อยากจะบอกคนแต่งว่า ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เลยค่ะ
เพื่อนแนะนำให้อ่าน บอกเลยว่าสมัครเพราะเรื่องนี้ อ่านอยู่ สามวันสามคืน จริงๆนะ เราแทบจะไม่ได้หลับ มันติดใจทุกครั้ง
เรื่องนี้ ทำให้เรา ต้องบอกแม่ซื้อทิสชู่มาให้กล่องนึงเลย ขอบอกเลยค่ะ ว่า รัก พี่หมอกกับน้องตี๋ และคนแต่ง อย่างสุดขั้วหัวใจ
ตอนที่ตี๋ไป ครั้งแรก มันทำให้รู้ว่าพี่หมอกรักตี๋แค่ไหน ตอนที่เจอกันที่ผับ มันทำให้เรารู้สึกว่า หัวใจที่เคยเป็นน้ำแข็ง มันได้ละลายไปแล้ว ต่อมา เราชอบตอนที่พี่บอล บอกว่า การรอคอยของพี่หมอกจบลงแล้ว รู้มั้ยค่ะ ว่าเราตื้นตันใจมากแค่ไหน รับรู้ได้ถึง การที่พี่หมอกต้องรอใครสักคนมาตลอด ตั้งแต่เด็กจนโต
จุดพีคที่สุด คือตอนจบภาคแรก เราร้องได้อยู่นานมาก ทิสชู่กล่องแรกหมดไป เราร้องไห้ตั้งแต่พี่เมฆมา จนถึงตี๋วิ่งไปสนามบิน แต่ไม่ทัน จนนึกว่า ถ้าตัวเองได้อยู่ข้างๆตี๋ ก็คงจะไม่มีคำใดๆจะปลอมประโลมเด็กคนนี้ไปได้ ทิสชู่กล่องที่สอง ถูกเปิดออกใช้ ตอนนี้ตี่ได้รับดอกกุหลาบจากพี่หมอก ทั้งๆที่ไม่ได้มา แต่ยังส่งดอกกุหลาบมา เพียงแค่ดอกกุหลาบแค่ดอกเดียว มันกลับสื่อได้ถึงหลายๆความหมาย และหลายๆเรื่องราว เหมือนกับที่เค้าบอกกันว่า ภาษาดอกไม้ คนแต่งคะ รู้มั้ยคะว่า เราทั้งดีใจ ทั้งเสียใจ ความรู้สึกทั้งหลายแหล่ มันประดังเข้ามาหมด อึดอัด แต่ก็พร้อมจะเข้าใจ (รีบอ่านภาคสองต่อทันที)
ต่อมาภาคที่สอง เราว่าตัวละครมีความคิดความอ่าน ที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นจริงๆ ทั้งการกระทำแล้วก็คำพูด ที่ดูจะคิดมาก่อน แต่ยังไง พี่หมอกก็ยังดูเอาแต่ใจแบบเด็กๆ อยู่ดี เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ และ ไม่ชอบสิ่งที่ผิดหวัง เราชอบที่เนื้อเรื่องบางครั้งดูเป็นชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร แต่บางครั้งกลับสะท้อนความเป็นจริงในสังคมได้อย่างน่าทึ้ง รวมไปถึง การวิ่งตามสิ่งที่เราต้องการ แม้จะไกลสักเพียงใด แม้ไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไร แต่ทั้งพี่หมอกและน้องตี๋ ต่างพร้อมที่จะเดินไปด้วยกัน
อยากจะบอกกับคนแต่งว่า ขอบคุณจริงๆ ที่ยังมีเวลาแต่งเรื่องดีๆ เรื่องสนุกๆ ให้ได้อ่านกัน ทั้งที่ต้องเรียน ทั้งเรียนสูงขึ้น และหนักขึ้น ต้องมีกิจกรรม หรือ ภาระหน้าที่ที่ต้องทำ แต่ยังไม่ละทิ้งกันไป ขอบคุณจริงๆ สู้ๆต่อไปนะคะ