ตอนก่อนหน้านี้นะฮะ >>>> ตอนพิเศษTrick not Treat#1 Trick not Treat #2เมื่อลูกค้ารอบเช้าเดินออกจากร้านไป คอสก็เดินขึ้นไปดูที่ห้องพักชั้นบน อาหารเช้ายังวางอยู่ที่เดิม ส่วนบาลียังหลับอยู่ในห้อง
คอสยืนมองพี่แล้วถอนหายใจ
ใกล้เที่ยงก็ออกไปซื้ออาหารมื้อเที่ยง เมื่อกลับมา บาลีอยู่ที่ด้านในของชั้นลอย
คอสตะโกนเรียกพี่เหมือนเดิม "พี่ กิ.."
"เฮ้ย!" บาลีตะโกนสวนออกมาจากชั้นลอย จนคอสสะดุ้ง
วินาทีถัดมาคนตัวโต พรวดพราดออกมาจากส่วนซ่อมหนังสือ มองลงมาเห็นคอสยืนอยู่กลางร้าน ใบหน้าซีด ตาโตด้วยความตกใจ ในมือยังถือถุงอาหาร
"ขอโทษ เมื่อกี้คอสว่าอะไรนะ"
"ผม....." คอสพูดไม่ออก ได้แต่ยกถุงอาหารที่อยู่ในมือ
"เออ เดี๋ยวลงไปกิน" บาลีบอกแล้วหันกลับเข้าไปข้างใน เสียงบ่นตามหลังมา แม้จะเบาลง แต่คอสก็ยังได้ยิน "เรื่องมาก! วุ่นวาย!"
คอสกัดริมฝีปากจนเจ็บ
โดนทิ้ง โดนลืม โดนกดสายโทรศัพท์ทิ้ง โดนตวาด โดนด่าตามหลัง
เรื่องแค่นี้เอง
ไอ้คอสภูมิคุ้มกันเข้มแข็ง ไม่ร้องไห้อยู่แล้ว..
จนบ่ายบาลีถึงได้ลงมาจากชั้นลอย พอเห็นว่าคอสตาแดงเรื่อ ก็เข้ามากอดเอวไว้
"เป็นอะไร"
คอสเงยหน้าขึ้นมองพี่ แต่ส่ายหน้าให้กับอารมณ์ของตัวเอง เพราะไอ้ที่น้อยใจกันมาข้ามวันมันหายไปด้วยคำถามงี่เง่าเพียงประโยคเดียว
....เป็นอะไร....ไม่มีคำถามที่ดีกว่านี้แล้วหรือไง...
"พี่กินข้าวผัดก่อนเถอะฮะ ข้าวเช้าก็ไม่ได้กิน เดี๋ยวจะปวดกระเพาะ"
"อ๋อ เมื่อเช้าพี่กินมาจากข้างนอกแล้ว" บาลีตอบโดยที่หันไปมองทางหน้าประตูของห้องครัว
คอสเดาเอาว่า บาลีคงหันไปมองใครบางคนตรงนั้น
และเพราะร่างโปร่งใสที่อยู่ตรงนั้นกำลังทำท่าตลกๆ ยกนิ้วมือขึ้นแตะปาก ทั้งกำลังยิ้มกว้าง ทำให้บาลียิ้มค้างจนหันมาหาคอส คนที่เฝ้ามองตามพี่อยู่เสมอ
คอสอยากถาม ว่าพี่ยิ้มให้ใคร
อยากบอกว่า...ยิ้มทั้งที่ตาวาวๆ แบบนั้นนั่นมันยิ้มของผม มีแต่ผมคนเดียวที่พี่จะยิ้มให้แบบนี้...
