หลังจากแยกย้ายกันแล้ว ผมหยิบกล้องขึ้นมาดูภาพที่ถ่ายไว้อยู่อีกรอบหนึ่ง ก่อนจะเก็บน้องสู้(กล้องคุง) ของผมใส่กระเป๋า ถอดฮู้ด ปิดหน้ากล้องให้เรียบร้อย ผมเอนศีรษะพิงพนัก เนื่องจากแอร์ในรถเย็นกำลังสบาย เพลงที่ไอ้รันย์เปิดก็เพราะฟังเพลินๆดี ไอ้รันย์หันมองมาแว๊บนึง คงจะเห็นผมกำลังเคลิ้ม
“เหนื่อยหรอ?”
“อืม รันย์ไม่เหนื่อยหรอ”
“นิดนึง อย่าหลับนะ อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน”
“ห้ามคนไม่ให้หลับได้หรอ?”
“ไม่เอา ไม่ให้หลับ เดี๋ยวชวนกันลงข้างทาง” เอ...จริงของมันครับ ถ้าลงข้างทางขึ้นมาละแย่เลย เพราะว่า ตอนนี้อยู่บนทางด่วนใช้ความเร็วค่อนข้างสูงเสียด้วย ผมเลยนั่งมองหน้ามันแทนครับ ในเมื่อมันไม่ยอมให้ผมหลับ
“แล้วจะจ้องหน้าอย่างนี้ตลอดทาง?”ไอ้รันย์พูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะยกริมฝีปากหยักสวยยิ้ม
“ขอมือหน่อย” ไอ้รันย์แบมือข้างที่ว่างจากพวงมาลัยมาหาผม จะให้ก็ลังเลครับ
“ไม่ใช่หมา”
“ไม่ใช้หมาแต่อยากจับมือ ไม่ได้หรอ?” เอาละครับ ผมไอ้รันย์ทำเสียงเว้าวอนอย่างนี้ ใจนึงมันก็อยากจะรีบยื่นมือให้ แต่อีกใจก็อิดออด ถึงกับเหงื่อแตกเลยทีเดียว
“จับมือหน่อยๆ” มือแข็งแรงนั้น แบรอท่าอยู่ แต่พออีกคนยึกยัก จึงเอาศอกสะกิด ก่อนจะเข้าเกียร์ต่อไป
“ขับรถยังจะมาขอจับมืออีก”
ผมพูดอุบอิบกับตัวเอง แต่ก็ใจอ่อนวางมือลงในมือมัน มืออุ่นๆแล้วกุมไว้หลวมๆ ขอแอบยอมรับเบาๆกับตัวเองว่า รู้สึกดี(ค่อนข้างมาก)ครับ มันไล้นิ้วโป้งลงบนหลังมือผมเบาๆ จนแทบไม่รู้สึก แต่กลับทำให้ผมจักกะจี้มากเลยครับ นี่มันคิดจะลวนลามมือผมหรืออย่างไร ใครก็ได้ช่วยบอกที
“ฝากวางไว้ก่อน” มันว่าพลางวางมือผมลงบนหน้าตักมันเพื่อเปลี่ยนเกียร์ บริเวณหมิ่นเหม่จนชัก...เอิ่ม กลัวใจตัวเอง
“ทะลึ่งและๆ”
“อะไร เปล่านะ คิดอะไรทะลึ่งคนเดียวอ่ะดิ” มันว่าแล้วยิ้มล้อเลียนด้วยครับ ผมชักอยากจะตุ๊บตั๊บมันขึ้นมาซะแล้ว เลยดึงมือตัวเองกลับ แต่ไอ้รันย์ไม่ยอม เอามือมาคว้าไว้
“เอางี้ พบกันครึ่งทาง วางตรงนี้” ไอ้รันย์ตัดสิน ก่อนจะวางมือผมลงบนกระปุกเกียร์ แล้วเอามือมันทาบทับอีกที
“รู้สึกดีนะ ไปปล่อยแก่แบบนี้” ไอ้รันย์ชวนคุยแก้บรรยากาศม้วนต้วน ให้ผ่อนคลายลง
“อืม” รู้สึกอุ่นๆดีด้วยครับตอนนี้
“ไปฝึกงานสามเดือน เมศคิดถึงรันย์มั่งไหม?” ช่วงฝึกงานเราแยกกันไปคนละที่ครับ เลยแทบไม่ได้เจอกันเลย พอถึงวันหยุด บางทีไอ้รันย์ก็ยังต้องไปฝึกงาน หรือเหนื่อยจนไม่อยากจะออกไปไหนแล้ว เลยได้แต่แอบส่งแมสเซสหากันบ้าง โทรคุยกันบ้าง ให้ไม่เงียบเหงาจนเกินไปนัก
“เมศไม่คิดถึง แต่รันย์คิดถึง อยากเจอทุกวัน....อยากได้ยินเสียง” ถึงตอนนี้ผมพูดไม่ออกแล้วครับ หน้ามันร้อนจนทำอะไรไม่ถูก เลยได้แต่เอามือข้างที่ยังอิสระปิดหน้ากันอาย อยากจะกลายร่างเป็นหอยทากม้วนต้วนกลับเข้าเปลือกจริงๆ
“ไม่คิดถึงกันจริงๆนะหรือ?”
