Coin 13
“....โอ่ โอ้ โอ่ ละเน้อ เอ่อ เออ เอ่อ น้องเอย
ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา
โอ่เจ้าน้องเอย พี่นี่ขอชื่นเชย จะมิเลยแรมไกล จะรักเจ้า ดังดวงใจ มิคลายหน่ายนาน
ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา
พี่จะรับขวัญเจ้า เอามาเป็นขวัญจิต จะรักเจ้าดั่งชีวิต ใจคิดกรุณา
ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา
ขอให้เจ้าพ้นโศก พ้นภัยหายโรค ให้มีโชคนะน้องยา
จะเอาด้ายยาวขาวบริสุทธิ์
ลา ลา ลา ลา ลา ลา
พันมัด ผูกไว้ ที่ข้อมือของเจ้า
ลา ลา ลา ลา ลา ลา
เหมือนดังใจพี่ ผูกพันธ์เจ้าไว้ ไม่หน่ายหนี
เอิง เอิง เอิง เอิง เอย
ใจผูกผัน…”ขนลุกจริงๆครับ
พวกเราซ้อมกันแบบกระปวกกระเปียกมาก ก่อนหน้ามาค่ายสองสามวัน แต่วันนี้ ตอนที่พวกเราร้องให้น้องตรงนี้ มีน้องร้องไห้ด้วยครับ เสียงพวกเราปนไปกับเสียงคลื่นทะเล ลมพัดแต่ว่าเทียนที่เราเอาแก้วพลาสติกครอบไว้ก็ไม่ดับ ส่องแสงสลัวๆให้บรรยากาศดูศักดิ์สิทธิ
น้องนั่งอยู่ในวงของพวกเราที่ยืนต่อเทียนกันไปเรื่อยๆ มือของเราคอยบังไม่ให้เทียนดับครับ ตอนพาน้องมานั่งที่นี้ก็ให้น้องหลับตามาแล้วนั่งเป็นแถว มีไอ้เคิ่ลดีดกีตาร์กับเพื่อน (ชื่อเพื่อนจริงๆครับ) นักร้องสาวประจำคณะปีผมร้องเพลงเบาๆซึ้งๆต้อนรับน้อง เราให้น้องลืมตาตอนเราเริ่มร้องเพลงนี้ครับ
ไอ้เดี่ยว หัวหน้าค่ายก็ออกมาพูดรับน้อง ซึ้งเท่าที่มันจะซึ้งได้ที่สุดนั่นแหละครับ ผมฟังแล้วใจสั่นเลย ปีที่แล้วพี่ๆก็ร้องเพลงนี้ให้ผม ผมฮาไอ้ฟินครับ ไม่ต้องไปฝันหรอกว่าไอ้พี่ฟินมันร้องได้ มันก็มั่วๆผิดบ้างถูกบ้าง ผมลุ้นแทนมันเลยเพราะเพลงนี้ผมร้องเป็นตั้งแต่ม.ปลายแล้ว บางท่อนที่เขาไม่ร้อง ”ลา ลา ลา ลา ลา ลา” ไอ้พี่ฟินก็ร้องออกมา เสร่อจริงพี่กู ดูก็รู้ว่าโดดซ้อม
แต่ปีนี้ผมไม่ทำประวัติซ้ำรอยครับ สุดยอด!
สายสิญจน์ที่มัดที่มือน้องจะมีปมเล็กๆตรงกลางเชือก ลนไฟเบาๆแล้วก็มัดที่ข้อมือน้องที่ละคนเป็นการอวยพร พี่แต่ละคนได้สายสิญจน์ไม่เท่ากันตามโชคครับ ผมได้ 15 อัน กำลังคิดอยู่เลยว่าจะหมดไหม จะมีน้องมาขอพรจากกูหรือเปล่า แต่ก็มีอย่างน่าปาฏิหารย์ ผมเผลอเผาขาดไปสามเส้นครับ บางคนผมก็อวยพรไปมัดไป ทำไมมันมัดไม่ได้ซักทีละวะ โอ้ย ข้อมือมึงจะใหญ่ไปไหน งบกูน้อย ตัดเชือกได้ทีละเส้นเล็กๆ เห็นบางมั้ย!
