วก็ขับรถออกมาเลย”
“เออ มีไรตี๋”ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ แค่ชื่อตี๋ออกจากปากผม ไอ้เอ็มก็หันมาสนใจทันที ผมไม่ไว้ใจน้องผมเสียแล้วสิ เมื่อกี้ก็เห็นถ่ายรูปไอ้ตี๋ตอนเผลอไปตั้งหลายใบ แต่ก็ใช่ว่าจะได้แค่ภาพตี๋คนเดียว เพราะโก้มันก็อยู่กับตี๋ตลอดเวลา
“โค้ชเขามีของขวัญให้พี่น่ะ มาที่โรงยิมนะ ผมกับโก้ก็นั่งอยู่นี่”ตี๋พูดจบก็วางสายไป ผมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า มองของขวัญและดอกไม้มากมายบนโต๊ะแล้วถอดใจเลย จะหอบไปหมดไม่ไหวแน่ๆ
“เศกๆ จะนั่งอยู่นี่อีกนานเปล่า ฝากของหน่อยสิ”ผมถามเศกที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆ กับผู้หญิงคนหนึ่ง สงสัยจะเป็นแฟนมัน
ผมเดินพาเอ็มตรงมาที่โรงยิม ที่พามันมาไม่ใช่อะไรหรอกครับ จะให้มาถ่ายรูปกับโค้ชไง เดินมาถึงก็ลอดใต้ประตูเหล็กที่เปิดไว้ครึ่งเดียว ด้านในไม่เห็นใครเลยครับ ผมเดินนำเอ็มไปทางห้องพักอาจารย์ เพียงแค่ก้าวเท้าไปถึงครึ่งสนาม เสียงกลุ่มคนที่เดินเข้ามาทำให้ต้องหันกลับไปมอง ผู้คนกลุ่มใหญ่เข้ามาจากประตู ทุกคนตรงมาที่ผมและล้อมรอบผมเอาไว้ตรงกลาง เอ็มถูกกันออกไปอยู่นอกวง ประตูโรงยิมถูกดึงปิดสนิท
“เล่นอะไรครับ”ใช่ครับ รอบๆ ตัวผมคือคนรู้จักทั้งนั้น ไม่ว่าจะรุ่นน้องหรือรุ่นหลาน เสียงฝีเท้าจากด้านหลังทำให้ต้องหันกลับไปมอง และเห็นกลุ่มเพื่อนของผมเดินออกมาจากห้องของอาจารย์ พวกมันต้องวางแผนแกล้งอะไรผมแน่ๆ
“เล่นอะไรของพวกมึงเนี่ย”ผมตะโกนถามกลุ่มเพื่อนที่เดินใกล้เข้ามาเรื่อย โมทย์ส่งยิ้มกวนๆ มาให้ แม้แต่เศกที่นั่งเฝ้าของให้ผมก็ยังอยู่ตรงนี้ คนรอบตัวมีแต่คนคุ้นเคยกันทั้งนั้น ในมือของแต่ละคนมีดอกกุหลาบสีขาวถืออยู่ และทุกคนเดินมายื่นให้ผมทีละดอก แม้แต่หมอก...ก็ยังอยู่ตรงนี้
“......พี่เอ็กซ์ครับ เจเป็นคนขอร้องพวกเพื่อนๆ น้องๆ แล้วก็พี่ๆ ทุกคนมาเอง เจรู้ตัวว่าผิด เจขอโทษ...จะให้เจพูดคำนี้อีกกี่ครั้งก็ได้ ถ้ามันจะทำให้พี่หันมาพูดกับเจดีๆ เหมือนเริ่มแรกที่เรารู้จักกัน”เสียงเจดังออกมาจากลำโพงรอบๆ โรงยิม......ผมนึกยิ้มในใจ....เคยเห็นฉากโรแมนติกตามหนัง....แต่ไม่เคยคิดจะลอกเลียนแบบ....ชีวิตจริงใครจะกล้าทำอะไรน่าขายหน้าแบบนั้น....ต่อหน้าผู้คนมากมาย.....ถ้ามีใครบางคนทำเพื่อเรา.....ผมว่า...มันคงเป็นความรู้สึกที่วิเศษสุด
“เจรู้ว่าตัวเองเป็นคนเห็นแก่ตัว ดีแต่พึ่งพาคนอื่นไปวันๆ เอาความอ่อนแอของตัวเองเป็นข้ออ้างทำให้ทุกๆ คนเจ็บ ทำให้ทุกคนเสียใจ เจ...ไม่เคยต้องอยู่คนเดียว แต่ยังรู้สึกโดดเดี่ยวเสมอ ต่อให้มีคนสำคัญที่สุดอยู่ข้างกายไม่ห่าง เจก็ยังไม่รู้จักคำว่าพอ......แต่เมื่อได้พบกับพี่....อะไรต่างๆ มันก็เปลี่ยนไป....ความรู้สึกเจเปลี่ยนไป......ต่อให้อยู่คนเดียว แต่ก็ไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยวอีกเลย.....เจไม่ใช่คนเข้มแข็ง....ไม่ใช่คนกล้า....ต่อจากนี้ไปเจจะพยายามมากขึ้น.....พี่เอ็กซ์........ไม่ต้องกลับมาคบกันเหมือนเดิมก็ได้....แค่อยากผลักไสเจออกไป.....ให้เจได้อยู่ข้างๆ เหมือนที่พี่เคยทำ....ให้โอกาสเจอีกครั้งได้มั้ยครับ..