ผมทำอะไรไม่ถูกครับเลยได้แต่ส่ายหน้า ก่อนจะรีบหันหน้าออกหน้าต่าง ดูรถวิ่งฉิวๆผ่านไป หูได้ยินเสียงหัวเราะในคอเบาๆ ก่อนมือนั้นที่กุมมือผมจะยกขึ้น ก่อนสัมผัสอุ่นนุ่มจะกระทับลงหลังมือผมฉาบฉวย และพละจาก ผมว่าผมกำลังเป็นโรคหัวใจ เพราะมันเต้นเร็วมากจนน่ากลัว และผมคิดว่าผมมีปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทที่มือ เพราะสัมผัสอุ่นร้อนเมื่อครู่ ที่แม้ฉาบฉวยแต่ตอนนี้มันไม่จางหาย
“ปีนี้ ปีสุดท้ายแล้วนะ ที่เราจะอยู่ด้วยกันแบบนี้” ที่ไอ้รันย์พูดก็มีเหตุผลครับ ในขณะที่เรายังเป็นนักเรียนนักศึกษา เราเจอกันทุกวัน เรียนด้วยกัน กินด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน แล้วต่อไปล่ะ?....คิดแล้วก็ใจหายครับ
“ยกเว้นแต่ไม่จบ” ไอ้รันย์ฟังผมแล้วหัวเราะ พลางว่า จบสิ
“ถ้าฝึกงานเป็นการลองสนามของชีวิตทำงานละก็ ต่อไปมันคงทรมานน่าดูเลยนะว่าไหม”
“นั่นสินะ” มองหน้าไอ้รันย์ ก่อนจะเป็นฝ่ายทาบมือทับเสียเอง มืออุ่นๆข้างนั้นจึงกลับมากอบกุมกันอีกครั้ง
กว่าจะถึงบ้านผมก็เริ่มค่ำเสียแล้ว เพราะรถติดเหลือเกิน ผมจึงเสนอให้ไอ้รันย์นอนค้างที่บ้านผมเสียเลยเพราะว่า ท่าทางมันจะเหนื่อยไม่อยากให้ขับรถข้ามซีกเมืองไปๆกลับๆทั้งอย่างนั้น หลังอาหารเย็นผ่านไปแล้ว ระหว่างที่เราดูบอลคู่หัวค่ำไปได้แค่ครึ่งแรก ก็ทนไม่ไหวจะหลับเสียให้ได้ ขึ้นห้องนอนคุยกันดีกว่า
“อังกฤษจะไปได้ถึงรอบท้ายๆหรือเปล่า” ผมเปรยขึ้นขณะที่มองจ้องเพดานห้องตัวเอง
“จะรู้ไหมเนี่ย ไม่ใช่เจอร์ราด” ไอ้รันย์พูดพลางขำ หมอนข้างที่กั้นเราสองคนไว้สะเทือนตามเสียงหัวเราะของคุณชายท่าน ก่อเราจะเงียบกันไปครู่ใหญ่
“ เคยคิดไหม ว่าอยากเป็นเด็กไปตลอด”
“โธ่เอ้ย มีใครไม่คิดบ้าง แต่ก็ไม่มีใครทำได้ จริงไหม?” ไอ้รันย์ยื่นมือมายีหัวผมเลยเฉยเลยครับ ผมเลยดึงแขนมันมาหนุนเสียเลย
“เฮ้อ....อยากอยู่อย่างนี้นานๆจัง”
“อยู่สิ” น้ำเสียงไอ้รันย์จริงจัง ผมเลยพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้าหามัน
