Coin 26
หลังใครกันนะ? ทำไมมันคุ้นตาแบบนี้
พยายามวิ่งเข้าไปหา แต่แผ่นหลังนั้นกลับห่างออกไปเรื่อยๆ
“…..”
รู้สึกเหมือนตะโกนเรียกคนนั้นไว้ แต่กลับไม่ได้ยินเสียงเรียกของตัวเอง
เขาคนนั้นหันหน้ากลับมาอย่างช้าๆ
แสงแดดจ้าอยู่ในมุมเดียวกับใบหน้าของเขาคนนั้นที่ยืนอยู่สูงกว่า จนทำให้ต้องหยีตามอง
“ป๊า?”
รอยยิ้ม
รอยยิ้มที่ทำให้นึกถึงวัยเด็ก ได้กลิ่นหญ้าพัดว่อนไปทั่ว
“อาตี๋”
จำได้แล้ว
จำป๊าได้แล้ว จำท่าทางอบอุ่นแบบนี้ได้ ในที่สุดก็นึกออกซะที
มือสองข้างช้อนตัวผมขึ้น แล้วยกผมขึ้นสูงเหมือนตอนเด็กๆ ไม่สิ ตอนนี้ผมคงจะเป็นเด็กอยู่ ป๊าถึงได้ยกผมขึ้นได้ง่ายๆแบบนี้ ผมหัวเราะ บรรยากาศรอบๆตัวมีความสุข เห็นหน้าป๊าชัดๆ ไม่ได้ดูแก่ลงไปเลย
คิดถึง คิดถึงมาก
ก่อนจะถูกโอบกอดไว้ เหมือนถูกกอดไว้ด้วยความรัก หลับตาลงในอ้อมกอดนั้น อ้อมกอดที่แสนอบอุ่น
ได้ยินเสียงหัวใจเต้นดังอยู่แนบหู เหมือนกับเพลงที่กล่อมให้หลับลงอย่างช้าๆ
ลมพัดเย็นๆ ได้ยินเสียงใบไม้เสียดสีกันไปมา
รู้สึกเหมือนเรื่องหนักใจทั้งหมดถูกปัดเป่าออกไป ในอ้อมแขนนี้…
……………………………….
………………………….
เจ็บตา
ยังไม่ทันได้ลืมตาก็รู้สึกเจ็บเสียก่อน ได้กลิ่นคุ้นๆกับสัมผัสของเนื้อผ้าที่แนบแก้มอยู่ พอลืมตาขึ้น ก็เห็นเบาะสีฟ้าอยู่ใกล้ๆหน้า
จะยันตัวขึ้นนั่งแต่กลับลุกไม่ขึ้น มองไปที่เอว มือสองข้างกอดผมไว้แน่น เงยหน้ามองคนที่กอดผมไว้ พี่หมอกหลับอยู่ครับ พิงตัวไว้กับกำแพง อยู่ในท่าที่คิดว่าไม่น่าจะนอนสบาย กลับกัน ผมกับรู้สึกเหมือนได้นอนเต็มอิ่ม
ผมอยู่ในห้องพักผู้ป่วย เป็นห้องเดี่ยวที่กว้างพอสมควร มีทีวี ตู้เย็นทุกอย่าง
เช้าแล้ว ผ้าม่านปลิวตามลมจากแอร์ที่มีเสียงเบาๆ แดดอ่อนๆลอดเข้ามา น่าจะยังเช้าอยู่มาก
มองไปที่เตียง แต่ไม่เห็นม๊า ผมรีบเขย่าตัวพี่หมอกให้ตื่น
“พี่หมอก..ม..ม๊าผมอ้ะ”
“ออกไปเดินเล่นข้างนอก”
“กับใคร?”
“เฮียมึง”
“เฮียมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“หลังมึงหลับไปไม่นาน”
“….”
“ม๊าเป็นอะไร”
“ความดันโลหิตสูง หมอบอกม๊ามึงพักผ่อนไม่พอ เลยเป็นลมไป”
“ค..แค่นั้นใช่ไหม?”
“โรคหัวใจ”
“….”
ไม่ดีเลย
ผมจ้องหน้าพี่หมอก พี่หมอกก็มองกลับมา พี่หมอกไม่เคยพูดโกหก สายตาคู่นั้นก็บอกชัด
“ผม…”
“ตี๋ มึงคิดบ้าไรของมึงอยู่”
“..เพราะผมหรือเปล่า?”
