- 2 - “มึง!..ไอ้เหี้ยดอน มึงกำลังทำอะไร?” เสียงขุนทัพตวาดลั่นด้วยความโกรธจนจับน้ำเสียงได้ชัดเจน ภาพที่คนถามเห็นคือหลังของขุนดอน
ที่มีแขนเรียวขาวเกี่ยวคอแกร่ง กำลังโน้มต่ำแบบไม่ต้องเดาแล้วว่าทั้งคู่กำลังทำอะไรกันอยู่
“พี่ทัพค่ะ ช่วยปิ่นด้วย..พี่ดอนรังแกปิ่น” สาวเจ้าเอาตัวรอด สะบัดพลิ้ววิ่งเข้าไปซบอกหนาพร้อมอ้อนเสียงสั่นบีบน้ำตาว่าตนถูกรังแก
แทบไม่ต้องรอฟังต่อ ร่างสูงใหญ่จับสาวเจ้าห่างจากตัวก่อนพรวดเข้าไปหาร่างสมส่วนพร้อมกำปั้นหลุนๆ
อัดเสยเข้าโหนกแก้มหล่อเต็มแรงโดยไม่ยั้งมือ
“พลั๊ก!..ไอ้ขี้ขลาดตาขาว ไอ้หน้าตัวเมียสันดานหมา มึงมันเหี้ยคิดแดกผู้หญิงของกูหรือไง
ฝันสูงเกินไปแล้วไอ้เด็กวัด” คำด่าหยาบคายดังสนั่นลั่นห้อง แม้กระทั่งต้นเหตุอย่างปิ่นแก้วยังขวัญหนีเมื่อสัมผัสอารมณ์
โมโหร้ายของขุนทัพที่กระหน่ำหมัดต่อยไม่ยั้งบนหน้าหล่อเหลาจนแตกยับเลือดอาบโชก คนที่โดนต่อยกลับไม่โต้ตอบ
เลยสักนิด ยอมให้ต่อยก่อนจะทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น
ในขณะที่คนออกแรงชกสันมืออาบไปด้วยเลือด ไม่รู้ว่ามือแตกหรือเลือดจากใบหน้าหล่อที่ตอนนี้
มองแทบไม่เห็นเค้าหน้าเดิม นอกจากเลือดอาบเต็มไปหมด ในขณะที่เจ้าของใบหน้านอนหายใจรวยรินหมดแรงขยับ
“ปิ่นไปแต่งตัว พี่จะไปส่ง” สั่งเสียงห้วนดุ ไม่ต้องบอกเป็นคำรบสอง ปิ่นแก้วรีบผลุบเข้าห้องทำตามอย่างเร็ว ภาพใบหน้าแตกยับ
เลือดอาบของขุนดอนทำเอาสาวขยาดจนแทบลมจับ ไม่คิดว่าขุนทัพจะลงมือหนักถึงปานนี้
อนาถแกมสังเวชกับคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่แต่ต้องมารับเคราะห์เพราะมารยาหญิง บัดนี้นอนหายใจรวย
ไม่ร้องสักเอ๊ะ ได้แต่สดับฟังเสียงประตูที่ปิดตามหลังสองหนุ่มสาวซึ่งพากันเดินออกไปไม่เหลียวหลัง ปล่อยกระสอบทราย
ร่างมนุษย์ซึ่งรองรับโทสะของตนนอนกับพื้นโดยไม่สนใจมองด้วยซ้ำ
------------------------------------------------------------------------------
“♪♫ ฉันก็เคยเสียใจไม่น้อยกว่าเธอ ฉันก็เจอเรื่องราวร้ายๆ เข้ามา ♪♫” ริงโทรโทรศัพท์สายเข้าดังพอได้ยิน ปลุกเรียกร่างที่นอนหน้าแหกอยู่บนพื้นให้ลืมตาตื่น ขยับตัวลุกเดินไปหยิบโทรศัพท์
