[จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ตัวละครในเรื่อง "ปีนเกลียว" คุณชอบใครมากที่สุด

ภู ภูเบศธ์ - หญ้าอ่อนแพ้วัวแก่ ที่จีบไม่เก่ง แถมยังปากหมา
สอง กมลินทร์ - วัวแก่แพ้หญ้าอ่อน แล้วดันชอบแต่คนปากหมา
ตรฤณ - วันๆไม่ทำอะไรนอกจากหาทางประเคนวัวแก่ใส่ปากหญ้าอ่อน
กร ทิวากร - แกนนำผู้ก่อการร้ายของสอง แต่เป็นผู้ก่อการรักของตรฤณ
วิน ชวิน - ชอบทำตัวเป็นพ่อหวงลูกชาย แถมฉลาดร้ายยิ่งกว่ากร

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]  (อ่าน 114836 ครั้ง)

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
อ่านจนทัน (และงานการไม่ทำ ตายแน่ๆ อ๊ากกกก)

เจอคำผิดและหลุดดังนี้ค่ะ


บท4 มีจุนซูโผล่มานะคะ

รื่นหู (แต่ถ้าเป็นมุกไม่เป็นไรค่า)

แบล็กเมล์ ค่ะ

บท9มีจุนซูหลุดมานะคะ

มีแม่น้ำฮันค่ะ

มีเกาหลีหลุดมานะคะ

**ยังไงๆ เราก็ชอบภูเบศร์นะ.. เพราะเด็กที่สุด ฮ่าๆๆ นอกจากคนแก่(วัยกลางคนแล้ว) ดั้นก็ชอบเด็กหนุ่มกรุบกรอบ20ต้นๆ ด้วยล่ะค่า (ไม่ค่อยเลยนะเจ๊)

โอ๊ย บางตอนหัวเราะเป็นบ้าหน้าคอม<<ประสาท

ขอบคุณนะคะ

ปล. เรื่องนี้เรท13+สินะคะ น่ารักดีอ๊ะ ฮ่าๆๆ

แอบลุ้นเรื่องน้องเขมกับอีตาวินมาก เราว่าวินเป็นรับนะ สองจะได้ตัดใจได้ไง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (หัวเราะโฉดสุดๆ)

ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
อ่านจนทัน (และงานการไม่ทำ ตายแน่ๆ อ๊ากกกก)

เจอคำผิดและหลุดดังนี้ค่ะ


บท4 มีจุนซูโผล่มานะคะ

รื่นหู (แต่ถ้าเป็นมุกไม่เป็นไรค่า)

แบล็กเมล์ ค่ะ

บท9มีจุนซูหลุดมานะคะ

มีแม่น้ำฮันค่ะ

มีเกาหลีหลุดมานะคะ

**ยังไงๆ เราก็ชอบภูเบศร์นะ.. เพราะเด็กที่สุด ฮ่าๆๆ นอกจากคนแก่(วัยกลางคนแล้ว) ดั้นก็ชอบเด็กหนุ่มกรุบกรอบ20ต้นๆ ด้วยล่ะค่า (ไม่ค่อยเลยนะเจ๊)

โอ๊ย บางตอนหัวเราะเป็นบ้าหน้าคอม<<ประสาท

ขอบคุณนะคะ

ปล. เรื่องนี้เรท13+สินะคะ น่ารักดีอ๊ะ ฮ่าๆๆ

แอบลุ้นเรื่องน้องเขมกับอีตาวินมาก เราว่าวินเป็นรับนะ สองจะได้ตัดใจได้ไง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (หัวเราะโฉดสุดๆ)

ขอบคุณมากๆเลยนะค้า ไล่แก้ไขแล้วค่ะ><

ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 18 ผีแม่ลูกอ่อน



“ติดสักทีสิวะ!!”



“รถหรือโทรศัพท์?”ใบหน้าหวานของผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องที่อายุมากกว่าหันหน้าไปมองภูเบศธ์ที่มือหนึ่งถือโทรศัพท์แนบหูส่วนอีกมือใช้บิดกุญแจเพื่อสตาร์ทรถ แต่ทว่าดูเหมือนตอนนี้จะไม่มีอะไรเป็นใจเลยสักอย่าง

รถก็สตาร์ทไม่ติด โทรศัพท์ก็เสือกได้ยินแต่คำฮิตเวลาที่โทรไปติดเครื่องคนที่ปิดมือถือ!

เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ ~

ตั้งแต่เกิดมาชาตินี้กูเพิ่งรู้สึกไม่ดีกับเสียงหวานๆก็ตอนนี้ล่ะวะ! คิดแล้วอยากจะเขวี้ยงมือถือทิ้งจริงๆ

“แล้วคิดว่ามีอะไรติดสักอย่างมั๊ยล่ะ? มือถือก็มีแต่เสียงตอบรับอัตโนมัติ ส่วนไอ้รถก็ดันสตาร์ทไม่ติด...โว้ย! ” ภูเบศธ์เขวี้ยงมือถือทิ้งไปเบาะหลังโดยไม่ได้หันไปดูผลการกระทำของตัวเองที่พอโยนไปได้เพียงสองวิ ก็เกิดเสียงดัง “ปั้ก!” ตามมาติดๆ

จะโยนอะไรมากรุณามองด้วยจะได้มั๊ย ถึงไม่เห็นใจแต่ก็เห็นแก่หน้าผากใสๆกูบ้าง!

ตรฤณที่ยื่นหน้ามาตรงกลางระหว่างเบาะหน้าได้ไม่เท่าไหร่เพียงเพราะอยากเข้าไปร่วมวงสนทนาและตามติดสถานการณ์จากภูเบศธ์แต่ทว่ากลับได้เครื่องมือสื่อสารราคาแพงที่ดูเหมือนเจ้าของไม่ให้ความสำคัญถึงได้โยนทิ้งโยนขว้าง โดนหน้าผากของตรฤณพอดิบพอดี

“เสียงอะไร”
เสียงนุ่มหวานของใครบางคนที่นั่งอยู่ทางด้านหน้าเอ่ยขึ้น พร้อมกับหันไปทางเบาะหลังแล้วก็ปรากฎว่าพบใครบางคนกำลังกุมหัวก้มหน้างุดอยู่เบาะหลังคนเดียวดวงตากลมเบิกกว้างอย่างตกใจเพราะเหมือนกำลังนึกขึ้นได้ว่ายังมีใครอีกคนบนรถคันนี้

“เสียงหัวฉันกระแทกกับมือถือของหลานรหัสนายล่ะมั้ง!”
ตรฤณยังคงกุมหน้าผากตัวเองเอาไว้พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาตอบคำถาม พอสบสายตากับคนสวยตรฤณก็ทำตาละห้อย พร้อมกับค่อยๆเปิดมือออกเพื่อให้เห็นรอยแดงๆบนหน้าผาก

“ตรฤณ เลือด!”
   อ้าว กูก็นึกว่าแค่แดงเฉยๆ....อ๊ากกกก! เลือด!
ตรฤณครวญครางในใจไม่เป็นภาษา ได้แต่อ้าปากพะงาบๆราวกับคนขาดอากาศหายใจจนกรถึงขั้นตกใจรีบปีนไปเบาะหลังเพื่อดูอาการของตรฤณ

“ภูเบศธ์ สตาร์ทรถ!”กรรีบออกคำสั่งกับคนที่นั่งอยู่ตำแหน่งคนขับ

“ก็มันสตาร์ทไม่ติด!”ภูเบศธ์ดูเหมือนจะหัวเสียไม่น้อยกับเหตุการณ์อะไรหลายๆอย่างจนควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยจะอยู่

“เอ่อ...ฉันว่า ก็ขับรถฉันไปสิ...รถสตาร์ทไม่ติด ก็ยังจะดันทุรังสตาร์ทมันอีกเนอะ~” ตรฤณพูดเสียงอ่อยแต่ยังแอบมีประชดประชันเล็กน้อยตามความเจ็บใจและเจ็บหน้าหน้าผาก

สมกับที่กรเคยว่าเอาไว้ภูเบศธ์นั้นไซร้
ฉลาดแต่เรื่องที่ควรโง่...และโง่ในเรื่องที่ควรฉลาด!

เฮ้ย! กูไม่ได้พูด...แต่กรเคยพูดเอาไว้อย่างนั้นจริงๆ!


เพียงแค่ตรฤณพูดจบทั้งกรและภูเบศธ์ก็ทำหน้าตาเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ ก่อนจะรีบเปิดประตูแล้วลงจากรถ โดยที่กรเองก็ไม่ลืมที่จะลากเจ้าของรถเป้าหมายใหม่ลงมาด้วย

คราวนี้กรเป็นคนขับ
เพราะถ้าให้ภูเบศธ์ขับเห็นทีว่าตรฤณจะไม่ได้ไปโรงพยาบาล

รถออดี้สีน้ำเงินเข้มที่มีเจ้าของนั่งกุมหน้าผากอยู่เบาะหลังคู่กับภูเบศธ์เพราะถูกสั่งให้ไปดูแล อย่างน้อยคนกระทำความผิดก็พอมีความรับผิดชอบอยู่บ้างโดยการหากระดาษมาซับเลือดให้ อย่างน้อยก็พอทำให้ตรฤณหายโกรธเคืองเจ้าของโทรศัพท์ที่ปาฝ่าอากาศแสกหน้าตรฤณได้บ้าง

“พี่ตรฤณผมขอโทษ..ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ..”ภูเบศธ์พูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิดจริงๆ ซึ่งตรฤณก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเลือดออกนิดหน่อยไม่ได้เป็นอะไรมากแต่ก็ไม่วายคิดประชดประชันอยู่ในใจ

ไม่ได้ตั้งใจ? แค่ไม่ได้ตั้งใจหัวกูยังแตก  ถ้าตั้งใจไม่วายกระโหลกกูจะร้าวซะล่ะมั้ง!
คิดๆแล้ว...ตั้งแต่ที่ไอ้เด็กเวรนี่จีบสอง กูต้องเจ็บตัวมาแล้วกี่ครั้งแล้ววะ?

“ช่างมันเถอะ..นี่กรไม่ต้องไปโรงบาลก็ได้เลือดหยุดไหลแล้ว~”ตรฤณสำรวจกระดาษทิชชู่ในมือที่ไม่มีคราบเลือดให้เห็น ก่อนจะบอกคนขับที่ขับแบบไม่คิดชีวิตราวกับเรื่องที่ตรฤณหัวแตกเล็กน้อยเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย

กูแค่หัวแตกครับ...ไม่ใช่หัวใจล้มเหลว เพราะฉะนั้นช่วยลดความเร็วด้วยเดี๋ยวจะได้ม้วยมรณากันทั้งคัน! 

“ได้ยังไงตรฤณ! นายเลือดออก นายเป็นแผล ถ้าเกิดเป็นบาดทะยักล่ะ? ถ้าแผลมันอักเสบนายจะเป็นยังไง อีกอย่างแผลยิ่งอยู่ใกล้หัวด้วย ไม่รู้ว่ากระทบกระเทือนไปถึงสมองหรือเปล่า”กรร่ายยืดยาวในขณะที่หักพวงมาลัยเข้าโรงพยาบาล ส่วนตรฤณที่ฟังกรบ่นก็ถึงขั้นต้องเกาหัวก่อนจะเหลือบมองภูเบศธ์ที่นั่งหัวเราะอยู่ในลำคอ

“ผีแม่ลูกอ่อนเข้าสิง อย่าใส่ใจเลย”ภูเบศธ์กระซิบเบาๆซึ่งตรฤณเองก็เถียงไม่ออก
ถึงคราวผีแม่ลูกอ่อนเฮี้ยน  ตรฤณเลยต้องเนียนทำเป็นว่านอนสอนง่ายให้เข้ากับคอนเซ็ปต์

พอรถจอดตรงทางจอดฉุกเฉินของโรงพยาบาล กรก็รีบลงมาเรียกบุรุษพยาบาลหน้าตาตื่น จนบุรุษพยาบาลแถวนั้นต้องรีบกรูกันเข้ามาเพราะนึกว่ามีคนบาดเจ็บสาหัส

“พี่ครับ..รีบเลยครับ...”พูดด้วยความร้อนรนก่อนจะไปเปิดประตูรถด้านหลังฝั่งที่ตรฤณนั่ง

“พี่ครับเอาตัวลงมาเลยครับ...ระวังๆนะครับเดี๋ยวเขาเจ็บ”ตรฤณถูกบุรุษพยาบาลตัวใหญ่ค่อยๆประคองลงไปนั่งกับรถเข็นที่ถูกเตรียมมาเพราะไม่รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าได้รับบาดเจ็บอะไรมา ส่วนคนถูกพยุงก็ทำได้แค่ทำสีหน้าบอกไม่ถูก

เออ...จะอุ้มก็อุ้มเลย พอดีกูขี้เกียจเดิน
ตรฤณทำตัวอ่อนไปตามน้ำ ใครจะแบกจะหามก็ทำไป ใครจะตื่นตระหนกตกใจก็ไม่อยากขัดศรัทธา
แค่รู้ว่ากรเป็นห่วง กูก็ปลื้มอกปลื้มใจจนทำอะไรไม่ถูกแล้วครับ!
“เอ่อ...ว่าแต่ไปโดนอะไรมาครับ? เกิดอุบัติเหตุหรือเปล่าครับ?”บุรุษพยาบาลเข็นตรฤณที่นั่งนิ่งเป็นเด็กเอ๋อเพราะไม่รู้จะตอบคำถามอย่างไร ทำได้แค่การนั่งอยู่บนรถเข็นโดยมีกรเดินตามมาติด

กูโดนโทรศัพท์ปาใส่หัวมาครับ แต่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเป็นอุบัติเหตุได้หรือเปล่า

“หัวแตกครับ”กรตอบ

“ไปโดนอะไรมาครับ?”

“โดนมือถือปาแสกหน้ามาครับ” คราวนี้ตรฤณตอบจนบุรุษพยาบาลมองหน้าตรฤณด้วยความงงๆ เพราะถ้าไม่บอกบุรุษพยาบาลคนที่เข็นตรฤณมาคงจะนึกเสียว่าตรฤณหัวแตกจนได้รับความกระทบกระเทือนทางสมอง

ขอโทษ! อย่ามามองกูอย่างนั้น แค่โทรศัพท์กระแทกหัวนิดหน่อย สมองกูยังไม่เป็นง่อยครับขอบอก! 

_____________________


“ขอร้อง...ติดสักที”หลังจากที่ตรฤณถูกบุรุษพยาบาลหิ้วตัวเข้าโรงพยาบาลภูเบศธ์ก็รีบลงจากรถแล้วฉวยเอากุญแจรถจากแล้วเดินอ้อมมาทางฝั่งคนขับ ก่อนจะขับออกไปทันทีที่ตรฤณและกรเข้าไปในตึกของโรงพยาบาล แล้วใช้เครื่องมือสื่อสารโทรออกหมายเลขเดิมอีกครั้ง

ตอนนี้ภูเบศธ์คิดอะไรไม่ออกเลย แต่มือข้างซ้ายก็ยังคงถือโทรศัพท์แนบหู เพราะตอนนี้แค่คิดว่าสองต้องไปนั่งร้องห่มร้องไห้อยู่กับพี่วิน ความรู้สึกหึงก็ประดังประเดเข้ามาแบบที่เจ้าตัวห้ามไม่อยู่ทั้งที่รู้ว่าเป็นแค่เพื่อนแล้วสองเองก็ยอมรับว่า “รัก” เด็กปากหมาอย่างภูเบศธ์ แต่ทำไมคนอย่างเขาถึงได้รู้สึกโมโหได้ถึงขนาดนี้

บางครั้งคำว่า “ไม่แน่ใจ” มันก็มีวนผ่านความคิดของเขาเสมอ 
ภูเบศธ์ไม่เคยอยากคิดว่าบางครั้ง...เขาอาจจะเป็นแค่ตัวแทนของพี่วิน
ไหนบอกว่าไม่อยากจะคิด...ได้ข่าวว่าคิดจนเตลิดไปไกลแล้วล่ะมั้ง

ในเมื่อโทรศัพท์ยังคงมีแต่เสียงตอบรับอัตโนมัติ ภูเบศธ์ก็ลองโทรเบอร์อื่น

“มีอะไร? เจอสองยัง”เสียงของกรดังขึ้นทำให้ภูเบศธ์รู้ว่าโทรศัพท์ของตัวเองยังไม่ได้เสียหายแต่อย่างใดทั้งที่ก่อนหน้านี้คิดว่าการที่โทรหาสองไม่ติดอาจจะเป็นเพราะมือถือคงไปกระแทกกับศรีษะของตรฤณเข้า เลยอาจจะทำให้เครื่องเอ๋อไปบ้าง แต่พอกรรับสายทฤษฎีโยนความผิดให้หน้าผากของตรฤณจึงตกไป

“ยัง....กรขอเบอร์พี่วินกับพี่ตรฤณให้หน่อย”
ภูเบศธ์กรอกเสียงผ่านเครื่องมือสื่อสาร

“อือ..แป๊บนะ” กรว่าก่อนจะหายไปสักพักในขณะที่ภูเบศธ์ยังคงขับรถไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย ไม่นานเกินรอกรก็บอกหมายเลขก่อนจะรีบวางสายไป แต่ก่อนวางสายภูเบศธ์แอบได้ยินกรบ่นแว่วๆว่า
“ปล่อยเอาไว้กับนางพยาบาลไม่ได้เลยนะ!”เพียงเท่านี้ภูเบศธ์ก็ไม่อยากที่จะจิตนาการเรื่องราวต่อ รอดูสภาพตรฤณพรุ่งนี้เลยแล้วกันเพราะบางทีพรุ่งนี้ตรฤณอาจจะมีผ้าพันแผลรอบหัวเลยก็ได้

_________________


“สวัสดีครับ..”น้ำเสียงสุภาพที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ภูเบศธ์มั่นใจเลยว่าที่โทรมานั้นไม่ผิดตัวแน่นอน

“พี่วิน...ผมภูเบศธ์นะครับ” พออีกฝ่ายรับสายมือแกร่งก็หักพวงมาลัยเข้าข้างทางก่อนจะผ่อนความเร็วจนรถจอดสนิทในที่สุด

“จะไปกี่ปี”น้ำเสียงทุ้มต่ำดูเบาไปแต่ก็ฟังดูออกว่าคนพูดไม่ค่อยพอใจ แถมยังถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ภูเบศธ์เลยเดาได้ไม่ยากว่าสองคงไปบ่นอะไรไว้เกี่ยวกับเรื่อง ‘เข้าใจผิดของกร’

“ผมไม่ได้ไปไหนทั้งนั้น กรเข้าใจผิด..สงสัยพี่สองได้ยินก็เลยเข้าใจผิดตาม”ภูเบศธ์รีบอธิบายกับพ่อ(?)ของสองด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่ก็ดูร้อนรนอยู่ในที

“อย่างนั้นเหรอ?”ปลายเสียงดูครุ่นคิดจนคนฟังลุ้นระทึก ลองจินตนาการไปว่างวินคงพยักหน้ารับรู้

“พี่สองอยู่กับพี่วินใช่มั๊ยครับ?”เมื่ออีกฝ่ายเงียบ ภูเบศธ์ถึงได้ถามต่อ

“อยู่..แต่ตอนนี้หลับไปแล้ว”ภูเบศธ์พยักหน้ารับบ้าง และพอจะเข้าใจว่าที่วินพูดเสียงเบานั้นคงเป็นเพราะว่าสองกำลังหลับ แต่ก็แอบรู้สึกแปลกๆไม่ได้กับความห่วงใยที่วินมีให้สอง

“ร้องไห้จนเหนื่อยเลยเผลอหลับไป”ในเมื่อภูเบศธ์ยังคงเงียบวินก็พูดทำลายความเงียบ แต่คำพูดของชวินทำเอาหน้าอกด้านซ้ายของภูเบศธ์เจ็บแปลบ

“ผมขอโทษ”เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆ

“นายอยู่ไหน...ฉันจะเอาสองไปส่งให้”

“พี่วินพาพี่สองไปส่งที่หอเลยก็ได้เดี๋ยวผมตามไป”ภูเบศธ์ว่าก่อนที่วินจะตัดสายไปก่อน

____________________


“มึง..ถึงแล้ว~”ชวินเขย่าตัวสองเบาๆ ทำให้คนขี้เซาก็รู้สึกตัวขึ้น

“หือ?...หอกูเหรอ?...กูไม่ได้อยากกลับหอสักหน่อย”สองลืมตาตื่นขึ้นมาขยี้หูขยี้ตาราวกับเด็กน้อยเพิ่งตื่นนอน ชวินเลยเผลอยิ้ม
“ก็เด็กมึงอยากเจอมึง..รู้มั๊ยที่มึงหนีมาหากูน่ะเขาตามหาตัวมึงให้วุ่น”วินลูบผมสองที่ชี้ขึ้นมาเพราะมือเล็กยีหัวตัวเองก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น แต่คนตัวเล็กกลับฉายแววดื้อขึ้นมาทันตา

“ตามหาทำไม! จะหนีกูไปอยู่รอมร่อ จะตามหากูให้เหนื่อยทำไม!”