คนสุดท้ายที่เขามาให้ผมผูกข้อมือ แต่เป็นคนแรกที่มานั่งรอ
ไอ้ปิ๊กครับ
ผมต้องเก็บไว้ให้มันอยู่แล้วครับ แน่ละ มันเป็นน้องรหัสผมนิ
“ขอให้ไอ้ปิ๊กกาจูของพี่ อายุ วัณโณ สุขัง พลัง มีแต่ความสุข ความเจริญ โชคมาเคาะหัวน้องพี่ตั้งแต่ได้พี่รหัสดีๆหน้าตาหล่อเหลา นิสัยเพอร์เฟคอย่างไอ้พี่ตี๋แล้ว ก็ขอให้เป็นน้องรหัสที่น่ารักแบบนี้ตลอดไป อย่าช็อตไฟฟ้ากูละกัน ฮ่าๆๆ”
จ้องตากันโดยที่มีเปลวเทียนอยู่เป็นแบคกราวด์ ใครมาลนน้ำมันพรายกูวะ ฮ่าๆๆ
ไอ้น้องปิ๊กมันยิ้มๆ ความจริงเวลาถอดแว่นมันก็ดูหล่อดีนะ(น้อยกว่าผมหน่อย) แต่เพราะไอ้การแต่งตัวของมันนี่แหละทำให้สาวๆมักจะมองผ่านมันไป ไอ้หัวไม่เป็นทรงวันนี้ก็รวบเป็นกระจุกเล็กๆ ไม่ยุ่งเหมือนทุกวัน
“ขอบคุณที่มาเป็นพี่รหัสผมนะครับ”“ไปขอบคุณไอ้คนที่เรียกว่าพรหมลิขิตไป ความจริงก็อยากได้น้องรหัสสวยๆเอ๊าะๆมาเซ่นสายนี้เหมือนกันวะ แต่ตูพลาด ฮ่าๆๆ”
มันก็หัวเราะครับ
ตอนนี้เป็นเวลาที่ให้พี่รหัสน้องรหัสมาคุยกัน ผมเห็นไอ้พี่ฟินในค่ายตั้งแต่วันแรกแล้ว แต่ยังไม่ได้เข้าไปคุยกับมันซักที ตอนนี้มันก็โผล่หน้ามาไม่บอกไม่กล่าวตามนิสัย แฉวีรกรรมผมตอนปีหนึ่งให้ได้อายกันครับ ไอ้ปิ๊กแม่งก็สนใจยังกะไอ้พี่ฟินให้หวย
“ไอ้ตี๋แม่งเข้าห้องผิดตั้งแต่วันแรก มันเข้าไปนั่งเรียนกับกูเว้ย มันนั่งไปสักพักมันก็บอกจารย์ว่ายังไม่ได้เอกสาร ว้ากฮ่ะๆๆๆๆ แม่งโคตรโง่เลย” เออ โง่แบบนี้ถึงเป็นน้องพี่ไง ผมทำหน้าเหม็นเบื่อสักพักมือถือก็สั่นครับ หน้าจอเก่าๆขึ้นชื่อไอ้พี่หมอก
“ฮัลโหล” ผมเดินออกมารับสายให้ห่างจากมุมกิจกรรมพอสมควร ไม่อยากคุยกับไอ้พี่หมอกต่อหน้าไอ้ปิ๊กคู่อริของมัน
“อยู่ไหน”
“อยู่ข้างหลังพี่ หันไปดูดี บรึ๋ย” นึกแล้วกลัวแทน ไอ้พี่หมอกจะหันกลับไปดูจริงๆเปล่าวะ คิดแล้วฮา
“อย่ากวนตีน”
“อยู่โลก เอเชีย ประเทศไทย ประจวบคีรีขันธ์ หัวหิน ตอนนี้อยู่ที่หาด-”
“อยู่กับใคร”
“ก็คนในค่าย”
“ใคร”
“เออ มีพี่ฟิน ไอ้เพื่อน ไอ้เดียว ไอ้เคิ่ล ไอ้กล้วย ไอ้-”
“อย่าให้กูรู้นะว่ามึงไปทำอะไรลับหลังกู” เออ จะไม่ให้รู้เลย
“แล้วงี้ผมต้องรายงานพี่ไหมว่าวันนี้ผมไปเที่ยวไหนมา ทำกิจกรรมไรบ้าง เดี๋ยวจะได้นั่งทำรายงานให้”
“อย่าล้อเล่น เดี๋ยวกูให้มึงทำจริงๆแล้วจะหนาว”
“กลัวแล้วคร้าบบ”
“เออ แค่นี้แหละ”
แล้วมันก็วางสายไปครับ สั้นง่ายได้ใจความ..ว่าอะไรว้า!
