วันนี้เคลียร์งานเสร็จก็รีบขับรถออกมาเลย เป็นห่วงเจครับ บอกให้นอนพักก็ยังจะดื้อไปเรียนอีก ผมรู้ว่าเพื่อนรักมันดูแลได้ แต่เจก็ยังเป็นเจ เวลาดื้อขึ้นมาพวกนั้นก็เอาไม่อยู่ ดีแต่ตามใจกัน พอเจร้องไห้ก็ใจอ่อนตามเคย ขับรถกลับมาที่หอ ขึ้นห้องมาหยิบโน๊ตบุ๊คให้เจเสร็จก็ขับเข้าไปในมหาลัย คิดว่าคงยังประชุมไม่เสร็จ แต่ไปนั่งรอก็ยังดีครับ
ผมจอดลงริมฟุตบาท มองเข้าไปเห็นเจนอนตักเก๋อยู่ มีทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่นั่งอยู่ใกล้ๆ คงยังมากันไม่ครบเลยยังไม่เริ่มประชุม ผมรีบเปิดประตูรถลงไปเลยครับ ดูหน้าเพื่อนมันก็รู้แล้วว่าเจไม่สบายหนัก ไม่ใช่แค่นอนเล่นเฉยๆ
“เจเป็นอะไร”ผมเดินเข้าไปถามตี๋ที่ยืนอยู่ใกล้สุด
“ไม่รู้ครับ ต้องถามไอ้อ้นมัน”ตี๋พูดจบผมก็ก้มไปมองอ้น แล้วมันก็ลุกเดินขึ้นมาดึงผมออกไปห่างๆ คนอื่น
“เจเป็นอะไร ทำไมทรุดลง”
“ผมคิดว่า...พี่เจไข้ขึ้นเพราะ.....ร้องไห้”
“ร้องไห้ แล้วทำไมร้อง มึงทำอะไร!!”ผมตวาดถามเสียงดังจนน้องๆ แถวนั้นหันมากันหมดเลย
“ก็ตอนที่บีมันโทรไปหาเฮีย พี่เจเขานอนคลุมโปงอยู่ ผมก็คิดว่าพี่เขาหลับ บีมาถึงมันก็ถามเรื่องพี่กับแฟน แล้วก็พูดเรื่องที่มันกับพี่เคยมีอะไรกัน พอจะปลุกมา....ถึงเห็นว่าพี่เจเขาร้องไห้อยู่”
“แม่งเอ๊ย! ไปบอกเพื่อนมึงให้อยู่ห่างๆ พวกกูไว้เลยนะ........เฮ้อออ......ขอโทษด้วยแล้วกันที่ตะคอกใส่เมื่อกี้”ผมตบบ่ามันเบาๆ ผลักให้เดินตามผม น้องบางคนก็มองอย่างสงสัย ผมเดินเข้าไปนั่งมองเจ สงสัยจะหลับสนิทถึงไม่ได้ยินเสียงผมเมื่อครู่นี้
“เจครับ.....เฮ้ย...ทำไมตัวร้อนแบบนี้เนี่ย เจมันกินยายัง”ผมเงยหน้าถามน้องเก๋ เธอก็ส่ายหน้าตอบ นึกแล้วล่ะครับ
“เก๋ถือของเจไปส่งพี่ที่รถหน่อยสิ”ผมบอกเก๋แล้วค่อยๆ สอดแขนเข้าไปอุ้มเจจากตักเก๋ขึ้นมา
“พี่เอ็กซ์จะกลับเลยเหรอคะ แล้วที่นัดกินข้าวเย็นนี้ล่ะคะ”บีลุกขึ้นเดินมาขวางผม ทั้งๆ ที่ผมไม่แลตาไปมองแล้วนะ
“ถอยไป”
“ถ้าพี่เอ็กซ์จะกลับ งั้นบีขอติดรถไปด้วยนะคะ บีรู้สึกไม่ค่อยสบายอยากกลับห้องแล้วเหมือนกัน”เธอหันไปพูดกับพวกเก๋ที่ยืนอยู่ข้างหลังผม สงสัยเป็นคำขออนุญาตแบบใหม่ถึงได้ฟังดูไม่มีความเกรงใจรุ่นพี่บ้างเลย