“ไม่เอาน่าสอง..มึงกำลังเข้าใจผิด”ชวินว่า

“เข้าใจผิดอะไร?”สองหันไปถามชวินพร้อมกับการที่วินลดกระจกหน้าต่างฝั่งสองลงเมื่อเห็นใครบางคนเดินเข้ามาโดยที่สองยังไม่ทันได้สังเกตเห็น

“ก็เรื่องที่พี่สองเข้าใจผิดว่าผมจะไปอังกฤษน่ะสิ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นทำเอาสองต้องหันไปทางด้านกระจกด้วยความตกใจ จนจมูกโด่งรั้นชนกับใบหน้าคมที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้หลังจากที่ชวินเปิดโอกาสให้ภูเบศธ์โผล่หน้าเข้ามา

“ไอ้บ้า! ยื่นหน้าเข้ามาทำไม?!”ริมฝีปากเล็กโวยวายขึ้นมาทันที พร้อมกับฝ่ามือเตรียมฟาด เลยทำให้ภูเบศธ์ที่เพิ่งเคลิ้มไปกับกลิ่มหอมอ่อนเวลาที่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าหวานตกใจจนต้องรีบถอยหน้าห่างออกมาจากตัวรถจนไม่ทันระวัง

โป๊ก
เสียงศรีษะของภูเบศธ์โขกเข้ากับเพดานตัวรถเพราะตกใจ แต่นั่นกลับเรียกเสียงหัวเราะจากคนสองคนที่นั่งอยู่ในรถได้เป็นอย่างดี

สงสัยพี่ตรฤณคงกะแช่งจองเวรจองกรรมกูแน่นอน! หลังจากที่กูปามือถือแสกหน้าพี่เขามาอ่ะ

“ฮ่าฮ่าฮ่า....เจ็บมากมั๊ย?”
สองหัวเราะเสียงใสก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะในขณะที่ภูเบศธ์ยังคงลูบหัวตัวเองป้อยๆเลยไม่ค่อยแน่ใจว่าที่สองถามมานั้นเพราะห่วงจริงหรือถามไปตามมารยาท

“นิดหน่อย”ภูเบศธ์เบ้หน้าด้วยความเจ็บก่อนจะส่งยิ้มให้สอง แต่พอลองได้มองหน้าของรุ่นพี่ตัวเล็กชัดๆแล้ว ภูเบศธ์กลับรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ดวงตาเรียวเล็กดูบวมแดง คาดว่าก่อนหน้านี้คงได้มีการน้ำตานองบ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง สภาวะจิตใจคงไม่ค่อยปกตินัก

“ร้องไห้เหรอ?”น้ำเสียงของภูเบศธ์ดูจริงจังขึ้นมาก่อนที่สองจะหลบตา

“เปล่า...”

“เขื่อนแตกเลยล่ะ”ประโยคแรกสองเป็นคนตอบ แต่ประโยคที่สองชวินเป็นคนเสริมเลยทำให้ทั้งสองและภูเบศธ์เงียบไป ที่สองเงียบคงไม่รู้ว่าจะหาเรื่องอะไรมาเถียง เพราะที่ชวินพูดมานั้นใกล้เคียงกับเรื่องจริง ส่วนภูเบศธ์คงจะรู้สึกผิดจนพูดอะไรไม่ออก

“เอาล่ะ..มาส่งให้ถึงที่ หมดหน้าที่กูละ กูจะได้หาเรื่องไปรับเด็กบ้างอะไรบ้าง”วินเข้าเคลียร์สถานการณ์ภูเบศธ์จึงเปิดประตูรถฝั่งสองเพื่ออันเชิญองค์หญิงตัวน้อยลงมา แต่ดูท่าทางสองจะอิดออดไม่ยอมลงง่ายๆไม่รู้ว่าเพราะความเขินอายหรือเพราะความขี้เกียจ วินจึงต้องผลักหัวกลมของเพื่อนตัวเล็กเบาๆเพื่อไล่ส่ง

“โอ๊ย~ มึงผลักหัวกูทำไม !”สองร้องเสียงหลงก่อนจะหันหน้ากลับไปหาเรื่องชวิน

“ไม่ต้องมาทำเป็นร้อง เพราะกูไม่ได้ผลักแรงเลย รีบๆลงไป เด็กมึงเตรียมอุ้มมึงส่งขึ้นหอแล้ว”วินว่าอย่างรำคาญทั้งที่ในใจนึกขำอาการของสอง

“ผมคงไม่คิดจะอุ้มพี่สองขึ้นไปหรอกครับพี่วิน”ภูเบศธ์ว่า

“หือ? ทำไมล่ะ..รีบๆอุ้มมันลงไปเลย..ไม่ต้องมอง...ตัวมึงน่ะหนักรถกู!”  วินมองหน้าภูเบศธ์ด้วยความสงสัย ก่อนจะหันไปไล่สอง

“ขนาดรถยังว่าพี่สองหนัก...ถ้าเป็นผมก็คงจะบ่นว่าโคตรหนักเลยล่ะมั้งครับ โอ๊ย!!!”ยังพูดไม่ทันจบดีสองก็ลงจากรถแล้วเอาเป้ฟาดเข้าให้ที่ไหล่ของเด็กปากดี

“ปากหมา! มาด่าว่าฉันอ้วนอีกแล้วนะ”สองเป็นคนปากไวพูดอะไรไม่ทันได้คิด ภูเบศธ์เลยรีบกระชากเป้คนตัวเล็กจนเจ้าของเป้เซถลาเข้ามารับจูบจากปากของภูเบศธ์โดยไม่ทันตั้งตัว ส่วนคนที่ยังนั่งอยู่ในรถได้แต่มองภาพนั้นด้วยความที่ทำอะไรไม่ถูก จะลงไปแยก..ก็ไม่ได้เขาเป็นแฟนกันนี่หว่า?

เฮ้ย! แต่กูก็หวงเพื่อนนะเว้ย~

“ไอ้ภูเบศธ์!!!!”เสียงเรียกชื่อดังทวีคูณเนื่องจากไม่ได้มีแต่สองคนเดียวที่เอ่ยชื่อนี้ แต่หากชวินที่นั่งอยู่ในรถก็พูดขึ้นมาพร้อมกับสอง ดูท่าทางว่าจะถลาออกมานอกรถเสียให้ได้ แต่พอดีติดเข็มขัดนิรภัย ภูเบศธ์จึงรอดตัว

“นาย...จูบฉันทำบ้าอะไร!!!”สองยังคงใช้หลังมือเช็ดริมฝีปากเล็ก ทั้งที่เมื่อกี้แค่โดนจุ๊บ พร้อมกับที่วินลงจากรถมายืนประจันหน้ากับภูเบศธ์

ตายโหง...ใครก็ได้เตรียมจองโลงให้กูที  เพราะกำลังจะโดนดีที่ไปขโมยจูบลูกรักของพี่วิน!

“คือ ผมมีข้อตกลงกับพี่สองเอาไว้...ว่าถ้าพี่สองด่าผมว่า ‘ปากหมา’ ผมจะจูบ”ภูเบศธ์รีบอธิบายต่อวินผู้ซึ่งเตรียมขย้ำคอภูเบศธ์ได้ทุกเมื่อ

“ข้อตกลงอะไร?! ไอ้บ้า ใครตกลงกับนาย” สองรีบเถียงทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำเพราะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไปซึ่งเป็นเหตุทำให้โดนจูบต่อหน้าสาธารณชน ในขณะที่วินเองก็ได้แต่พยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้โมโหไอ้เด็กเวรของสองให้มากนัก

“ก็เข้าใจว่าพวกนาย..คบกันแล้ว...แต่ว่า...”

แต่ว่า...อะไรดีวะ? ชักจะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองทำตัวเป็นพ่อหวงลูกสาวเข้าไปทุกที

“แต่ว่า?”ภูเบศธ์ถามกลับเมื่อวินค้างคำเอาไว้ไม่ยอมพูดต่อ

“ช่างเถอะ! แต่อย่าให้เห็นว่านายจูบสองต่อหน้าฉัน...ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือน!”ชวินหงุดหงิดอย่างไร้สาเหตุ ก็พอจะรู้ตัวว่าเป็นแค่เพื่อนจะหวงเพื่อนกับแฟนเขาไม่ได้ แต่ทำไงได้ก็เพื่อนคนนี้ประคบประหงมมาตั้งนาน ถึงตัวไม่อยู่ที่ไทยแต่ก็ยังเพื่อนคอยเฝ้าไม่ห่างก็พอได้โล่งใจ

แล้วนี่อะไร! มาจูบโชว์ต่อหน้า คนมันหวงเว้ย!

“มึงจะกลับแล้ว?”สองหันไปถามเพื่อนที่รีบเดินเข้ารถแถมปิดประตูเสียงดัง

“เออ น้องเขมโทรตาม กูไปละ”พูดจบก็ออกรถด้วยความเร็วทำเอาสองนึกฉงนขึ้นมา เพราะไม่เห็นว่าจะมีเสียงโทรศัพท์ของวินดังอย่างที่ว่าเอาไว้

ก็แค่ไม่อยากอยู่นานกว่านี้ เดี๋ยวเด็กปากดีของมึงจะได้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มในโรงพยาบาล

“ไหนๆพี่วินก็กลับไปแล้ว..ถ้าผมจูบตอนนี้ผมก็คงไม่โดนพี่วินว่าใช่มั๊ย?”

“เดี๋ยวก็โทรเรียกไอ้วินหรอก!”

แหม่! พอพ่อกูไม่อยู่ ก็ทำตัวเป็นหนูร่าเริงเชียวนะมึง!

“อะไรกัน...จะเดินไปไหนอุตส่าห์มารอตั้งนาน..หายไปไหนไม่ยอมบอกกล่าว”ภูเบศธ์รีบเดินตามง้อคนตัวเล็กที่รีบเดินจ้ำอ้าวเข้าหอพัก

“ถามจริง...เสียใจมากเลยเหรอตอนที่รู้ว่าผมจะไปอังกฤษ” ภูเบศธ์กระแซะไหล่รุ่นพี่ตัวเล็กพร้อมด้วยรอยยิ้มกวนอารมณ์ แต่สองไม่ได้อยู่ในสภาวะที่จะมาเล่นด้วย

ตอนนี้อาจพยากรณ์อารมณ์สองได้ว่ามีฝนฟ้าคะนองเป็นบางแห่งร้อยละ 10 ของพื้นที่หัวใจ ถ้าถึง 100 เมื่อไหร่ เตรียมใจโดนพายุลูกใหญ่ไว้ได้เลย!

“ดีใจมากกกก จนน้ำตาไหลเลยล่ะ!”สองตอบกระแทกเสียง ก่อนจะรีบเดินเข้าลิฟท์เมื่อประตูเปิดออก

“ไม่เชื่อหรอก”ภูเบศธ์พูดด้วยความงอนๆแต่ก็เดินตามสองเข้าลิฟท์

“ไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ! ...ไม่ได้อยากให้เชื่อสักหน่อย”
อ๊าว? สรุปเมื่อกี้หลอกกู

“ทำเป็นงอนเพราะอยากให้ง้ออ่ะดิ~”ภูเบศธ์พูดลอยๆ

“รู้นี่!”เชิดหน้าพูดกระแทกเสียง จนคนถามต้องมองด้วยความงงระคนสงสัย?

ช่วงนี้สองชักจะแรงโดนใจกูเกินไปมั๊ยครับ?

“โอเคๆ...ง้อก็ได้...หายงอนน้า~”ภูเบศธ์ทำเป็นเต้นดุ๊กดิ๊กไปมา หวังว่าจะให้รุ่นพี่ตัวเล็กหลุดขำออกมาได้บ้าง แต่ยังไม่ทันที่สองจะได้หลุดขำหรือแม้แต่กระทั่งการอมยิ้มอย่างที่เจ้าตัวตั้งใจ เสียง ‘ติ๊ง~’ ของลิฟท์ก็ดังขึ้นพร้อมกับประตูลิฟท์เปิดออกในขณะที่ภูเบศธ์ก็ยังคงเต้นทำคะแนนหัวใจ แต่ดูว่าหลังจากลิฟท์เปิดออก ภูเบศธ์คงจะได้คะแนนความฮาจากพี่น้องชาวหอพักเสียมากกว่า
ตายห่า   มายืนออดูตลกคาเฟ่กันหรือไงครับแต่พอดีตอนนี้กูยังไม่รับงานเพราะฉะนั้นไม่ต้องมาต่อคิวรอดู!

ภูเบศธ์หันหลังกลับไปมองเสียงคิกคักที่ดังอยู่ด้านนอก ก่อนจะหันกลับมามองรุ่นพี่ตัวเล็กที่ยิ้มกริ่มพร้อมกับเดินปาดหน้าภูเบศธ์ออกจากลิฟท์ แถมยังทิ้งระเบิดลูกใหญ่เอาไว้ว่า

“ผมไม่รู้จักคนบ้านี้หรอกนะครับ”
สองไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจแต่ก่อนไปยังมีการขยิบตาให้ภูเบศธ์

จำเอาไว้เลย สอง...คอยดูจะหาเรื่องเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกเลย!
ร่างสูงได้แต่บอกกับตัวเองในใจ     ก่อนจะรีบฝ่าฝูงชนที่ปิดปากหัวเราะออกมาแล้ววิ่งตามรุ่นพี่ตัวเล็กไปยังห้องพัก แต่ก็ดูเหมือนจะช้าไปเพราะสองเล่นปิดประตูใส่แถมตามด้วยเสียงกริ๊กกรั๊กที่คาดเดาได้ว่า เจ้าของห้องคงกะล็อคห้องขังตัวเอง

“พี่สองเปิดประตูให้ผมหน่อย~”ขอลองอ้อนก่อนเป็นอย่างแรก

ผลที่ได้รับคือ.....ประตูไม่เปิด

“พี่ส๊องงงงงง เปิดประตูให้ผมหน่อยน้า~ นะนะนะนะ~”ทำเสียงออดอ้อนราวกับเด็กแปดขวบแถมด้วยการเพิ่มดีกรีความแรดลงไปอีกเล็กน้อยพอเป็นกระสัย

แต่ประตู...ก็ยังไม่เปิด แถมเสียงภายในห้องยังเงียบสนิท
ร่างสูงที่ยืนค้างเติ่งอยู่หน้าห้องมานานประมาณสิบนาที ก็เริ่มหันซ้ายหันขวา
ถ้ามาไม้นี้ สงสัยต้องเจอดีแบบมาตรการขั้นสุดท้าย!


ปัง  ปัง  ปัง
ไม่ใช่ว่าใช้มือเคาะ...แต่ใช้ตีนเคาะดูท่าจะเหมาะกว่า!


“โว้ย~ นายจะพังประตูห้องฉันหรือไง!”เสียงหวานคำรามมาจากภายในทำให้คนที่อยู่ด้านนอกยิ้มกริ่ม

นี่แหล่ะฝีตีนกู สุดท้ายสองก็ต้องหันมาสนใจ!

“ก็เปิดให้ผมสิ..ถ้าไม่เปิดจะพังประตูจริงๆด้วย”

อย่าคิดว่ามันเป็นแค่คำขู่ เพราะตอนนี้กูเตรียมพังประตูจริงๆด้วย

“เออๆๆ! เรื่องมากจริงนายนี่ เจ้าของห้องไม่ต้อนรับ ก็ยังจะหาเรื่องเข้ามาอีกเนอะ”สองบ่นเสียงดังจนคนอยู่ด้านนอกได้ยินเต็มสองรูหู 

แต่ด้านอย่างกูมีหรือจะใส่ใจ?

