ตอนพิเศษคั่นตอนที่14กับ15
สงกรานต์
-เนื้อเรื่องในตอนนี้เป็นตอนพิเศษที่มีเนื้อหาสมมติขึ้นในอนาคตซึ่งจะมีส่วนใดส่วนหนี่งของเรื่องเท่านั้นที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลักเดือนเมษายน...เดือนที่มีอากาศร้อนที่สุดในรอบปี ทว่าถึงจะร้อนอบอ้าวกันขนาดไหนเดือนนี้ก็ยังเป็นช่วงหนึ่งของปีที่หลายๆคนให้ความสนใจและรอคอยที่จะให้มาถึงกันอย่างใจจดใจจ่อ...
เทศกาลสงกรานต์...หนึ่งในเทศกาลสำคัญของไทยในเดือนแห่งความร้อนนี้ที่ให้วันหยุดยาวกับทุกคนได้พักผ่อนกลับบ้านไปพบปะสังสรรค์กับคนในครอบครัวที่อาจจะไม่ได้เจอหน้ากันเลยมาตลอดทั้งปี รวมไปถึงการเล่นสาดน้ำของคนทุกเพศทุกวัยที่ไม่ว่าแสงแดดในตอนกลางวันจะร้อนสักแค่ไหนก็ดูเหมือนจะไม่มีใครหวั่น
ถนนในเมืองหลวงที่ดูจะโล่งกว่าทุกวันเพราะหลายคนเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัดกันไปแล้ว...ร่างสูงของนิธิศทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถพาเจ้าตัวเล็กของเขาที่ตอนนี้กลายเป็นคุณหนูของบ้านเทพเทวากุลไปแล้วออกมาจากคอนโดเพื่อไปหาติณภพที่บ้านเนื่องในวันครอบครัว หลังจากที่เมื่อวานทั้งสองคนอยู่นั่งเล่นนอนเล่นในห้องด้วยกันมาทั้งวัน
“คุณท่านคะ คุณนิธิศพาคุณหนูมาแล้วค่ะ”
เสียงของสาวใช้ที่เดินเข้ามาเรียกในห้องทำให้ติณภพรีบกุลีกุจอเดินออกมารับลูกชายสุดที่รักทั้งๆที่เมื่อไม่กี่วันก่อนวิพารันต์ก็เพิ่งจะกลับมานอนที่บ้านให้เขาเห็นหน้าอยู่เลยแท้ๆ
“มาแล้วเหรอตัวเล็ก มานี่เร็ว มาให้พ่อกอดหน่อย”
คุณพ่อขี้เห่อพอคว้าตัวลูกได้ก็ทั้งกอดทั้งหอมอยู่เสียพักใหญ่จนคนในบ้านที่ยืนมองอยู่อดที่ยิ้มตามไม่ได้...ก็มีลูกน่ารักเสียขนาดนี้จะมีพ่อคนไหนไม่รักไม่หลงกันล่ะ
หลังจากทักทายกันได้พอหอมปากหอมคอแล้วทั้งสามคนก็พากันย้ายเข้าไปนั่งเล่นอยู่ที่ห้องรับแขกขนาดใหญ่...วิพารันต์ถูกกึ่งบังคับจูงมือให้มานั่งข้างติณภพอย่างช่วยไม่ได้เพราะถึงแม้ว่าเขาจะยอมรับได้ว่านิธิศกับวิพารันต์เป็นคนรักกันแต่อาการหวงลูกชายของติณภพก็ยังเกิดขึ้นได้บ่อยๆ...
แต่ก็อย่างว่า...ต่อให้คุณพ่อจะนั่งคุมเข้มกันมากขนาดไหนมันก็ต้องช่วงที่ต้องคลาดสายตากันบ้าง...นิธิศถอนหายใจออกเบาๆก่อนจะเอนหลังลงพิงกับพนักโซฟานุ่มเมื่อติณภพลุกออกไปเข้าห้องน้ำ...ก็เล่นมีพ่อตาเป็นถึงบุคคลระดับผู้บริหารใหญ่แบบนั้น...ถึงเขาจะเริ่มชินกับบรรยากาศแบบนี้บ้างแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถทำตัวสบายๆเวลาอยู่ต่อหน้าได้สักที...