“อ้น! มึงมาลากเพื่อนมึงไปพ้นๆ กูที เกะกะขวางทางอยู่ได้”ผมหันไปเรียกอ้นที่เดินกลับมานั่งข้างๆ กลุ่มเพื่อนมัน
“อือออ”สงสัยผมคงเสียงดังไปเจมันเลยตื่น เจปรือตามองผมก่อนจะยกแขนโอบรอบคอผมไว้แล้วหลับต่อ
“บีมึงมานั่งนี่ก่อนสิวะ พี่เขาจะได้พาพี่เจกลับ”เพื่อนอ้นตะโกนว่าบีพร้อมลุกมาฉุดแขนไว้ไม่ให้เดินตามผม
“พี่เอ็กซ์พาพี่เจไปเถอะครับ เดี๋ยวผมจะพูดกับบีมันให้เอง”น้องเขาพูดกับผม ผมก็ได้แค่พยักหน้าขอบคุณเขาไป จำชื่อไม่ได้ครับ แต่คุ้นๆ ว่าเป็นเพื่อนสนิทอ้น
ผมอุ้มเจไปที่รถ ไม่สนว่าใครจะคิดยังไง แค่หน้าผากเจแนบลงที่ต้นคอก็รู้สึกร้อนแทน แล้วเจ้าตัวจะอึดอัดขนาดไหน ตี๋เดินมาเปิดประตูรถให้ ผมวางเจให้นอนที่เบาะหลัง หยิบสูทมาห่มให้ก่อนปิดประตูแล้วอ้อมมาอีกฝั่งเพื่อขับรถกลับบ้านผมทันที ใจจริงก็อยากพาไปหาหมอ แต่เจเคยสั่งห้ามไว้ โก้กับตี๋ก็เคยย้ำเรื่องนี้ ผมคิดว่าคงเกี่ยวกับตอนที่พ่อแม่เจเสีย เจเลยไม่ชอบโรงพยาบาลเท่าไหร่ หากเจหลับแล้วไปตื่นที่โรงพยาบาล เจจะโกรธและไม่พูดด้วย เจเคยพูดไว้แบบนี้ ผมไม่ได้กลัวคำขู่หรอกนะครับ แต่กลัวสภาพจิตใจเจต่างหาก โก้มันเคยเตือนไว้ว่าให้ฟังเจ เพราะเจเคยเป็นไข้หวัดใหญ่แล้วพวกมันพาไปส่งโรงพยาบาล พอตื่นขึ้นมา...ไม่รู้ว่าเป็นเพราะยังไม่สร่างไข้ หรือเพราะยา แต่...มันทำให้เจร้องไห้.....เหมือนวันที่พ่อแม่เจเสีย.....กรีดร้องเหมือนกับเหตุการณ์เหล่านั้นเพิ่งผ่านพ้นไป....คำว่า’กรีดร้อง’....มันเป็นยังไง ผมนึกภาพไม่ออก แต่...ยังไม่อยากเห็นภาพนั้น
“ตายแล้ว น้องเจเป็นอะไรลูก”แม่ร้องทักทันทีที่ผมอุ้มเจเข้ามาในบ้าน
“เป็นไข้แม่ ตัวร้อนมากเลย ระหว่างทางก็อ้วกมาด้วย แม่โทรตามลุงหมอมาให้หน่อยสิครับ เอ็กซ์ไม่กล้าเช็ดตัว กลัวจะช็อคน่ะ”ผมอุ้มเจขึ้นบนบ้าน โดยมีแม่ตามขึ้นมาเปิดประตูห้องให้ผมด้วย ลุงหมอที่ผมบอกไม่ใช่ญาติหรอก แต่เป็นหมอที่ประจำตัวแม่ผม แล้วก็มีคลินิกและบ้านอยู่ถัดไปไม่กี่หลังนี่เอง