“ไอ้เด็กนิสัยไม่ดี!”เปิดประตูออกมาปุ๊บก็เปิดปากด่าปั๊บตามแบบฉบับของสอง

“ก็อยากไม่ให้ผมเข้าห้องทำไม?”พูดจบก็แทรกตัวเข้าไปในห้องโดยที่เจ้าของห้องยังไม่ได้อันเชิญ

“ก็แล้วทำไมต้องให้นายเข้าห้อง บ้านช่องห้องหับไม่มีให้กลับหรือไงนายน่ะ!”สองยังคงเดินตามไปบ่นร่างสูงที่เดินเข้าห้องอย่างถือวิสาสะแถมตบท้ายด้วยการล้มตัวลงนอนแผ่หลาอยู่กลางเตียงคนอื่น

“มีกลิ่มพี่สองด้วย”ภูเบศธ์เงยหน้าขึ้นมา อ่อ ลืมบอกว่าไอ้การนอนแผ่หลาบนเตียงนั้นเป็นการนอนคว่ำลง จนจมูกคมสูดกลิ่นของเตียงเต็มจมูก ได้กลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่ม พร้อมๆกับกลิ่นหอมอ่อนๆที่เคยได้กลิ่นเวลาที่อยู่ใกล้กับสอง ว่าแล้วก็เอาจมูกฝังลงกับเตียงอีกสักรอบสองรอบเพื่อความชื่นใจ~

“ลุกขึ้นมา!..ตัวก็เปื้อนมานอนเตียงคนอื่นได้ยังไง” บ่นไม่บ่นเปล่ามือเล็กเอื้อมไปหยิบหมอนข้างแล้วตีเข้าที่หลังร่างสูงจนต้องร้อง ‘อั่ก’ออกมาเพราะความจุกพอตั้งตัวได้ร่างสูงก็พลิกตัวกลับขึ้นมาพร้อมกับการดึงหมอนข้างที่ร่างเล็กพยายามจะประทุษร้ายอีกรอบ

“อ๊ะ!”พลาดท่าเสียแล้วสำหรับสอง เพราะการดึงหมอนข้างของภูเบศธ์ ทำให้ทั้งหมอนข้างและตัวของสองร่วงไปกองบนอกภูเบศธ์พอดิบพอดี โดยที่มือแกร่งก็ปัดหมอนข้างออกอย่างรำคาญ...แต่กลับรวบคนตัวเล็กเอาไว้ในอ้อมกอด

“แต่ดมจากตัวเลย...ท่าจะชื่นใจกว่าเยอะว่ามั๊ย?”พูดจบก็ฝังจมูกลงต้นคอระหงส์อีกฝ่ายอย่างจงใจทำเอาคนตัวเล็กถึงกับขนลุกซู่

“ทะลึ่ง! จะทำอะไรน่ะ?!”ด่ายังไม่ทันขาดคำ ร่างสูงก็พลิกตัวขึ้นคร่อมร่างเล็กเสียแล้วพร้อมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“ผมยังจำได้นะ...ว่าพี่สองอยากเป็นเมียผม”

“พะ...พูดอะไรของนาย..ลงไปเดี๋ยวนี้เลยนะภูเบศธ์..นี่!ฉันบอกให้ปล่อย!”ร่างเล็กขึ้เสียงขู่ แต่มีเหรอว่าคนอย่างภูเบศธ์จะกลัวแถมด้วยการจับล็อคข้อมือเล็กทั้งสองข้างด้วยมือข้างเดียว ส่วนคนตัวเล็กก็ได้แต่ดิ้นขลุกขลักอยู่ใต้ร่างคนตัวใหญ่

“ไม่ปล่อยหรอกจะเอาคืนตั้งต้นทั้งดอก ดอกเบี้ยเนี่ยต้องเป็นแบบทบต้นด้วยนะ ทบแล้วทบอีก...ทับแล้วก็ทับอีก ”ภูเบศธ์ยิ้มกริ่มในขณะที่สองยิ้มตามไม่ออก

ทบ กับ ทับ ไม่เห็นจะเกี่ยวกันตรงไหน! ไอ้เด็กเวรนี่ 

“ภูเบศธ์! ปล่อยฉันนะ....อื้อ~”ยังไม่ทันจะได้โวยวาย ริมฝีปากสีสดก็ถูกคนด้านบนประทับจูบช่วงชิงลมหายใจจนทำได้แค่การร้องท้วงอยู่ในลำคอ ร่างเล็กดูมีท่าทีขัดขืนในตอนแรก แต่สุดท้ายก็โอนอ่อนไปตามรสจูบอ่อนหวานที่ภูเบศธ์เป็นคนหยิบยื่นให้

“อะ...อือ..”กลีบปากบางยังคงถูกบดเบียดจนแทบไม่มีช่องว่างระหว่างริมฝีปากของคนทั้งสอง พอปากเล็กเผยอขึ้นเพื่อจะตักตวงอากาศเข้าปอดก็กลับกลายเป็นลิ้นร้อนของอีกฝ่ายที่รุกล้ำเข้าไปแทน ไม่จาบจ้วง แต่ก็ไม่ได้อ่อนโยน จนคนตัวเล็กรู้สึกมือไม้อ่อนขึ้นมาดื้อๆ จากที่ขัดขืนข้อมือ ก็กลับกลายเป็นผ่อนแรงลงจนร่างสูงรู้สึกได้ จึงยอมคลายข้อมือที่พันธนาการข้อมือเล็กเอาไว้ ก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายเป็นเอวคอดของร่างเล็กด้านเล่างแทน

“อื้อ~”เสียงเล็กครางประท้วงทั้งที่ยังคงถูกบดเบียดริมฝีปาก เมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองหายใจไม่ทันร่างสูงจึงต้องถอนริมฝีปากออกมาอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะก้มมองใบหน้าหวานที่กำลังแดงซ่าน พร้อมกับริมฝีปากสีสดที่เผยอออกเล็กน้อยเพื่อตักตวงเอาอากาศเข้าปอด ทำให้ภูเบศธ์เองก็อดใจไม่ได้ที่จะก้มลงไปประทับจูบอีกครั้ง ก่อนจะถอนออกมาแล้วเปลี่ยนเป็นซอกคอหอมกรุ่นของอีกฝ่าย มือใหญ่เริ่มลูบไล้ไปตามเอวของร่างเล็กก่อนจะชอนไชเข้าไปใต้ร่มผ้าอย่างถือสิทธิ์พร้อมกับการเลิกขึ้นช้าจนร่างเล็กไม่รู้สึกตัว

“อ๊ะ! ภู.....อื้อ...”ใบหน้าหวานส่ายไปมาเพื่อผ่อนคลายอารมณ์บางอย่างที่ค่อยก่อตัวขึ้นเมื่อริมฝีปากอุ่นชื้นของภูเบศธ์ค่อยๆไล้จูบลงไปตั้งแต่ลำคอจนกระทั่งถึงแผ่นอกบาง ก่อนจะครอบครองยอดอกสีหวานจนร่างเล็กต้องครางออกมาแถมด้วยการที่เสื้อนักศึกษาของทั้งสองฝ่ายหลุดรุ่ยออกจากตัวโดยไม่มีใครรู้สึกตัว


   


ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
~RrrrrrrrrrrrrrrrrRrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr~

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแข่งกับเสียงครางหวานๆของสองแต่ดูท่าว่าจะไม่มีใครใส่ใจกับเสียงที่ดังจนน่ารำคาญจะมีก็แต่เสียงของสองเท่านั้นที่ภูเบศธ์ควรจะสนใจ

   ~Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr~

เสียงเครื่องมือสื่อสารยังคงร้องไม่หยุด จนเหมือนว่าคนตัวเล็กที่กำลังถูกร่างสูงปรนเปรอต้องหลุดออกจากภวังค์แล้วสนใจเสียงรอบตัว

“อ๊ะ..ภ ภู...เสียงโทรศัพท์ อื๊อ~”ร่างเล็กพยายามทักท้วงในขณะที่มือใหญ่เริ่มซุกซนไล้ลงต่ำไปยังสะโพกมนก่อนจะเค้นคลึงผ่านกางเกงสแล็คสีดำที่สองสวมใส่

“ไม่ต้องไปสนใจหรอก...อืม..”ภูเบศธ์ตอบอย่างไม่ใส่ใจเพราะสิ่งที่ตนเองสนใจมากกว่าอยู่ตรงหน้าอยู่แล้ว

“แต่ว่า..”สองเหมือนจะสองจิตสองใจแต่สุดท้ายก็ผลักไหล่คนที่อยู่ด้านบนออก ก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ ทำเอาภูเบศธ์ต้องล้มตัวลงกับที่นอนทำได้แค่การสูดกลิ่นหอมของสองผ่านเตียงนุ่มสีอ่อนแทน มือใหญ่ทุบลงเตียงอย่างไม่ค่อยพอใจก่อนจะยันตัวเองขึ้นไปมองคนตัวเล็กที่วิ่งไปรับโทรศัพท์ด้วยกางเกงนักศึกษาตัวเดียว

“วินเหรอ? มีอะไร”เสียงหวานกรอกเสียงผ่านเครื่องมือสื่อสาร แต่ชื่อที่ร่างเล็กเอ่ยออกมาทำเอาภูเบศธ์หน้าซีดขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ

ตายห่า   ถ้าพ่อเขารู้ กูจะมีชีวิตรอดถึงวันพรุ่งนี้มั๊ยวะ?

“ไม่มีอะไร?...โทรมาเช็คเฉยๆอย่างนั้นเหรอ?”เสียงหวานเพิ่มวอลลุ่มถามกลับด้วยความสงสัย แต่พอได้ยินคำพูดนี้เข้าไปทำเอาภูเบศธ์ต้องเขวี้ยงหมอนข้างลงกับพื้นอย่างเซ็งอารมณ์

จากตอนแรกที่กลัวพี่วิน...ถ้าเปลี่ยนเป็นเกลียดชีวิตกูจะเฉียดความตายไปมากกว่านี้มั๊ยวะ!

ก็นึกว่ามาหาถึงห้อง รู้งี้ล็อคตัวไม่ให้ไปรับโทรศัพท์ซะก็ดี! โอกาสทองหลุดลอยเลยเว้ย~

“ภูเบศธ์เหรอ?..”สองพูดพร้อมกับหันไปมองเจ้าของชื่อที่ส่ายหน้ายิกๆราวกับรู้คำถาม

ถามอะไรกูไม่รู้ รู้แต่ว่าให้ตอบปฏิเสธไว้ก่อนพ่อกูสอนไว้! เดี๋ยวจะได้มีงานไว้อาลัย ก่อนวัยอันควร

“ไม่นี่กลับไปแล้ว”สองตอบกลับไปทำเอาภูเบศธ์ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“อือ...แน่ใจสิ...อือๆ..แค่นี้นะ”สองพูดเหมือนกับจะว่าเป็นประโยคสุดท้ายของการสนทนาก่อนวางสาย

“หา?...ไม่ต้องมา!ไม่มีอะไรจริงๆวิน”แต่พอสองพูดออกมาเช่นนี้ ภูเบศธ์ก็หันซ้ายหันขวาเตรียมเก็บข้าวของออกจากห้อง

“อือๆ...ไม่ต้องห่วง...เด็กนั่นไม่ได้อยู่แล้ว บาย~”ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ได้ยามวางสายกันสักที ภูเบศธ์จึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอกโล่งใจ

“มาต่อกันเถอะ” พอสองวางสายแล้วหันมาสบตากับภูเบศธ์ ร่างสูงก็เอ่ยถามทันทีพร้อมด้วยการอ้าแขนเตรียมรับร่างเล็กสู่อ้อมกอด แต่ทว่าจะมีก็แต่เครื่องมือสื่อสารนั่นแหล่ะที่เขวี้ยงมา บุญเท่าไหร่ที่ภูเบศธ์รับทัน ไม่งั้นคงได้หัวแตกเพราะโดนมือถือแสกหน้าอย่างตรฤณ

เดี๋ยวนี้เวรกรรมติดจรวด แถมยังรวดเร็วซะยิ่งกว่าอินเตอร์เน็ตไฮสปีด

“ทะลึ่ง! กลับไปได้แล้ว..เดี๋ยวไอ้วินมา”

“อ้าวไหนบอกว่าไม่มาแล้วไง?”

“เชื่อได้ที่ไหนหมอนั่นต้องกลับมาเช็คแน่ๆ..รีบกลับไปเลย”สองรีบเดินไปเก็บเสื้อเชิ้ตนักศึกษาของตัวเองและของภูเบศธ์ที่ร่วงหลุดออกจากร่างกายตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้ แต่ตอนนี้ควรแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนที่พ่อจะมาถึง

สัญชาติญาณความเป็นพ่อสูงจริ๊ง!
รู้อีกแน่ะว่าลูกสาวกำลังจะเสียตัวถึงได้โทรมาขัดจังหวะ!


“ไม่หรอก...มาต่อเหอะ”ภูเบศธ์ว่าอย่างไม่ใส่ใจแถมยังไม่มีทีท่าจะเอาเสื้อที่สองส่งให้มาสวมใส่อีกต่างหาก

“กลับไปเลย  ไปๆ   เดี๋ยวไอ้วินมาแล้วจะซวยทั้งคู่”  สองรีบเดินมาดันหลังภูเบศธ์ให้ลุกขึ้นจากเตียง แต่ร่างสูงก็ทำตัวหนักฝังรากลึกกับที่นอนอิดออดไม่ยอมลุกขึ้น

“แต่เราเป็นแฟนกันแล้วนี่นา..มีจุดจุดจุดกันบ้างจะเป็นไร”ภูเบศธ์ยังพยายามหาข้อโต้แย้ง แต่สองก็ไม่ยอมฟังดันจนภูเบศธ์ออกไปยังประตูห้องได้

“ไม่จ่งไม่จุดแล้วเดี๋ยวไอ้วินมาฉันจะตายเอา ไม่สินายนั่นแหล่ะที่จะตายโหงก่อนวัยอันควร เข้าใจมั๊ยภูเบศธ์”สองพูดด้วยความอ่อนใจ โดนไอ้วินหวงยิ่งกว่าไข่ในหิน ส่วนไอ้เด็กนี่ก็หาเรื่องแอ้มอยู่นั่นแหล่ะ จนไม่รู้จะตามใจใคร

“โอเค~ วันอื่นก็ได้ยังไม่สายหรอก”ภูเบศธ์ยิ้มปลอบใจตัวเองก่อนจะเดินออกจากห้องสองด้วยแววตาละห้อย

“จะให้กลับจริงอ่ะ?”ไม่วายหันหน้ากลับมาทำสายตาออดอ้อน

“อือ! รีบกลับไปเลย”สองยืนส่งอยู่หน้าประตู

“งั้นเป็นพรุ่งนี้ได้ป่ะ?”ภูเบศธ์ถามพร้อมแววตากรุ้มกริ่ม

“พรุ่งนี้อะไร?..ไปเลย เฮ้ย! นั่นวินมาแล้ว!”สองถามกลับทั้งที่รู้ว่าร่างสูงหมายความว่าอะไร ก่อนจะนึกหาเรื่องมาหลอกให้ไอ้เด็กนี่ยอมกลับ แล้วมันก็ได้ผล ภูเบศธ์รีบวิ่งลงบันไดทั้งที่ยังไม่ทันได้มองอะไรเลย

ฝากไว้ก่อนเหอะพี่มีโอกาสอีกเมื่อไหร่จะแอบปิดเครื่องไม่ให้โทรเช็คได้เลย   คอยดู! 


:: TBC ::



ฮ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา วิ่งมาลงแล้วจากไป
ถ้ามีคำผิดหรือชื่อแปลกๆหลุดมาบอกได้เลยนะค้า อ่านไปอีกรอบก็มึนเองงงง ฮ่าฮ่า

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
คนแรก (มั้ย??)

เกลียดอีตาวิน ฮ่าๆๆ (ดีแล้วที่ไม่เคยนึกกดโหวตมันเลย<<เป็นคนแบบนี้)

เรื่องสามีภรรยา พ่อไม่เกี่ยว!!!  ไม่โตเลย ดูพี่ภูมิเป็นตัวอย่างสิ รายนั้นยุเอาๆ<<จริงเดะ

โดนขัดใจ ฮึ้ยๆๆๆ (โมโหแทนภูหรือแทนสองดี ฮ่าๆๆๆๆๆ คนเขาจะนอนทับกัน จะอะไรนักหนา ไปทับน้องเขมโน้นไป๊<<รายนี้ก็ดันชื่อเหมือนอ.ที่ปรึกษาสมัยเรียน จิ้นเป็นหมอไม่ออกเลยทีเดียว (ฮา)

โอ๊ย ฮ่าๆๆ ขำกร ให้อารมณ์รุ่นพี่กระเทยคนหนึ่งมาก สวย เช้ง เด้ง (แต่หิ้วกระเป๋าหลุยส์มั้ย ไม่แน่ใจ)

ยังไม่เจอคำผิดนะคะ (มัวแต่ลุ้นฉาก<<อ้าว อีนี่)

 :L2: :L2: :L2:

หมูกระต่าย

  • บุคคลทั่วไป
พี่ชวิน พี่จะเป็นมารขัดความสุขแล้วนะ ว่างมากๆพี่ก็ไปจัดหมอเขมเหอะ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ชวินอยากทำแต้มกับหมอเขมก็อยาก  หวงลูกก็หวง  บ๊ะ  จะเอาแบบไหน

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

vi2212

  • บุคคลทั่วไป
แหมคุณพ่อวิน...จังหวะแม่นราวตาเห็น o18

ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
อ๊ากกกกก ด้ายกำลังจะเข้าเข็ม วินนี่ล่ะก็นะ มันบาปปปปปปปรู้ไม๊!!!!!  :z3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
เอาเพลงมานำเสนอ (มันยังไม่เลิก)

http://www.youtube.com/watch?v=r3z4ePivkvQ

เราให้เพลงนี้กับน้องภู น่าร๊ากกก

มาเป็นเด็กในฮาเร็มป้ามา จะตบให้ปากขวิดเลย (ที่จริงเราชอบSM!!!!  :z10:)

ออฟไลน์ greensnake

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +920/-14
อ่านเรื่องนี้แล้วหัวเราะตลอดเลย :m20:
สนุกดีค่ะ อ่านแล้วไม่เครียดดี ชอบๆๆๆ
ตามอ่านอยู่สองวัน ทันแล้วก็เลยเม้นท์
ทุกคนในเรื่องน่ารักมากๆๆๆเลยค่ะ :-[
แถมความเจ้าเล่ห์ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันเลย
ตัดสินไม่ได้เลยว่าใครมากกว่าใคร
ชอบน้องสองและน้องกรเป็นพิเศษ
บรรยายได้น่ารักน่าเอ็นดูมากเลย
จะติดตามต่อเรื่อยๆนะคะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13

ออฟไลน์ Bowbonk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-4
วินนนนนนนน  เด๋วโดนขัดบ้างจะรู้สึก

ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 19 ยานอนหลับดับชวิน


“ปิดเครื่องแล้วแน่นะ?”