พี่หมอกขมวดคิ้ว เหมือนจะพูดอะไรต่อแต่ผมกลับพูดขึ้นมาก่อน
“เพราะผมไม่ได้อยู่ดูแลม๊า”
ก้มหน้าต่ำลง แต่ก็รู้สึกว่าพี่หมอกยังจ้องผมอยู่ ใกล้กันแค่นี้ เลยรู้สึกได้
ถ้าเมื่อคืนนี้ผมไม่ได้กลับไปบ้านหล่ะ
ถ้าเมื่อคืนนี้ ไอ้เฮียมันกลับบ้านดึก
จะเกิดอะไรขึ้น
มันจะเกิดอะไรที่แย่กว่านี้หรือเปล่า
ผมไม่รู้ ไม่มีใครรู้คำตอบ เพราะสิ่งนั้นมันไม่ได้เกิดขึ้น
“กูเป็นคนรั้งตัวมึงไว้ ถ้ามึงพูดแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่านั่นเป็นความผิดกูหรือไง”
“ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”
“แล้วมึงจะโทษตัวเองทำไม”
พักผ่อนไม่พอ
ม๊าเข้านอนสามทุ่มทุกวันเพราะต้องตื่นตั้งแต่เช้า ไม่มีทางที่จะนอนไม่พอแน่
นอนไม่หลับอย่างนั้นหรอ? มีเรื่องหนักใจอะไรให้ต้องคิด
เรื่องหนี้ที่ยังมีอยู่ หรือว่าความจริงอะไรที่ม๊ารู้ ความลับที่ผมไม่ได้บอกม๊า
พอคิดแบบนั้นก็รู้สึกเหมือนบ่าหนักอึ้ง
“มึงกำลังคิดอะไร โทษตัวเองแล้วมึงได้อะไร มึงอย่าต้องให้กูพูดซ้ำในสิ่งที่มึงเคยพูดกับกู”
ผมเงยหน้ามองพี่หมอก คิ้วพี่หมอกยังชนกันอยู่ แต่ตานั้นอ่อนลงมาก ดูเหนื่อยกว่าผมซะอีก
เมื่อคืนก่อนที่ผมจะหลับ ผมจำได้ว่าผมดิ้นพล่านไม่หยุด เหมือนสติไม่อยู่กับตัว กว่าจะหลับลงเพราะความเหนื่อยได้ ไม่รู้ว่าพี่หมอกที่ดึงตัวผมไว้ไม่ให้อาละวาดจะเหนื่อยกว่าผมอีกสักกี่เท่า
พี่หมอกใจเย็น ค่อยๆพูดกับผมด้วยคำพูดซ้ำๆ แต่ก็ไม่ปล่อยมือออกจากผม
ไม่ได้เดินหนีผมไปไหน ในเวลาที่ผมไม่เข้มแข็งพอ
“อดีตแก้ไขไม่ได้”
มือพี่หมอกยกขึ้นปาดน้ำตาผม
ไม่รู้ว่าไหลตั้งแต่เมื่อไหร่
ชั่ววินาทีหนึ่ง ผมรู้สึกเหมือนป๊าก็พูดคำนี้ออกมาเหมือนกัน ในฝันที่ผมเห็น ความรู้สึกอบอุ่นที่โอบกอดรอบตัวผมอยู่ คงจะเป็นพี่หมอก
“เช็ดน้ำตาแล้วเดินออกไปหาม๊ามึงข้างนอกกัน”
เสียงพี่หมอก..ผมรู้สึกถึงความอ่อนโยนนั้น
“อืม”
ผมพยักหน้า ลุกขึ้นจากโซฟาก่อน ยื่นมือดึงพี่หมอกให้ลุกขึ้น แอบเห็นมันทำหน้าเบ้ คงจะเมื่อยหลัง
แม้ยังมีเรื่องหนักใจอยู่ แต่พอเห็นท่าทางแบบนั้นก็อดหลุดขำออกมาไม่ได้ พี่หมอกหันมา ยังไม่คลายหัวคิ้วที่ชนกัน มองเหมือนจะถามผมว่าขำอะไร
“ผมตัวหนัก ทับพี่ทั้งคืนเลยอ้ะดิ”
“รู้ตัวก็ดี”
เดินตามพี่หมอกออกไป ทางเดินโรงพยาบาลตอนเช้าไม่เงียบเหงา เห็นนางพยาบาลเดินผ่านไปมาหลายคน แสงแดดอ่อนๆทำให้คนไข้หลายคนออกมาเดินเล่นที่สวนนอกตึกผู้ป่วยใน ผมเห็นหลังไอ้เฮียอยู่ไกลๆก็รีบวิ่งเข้าไปหา
ม๊านั่งอยู่ที่เก้าอี้ใต้ต้นไม้ ใส่ชุดสีฟ้าที่ผมไม่คุ้นตา ผมไม่เคยเห็นม๊าป่วยหนักจนเข้าโรงพยาบาล ตั้งแต่ผมเล็กจนโตมา นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ
โรงพยาบาลที่ผมเกลียด ม๊าต้องมาอยู่ในที่แบบนี้
“ม๊า….”