ที่วางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ ก้มมองดูเบอร์พร้อมกับคิ้วเข้มที่ออกอาการบวมเป่งขมวดมุ่นอัตโนมัติ กดรับสายไปทันที
“ครับ” กรอกเสียงพูดสั้นๆ คำฮิตประจำตัว
“เหี้ยจริงมึง..นอนตายขึ้นอืดหรือไงรับสายช้าชิบ รีบเอางานมาให้กูใต้ตึกก่อนแปดโมง
ห้ามเลทเด็ดขาดไม่งั้นมึงเจอกูซ้ำแน่” เสียงขุนทัพดังมาตามสาย คำสั่งเส้นตายที่ขุนดอนขานรับคำเดิม
“ครับ” ไม่มากไปกว่านั้น พร้อมปลายสายวางไปแล้วเช่นกัน ขุนดอนจ้องเวลาในโทรศัพท์
เจ็ดโมงสิบห้า เหลือเวลาไม่มากแล้วต้องรีบไป ก้าวเดินพาใบหน้ากระชากใจสาวตอนนี้เกรอะกรังไปด้วยเลือดแห้ง
ตรงดิ่งเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวอย่างเร่งด่วน
แต่งตัวในชุดนักศึกษาเรียบร้อย คงไม่ต้องบอกว่าเสื้อผ้ามาจากไหน ชุดสำรองมีไว้ที่คอนโด
สองสามชุด เผื่อฉุกเฉินเวลาขุนทัพพาสาวมาค้าง และขุนดอนต้องขับรถแทนก่อนจะนั่งทำงานเหมือนเหตุการณ์
ที่ผ่านมาเมื่อคืน เพราะงั้นจึงไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับขุนดอน เพียงแต่ต่างกันเพราะเป็นครั้งแรกที่ถูกขุนทัพลงมือใส่
จนเลือดอาบก็เท่านั้น
ใช่ว่าตนปากหนักประหยัดคำพูดมากไปหรือเปล่า ทำไมถึงไม่อธิบาย ลองมาเป็นขุนดอน
ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์แล้วจะรู้ว่า ต่อให้ชักแม่น้ำทั้งห้ามาแก้ตัวคงไร้น้ำหนักอยู่ดี คำอธิบายจากปากขุนดอนเป็นของแสลง
ที่ขุนทัพไม่ต้องการฟังไปเสียแล้ว เพราะงั้นระหว่างขุนดอนกับขุนทัพ จึงเป็นได้เพียงคนหนึ่งออกคำสั่งและอีกคน
คอยรับคำสั่งด้วยประโยคสั้นๆ เพียงประโยคเดียว
‘ครับ’ ขุนดอนนั่งแท็กซี่มาถึงใต้อาคารด้วยเวลาฉิวเฉียดเส้นยาแดงผ่าแปด ถ้าไม่เร่งคนขับให้หาทางลัด
เพราะรถติดก็ไม่แน่ว่าจะถึงในเวลาเจ็ดโมงห้าสิบแปดนาที
จ่ายค่าแท็กซี่เสร็จร่างสูงสมส่วนก็ตรงดิ่งเข้าใต้ตึกคณะอย่างรวดเร็ว พกพาใบหน้าเขียวช้ำ
บางแห่งก็บวมเป่งบางที่ก็ปริแตกเจ้าตัวจัดการแปะพลาสเตอร์ไว้ ที่เห็นๆ ก็มีตรงโหนกแก้มข้างซ้ายและหัวคิ้วข้างขวา
ส่วนที่ไม่แตกแค่ช้ำบวมก็ปล่อยไว้ตามเดิม ใบหน้าตอนนี้เรียกสายตาสนใจจากบรรดานักศึกษาที่คุ้นเคยกับร่างสูงหล่อ
ดีกรีอดีตเดือนคณะหรือฉายาฤาษีไร้ใจ ซึ่งบัดนี้ใบหน้าหล่อเร้าใจเหมือนกับไปฟัดกับหมามาซะงั้น แต่ก็ไม่มีใครกล้าถาม