“แน่ใจสิ”

“ถอดสายโทรศัพท์ห้องออกด้วย!”

“ถอดแล้ว~”

“ห้องล่ะล็อคยัง?”

“ล็อคแล้ว ใครหน้าไหนก็เข้ามาไม่ได้”

“แล้ว...”

“เรื่องมากน่ะภูเบศธ์! จะทำไม่ทำ?” เสียงแหบเล็กคล้ายมีน้ำโหในเมื่ออีกฝ่ายยังคงถามซักไซ้จนน่ารำคาญ

“ทำดิ!”ตอบเสียงดังฟังชัดพร้อมกับการถลาเข้าหาร่างเล็กตรงหน้า ก่อนที่จะผลักร่างของสองลงกับเตียงเบาๆซึ่งสองก็โอนอ่อนไปตามแรงผลัก ทำให้ร่างสูงกว่ารีบตามลงไปคร่อม แต่ดูเหมือนจะช้าไปนิดหน่อยเพราะเพียงแค่ภูเบศธ์โน้มตัวลง ร่างเล็กก็พลิกกายให้พ้นวงแขนแกร่งจนร่างสูงต้องล้มตึงลงบนเตียงแทน

“แต่คราวนี้ให้ฉันทำนะภูเบศธ์~”ริมฝีปากเล็กยิ้มยั่วก่อนจะทิ้งตัวลงทาบทับร่างสูง

   สายตาของสองไม่ได้บ่งบอกว่าอยากออนท็อป แต่กะอ๊อปกูทำเมียเสียมากกว่า!

“เฮ้ย? พี่สองจะทำอะไรน่ะ?”ดวงตาคมเบิกโพลงอย่างตกใจเมื่อร่างเล็กทาบทับลงบนตัว แถมมือไม้เริ่มไม่อยู่สุข ชอนไชไปตามสาบเสื้อพร้อมรอยยิ้มร้าย

“อ้าว~ ก็นายเป็นเด็กฉัน...นายก็เลยต้องเป็นเมียฉันด้วยไงภูเบศธ์”ร่างเล็กขยิบตาส่งให้ภูเบศธ์ที่อยู่ใต้ร่างของตนเอง ก่อนจะโน้มตัวลงเข้าใกล้จนภูเบศธ์ต้องหลับตาปี๋ด้วยความกลัว









“ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
ร่างสูงสะดุ้งสุดตัวจนลุกขึ้นมานั่งบนเตียงใบหน้าคมมีเหงื่อซึมตามไรผมพร้อมกับที่หน้าอกแกร่งกระเพื่อมขึ้นลงราวกับคนวิ่งจนเหนื่อยหอบทั้งที่สะดุ้งตื่นเพราะฝันร้าย

“หือ?....กูฝันบ้าอะไรวะเนี่ย?”

สงสัยเพ้อเจ้อว่าอยากได้เมีย...จนเก็บไปฝันว่าจะได้เป็นเมียซะเองล่ะมั้ง!
(ไม่เห็นจะเกี่ยว!)

________________



“นอนไม่พอหรือไง?”คำแรกที่หลุดออกจากปากก็ทำเอาคนที่ถูกถามเขวี้ยงกระเป๋ากระแทกกับโต๊ะไม้หินอ่อนที่หนุ่มหน้าหวานนามว่ากรจับจองพื้นที่ตั้งแต่ไก่ยังไม่โหเนื่องจากวันนี้มีเรียนแต่เช้า ก่อนจะกระแทกก้นลงตามกระเป๋าบ้าง

“อือ ฝันร้ายอ่ะ”ภูเบศธ์ตอบสั้นๆก่อนจะทิ่มหน้าลงกับโต๊ะดัง ‘โป๊ก’ ความจริงภูเบศธ์ก็ไม่ได้อยากทิ่มหน้าลงกับพื้นโต๊ะแข็งๆสักเท่าไหร่เพราะตอนแรกกะเอาหน้าซบลงกระเป๋าตัวเองที่วางไว้บนโต๊ะ แต่เสือกโดนทิวากรดึงกระเป๋าออก จนหน้าผากกว้างๆของภูเบศธ์กระแทกโต๊ะอย่างที่เจ้าตัวก็เบรกไม่ทัน

“กร! เอากระเป๋าออกทำไม!”มือใหญ่กุมหน้าผากก่อนจะหันไปทำตาดุใส่ปู่รหัสตัวเองที่ตอนนี้ยิ้มเยาะอย่างสะใจ

   บุญเท่าไหร่ที่กูไม่ทำให้หน้าผากมึงเลือดไหล
   เหมือนที่มึงทำเอาไว้กับตรฤณของกูอ่ะ!

“อ้าว? ก็ยังพูดกันยังไม่จบเลย จะนอนได้ยังไง”กรตีหน้าตายทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่ก่อนหน้านี้ แทบจะแหกปากหัวเราะด้วยความสะใจอยู่แท้ๆ

“กวนตีนว่ะกร”ภูเบศธ์ว่าเข้าให้โดยไม่ได้คำนึงถึงอายุอานามที่ห่างกันถึงสามปี ก่อนจะคว้ากระเป๋าเป้ตัวเองคืนมาแล้วทิ้งหัวลงหนุนกับกระเป๋าตามความเคยชิน

“กล้าด่าฉันรึ ไอ้เด็กนี่!”กรตวาดแต่ภูเบศธ์กลับทำท่าไม่ใส่ใจ กรเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าต่อให้ไอ้เด็กตรงหน้าสรรหาคำมาด่าตัวเองอีกเท่าไหร่ ก็โกรธไม่ลงอยู่ดีเลยหาเรื่องมาถามต่อเพื่อไขข้อข้องใจ

“ว่าแต่...ฝันว่าอะไร? เมียทิ้ง?
ถ้าเป็นอย่างที่ว่า ทิวากรจะขอหัวเราะให้ฟันหักสักสามซี่

“ฝันว่าโดนเมียทิ้ง ยังดีกว่าฝันว่าถูกจับทำเมีย”ภูเบศธ์พูดก่อนจะเด้งหัวขึ้นมาตั้งตรงแหน่วตามเดิมพร้อมกับการทุบโต๊ะดัง “แป๊ะ!” ทั้งที่กะทำให้มันดัง “ปัง!”

เจ็บชิบ! อ่อ...กูลืมไปว่านี่โต๊ะไม้หินอ่อน ไม่ใช่โต๊ะไม้ธรรมดา

“สมน้ำหน้า อยู่ดีไม่ว่าดีเอามือไปทุบโต๊ะเล่น!”กรหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นสีหน้าเหยเกของภูเบศธ์

“เออ! ก็คนมันเจ็บใจอ่ะ....เจ็บใจที่ในฝันจะโดนสองจับทำเมีย!”ภูเบศธ์พูดอย่างโมโหแถมยังดูจริงจังจนกรเองยังนึกหวั่นใจ

กูเริ่มไม่ค่อยมั่นใจว่าไอ้เด็กนี่ เคยมีประวัติเข้ารักษากับจิตแพทย์หรือเปล่า...
แค่ฝันมันยังคิดจริงจังอย่างกับว่าตกเป็นเมียสองแล้วนั่นแหล่ะ!


“ก็แค่ความฝัน...จะคิดมากให้หน้าผากมันเถิกมากไปกว่านี้หรือไง?”

“ก็มันเจ็บใจอ่ะ!”
เพราะความเป็นจริงกูยังไม่สามารถจับสองทำเมียได้ แล้วยังจะเสือกฝันว่าโดนสองจับทำเมียอีก คนหล่อเครียดว่ะเฮ้ย!

“ก็แค่ฝันเองคิดไรมากในเมื่อความจริงยังไงนายก็ต้องได้สองเป็นเมียอยู่แล้ว”

“ได้อย่างที่ว่าก็ดีสิ”ภูเบศธ์ถอนหายใจ

“ทำไม?”กรเลิกคิ้วถามขึ้นมาอย่างสงสัย

“ก็พี่วินอ่ะดิ! แค่จูบก็แทบจะโดนต่อย อย่าว่าแต่จับลูกเขาทำเมียเลย! สมองฉันจะเละก่อนได้เมียแน่นอน”ภูเบศธ์บ่นไปตามเรื่องตามราว ก่อนจะเปิดเผยเรื่องเมื่อวานว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างให้กรฟัง

“ฮ่าฮ่าฮ่า”เมื่อฟังเรื่องเล่าเช้านี้ที่รายงานโดยปาร์รภูเบศธ์ กรก็หัวเราะร่าจนภูเบศธ์อยากนึกย้อนเวลากลับไปก่อนหน้า.....รู้งี้ ไม่เล่าให้ฟังซะก็ดี!

“ไม่เห็นน่าขำ”ภูเบศธ์ทำหน้าบูดก่อนจะเอาคางเกยโต๊ะอย่างที่ชอบทำเวลาที่นึกเซ็งๆ จู่ๆกรก็เผยยิ้มออกมาก่อนจะวาดแขนไปโอบไหล่หลานรหัสสุดรัก

ถ้างานนี้มีมารผจญ เดี๋ยวคนอย่างทิวากรนี่แหล่ะจะจัดการให้เอง! 

“รับรอง...คืนนี้นายได้สองเป็นเมียแน่ๆ”กรพึมพัมกับตัวเอง และเหมือนภูเบศธ์จะได้ยินแต่ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่จึงได้แค่หันไปถามด้วยสายตา แต่ก็ได้รอยยิ้มกลับมาจนภูเบศธ์ต้องเอ่ยปากถามเพราะไม่เข้าใจ

“เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ?”

“ฉันแค่คิดว่า..คืนนี้ไปฉลองที่นายสอบได้ทุนก็ดีเหมือนกัน...เมื่อวานยังไม่ได้ฉลองเลยไม่ใช่เหรอเพราะเจอแต่เรื่องวุ่นๆ”กรยิ้มร้ายแต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มจนภูเบศธ์เองก็ยากที่จะเข้าใจทั้งที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่จำความได้

“เออพูดถึงเรื่องวุ่นๆ...พี่ตรฤณล่ะ?”เรื่องวุ่นๆที่ภูเบศธ์หมายถึงก็คงจะเป็นเรื่องที่เครื่องมือสื่อสารของภูเบศธ์ลอยไปกระแทกหน้าผากของตรฤณโดยไม่ตั้งใจ จนเลือดตกยางออกเป็นเดือดเป็นร้อนถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล

“อยู่โรงพยาบาล...ออกเย็นนี้แหล่ะ”จู่ๆกรก็เปลี่ยนรอยยิ้ม ทั้งที่ความจริงก็ฉีกปากยิ้มเหมือนเดิมนั่นแหล่ะแต่แค่ดูเหมือนว่าจุดประสงค์ของการยิ้มครั้งนี้มันต่างออกไป

“แค่หัวแตกนิดหน่อยถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาล?”ภูเบศธ์ขมวดคิ้ว ก่อนจะเริ่มรู้สึกผิด

เฮ้ย!  มือถือกูแข็งขนาดทำเอาคนหัวแข็งอย่างพี่ตรฤณต้องนอนรอดูอาการที่โรงพยาบาลเลยเหรอวะ?

“อ๋อเปล่าหรอกพอดีมีอาการช้ำในแทรกซ้อนนิดหน่อยเลยต้องนอนโรงพยาบาลสักคืน”กรยิ้มใสซื่อ ซึ่งภูเบศธ์เองก็ไม่ได้อยากจะคิดว่ารอยยิ้มนั้นจะใสซื่อตามที่แสดงออกมาจริงๆ

อ่อ! ไอ้อาการแทรกซ้อนที่ว่า ดูท่าจะเป็นฝีมือของคุณทิวากรมากกว่าล่ะมั้ง!

“ได้ข่าวว่าโดนมือถือฉันกระแทกหน้าผาก...ไม่ใช่ว่าไอ้อาการแทรกซ้อนที่เพิ่มขึ้นมาน่ะเป็นฝีมือของกรหรอกนะ?”ถามไปงั้นๆเพราะรู้คำตอบอยู่แก่ใจ

“ฉลาดนี่!  นี่ไงใครๆเขาถึงได้บอกว่าแกฉลาดแต่เรื่องโง่ๆ”

เรื่องโง่ๆที่ว่าของกรก็คงจะเป็นการอัดตรฤณซะน่วมหลังจากเห็นว่าตรฤณนั่งส่งสายตาหวานเยิ้มให้พยาบาลสาวที่ทำแผลให้ บุญเท่าไหร่ที่แค่ช้ำในน่ะ!

“จะถือว่าเป็นคำชมแล้วกัน”ภูเบศธ์ยกยิ้มกวนอวัยวะต่ำสุดของร่างกาย ก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกันกับกร

แหม่~  มันก็กวนตีน พอกันทั้งปู่ทั้งหลานล่ะวะ!!!

___________________


“หือ?...ไปฉลองเหรอ?อือ...เอางั้นก็ได้กี่โมงล่ะ?”สองใช้ไหล่พร้อมกับการเอียงศรีษะไปทางขวาเพื่อหนีบโทรศัพท์ไว้แนบหู จากที่มีโทรศัพท์เข้ามาทันทีหลังจากที่อาจารย์ปล่อย สองเลยต้องทำทั้งการรับโทรศัพท์พร้อมกับการเก็บหนังสือเข้ากระเป๋า

“อ่อ...งั้นเอาของไปเก็บก่อนได้ป่ะ?... อีกอย่างจะได้โทรชวนไอ้วินมันด้วย”สองถามก่อนจะเปลี่ยนมือมาถือเครื่องมือสื่อสารไว้แทนเมื่อหนังสือทุกอย่างลงไปอยู่ในกระเป๋าเป้เป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องโดยไม่ต้องรอใครเพราะวันนี้สองนั่งเรียนคนเดียวเนื่องจากเพื่อนเกิดอุบัติเหตุจนต้องเข้าโรงพยาบาล

“เออเพิ่งนึกได้..ไปรับไอ้ตรฤณออกจากโรงพยาบาลก่อนสิ จะได้ไปฉลองครบพร้อมกันหมดเลย”สองถามก่อนจะพยักหน้ากับตัวเองเมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมา พอสื่อสารกันลงตัวก็กดวางสายไป ไม่ทันไรไอ้คนที่เพิ่งสนทนาผ่านเครื่องมือสื่อสารก็มาปรากฎอยู่ตรงหน้า
“มารับไง”ตอบคำถามทั้งที่สองยังไม่เอ่ยปากถามใดๆ อาจจะเป็นเพราะสีหน้าของคนตัวเล็กที่บ่งบอกชัดเจนว่าสงสัยเลยทำให้ภูเบศธ์ต้องรีบตอบออกมา

“ไม่ใช่...ฉันจะถามว่าทั้งที่จะมาหาอยู่แล้วจะโทรมาทำไมให้เปลืองตังค์”

อ่อ...สงสัยกูลืมไปว่าบ้านมันรวย แถมยังได้ทุนเรียนฟรียันปีสี่ คงจะมีเงินเหลือเยอะเนอะ!
สองค่อนขอดอยู่ในใจ แต่ดูท่าว่าภูเบศธ์จะอ่านสีหน้าออก

“ก็คนมันคิดถึงอ่ะ...อยากได้ยินเสียงก่อนเจอหน้าก็ไม่ได้”
ร่างสูงแสร้งทำเป็นสลดแถมยังพูดด้วยความน้อยอกน้อยใจ ทั้งที่ก็รู้ดีว่าร่างเล็กตรงหน้าจับได้ว่าภูเบศธ์ทำไปด้วยความกระแดะที่มีติดตัวมาพอๆ กับความปากหมาที่เกิดมาเป็นของคู่กัน แต่ถึงอย่างนั้นสองก็กลับรู้สึกว่าเลือดลมมันวิ่งขึ้นมากองอยู่ที่ใบหน้าจนรู้สึกว่าร้อนผ่าว ถ้าเอากระจกมาส่องดูก็คงจะเห็นรอยแดงๆบนแก้มใสได้อย่างชัดเจน

“เออ! อยากจะทำอะไรก็ทำ”สองกระแทกเสียงปกปิดความเขินอายของตัวเองพร้อมกับเดินนำหน้าร่างสูงไป

“จะกลับก่อนใช่ป่ะ?...จะได้ไปส่งหอ”ร่างสูงเดินมาเทียบเคียงก่อนจะถามขึ้น

“ไปรับไอ้ตรฤณก่อน...มันโทรมาบอกว่าหมอไล่มันกลับแล้ว” สองตอบ ทั้งที่ความจริงเพื่อนบอกว่าหมอที่โรงพยาบาลอนุญาติให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว

แล้วไอ้การอนุญาตให้กลับกะการไล่กลับบ้านมันต่างกันตรงไหน?!  เอ๊ะ? หรือว่ากูเข้าใจผิดไปเอง?

“ก็ได้..งั้นไปรับพี่ตรฤณก่อนแล้วเอาของไปเก็บ แล้วค่อยไปฉลองโอเค๊?”ภูเบศธ์วางแผนให้เสร็จสรรพโดยที่สองก็พยักหน้ารับรู้

“ภูเบศธ์..พาสองเอาของไปเก็บเหอะ...ตรฤณน่ะฉันจัดการเอง”ยังไม่ทันจะได้ทำตามแพลนที่วางไว้กรก็เดินเข้ามาขัดก่อน

ให้ไปรับนะครับทิวากร..ไม่ใช่ให้คุณไปทำให้พี่ตรฤณช้ำในไปมากกว่าเดิม!

“งั้นฝากด้วยนะกร ไอ้นี่ก็สำออยแค่หัวแตกถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาล”สองบ่นอุบก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับภูเบศธ์

ถ้าแค่หัวแตกอย่างเดียว ก็คงไม่ต้องนอนโรงพยาบาลล่ะมั้ง~ ถ้าไม่เจอเลือดคั่งตามเนื้อตามตัว ตรฤณก็คงจะโผล่หัวมาเรียนได้แล้วล่ะ!
______________


ร้านนั่งร้านเดิมที่สองชอบ ก็ได้เป็นสถานที่ที่ถูกเลือกให้เป็นที่ฉลองเพื่อภูเบศธ์ที่สอบได้ทุนเรียนฟรีตลอดสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัย คราวนี้กรและตรฤณมาถึงก่อน ตามด้วยชวินที่สองโทรจิกให้มา ส่วนเจ้าภาพของงานกลับยังไม่โผล่หัวมาให้เห็น รวมไปถึงแฟนของเจ้าของงานด้วย

หายหัวกันไปทั้งคู่ ไม่รู้ไปมุดหัวอยู่รูไหนถึงได้ยังไม่โผล่หน้ามาที่ร้านสักที!