เนื้อหาสาระของการโทรไม่มีอะไรเลย นอกจากโทรเช็คจริงๆ ผมชอบตอนที่มันหลุดพูดเยอะๆมากกว่า พูดน้อยบางทีไม่รู้มันคิดอะไรอยู่
ตอนนี้อยากเห็นหน้าไอ้พี่หมอกหว่ะ เสียงมันเมื่อกี้ฟังไม่ออกเลยว่าอารมณ์ไหน มันชอบพูดห้วนๆอยู่แล้ว เวลามันพูดแบบนี้เลยไม่รู้จะบอกว่ามันหงุดหงิดหรือเฉยๆดี
กลับมาอีกทีไอ้พี่ฟินก็โฟ่กับไอ้ปิ๊กไปถึงดาวอังคารแล้วครับ ไม่ต้องมาเมาแมงโม้แถวนี้เลยไอ้พี่ฟิน
“เห้ย ไอ้ปิ๊ก ฟังพี่ฟินพูดมึงฟังแค่ 5 เปอร์เซ็นต์พอ นอกนั้นมันโม้”
“อะไรมึงไอ้ตี๋ ไม่ต้องมาพูดเลย ใช่ซี้ กูจะไปมีความสำคัญอะไร เดี๋ยวนี้อะไรมึงก็พี่หมอก พี่หมอก เคยเห็นหัวพี่รหัสมึงในสายตาบ้างไหมล่ะ”
“พี่พูดอะไรของพี่วะ” ท่าน้อยใจมึงน่าสมเพชหว่ะ หยุดเหอะไอ้พี่ฟิน อย่ามาปรอยตาใส่ผม ผมจะอ้วก
“ขนาดไอ้เพื่อนมันที่คณะยังบอกเลยว่ามึงติดมันแจ”
“มันลากผมไปต่างหาก”
“มึงที่กระดิกหางวิ่งไปเลยอะนะ? หน้ามึงเขียนซะชัดว่ากูยินยอม”
“.......”
กูในสายตาชาวบ้านเป็นแบบนั้นจริงๆหรอวะ แต่ไปกับมันก็เป็นงานของผมอยู่ดี ตอนนี้ผมไม่เก็บบัญชีไว้ที่ตัวเองแล้วครับ เลยไม่รู้ว่าเรื่องเงินมันโอนให้ผมเท่าไหร่ เฮียเก็บไว้ให้แล้วเฮียก็ไปอัพเดตสมุดบัญชีตลอดเลยด้วย
“ก็พี่หมอกมันเลี้ยงข้าวผม ไม่เหมือนพี่นี่หว่า”
“กูมันก็แค่ศิลปินไส้แห้ง” ได้ข่าวมึงเรียนถาปัตย์ “จะไปเทียบอะไรกับไอ้ยอดชายแบบนั้นหว่ะ ขนาดไอ้น้องเหมย คณะบัญชีที่กูเล็งไว้ยังเสร็จมันสดๆหมาดๆเลย ก็ยังเจ็บมาจนวันนี้ นอนก็มีแต่น้ำตา ว้ากกกก!!” แล้วมึงจะลากพี่ตูน บอดี้สแลมมาเสื่อมด้วยทำไมวะไอ้พี่ฟิน
น้องเหมยนี้ผมไม่เคยได้ยินชื่อครับ ใช่คนที่มันไปด้วยก่อนจะรับผมไปเที่ยวเมื่อวันอาทิตย์หรือเปล่า
ยิ่งผมเข้าใกล้มันเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ใช่ผมแค่คนเดียวครับ ที่อยู่ข้างๆมัน
ต่อให้ผมมาอยู่ที่นี้ ข้างกายมันก็มีคนอื่นอยู่ดี
“...........”