เจรักพี่เอ็กซ์...เรา....เริ่มต้นกันใหม่นะ”คำพูดสุดท้ายจบลง พร้อมกับเจ้าของใบหน้าใสที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ในมือมีตุ๊กตาหมีสวมชุดครุยตัวใหญ่ สองมือเล็กสั่นระริกจนสังเกตุได้ ดวงตาคู่สวยเต็มตื้นไปด้วยหยาดน้ำตาที่คลอหน่วย....รอยยิ้มที่มีให้ยังคงสดใส.....เสียงรอบข้างหยุดนิ่ง...รอฟังคำตอบของผม...คนตรงหน้า....ที่พยายามฝืนยิ้มรอการตัดสินใจ.....ไม่ว่าผมจะตอบอะไรออกไป....ก็คงรับได้สินะ
“.................พี่...ไม่คิดจะเริ่มใหม่กับเจหรอกนะ”คำตอบที่ให้ไปทำให้น้ำตารินไหล และผม....เป็นคนที่ยื่นมือไปเช็ดให้ ตุ๊กตาในมือถูกดึงเข้ามาใกล้พร้อมคนที่ถืออยู่
“.....ความรักของพี่ยังไม่หายไป...จะเริ่มใหม่ได้ไง....
เรา......รักกันต่อไปเถอะนะ”ผมดึงเจเข้ามาในอ้อมกอด เสียงโห่ร้อง ตะโกนแซวเราสองคนดังอยู่รอบๆ ตัว เจกอดผมไว้แน่น...ผมเองก็ทำเช่นเดียวกัน...ได้ยินเสียงร้องไห้ที่ดังจากคนในอ้อมกอด.....หากเจจะร้อง...ก็ร้องเถอะ...ตราบใดที่ผมยังกอดเจอยู่...จะร้องเท่าไหร่ก็ร้องไป...ผมจะเป็นคนปลอบเจเอง
“ตาบวมหมดเลย...เดี๋ยวพรุ่งนี้ถ่ายรูป หน้าไม่โทรมหมดเหรอ”ผมลูบแก้มเจเบาๆ ร่างเล็กๆ ที่นั่งคล่อมบนตัก เอียงหน้าคลอเคลียกับมือเบาๆ...นานเท่าไหร่แล้วนะ...ที่เจไม่ได้อ้อนผมแบบนี้ หลังจากถ่ายรูปรวมกับเพื่อนๆ น้องๆ ที่ร่วมเป็นสักขีพยานในการคบกันใหม่อีกครั้ง ผมก็พาเจกลับมาบ้าน อยากคุย อยากกอด อยากอยู่กับเจแค่สองคน...ไม่รู้ว่าจะทดแทนเวลาที่สูญเสียได้มั้ย แต่....ไม่อยากห่างกันอีกแล้ว
“เจขอโทษนะ...ที่เคยตบพี่เอ็กซ์น่ะ”
“ครับ....อย่าทำอีกนะ พี่เจ็บมากๆ เลย”ผมจับมือเจที่ลูบแก้มผมมาจูบกลางฝ่ามือเบาๆ จะให้บอกว่าไม่เป็นไรคงไม่ได้...เพราะมันเจ็บมากจริงๆ
“ไม่ทำอีกแล้ว...ฮึก....ไม่เอาแล้ว...ไม่ชอบเลยเวลาห่างกัน....ฮึก....เจขอโทษ....”เจร้องไห้พร้อมกับโผเข้ากอดผมแน่น ผมรู้ว่าเจเสียใจ แต่....พอแล้ว....ไม่ต้องขอโทษผมอีกแล้ว....แค่กลับมาอยู่ด้วยกันก็พอ...แค่...รับปากว่าจะไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อนอีกก็พอ....อย่าได้จากกันอีกเลยนะเจ