วิพารันต์เองก็ดูเหมือนจะรู้ความจริงในข้อนั้นดี...เมื่อคนเป็นพ่อออกไปแล้วเจ้าตัวจึงเดินไปหย่อนตัวนั่งลงข้างๆอีกคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน ซึ่งนิธิศเองเมื่อได้โอกาสก็ไม่รอช้าที่เอื้อมมือไปรั้งเอวบางให้ขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้นแล้วอุ้มคนตัวเล็กขึ้นมานั่งบนตักโดยให้อีกฝ่ายหันหน้าเข้าหาตัวเอง
“คุณพ่อใครก็ไม่รู้ขี้หวงที่สุด”
พูดพลางก็ยกมือขึ้นมาดึงแก้มนุ่มนิ่มทั้งสองข้างของเจ้าตัวเล็กด้วยความหมันเขี้ยวจนวิพารันต์ต้องยู่หน้าด้วยความเจ็บ
“โอ๋ เจ็บเหรอครับ พี่ไนท์ทำน้องรันเจ็บเหรอ งั้นต้องรีบรักษาให้หายเน๊อะ”
ใบหน้าคมยื่นเข้าไปใกล้อีกฝ่ายก่อนจะเริ่มการรักษาที่ว่าด้วยการจูบสลับไปมาที่แก้มใสทั้งสองข้าง
“หายหรือยัง หืม รักษาให้แบบนี้แล้วหายเจ็บหรือยังครับ”
วิพารันต์พยักหน้าให้เป็นคำตอบแล้วส่งยิ้มหวานกลับไปให้ทำเอาคนมองอย่างนิธิศแทบใจละลายกับความน่ารักที่ไม่มีขีดจำกัดของคนตรงหน้า...มันจะน่ารักเกินไปแล้ว
“ถ้าหายแล้วก็จ่ายค่ารักษาให้พี่ด้วยสิครับเด็กน้อย...”
คนตัวเล็กที่ได้ยินแบบนั้นก็แล้วก็ไม่รอช้าที่จะจ่ายค่ารักษาให้อีกฝ่ายทันทีด้วยการยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บที่ริมฝีปากหยักของคนตรงหน้าเบาๆทีนึงก่อนจะผละออกมา
“อะแฮ่ม...ตัวเล็กมาหาพ่อมา”
ติณภพที่เพิ่งเดินกลับเข้ามาทันเห็นภาพนั้นพอดีรีบเรียกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนให้มาหาตัวเองทันที ซึ่งเจ้าตัวเองก็รีบลุกขึ้นไปคุณพ่อหาอย่างว่าง่ายจนติณภพต้องแอบหันมายกยิ้มเยาะเย้ยลูกเขยเป็นเชิงว่ายกนี้เขาชนะก่อนจะเดินจูงมือคนตัวเล็กหายออกไปจากห้องทันที...
...การกระทำที่ดูเหมือนเด็กๆของท่านประธานใหญ่ที่นอกจากนิธิศแล้วคิดว่าคงจะไม่มีใครเคยเห็นเป็นแน่...แต่ทั้งๆที่เป็นแบบนั้น...แล้วทำไมเขาไม่เห็นจะรู้สึกว่ามันน่าดีใจเลยสักนิดนะ...
......................
......................................
“วันนี้ก็วันสุดท้ายแล้ว รันอยากออกไปเล่นน้ำไหม”
นิธิศเอ่ยปากถามขึ้นในเช้าของวันที่สิบห้าซึ่งเป็นวันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์
วิพารันต์ที่ยังนั่งงัวเงียอยู่บนเตียงเพราะเพิ่งตื่นนอนได้ไม่นานพอได้ยินแบบนั้นก็ตาสว่างรีบพยักหน้าตอบตกลงไปทันที เพราะจริงๆแล้วเห็นคนอื่นเขาเล่นกันมาสองวันติดก็อยากจะออกไปอยู่บ้างเหมือนกันแต่ที่ไม่ได้ไปงอแงขอออกไปกับนิธิศก็เพราะคิดว่าบางทีอีกฝ่ายอาจจะอยากพักผ่อนอยู่ในห้องมากกว่า
“อยากไปก็รีบลุกไปแต่งตัวสิครับคนเก่ง...เร็วๆนะ”
เอื้อมมือไปขยี้ผมนิ่มเบาๆแล้วเดินออกไปนั่งรอวิพารันต์ข้างนอกซึ่งเจ้าตัวเองก็ใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะเดินออกมาหาเขา...ชุดเสื้อยืดสีดำลายการ์ตูนตัดกับผิวขาวๆและกางเกงยีนส์ขาสั้นเหนือเข่าขึ้นมานิดหน่อยดูไม่น่าเกลียด...นิธิศใช้สายตาแสกนการแต่งตัวของคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วส่งยิ้มบางๆกลับไปให้...ถือว่าผ่าน
“โอเคครับ งั้นไปกันเลยนะ”
ร่างสูงที่ในวันนี้ก็อยู่ในชุดสบายๆไม่ต่างกันเสียเท่าไหร่เดินจูงมือเล็กให้ออกไปจากห้องพร้อมกัน...