“เงียบ เงียบไปเลย เป็นไร เสียงกูเพราะนักเหรอไง เดี๋ยวจัดให้อีกเพลง” มันจะเริ่มอีกแล้วครับ สายอื่นหันมามอง กูอาย
“เสียงพี่แม่งทำผมคันหู ไม่รู้เป็นอะไร หยุดร้องเหอะ”
แม้แต่ไอ้ปิ๊กยังพูด “ผมเห็นด้วยครับ” เวรี่กู๊ด
“แม่ง สายรหัสทำร้ายกู” ร้องไห้ไปเลยไอ้พี่ฟิน ผมไม่สนใจพี่หรอก
................................................
.................................
ยะฮู้ว สวัสดีบางกอก
เวลคั่มแบ็ค ผมกลับมาแล้วครับ
และไอ้ที่ยืนเก็กอยู่ตรงนั้นไม่ใช่ใคร ไอ้พี่หมอก เย้!
แล้วกูจะเย้ทำไม? หดมือกลับแทบไม่ทัน เหงื่อตกกับความคิดตัวเองเลยครับ
“โย่วพี่”
“เออ”
“ไม่เจอตั้งหลายวัน เป็นไง ผมหล่อขึ้นป่ะ”
“...มึงอยากฟังคำตอบเรอะ”
“ไม่เอาดีกว่า”
มันก็ยิ้มมุมปากตามสไตล์มันครับ วันนี้มันก็มารับผมที่หัวลำโพงเหมือนเดิม ประหยัดค่าเดินทางไปอีกวัน กระเป๋าตังสบายใจ
“เนี่ยพี่ ผมไปเผลอจับแมงกะพรุนด้วย” ผมยื่นมือที่ยังแดงๆให้มันดู มันก็ช่วยผมแบกเป้ ส่วนผมก็ถือถุงของฝาก เงินพ็อคเกตมันนี่ สนับสนุนโดยพี่หมอก สามพันบาท (แปะๆ) ตอนแรกมันให้มาเยอะ ผมเลยหยิบออกมาแค่ส่วนนึง ที่เหลือก็เสียบไว้หลังเบาะ หวังว่ามันคงยังไม่เอารถไปล้างหรอกนะ (พี่คนล้างคงโคตรเฮง)
“เฮ่ย แล้วเป็นไรป่าววะ”
มันจับมือผมพลิกไปพลิกมาครับ “ไม่เป็นไร แมงกะพรุนแพ้มือผม รีบว่ายกลับทะเลเลย”
“กูว่ามันมีพิษหว่ะ”
“เฮ้ย จริงดิ” ไอ้หมอเลว ไหนบอกว่าแค่แสบๆคันๆไงวะ คืนนั้นไอ้ปิ๊กกับพวกพี่ๆลากผมไปโรงพยาบาล กลัวว่าเป็นแมงกะพรุนไฟ โชคดีไม่ใช่ แต่ก็เป็นแมงกะพรุนที่มีพิษอ่อนๆ จะทำให้แสบคันนิดหน่อย เลยยังแดงอยู่
“มีพิษจริงๆหรอวะ” ไอ้พี่หมอก มึงดูออกยังไงวะ เฮ้ย มันเก่งวะ
“มี ถึงสมองมึงเลย”
“ห้ะ!!”
“กินสมองมึงไปแล้วด้วย”
“....”