ชวินนึกหงุดหงิดที่มารอคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีที่ทำให้เกิดอาหารมื้อค่ำมือนี้ขึ้น ชวินยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาเป็นระยะเพราะรอภูเบศธ์กับสองมาถึงที่ร้าน แถมคนที่นัดนอกรอบก็ยังไม่มาด้วย    แต่เหตุผลหลักที่ทำให้ชวินหงุดหงิดอาจจะไม่ใช่เพราะนั่งรอภูเบศธ์และสองมานานนับเกือบครึ่งชั่วโมง แต่อาจเป็นเพราะภาพคู่รักตรงหน้าต่างหากที่ทำให้ชวินนึกหงุดหงิด

อย่าให้กูเจ็บจนน้องเขมต้องมาประคบประหงมบ้างเชียวนะ ไอ้ตรฤณ!
นึกแล้วก็ก้มมองดูนาฬิกาข้อมืออีกรอบ แล้วถอนหายใจเมื่อก่อนหน้านี้เขมชาติโทรมาบอกว่าจะมาตอนหกโมง แต่นี่ก็ปาไปหกโมงครึ่งแล้วยังไม่โผล่มาอีก

เฮ้อ! ไอ้คู่ตรฤณกรก็เลิกหวานกันซักทีได้มั๊ยวะ ไม่รู้หรือไงว่ากูอิจฉา 

“ไหนมึงบอกว่าหัวแตกนิดหน่อยไง? แล้วไอ้ที่แขนช้ำเป็นจ้ำๆนั่นอะไร?”ในเมื่อนั่งอยู่เฉยๆไม่มีอะไรทำ ก็เลยถามขึ้นมาเพื่อขัดความหวานของคู่รักขึ้นมาเสียดื้อๆ

“อ๋อ..นี่เหรอ..กูโดนกอ....เอ่อ...กูหกล้ม..ใช่กูหกล้ม!”ตอนแรกก็กะว่าจะตอบไปตามความเป็นจริง แต่พอหันไปเจอสายตาของทิวากร ตรฤณก็รู้ตัวในทันทีว่าควรพูดว่าอะไร

ขืนกูปากโป้งฟ้องเพื่อนว่าโดนเมียทำร้ายมีหวังชีวิตคู่กูโดนทำลายในบัดดลแน่นอน   กูขอบอก!

“หกล้มที่โรงพยาบาลเนี่ยนะ?”ชวินถามอีกคำถาม

“ใช่...ตรฤณนี่ซุ่มซ่ามเนอะหกล้มเป็นเด็กๆเลย”กรหัวเราะทำให้ตรฤณได้แต่มองตาปริบๆ

ถ้าวันนั้นกูโดนทิวากรใส่หมัดแบบไม่ยั้งไปตามเนื้อตัวเขาเรียกว่า   “หกล้ม”
กูก็คง..จะบอกว่าวันนั้นกู “ซุ่มซ่าม” จริงๆอย่างที่กรว่าไว้ล่ะ!


“นายก็หึงเป็นเด็กๆเหมือนกันนั่นแหล่ะ”ตรฤณบ่นอุบถึงเหตุผลของการ“หกล้ม” จนเนื้อตัวเขียวเป็นจ้ำๆ

“หึงอะไร?ฉันไม่ได้หึงสักหน่อยแค่เป็นห่วงไม่อยากให้นายอยู่กับคนอื่นนานๆ”
เพราะขนาดอยู่กับนางพยาบาลไม่ถึงสองนาทีกูยังน่วมขนาดนี้ ถ้าอยู่ถึงสี่นาที กูคงซี้ม่องเท่งคาโรง’บาล!

“ตามนั้นครับตามนั้น”ตรฤณว่าอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว
สามีดีเด่นก็เงี้ย เถียงเมียไม่เคยขึ้นครับ !

“ว่าแต่ตรฤณอยากกินอะไรอีกหรือเปล่า?เดี๋ยวฉันสั่งให้อีก”กรพูดเสียงหวานหลังจากที่ตรฤณยอมทำตัวว่านอนสอนง่าย พอโดนถามมาอย่างนี้ตรฤณเองก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอย รีบอ้อนต่อทันที

ทิวากรมาโหมดน่ารักแบบนี้ คนหน้าหมีก็พอจะให้อภัย อ้อนเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอล่ะว้า~

“เฮ้ย! ทำไมไอ้คู่นั้นมันยังไม่มาอีกวะ?”พอสองคนตรงหน้าเริ่มทำท่าจะหวานกันอีกรอบชวินก็หาเรื่องมาพูดขัดอารมณ์และดูเหมือนว่ากรเองจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบกับเรื่องที่ชวินบ่นทันทีเมื่อเห็นว่าชวินเริ่มมีน้ำโห แถมเตรียมควักโทรศัพท์โทรตามตัวคู่รักที่ยังมาไม่ถึงสักที กรก็รีบแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยการดึงความสนใจของชวินออกจากโทรศัพท์

“นั่น หมอเขมหรือเปล่า?”

“ไหน ไหน?”ได้ผลเกินคาดเมื่อชวินวางโทรศัพท์แล้วหันไปมองตามที่กรชี้ พอชวินหันไปหาน้องเขมที่กร มโนขึ้นมาเอง มือเรียวก็หยิบซองกระดาษแล้วยื่นไปเทใส่แก้วเบียร์ของชวินโดยมีตรฤณมองพร้อมด้วยสีหน้างงๆ แต่ยังไม่กล้าถามอะไรออกไป

“ไหนล่ะ กร...น้องเขมอยู่ไหน?”ชวินหันกลับมาถาม กรเองก็เกือบยื่นมือกลับไม่ทัน

“อะ..อ๋อฉันนึกว่าหมอเขม...แต่ไม่ใช่เหรอ  สงสัยหน้าคล้ายๆฉันเลยเข้าใจผิด”กรยิ้มหวานกลับทำท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เนียนจนได้โล่ห์....ตรฤณเลยได้แต่นึกชมอยู่ในใจ

“ทำไมยังไม่มาอีกนะ”เหมือนบ่นอยู่กับตัวเองก่อนจะคว้าแก้วน้ำสีอำพันตรงหน้ายกขึ้นดื่ม พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของกรที่ค่อยๆเผยขึ้นมาช้าๆ

“นายใส่อะไรให้ไอ้วินกิน?”ตรฤณกระซิบถามคนที่กำลังยิ้ม

“เดี๋ยวก็รู้ ”กรยักคิ้วให้หนึ่งทีก่อนจะมองดูผลงานของตนเอง ไม่นานเกินรอ ชวินก็ล้มคอพับกับเก้าอี้ทำเอาตรฤณต้องรีบมองกรด้วยความตกใจ

“ยานอนหลับ? นายให้ไอ้วินมันกินทำไม๊~” ตรฤณตาลีตาเหลือกอ้อมโต๊ะไปหาเพื่อนรักอีกฝั่งที่หลับคอพับไร้สติ

“คราวนี้แหล่ะภูเบศธ์ได้ฉลองกับสองกันสองต่อสองตลอดทั้งคืนแน่นอน”รอยยิ้มร้ายเผยออกมา ในขณะที่ตรฤณยังคงมัวแต่ตบหน้าชวินเพื่อเรียกสติเพื่อน แต่ดูเหมือนว่าทำไปก็ไร้ประโยชน์เพราะชวินหลับสนิท ชนิดที่ว่าพรุ่งนี้สิบโมงก็ไม่รู้จะตื่นหรือเปล่า

“อ๊ะ?..นั่นหมอเขมมาพอดี”กรกวักมือเรียกคนที่มาใหม่

“มีอะไรเหรอครับ?...ทำไมพี่วินคอพับอย่างนั้นล่ะ?” หมอเขมที่เพิ่งเดินมาถึงตามที่นัดหมายหลังจากเคลียร์ธุระของตัวเองเสร็จ ก็ถามขึ้นอย่างสงสัยเมื่อเหลือเห็นชวินหลับคอพับไปกับเก้าอี้ที่นั่ง

“ชวินมันเมาน่ะ....ยังไงฝากหมอเขมพากลับด้วยนะ...พอดีพี่กับตรฤณเราจะไปต่อกันนิดหน่อย” กรพูดพร้อมกับเก็บข้าวของโดยมีตรฤณมองกรด้วยสีหน้าฉงนงงงัน

“หรือไม่อยากไปต่อล่ะ ตรฤณ~”เสียงหวานคล้ายเอ่ยยั่วแล้วมีหรือตรฤณจะไม่ตอบตกลง

ไอ้วินเอ้ย! พอดีกูเป็นคนเห็นเมียสำคัญกว่าเพื่อน...เพราะฉะนั้นเพื่อนชั่วอย่างกูจะทิ้งมึงให้กับคนอื่นแล้วล่ะน้า~  จะว่าไปหมอเขมก็ไม่ใช่คนอื่นนี่หว่า ฮ่าฮ่า
ว่าแล้วตรฤณก็เดินเคียงคู่กับกรออกจากร้านไปทิ้งระเบิดลูกใหญ่ให้หมอเขมจัดการ

“ว่าแต่จะพาไปห้องเรา...หรือห้องพี่วินดี?”
มีใครอยากช่วยผมคิดหรือเปล่าล่ะครับ?


_________________________



ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
“ฉันแค่เปลี่ยนเสื้อผ้านะ จะลงไปนอนทำไมลุกขึ้นมาภูเบศธ์”ร่างเล็กพยายามดึงแขนคนตัวใหญ่ให้ลุกจากเตียงที่ดูเหมือนจะขี้เกียจลุกหลังจากที่นอนรอคนตัวเล็กเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่จนเหมือนจะเผลอหลับไป

ไม่ใช่ว่าสองเปลี่ยนเสื้อผ้านาน แต่กูว่า ‘โคตรนาน’ ไม่งั้นไม่ถึงขั้นเผลอหลับอย่างนี้หรอก!

“ขี้เกียจอ่ะ..อยากนอนแล้วไม่ไปไม่ได้เหรอ?”ภูเบศธ์ทำตัวหนักฝังรากลึกกับที่นอน แต่สองก็ไม่ยอมง่ายๆเช่นกัน จนกระทั่งเสียงเครื่องมือสื่อสารของภูเบศธ์ดังขึ้นสองเลยเลิกยื้อยุดฉุดกระชากแขนร่างสูงเพื่อให้ภูเบศธ์ได้ล้วงเครื่องมือสื่อสารออกมาดู

“ข้อความน่ะ”ภูเบศธ์บอกทั้งที่สองไม่ได้ถาม ก่อนจะเปิดอ่านข้อความที่เพิ่งถูกส่งมาโดยเบอร์ของ “กร”

‘Clear ’
ข้อความสั้นๆถูกอ่านทำให้ภูเบศธ์ยกยิ้มได้ไม่ยากก่อนจะเงยหน้ามองหน้าเล็กที่ยังคงทำหน้าไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง

“ยิ้มทำไม? ป่วยทางจิตเหรอ?”

ปากชักจะจัดเกินไปแล้วมั๊ยครับ?...

“ไม่ต้องไปแล้วล่ะ”ภูเบศธ์ตอบไม่ตรงคำถาม

“ไม่ต้องไป?...หมายถึงไปร้านนั่นอ่ะนะ?”

“ใช่...เพราะคนอื่นเขาอยากให้เราฉลองกันที่ห้องสองต่อสองยังไงล่ะ~”
ภูเบศธ์อ้อนทั้งคำพูดทั้งสายตาทำเอาสองรู้สึกหนาวๆขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“ฮ่าฮ่าฉลองที่ห้องแต่ห้องฉันไม่มีอะไรเลยนะไม่ได้ซื้ออะไรมาเลยไม่ใช่เหรอ?...จะลงไปซื้ออะไรมากินมั๊ยล่ะ” เหมือนสองจะเริ่มรู้ชะตาตัวเองกลายๆว่ากำลังจะเข้าสู่ภาวะวิกฤตเลยพยายามพูดเลี่ยงไปประเด็นอื่นแถมยังค่อยๆถอยหลังมองหาทางหนีทีไล่ที่จะทำให้ชีวิตตัวเองปลอดภัยจากภูเบศธ์ที่เริ่มเดินเข้ามาหาตนเองเรื่อยๆ พอถอยหลังจนหลังติดกำแพงสองก็รู้ตัวทันทีว่าหมดทางหนี

“ฉลองน่ะ...แค่ผมกับพี่สองก็พอไม่ต้องมีอะไรมาเพิ่มหรอก...ว่ามั๊ย?”

กูไม่ ‘ว่ามั๊ย’ ไปกับมึงหรอก~ ภูเบศธ์!

“เอ่อ...ฉันว่ามีเบียร์สักกระป๋องสองกระป๋องท่าจะดี นะ”พูดยังไม่ทันจบลำแขนแกร่งก็คร่อมร่างเล็กเข้ากับกำแพงจนสองไม่รู้ว่จะหนีไปทางไหน เพราะถูกแขนคนตัวใหญ่คร่อมเอาไว้

“เมื่อวานผมพูดว่าอะไรจำได้มั๊ย?”มือใหญ่ข้างหนึ่งเปลี่ยนมาลูบคางมนของร่างเล็กเบาๆพร้อมกับสายตากรุ้มกริ่มที่ทำเอาร่างเล็กเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดี

“พะ...พูดอะไร?”สองเฉไฉจนภูเบศธ์ยกยิ้มที่มุมปาก

“ก็บอกแล้วไงว่าพรุ่งนี้...พรุ่งนี้ของเมื่อวานก็คือวันนี้ไม่ใช่เหรอ?”

“พูด..อะไรไม่เห็นจะจำได้” ร่างเล็กก้มหน้าหลบสายตาทำเอามือแกร่งต้องเชยคางมนขึ้นเพื่อมองใบหน้าหน้าเล็กได้ชัดขึ้น

“เอาอีกแล้ว วัวแก่ความจำสั้น สงสัยต้องย้ำสักรอบถึงจะจำได้” ยังไม่ทันที่สองจะได้อ้าปากด่าไอ้เด็กตรงหน้าที่หาเรื่องด่าว่าสองเป็นสัตว์สี่เท้าตัวสีขาวที่ชอบบริโภคหญ้าอ่อนเป็นชีวิตจิตใจ ริมฝีปากอุ่นของภูเบศธ์ก็ก้มลงประทับจูบแผ่วเบาบนริมฝีปากสีสดของสองเสียแล้ว ร่างสูงบดเบียดริมฝีปากเข้าหาคนตัวเล็กโดยที่สองเองก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืนถึงจะดูตกใจไปบ้างแต่สุดท้ายก็โอนอ่อนไปตามรสจูบแสนหวานของภูเบศธ์ ที่ไม่ว่าจะโดนจูบกี่ครั้งก็ทำเอาสองรู้สึกว่าหัวใจของตนเองเต้นถี่รัวแถมยังรู้สึกว่าตัวเองตอบรับจูบนั้นอย่างอัตโนมัติทันทีเช่นกัน ถึงจะเป็นการจูบตอบแบบไม่ประสีประสา แต่นั่นยิ่งกลับทำให้ร่างสูงได้ใจจนอยากแกล้งหนักกว่าเก่าโดยการส่งลิ้นร้อนเข้าไปตวัดเกี่ยวลิ้นเล็กที่เริ่มตอบสนองกลับคืนอย่างกล้าๆกลัวๆ เป็นการจูบที่ไม่เร่งรีบ แต่กลับเร่าร้อนอยู่ในที

“อือ...”เสียงแหบหวานครางอืออาในลำคอทำให้ร่างสูงยอมคลายจูบ ส่งผลให้คนตัวเล็กรีบเผยอปากตักตวงอากาศเข้าปอดพร้อมกับอาการเข่าอ่อน ที่เจ้าตัวรู้สึกว่ามันจะเกิดขึ้นมาดื้อๆไม่รู้ด้วยความเขินหรือเพราะอะไร แต่มือแกร่งก็กลับคว้าเอวเล็กเอาไว้แนบกับลำตัวของตนเองได้ทันเวลา ก่อนจะกระซิบข้างใบหูเล็กเบาๆว่า

“คืนนี้พี่สองเป็นรางวัลที่ผมสอบทุนได้นะ” เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบาทำเอาร่างเล็กรู้สึกขนลุก แถมยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองตอบตกลงไปหรือเปล่า พอมารู้ตัวอีกทีร่างเล็กก็ถูกวงแขนใหญ่รวบตัวขึ้นพาดบ่า แล้วค่อยๆวางร่างเล็กที่หิ้วมาลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล   

“เฮ้ย! ภูเบศธ์ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ...ฉันไม่ได้อยากเป็นรางวัลให้นายสักหน่อย!”สองโวยวายทันทีที่ร่างสูงโน้มตัวลงไปทาบทับร่างเล็ก มือเล็กเองก็ทุบบ่าของคนด้านบนเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ แต่ดูเหมือนว่าภูเบศธ์จะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่

“ได้ยังไง~ ไหนบอกว่าจะฉลองกับผม?”แขนแกร่งคร่อมร่างเล็กเอาไว้ก่อนจะถามพร้อมด้วยแววตาเป็นประกาย

“ฉลองก็ฉลองไปสิ ไม่ใช่ว่าให้นายมา ‘จุดจุด’ กับฉันสักหน่อย ลงไปเดี๋ยวนี้เลยน้า~”สองโวยวายแถมยังดิ้นขลุกขลักไปมาใต้วงแขนของภูเบศธ์ แต่นั่นกลับทำภูเบศธ์ยิ้มร่าเริง

“ก็นี่ไงกำลังจะฉลอง”พูดจบก็ก้มลงไปจูบริมฝีปากสีสดที่เตรียมจะโวยวายก่อนจะผละออกมา

“อื๊อ ไอ้บ้าปล่อยเลยนะอย่าจูบนะ!” พอร่างสูงผละริมฝีปากออกร่างเล็กก็โวยวายอีกรอบ ร่างสูงเลยกะใช้มาตรการเดิมหากโวยวายก็จะจูบจนกว่าจะเลิกโวยวาย สองเองก็เหมือนจะรู้ทันเลยต้องขู่ห้ามขึ้นมาก่อน

“อะ..~”เสียงเล็กครางประท้วงเมื่อร่างสูงก้มลงฉกฉวยริมฝีปากเล็กอีกรอบโดยไม่ฟังคำขู่ แล้วก็ผละริมฝีปากออกอีกครั้งราวกับกลั่นแกล้ง

“ถ้าโวยวายอีกก็จะจูบอีก โอเคมั๊ย?”