แต่บาลีกำลังคิดว่า ถ้าเล่าแล้วคอสจะยิ่งกลัวกว่าเดิมหรือไม่
สุดท้ายคือต่างคนต่างเงียบ คอสลุกไปรินน้ำเย็นมาให้บาลี กำลังจะนั่งลงข้างๆ มองพี่กินข้าว และชวนคุยเหมือนทุกมื้อ ทุกวันที่ผ่านมา แต่ตอนนี้กลับคิดเปลี่ยนใจ
คล้ายพี่กำลังอยู่กับใครบางคนที่ทำให้พี่ยิ้มได้ หัวเราะได้ มีความสุขเวลาที่อยู่กับเขา จนรำคาญคนที่ยืนอยู่ตรงนี้
"ถามได้ไหมฮะ"
"ได้สิได้ๆ" บาลีตอบทันที
"พี่ซ่อมหนังสือเกี่ยวกับอะไรอยู่หรือฮะ"
บาลีคิด ขณะที่หันไปมองร่างโปร่งใสที่ก้าวมายืนข้างคอส "บันทึกของผู้หญิงน่ะ"
"เขาสวย....ไหมฮะ"
บาลีพยักหน้ารับ
เป็นการพยักหน้า หลังจากที่มองผ่านคนถามไปที่ด้านข้าง กวาดตามองผ่านคนถามอีกครั้ง แล้วมองช้อนในมือ จากนั้นจึงพยักหน้า และหลังจากพยักหน้าให้คอส บาลีก็ยังยกมือขึ้นโบกแบบเก้อๆ เป็นขั้นตอนการเคลื่อนไหว ที่วนเวียนฉายซ้ำอยู่ในสมองของคนถาม
ต้องเป็นเพราะภาพซ้ำๆ แบบนี้แหละ ที่ทำให้ประสาทส่วนต่างๆ มันชา มือชา หัวใจชา สมองชา ลามไปถึงเท้า
"อืม..."
ที่สามารถส่งเสียงออกไปได้มีเท่านี้จริงๆ
คนที่ทำให้พี่ยิ้มได้ อยู่ในห้องนี้และพี่ก็ยังมองเขา ยังคุยกับเขาอยู่ ทั้งที่มันคือคำถามของผม...
คอสฝืนยิ้มแล้วเดินออกมาจัดหนังสือในร้าน
ช่วงบ่าย มีลูกค้าที่เป็นพนักงานของธนาคารกำลังเลือกดูนิตยสาร ส่วนกลุ่มพนักงานของสำนักงานทนายความกำลังเลือกหนังสือนิยายแปล
บาลีกำลังจะเดินผ่านคอสไป แต่กลับเดินมาหา
"เป็นอะไร"
เพราะมีลูกค้าในร้าน คอสจึงส่ายหน้า คิดเอาเองว่า เดี๋ยวพอเขาคุยดีด้วยเราก็จะอารมณ์ดีขึ้นเองเหมือนทุกครั้ง
แต่คราวนี้บาลีกลับยืนมองหน้า
คอสหายใจเข้าลึกๆ ยกมือตบอกตัวเอง
"ไม่เป็นไร ไอ้คอสเป็นคนร่าเริง ไร้สาระ ยิ้มได้ อารมณ์ดี เลือกไอ้คอสเบอร์สิบสี่นะฮะ"
บาลีส่ายหน้า "เพี้ยนจริงๆ"
พูดจบก็เดินขึ้นไปที่ชั้นลอย ทิ้งอีกคนที่ยิ้มค้างให้กับหนังสือในมือ และลูกค้า
เมื่อจะเข้าไปหลังร้านเพื่อเก็บจานชามไปล้าง
นอกจากจานและแก้วของพี่ ยังมีข้าวผัดในจาน กับน้ำอัดลม วางอยู่
คอสเกือบคิดว่า เพราะตัวเองยังไม่ได้กินข้าว พี่คงวางไว้ให้ แต่เพราะลักษณะของการวางช้อน และหลอด ทำให้คอสชะงักมือ
"นี่มันข้าวผัด กับน้ำของผมนะ ทุกอย่างของผมกลายเป็นของเขาไปหมดแล้วหรือไง"
คอสได้ยินเสียงหัวเราะที่ข้างหู
เสียงผู้หญิง
แต่ไม่มีความรู้สึกกลัวเลยสักนิด
ไม่โกรธ
ไม่เกลียดเจ้าของเสียงนั้น
ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย
เขายังอยู่ที่นี่ และมีความสุข เมื่อเห็นเราเป็นทุกข์...
