……………………………
………………..
“ไอ้ตี๋ มึงมีเรื่องอะไรรึเปล่าวะ”
“ห้ะ? ไมวะ”
“หน้ามึงเหนื่อยมาก”
“กูก็นั่งตัดโมถึงตีสอง แล้วก็ตื่นขึ้นมาสอบพร้อมพวกมึงไง”
“เออ ก็เหมือนกันนั่นแหละ ต่างกันไงวะ แม่ง คณะนี้โคตรบั่นทอนชีวิตกูเลย กูนึกว่าแม่งจะชิวกว่านี้ซะอีกตอนกูสอบเข้ามา ขอบอก กูคิดผิด แต่กูก็ชอบหล่ะวะ”
“เออ มึงหน่ะมาโซไอ้กล้วย”
ปวดหัว
เห็นแสงสว่างจ้าๆของตอนกลางวัน ก็ต้องหรี่ตาลง
ถือบอร์ดไว้ในมือ ไม่ได้นอนเต็มอิ่มมาหลายคืน เห็นข้อสอบ บางทียังอ่านโจทย์ไม่รู้เรื่องก็หมดเวลาสอบซะงั้น กินน้ำมากๆจะได้สดชื่นตามที่ไอ้โจ๋บอก เสือกปวดฉี่ในห้องสอบอีก ยิ่งกว่านรกชัดๆวันนี้
“เอาว่ะ ไม่เป็นไร แม่ง สอบเสร็จเมื่อไหร่ กูจะได้หมดเวรหมดกรรม ก้าวขึ้นสู่ปีหน้าอย่างสงบสุข วุ้ย ขอให้หลานกูเป็นผู้หญิงสวยๆขาวๆน่าเจี๊ยะหน่อยเถอะ เจอกระเทยล่ำๆมาจะปีแล้วสาส”
“เอ้า กูนึกว่ามึงชอบ” เสียงไอ้เคิ่ลดังขึ้นมา ไอ้กล้วยเลยย้ายเป้าหมายไปปะฉะดะกับเจ้าพ่อติสต์แทน ไอ้โจ๋ไม่พูดอะไร นั่งทำงานระยะสุดท้ายอยู่ข้างๆ
จริงสิเนอะ กำลังจะขึ้นปีสามแล้ว ช่วงชีวิตปีสองกำลังหมดลง
ยาวนาน เหมือนมากกว่าหนึ่งปีด้วยซ้ำ
เกิดเรื่องหลายๆอย่างในเวลาสั้นๆ เสียจนทุกอย่างในชีวิตเปลี่ยนไปจนเกือบหมด จำเค้าเดิมแทบไมได้
“ไป ไปสอบต่อกันเหอะวะ ใกล้ถึงเวลาแล้ว”
เวลา..
เมื่อเวลานั้นมาถึง…
โทรศัพท์ดังขึ้นในความเงียบ มองหน้าจอมือถือเก่าๆ ชื่อที่แสดงขึ้นบนนั้น เร่งให้ผมรีบตัดสินใจ
พี่เมฆ….
………………………………….
………………………
นาฬิกา
กำลังหมุนกลับ…
“นอนไม่พอไปสอบ เป็นไง”
“…..”
“กูบอกแล้ว ให้นอน เคยฟังกูที่ไหน”
“…..”
“ไอ้ตี๋”
“……”
“…ทำไมไม่ตอบกู”
“พี่”
ในห้องดูอึดอัด หรืออาจจะเป็นแค่ความคิดของผมเพียงคนเดียว
พี่หมอกขมวดคิ้ว คงกำลังงง
ข้างนอก ท้องฟ้ากลายเป็นสีดำ เพราะผมนั่งทำงานต่อกับไอ้โจ๋ ถึงได้กลับมาดึก พี่หมอกก็ต้องอยู่รอ
…แบบนี้หรือเปล่าที่เรียกว่าเห็นแก่ตัว
“….พี่หมอก”
“อะไร”
“….”
“มีอะไรก็พูดมา”
“ผ…ผมไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง”
“…..”
มองข้ามไหล่พี่หมอกไป เห็นรูปถ่ายเราสองคนเต็มไปหมด
ความทรงจำที่สร้างร่วมกัน มากมายเสียจนจำทุกอย่างไม่ได้หมด
ก้มหน้าลงต่ำ
“….ผมอยากหยุด”
“หยุดอะไร”
“หยุดทุกอย่าง”
“…….มึงหมายความว่ายังไง”
“ผมไม่อยากอยู่กับพี่แล้ว”
“…มึงล้อเล่นใช่ไหม?”