นิธิศเลือกที่จะไม่เอารถส่วนตัวออกมาแต่เปลี่ยนเป็นการพาวิพารันต์โดยสารรถประจำทางมาแทนเพื่อความสะดวกในการเล่น...นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้ออกมาเล่นน้ำแบบนี้...ความทรงจำครั้งล่าสุดที่มีเกี่ยวกับเทศกาลนี้ก็นานมากเสียจนแทบจะจำไม่ได้...เลิกเล่นไปตั้งแต่เมื่อไหร่...บางทีคงอาจจะเป็นตั้งแต่ตอนนั้น...หลังจากตอนที่แม่เสีย...
ถึงแม้ว่าจะยังเรียกได้ว่าเช้าอยู่แต่ถนนที่นิธิศเลือกที่จะมาในตอนนี้ก็ดูคึกคักเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เริ่มออกมาสาดน้ำกันตั้งแต่ไก่โห่อย่างชนิดลืมเหนื่อย ทั้งๆที่ก็เล่นต่อเนื่องมากันถึงสองวันติดแล้ว
ร่างสูงรีบพาวิพารันต์หลบฝูงคนที่รุมเข้ามาสาดน้ำเขากับเจ้าตัวเล็กแบบไม่ยั้งก่อนจะมาหยุดเลือกซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นจะต้องใช้ในวันนี้...ปืนฉีดน้ำขนาดพอดีมือที่นิธิศลองทดสอบดูแล้วว่าหากใส่น้ำจนเต็มก็ยังไม่หนักมากถูกเลือกแล้วส่งวิพารันต์เอาไปถือไว้ ส่วนของตัวเขาเองก็เลือกที่มันใหญ่กว่าโดยไม่ต้องห่วงเรื่องของน้ำหนักเหมือนของอีกคนมากเสียเท่าไหร่นัก
รถกระบะที่บรรทุกคนอยู่เต็มหลังวิ่งสวนกันไปมาพลางสาดน้ำใส่กันอย่างสนุกสนาน...แสงแดดยามสายที่เริ่มร้อนขึ้นทุกทีแต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอุปสรรคในการเล่นของใครเลยแม้แต่น้อย
ซ่า!“ฮิ้วววว! ทางนี้ค่ะสุดหล่อ!”
เสียงน้ำเย็นๆที่สาดมาโดนหน้านิธิศอย่างจังพร้อมกับเสียงโห่ร้องดังมาจากหลังรถคันหนึ่งที่ท้ายกระบะเต็มไปด้วยกลุ่มวัยรุ่นชายหญิงประมาณสิบกว่าคน ชายหนุ่มหันไปยกยิ้มก่อนจะยิงโต้ตอบกลับไปบ้างโดยไม่ได้คิดอะไรแต่นั่นก็อาจจะเป็นสิ่งที่เขาคิดผิดที่สุดเมื่อสาวๆคนบนรถเริ่มแห่กันลงมารุมปะแป้งเขาเสียจนหาทางหนีไม่เจอ
ส่วนทางด้านของคนตัวเล็กเองก็ไม่แพ้กันเพราะหลังจากที่พวกหนุ่มๆทั้งหลายเล็งเห็นแล้วว่าเจ้าของหัวใจของคนน่ารักถูกสาวน้อยสาวใหญ่กักตัวไว้เรียบร้อยแล้วก็ไม่รอช้าที่จะแย่งกันเข้ามาปะแป้งที่แก้มนวลกันให้จ้าละหวั่น
“หนีเร็ว...”
