Special Coinหนึ่งวัน
หนึ่งเดือน
หนึ่งปี
จนตอนนี้ มันก็ผ่านมาจะสามปีแล้ว
เวลาหมุนพัดผ่าน ค่อยๆลบเลือนทุกอย่างให้เลือนลาง
ตอนนี้ ผมจำกลิ่นของพี่ไม่ได้แล้ว หลายๆอย่างรอบตัวของผมเปลี่ยนไป แล้วพี่หล่ะ จะเป็นยังไงบ้าง
ยังจะใจดีกับผมคนเดียวอยู่อีกหรือเปล่า?ผมอยากรู้..พี่ใช้ชีวิตที่นั่นยังไง อากาศหนาวไหม ไม่สบายจะมีใครคอยดูแลพี่ไหม เพราะพี่ไม่ค่อยบอกคนอื่นว่าไม่สบาย รอจนเป็นหนักแล้วถึงจะค่อยหายามาทาน
แต่ผมจะส่งคำถามเหล่านี้ไปหาพี่ได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้ ผมกับพี่ ห่างกันเสียจนแม้แต่เงาของพี่ ผมยังไม่ได้เห็น
เฮียเรียนจบแล้ว ทำงานอยู่ที่สำนักงานทนายเล็กๆ เห็นว่าอยากสอบเป็นอัยการ อาจจะหนัก แต่เฮียอยากที่จะทำงานรับใช้ประเทศ ถึงมันจะไม่เท่แบบทหารก็เถอะ วันที่รับปริญญา วุ่นวายไปเสียหมด พี่ฟินดันเมาหนักในงานฉลอง ล้มโต๊ะเสียคว่ำ จนคนอื่นอดกิน
ต่อไปก็เป็นคิวของผม ตอนนี้งานหลายๆอย่างล้นมือเต็มไปหมด ไม่ใช่งานมหาลัย แต่เป็นงานรับปริญญา ไม่เข้าใจทำไมต้องวุ่นวายขนาดนั้น ม๊าเสียอีกที่ดูจะตื่นเต้นกว่าผม อย่างวันนี้ก็ตื่นขึ้นมาแต่เช้า ลากให้ผมลุกขึ้นจากที่นอน เฮียไม่ได้ทำงานพิเศษอีก เพราะงานตอนนี้ ก็มีรายได้พอที่จะอยู่กันได้อย่างพอเพียง ตัวผมมีบริษัทมาติดต่อให้ไปทำงานด้วย ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ก็เพราะว่าเป็นบริษัทที่พี่แบงค์เข้าไปทำงานมาก่อน พี่แกเลยแนะนำให้ผมเข้ามาทำงานด้วย
มหาลัยคนแน่นแต่เช้า เห็นไอ้โจ๋กึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ที่ตรงนั้น โดนพี่จัมพ์โบ๊ะแป้งใส่หน้าจนหนาไปหมด ดูแล้วนึกถึงอุกกี้ขึ้นมา พอพูดถึงชื่อนี้ ก็อดใจหายไม่ได้ ตอนนี้มันไม่ใช่อุกกี้แล้วครับ มันกลับมาแมนซะแล้ว ถึงจะยังไม่ครบร้อยเปอร์เซนต์ก็ตาม คนที่กลับดูแมนน้อยลงไปดันเป็นไอ้กล้วย มองจากสายตาภายนอกมันก็ยังดูปกติ ประชากรหมาในปากอัดแน่นเหมือนเดิม แต่อะไรบางอย่างบอกผมว่ามันเปลี่ยนไป
แม่ไอ้กล้วยเดินไปเดินมา ตอนนี้ แม่กล้วยไม่ได้ทำงานเป็นแอร์แล้ว แต่ก็ยังมีของฝากจากสายการบินมาฝากพวกผมไม่ขาด อย่างตอนนี้ ก็แจกน้ำพันช์เป็นขวดให้พวกผมได้กินกัน เฮียเดินตามผมไม่ห่าง บอก “เดี๋ยวมึงก็ล้ม ทำชุดครุยเลอะหมด” ทำเหมือนผมเป็นเด็กสามขวบ หันไปมองก็เห็นม๊านั่งคุยกับแม่ไอ้โจ๋อยู่ เลยไม่ได้เข้าไปกวน