ผมวางเจลงเบาๆ หยิบผ้าห่มๆ ให้ กุมมือเจเอาไว้ ผมไม่แปลกใจเลยที่เจเป็นแบบนี้ ใครๆ ก็รู้ว่าเวลาเจป่วย เจจะเปราะบางมาก ต้องพูดด้วยเพราะๆ ต้องตามใจมากกว่าปกติและไม่ให้มีอะไรกระทบจิตใจเจเลย เพราะเจเป็นเด็กที่ชอบคิดมาก เหมือนที่ผมเคยว่าเจเมื่อนานมาแล้ว แล้วเจก็ร้องไห้ ครั้งนี้ก็คงคล้ายกัน แต่....เมื่อวานล่ะ...ทำไมถึงร้อง อะไรกระทบจิตใจเจเหรอ ถึงได้มองด้วยสายตาตัดพ้อแบบนั้น
“เป็นไงบ้างครับลุงหมอ”ผมถามทันทีที่ลุงหมอตรวจเสร็จ แม่กับป้านอมเองก็ยืนลุ้นอยู่ใกล้ๆ
“ร่างกายอ่อนเพลีย ที่อ้วกคงเพราะเป็นไข้สูงมาก ท่าจะเป็นไข้หวัดนะ ร่างกายคงจะไม่แข็งแรงอยู่แล้วพอได้รับเชื้อเลยทรุดเร็ว เดี๋ยวลุงให้น้ำเกลือหนึ่งขวด แล้วก็ทานยาลดไข้ อย่าเพิ่งอาบน้ำนะ เช็ดตัวไปเรื่อยๆ ก่อน ถ้ามีอาการอื่นแทรกซ้อนก็โทรตาม ลองถามดูว่ามีโรคประจำตัวอะไรรึเปล่า แต่ลุงอยากให้ไปตรวจละเอียดอีกทีที่โรงพยาบาลนะ เรื่องปวดท้องบ่อย แล้วเคยเวียนหัว อาเจียนนี่อาจจะเป็นโรคอื่นที่เจ้าตัวไม่รู้ก็ได้ ถ้าปล่อยไว้นานจนเรื้อรังจะรักษาลำบาก ถ้าเจ้าตัวเขาไม่ยอมก็ไปขอให้ทางโรงพยาบาลประจำของเขาส่งประวัติมาให้ลุงก็ได้”ลุงหมอบอก ผมก็รับคำไปก่อน เรื่องไปตรวจนี่คงยาก แต่ผมคงให้โก้ช่วยจัดการเรื่องประวัติการรักษาเจ
แม่กับป้านอมเดินไปส่งลุงหมอด้านล่าง ผมก็เอาผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดตัวแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ นอนเฝ้าไข้เจทั้งคืน เดี๋ยวเจก็เพ้อว่าร้อนว่าหนาวตลอด นอนกระสับกระส่ายไปมาจนเข็มน้ำเกลือเกือบหลุด ผมก็ต้องคอยๆ จับไว้ไม่ให้ดิ้นมาก พอได้เวลาก็ปลุกให้ตื่นมากินยา เจปรือตามองนิดเดียวแล้วหลับต่อ พอเช้าน้ำเกลือใกล้หมดขวด ผมก็ถอดสายน้ำเกลือให้ ที่ทำเป็นเพราะเคยดูแลแม่ตอนที่แม่ไม่สบายเมื่อก่อนน่ะครับ ลุงหมอเขาสอน มีอะไรฉุกเฉินจะได้ทำเองได้
“น้องเจเป็นไงบ้างลูก”แม่เดินเข้ามาหาในห้อง นั่งลงข้างๆ เจอีกฝั่ง ยกมือลูบหน้าเกลี่ยผมออกจากหน้าผากที่เริ่มชื้นด้วยเหงื่อ
“ไข้ลดลงเยอะแล้ว เช้านี้ป้านอมทำอะไรให้กินครับ”ผมนอนมองแม่อีกฝั่ง เราสองคนพยายามพูดเสียงเบาๆ เพราะกลัวคนที่นอนตรงกลางจะตื่น