นิธิศที่เป็นฝ่ายหลุดออกมาได้ก่อนรีบแหวกฝูงคนเข้ามาดึงตัววิพารันต์ที่ยืนทำอะไรไม่ถูกออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว...เสียงหอบหายใจดังขึ้นเป็นระยะเมื่อทั้งสองวิ่งมายืนหลบพักเหนื่อยกันอยู่ที่ซอกมุมตึกเล็กๆซึ่งค่อนข้างจะลับตาจากผู้คน...ดวงตากลมโตเริ่มแดงขึ้นนิดๆด้วยอาการระคายเคืองจากแป้งเย็นที่โดนรุมปะไปจนทั่วใบหน้า...และเมื่อไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง วิพารันต์จึงได้แต่ยกมือขึ้นมาขยี้ตาซ้ำๆเพื่อให้อาการแสบทุเลาลง
“ขยี้แบบนั้นมันจะยิ่งแสบนะ...มานี่มา มาให้พี่ดูหน่อยซิ”
นิธิศเอ่ยปากพูดพร้อมกับดึงร่างคนตัวเล็กที่ทำท่าไม่สบายตัวจนน่าสงสารให้เข้ามาใกล้มากขึ้น...มือใหญ่เชยคางมนขึ้นมาแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงที่เริ่มชื้นเพราะเปียกน้ำออกมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้อีกฝ่ายเบาๆ
“เป็นไงบ้างครับ ดีขึ้นไหม”
คนตัวเล็กพยักหน้าตอบก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบแป้งบนหน้าอีกฝ่ายออกให้เหมือนกัน...สองสายตาที่สบประสานกันอยู่แบบนั้น...พวงแก้มที่ขึ้นเป็นสีชมพูเพราะอากาศร้อน...ปอยผมนุ่มที่เปียกน้ำจนลู่ลงมาแนบกับใบหน้าหวาน...ริมฝีปากอิ่มบางสีเชอรี่ที่ชวนให้ก้มลงไปลิ้มลอง...ทุกอย่างที่เป็นวิพารันต์ในตอนนี้มันช่างดูน่ารักจนยากที่เขาจะอดใจไหวไม่ให้แตะต้อง
สัมผัสแผ่วเบาและอ่อนหวานเริ่มเกิดขึ้นเมื่อริมฝีปากของทั้งคู่โน้มลงมาแตะกันเบาๆ...ลิ้นร้อนกวาดไปทั่วทั้งโพรงปากสลับกับหยอกล้อเรียวลิ้นเล็กดูดดึงและซึมซับความหอมหวานของกันและกันอย่างไม่รู้จักเบื่อจนร่างบอบบางแทบอยากจะละลายไปเสียตรงนั้น
“ออกไปเล่นต่อไหมครับ”
กระซิบถามแล้วเลื่อนริมฝีปากไปคลอเคลียที่แก้มใสก่อนจะผละออกมาจุ๊บเบาๆที่จมูกเล็ก
วิพารันต์รีบพยักหน้าที่ยังแดงก่ำตอบทำเอานิธิศหัวเราะร่วน คว้าอุปกรณ์ที่วางพักอยู่แถวนั้นได้ก็เดินจูงมือพาอีกฝ่ายออกมาเล่นน้ำกันต่อ
ดวงอาทิตย์ที่เริ่มเคลื่อนย้ายมาอยู่ตรงกลางศีรษะถึงจะไม่ต้องดูนาฬิกาทุกคนก็รู้ได้ว่าตอนนี้ใกล้จะเที่ยงวันเต็มที...เด็กๆหลายคนยังคงออกมาวิ่งเล่นปะปนอยู่กับผู้ใหญ่จนคนเป็นพ่อแม่ตามจับกันแทบไม่ทัน และก็ไม่น่าเชื่อหนึ่งในที่ที่เด็กทั้งหลายพร้อมใจกันมากระจุกรวมกันอยู่ก็คือรอบๆตัวของวิพารันต์
“พี่ครับ มาเล่นกับผมนะ”
“ไม่ได้ พี่ต้องเล่นกับหนูต่างหาก”
เสียงเจี้ยวจ้าวของบรรดาเด็กน้อยวัยไม่เกินสิบขวบกำลังถกเถียงกันเรื่องแย่งตัววิพารันต์กันยกใหญ่ ซึ่งตัวคนถูกแย่งเองก็ไม่รู้ว่าว่าจะต้องทำยังไงเหมือนกันเลยได้แต่ส่งยิ้มแหยๆกลับไปให้ทุกคน
“...ไม่ต้องเถียงกันนะครับเด็กๆ เรามาเล่นด้วยกันหมดทุกคนนี่แหละดีไหม สนุกกว่าตั้งเยอะเลยนะ”
นิธิศเอ่ยปากกล่อม...เด็กๆหันไปมองหน้ากันอย่างใช้ความคิดก่อนจะหันกลับมายิ้มกว้างพยักหน้าตอบตกลง...เสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่เกิดขึ้นทำให้คนที่ยืนมองอยู่นิธิศอดที่จะยิ้มตามไม่ได้...สนุกได้อย่างที่ใจคิด...ทำอะไรได้ตามอย่างที่ใจปรารถนาโดยไม่ต้องกังวลเรื่องอะไร...นี่แหละนะข้อดีของเด็ก
“อ๊ะ...พี่คะ...พี่ร้องไห้ทำไม เจ็บตรงไหนเหรอคะ”
เด็กผู้หญิงตัวน้อยวิ่งเข้าไปกอดวิพารันต์ที่ยืนน้ำตาซึมอยู่กับที่ก่อนที่อีกหลายๆคนจะวิ่งกรูตามเข้าไปรุมล้อมอีกที...