ฟ้าเริ่มสว่าง ผมต้องขึ้นหอประชุมหลังจากที่ซ้อมมาแล้วสองรอบ ถึงเวลาจริง ดูตื่นเต้นกว่าที่คิดไว้ ผมจะล้มหรือเปล่า? จะทำอะไรน่าขายหน้ากลางงานใหญ่ๆแบบนี้ไหม? หรือถ้าเกิดทำหน้าประหลาดๆต้องช่างภาพถ่ายรูปหล่ะ? ดูเหมือนไอ้เคิ่ลจะรู้ผมคิดยังไงเลยได้แต่กระซิบบอกว่าให้ใจเย็นๆ
งานทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
ผมจ้องมองกระดาษเพียงแผ่นเดียวในมือ พยายามมาอย่างหนัก 5 ปี เพื่อกระดาษใบนี้ใบเดียว
เป็นกระดาษที่บอกถึงความพยายามทั้งหมดที่ผมพยายามมา อดหลับอดนอน นั่งทำโมเดล หลายครั้ง ก็เครียดจนไมเกรนขึ้น คลานไปอ้วกกันเลยก็มี แต่ทุกอย่างที่ดูลำบากจนไม่น่าเชื่อนั้น ผมก็ผ่านมันมาทั้งหมดแล้ว
“….เรียนจบแล้วหว่ะ”
“เออ…ต่อไปนี้แม่งก็ไม่ต้องปั่นงานแล้วไง”
“ไม่ต้องมาช็อคตอนนัดสอบอีก”
“…งี้ก็ต้องดีใจสิวะ…เย้หน่อยเร็ว เย้…”
“……”
“….ทำไมทำหน้ากันแบบนั้นหว่ะ ไม่ตายเดี๋ยวก็ได้เจอกัน”
อารมณ์ทั้งดีใจ เศร้าใจปนกันไปหมด
วันที่ดีใจที่สุด ก็เป็นวันที่ใจหายมากที่สุดด้วยเช่นกัน
ผมกำลังจะก้าวพ้นจากรั้วสถานแห่งนี้ สู่การเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ใช้ชีวิตในที่ที่ไม่มีคนตักเตือนด้วยความหวังดี ไม่มีเพื่อนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันอีกต่อไป
“ผู้ชายเขาไม่ร้องไห้นะเว้ย..”
“…แล้วใครวะ ที่วันก่อนกินส้มตำแล้วร้องไห้”
“มั่วแล้วไอ้กล้วย นั่นมันมึงไม่ใช่หรอ”
“…วันนี้กูก็กินส้มตำเยอะไปหน่อย แสบถึงตอนนี้เลยหว่ะ…”
“กูแอบตักของมึงไปเมื่อเช้า เผ็ดเชี่ยๆ ดูดิ น้ำตาไหลไม่หยุดเลย”
ได้แต่มองหน้ากัน ไม่มีใครพูดอะไร ยิ้ม แต่น้ำตาก็ไหลออกมาเสียดื้อๆ
ลมพัดผ่านไป…ไม่เคยหวนกลับ
กล้องที่ตอนนี้ ตกรุ่นไป ผมไม่เคยเปลี่ยน รักษามันไว้เป็นอย่างดี ผมซื้อเมมโมรี่การ์ดมาใหม่ ไม่อยากเอารูปที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันมีค่านั้นไว้ห่างจากตัว กลัวมันจะหายไป
“เอ้า ยิ้มหน่อยดิ วันนี้ช่างกล้องมือโปรมาเอง อย่าทำหน้าหงิดเป็นหมาหงอยสิวะคุณเพื่อน”