วิ่งเข้าไปกอด ม๊าไม่ตอบอะไรนอกจากลูบหัวผมเบาๆ ตัวม๊าอุ่น ผมอยากร้องไห้แต่ก็กลั้นน้ำตาไว้ “ม๊าไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ม๊าสบายดี”
“ม๊าไม่สบายม๊าต้องบอกตี๋กับเฮียนะ ตี๋กลัว”
“ม๊าไม่ได้ไปไหน อยู่กับโซ่ยตี๋ตรงนี้ไง”
“ครับ….”
เห็นม๊ามองเลยไปข้างหลังผม คงมองไอ้พี่หมอก ผมนั่งคุยกับม๊าได้สักพัก เฮียก็สะกิดให้เดินออกไปคุยด้วยกัน ผมหันกลับมาเห็นไอ้พี่หมอกนั่งลงข้างๆม๊าแทนผม
“ตี๋ เฮียขอโทษ”
“มันไม่ใช่ความผิดเฮียสักหน่อย”
“เฮียเอางานไปส่ง ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรแบบนี้”
ผมเฮียกระเซอะกระเซิง ตาแดงๆ รู้สึกเหมือนบวมหน่อยๆ แต่ผมไม่ได้ทักอะไรออกไป คงไม่ได้นอนทั้งคืน สภาพพอๆกับพี่หมอก
“โชคดีที่มึงกลับมาบ้าน”
“อืม”
เห็นผู้ป่วยหลายคนมีความสุชกับการนั่งมองไปในสวน ไม่ได้พูดอะไร พวกผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่นั่งลงกับเก้าอี้ อยากพูดอะไรหลายๆอย่างแต่ไม่รู้จะพูดอะไรก่อน
“ม๊าเป็นโรคหัวใจหรอ?”
“ความดันสูง โรคหัวใจ” เฮียฮ้งถอนหายใจยาว ไม่ต่างจากผม
“แล้วต้องผ่าตัดอะไรหรือเปล่า”
เฮียส่ายหน้า “ผ่าตัดไม่ได้ กินยาคุมอาการไป หมอบอกดูแลร่างกายดีๆก็ไม่มีปัญหา”
เฮียถอนหายใจรอบสองแล้ว มองไปที่สนามเด็กเล่น สายตาดูเหนื่อยๆ
“เฮีย ม๊ารู้อะไรหรือเปล่า”
“เฮียไม่รู้หว่ะ”
“คือ เฮีย….” เฮียหันมามองหน้าผม เผลอหลบตา แต่สุดท้ายก็พูดออกไป “คือ ผมกับพี่หมอก…เอ่อ”
“เออ มึงไม่ต้องพูดหรอกไอ้ตี๋ กูรู้นานแล้ว”
“ห้ะ?”
“กูเลี้ยงมึงมาตั้งกี่ปี ทำไม่กูจะไม่รู้มึงคิดอะไร”
“แล้วเฮียคิดไงอะ”
“น้องกูมีความสุข จะไปคิดอะไรวะ แต่เฮียไม่รู้ว่าม๊าจะคิดยังไง ไม่รู้ม๊าจะหัวใหม่พอที่จะรับเรื่องแบบนี้ได้หรือเปล่า แต่เฮียคิดว่า ม๊าก็น่าจะคิดแบบเฮีย”
“ไม่ว่าใครก็อยากเห็นคนที่เรารักมีความสุข ไม่ว่าความสุขนั้นมันจะมารูปแบบไหนก็ตาม เฮียไม่รู้ว่ามึงจะประคับประครองความสุขนี้ไปได้นานแค่ไหน ตอนนี้มึงมีความสุข เฮียไม่ว่าอะไรหรอก แต่ไอ้เรื่องความรักแบบนี้หน่ะ มันไม่ได้อยู่ตลอดไป ไอ้หมอกก็มีสังคมของมัน เราก็มีสังคมของเรา แค่ทุกวันนี้มึงกับมันคุยกันรู้เรื่องเฮียก็แปลกใจแล้ว”
“…..”