เก็บจานชามไปล้างทั้งหมด แล้วเดินออกมา
บาลีกำลังก้าวบันไดลงมา แล้วพูดทักขึ้น
"อยู่นี่เอง คิดว่าไปไหน"
เพราะสายตาไม่ได้มองที่คอส แต่มองคนข้างๆ ที่คอสมองไม่เห็น คอสถึงได้เดินกลับไปหยิบไม้กวาดกับที่ตักผง
บาลีเองก็เพิ่งรู้ตัว ว่าพูดทักไปโดยไม่มองคอส แต่เพราะคอสหันหลังให้ทันที แถมลูกค้าก็อยู่เต็มร้าน
เดี๋ยวค่ำนี้ค่อยคุยกัน
แต่ค่ำลงบาลีกลับเตรียมตัวจะออกไปข้างนอกอีกครั้ง
เพราะที่ผ่านมาบาลีไม่เคยต้องสืบเรื่องหนังสือ รับหนังสือมาแล้วก็ซ่อมอยู่ในร้าน รอจนกว่าเจ้าของมารับ แต่ครั้งนี้บาลีกลับจะออกไปเป็นคืนที่สองติดต่อกัน
"พี่จะไปไหน" คอสถามเสียงสั่น มือก็สั่นเมื่อดึงชายเสื้อพี่
"อะไรเนี่ยคอส ทำอย่างกับหมาโดนทิ้ง"
"ก็พี่..."
"เออ เดี๋ยวก็มา"
"ไปกับพี่หมอกหรือเปล่าฮะ"
"คอส" บาลี ขยับจะตอบ แต่เงาร่างโปร่งใสที่อยู่ด้านข้างกำลังวุ่นวาย เร่งให้ออกไป ช่างวุ่นวายเสียจนอดไม่ได้ "อย่าวุ่นวายนักได้ไหม จะเอายังไงอีก!"
เสียงของบาลีดังมาก จนคนที่เดินผ่านหน้าร้านยังหันมามอง คอสคลายมือออก ก้มหน้าเดินไปเปิดประตูโรงรถให้
"คอส" บาลีอยากอธิบาย แต่ฝ่ายนี้ก็เร่งเหลือเกิน เสียงที่ผ่านลำคอจึงเป็นความไม่พอใจ
รอจนปิดประตูโรงรถเสร็จแล้วหันมา คอสถึงได้รู้ตัวว่า น้ำตากำลังไหลอาบแก้ม
ปู่ได้แต่ยืนถอนหายใจอยู่ข้างๆ
"...ลูกเอ๊ย ปู่เตือนจนปากจะถึงหูอยู่แล้ว บาลีเองมันก็เร่งมือเต็มที่ อยากให้เขาไปใจจะขาด..."
เป็นวันที่สองติดต่อกันที่บาลีกลับบ้านในตอนเช้า ทั้งคราวนี้กลับมาพร้อมกับกลิ่นเหล้า
"พาเขาไปเที่ยวร้านเหล้า นายรักอ่านคนนี้แปลกไปไหม" คอสยืนเท้าเอวมองคนที่หลับอยู่ที่โซฟา
รองเท้ามีรอยโคลน กางเกงยังมีเศษหญ้า แต่ตัวมีกลิ่นเหล้า
นี่มันร้านเหล้าแบบไหนกัน
....ช่างเถอะ ยังไงตอนนี้เขาก็กลับมาบ้านแล้ว
แล้วอีกคนก็เป็นผู้ที่มากับหนังสือ พอมีคนมารับก็คงไป
แล้วมันอีกนานไหม
หนังสือเก่าหลายเล่มที่นี่ อยู่มาตั้งแต่ตอนที่พ่อของบาลียังอยู่ แล้วถ้าหนังสือเล่มนี้จะเป็นอีกเล่มไม่มีคนมารับ เขาจะอยู่ที่นี่ตลอดไป แล้วเราจะอยู่ตรงไหน จากที่เป็นคนเฝ้าร้าน ต่อไปเราจะเป็นอะไร จะต้องมองดูเขาหัวเราะ ยิ้ม และมีความสุขกับใครอีกคนที่เรามองไม่เห็นไปอีกนานไหม...