ใครจะไปโอเคกับมึ๊ง! มีแต่เสียกับเสียล่ะวะกมลินทร์อ้ย!

“ไม่!”ร่างเล็กดื้อแพ่งไม่เลิกราทั้งที่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองตกเป็นรองจนน่าเป็นห่วง แต่ภูเบศธ์ก็ยังหาเรื่องแกล้งรุ่นพี่ตัวเล็กอีกจนได้

“..........”และดูท่าว่าคราวนี้ภูเบศธ์จะไม่ยอมผละริมฝีปากออกง่ายๆ เพียงแค่ร่างเล็กจะเปิดปากร้องห้าม ก็กลับกลายเป็นการเปิดโอกาสให้ลิ้นอุ่นชื้นเข้าไปสำรวจความหวานภายในโพรงปากเล็กอย่างง่ายดาย ลิ้นร้อนเกี่ยวรัดลิ้นเล็กอย่างเอาแต่ใจ จนเผลอจูบนานไป มือเล็กเลยเริ่มทุบไหล่เพื่อให้ร่างสูงยอมคลายจูบ

“แฮ่ก...แฮ่ก...”ร่างเล็กหอบจนตัวโยน คนที่มองก็ได้แต่ยิ้มให้กับผลงานของตัวเองก่อนจะก้มลงขบเม้มเบาๆที่ซอกคอหอมกรุ่น ที่ยากเกินจะห้ามใจไม่ให้ฝากรอยสีแดงจางๆเอาไว้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ก่อนที่มือจะไล้ไปตามสาบเสื้อเพื่อพยายามจัดการปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตตัวบางออกจนหมดอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการแหวกเสื้อเชิ้ตออกเพื่อให้ใบหน้าคมสามารถจูบฝังไปตามผิวเนื้ออ่อนของร่างเล็กตรงหน้า ได้ทุกซอกทุกมุมอย่างที่ร่างสูงตั้งใจเอาไว้

“อะ...อือ....” ริมฝีปากบางเผยอออกปลดปล่อยเสียงเพื่อระบายความเสียวซ่านที่ร่างสูงมอบให้ จูบร้อนที่ยังคงไล้วนตามเนินอก ก่อนจะครอบครองยอดอกสีหวานจนร่างเล็กต้องครางเสียงหวาน ร่างสูงยิ่งได้ใจนึกยิ้มอยู่ในใจจึงใล้มืออีกข้างขึ้นมาเพื่อเค้นคลึงยอดอกเล็กอีกข้างเพื่อปรนเปรอให้ร่างเล็กจนพอใจ ร่างเล็กหอบเพราะรู้สึกหายใจไม่ทันเมื่อร่างสูงจูบไล้ไปทั่วแผ่นอก แถมด้วยมือแกร่งเองก็เริ่มซุกซนไล้ลงต่ำไปยังสะโพกพร้อมกับเค้นคลึงสะโพกมนพร้อมกับการปลดกางเกงสแล็คเนื้อดีออกจากกายบางอย่างง่ายดาย จนเหลือเพียงชั้นในตัวเดียวบนร่างเล็กก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าหวานที่แดงก่ำด้วยแรงอารมณ์ ที่ตนเองเป็นคนปลุกปั่นขึ้นมา

“ชอบล่ะสิ~”พูดเหมือนหยอกเอิน แต่ได้รับกลับเพียงแค่การตวัดสายตามองอย่างเคืองๆจนภูเบศธ์หลุดขำ

“เดี๋ยวจะทำให้ชอบมากกว่านี้อีก”ร่างสูงยักคิ้วให้ก่อนจะก้มลงจูบร่างเล็กโดยที่ร่างเล็กเองก็ยังไม่ทันจะได้เถียงอะไร

“อื้อ.....อืม...ดะ..เดี๋ยวภูเบศธ์”เพียงแค่ร่างสูงยอมปล่อยให้ริมฝีปากเล็กเป็นอิสระอีกครั้ง ร่างเล็กก็เอ่ยทักขึ้นมาโดยที่ภูเบศธ์ก็ยังคงทำเป็นไม่สนใจ ริมฝีปากอุ่นร้อน ไล้ลงไปตามลำคอพร้อมกับมือแกร่งที่เริ่มล้วงผ่านชั้นในตัวเล็กของสองก่อนใช้มือครอบครองส่วนอ่อนไหวที่ค่อยๆตื่นตัวรับสัมผัสกับมือใหญ่

“ยะ..อื้อ...ภูเบศธ์.....ตรงนั้น.......”ร่างเล็กครางกระเส่าเมื่อมือใหญ่ทำการปลดเปลื้องชั้นในออกจากกายบางให้พ้นทางก่อนจะลูบไล้แก่นกายแล้วเปลี่ยนเป็นรูดจนตั้งชันขึ้นมา

“อือ...”มือแกร่งเร่งจังหวะให้ถี่ขึ้นกระตุ้นอารมณ์ร่างเล็กจนตรงส่วนปลายเริ่มฉ่ำเยิ้ม โดยที่สองเองก็ได้แต่ครางเสียงหวานเพื่อคลายความเสียวซ่านให้ตนเอง

“อ๊ะ!”เสียงหวานครางทันทีเมื่อปลดปล่อยความปรารถนาออกมาจนเปรอะเปื้อนมือใหญ่ที่ยังคงลูบไล้ส่วนนั้น โดยที่ร่างเล็กเองก็ยังคงครางหอบจนภูเบศธ์นึกเห็นใจจนต้องจูบขมับปลอบร่างเล็ก

“แฮ่ก...แฮ่ก...ภู...ถ้า..ถ้า...ไอ้วิน”
มาถึงขั้นนี้ยังจะพูดถึงพี่ วินให้กูเสียวสันหลังเล่นอีกเหรอ?

ภูเบศธ์มองร่างเล็กก่อนจะจูบปิดปาก เพราะไม่อยากให้ร่างเล็กพูดอะไรไปเพื่อย้ำความรู้สึกผิดของตัวเองไปมากกว่านี้

ก็เล่นวางยาพ่อเพื่อหลอกล่อให้ได้เสียกับลูก ถ้าพ่อเขารู้กูนี้แหล่ะจะตายห่าคนแรก!

“พี่วินน่ะ.....ไม่มีทางมาขัดเราได้หรอก”พอคลายจูบภูเบศธ์ก็ตอบคำถามเพื่อให้สองมั่นใจว่า ‘จุดจุด’ ครั้งนี้ชวินมาขัดไม่ได้แน่นอน ล้านเปอร์เซ็นต์

“ทำไมล่ะ?” เสียงเล็กเอ่ยถามพร้อมกับใบหน้าหวานยังคงแดงซ่านหลังจากเพิ่งปลดปล่อย ดูแล้วยิ่งเหมือนเป็นการยั่วยวนร่างสูงด้านบนอย่างที่เจ้าตัวก็ไม่เคยรู้

“ไม่ต้องรู้หรอกรู้แค่ว่าคืนนี้มีผมกับพี่สองเท่านั้นก็พอ”พอพูดจบร่างสูงก็ประทับจูบอ่อนโยนลงบนหน้าผากมน โดยที่ร่างเล็กเองก็เผลอรับตาพริ้มไปเมื่อรู้สึกผ่อนคลายเวลาได้รับจูบเบาๆบนหน้าผากก่อนจะครางอือเบาๆเมื่อร่างสูงสอดขาเข้าแนบชิดระหว่างเรียวขาเล็ก

“อ๊ะ...”ร่างเล็กผวาเมื่อร่างสูงทิ้งน้ำหนักลงตรงระหว่างขาเรียวเล็กพร้อมกับการยกเรียวขาขึ้นพาดบ่าใบหน้าหวานดูเหยเกไปเล็กน้อย เมื่อร่างสูงส่งนิ้วแทรกเข้าช่องทางด้านหลังช้าๆ

“อื้อ...ภู...จะ...เจ็บ!”ร่างเล็กสะดุ้งสุดตัวเมื่อนิ้วแรกแทรกผ่านเข้าไปภายในช่องทางอุ่นร้อนจนสุดความยาว โดยที่ร่างสูงเองก็ไม่ลืมที่จะก้มลงไปจูบหน้าผากอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาเป็นการปลอบโยน และพยายามให้อะไรๆเป็นไปทีละขั้น ทั้งที่ตอนนี้อารมณ์ของตนเองไม่ได้อยู่ในสภาวะที่จะมาทำอะไรตามสเต็ป ในเมื่อเสียงหวานยังคงครางอื้ออึง แถมกายบางยังแดงระเรื่อก็ยากที่จะห้ามใจไม่ให้กระทำรุนแรงกับร่างเล็กใต้ร่าง

“ขอโทษนะ อย่าเกร็งสิ...หายใจลึกๆนะ” ทั้งที่ปากก็พร่ำบอกกับร่างเล็กแต่บางครั้งก็ดูจะเป็นการเตือนสติตัวเองกลายๆ ไม่ให้ผลุนผลันแทรกกายเข้าหาร่างเล็กอย่างที่อยาก กลับต้องแทรกนิ้วเพิ่มอีกนิ้ว จากหนึ่งเป็นสองจากสองเป็นสามเพื่อให้ช่องทางร้อนได้ปรับตัว

“อื้อ...ภูเบศธ์เจ็บ~”ร่างเล็กยังคงร้องท้วงใบหน้าหวานส่ายไปมาราวกับไม่อยากยอมรับสิ่งแปลกใหม่ที่กำลังแทรกเข้ามาในร่างกายจนภูเบศธ์เกือบใจอ่อน หยุดทุกอย่างลง แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ในเมื่อ ณ ตอนนี้อารมณ์มันอยู่เหนือการกระทำ

“ทนหน่อยนะ...” เสียงทุ้มกระซิบปลอบก่อนจะจูบริมฝีปากบางเพื่อดึงความสนใจจากร่างเล็ก ลิ้นร้อนเกี่ยวกวัดกับลิ้นเล็ก แลกเปลี่ยนความวาบหวามจนร่างสูงรู้สึกได้ว่าร่างเล็กเริ่มผ่อนคลาย นิ้วแกร่งจึงเริ่มขยับเข้าออก

“อะ...อื้อ!...” เสียงหวานส่งเสียงครางเมื่อสิ่งที่แทรกเข้ามาไม่ได้ทำให้รู้สึกเจ็บปวดอย่างเดียวแต่มันกลับทำให้รู้สึกรัญจวนใจจนยากที่จะปฏิเสธ เพราะพอร่างสูงเห็นว่าร่างเล็กพร้อมที่จะรับกับสิ่งใหม่ที่ไม่ใช่นิ้ว จึงค่อยถอนนิ้วออกมา ก่อนจะแหวกเรียวขาออกกว้าง แล้วค่อยๆแทรกกายผ่านเข้าไปแทน

“อ๊า!”ร่างเล็กร้องทันทีเมื่อรู้สึกว่าร่างสูงค่อยๆแทรกกายผ่านเข้ามาเรื่อยๆ ฟันซี่คมกัดลงบนริมฝีปากจนห้อเลือดเพื่อระบายความเจ็บปวด พร้อมๆกับมือเล็กที่ขยุ้มผ้าปูที่นอนจนยับยู่ ทำเอาร่างสูงต้องคว้ามือเล็กทั้งสองข้างขึ้นมาเกาะหลังแกร่งของตนเอง

“ถ้าเจ็บก็ระบายมาได้เลย”เสียงทุ้มแหบพร่าพร้อมกับการแทรกกายจนสุดความยาวโดยที่มือเล็กเองก็จิกลงแผ่นหลังแข็งแรงจนเกิดรอยแดง

“อะ...อ๊ะฮ่ะ....อา.....”เสียงครางปนหอบดังขึ้นอีกครั้งเมื่อร่างสูงเริ่มขยับสะโพก คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเพราะความเจ็บ แถมยังไม่ชินกับสิ่งแปลกปลอมที่แทรกเข้ามาในร่างหายตนเองร่างสูงพยายามบดเบียดร่างกายเข้าหายกายบาง ไม่ต่างกับร่างเล็กที่พยายามแอ่นสะโพกรับกับการขยับกายของร่างสูงจนเริ่มเป็นจังหวะเดียวกัน

“อือ....อะ..อา”เสียงครางของคนทั้งสองผสมปนเปกันจนยากที่จะแยกเสียงแถมยังมีเสียงเนื้อที่เสียดสีกระทบกัน ร่างสูงเริ่มเร่งจัวหวะขยับกายเข้าออกแรงและเร็ว ร่างเล็กหอบสะท้านอยู่ใต้ร่างถึงจะรู้สึกเจ็บแต่ก็กลับรู้สึกดีจนยากที่จะปฏิเสธ ทำได้แค่เพียงการแอ่นกายรับกับจังหวะขยับกายที่ร่างสูงส่งมา

“อ๊า.......”

“อา....พี่สอง...”ในที่สุดก็มาถึงปลายทาง ร่างสูงปลดปล่อยความปรารถนาเข้าสู่กายบางทุกหยาดหยด พร้อมๆกับการที่ร่างเล็กเองก็ปลดปล่อยความสุขออกมาอีกรอบ  ร่างสูงหอบก่อนจะซบใบหน้าลงบนแผ่นอกบางของร่างเล็กใต้ร่างอย่างออดอ้อน

“แฮ่ก..แฮ่ก.....อื้อ...ภูเบศธ์~”ร่างเล็กพูดเบาหวิวเมื่อรู้สึกอึดอัดเบื้องล่างที่คนบนตัวไม่ยอมถอนกายออก แถมยังมานอนทับจนหายใจแทบไม่ออก

แค่หอบเฉยๆก็เกือบจะตายแล้วนี่อะไรมานอนทับ ตัวไม่ได้เล็กๆเลยนะไอ้เด็กนี่!

“ขออยู่อย่างนี้ไม่ได้เหรอ?...”ใบหน้าคมยังคมซบกับแผ่นอกของร่างเล็กจนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นถี่รัวของสอง

“หนัก~” คำสั้นๆที่เอ่ยออกมาทำเอาภูเบศธ์จำต้องยอมถอนกายออกจากกายบาง แล้วพลิกตัวลงนอนข้างๆสองโดยที่ไม่ลืมคว้าร่างเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะลุกขึ้นเอาผ้าห่มมาคลุมกายทั้งตอนเองและร่างเล็กในอ้อมกอดที่ทำตาปรือปรอยราวกลับคนง่วงนอน

“ฝันดีนะครับ”ริมฝีปากอุ่นจุบประทับลงบนกลุ่มผมของร่างเล็กที่ค่อยๆหลับตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน

“อือ~”ครางในลำคอเพื่อเป็นการตอบกลับ ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป

ความจริงก็อยากจะฉลองถึงเช้า แต่พอเห็นนอนหลับปุ๋ยไปอย่างนี้ ก็เกิดใจดี...ยอมให้นอนจนได้ล่ะว้า~


:: TBC ::



รีบมาลงก่อนที่จะหายไปอีก 3 วัน (ไปเข้าค่ายT^T)
ไม่คิดว่า จะเร็วขนาดนี้ มาถึงตอนที่ น้องภูได้เสียกับพี่สองจริงๆสักที ฮ่าฮ่าาา ลุ้นกันนานคู่นี้

เรื่องราวความฮายังมีต่อค่ะ ฮ่าฮ่าาาา

vi2212

  • บุคคลทั่วไป
และแล้วสองก็ตกเป็นของภูโดยสมบูรณ์...แล้ววินกับเขมจะเป็นไงบ้างน้อ :z1:

ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
 :haun4:  :haun4: กรี๊สสสสสสสสสสส ในที่สุดภูก็ได้สองเป็นเมียแล้วเว๊!!! โย่วววววว
ว่าแต่ชวินเหอะ ห่วงลูกสาว ไม่รู้กลับมา จะกลายร่างเป็นคุณพ่อ หรือจะเป็นคุณแม่ หวงลูกสาวแทนน๊ออออออ อิอิอิ  :impress2:

หมูกระต่าย

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
เอิ่มม  ชวิน  ไม่ใช่ว่าจะต้องเสียประตูชัยให้หมอเขมเหรอเนี่ยะ

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
ลุ้นคู่วินเขมมากกว่าอีก...

เสียให้หมอแน่ ฮ่าๆๆ หมอตรวจร่างกายคนไข้เลยค่ะ คนไข้จะได้เลิกดื้อหวงก้างสักที ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

(หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง)

ออฟไลน์ Bowbonk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-4

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
แล้วชวินจะไปนอนไหนอ่ะ
..มามะ มาเลย มานอนที่นี่มั๊ย..

ออฟไลน์ greensnake

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +920/-14
ในที่สุดน้องสองก็ตกเป็นของภูจริงๆ
เจ้าเล่ห์ขนาดนี้ก็คงต้องยอมเค้าล่ะ
แถมมีผู้ช่วยระดับปรมาจารย์อย่างกร
รอดมือไปได้ก็ให้มันรู้กันไป :z1:
เป็นห่วงก็แต่ทางฟากคุณพ่อนั่นแหละ
จะเป็นคุณพ่อต่อไปหรือจะกลายเป็นคุณแม่
อันนี้ก็ต้องรอติดตามตอนต่อไป :laugh:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
หึหึหึ และแล้ววันนี้ที่เฝ้ารอก็มาถึง :z1:
และยังจะเฝ้ารอต่อไป :haun4:

แอร๊ย เขินอ่ะ :-[

กอดคนเขียน :กอด1: รีบกลับจากค่ายมาอัพไวไวนะตัว :L2:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
5555 เสดกันสักที ถ้าชวินตื่นมารู้เรื่องนี้ ภูเบศธ์จะมีชีวิตรอดอยู่มั้ยน๊าาา

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
จนแล้วจนรอดก้อเส็ดจนได้สิน้า อิอิ

ยังไงก้ออย่าลืมมาต่ออีกน้อค๊าฟ อิอิ รอรอน้อ^^

ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 20 ก็แค่ด่า..เพราะว่าอยากโดนจูบ




“หือ?.....ที่ไหนวะเนี่ย~”



“ตื่นแล้วเหรอครับ?”เสียงทุ้มของใครบางคนเอ่ยทักขึ้นในขณะคนที่อยู่บนเตียงลุกขึ้นมานั่งมองซ้ายขวาทำหน้าเหรอหราในแบบฉบับที่หาดูได้ยาก

เพราะชวิน ไม่ค่อยจะหลุดมาดเข้มแบบนี้สักเท่าไหร่ หรือว่าไม่จริง?