“ครับ...พี่ก็ไม่ชอบเหมือนกัน ไม่มีเจ...พี่อยู่ได้...แต่ไม่มีความสุขเลยสักวัน เจก็เหมือนกันใช่มั้ย”ผมกอดเอวเจแน่น กระซิบถามข้างๆ หู เจพยักหน้าตอบกลับมาหลายครั้ง เสียงร้องไห้ยังคงดังอยู่ ไม่รู้ทำไมผมถึงชอบฟัง...เสียงร้องไห้เพราะความกลัวที่จะสูญเสียผม....ร้องเพราะไม่อยากแยกจากกัน....ร้องเพราะได้กลับมาอยู่ด้วยกัน...ร้องไห้...เพราะรักผม
เจร้องไห้จนหลับไป ผมได้แต่หวังว่าพรุ่งนี้เจจะไม่ป่วย โชคดีที่เมื่อวานเจไม่ปวดท้องเพราะความโหดร้ายของผม ถ้าเจเป็นอะไรขึ้นมาผมคงเสียใจมาก และ...คงต้องมีคนรับผิดชอบ
“เล่นเชี่ยไรไม่ปรึกษากันเลยนะ ตกใจหมด”ผมเดินออกมาโทรศัพท์อยู่นอกห้อง กลัวเจจะตื่นขึ้นมาได้ยิน
“ไม่ดีเหรอพี่ เจมันอุตส่าห์วางแผนเองเลยนะ ลงทุนบอกเพื่อนหมดทุกคนว่ามันเป็นแฟนพี่ เป็นผมนะปลื้มแย่ เปิดตัวซะลั่นโรงยิม”ผมล่ะเกลียดเสียงมันจริงๆ คำพูดที่กลั้วเสียงหัวเราะแบบนี้ มันฟังดูน่ากลัวและน่าหมั่นไส้จริงๆ
“ความจริงแค่วันแรกที่เจง้อ พี่ก็หายโกรธแล้ว แต่โก้ไม่ใช่เหรอที่บอกให้เก๊กไว้ก่อนน่ะ สงสารจะตาย ดีนะเมื่อวานไม่ปวดท้องน่ะ”ผมมันคนใจอ่อนนะครับ คนที่รัก...ยังไงก็รัก เจไม่ใช่คนไม่ดี ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร เมื่อรู้ตัวว่าทำผิด ผมก็เชื่อว่าเจสำนึกผิดจริงๆ และผมก็ไม่ใช่คนมีฐิฑิที่จะไปคิดย้อนหลังว่าเจทำอะไรกับผม ผมบอกแล้วว่าผมเลือกที่จะรักเจ แล้วก็ยอมเจเอง
“ก็บอกว่าถามหมอให้แล้ว แค่นิดๆ หน่อยๆ ไม่ปวดมากหรอก แล้วถ้าจะคืนดีเลยน่ะ ง่ายไปมั้งพี่เอ็กซ์ ทำแบบนั้นเจก็ไม่รู้ตัวสักทีว่าทำคนอื่นเจ็บแค่ไหน พี่ทำแบบนี้น่ะดีแล้ว เจจะได้โตขึ้น จะได้รู้สักทีว่าคนที่ควรจะรักษาน้ำใจน่ะคือใคร ไม่ใช่ใจดีไปทั่ว ผมจะได้หายเหนื่อย ไม่ต้องคอยกันเจเหมือนเมื่อก่อน”โก้มันก็ได้แต่พูดแบบนี้ มันไม่ได้คอยวางท่าโหดๆ เวลาเจอ้อนนี่ เป็นมันๆ จะทนได้เหรอ เห็นเจเดินหยิบหมอนลากผ้าห่มออกจากห้องน่ะ ทั้งน่ารักทั้งน่าสงสาร ทำได้แค่เดินไปมองดูหน้าเวลาหลับ ตอนเช้าจะอยู่กินเข้าด้วยก็ไม่ได้ เดี๋ยวไม่เป็นไปตามแผนมัน ต้องออกไปแต่เช้า แล้วก็นั่งเฝ้ามองเจจากมุมไกลๆ
“เออๆ ยังไงก็ขอบใจ....ที่คืนให้”ผมยิ้มกับพวงกุญในมือ ตัวอักษรภาษาอังกฤษที่ทำด้วยทองคำขาว อักษรตัวเดียวที่มีความสำคัญกับผม ไม่ต้องถามความหมายก็รู้ดีว่าหมายถึงอะไร.....คืนกลับมาให้ผมแล้วสินะ