“ผมไม่ได้ล้อเล่น”
เคยพูดประโยคนี้ออกไปครั้งหนึ่ง
ตอนนั้นความรู้สึกมันยังไม่ชัดเจนเสียขนาดนี้ ความเจ็บปวดเมื่อครั้งนั้น เทียบกันไม่ได้เลย…กับ ณ เวลานี้
“มึงพูดอะไร กูไม่เข้าใจ”
“พี่อย่าเดินเข้ามานะ!”
พี่หมอกหยุดเท้าไว้
ถ้าเป็นเมื่อก่อน คงจะเดินก้าวเข้ามาถึงตัว บีบหัวไหล่ เค้นหาคำตอบ แต่ถ้าเป็นตอนนี้ อาจจะกอดผมเอาไว้
นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกผิด
ผิด…ทุกอย่างมันผิดมาหมดตั้งแต่แรก
“…ผ..ผมอยากเลิกกับพี่”
“..ทำไม? กูไม่เข้าใจ นี่มึงกำลังพูดอะไร”
“ผม…หมายความว่าแบบนั้น”
พื้นพร่ามัว
ร้อนไปทั้งตา
โดยที่ยังไม่ทันคิดอะไร น้ำตาก็หยดลงแก้ม
ไม่ จะร้องไห้ไม่ได้ ต้องไม่มีน้ำตา… ก้มหน้าลงต่ำ ซ่อนใบหน้าไว้ ไม่อยากให้เห็น ไม่อยากให้รู้ ว่าคิดอะไรอยู่
ไม่อยากให้รู้…ว่าผม…
“…ผมอยากเลิกกับพี่ ผมไม่อยากอยู่กับพี่อีกต่อไปแล้ว”
“พูดแบบนี้ กูไม่ตลก”
“เลิกกันเถอะ…พี่เลิกกับผมเถอะ”
“มึงพูดเหี้ยไรออกมา!! เลิกหรอ? เลิกอะไร? จะบอกให้กูเลิกอะไร? เลิกรักมึงแบบนั้นหน่ะหรอ..คือสิ่งที่มึงต้องการ… ตอบกูมาสิ กูบอกให้ตอบไง!”
เสียงดังก้องในห้อง
ดังก้องในใจ..
“…เลิกรักผม…เลิกทุกอย่าง”
“มึงพูดอะไรออกมามึงรู้ไหม…”
“…ผมรู้”
“เพราะพี่เมฆ? พี่เมฆใช่ไหมที่ทำให้มึงพูดแบบนี้ออกมา ใช่เรื่องที่มันพูดกับมึงหรือเปล่า? มันพูดว่าอะไร บอกกูมาสิ!”
พี่หมอกลนลาน
พูดวนไปมาเหมือนคนเรียงความคิดไม่ได้
“มันไม่เกี่ยวกับพี่เมฆ ผมตัดสินใจเอง”
“มันบอกอะไรมึง! พูดมาสิ!”
ถูกคว้าไหล่ไว้ พี่หมอกขมวดคิ้ว รู้สึกเหมือนกำลังจะร้องไห้ แต่คงแค่คิดไปเอง ดูเหมือนคนทำอะไรไม่ถูก ผมเงยหน้าขึ้น หน้าพี่หมอก…มองเห็นไม่ชัด พยายามกลั้นเอาไว้ กลั้นน้ำตา
“…เรื่องที่กูต้องไปเรียนต่อใช่ไหม”
ตัวเย็นไปหมด
“พี่รู้?”
“ทำไมมึงคิดว่ากูไม่รู้”
“พี่เมฆบอกไม่ได้บอกพี่”
“มันกลับมา มันต้องมีเหตุผล บ้านเราพี่น้องอยู่รวมหน้ากัน มันแปลว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้น”
“…..”
“มันกลับมา..กูก็ต้องไป”
…พี่ต้องไป
ไปในที่ที่ผมตามไปไม่ได้ ไปในที่ของพี่ ที่ห่างไกลจากผม
กลับไปอยู่ในสถานที่ที่พี่ควรอยู่
“…นี่ใช่ไหม?! เหตุผลที่มึงจะขอเลิกกับกู”
ผมไม่ได้พยักหน้า ไม่ได้ส่ายหน้า
พี่หมอกรู้ทุกอย่าง แต่แค่ไม่พูดออกมา เหมือนที่เฮียพูดไม่มีผิด พี่หมอกรุ้ทุกอย่าง
เจ็บ..