แต่เมื่อมาถึงคืนวันศุกร์ที่บาลีหายไป และกลับมาเช้าวันเสาร์ วันที่คอสจะต้องไปสอนพิเศษ แต่บาลียังไม่ตื่น ทำให้คอสต้องปิดร้าน เกือบเที่ยงบาลีก็โทรมาถาม ว่าไปไหน เมื่อคอสบอกว่ามาสอนพิเศษ บาลีก็กดวางสายไป
เมื่อกลับมาถึงร้านในตอนเย็น บาลีกำลังโมโหมาก
"จะไปสอนพิเศษทำไมไม่บอกก่อน ลางานไม่ได้หรือไง วันนี้วันเสาร์ลูกค้าเข้าร้านทั้งวัน พี่มีเรื่องต้องทำนะคอส"
คอสยืนอึ้ง
ที่ผ่านมา เวลาต่างคนต่างติดงาน ก็จะปิดร้าน ไม่เห็นว่าพี่จะบ่นอะไรเลยสักครั้ง
"ขอโท..."
"สักแต่พูดว่าขอโทษ ให้มันพ้นตัวไป"
คอสกลืนคำที่จะพูด แล้วเดินไปหลังร้าน หยิบผ้ากันเปื้อนออกมา
นึกถึงตอนที่พี่ผูกผ้ากันเปื้อนให้ครั้งแรก
"เหมือนตอนมึงเลยไอ้มะตูม...." หยดน้ำตาตกกระทบผ้ากันเปื้อน "แต่ตอนมึงน่ะ เขาไม่ตวาดกูต่อหน้าคนอื่น ตอนนี้ ทั้งหน้าร้าน ทั้งในร้าน พยานเพียบเลยมึง หน้าชา กลายเป็นไอ้โง่ไปเลย มึงรู้ไหม ว่าไอ้คอสมีอีกชื่อคือไอ้หน้าโง่ คนโง่ที่ไม่เคยอยู่ในหัวใจเขา ต่อให้หนีเขาไปไกล แต่พอเขามายืนอยู่ข้างหน้า ก็ทิ้งแม่ ทิ้งพ่อ กลับมาอยู่กับเขา เพื่อให้โดนเขาด่า เพื่อที่จะย้ำว่ากูโง่ขนาดไหน"
คอสล้างหน้า ถูหน้าแรงๆ หายใจเข้าลึกๆ ผ่อนลมหายใจออก ใส่ผ้ากันเปื้อน แล้วเดินออกมาหน้าร้าน
บาลีไม่อยู่แล้ว คงรีบร้อนออกไปจริงๆ
ลองโทรเข้ามือถือของบาลี คราวนี้กดรับสาย แต่บาลีไม่ได้คุยกับคอส กลับคุยกับใครอีกคน
...พี่ถาม พี่หัวเราะ สลับกับดุอีกคน แล้วก็ถาม แล้วก็บ่น จากนั้นก็หัวเราะ...
พอเถอะ คอสกดวางสาย รอจนสามทุ่มก็ปิดร้าน เดินขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หยิบสมุดสเกตช์ภาพ แล้วโบกเรียกมอเตอร์ไซค์
เมื่อบาลีกลับมาในตอนเช้าพบว่า 'ทุกคน' มายืนรอกันอยู่พร้อมหน้า ทั้งผู้ที่ไม่เคยไปไหนไกลจากชั้นลอย และผู้ที่แทบจะไม่เคยออกมาจากหนังสือ ก็ยังมายืนรอด้วยความร้อนใจ
"....คอสไปแล้ว..." ปู่รีบบอกทันทีที่บาลีเปิดประตูเข้ามา
"...เด็กไร้สาระ..." เงาร่างโปร่งใสของนงพงาที่กลับมาพร้อมกับบาลี พูดพลางหันไปมองทางอื่น
สตรีในชุดผ้าทอมือพื้นเมือง เกล้ามวยสูงประดับปิ่นไม้ เลื่อนกายมาอยู่ข้างหน้านงพงา
ปู่มีความเกรงใจเจ้านางสายฝนผู้นี้อย่างยิ่ง ที่ผ่านมา นางไม่เคยพูดอะไร เพียงยืนยิ้มอยู่เฉยๆ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตอนนี้กำลังมีท่าทีไม่พอใจมาก
"...เจ้าช่างเห็นแก่ตัว..."