“ตอนนั้นก็แค่ยืมมาชั่วคราว พี่ก็น่าจะรู้ความหมายของผมดี ไม่งั้นคงไม่ยอมห่างกับเจง่ายๆ อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะว่าพี่รู้ทันผมน่ะ”โก้พูดปนหัวเราะ ใช่...วันนั้นที่โก้พูดกับผม...โก้บอกว่า....
"จากวันนี้ไป....เจมันจะไม่คิดกับพี่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว....อย่ารั้งให้เจ็บกันทั้งคู่เลย พี่กลับไปคิดทบทวนสิ่งที่ผมเคยพูดเคยเตือนพี่ดีๆ......ไม่ว่าพี่จะพูดยังไง ตอนนี้.....ผมขอเจคืน"
“เจกำลังไปหาพี่ พี่ยอมปล่อยเจกลับมาให้ผมเถอะ เพื่อตัวเจเอง”คำพูดที่บอกผ่านโทรศัพท์ ก่อนที่เจจะมาถึงหน้าประตูห้องผมยังจำทุกคำพูดของมันได้ดี เจจะไม่คิดกับผมเหมือนเมื่อก่อน...แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเกลียดกัน และที่สำคัญ...มันบอกว่าตอนนี้...นั่นแปลว่า...ไม่ใช่ตลอดไป...ผมยอมเสี่ยงกับคำพูดคลุมเครือของมัน...เพื่อตัวเจ...ผมยอม...แม้ว่าตลอดเวลาที่ต้องอยู่คนเดียวจะเจ็บปวดมาก แต่....สิ่งที่ได้กลับมามันคุ้มค่า
“ตอนแรกก็มั่นใจว่าชั่วคราว แต่...ไม่มีข่าวอะไรส่งไปเลยนี่สิ ถึงเริ่มไม่แน่ใจว่าอะไรที่มึงคิดไว้จะทำสำเร็จหรือเปล่า รู้สึกจะช้าไปนะ สี่เดือนเลย”ผมอดบ่นไม่ได้ สี่เดือนเชียวนะครับที่ต้องคิดมากอยู่คนเดียว ทั้งกลุ้มที่เลิกกับเจ และไม่แน่ใจว่าผมคิดมากไปกับคำพูดของโก้หรือเปล่า บางทีมันอาจจะแค่พูดเฉยๆ ไม่ได้มีความหมายอะไร สองจิตสองใจ แต่ก็ตัดสินใจรออยู่เงียบๆ จนวันที่กลับมานั่นล่ะ โก้มันถึงได้โทรมาเล่าทุกอย่างให้ฟังจนหมด ยกเว้นเรื่องเจกับหมอก มันให้ผมถามเอง วิธีถามก็มอมเหล้านั้นแหล่ะ...เจเมาแล้วโกหกเป็นที่ไหน
“อันนั้นผมแกล้งเล่น เห็นไม่ติดต่อมาถามไถ่อะไร เลยคิดว่าไม่สนใจ ท่าทางจะสุขสบายดี อุตส่าห์หลงคิดว่ารักเจมากจนขาดไม่ได้ สุดท้าย ไม่เจ็บไม่ตายนี่นา”โห ดูมันพูด แกล้งเล่น...แกล้งผมสี่เดือนเลยนี่นะ แถมยังขอให้แม่ผมร่วมมือด้วย แม่ก็เห็นดีเห็นงาม บอกว่าจะได้ดัดนิสัยลูกชาย ทิ้งแม่ไปเพราะคนอื่น ผมก็ต้องก้มหน้ารับกรรม
“กูคนมีความคิดเว้ย ไม่ตายแต่ไม่ใช่ไม่เจ็บ แค่เลิกกันไมได้หมายความว่าหมดรักซะหน่อย”
“หึหึ...พูดได้ดี”
“แล้ว...ทำไมถึงยอมคืนให้พี่”ผมอยากรู้จริงๆ ครับ คนอย่างมันน่ะ ทำไมยอมปล่อยเจให้ผมง่ายๆ