เพราะต่างรู้ดีว่า รุ่นพี่คนนี้โลกส่วนตัวสูง แทบไม่สร้างสัมพันธ์ภาพกับใครเลยนอกจากตามรับใช้รุ่นน้องนามสกุลเดียวกัน
อย่างจงรักภักดี เพราะงั้นสาวแท้สาวเทียมหลายนางต่างตาโตกุมอกเจ็บปวดใจไปตามกัน ยามเมื่อเห็นใบหน้าหล่อฟกช้ำไปทั่ว
“เกือบไม่ทันนะมึง รอดตัวไป..เอางานกูมา” คำพูดที่ปกติก็ห้วนสั้น แต่ตอนนี้ยังแฝงน้ำเสียง
ไม่พอใจติดมาด้วย พาเอาเพื่อนๆ ที่นั่งในโต๊ะหน้าเสียไปตามกัน แต่ก็ไม่มีใครกล้ายุ่งถามมากความ ไม่งั้นจะประสพกับ
สายตาคมดุของหนุ่มร่างใหญ่เข้าให้ ทางที่ดีคือหุบปากมองดูเหตุการณ์เงียบๆ แค่นั้น
ยกเว้นคนใจกล้าบางคนที่ไม่หวั่นอารมณ์เหวี่ยงจากสายตาของขุนทัพอย่างหนุ่มคงกระพันธ์ หรือไอ้คง
รุ่นน้องที่เห็นความอดทนอดกลั้นของขุนดอนเป็นไอดอล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะหนุ่มคงคือเพื่อนสนิทของขุนทัพ โดยครอบครัว
ของทั้งคู่คุ้นเคยสนิทสนมกันเป็นอย่างดีมานานต่างหาก เจ้าตัวจึงไม่นึกเกรงรังสีพิฆาตของขุนทัพสักเท่าไหร่
“พี่ดอน หน้าไปโดนอะไรมาพี่?” น้ำเสียงห่วงใยจริงใจของหนุ่มรุ่นน้อง เพียงพอแล้วที่จะเรียกร้อยยิ้ม
จากปากสวยที่บัดนี้มุมปากยังม่วงคล้ำ ให้คลี่ยิ้มบางเบาแต่ก็สะกดทุกสายตาให้มองตะลึงเพราะน้อยครั้งจะมีโอกาสได้เห็น
ฤษีไร้ใจ มีรอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้า ก่อนคำพูดจากปากที่สุดแสนประหยัดจะเอ่ยเพียงสั้นๆ ว่า
“ทดลองความหนานะครับ” เป็นอันหมดคำถาม และคงไม่ได้ข้อมูลใดๆเพิ่มอีกแล้ว เพราะทุกคน
ที่นั่งกระดิกหูรอฟังในที่นี้ต่างรู้ดีว่า คนตอบจะไม่พูดไปมากกว่านี้อีกแล้ว นอกจากใบหน้าไร้ความรู้สึก
ที่ท้าทายให้ค้นหาก็เท่านั้น
“ป่ะ!..พวกมึงขึ้นเรียนกัน” แล้วคนที่มีอิทธิพลต่อเพื่อนๆ ก็เอ่ยปากชวน พร้อมกับหยิบงานที่ขุนดอน
อดนอนปั่นให้เสร็จยันตีสองก่อนได้ของแถมติดหน้าซะยับ หยิบติดมือลุกเดินนำออกไปทันที ตามหลังด้วยกลุ่มเพื่อน
ที่คุ้นหน้าคุ้นตาเพราะอยู่ทีมรักบี้อีกห้าชีวิต หนึ่งในนั้นคือคงกระพันธ์หนุ่มสำอางค์อารมณ์ดีรวมอยู่ด้วย
และก็เป็นเวลาอิสระของขุนดอนที่จะนั่งทำอะไรต่อมิอะไรก่อนจะถึงคาบเรียนตัวเอง ในเทอมนี้
ถือเป็นเทอมสุดท้ายเหลือเวลาเรียนแค่ไม่ถึงสองเดือน ตนก็จะได้ออกภาคสนามเพื่อฝึกเป็นเจ้าหน้าที่วิศวะปิโตรเลียม