“ฮึ่ย หลอกให้ผมตกใจหมด” ชกแขนมันไปเบาๆ มันก็ไม่หลบเหมือนกันครับ
กำลังจะได้เดินออกจากสถานี เห็นไอ้ปิ๊กแว่บๆ เหมือนมันกำลังหาใครอยู่ และถ้าลางเห่าหอนของผมไม่แม่น ขอให้พวกคุณเชิญมากระทืบผมเลยครับ ผมคิดว่ามันหาผมอยู่แน่นอนพันเปอร์เซนต์
เพราะพอรถไฟเทียบท่าชานชะลา เหล่าฝูงชนก็กระจายออกจากรถไฟแทบจะทันที ผมก็รีบวิ่งออกมาเลยครับ เพราะไอ้พี่หมอกมันโทรมาบอกว่ามันมารอสักสิบนาทีแล้ว
ม...ม.มะ..มันเห็นผมแล้วและก็กำลังเดินมาทางนี้ด้วย
“พี่หมอก พี่หมอก”
“อะไร”
“ผมหิวน้ำอ้ะ”
“.....”
“ไปซื้อให้หน่อย”
“มึงก็ไปซื้อสิ เซเว่นก็อยู่นั่น”
“พี่ไปซื้อให้หน่อย เอาชาเขียวอ้ะ”
“มึงไม่ใช่เรอะที่หิวน้ำ ทำไมไม่ซื้อเอง”
“นะๆ ผมโคตรเมื่อยเลย พี่ไปซื้อให้หน่อย” เร็วๆสิวะ มึงรีบๆไปเลย อีกสามสิบหลาไอ้ปิ๊กก็จะถึงตัวกูแล้ววว
“เออๆ อะไรของมึงวะ”
มันเดินยื่นกระเป๋าให้ผมถือก่อนจะเดินไป ผมมองจนหลังมันหายเข้าไปในเซเว่นครับ
“พี่ตี๋”
ตกใจเกือบฟาดกระเป๋าใส่หน้ามันแล้ว ไอ้ปิ๊กเดินหน้ามึนมาทักผม ทั้งๆที่เตรียมใจไว้แล้วทำไมยังรู้สึกกังวลๆวะ แล้วทำไมถึงรู้สึกเหมือนแอบมาพบชู้เลยวะเนี่ย!
“เออๆ ไม่กลับบ้านหรอ”
“กำลังจะกลับ รถที่บ้านมารออยู่ข้างหน้าแล้วอะ”
“เออๆ”
“แล้วพี่อ้ะ”
“เอ่อ เฮียมารับหว่ะ” เฮียหมอกนะ ไม่ใช่เฮียฮ้ง “เฮียแม่งไปเข้าห้องน้ำอยู่”
“ผมรอเป็นเพื่อนป่ะ”
“ไม่ต้องๆๆๆ รีบไปเหอะ” มึงขอร้องหล่ะ กูยกมือไหว้เลย ไอ้พี่หมอกนี่ก็เงียบหายต๋อมไปเลย ดีแล้ว อย่าพึ่งมานะมึง “เห้ย ให้ที่บ้านมึงรอนานไม่ดีนะเว้ย จอดรถทิ้งไว้โลกร้อน น้ำท่วมกรุงเทพกูไม่รู้ด้วยนะ”
“เออๆ แถดีจังหว่ะ พี่ใครหว่ะ”
“ฮะฮะ” หัวเราะแบบเล็กแห้งไม่งอก รีบๆไปเถอะ เดินไปเลย เดินตรงไปตามทางนั้นเลยนะครับ “เออๆ โชคดีเว้ย”
รออีกสักพัก ไอ้พี่หมอกก็กลับมา
ผมมองตั้งแต่มันเดินออกมาจากเซเว่นแล้วครับ ทำไมซื้อของมาเต็มสองมือเลยวะ ถุงที่มันถือใหญ่ๆมากจนผมเอียงคอมอง
“อะไรอ้ะพี่หมอก”
“ชาเขียวมึงไง”
“ห้ะ? ทำไมเยอะงี้อ้ะ”
มันมาตอบเอาอีกทีตอนที่อยู่ในรถแล้วครับ ผมวางทั้งสิบสองขวดที่ยังอยู่ในถุงนั้นกับพื้นที่เบาะหลัง คิดถึงหน้าพนักงานเซเว่นแล้วก็ขำ ตอนเห็นไอ้พี่หมอกถือสิบสองขวดนี้มาจ่ายเงินพี่พนักงานจะทำหน้าแบบไหนกันนะ?