“เขม?”มองหน้าคนที่เพิ่งเข้ามาในห้องก่อนจะหันไปมองรอบๆห้องอีกทีเพื่อย้ำอะไรบางอย่าง ก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วก้มลงมองสำรวจตัวเอง

เสื้อ....ก็ครบแถมกระดุมยังติดทุกเม็ด
กางเกง...ก็ยังอยู่ในสภาพที่ดี ถึงจะหมิ่นเหม่ไปบ้างก็อาจเป็นเพราะการนอนที่ไม่ค่อยจะปกติของตัวเอง
เสื้อผ้าก็อยู่ครบ...แต่ทว่าเพิ่งค้นพบข้อเท็จจริง!!

“นี่พี่ใส่ชุดนอนนายเหรอ เขม!”
โฮ่.... กูไม่อยากจะคิดสภาพ ตอนที่กูนอนแผ่พังพาบให้น้องหมอเขมเปลี่ยนชุดให้กูเล้ย!

“อือ ผมเปลี่ยนให้พี่วินเองแหล่ะ” รุ่นน้องร่วมสถาบันของสองยิ้มสบายๆสไตล์นักศึกษาแพทย์ใจดีก่อนจะวางแก้วน้ำผลไม้ที่ชวินเดาว่าน่าจะเป็นน้ำส้ม พร้อมกับขนมปังไว้โต๊ะข้างหัวเตียง     ในขณะที่ชวินกลับคว้าผ้าห่มแล้วถอยกรูดออกห่างอย่างไม่ไว้วางใจ

“นี่....หวังว่า..คงไม่ได้มองอะไรหรอกใช่มั๊ย?”ชวินเอาผ้าห่มมาคลุมตัวเองถึงอกพร้อมด้วยสายตาระแวง แต่หมอเขมกลับหลุดหัวเราะกับอาการของชวิน

“เปลี่ยนเสื้อผ้า...ก็ต้องมองสิครับ ถ้าไม่มองแล้วผมจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้พี่วินได้ยังไง?”หมอเขมพูดยิ้มๆ
กูสาบานได้ ว่าไม่เคยเห็นรอยยิ้มของน้องเขมเจ้าเล่ห์แบบนี้!

“เฮ้ย~ เขมอย่าล้อพี่เล่นสิ..พี่ใจไม่ดี”ชวินเองก็เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองหวาดกลัวอะไรสักอย่าง อาจจะเป็นเพราะเขิน? ที่ตั้งแต่เกิดมาไม่มีใครได้เห็นผิวกายของตนเองนอกจากบิดามารดาผู้ให้กำเนิด แม้แต่ไอ้สองผู้คอยลวนลามเช้าเย็นก็ไม่เคยมีบุญได้เห็น แต่น้องหมอเขมนี่ไม่ทันไรก็ได้เห็นร่างกายอันกำยำของชวินซะแล้ว!

จะว่าไปก็หาทางเห็นร่างกายน้องหมอเขมสิ จะได้เสมอภาคกัน!!

“โถ่...พี่วิน”หมอเขมยิ้มอย่างอ่อนใจก่อนจะเดินมานั่งลงบนเตียงโดยมีชวินกระเถิบห่างออกอีกนิด เพื่อมีระยะปลอดภัย จนหมอเขมต้องก้มหน้าขำอีกรอบ

   ขอบอกตามตรงตั้งแต่จีบหมอเขมมา กูก็ไม่เคยรู้ว่าระหว่างเราใครจะอยู่ตำแหน่งอะไร?!

“ผมจะบอกอะไรให้”

“อะไร?”ชวินเริ่มไม่ค่อยไว้วางใจ

“ใหญ่กว่าพี่วินน่ะ...ผมก็เคยเห็นมาแล้ว” หมอเขมยิ้มเหมือนเป็นการยั่วกลายๆแถมสายตายังไล้ต่ำลงไป ทำเอาชวินเบิกตากว้าง ก่อนที่มือจะรวบรวมเอาผ้าห่มทั้งมาปิดส่วนล่างของลำตัวไว้

ใหญ่?....อะไรที่ว่าใหญ่...บอกกูมาเดี๋ยวนี้นะครับน้องเขม!!!

ท่าทางของชวินทำเอาหมอเขมขำแล้วก็ขำอีก จนชวินนึกหงุดหงิดใจ ที่ว่าตัวเองไม่ใหญ่พอ(?)

“ผมหมายถึงตัวใหญ่...พี่วินคิดไปถึงไหนเนี่ย~ อีกอย่างผมเรียนหมอนะอย่าลืมสิ”หมอเขมกลั้นยิ้มเพื่อตอบให้ชวินได้โล่งใจ

มากกว่านี้ก็เคยเห็นมาแล้ว...แค่การเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่ทำให้ผมหลงเผลอตัวเผลอใจ จนทำอะไรพี่วินหรอก~

“วันนี้ผมมีเรียนบ่ายต้องเข้าไปศึกษาเคส   ยังไงพี่วินก็ทานอาหารแล้วก็อาบน้ำนะ..ผมจะไปส่ง” หมอเขมพูดอย่างสุภาพก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาวางพาดที่ปลายเตียงก่อนจะยิ้มปิดท้ายอีกหนึ่งที

รู้งี้ กูจับน้องหมอเขมกินแทนขนมปังแต่เช้าก็ดี

ชวินบ่นกับตัวเองในใจก่อนจะเผลอยิ้มแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวที่หมอเขมหยิบมาให้ขึ้นมา ก่อนที่ความทรงจำบางอย่างจะแว๊บเข้ามาให้หัวสมองทำให้ต้องผลุนผลันลุกขึ้นจากเตียงแล้ววิ่งตามหมอเขมออกมา

“เดี๋ยวสิ เขม”

“ครับ?”หมอเขมหันมาถามอย่างสงสัย

“พี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
นี่แหล่ะประเด็นร้อน ที่ชอนไชเข้ามาในเซลล์สมองกูยามปลอดโปร่ง!

“ก็เมื่อวานพี่วินเมา พี่กรก็เลยวานให้ผมพาพี่กลับ”หมอเขมตอบตามที่รู้ที่เห็น แต่ชวินกลับกำมือแน่นแถมขบกรามเสียงดังกรอดๆ

ไอ้แกนนำผู้ก่อการร้าย สุดท้ายกูก็ตกม้าตายเพราะทิวากรจนได้! 
แถมสมองยังประมวลเรื่องราวอะไรบางอย่างต่อไป

“เมื่อคืน นายไม่เห็นภูเบศธ์กับสองใช่มั๊ย?”

“ไม่นี่ครับผมไปถึงก็เห็นแต่พี่ตรฤณกับพี่กร แล้วก็พี่วินที่เมาหลับคอพับกับโต๊ะ”หมอเขมว่าตามที่เห็นอีกเช่นเคย แววตาไม่มีอะไรบ่งบอกได้เลยว่าหมอเขมกำลังโกหก เพราะฉะนั้นเรื่องที่หมอเขมพูดมา ชวินสามารถเชื่อได้เต็มร้อย

“เมือวานพี่ไม่ได้เมาหรอก...”

“เอ๊ะ?”หมอเขมเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

“เพราะสงสัยว่าจะโดนไอ้แกนนำผู้ก่อการร้ายมันวางยาต่างหาก”

ชวินพูดพร้อมรอยยิ้มร้ายทำเอาหมอเขมอยู่ข้างๆพลอยกลัวขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ
วางยากูเพื่อให้ลูกได้กับไอ้สอง….เจอะแบบนี้กูแทบจะปรี่เอาปืนไปเป่าหัวทั้งปู่ทั้งหลานรหัส!  เจ็บใจนัก!

เรื่องบางเรื่องชวินก็แค่คาดการณ์ไปว่าที่กรวางยาเขาเพื่อที่จะให้ภูเบศธ์ได้อยู่กับสองโดยไม่มีมารมาขัดขวาง แต่เพื่อให้แน่ใจ....ต้องลองโทรเช็คอีกที เมื่อคิดได้ก็วิ่งกลับเข้าไปในห้องแล้วก็เจอโทรศัพท์มือถือตัวเอง พร้อมกับสมบัติพัสถานกองอยู่รวมกันเพราะคาดว่าตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าหมอเขมคงจะเก็บของออกแล้วเอามากองไว้ตรงนี้

เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้

ชวินลองกดโทรออกซ้ำอีกรอบเมื่อได้ยินเสียงตอบรับอัตโนมัติ พร้อมกับพยายามคิดไปในทางที่ดี บางทีเครือข่ายอาจจะไม่ว่างมีคนใช้เยอะอะไรก็ว่ากันไปแต่จนแล้วจนรอด

เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้~
เออ! จะพูดให้ทะลุแก้วหูกู กูก็จะโทรจิกหาตัวลูกอยู่อย่างนี้แหล่ะวะ

“โถ่เว้ย! ” ชวินสบถก่อนจะกดโทรออกเบอร์ใหม่ที่คิดว่าเบอร์นี้น่าจะเปิดเครื่องสแตนด์บายไว้ตลอดเวลา

ตู๊ด.......ตู๊ด......

   เสียงสัญญาณโทรศัพท์แบบนี้ค่อยน่าชื่นใจ ถึงมันจะด่าจะว่ากูเป็น‘ตุ๊ด’ กูก็ยอม!


“โหล~”เสียงยานครางกรอกผ่านมาตามสายทำเอาชวินต้องรีบสนทนากลับ

“ไอ้ตรฤณ...สองอยู่กับมึงหรือเปล่า?”ชวินถามอย่างร้อนรน ไม่ได้รู้เลยว่าอีกฟากฝั่งของสายจะมีลักษณะอาการและท่าทางอย่างไร

‘หือ? ม่าย~....นี่ ไม่...มันไม่ได้อยู่กับกู’

“มึงเป็นอะไรมากป่ะวะ?”แต่น้ำเสียงของตรฤณกลับทำให้ชวินสงสัย เลยลืมอาการห่วงสองไปชั่วครู่แล้วหันมาสนใจตรฤณแทน

‘กูคิดว่า คอกูคงเคล็ด’ พูดจบก็เอามือไปจับๆแถวต้นคอโดยที่ชวินไม่มีทางได้เห็นและจินตนาการได้

“คอเคล็ด?...ช่างมึงเหอะ...แต่ว่าเมื่อวานไอ้สองไม่ได้ไปหาพวกมึงที่ร้านใช่มั๊ย?”ชวินถามอีกครั้งทั้งที่คำถามนี้ก็ได้คำตอบจากน้องหมอเขมไปแล้ว

‘อือ....เอ้อ! กูลืมไปเลย!’ดูเหมือนตรฤณเองจะได้สติเหมือนกัน

‘คือเมื่อคืนกร..’

ตู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด~

จบอยู่ที่คำว่า‘กร’แล้วสัญญาณก็ดับหายไป...บางทีสติของตรฤณก็อาจจะดับตามไปได้ง่ายๆเช่นเดียวกัน

“โถ่เว้ย! ทิวากรร้ายนักนะ”ชวินสบถเพราะรู้ดีว่าที่สัญญาณหายไปอย่างนี้ไม่ได้เป็นเพราะเกิดเหตขัดข้องทางเทคนิคแต่ประการใด แต่เป็นเพราะเหตุขัดข้องที่เกิดจาก ‘กร’เอง ซะมากกว่า

พอคิดได้ ก็รีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วรบเร้าให้น้องหมอเขมพาตัวเองไปหาสองทันที



__________________


“อือ~........”


เสียงแหบครางต่ำในลำคอ ขยับตัวเล็กน้อยเมื่อรู้สึกตัว ดวงตาคมค่อยๆเปิดออกเมื่อรับรู้ว่าแสงแดดเริ่มสาดส่องเข้ามาทางด้านหน้าต่าง ก่อนจะหันมาสนใจสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆที่นอนอยู่ข้างๆตนเองแล้วถ้าแขนแกร่งไม่ได้เกาะที่เอวของสอง คาดว่าเมื่อคืนภูเบศธ์คงได้นอนอยู่บนเตียงคนเดียวส่วนสองก็คงจะกลิ้งตกไปแหมะอยู่กับพื้นด้านล่าง

ภูเบศธ์เผยยิ้มบางๆ เมื่อมองดูร่างเล็กที่นอนเอาแขนไปทางขาไปอีกทาง บุญเท่าไหร่ที่ไม่นอนดิ้นจนเอาหัวไปนอนด้านปลายเตียงน่ะ ว่าแล้วก็ค่อยๆจัดเรียวขาและแขนของคนตัวเล็กให้อยู่ในท่าทางปกติให้มากที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นรุ่นพี่ตัวเล็กก็ไม่มีทีท่าว่าจะลืมตาตื่นขึ้นมา ยิ่งทำให้ภูเบศธ์ได้ใจ เอาหัวทุยๆดันเข้ามาซบอกตัวเองได้ย่างง่ายดาย ถึงแม้ลำตัวจะโดนกอด แต่ภูเบศธ์คงชะล่าใจไป เลยทำให้เรียวขาเล็กยกขึ้นก่ายขาของตนเองได้อย่างสวยงาม

ไม่เอาแขนก่ายหน้ากูด้วยเลยล่ะ!

ถ้านึกจริง..สอง กมลินทร์ ก็เลยอยากจะทำจริง เพียงแค่ภูเบศธ์ผละมือออกจากการกอดเพื่อจะไปปลดระวางขาแข้งของสองออกให้พ้นทาง ก็โดนแขนเล็กที่ไม่รู้มาจากไหนเสยเข้าให้ที่คางเต็มๆ

นอนดิ้นได้ใจกูจริงๆว่ะเฮ้ย!

ภูเบศธ์หันกลับมามองร่างเล็กที่ยังก่ายแข้งขาปัดป่ายแขนไปมาเหมือนคนรำคาญตัวอะไรสักอย่างที่มาทำให้รู้สึกตัว แต่พอภูเบศธ์ลองหยุดอยู่นิ่งๆสองก็หยุดนิ่งตามราวกับแกล้ง

“ปกติเป็นคนนอนดิ้นเหรอไง?” ถามไปก็ไม่รู้ว่าใครจะตอบ แต่เท่าๆที่ได้หลับนอนกันมาถึงสามครั้งสามครา(รวมเมื่อคืน)ก็เพิ่งจะเห็นเช้านี้แหล่ะที่สองวาดลวดลายยามหลับได้น่าอัศจรรย์ใจ

   เอ...หรือว่าคราวก่อนๆโดนยานอนหลับเครื่องถึงได้ดับสนิทแบบไม่มีการซึมเปื้อน(?)

“พี่สอง...”
พูดพร้อมกับเขย่าตัวปลุกอีกฝ่ายๆเบาๆ ป้องกันการโดนทำร้ายร่างกายจากสองยามหลับ

“อือ~”ครางในลำคออย่างขี้เกียจเบาๆก่อนจะพลิกตัวหนีไปอีกทาง แต่คราวนี้คิ้วเรียวกลับขมวดเข้าหากันแบบอัตโนมัติเมื่อร่างกายส่วนล่างประท้วงแปลกๆ เหมือนจะรู้สึกเจ็บจนต้องลืมตาตื่น

“ตื่นสักทีน้า แมวขี้เซา”มือใหญ่ยกขึ้นลูบหัวรุ่นพี่ตัวเล็กเบาๆด้วยความรักความเอ็นดู แต่กลับโดนคนตัวเล็กหันมาหรี่ตามองด้วยความไม่พอใจ

“ชักจะมากนะ ลูบหัวคนอายุมากกว่าได้ไง” เสียงหวานดูงัวเงียแต่ก็จับจากน้ำเสียงได้ไม่ยากว่าไม่พอใจ แต่ภูเบศธ์กลับยิ้มรับคำด่าก่อนจะกอดรัดคนตัวเล็กให้แน่นขึ้น จนสองต้องโอดครวญ

“อื้อ~ เจ็บ”สองครางเสียงอ่อย แต่ทำเอาอีกคนตาลีตาเหลือกระคนตกใจ หันมองตามเนื้อตัว ยกแขนขึ้นดูว่าตัวเองไปทำอะไรทำไมสองถึงได้ร้องออกมาอย่างนั้น

“ข้างล่าง...”ใบหน้าหวานแดงซ่านขึ้นมาเมื่อพูด เพราะคงจะรู้ตัวว่าไอ้อาการเจ็บจนทำให้ตื่นขึ้นมานั้นอาจจะมีผลพวงมาจากเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

“ขอโทษนะ...”ใบหน้าคมดูเจื่อนไปเล็กน้อยอย่างรู้สึกผิดเมื่อทำอะไรไม่ถูก เพราะรู้ทั้งรู้ว่า ‘ครั้งแรก’ ของสองต้องเจ็บเป็นธรรมดา

“เจ็บมากหรือเปล่า?”มือใหญ่เกลี่ยแก้มใสเบาๆเพื่อปลอบโยนแต่กลับโดนสองจ้องเขม็ง จนรู้สึกเกร็งๆ

“นี่ ภูถามอะไรหน่อยสิ”สองไม่ได้ตอบคำถามแต่กลับเป็นคนถามสวนกลับ

“หือ?”

“เวลา..เอ่อ...‘จุดจุด’กันอ่ะ...มันจะเจ็บเหรอ?...แล้วนายล่ะเจ็บหรือเปล่า?”สองถามอย่างไร้เดียงสาทั้งแววตาและคำพูด ทำเอาภูเบศธ์นึกขำ

 “ก็ถ้าครั้งแรก..อาจจะเจ็บล่ะมั้ง”ภูเบศธ์ตอบด้วยความที่ไม่ค่อยแน่ใจ ในเมื่อครั้งนี้ต่างก็เป็นครั้งแรกของสองและภูเบศธ์แต่ในเคสของภูเบศธ์อาจจะมีความรู้บ้างเล็กน้อยตามความสนใจในเรื่องอย่างว่าที่มีมากกว่าสองอย่างเห็นได้ชัด

“ครั้งแรก?”สองทวนคำตอบ ก่อนจะหลับตาลงเหมือนพยายามสงบสติอารมณ์

ตายห่า! กูว่ากูคงเผลอพูดอะไรที่ไม่น่าจะพูดซะแล้วล่ะมั้งงานนี้~

“เอ่อ...คือ”เริ่มคิดไม่ออกว่าจะแก้ตัวอย่างไร

“แสดงว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกของฉันงั้นเหรอ?”สองกัดฟันถาม เค้นเอาความจริง

“เอ่อ....”ชักไม่แน่ใจว่าควรจะโกหกต่อไปดีหรือไม่ เพราะเกรงว่าจะไม่เหลือเงาหัวกลับไปให้ทิวากรได้เห็น

“ยังว่า...ทำไมไอ้สองครั้งก่อนฉันถึงจำอะไรไม่ได้... ไม่สิ ที่จำไม่ได้ก็เพราะมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่มั๊ย!!! ไอ้ภูเบศธ์!  ”สองขึ้นเสียง ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นด้วยความโมโห แต่ทว่าสุดท้ายก็กลับร้องโอดครวญจนภูเบศธ์ต้องลุกขึ้นตามดูแล

   ก็ว่าทำไมไอ้คราวก่อนๆมันจำอะไรไม่เคยได้~ ทีเมื่อคืนล่ะจำได้ทุกช็อตทุกท่วงท่าเชียว!