สมบูรณ์แบบแล้ว เพราะเหตุนี้ต่างหากที่เป็นยาชูกำลังให้ขุนดอนมีพลังใจที่จะก้าวไปข้างหน้าโดยมองปัญหาต่างๆ
ที่ใครๆพากันเห็นใจเป็นเพียงปัญหารกสมองไม่เก็บเอามาคิดให้อารมณ์ขุ่นมัว
นั่งได้กว่าครึ่งชั่วโมง ร่างกายเกิดอาการปวดฉี่ขึ้นมา จึงลุกเดินไปยังห้องน้ำใต้ถุนตึก
จะด้วยความบังเอิญหรืออย่างไรไม่ทราบ ทำให้ต้องหลบฉากบังมุมเพื่อหยุดฟังเด็กปีสามศิลปกรรมกว่าสิบคน ยืนคุยกับเด็ก
ในคณะสองคนว่า
“มึงแน่ใจนะ ว่าเด็กกูไปกับไอ้เหี้ยนั่นเมื่อเย็นวาน” คำพูดที่ไม่ต้องเดาว่าหมายถึงใคร
และพูดถึงใคร เพราะคนถามคือไอ้พิชิตอันธพาลชื่อดัง ส่วนเด็กที่ว่าคงไม่พ้นปิ่นแก้วสาวเจ้าปัญหาที่พาตนหน้าแหกอีกเช่นกัน
“แน่ใจสิพี่ชิต ผมเห็นคนเดียวซะเมื่อไหร่ ใครเค้าก็เห็นกันทั้งนั้น เค้าไม่ได้แอบควงนี่นา
ออกจะเดินควงอย่างเปิดเผยซะด้วยซ้ำ” คำพูดยืนยันหนักแน่นจากวิศวะรุ่นน้อง ทำเอาคนถามหน้าเขียวตาวาวโรจน์
“อีห่านี่ร่านนัก ถึงว่าเมื่อวานกูติดต่อไม่ได้ ถ้ากูยังไม่ปล่อยมืออย่าหวังจะไปควงคนอื่น รอกูเบื่อก่อน
ถึงมีสิทธิ์ งานนี้กูจัดเต็มทั้งคู่ให้สมอยาก ไอ้เหี้ยนั้นมันต้องโดนตุ๋ยให้หมดมาดแมนไปเลย ไปกันพวกเรา”
ทิ้งทวนให้คนได้ยินรู้สึกขนหัวลุก ไม่ต้องนึกภาพตามก็พอจะมองออกว่าคนพูดมีจุดประสงค์อะไรในการแก้แค้น
ที่โดนหยามศักดิ์ศรี
ส่วนคนแอบฟัง กลับแววตาวูบไหวไม่ปิดบังความรู้สึกว่างานเข้าขุนทัพอย่างแรง ปัญหาใหญ่เสียแล้ว
ที่ต้องเจอคู่ปรับแบบไอ้พิชิต รายนั้นไม่เกี่ยงวิธีการที่จะใช้ ขอแค่สะใจที่ได้แก้แค้นเท่านั้นพอ นั่นคือปัญหาขององค์รัก
เทพพิทักษ์ขุนทัพต้องพลอยหนักใจอย่างมาก หากขุนทัพเป็นอะไรไป เท่ากับว่าผู้มีพระคุณดุจบิดรมารดาอย่าง
คุณท่านขุนพรหมและคุณหญิงพิมาลาคงใจแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ
ปากหยักสวยได้รูปเผลอเม้มแน่นเมื่อต้องใช้ความคิดเครียดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว...??????มาต่อตอนที่สองให้แล้วนะคะ นี่แค่บทเริ่มแห่งมาม่า
หวังว่าคงเสพกันสะใจ และเตรียมรับสถานการณ์กดดัน
กันต่อไป
Luk.
ปล. ขอเม้นท์กันหน่อยนะคะ อยากอ่านเม้นท์โฮก....เพื่อนำมาเป็นไกด์คลายปมไม่ให้หลุด
ขอบคุณล่วงหน้ามิตรรักคนอ่านที่น่ารักของข้าพเจ้าทุกคน....รักนะ..จุ๊บๆๆๆ....กร๊ากกกกก