“กูจะรู้ไหมมึงกินรสไหนยี่ห้ออะไร กูเลยซื้อมาหมด”
ทั้งหมดสิบสองขวด เป็นค่าโง่ที่ผมไม่บอกมันให้ละเอียดครับ
“แดกให้หายหิวเลยนะมึง หึหึ”
เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของผม ขอร้องเถอะ เลิกจองเวรผมเถอะครับ!!
...........................................
..............................
แวะกลับไปให้ม้าเห็นหน้า ไอ้เฮียไม่อยู่อีกแล้ว ช่างมันครับ มันก็โทรมาหาผมทุกคืนอยู่แล้ว มันบอกให้ผมบอกไอ้พี่หมอกด้วยว่าให้หยุดโอนเงินได้แล้ว พอผมถามว่าไอ้พี่หมอกโอนมาเท่าไหร่ ไอ้เฮียก็ไม่ยอมบอกครับ ย้ำอยู่นั้นให้ผมบอกไอ้พี่หมอกให้ได้ กูอยากรู้ฟ่ะ
เสื้อผ้าที่ผมใส่ที่ค่ายผมไม่ทิ้งไว้ที่บ้านครับ ที่คอนโดไอ้พี่หมอกมีบริการซักอบรีด มันก็บอกให้ผมไปใช้กับมัน เพราะมันใช้คนเดียวไม่คุ้ม เออดี แล้วถ้าเอาของเฮียกับม้ามาซักด้วยมันจะดีไหมวะ ฮ่าๆ จะได้คุ้มๆไง
มาถึงห้องมันก็ดมครับ ไม่มีกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงเลยหว่ะ ตกลงมันกลบกลิ่นเก่งหรือไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆวะ ไอ้พี่หมอกดีอย่างครับ มันไม่เคยโกหก มีอะไรก็ถามมันเลยครับ
“พี่หมอก”
“ไร”
“มีผู้หญิงมาที่ห้องป่ะ”
“มึงเป็นเมียหลวงเหรอ”
เล่นเอาไม่อยากฟังตะหงิดๆ
“เปล่า ผมถามเฉยๆ ผมไม่ชอบกลิ่นน้ำหอมฉุนๆอ้ะ” แค่นั้นจริงๆนะ เหตุผลมีแค่นั้นจริงๆ เชื่อผมสิ
“รีบๆอาบน้ำ เดี๋ยวกูทำข้าวให้กิน”
“ห้ะ? เดี๋ยวนะ ขี้หูอุดตัน พี่หมอกพูดว่าอะไร ผมขออีกรอบ”
“...”
“โอเค ไม่กวนตีนแล้ว เดี๋ยวจะได้กินตีนกวน ผมไปอาบน้ำก่อนนะพี่” มันก็พยักหน้าแล้วเดินเข้าคอร์นเนอร์ที่มันเป็นเหมือนห้องครัวครับ คือมันไม่ได้แบ่งเขตชัดเจนแต่ว่าจะมีบาร์กั้นออกจากห้องปกติครับ คอนโดนี้ที่กั้นห้องจริงๆก็มีแค่ห้องนอนสองห้องใหญ่ๆเท่านั้นแหละครับ ผมเคยเข้าไปในอีกห้องนึง ไอ้พี่หมอกก็เอาไว้เก็บของเฉยๆ ไม่ได้ทำเป็นห้องนอนแขก
มันจะทำอะไรให้ผมกินหว่ะ อยากมันทำอาหารเป็นด้วยเรอะ
“.....”
แอบย่องออกจากห้องน้ำ แอบแง้มประตูดู เฮ้ย เสร็จแล้ว อะไรอ้ะ โคตรเร็ว
“เฮ้ยพี่ ทำไมทำเสร็จเร็วจังอ้ะ” สปาเกตตี้อ้ะ ซอสขาวๆเหมือนที่มันเคยพาผมไปกินที่ร้านอาหารอิตาลีเลยครับ
“กูทำรอมึงนานแล้ว อันนี้กูก็แค่เวฟ”
“โหย สุดยอด ฝีมือพี่หมอก กินได้ไหมวะ” มันโยกหัวผมไปมาครับ ผมทำท่าจะกัดมือมัน มันก็ชักมือหนีไปซะก่อน “หอมด้วย”
“ท้องผมเสียพี่รับผิดชอบเลยนะ”
มันนิ่งๆครับ ดูเหมือนจะมั่นใจมาก
“ฝีมือระดับไหน ให้มันรู้ซะบ้าง”
“อร่อย!”