“มีโจ๊กไว้ให้น้องเจ ส่วนเอ็กซ์ถ้าอยากกินข้าวผัดก็มีนะลูก ป้าเขาทำไว้สองอย่าง”แม่เข้ามาดูอาการเจแป๊ปเดียวก็ต้องออกไปธุระข้างนอก ผมลุกขึ้นมาอาบน้ำให้หายง่วง เดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นคนป่วยนั่งสลึมสลืออยู่บนเตียง
“ตื่นแล้วเหรอครับ เป็นไงบ้าง ปวดหัวมั้ย”ผมไปนั่งด้านหน้า จัดผมที่ยุ่งให้เป็นทรง เจมองผมการกระทำผมนิ่งๆ
“อยากถามอะไรพี่มั้ยครับ”ผมจับมือเจมาลูบเบาๆ เจมองหน้าผมด้วยสีหน้าที่ผมบอกไม่ถูก เจเลื่อนตัวขึ้นมานั่งคล่อมบนตัก โอบแขนรอบคอผมไว้แน่น ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าบางครั้ง....ที่เจกำเสื้อผมไว้.....เรียกหาโดยไม่มีสาเหตุ ร้องไห้กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ และตอนนี้...เจกอดผมเสียแน่น....ผม..เกือบหลงลืมไปแล้ว ว่าเวลาเจไม่สบาย ต้องมีคนอยู่ด้วยตลอด เพราะคิดว่าเจไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ความจริงไม่ใช่เลย.....ไม่ว่าเมื่อไหร่...เจก็กลัวเสมอว่าใครสักคนจะหายไป ต่อให้บอกรักแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้คนๆ นี้หายกลัวได้เลย เจ...ยังคงไม่เข้าใจคำว่ารักของผมอยู่ดี....ยังคง....ไม่อาจเชื่อใจใครได้.......คำว่ารักของผม......ส่งไปไม่ถึงงั้นเหรอ
“พี่อยู่นี่ครับ......อยู่กับเจนี่แหล่ะ.....ไม่ไปไหนเด็ดขาดเลย.....พี่รักเจ...รักเจ.....ได้ยินมั้ยครับ”ผมกอดเอวเจพร้อมโยกตัวไปมา ปากก็พร่ำบอกว่าผมอยู่ตรงนี้ แต่ไม่รู้คนบนตักจะรับรู้หรือเปล่า ต่อให้พูดนับร้อยนับพันครั้ง ก็ไม่ได้ช่วยให้คนๆ นี้หายกลัว เมื่อก่อนเจเป็นเด็กแบบไหนกันนะ ทำไมตอนนี้ถึงได้เปราะบางขนาดนี้ ผมไม่รู้ว่าคนที่สูญเสียครอบครัวไปตรงหน้าจะรู้สึกอย่างไร เจ็บปวดขนาดไหน แต่....จะเป็นแบบเจทุกคนมั้ย เมื่อก่อนเคยนึกดีใจที่เจหึงหวงผม ไม่อยากให้คุยกับดาว แต่......แบบนี้ไม่ดีเลย ไม่อยากให้เจเจ็บปวดเพราะคนอื่นง่ายๆ แบบนี้ อย่าเอาคำพูด ความรู้สึกคนอื่นมาทำร้ายตัวเองแบบนี้เลยได้มั้ย
เจตื่นมาอีกทีก็ใกล้เที่ยง ผมโทรไปบอกเพื่อนมันให้เช็คชื่อแทนเรียบร้อยแล้ว นั่งเช็ดตัวให้ เปลี่ยนชุดให้ แล้วก็พาลงมานั่งกินข้าวข้างล่างเสร็จแล้วก็นอนดูหนังกันต่อ แม่กลับมาพร้อมเค้กช็อคโกแล็ตมาฝากเจด้วย มันก็ได้ทีไปอ้อนแม่แทนผมเลย