เมื่อถูกตำหนิตรงๆ เงาโปร่งใสของนางพงาก็เปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น
เงาโปร่งใสของบุคคลอื่น เข้ามาห้อมล้อมในทันที ส่วนปู่กันบาลีก้าวถอยหลังออกมา
"....แกเป็นบ้าอะไรของแก..." ดวงตาของนายรักอ่านคนแรกดุและเข้ม จนบาลีที่ยังงงว่าเกิดอะไรขึ้นได้แต่ส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจ
"ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้น"
"...ไอ้หลานเลว..." ปู่ตะคอก "...ทุกคนเตือนกันแล้ว เตือนกันอีกแกก็มัวแต่บ้าบอไร้สาระ..."
"...พวกท่านต่างหากที่เห็นแก่ตัว เพราะท่านมองว่าเรื่องของตนนั้นสำคัญ แต่ความทุกข์ใจของฉัน ท่านกลับว่าไร้สาระ คุณบาลีมีเจตนาดีจะช่วยอิฉันเท่านั้น.."
เมื่อเงาร่างของหญิงสาวแสดงสีหน้าทุกข์ใจ เงาโปร่งใสที่เป็นชายรูปร่างสูงใหญ่นุ่งผ้าโจงสีเข้ม ไม่สวมเสื้อ ซึ่งทุกคนในที่นี่เรียกว่าน้าไม้ ก็ด่าอย่างตรงไปตรงมา
".. ตอแหล..."
บาลีหันไปมอง 'ทุกคน' รอบตัวอีกครั้ง
"บอกผมได้ไหมครับ ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น" เมื่อคนที่ไม่เคยโกรธ ก็โกรธ คนที่ไม่ค่อยพูดก็พูด แม้แต่น้าไม้ ที่รักการอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ ก็ยังออกปากด่าแรงจนเงาโปร่งใสของหญิงสาวต้องได้แต่ก้มหน้า
ปู่เป็นคนหันมาอธิบาย "...แกข่มขู่ทุกคนว่าอย่ายุ่งกับคอสเพราะคอสกลัว แต่อีนังงูเห่านี่ทำร้ายคอส แกกลับมองไม่เห็น..."่
อันที่จริงแล้วบาลีมองเห็นว่าคอสเสียใจ และมีเรื่องที่เข้าใจผิดหลายเรื่อง แต่เพราะร่างโปร่งใสของนงพงา ตามติดไม่ห่าง จึงคิดว่าเดี๋ยวค่อยกลับมาทำความเข้าใจได้
"คอสไม่อยู่หรือครับ"
"...ไปตั้งแต่เมื่อคืน ป่านนี้ยังไม่กลับมาเลย แกไม่เห็นห่อหนังสือพิมพ์หน้าร้านหรือไง..."
บาลีเห็นห่อหนังสือพิมพ์แล้ว แต่ไม่ได้คิดกังวลอะไร เพราะนั่นคือคอส เด็กศิลป์ที่ต้องการเวลาส่วนตัวมากหน่อย
"เขาไม่ได้โทรหา..."