“อยู่ให้นานที่สุด เท่าที่จะทำได้ ให้รักน้อยๆ แต่นานๆ ดีไหม?” ไอ้รันย์พูดแล้วยิ้มกว้างขวาง เห็นฟันขาวลอยอยู่สลัวๆ
“ผีน้ำเน่าเข้าสิงซะแล้ว”
ต้องขอขอบคุณเวลาประเทศไทยครับที่ทำให้กลางคืนมันมืด ผมจะได้ซ่อนรอยยิ้มกับหน้าแดงๆของตัวเองได้มิดหน่อย แบบว่า...รู้ตัว เราเงียบไปอีกครู่ใหญ่ จนผมได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอ เดาว่าไอ้รันย์คงหลับไปแล้ว เพราะมันเองก็เที่ยวจนเหนื่อย แถมยังขับรถไปรับไปส่งตั้งไกล ผมนอนมองโครงหน้าที่ใครๆต่างชอบในความเหมาะเจาะของเครื่องหน้า แต่ผมแน่ใจครับว่า ผมชอบมันไม่ใช่ที่หน้าตา แต่เป็นตัวมันครับ มันเป็นทั้งเพื่อน และเป็นคนที่ผมรู้สึกดีๆด้วย ถึงมันจะปากหมา แต่ปากหมาๆของมันเนี่ยแหล่ะ ทำเอาผมแทบละลายมากี่ครั้งแล้ว ชอบสัมผัสอุ่นๆที่อยู่เคียงกัน ชอบสายตาที่มองมาส่งผ่านความรู้สึกที่อัดแน่นในอก
“ขอโทษนะที่เมศขี้ขลาด ไม่กล้าบอก...อย่างน้อยก็ไม่บอกบ่อยๆ” ผมพูดงึมงัมกับตัวเอง
“ว่าตอนนี้รักรันย์มากๆเลย” ผมรวบรวมความกล้าพูดออกมา ก่อนจะถอนหายใจไว้อาลัยให้ความขี้ป๊อดของตัวเอง ผมหลับตานิ่งรอในความเงียบเตรียมเข้าสู่ความฝัน ในขณะที่ผมกำลังจะข้ามพรมแดนระหว่างฝันกับจริง กลับได้ยินเสียงกระซิบที่เหมือนมาจากที่ไกลๆ พร้อมกับเสียงจุ๊บเบาๆ
“รันย์ก็เหมือนกัน ตอนนี้รักเมศมากๆเลย” ผมว่าผมฝันครับ เป็นฝันที่ดีมากๆเลยครับ....ขอบอก
จบตอนพิเศษ
มาเเปะเอาป่านนี้ก็ไม่เเน่ใจว่า จะยังมีใครเเวะเวียนมาหรือไม่นะคะ (หลังจากจบมาได้หลายเดือน)
เเบบว่าหนีไปเที่ยวมาเเล้วชอบใจกี๊สก๊าสไปกับเหล่าสัตว์นานาชนิดมาเลยอยากเเบ่งปันน่ะค่ะ
ที่สำคัญคือ ทำใจหักดิบเปลี่ยนเเนวรันย์เมศไม่ได้อ่ะค่ะ เเบบว่า ชีวิตมันมีอะไรให้ดราม่ามาเยอะเเล้ว ขอขำๆกะรันย์เมศเเล้วกันนะคะ
ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามผลงาน มา ณ ที่นี้ค๊า
EDIT:ซี๊ดดดด โดนบอร์ดลับลวงพลางเข้าให้เเล้ว ตอนลงเที่ยวเเรก เเปะไม่ได้อยู่สองสามที เลยปลุกปล้ำกันอยู่นาน ที่ไหนได้ ลงบางช่วงซ้ำไป
ขอโทษจริงๆค่ะ ก็ว่าทำไมมันเยอะจัง
เเถมท้าย