ไม่ได้ตกใจกับเสียงของเด็กน้อย...ร่างสูงปล่อยให้วิพารันต์อยู่ในวงล้อมของเด็กๆที่เข้าไปปลอบแบบนั้นด้วยความเข้าใจ...ไม่ได้เจ็บตรงไหน...ไม่ได้ปวดตรงไหน...แต่ที่เป็นแบบนี้เพราะเจ้าตัวกำลังรู้สึกมีความสุขจนบอกไม่ถูกต่างหาก...
...ความรู้สึกและประสบการณ์...ที่ไม่เคยมีโอกาสได้พบเจอในวัยเด็ก.......................
...................................
กลับมาถึงห้องในเวลาเกือบจะบ่ายสาม...ร่างสูงรีบไล่วิพารันต์ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีที่กลับมาถึงเนื่องด้วยเป็นห่วงกลัวอีกฝ่ายจะไม่สบาย แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้อีกฝ่ายจะเริ่มออกอาการดื้อไม่ยอมทำตามที่เขาบอกเสียอย่างนั้นคนเป็นห่วงอย่างนิธิศก็เลยเผลอดุออกไปหน่อย...
และนั่นก็เหมือนงานจะเข้าเมื่อหลังจากโดนดุแล้วเจ้าตัวเล็กก็เดินเบะปากน้ำตาคลอหนีไปจากตรงนั้นทำเอาร่างสูงใจเสียไปพักหนึ่งก่อนที่เจ้าตัวจะเดินกลับมาพร้อมกับกระดานไวท์บอร์ด
‘...ก็...ก็พี่ไนท์ก็เปียกเหมือนกัน...จะให้รันอาบคนเดียวได้ไง...เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก…’ เพียงแค่ได้เห็นนิธิศก็นึกอยากเปลี่ยนมาเป็นตำหนิตัวเองแทนทันทีที่เผลอดุเจ้าตัวเล็กไป...มัวแต่คิดเรื่องเป็นห่วงอีกฝ่ายจนลืมคิดไปว่าเจ้าตัวก็คงจะเป็นห่วงเขาไม่แพ้กัน...
“โอ๋ๆ พี่ขอโทษนะครับ พี่ไนท์เนี่ยนิสัยไม่ดีเลยเน๊อะ ดุน้องรันได้ยังไง”
ว่าตัวเองไปพลางก็รวบตัวเด็กตัวเล็กที่ยืนน้ำตาคลออยู่มากอดไว้แล้วลูบศีรษะเบาๆ
และหลังจากโอ๋กันไปโอ๋กันมาได้สักพักทั้งสองคนก็ลงเอยด้วยการเข้ามาอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำพร้อมกันเพื่อเป็นการตัดปัญหา...ทั้งๆที่ห้องน้ำก็ไม่ได้มีแค่ห้องเดียว...แต่บางทีการที่ใช้อะไรซ้ำๆอยู่ด้วยกันทุกวันอาจจะทำให้ทั้งสองคนลืมความจริงในข้อนี้ไปแล้ว...
หรือถ้าคิดในอีกแง่หนึ่งแล้วละก็...คงมีนักอ่านบางคนกำลังตั้งใจภาวนาอยากให้เป็นแบบนั้น...