“มันไม่ใช่ของผม พี่ดูแลมันได้ดีกว่าผม แค่นี้ก็หมดห่วงไปหนึ่ง ขอบคุณนะครับ”คำขอบคุณที่นานๆ จะหลุดออกมาสักที ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณ ที่มันทำทุกอย่างเพื่อเจมาตลอด
“อืม...เหลือลูกสาวที่เป็นทอมอีกหนึ่งสินะ”ผมยังจำคำพูดแฝงนัยของมันได้ดี และรู้ว่ามันหมายถึงใคร
“รู้ดีนะครับ.....งั้นก็ฝากบอกน้องพี่ด้วยว่า.....ตี๋นะ...
พ่อเลี้ยงมันหวง”โก้พูดจบก็วางสายไป...พ่อเลี้ยงเหรอ...เอ่อ....พ่อแม่ตี๋มันก็พ่อแม่แท้ๆ ไม่ใช่เหรอ......ท่าทาง....เอ็มมันคงเจอปัญญาใหญ่กว่าผมแล้วล่ะ
บรรยากาศทั่วทั้งงานเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสี ผู้คนแย้มยิ้มให้กัน ครอบครัวและเครือญาติมากันพร้อมหน้า เสียงร้องเพลงบูมของรุ่นน้องแต่ละคณะดังเป็นระลอก ในวันนี้ที่ผมประสบความสำเร็จทางการศึกษา รอบกายผมเต็มไปด้วยคนที่รักผม และคนที่ผมรัก
“มาๆ มาถ่ายรูปครอบครัวกันก่อนเร็วๆ ลูก”แม่ผมกวักมือเรียกเอ็มที่ทำหน้าที่ตากล้องให้เดินเข้ามา ตากล้องรับจ้างอีกคนยืนประจำที่อยู่ข้างหน้า
“คุณป้าครับ มาถ่ายรูปกันนะครับ”เจเดินไปจับมือคุณหญิงป้าของผมเข้ามาร่วมวง ผมอดยิ้มไม่ได้ เมื่อเห็นป้ายิ้มเขินๆ กับการกระทำของเจ แม่ผมบอกว่าเจเจอกับคุณป้าที่โรงแรม แรกๆ ท่านก็ไม่ชอบหน้า เข้าหน้าแทบไม่ติด แต่เจเล่นโทรหาทุกวัน อาสาไปกินข้าวเป็นเพื่อน แถมยังขยันทำงานที่โรงแรม สุดท้ายท่านก็ใจอ่อน ใครโดนเจอ้อนเป็นแบบนี้ทุกรายสิน่า
“โก้ ตี๋ มาถ่ายรูปด้วยกันสิ”ผมกวักมือเรียกสองคนนั้นที่ยืนหลังตากล้อง ก็มันรูปครอบครัวนี่ครับ จะไม่มีครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวของเจได้ยังไง
“ขอบคุณครับ”เจจับมือผมเบาๆ สองคนนั้นก็เดินเข้ามานั่งอยู่ด้านหน้ากับเอ็ม ผมยืนคู่กับเจโดยมีคุณป้าแล้วก็แม่อีกคนละฝั่ง แม่บีบแขนผมเบาๆ พร้อมส่งยิ้มให้ เสียงกดชัตเตอร์ดังรัวหลายภาพ...ภาพวันสำคัญ...กับคนสำคัญ...พร้อมด้วยคนรักของผม
หลังจากถ่ายภาพกันตลอดบ่ายจนเย็น พวกเราพากันไปกินเลี้ยงกันต่อ คุณป้าผมค่อนข้างจะเห่อหลานชายคนใหม่ ถ่ายรูปกับเจไปเสียหลายรูป พูดตลอดงานว่าอยากให้เจเป็นลูกบุญธรรม แต่เจก็ไม่ยอม บอกว่าเคารพป้า แต่ยังไม่อยากใช้นามสกุลอื่น อยากเป็นลูกของพ่อกับแม่ทั้งนิตินัยและพฤตินัย นั่นทำเอาป้าผมน้ำตาคลออีกรอบเพราะความน่ารักของเจ