มันยักคิ้วแล้วก็กินของมันด้วยครับ ผมกินแป็ปเดียวก็หมด อร่อยจริงๆ จนไม่อยากเชื่อเลยว่าหน้าอย่างไอ้พี่หมอกจะทำอะไรแบบนี้เป็นด้วย ผมกินเสร็จก็เอาจานไปเก็บครับ เวร ไอ้พี่หมอกมันทิ้งกระดาษทดไว้ที่พื้นอีกแล้ว ไหงมาหล่นถึงในครัวเลยวะเนี่ย ผมเลยจะเอาไปทิ้งครับ
เปิดขยะมา..อืม ชัดเลย
ซองสปาเกตตี้สำเร็จรูป ที่เขาใช้เวฟแล้วกินได้เลยขายตามร้านสะดวกซื้อนอนอยู่ในนั้นสองกล่องครับ
“พี่หมอก”
“ไร”
“ไหนบอกทำนานแล้ว นี่มันสปาเกตตี้สำเร็จรูปนิ”
“กูทำนานแล้ว ตั้งแต่มันอยู่ในโรงงาน”
“....”
“กว่ามันจะส่งมา กว่ากูจะออกไปซื้อ นานไหม”
“นาน” ผมพยักหน้าเห็นด้วยเมื่อนึกภาพตาม นานจริงๆอ้ะ
“กูพูดผิดตรงไหน”
“......”
แล้วมึงทำขั้นตอนไหนวะ!! เดินออกไปซื้อเรอะ!!
ไอ้พ่อเชฟใหญ่เอ้ย!!
สรุปมือนั้นก็อิ่มกันทั้งคู่ครับ ฮ่าๆๆ
...............................................
...............................
ก่อนนอนไหว้พระสวดมนต์ตามปกติ กำลังจะนอนไอ้พี่หมอกก็กระโดดขึ้นเตียงมาก่อน ผมเลยลุกขึ้นมาดู
“อะไรอ้ะ”
เห็นมันมานั่งจ้องหน้าไม่พูดอะไร
“อ่านหนังสือให้กูฟังหน่อย”
โอ๋ๆ เด็กน้อย นอนไม่หลับหรอ เดี๋ยวอ่านนิทานให้ฟังนะ
มันก็ยื่นหนังสือให้ผมอ่านครับ
ชื่อหนังสือก็น่ารักน่าเอ็นดูเหมาะกับหน้ามันนี่แหละครับ “Markov models”
“มาคอฟ โมเดล อะไรอ้ะพี่หมอก”
“แบบจำลองมาคอฟ ใช้วิเคราะห์ตัวแปล ทำนายผลที่ได้”
“ดูดวงได้ป่ะ”
“เดี๋ยวดูให้”
มันจ้องหน้าผม ผมก็จ้องกลับ แต่จ้องได้ไม่นานก็หลบสายตามันอีกแล้ว
“อนาคตจะโชคดี ได้แฟนหล่อ รวย”
“แต่ถ้าเกรียนแตกแถมแจกตีนใส่ชาวบ้าน ผมไม่เอานะ”
มันก็ยิ้มเข้มๆของมันไปครับ
แล้วมันก็เนียนเนียน นอนหนุนตักผมเลย กูงงกับชื่อหนังสือแป็ปเดียวก็เนียนเลยนะ ผมอุตส่าห์ซุกผ้าห่มไว้แล้วมันดึงออกครับ หนุนเสร็จมันก็เอาห่มตัวมัน แล้วจ้องผมตาแป๋วเลย
“ภาษาอังกฤษทั้งเล่ม ผมอ่านไม่ออกอ้ะ”
“อ่านๆไป”
“เอ้า อะไรวะ หน้าปกเขียนมาคอฟ โมเดล ข้างในกลับเขียนเรื่อง มาคอฟ เชนอ้ะนะ”
“มันเป็นรูปแบบหนึ่งของ Markov models”
มันก็อธิบายครับ ผมก็พยักหน้าอ่านตา ไอ้พี่หมอกมันปัดหนังสือออกเวลาผมยกติดหน้า มันบอกว่าบังหน้าผมครับ ตกลงมึงจะฟังกูเล่าหรือจะจ้องหน้ากู จะได้ไม่ต้องให้กูมันสู้ฟัดกับศัตรูแต่ชาติปางก่อน ภาษาอังกฤษ ผมไม่เคยทำอะไรคุณเลยนะครับ แล้วคุณมาทำร้ายผมทำไม?