“โหแม่ ดูน้องเจของแม่ดิ เห็นของกินดีกว่าผมซะงั้น”
“ใครว่าเจเห็นของกินดีกว่าพี่เอ็กซ์......เจเห็นแม่ดีกว่าพี่เอ็กซ์ต่างหาก”เจหันมาแลบลิ้นใส่ผมก่อนจะตักเค้กใส่ปากแล้วหันไปส่งยิ้มประจบแม่
“ไม่ต้องทำเป็นน้อยใจเลย อยู่กับน้องทั้งวันแล้ว เอ็กซ์จะไปไหนก็ไป แม่จะนอนเล่นกับน้องสองคน”
“อ้าว ไล่กันเลย แม่จะทำอะไรก็ทำไปสิ ผมจะนอนดูหนัง”พูดจบผมก็ทิ้งตัวนอนหนุนตักเจ ยกขาพาดที่วางแขนเอาไว้
“อื้อ...ไม่ให้นอน ไปนอนที่พื้นดิ เจหนักนะ”เจเอามือดันหัวผมออก แต่ผมเกร็งไว้ เอาแขนกอดขาเจไว้แน่นด้วย ขอนอนนิดหน่อยมาบ่นว่าหนักได้ไง ทีผมให้นอนหนุนอกผมทุกวันไม่เห็นหนักเลย น้อยใจนะเนี่ย
“...อ่ะ”ได้ยินเสียงเบาๆ ผมเลยเอียงหน้ามาดู เห็นเจยื่นส้อมที่มีเค้กอยู่มาทางผมด้วย หึหึ ก็มันน่ารักแบบนี้ไง ใครจะไปกล้างอนนาน ผมอ้าปากรับเค้กที่เจป้อนมากิน เค้กมันหวานกว่าทุกวันนะเนี่ย
ดีนะว่าคืนนี้แม่ต้องออกไปงานเลี้ยง ไม่งั้นมีหวังโดนแม่แย่งเจไปนอนกอดแน่ๆ กินข้าวเย็นเสร็จก็พาเจขึ้นมานอนดูหนังบนห้อง ตัวยังอุ่นๆ อยู่ บอกให้รีบนอนก็ไม่นอน อ้างว่านอนทั้งวันแล้วเลยนอนไม่หลับ
“พรุ่งนี้ไปตรวจสุขภาพกันนะ จะได้รู้ว่าเป็นอะไร ทำไมปวดท้อง แล้วช่วงนี้ก็ป่วยบ่อยด้วย หน้าซีด ตัวผอมหมดแล้วเนี่ย”ผมนอนลูบผมเจเล่น เจก็ตั้งใจนอนดูหนังอย่างเดียวเลย
“ไปทำไม เจไม่ได้เป็นอะไรแล้ว เป็นไข้เฉยๆ”
“ไม่ใช่ไข้เฉยๆ ไข้หวัดนะเจ ไปตรวจสักหน่อย พี่เป็นห่วงนะ เดี๋ยวนี้บ่นว่าเหนื่อยๆ ไม่ใช่เหรอ”เดี๋ยวนี้บางคืนเจก็นอนไม่ค่อยหลับ ตื่นมาตอนเช้าบางทีก็บอกว่าเวียนหัว ผมว่ามันต้องเป็นอะไรสักอย่างแน่ๆ แต่ผมพูดเท่าไหร่ก็ไม่ยอมไปท่าเดียว พูดมากๆ เข้ามันก็เงียบ หันหลังหนีผมซะงั้น พอจะดึงตัวเจให้หันกลับมา โทรศัพท์ที่หัวเตียงก็ดัง เป็นโทรศัพท์ผมครับ หยิบมาดูเบอร์ไม่คุ้น ผมก็เลยกดรับ เผื่อเป็นเรื่องงานที่โรงแรมครับ
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะพี่เอ็กซ์ บีเองนะ นอนรึยังคะ”ได้ยินเสียงแล้วอยากขว้างโทรศัพท์ทิ้งทันทีเลย เรื่องที่เจร้องไห้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเธอไม่ใช่หรือไง
“โทรมาทำไมอีก”ผมเสียงแข็งกลับไป เจเลยพลิกตัวกลับมามองหน้าผม ผมเลยรวบตัวกอดเอาไว้
“อย่าพูดแบบนั้นสิคะ เมื่อก่อนเราก็เคยสนุกกันออกบ่อย จะไม่รื้อฟื้นความหลังกันหน่อยเหรอ”ความจริงแล้วผมไม่อยากให้เจรู้เรื่องผมเมื่อก่อนหรอก ผมไม่อยากให้เจคิดมาก เพราะเจอาจไม่เข้าใจความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้ก็ได้ โลกของเจมันดูสวยงามเกินไป มันเป็นโลกในจินตนาการ และผมอยากให้มุมมองของเจเป็นแบบนั้น ไม่อยากให้เรื่องเลวๆ ของผมทำให้เจเสียใจ แต่...ผมคิดผิด......ผมเผลอทนเห็นเจเจ็บไม่ได้.....ผมเผลอปกป้องเจมากเกินไปอีกแล้ว เจควรจะได้รู้ได้เห็นสิ่งไม่ดีบ้าง เจต้องรับให้ได้ เพราะนี่มันคือความเป็นจริงที่ผมหรือเจก็หนีไม่พ้น เจต้องรู้สักวัน ว่าผมเคยทำตัวเสเพลขนาดไหน
“ถ้ายังจำได้ก็น่าจะรู้สิว่าพี่บอกว่าไม่...ก็คือไม่ แล้วพี่ก็มีคนที่พี่รักแล้วด้วย จะจำเป็นหรือไม่จำเป็นก็อย่าโทรมาอีก เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ไม่ว่าเมื่อก่อน ตอนนี้หรืออนาคตข้างหน้า”จากที่ผมกอดเจ กลายเป็นเจกอดผมแน่น ทั้งที่อยู่ใกล้กันขนาดนี้ ยังไม่ช่วยทำให้เจหายกลัวเลยเหรอ
“อย่างพี่เอ็กซ์น่ะเหรอคะจะสนใจเรื่องรักๆ หรือว่าคนนี้มีอะไรเด็ดพี่ถึงได้ติดอกติดใจนัก”
“เขาไม่ใช่คนที่เธอควรจะต้องสู้ ถ้าอยากสู้ก็เอาชนะพี่ให้ได้ก่อน เพราะเขาเป็นคนแรกที่พี่รัก และจะไม่เปลี่ยนใจ....แค่นี้นะ พี่ไม่อยากเสียเวลานอนกับแฟนเพราะเรื่องไร้สาระ”ผมพูดจบก็วางสายไป พร้อมกดปิดเครื่องแล้วเอื้อมมือไปวางไว้ที่เดิมก่อนจะกลับมามองคนที่ซบอกผมอยู่ ผมกอดเจไว้ทั้งตัว จูบหน้าผากเบาๆ แล้ววางคางไว้เหนือหัวเจ
“เจ......อยากถามอะไรหรืออยากพูดอะไรกับพี่มั้ย”ผมถามเหมือนที่เคยถามอีกครั้ง แต่เจก็ยังนิ่งเหมือนเดิม