“ไอ้ตี๋ ไม่ต้องมาเนียนยกกล้องบังหน้าเลย”
“..ไม่ได้เนียนว้อย เอาดีๆ จะได้มีรูปเก็บไว้ดูไปเรื่อยๆไง จะแต่งหล่อครบสี่คนแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยนะ”
ให้เฮียมาถ่ายรูปให้บ้าง ถ่ายกับม๊าบ้าง เพื่อนๆในคณะเต็มไปหมด ไอ้ฟ้าเดี๋ยวนี้สวยวิ้ง มีแฟนใหม่ที่ยังไม่รู้ธาตุแท้ของมันหลงเข้ามาไม่ขาดสาย ไม่ได้รู้ตัวเล้ยว่าโดนมันหลอกใช้ถือของอยู่ หอบของเต็มสองมือเดินตามมันไปทั่ว
ไอ้พวกพี่ๆวิศวะมันแว่บกลับมากันครับ
ตอนแรกผมไม่คิดหรอกว่าพวกมันจะมา หายหน้ากันไปตั้งปีนึงแล้ว มีโทรคุยกันบ้าง มาเจอกันบ้าง แต่ไม่บ่อยนัก เพราะยุ่งกันทั้งคู่ มันหอบดอกไม้มาฝากพวกผมคนละช่อ ไม่ค่อยชอบดอกไม้เท่าไหร่ เลยให้เฮียถือไว้แทน ถ่ายรูปยิ้มจนเหงือกแห้งก็ไม่หมดสักที
“อ้าว…ไอ้พี่โก้ไม่มาหรอ?”
“เดี๋ยวมาๆ อ้าว นั่นไง เฮ้ย ไอ้โก้ ด้านนี้เว้ย”
แทบจำไม่ได้ พี่โก้เป็นคนที่ผมไม่ได้เจอเลยตลอดหนึ่งปี มันไปอยู่นิวซีแลนด์มาครับ พึ่งกลับมาเดือนนี้ แม่พี่โก้เปิดร้านอาหารไทยอยู่ที่นั่น พี่โก้แกเลยไปทำงานที่นั่นซะเลย
“..โหยพี่โก้ ขาวขึ้นเยอะเลยหว่ะ ทำได้ไงวะเนี่ย”
“เป็นไง กูหล่อขึ้นเยอะเลยอ่ะดิ”
“…ผมไม่ได้พูดแบบนั้นนะ”
“กวนตีนไม่เปลี่ยนเลยหว่ะไอ้ตี๋…อ่ะ นี่ กูให้”
“ไหงมีดอกเดียววะพี่”
“ไม่ใช่ของกู”
“แล้วของใคร?”
“…คิดว่าของใครล่ะ ตี๋?”
“……”
“แม่ง เสือกมาสั่งกูบอกให้หาแค่ดอกเดียว หายากนะโว้ย ใช้งานเพื่อนตลอด ขนาดหายหัวไปอยู่ที่อื่นยังใช้งานกันข้ามทวีปได้ มีแค่คนเดียวจริงๆ”
“…ทำไมต้องดอกเดียว”
“คิดเอาเองดิวะ…อย่าให้กูพูดเลย มันก็ไม่ได้บอกหรอก แต่กูรู้ว่ามันจะหมายความว่ายังไง ยินดีด้วยไอ้ตี๋ ที่เรียนจบแล้ว”
“….ขอบคุณครับ”
“เออๆ ไม่เป็นไร”
“….ข…ขอบคุณมากๆครับ”
“ตี๋…..”
ผมอยากได้ยินพี่เรียกชื่อผมออกมา.. ตอนนี้ เวลานี้…
มีเพียงดอกไม้ ที่มาแทนความรู้สึกนับล้าน อัดแน่นไปหมด จนไม่รู้จะพูดสิ่งไหนก่อน
ดอกกุหลาบสีขาว เพียงแค่ดอกเดียวในมือ..
มีค่ายิ่งกว่าดอกกุหลาบเป็นพันๆดอกทั้งงานวันนี้เสียอีก….…………………………………….
………………………..
[Special Coin : complete]
[8.01.55]
http://www.youtube.com/v/WPnJLGyR1Nc?version=3&hl=en_US&rel=0" type=

สอบเสร็จแล้วคัฟ