“มันหน่ะเป็นลูกหลานตระกูลติวากุล ใครๆก็รู้จัก หนังสือกอซซิบไฮโซก็ลงเรื่องของมันบ่อยๆ เมื่อก่อนมีแต่ลงข่าวว่าควงคนนู้น เลิกกับคนนี้ เฮียยังตกใจเลยตอนที่มันมารับตี๋”
“ตอนนี้ตี๋ว่ามันเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ”
“เฮียมองจากสายตาคนนอก ก็รู้สึกแบบนั้น แต่ในใจมันลึกๆ เปลี่ยนไปแค่ไหน คงมีแต่มันที่รู้”
ผมได้แต่พยักหน้า มองย้อนกลับไป เห็นมันนั่งนิ่งๆกับม๊า ไม่มีใครพูดอะไรออกมา แต่ลึกๆคงมีเรื่องให้คิดเต็มไปหมด
คิดว่าเฮียพูดจบแล้วเลยลุกขึ้น กำลังจะเดินก้าวไป แต่คำพูดสุดท้ายของเฮียก็หยุดเท้าผมไว้
“ทางข้างหน้าอาจมีเรื่องให้มึงต้องเสียใจ ตอนที่มึงมีความสุข ก็จดจำมันไว้ให้ดีๆแล้วกัน”
…………………………………..
………………………….
หมอให้ม๊ากลับบ้านได้ในช่วงบ่ายวันนั้น พี่หมอกก็ขับรถพากลับมา เห็นว่าเมื่อคืนมีตำรวจขับรถตามพี่หมอกมาด้วย เพราะเล่นฝ่าสามไฟแดงติดกัน ผมไม่เห็นจะรู้ตัวเลยว่าหวิดนาทีฉุกเฉินมาแล้ว
กลับมาบ้านก็มีน้าอรมาหา เจ๊แดงหน้าปากซอยก็แห่ขบวนมาพร้อมๆกับม็อปเพื่อนบ้านมาเต็มที่ เล่นเอาเย็นนั้นผมกับเฮียต้องขับมอไซค์ออกไปหาซื้อกับข้าวมาให้พวกเจ๊ๆกินกัน คือ ม๊าเข้าโรงพยาบาลนะครับ ไม่ได้ถูกหวย! ไอ้คนที่ออกไปพูดคนแรกหน่ะ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าวะ!
แต่พวกผมก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะเห็นม๊าดูมีความสุขดี ไม่อยากให้ม๊าเครียด ตอนนี้มียาหลายต่อหลายสีเต็มไปหมดที่ม๊าต้องกินในแต่ละมื้อ อาหารก็โดนจำกัดชนิดลงไป ห้ามทำงานหนัก เฮียเลยเข้าไปกระแซะถามน้าอรให้หาคนงานพม่านอกจากพี่สามาเพิ่มอีกคน ส่วนเรื่องโจ๊กเฮียจะเป็นคนมาทำเอง
พี่หมอกนั่งหน้าบูดอยู่กลางวง ขยับตัวไม่ได้ ลืมบอกไปครับว่าในบรรดาม็อปเพื่อนบ้านมีสาวโสดประกันภัยชั้นหนึ่ง รับเคลมนอกสถานที่ ทุกที่ ทุกเวลา เจอพี่หมอกก็แย่งกันเข้าไปเคลมเลยครับ ผมเห็นหัวพี่หมอกแว่บๆออกมาจากวงนั้นตอนเอากับข้าวเข้าไปเท
“นี่เจ๊ เจ๊ไม่รู้อะไร ไอ้ข้างบ้านเจ๊เนี่ย ทะเลาะกันทั้งวัน แต่ก็หัวปีท้ายปีเชียวนะ เห็นว่าตั้งท้องอีกแล้ว” อะไรกัน! พึ่งจะแห่กันไปอุ้มหลานกันอยู่แหม่บๆ มันโผล่มาอีกคนแล้วเรอะ! ป้าเสริมครับ ป้าไปรู้มาจากไหนครับ ไอ้เรื่องทั้งซอยนี้ทำไมป้ารู้หมดเลยวะเนี่ย! น่ากลัวโคตร!
ผมนั่งลงข้างๆพี่หมอกที่ไม่รู้จะเลือกกินอะไร อาหารอีสานทั้งนั้นครับ ก็พวกเจ๊ๆเขาชอบกินกันนี่น่า แถมยังหาง่ายด้วย กลางซอยก็มีขายแล้ว “ไอ้เฮีย พี่ฟินไปไหนวะ”
“อย่าถาม”
“เอ้า ไมอ้ะ?”
“มันไปตายแล้ว”
“……..”