“งั้นพี่จะพูดให้เจฟังแล้วกันนะ เมื่อก่อน....พี่ก็ใช้ชีวิตสนุกสนานคึกคะนองตามวัย แต่อาจจะมากกว่าผู้ชายคนอื่นหน่อย จะหาว่าพี่เจ้าชู้ เสเพล หรือมั่ว..ก็แล้วแต่ว่าใครจะคิด อย่างที่พี่เคยบอกเจ ว่าพี่กับดาวไม่ได้คบกันแบบที่เจคิด กับดาวก็เป็นแค่อีกคนที่พี่มีความสัมพันธ์ด้วย มันไม่ใช่การคบกันแบบแฟน มันไม่สวยงามเหมือนที่เจเคยคบกับเกต แต่...พี่เป็นแบบนั้น......พี่หยุดทุกอย่างเมื่อปีที่แล้ว...ไม่ใช่เพราะพี่มาเจอกับเจ...แต่เป็นเพราะแม่....เจก็รู้ว่าแม่พี่ออกงานสังคมบ่อย บางครั้งเวลาพี่พาผู้หญิงเข้าโรงแรมก็มีเรื่องซุบซิบมาให้แม่พี่ได้ยิน แต่ท่านก็ไม่เคยว่าอะไรพี่ตรงๆ จนตอนที่พี่ได้ไปช่วยงานแล้วบังเอิญได้ยินเรื่องของซุบซิบตัวเองจากปากของพนักงานในโรงแรม...พี่ไม่รู้ว่าแม่ต้องทนฟังเรื่องเลวๆ ของพี่มานานเท่าไหร่...แต่มันจะต้องไม่มีอีก.....พี่อยากตั้งใจเรียนให้จบ อยากทำตัวดีๆ เพื่อแม่........ถ้าพี่รู้ว่าจะได้พบกับเจ ได้รักเจแบบนี้....พี่คงไม่ทำตัวเหลวแหลกแบบนั้น อยากทำตัวดีๆ.....อยากให้ตัวเอง....เหมาะสมกับความรักของเจ”
“......พี่เอ็กซ์รักเจมากมั้ย”
“รักมากสิครับ มากจนไม่รู้จะบรรยายให้ฟังยังไงเลย”
“แล้ว....พี่รู้ได้ไง...ว่ามันคือรัก”เจถามคำถามที่ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องที่สุด คำตอบจะถูกหรือผิด ขึ้นอยู่ที่ว่าคนฟังจะเข้าใจมั้ย และพอใจหรือเปล่า
“อืมมม....ก็ความรู้สึกมันใช่น่ะ ไม่รู้หรอกว่ามันหมายความว่าอะไร แต่.....รัก.....เป็นคำที่ตรงกับความรู้สึกพี่มากที่สุด.....ไม่เคยนึกสงสัยด้วยว่าใช่รักจริงๆ หรือเปล่า......ยังไม่ทันได้ถามตัวเองว่ารู้สึกยังไงกับเจ....คำตอบมันก็อยู่ตรงหน้า....รัก....คำเดียว”
“แต่....เจ....ไม่เหมือนผู้หญิงของพี่นะ ไม่มีอะไรสู้ได้เลย เรื่องของพี่เอ็กซ์เจก็ไม่รู้สักอย่าง ชอบอะไร ไม่ชอบอะไรก็ไม่เคยจำได้ด้วย”เจพูดเบาๆ โดยที่ยังไม่ถอนหน้าจากอกผม ผมก็คอยลูบหลังปลอบเจเบาๆ
“เจอย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบแบบนั้นสิ ไม่มีใครจะทำให้ตัวเองด้อยค่าลงนอกจากตัวเราเองหรอกนะ สำหรับพี่...มีแค่เจ...คนเดียว..ไม่มีอันดับ ไม่เคยนึกเปรียบเทียบ อย่าดูถูกความรู้สึกพี่.....พี่รักเจ...เจเองก็บอกแล้วว่าเชื่อ...เชื่อในตัวพี่...คำว่ารักจากพี่.....ถ้าอยากเชื่อ...ก็เชื่อเถอะ....ไม่ใช่แค่คำพูดที่พูดออกมา แต่เจต้องรู้สึกแบบนั้นด้วย ถ้าเชื่อแล้วก็อย่าสับสน...ต้องมั่นคง...หนักแน่น..........พี่รักเจ จะอยู่กับเจตลอดไป..........เชื่อพี่มั้ยครับ”