“ป้าพี่เขารักเจมากเลยนะ เริ่มหวงแล้วสิ”ขนาดวันนี้ยังทำท่าจะพาเจกลับไปนอนค้างด้วย ได้ข่าวว่าไปค้างกันมาหลายครั้งแล้ว แทบจะแบ่งวันกับแม่ผมเลย นี่กว่าจะกลับมาบ้านได้ ก็ต้องเอาเจมาอ้างว่าง่วง แล้วก็ไม่สบาย ไม่งั้นป่านนี้ป้าผมยังไม่ยอมแยกกับเจเลย
“ป้าพี่เขาเหงานะครับ อยู่บ้านหลังใหญ่คนเดียว ลูกก็ไม่มี เดินทางไกลๆ ก็ไปคนเดียวตลอด”เจพูดจบ ผมก็ยื่นหน้าไปหอมแก้มคนในอ้อมกอดอีกครั้ง ถึงบ้างครั้งเจจะใจร้ายไปบ้าง แต่...ยังไงเจก็เป็นเด็กที่จิตใจดีนะครับ
“ช่วงที่พี่ไม่อยู่เจก็ไปหาป้าบ่อยๆ นะครับ”ผมต้องกลับไปเรียนอีกนะครับ ไม่น่าลงเรียนไว้เลย อีกเดือนกว่าๆ เหงาตายเลยเนี่ย
“ไม่ไปหาหรอก ถ้าเจว่างเยอะขนาดนั้น บินไปหาพี่ไม่ดีกว่าเหรอ”เจพูดพร้อมก้มหน้าหนีด้วย พูดเองเขินเองเหรอเนี่ย ผมก็ไม่ค่อยชินเวลาเจหวานใส่เสียด้วย แต่ชอบเวลาเจเขินนะครับ
“ทำอย่างนั้นยิ่งดีใหญ่ ท่าทางจะมีคนออกค่าตั๋วหลายคน”อย่างน้อยก็ป้าผมคนหนึ่งล่ะ
“อืม...พี่เอ็กซ์...เจสงสัยน่ะ ก่อนพี่ไป..พี่ถามเรื่องระเบียงทำไมเหรอ”
“ก็....เผลอคิดมากนิดหน่อยนะ ว่า...ถึงเจอยู่กับพี่ตลอดเวลา แต่คนที่สำคัญกับเจจริงๆ ไม่ใช่พี่ เหมือนห้องนั้น...ที่ๆ เจต้องการจริงๆ ไม่ใช่พื้นที่ในห้อง...แต่กลับเป็นระเบียงด้านนอก....คำพูดเจทำให้พี่นึกถึงโก้กับตี๋น่ะ”
“พี่เอ็กซ์บ้าหรือเปล่า เจแค่พูดลอยๆ ไม่ได้คิดลึงซึ้งอะไรขนาดนั้นเลย ไม่เคยเปรียบเทียบใครเป็นอะไรด้วย และถ้าพูดถึงระเบียงน่ะ เจนึกถึงพี่มากกว่า ครั้งแรกที่เริ่มเปิดใจคุยกับพี่ก็ตรงระเบียงนั่นไม่ใช่หรือไง แล้วยัง...ที่ปายอีก”เจทำหน้าเหวอพร้อมพูดรัวออกมาเลย ผมรู้ว่าคิดมากไปเอง แต่...ทำไงได้...ตอนนั้นมันคิดแบบนี้นี่นา
“ตอนนั้นพี่กำลังคิดมากน่ะ อะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็คิดไปไกลแล้ว อีกอย่าง ถึงเจจะชอบระเบียงมากกว่าห้องนอน แต่ก็คงไม่บ้าไปนอนที่ระเบียงหรอก จริงมั้ย”
“มันก็ไม่แน่นะ...ถ้าพี่เอ็กซ์ไปนอนด้วยน่ะ”โหยยย เจจะน่ารักไปไหนเนี่ย ผมกอดเจแน่นขึ้น ก้มลงหอมแก้มแรงๆ ให้ชื่นใจ