แต่แรกไม่ได้คิดกังวล จนกระทั่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
นานแค่ไหนแล้ว ที่ไม่เคยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูการโทรเข้า-ออกแบบนี้
คอสโทรเข้ามาหาหลายครั้ง มีการกดรับสาย แต่บาลีแน่ใจว่า ไม่เคยกดรับ
การที่ไม่เคยรู้เลยว่าคอสโทรหา ก็ทำให้คิดไปว่า คอสงอนไปเรื่อย น้อยใจไปเรื่อย แล้วก็ไม่มีอะไร
หรือมันจะสายเกินไป
บาลีหันไปหานงพงา โกรธจนเส้นเลือดที่ขมับกระตุก
นิ้วมือใหญ่ชี้ไปที่สมุดบันทึกที่วางอยู่บนโต๊ะ เงาร่างโปร่งใสทุกคนก้าวถอยห่างออกมา
"ไอ้สมุดบันทึกเพ้อเจ้อไร้สาระนั่น เทียบค่าไม่ได้แม้แต่ฝุ่นเกาะหนังสืออ่านเล่นในร้านนี้ ที่ช่วยหาคนให้ เพราะเห็นว่า เป็นญาติของคอส ถึงได้ทำเป็นรู้ไม่ทันว่าแปลงหน้าตาให้เหมือนคอส เลียนแบบท่าทางให้เหมือนคอส เพราะเป็นคนเห็นแก่ตัว เพ้อเจ้อ ยึดมั่นกับสิ่งที่ไม่ได้เป็นของตัวเอง ถึงไม่ไปผุดไปเกิด ตอนมีชีวิตอยู่ก็ไร้ค่า ตายไปแล้วยังสร้างปัญหา!"
สมุดบันทึกสีซีดจาง เริ่มหงิกงอ คล้ายถูกเผาด้วยไฟอ่อนๆ แต่บาลีตอนนี้ใจร้ายกว่าที่เคยเป็นมา
นงพงากลับมาสู่ร่างที่แท้จริง ใบหน้าที่ไม่ต่างจากหญิงสาวในภาพถ่าย แต่ความร้อนที่สุมอยู่รอบตัวทำให้เริ่มทุรนทุราย จนเมื่อมาถึงจุดหนึ่ง บาลีก็ผ่อนความร้อนลง
"ทุกคนที่เกิดมามันก็มีทุกข์ มีสุข พบเจอ แล้วก็พลัดพรากด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีความทุกข์ของใครหนักกว่าของใคร ที่ว่าชีวิตมันยากลำบาก นั่นก็เพราะเรื่องราวที่แบกไว้มันหนักเกินตัว ก็แค่วางมันลง คนเขาจากไป ก็เพราะเขาไม่อยากอยู่ บังคับให้เขาเป็นในสิ่งที่เขาไม่ได้เป็น ให้เขาทำในสิ่งที่เขาไม่ได้อยากทำ ตายไปตั้งกี่ปีกันแล้ว ยังไม่รู้จักคิด!"
ความร้อนกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งอย่างช้าๆ นงพงาขยับตัวไม่ได้ เงาร่างโปร่งใสแข็งเกร็ง ดวงตาจ้องมองบาลีอย่างไม่เชื่อสายตา ริมฝีปากที่พูดเจื้อยไม่หยุด ได้แต่อ้าค้างอยู่เช่นนั้น
"กฏของนายรักอ่าน ที่ชื่อว่าบาลี มีเพียงข้อเดียว คืออย่ายุ่งกับคอส ผมเตือนคุณแล้ว!"