“อื้ม เสร็จแล้วครับเด็กน้อย”
ช่างสระผมจำเป็นว่าพลางก้มหน้าลงไปหอมหน้าผากเล็กของวิพารันต์ที่ทำท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนเงยหน้าให้เขาสระผมให้อยู่ในอ่างน้ำ
“...ลุกได้แล้วครับ นอนแช่น้ำนานๆตัวเปื่อยไม่รู้ด้วยนะ”
นิธิศดึงผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่แถวนั้นมาพันเอวตัวเองเมื่อจัดการอาบน้ำให้ตัวเองและเจ้าตัวเล็กเสร็จเรียบร้อยก่อนจะหยิบอีกผืนมาพันตัวให้วิพารันต์ด้วย...นานๆทีได้เข้ามาอาบน้ำด้วยกันแบบนี้มันก็ให้ความรู้สึกดีเหมือนกันนะเนี่ย
“วันนี้เด็กน้อยของพี่ไม่คิดไม่คิดจะทำอะไรเองแล้วใช่มั้ยครับ หืม สระผมก็ไม่ต้องสระเอง ไดร์ก้ไม่ต้องไดร์เอง สบายเกินไปแล้วนะเราน่ะ”
ร่างสูงว่าอย่างหมันเขี้ยวในขณะที่นั่งใช้ไดร์เป่าผมให้วิพารันต์อยู่บนเตียง...เห็นแบบนี้เจ้าตัวเล็กมันก็ขี้อ้อนเหมือนกันนะ...อ้อนแบบไม่ได้เข้ามานัวเนียเหมือนคนอื่นแต่ก็จะมีวิธีอ้อนแบบเฉพาะตัวที่สามารถทำให้เขาใจอ่อนทำนั่นทำนี่ให้ตัวเองได้ตลอด
“...กินแรงกันขนาดนี้...วันนี้จะจ่ายยังไงหือ...จุ๊บเดียวเหมือนเมื่อวานไม่พอแล้วนะจะบอกให้เพราะตอนนี้เค้าขึ้นค่าแรงกันแล้ว”
วิพารันต์ยิ้มชอบใจกับคำบ่นอย่างไม่เป็นทางการของอีกคนก่อนจะปีนขึ้นไปนั่งบนตักแล้วจ่ายค่าแรงให้เป็นจุ๊บเบาๆที่ปากสองจุ๊บ
“...ใช้แรงงานระดับผู้จัดการขนาดนี้เนี่ย...นึกว่าจ่ายแค่นี้จะพอเหรอครับเด็กน้อย...”
พูดจบแค่นั้นคนตัวเล็กก็ถูกจับพลิกให้ลงไปนอนอยู่บนเตียงนุ่มก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะตามลงไปฟัดแก้มป่องๆนั่นให้หายหมันเขี้ยวจนเจ้าตัวต้องดิ้นไปมาด้วยความจั๊กจี๋...แล้วหลังจากนั้นทั้งคืน...ก็เป็นเรื่องการหักลบกลบหนี้ของพวกเขาทั้งสองคนที่คนอ่านอย่างเราๆไม่มีใครอาจทราบได้...แต่จากที่คาดการแล้ว...ดูเหมือนว่าการจ่ายค่าแรงในครั้งนี้ฝั่งคนจ่ายอย่างเจ้าตัวเล็กของเราจะโดนเอาเปรียบน่าดูเลยล่ะ...ว่าไหม...
.........................................
.....................
จบตอนพิเศษ
โอเค ถึงจะดูเร็วไปหน่อยกับเทศกาลนี้แต่ก็นะคะ ถ้าไม่เอาตอนนี้มาลงก่อนเห็นทีจะต้องรอกันอีกนานเพราะตอนหลักมันคลืบคลานเชื่องช้ามากก TT เอามาลงทีนี้ก็ได้ทียาวกว่าจะได้ลงตอนหลักก็คงจะหลังสงกรานต์พอดีเลยคิดว่าก็คงจะพอไปกันได้(แก้ตัวชัดๆ55) ตอนพิเศษนี่อย่าได้คิดอะไรกันมาก มันจะออกแนวน่ารักๆฮาๆแบบที่อยากเขียนโดยส่วนตัว ซึ่งแบบนี้จะหาในเนื้อเรื่องหลักไม่ค่อยได้ อย่างเช่นบทคุณพ่อตากับลูกเขยซึ่งในเรื่องอาจจะไม่มีมานั่งชิ้งๆกันแบบนี้ (ฮา )
ป.ล.ตอนนี้อาจจะเขียนได้ไม่ดีเท่าไหร่ก็โปรดอภัยในความจิตตกของคนเขียนค่ะ ช่วงนี้ทำอะไรก็ดูฝืดๆไปหมด แต่ก็หวังว่าจะรีบกลับมาสู่ปกติโดยไว อ่า ใกล้แอดมิชชั่นแล้วด้วยสิ ลงครั้งหน้าคงกลับมาสู่ตอนหลักแล้วค่ะ ยิ้มกันให้เต็มทีนะคะ เพราะตอนหน้าอาจจะมีเสียน้ำตากันบ้างเล็กน้อย