“พี่รักเจนะ...รักมาก”ไม่รู้ว่าบอกรักไปครั้งที่เท่าไหร่แล้ว แต่อยากบอกต่อไป คำรักที่...มีคนตอบรับ
“เจก็รักพี่....รักมากเหมือนกัน”เสียงนุ่มกระซิบเบาๆ บอกคำรักหวานหูให้ได้ฟังอีกครั้ง....ผมก้มลงกระซิบบอกรักอีกครั้งเบาๆ..ความรักของผมไม่เคยลดน้อยลง....ไม่เคยลบทิ้งไป...ไม่เคยจางหายไปไหน....มันยังอยู่ที่เดิม...และเพิ่มมากขึ้น.....จากความรักจากใครอีกคน....รู้สึกเป็นสุข....เมื่อคำบอกรักสะท้อนกลับมา...มันทำให้ผมยิ้มได้...เต็มตื้นในหัวใจ...ว่าคนที่รัก...ก็รักเรา....ถูกรัก....รู้สึกดีอย่างนี้นี่เอง
ผมทบทวนถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผม คนที่ไม่เคยคิดว่าจะรักใครได้เท่านี้ ไม่คิดว่าจะทุ่มเทเพื่อใครได้ขนาดนี้ คนที่ยืนหัวเราะเยาะความรักของคนอื่นที่หยิบยื่นให้ คนที่ไม่ใส่ใจกับความสัมพันธ์ทางใจ หมกมุ่นแต่เรื่องทางกายเป็นส่วนใหญ่.....แต่...ผมก็เปลี่ยนไป...ไม่ใช่เพื่อเจ ผมปรับปรุงตัวเองในบางเรื่องเพื่อผู้หญิงคนสำคัญของผม แต่ผม.....อ่อนโยนขึ้น....รับผิดชอบมากขึ้น....อดทนมากขึ้น..เพื่อเจ....เพื่อคนที่ผมรัก....ต่อให้เจ็บ เสียใจขนาดไหน..สุดท้าย....ความรัก....ยังอยู่ที่เดิม....ผมใจอ่อนกับเจเกินไปไหม...ไม่หรอก....บอกแล้วว่าผมใจง่าย....เพราะรักเจไง
......ความรักไม่ใช่เรื่องของการเอาชนะ
.....ไม่ใช่การเอาคืน
.....รัก...คือรัก
.....เพราะรัก...ถึงให้อภัย
.....และเมื่อได้รู้ว่า....ไม่ใช่เพียง...ผมรักเจ
.....แต่เป็นเพราะ...เรารักกัน...อย่างอื่นจะมีความหมายอะไร
.....แค่ได้อยู่เคียงข้างคนที่รัก...รักคนที่อยากรัก...และกลายเป็นคนถูกรัก...แค่นี้...ก็พอแล้ว
*********************************จบบริบูรณ์******************************
แล้วก็มาถึงบทสรุปของเรื่องนี้เสียที กว่าจะมาถึงตรงนี้ไม่ง่ายเลย แต่...ก็ทำให้ได้อะไรหลายๆ อย่างจากเรื่องนี้
ขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้เสมอมา
ขอบคุณคำอวยพร คำพูดหยอกล้อ พูดคุยแก้เหงา ความผูกพันธ์ที่เกิดขึ้น มิตรภาพมากมายที่เกิดขึ้นจากที่นี่มีค่ามากเกินกว่าจะอธิบาย
ขอบคุณมากค่ะ
ปล.
คืนนี้พบกันสี่ทุ่ม...ใครอยากคุย อยากถาม อยากบอกอะไร...แอดมานะคะ จะตอบให้หมด ไม่อยากเข้ามาตอบในทู้ มันกินเนื้อที่ อีกอย่าง...คุยกันสดๆ สนุกกว่า