“The simplest Markov model is the Markov chain. It models the state of a system with a random variable that changes through time. In this context, the Markov property suggests that the distribution...พี่แปลเองนะ ผมแปลไม่ออก”
“อ่านๆไปเหอะน่า” ทำไมต้องอ่านเรื่องนี้ด้วยวะ ผมไม่ใช่เด็กสายวิทย์ แล้วก็ไม่ถนัดภาษาอังกฤษด้วยครับ พิการซ้ำซ้อน “พี่อ่านเล่มอื่นเหอะ ผมอ่านไม่รู้เรื่อง”
“กูรู้เรื่อง”
ผมก็อ่านไปเรื่อยๆครับ เหมือนท่องภาษาอังกฤษให้อาจารย์ฟังหน้าห้อง จนรู้สึกว่ามันนิ่งก็เอาหนังสือออกครับ มันหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้สึกว่าช่วงนี้จะมีสอบย่อยของคณะมัน สามวันที่ผ่านมามันก็คงจะอ่านหนังสือหนัก(ล่ะมั้ง?) เพราะตอนผมเข้ามาในห้องก็กระดาษทดว่อนเลยครับ (เวลามันอ่านหนังสือมันจะอ่านนิ่งๆ ถ้าจะจำอะไรสักอย่างมันจะเขียนซ้ำๆลงบนกระดาษทดของมัน มีเป็นตั้งข้างโต๊ะเลยครับ)
ตอนหลับดูไม่ออกเลยครับว่ามันเป็นคนยังไง มันก็เหมือนคนทั่วไปในวัยเดียวกันที่ถึงเวลาก็หัวเราะ เสียใจก็ร้องไห้ แต่ดูมันจะไม่ค่อยแสดงอารมณ์เท่าไหร่
จะยกมันไปนอนข้างๆ ไม่ไหว ดันมันก็ไม่ขึ้น ตอนนี้มันขยับตัวแล้วครับ แล้วเลื้อยมาก็เอวตูแน่นแทน กรรมของเวร
เออ มันก็นอนได้ งั้นก็นอนแบบนี้มันละกัน ผมก็ห่มผ้าห่มให้มันดีๆหน่อยครับ นอนท่าเหมือนชาวบ้านไม่เป็นใช่ไหม? จะได้ทำใจไว้ก่อน เห็นมันหลับสบายก็ทำใจร้ายปลุกมันไม่ลงครับ
ที่มันเอามาให้ผมอ่าน ผมว่าความจริงมันไม่ได้สนใจจะฟังอะไรหรอกครับ มันก็คงแกล้งผมเล่นๆเท่านั้น เพราะทั้งเล่มผมเห็นมันเขียน วง ขีดเลกเชอร์เต็มไปหมด...
ฝันดี
ขอให้สอบได้เอนะไอ้พี่หมอก……………………………………..
…………………………..
[Coin 13 : complete]
[15.11.54]
เยส ความเห็นที่ 500 พอดี!
วันนี้มาลงเรื่องนี้ครบเจ็ดวันแล้ว ทำไมรู้สึกเหมือนลงมาเป็นเดือนเลยไม่รู้ นี้ก็ครบสัปดาห์แรกของตี๋หมอก ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ตามในกำลังใจมาตลอดนะคัฟ

เดี๋ยวดึกๆมาลงอีกตอนเน้อ