“......เจเชื่อพี่เอ็กซ์....แต่เจ...ไม่ชอบน้องบี...น้องเขาไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เจไม่ชอบ....ไม่อยากคุยด้วย ไม่อยากเข้าใกล้....เจนิสัยไม่ดี...พี่เอ็กซ์อย่าเกลียดเจนะ นะๆ”เจพูดไปก็กระตุกเสื้อผมเบาๆ ผมก็นึกว่าเจกลุ้มอะไร กลัวผมเกลียดหรอกเหรอ
“เจ...พี่เคยบอกแล้วไง....คนเราน่ะ จะโกรธ จะเกลียดใครบ้างมันก็เป็นเรื่องธรรมดา ที่เจไม่ชอบบีน่ะ พี่ออกจะดีใจด้วยซ้ำไป...ที่ไม่อยากคุย ไม่อยากเข้าใกล้น่ะ...หมายถึงพี่ใช่มั้ย....แล้วที่บอกว่าอย่าพาคนอื่นมาที่ห้องก็หมายถึงบีใช่รึเปล่า....เจ...หึงพี่ หวงพี่ใช่มั้ย”ผมพยายามดันหน้าเจออกมา แต่เจยิ่งกอดผมแน่น แถมเอามือทุบหลังผมด้วย
“ใครหึงกัน ไม่ได้หึงนะ”
“จริงอ่ะ งั้น...เดี๋ยวพี่โทรกลับไปคุยกับบีหน่อยดีกว่า..โอ๊ย!!! เจ มันเจ็บนะ พอๆๆ พี่พูดเล่น โอยยย”พูดจบปุ๊ปเจมันอ้าปากกัดเนื้อตรงหน้าอกผมเต็มที่เลย เผลอเป็นกัดทุกทีสิน่า
“สมน้ำหน้า พูดอะไรไม่รู้เรื่องเองทำไมล่ะ”เจถอนหน้าออกมาจ้องผมเขม็งเลย ดุชะมัด แฟนผมเนี่ย
“ก็เจไม่ยอมรับสักทีนี่นาว่าหึงพี่น่ะ....บอกพี่หน่อยสิ ว่าหวง ว่าหึง ไม่อยากให้อยู่ใกล้ใคร ไม่อยากให้คุยกับใคร....อยากเก็บพี่เอาไว้คนเดียว...อยาก..ผูกมัดพี่ไว้คนเดียว.....บอกพี่หน่อย....ให้พี่...ได้ดีใจบ้าง”ผมพูดไปก็กอดเจไว้ ไม่ให้เจได้หันหน้าหลบ ยิ่งพูดเจก็ยิ่งหน้าแดง ไม่ยอมสบตากับผม
“........พี่เอ็กซ์....อยาก..ถูกเจผูกมัดไว้เหรอ......เป็นเจ....จริงๆ เหรอ”
“แค่เจ...คนเดียว....อยากถูกเจผูกมัดไว้....อยาก...ได้รับความรัก..จากเจ”ผมช้อนคางเจให้สบตากับผม อยากเห็นว่าเจเขินอายแค่ไหน อยากรู้ว่าเจจะตอบว่ายังไง ถึงจะบอกรักนับร้อยนับพันครั้ง แต่ไม่เคยได้ยินคำรักตอบกลับมา และไม่เคยเอ่ยขอ....ทั้งๆ ที่อยากได้ยินใจจะขาด คำรักที่เคยได้ยินจากปากคนอื่นมากมาย และผมปฏิเสธอย่างไม่ใยดี คำว่ารักที่ผมเคยคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ตอนนี้....กลับวอนขอภายในใจจากคนรักตรงหน้า คำว่ารัก...จะได้ยินบ้างมั้ยนะ