เอ่อ ผมไม่ได้ยินนะ พี่ฟิน พี่ยังอยู่ดีใช่ไหม สงสัยทะเลาะกันชัวร์
ถามม๊า ม๊าบอกว่าพี่ฟินกลับแพร่ไปแล้ว อีกไม่ถึงสองอาทิตย์ก็จะเปิดเทอม แล้วอย่างนี้จะกลับมาทันไหมเนี่ย?
พี่หมอกนั่งซัดน้ำชาเงียบๆไปอย่างไร้ทางเลือก ดูท่ามันจะไม่อยากกินจริงๆ “พี่หมอก ไปกินร้านอาหารแถวนี้ป่ะ เดี๋ยวพี่หิวอะ”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวไปกินที่บ้าน”
“…..”
“มองทำไม”
“ผมไม่กลับไปด้วยนะ”
“….หมายความว่าไง”
“พี่ ออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่า” หลายๆคนบนโต๊ะหันมามอง ผมเห็นสายตาเหยี่ยวข่าวก็ต้องรีบหลบ ดึงไอ้พี่หมอกที่เริ่มเดือดปุดๆออกมาคุยที่หน้าบ้าน เห็นเฮียมองตามมาแต่ไม่ได้เดินออกมาด้วย
“ผมจะอยู่กับม๊า พี่เข้าใจผมใช่ไหม?”
“กูเข้าใจ”
“แล้วไหงทำหน้างั้นอะ”
“ก็กูบอกว่ากูเข้าใจไง!”
“……”
“กูรู้ว่ามึงก็มีเรื่องที่มึงต้องทำ ทำไมกูจะไม่รู้!”
หน้ามันเบื่อโลกมาก ผมเห็นแล้วอยากขำแต่อาจโดนชกปากแตกได้ เลยเงียบๆไว้ก่อน
“มึงไม่ต้องเดินมาส่ง”
แล้วมันตรงไปทางประตูรั้ว ผมยังงงๆอยู่เลย มันก็เดินฉับๆออกไปแล้ว “พี่! จะไปไหนอะ?”
“กลับบ้าน”
“อย่าพึ่งไปดิ”
“บอกแล้วไม่ต้องเดินมา!”
“…..”
“มองเชี่ยไร”
“ขอบคุณ”
มันยกคิ้วสงสัย
“ขอบคุณนะพี่ ที่พี่ช่วยม๊าผมไว้”
“….”
“ขอบคุณที่พี่ทนให้ผมบ้าใส่พี่ได้”
“เออ”
เห็นมันเปิดประตูรั้วบ้านแล้วก็เผลอเดินเข้าไปใกล้ๆ จะไปช่วยมันเปิด แต่มันกลับหันมามองขวับ
“บอกแล้วไงไม่ต้องเดินมา”
“ทำไมวะ?”
“ถ้ามึงยังเดินมาอีก…”
ยิ่งมันเงียบไป ผมยิ่งรอฟังว่ามันจะพูดอะไร
“กูจะไม่ปล่อยให้มึงเดินกลับไป”มันพูดไม่เต็มเสียง แถมยังหันไปมองทางอื่น
ผมหยุดเท้าลง กลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ เผลอยิ้มแฉ่งให้ไอ้คนพูดมันขมวดคิ้วใส่
ประตูรั้วปิดลง มองแผ่นหลังที่กำลังไกลออกไป
แต่คราวนี้ผมไม่รู้สึกเหงาอีกแล้ว ผมตะโกนไล่ตามหลังมันไป “มาหาผมด้วยนะพี่”
มันพยักหน้า หายเข้าไปในบีเอ็มคันรักของมัน
ใต้หน้าบึ้งๆแบบนั้น ผมคิดว่ามันคงจะยิ้มแฉ่งไม่ต่างจากผมอยู่แหง
“ไอ้ตี๋”
ไอ้เฮียยื่นหัวออกมา ผมวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน หันกลับไปอีกที ไม่เห็นบีเอ็มคำนั้นแล้ว
แต่คิดว่าพรุ่งนี้ก็น่าจะได้เห็นอีก มะรืน วันถัดไป วันถัดๆไป ก็น่าจะได้เห็น
ไว้เจอกันนะพี่หมอก…
…………………………………………….
………………………………
[Coin 26 : complete]
[13.12.54]
กลัวคนอ่านอืดมาม่า เลยเอามาเสริฟก่อน

คิดว่าตอนหลังจากนี้ ใครอยากเห็นอะไรชัดเจนจากพี่หมอก น่าจะได้เห็นกันสักที

แต่จะเมื่อไหร่วะเนี่ย

@Shabu ชัดเลยน้าว่าใครกันแน่ที่ซาดิสต์อ้ะ