เหมือนมือพี่หมอก โอบรอบหัวใจผมอยู่ ค่อยๆบีบมือแรงขึ้น จนเจ็บ เจ็บไปเสียหมด
“กูไม่ไป”
“พี่ต้องไป”
“กูไม่ไป กูจะไม่ไปในที่ที่ไม่มึง”
“….มันไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น…ผม..ผมแค่อยากเลิกกับพี่”
“มึงโกหก…มึงโกหกกู”
“ผมไม่ได้โกหก”
“มึงพูดออกมาสิ…ว่าที่ผ่านมาทั้งหมด ถ้าไม่เรียกว่ารัก มึงเรียกว่าอะไร!”
ผมรักพี่
ปากพูดออกไป…
“….ไม่ได้รัก….”
น้ำตา…
ไม่มีน้ำตาไหลออกมา
มีเพียงมือที่สั่นเทา หมดแรงยืน ทรุดเข่าลงกับพื้น ทรุดลงที่เท้าของพี่หมอก ราวกับอ้อนวอน
“ผ..ผมไม่ได้รักพี่ ไม่…. ไม่เคยรัก”
พี่หมอกยืนอยู่ตรงนั้น
ไม่ได้ดึงผมขึ้นมา ไม่ได้กดผมให้จมลงไปกับคำโกหกที่แสนเจ็บปวดนี้
“ผ…ผมก็แค่อยากได้เงินใช้หนี้…ก็เท่านั้น”
กำมือแน่น จิกจนเจ็บ กัดริมฝีปากไว้ บังคับไม่ให้เสียงสั่น
คำโกหกที่ผมเจ็บปวด ราวกับคำพูดเหล่านั้น มันย้อนกลับมาทำร้ายผมเอง
ทั้งๆที่ผม..
รัก
รักพี่เสียจนไม่รู้จะบรรยายออกมายังไง
อาจฟังเป็นเรื่องโง่ แต่นี่คือความเห็นแก่ตัวของผม
ผมอยากให้พี่หมอกกลับไปอยู่ในที่ของตัวเอง
ถึงแม้ตอนนี้พี่อาจจะคิดว่ามันเป็นทางที่พี่ไม่ต้องการ แต่สักวันหนึ่ง ทางนั้น จะเป็นทางของพี่
“…มึงโกหก”
เสียงนั่น เหมือนลอยออกมาจากที่ไกลๆ
“….กูรู้ มึงโกหก….”
ผมโกหก…
แม้กระทั่งตัวเอง
โกหกแม้แต่ใจตัวเอง
ผมคงไม่มีคุณค่าพอที่จะดูแลคำว่ารักของพี่เอาไว้
“..เพราะกูเป็นติวากุลหรอ? เพราะกูมีหน้าที่ที่กูต้องทำ มึงเลยทิ้งกูไปอย่างงั้นหรอ?”
“มันไม่ใช่แบบนั้น”
“แล้วมันเป็นแบบไหน! ถ้าคำว่ารักไม่พอ แล้วมึงยังต้องการอะไรอีก แค่นามสกุลบ้าๆนี่ มึงอยากให้กูทิ้งกูก็ทิ้งได้ แต่อย่ามาพูดว่าไม่รักกูแบบนี้….”
“…พี่ทิ้งความเป็นติวากุลไม่ได้หรอก เพราะมันคือตัวของพี่ พี่จะทิ้งความเป็นลูกได้หรอ? พี่ทิ้งความเป็นน้อง ความเป็นพี่ได้หรอ?”
“….กูทิ้งได้ทุกอย่าง…”
ผมหลับตาลง ไม่อยากจะได้ยินอะไรอีก
คำเหล่านั้น กรีดลงไปช้าๆบนใจของผม ที่กำลังเต้นอ่อนลงทุกที
“….ถ้ามึงต้องการ…ไม่ว่าอะไรกูก็จะทำ”เสียงพี่หมอกสั่น..
ผมไม่เงยหน้าขึ้นไปมอง ไม่มีแรงพอที่จะทำอะไรแบบนั้น..
“…ต่อให้พี่ไป..ผมก็ไม่เสียใจ”
“หยุดโกหกกู…..หยุดโกหกกูซักที”
เสียงนั่น สั่นขึ้นเรื่อยๆ…
“…ถ้าพี่รู้ว่าเป็นคำโกหก ก็ได้โปรดเชื่อคำโกหกของผมซักครั้งเถอะ….”……………………………………
…………………………….
[Coin 39 : complete]
[6.01.55]

กระปุกรอเหรียญสุดท้าย...