บาลีสะบัดมือ ส่งนงพงาไปสู่ห้วงแห่งความมืดที่ร้อนและทรมาน
"อยู่ที่นั่นจนกว่าคอสจะกลับมา ถ้าคอสไม่กลับมา ก็อยู่ที่นั่นตลอดไป!" เสียงของบาลีดังก้องท่ามกลางมืดมิด
ตอนที่ออกมาจากร้าน คอสมีสมุดสเกตช์ภาพ กระเป๋าเป้หลังหนึ่งใบ กับเงินติดตัวนิดหน่อย เงินเดือนครูพิเศษแบบนี้มันช่างเล็กน้อยจนอาจมีชีวิตรอดได้ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ในเมืองหลวง แต่คอสก็ยังรักที่จะทำงานนี้ และมีชีวิตแบบที่ใครได้ยินก็บอกว่าน่าอิจฉา
..คอสยกยิ้มมุมปากประชดตัวเอง
สวนสาธารณะริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่สามารถนั่งวาดรูปได้ตลอดทั้งคืน ยามรักษาความปลอดภัย เดินเข้ามาบอกด้วยความเกรงใจ ว่าต้องปิดประตูสวนสาธารณะแล้ว คอสหันไปขอโทษ แล้วเดินมาเรื่อยๆ แล้วต่อรถเมล์จนมาถึงสนามหลวง
ที่นี่สามารถนั่งวาดรูปได้ทั้งคืน
คอสทำอย่างนั้นจนกระทั่งฟ้าสว่าง ถึงได้เดินตามคนจรจัดไปล้างหน้า ลูบตัวจากก๊อกน้ำที่อยู่ใกล้ๆ นั่งกินไข่ปิ้งกลั้วคอด้วยน้ำเย็นจากก๊อกน้ำ ที่เขาบอกว่าประปาดื่มได้ แล้วมองท้องฟ้าอีกหน่อย จากนั้นก็วาดรูปต่อไป
รูปท้องฟ้า ดอกไม้ ต้นไม้ ต้นหญ้า วัด คน
จนเมื่อสนามหลวงเปิดไฟสว่างอีกครั้ง คอสบิดเอว แล้วหยิบดินสอแท่งใหม่ในกระเป๋า ถึงได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
ตอนนี้โทรศัพท์ปิดอยู่
ถ้าเปิดเครื่อง จะมีสายของพี่โทรเข้ามาหาหรือเปล่า
ถ้าไม่มีจะยิ่งหงอยกว่าเดิมไหม
ถ้ามีเราก็คงไม่แคล้วรีบวิ่งกลับไปหา
แต่เปิดเครื่องไปเลยดีกว่าจะได้รู้
มีสายของพี่โทรเข้ามาหลายครั้ง กับอีกสายที่มาจากคีย์ คอสกลับโทรกลับหาคีย์
"คอส มึงอยู่ไหน" คีย์น้อยเสียงเหมือนจะร้องไห้
"ทำไมมีใครเป็นอะไร"
"มึงน่ะแหละ มึงเป็นอะไร ทำไมมึงหนีออกจากบ้าน ทำไมมึงปิดมือถือ มีอะไรทำไมมึงไม่คุยกับกู กูอยู่ห่างจากมึงไม่ถึง 50 เมตรนะ"
คอสกับคีย์คล้ายกัน คือเป็นเด็กเลี้ยง ที่ทำหน้าที่เฝ้าร้านให้อีกคน ที่แตกต่างกันก็คือ เฮียซาโต้เลี้ยงคีย์ไว้ในหิน ดูแลเอาใจกันตลอดเวลา
"กูติสต์แตกน่ะ เดี๋ยวก็กลับ"
"คอส พี่บาลีเขาเป็นห่วงมึงมากนะ เขาตามหามึงไปทั่ว"
คอสฟังเงียบๆ คีย์ก็เลยปิดท้าย "มึงว่ากูหนีปัญหา มึงบอกว่าเฮียน่าสงสารเวลาที่ต้องตามหากู แต่ตอนนี้มึงก็หนีเสียเอง กลับมานะคอส มึงมีอะไรไม่กล้าบอกเขา หรือโกรธเขาแล้วด่าเขาไม่ได้ ก็มาด่ากูแทน กูไม่เถียงมึงอยู่แล้ว"
คอสยิ้มให้กับเพื่อนคนดี
คีย์เป็นคนดี และข้อเสียเพียงอย่างเดียวของคีย์คือคีย์มักจะหนีปัญหา
"อืม เดี๋ยวกูกลับไป"
คีย์ถามย้ำอีกครั้งแล้วกดวางสายไป
ขณะที่กำลังคุยกับคีย์ บาลีพยายามโทรเข้า แต่คอสไม่ได้กดรับ ทั้งปิดเครื่องไปอีกครั้ง
เดินไปกินก๋วยเตี๋ยวไก่ ที่มันเคยอร่อยมากตอนที่มากินกับพี่ แต่ตอนนี้ไม่รู้รส จากนั้นก็นั่งรถกลับบ้าน
(มีต่อ)