สองนึกโมโหตัวเองในใจ ก่อนจะโดนมือใหญ่โอบจากทางด้านหลังพร้อมกับเอาตัวเข้าแนบชิดให้ความอบอุ่น แล้วก็ไอ้ความอบอุ่นแบบนี้แหล่ะที่สองหวั่นไหวได้ทุกครั้งจริงๆ

“อย่าโกรธสิ...ที่ผมต้องทำอย่างนั้นก็เพราะผมรักพี่สองจริงๆนะ...ไม่อยากให้พี่สองมีคนอื่นอีกแล้ว”

“ก็เลยหาเรื่องวางแผนให้ฉันเป็นของนายคนเดียวงั้นสิ!” ถึงจะต่อว่า แต่ก็ดูไม่ค่อยจริงจังเท่าที่ควร เพราะไม่เห็นว่าจะมีท่าทีขัดขืนอ้อมกอดของภูเบศธ์เลยแม้แต่น้อย จะมีก็แต่การเชิดใบหน้าไปอีกทางก็เท่านั้น

“โถ่~ถ้าพวกผมไม่ทำอย่างนั้น ถามจริงเหอะ พี่สองจะยอมหันกลับมามองเด็กปากหมาอย่างผมบ้างมั๊ยล่ะ?” ภูเบศธ์ถามด้วยน้ำเสียงออดอ้อนพร้อมกับเอาคางเกยไหล่บางเอาไว้

“พวกผมงั้นเหรอ??! ห๊า นี่อย่าบอกนะว่ากรฮึ้ย~ พวกนายมันนี่น่านักไอ้ตรฤณอีกตัวด้วยใช่มั๊ย?!”ถึงจะเป็นจริงอย่างที่ภูเบศธ์ว่าแต่สองนึกโมโหขึ้นมากับคำว่า‘พวกผม’ เพราะมันหมายความว่าไม่ใช่ฝีมือของภูเบศธ์คนเดียวแน่นอน ภูเบศธ์เลยต้องกอดรัดสองเอาไว้แน่นยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันสองฟาดงวงฟาดงาขึ้นมาแล้วจะเจ็บตัวเอาได้ง่ายๆ

“จะว่าอย่านั้นก็ได้”มาถึงขั้นนี้ภูเบศธ์ก็ขี้เกียจจะโกหกอีกต่อไป

“พวกนายมัน…เจ้าเล่ห์!”สองหันไปว่าก่อนจะหันหนีไปอีกทางด้วยความงอนเพื่อให้อีกคนต้องคอยง้อ

“ไม่เอาน่า..ไม่งอนน้า....ผมขอโทษ~” ภูเบศธ์ทำหน้าน่ารักง้อสองพร้อมกับหอมแก้มใสเบาๆ

“........”สองไม่ยอมพูดอะไร นั่งทำหน้าบึ้งอยู่อย่างเดิม

“ผมขอโทษจริงๆนะพี่สอง”น้ำเสียงขี้เล่นของภูเบศธ์หายไปและเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่ดูจริงๆจังและยอมรับผิด

“ถ้าผมไม่ทำอย่างนั้น...ต่อให้อีกสิบชาติพี่สองก็ไม่หันมาสนใจผม... ผมเจ็บนะเวลาที่ต้องเห็นพี่สองอยู่กับคนอื่น ยิ้มให้คนอื่น หัวเราะอยู่กับคนอื่น...มันเจ็บตรงนี้...มากๆเลย” ภูเบศธ์พูดพร้อมกับค่อยๆพลิกร่างเล็กหันเข้าหาตัวเองก่อนจะคว้ามือเล็กๆขึ้นมาแนบอกซ้ายของตนเองเอาไว้ ทำเอาหัวใจของใครบางคนเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อรับรู้ถึงเสียงหัวใจของอีกฝ่าย

“ก็นายมัน...ปากหมา....”

จุ๊บ~

“ผมยังไม่ลืมหรอกนะว่าผมเคยตกลงอะไรเอาไว้^^”

ไอ้ตัวที่ทำหน้าอย่างกับลูกหมาถูกทิ้งเมื่อกี้มันหายไปไหน? ทำไมกูเห็นแต่ไอ้จิ้งจอกเจ้าเล่ห์อยู่ตรงหน้าอีกแล้ววะ! 

“ไอ้บ้า!”

“ฮ่าฮ่า~ ไม่ด่าว่าปากหมาอีกล่ะ?”

“ด่าให้นายจูบฉันอีกหรือไงเล่า!”ถึงจะโวยวายแต่ใบหน้าหวานกลับแดงซ่าน

ตั้งแต่กูเอาไอ้เด็กปากหมาย้ายเข้ามาในสังกัดกู ก็โดนมันหาเรื่องกัดปากได้ทุกสามนาทีเลย ให้ตายเหอะ!

“หายโกรธแล้วเหรอ?”เมื่อสองโหมดเก่ากลับมา ภูเบศธ์ก็ขอยิ้มด้วยความดีอกดีใจที่คิดว่าสองอาจจะหายโกรธแล้ว

“ใครบอก!”พูดกระแทกเสียงแล้วก็ผลักอกอีกฝ่ายออก

“ไม่เอาน่า~ พี่สอง”ภูเบศธ์ยังคงตามออดอ้อนทั้งที่ก็กึ่งนั่งกึ่งนอนกกกอดกันอยู่บนเตียง

“ก็ตอนนั้นนายโกหกว่าได้เวอร์จิ้นฉันนี่!”

ไม่งั้นครั้งนี้กูไม่มีทางยอมให้มันจุดจุดอีกรอบหรอก! เจ็บใจอ่ะ!

“ก็ไม่ว่าจะตอนนั้นหรือตอนนี้สุดท้ายผมก็เป็นคนได้เวอร์จิ้นพี่สองอยู่ดี...ไม่ใช่หรือไง?”ภูเบศธ์พูดอย่างคนเจ้าเล่ห์จนสองเถียงไม่ออกแถมด้วยการขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด

เออ~ จะว่าไปไม่ว่าจะตอนนั้นหรือตอนนี้ กูก็เสียจิ้นให้มันอยู่ดีคิดไรมาก?
เฮ้ย~


“ได้ไง! นายนี่มัน...อ๊าก! ไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาด่าแล้วเว้ย!”สองพูดอย่างเหลืออดแต่สุดท้ายก็ดิ้นออกจากอ้อมกอดภูเบศธ์ไม่ได้อยู่ดี     ทั้งที่แต่ก่อนเรื่องแค่นี้สองเอาตัวรอดได้ไม่ยาก แต่หลังๆมาเริ่มรู้สึกจะ(หัวใจ)อ่อนแอทุกทีที่อยู่ในอ้อมกอดนี้

เฮ้อ~ เบื่อตัวเองจริงๆ

“ด่าเข้าไปเหอะ ไม่ว่ายังไงพี่สองก็รักผมอยู่ดี ใช่มั๊ยล่ะ?”ภูเบศธ์ยิ้มกรุ้มกริ่มถามคนตัวเล็กที่ออกอาการฮึดฮัดอยู่ในอ้อมกอด

“เออ!”

เป็นการยอมรับว่า “รัก” ที่ดูดิบเถื่อนสมกับสอง กมลินทร์ดีแท้~

คำตอบของสองทำเอาภูเบศธ์ต้องยิ้มหน้าบาน จนยากที่จะหุบได้ภายในสองสามนาที พร้อมด้วยการกอดรัดคนตัวเล็กเอาไว้แน่น แล้วโน้มตัวไปหอมแก้มใสอีกฟอดเพื่อเป็นรางวัลสำหรับคำตอบน่ารักๆของสอง

“อึ๊ย~ น้ำลายติด!”พอโดนคนตัวใหญ่จุ๊บแก้มสองก็รีบเอามือขึ้นมาเช็ดแก้มออกราวกับรังเกียจ แต่ภูเบศธ์กลับยิ้มกริ่ม

“ทีตอนจูบปากไม่เห็นจะบ่น~”แววตาของร่างสูงดูหยอกเย้า ทำเอาคนตัวเล็กต้องหันมาถลึงตาใส่พร้อมกับยกมือขึ้นมาตีปาก

แป๊ะ!

“เจ็บนะ~”ภูเบศธ์โวยวายคืนบ้าง

“เจ็บสิจะได้จำ ทีนายยังทำฉันเจ็บกว่านี้ฉันยังไม่บ่นเลย!”
   ใช่ครับ! สองไม่เคยบ่น เพราะการตบคืนแต่ละหนไม่เคยบ่นให้กูได้เตรียมตัวหลบสักที

“ก็ได้ๆ ไม่บ่นก็ได้..แต่ต้องให้ผมจูบโอเคมั๊ย? ”
ทีงี้ ล่ะทำหน้าระริ้กระรี้ ยังกะปลากระดี่ได้น้ำเชียวนะมึง!

“ไม่~ .. ถอยไปเลยจะไปอาบน้ำ”สองพูดอย่างไม่รักษาน้ำใจก่อนจะผลักอกกว้างออกแล้วพยายามพยุงตัวให้ลุกขึ้น

“ให้อาบให้ป่ะล่ะ?”

“ฉันไม่ใช่เด็กสองขวบที่อาบน้ำไม่เป็น โอ๊ย~ ”หันมาทำตาดุใส่ แต่พอได้ลงน้ำหนักลงขาทั้งสองข้างพลันร่างเล็กก็แข้งขาอ่อนจนร่างสูงที่นั่งอยู่บนเตียงต้องรีบปราดมาคว้าเอาไว้
“เห็นมั๊ยล่ะ?ขนาดเดินยังจะเดินไม่ไหวเลย อุตส่าห์ถามด้วยความหวังดี~”ภูเบศธ์ทำเสียงออดอ้อน แต่สองกลับกัดฟันแน่น เพราะไอ้ความหวังดีของภูเบศธ์อาจจะเป็นลางร้ายสำหรับสองก็ได้ใครจะไปรู้

“หวังดี?! แค่มองตาก็รู้แล้วว่าคิดอะไร”

“รู้เหรอ? งั้นบอกมาสิว่าผมคิดอะไร” ภูเบศธ์ท้าทายพร้อมกับการยักคิ้วให้อีกหนึ่งที

“ก็..เรื่องทะลึ่งๆน่ะสิ..อย่างนายน่ะคิดเรื่องอื่นไม่เป็นหรอก!”สองว่า ถึงแม้ยามพูดใบหน้าหวานจะแดงซ่านก็ตามที

“รู้อย่างนี้แล้วทำไมพี่สองไม่คิดให้เหมือนผมซะล่ะ?”
ภูเบศธ์พูดเล่นกวนประสาทสอง

“จะบ้าเหรอ! อ๊ะ?”ด่ายังไม่จบภูเบศธ์ก็ช้อนตัวสองขึ้นพร้อมกับเดินไปทางห้องน้ำ

“ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยน้า~”สองพยายามขัดขืน แต่ดิ้นไปเท่าไหร่ภูเบศธ์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะวางตัวเองลง แถมยังเจ็บตัวเองอีกต่างหาก สองเลยจำต้องอยู่นิ่งๆให้ภูเบศธ์อุ้มไปส่งถึงหน้าห้องน้ำ

“อาบน้ำเหอะ...เดี๋ยวจะลงไปหาอะไรมาให้กิน...หิวแล้วยัง?”ภูเบศธ์ไม่ได้ทำท่าว่าจะอยากเข้าห้องน้ำพร้อมกับสองยามที่นำตัวคนตัวเล็กมาส่งถึงหน้าห้องน้ำ แถมยังยิ้มอบอุ่นพร้อมกับถามด้วยความมีน้ำใจ

“อื้อ...หิวเหมือนกัน”

“จะกินอะไรล่ะ?”ถึงสองจะทำหน้าครุ่นคิด  แต่ก็ตอบออกมาว่า

“อะไรก็ได้”
ทำหน้าอย่างกับกำลังทำโจทย์คณิต เห็นครุ่นคิดจนคิ้วแทบจะชนกัน!

    “งั้นจะไปหาดูมาให้แล้วกัน ไอ้‘อะไรก็ได้’น่ะ..ร้านสะดวกซื้อข้างล่างจะมีหรือเปล่าน้า~”ภูเบศธ์ยังคงกวนโมโหสองไม่เลิกไม่รา

“อย่ากวน! ไปเลยไป”สองออกปากไล่ ก่อนที่ภูเบศธ์จะเอี้ยวตัวหันกลับเพื่อมุ่งหน้าไปยังประตูโดยมีสองมองตามแผ่นหลังนั้นไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เพราะบางครั้งภูเบศธ์ก็ชอบทำตัวไร้สาระไปวันๆ ปากหมาบ้าง หื่นบ้างเล็กๆน้อยพอให้ชีวิตไม่ขาดรสชาติ แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ดูจริงจัง แถมบางครั้งยังดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าตัวเองเสียอีก เพราะถ้าเขาเอ่ยปากว่าไม่..ภูเบศธ์ก็พร้อมที่จะตอบว่าไม่ตามทุกครั้งเหมือนครั้งนี้ที่เขาเองก็กลัวว่าภูเบศธ์อาจจะอยากเข้ามาอาบน้ำให้เขาอย่างที่ปากว่าไว้ แต่สุดท้ายก็แค่ทำเป็นพูดเล่นกวนประสาทเขาเล่นก็เท่านั้นเอง

“นี่ภู~”

“อะไร?...หรือว่าเปลี่ยนใจอยากให้ผมอาบน้ำให้?” แววตาทะเล้นของภูเบศธ์ทำเอาสองต้องถอนหายใจ
ที่คิดไว้เมื่อกี้..กูขอไม่นับอีกสักทีจะได้มั๊ยวะ? 

“ไม่ต้อง! แค่จะบอกว่าซื้อนมสตอเบอร์รี่มาให้ด้วย”สองรีบยกมือห้ามให้คนยืนอยู่หน้าประตูที่เตรียมจะวกกลับมาได้ทุกเมื่อหยุดอยู่ที่ตรงนั้น ก่อนจะบอกความต้องการของตนเอง ซึ่งภูเบศธ์เองก็พยักหน้ารับก่อนจะเดินผิวปากอย่างคนอารมณ์ดีออกจากห้องไป

“ไอ้เด็กบ้าเอ้ย~”
สองบ่นอยู่กับตัวเองทั้งที่ยิ้มจนแก้มจะฉีกก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดีไม่แพ้กับใครบางคนที่เพิ่งออกจากห้องไป

_____________________

หลังจากที่ตอนแรกชวินกะบึ่งรถ (โดยมีน้องหมอเขมเป็นคนขับรถจำเป็น)ไปหาสองถึงที่หอพัก แต่ทว่าดันมีโทรศัพท์สายด่วนแทรกเข้ามาเลยทำให้ชวินต้องเปลี่ยนจุดมุ่งหมายไปหาเพื่อนอีกคนแทน

‘กรไปเรียนแล้ว...มึงมารับกูด้วย เพราะตอนนี้กูถูกยึดรถ’
ข้อความเสียงจากตรฤณทำให้ชวินนึกขำ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะไปหัวเราะเยาะให้ถึงที่ เอ่อ..ไม่ใช่สิ เป็นรับถึงที่ ตามคำขอร้องของตรฤณ

มีเมียเป็นถึงแกนนำผู้ก่อการร้าย (ของไอ้สอง) กูก็ขออวยพรให้มึงโชคดีสุขขีสโมรสรแล้วกันว่ะเพื่อน!

ไอ้สาเหตุที่โดนยึดรถ ก็คงเป็นเหตุผลบางประการที่ทำให้เพื่อนตรฤณตะลอนไปไหนไม่ได้ อย่างเช่น อยากจะไปหาสอง เหมือนอย่างกับที่ชวินกำลังเป็น พอถึงที่หมาย(ใหม่) ชวินก็รีบขึ้นไปที่ห้องพักของตรฤณ ก่อนที่ตรฤณจะเปิดประตูเพื่อต้อนรับบุคคลที่เพิ่งมาใหม่

“มึงเพิ่งอาบน้ำเสร็จ?”เมื่อเห็นสภาพตรฤณนุ่งผ้าขนหนูตัวเดียวชวินก็มองด้วยความสงสัยแต่ก็เดินเข้าห้องไปพร้อมกับที่น้องหมอเขมตามหลังมาอีกคน

“อาบน้ำ?  กูอาบน้ำเสร็จตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่แต่ที่กูต้องนุ่งผ้าอยู่อย่างนี้เพราะกรน่ะสิเอาเสื้อผ้ากูไปส่งซักหมดเลย” ตรฤณว่าพร้อมกับเปิดตู้เสื้อผ้าอันว่างเปล่าให้เพื่อนรักอย่างชวินดูจนชวินต้องหัวเราะออกมาเสียงดังส่วนน้องหมอเขมก็ได้แต่ขำตามแบบฉบับผู้ดี

“พอรู้ว่ากูจะไปขัดไอ้ภูนะ ยึดกุญแจรถกู แถมยังขนเอาเสื้อผ้ากูไปส่งซักป้องกันกูเรียกแท็กซี่ไปหาไอ้สอง มึงคิดดูเอาแล้วกัน”ตรฤณนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียงจนชวินต้องตบบ่าเบาๆเพื่อปลอบใจ แต่ก็ไม่วายหลุดหัวเราะออกมาจนได้

“กูก็กำลังจะด่ามึงว่าพ่อมือวางอันดับสองอย่างมึงทำไมถึงไม่ห่วงไอ้สอง...เออ..กูหายโกรธละกัน ฮ่าฮ่า”

พูดไปก็เหมือนปลอบใจแต่ไอ้การหัวเราะตบท้ายนี่มันอะไรครับไอ้ดำ?! กูไม่เคลียร์

“ถ้ามึงรู้ถึงสปิริตกู แล้วจะจะรีบไปหาโล่ให้กูเลยล่ะ”

“ทำไม? อยากเป็นพ่อดีเด่นแทนกู?”

“เปล่า..แต่แค่เมื่อคืน ......”ว่าแล้วตรฤณก็เริ่มเล่า

_________________________




 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด