ผมจำเป็นต้องใช้เวลาพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอยู่ประมาณหนึ่งเดือนเต็มกว่าจะออกมาพักฟื้นต่อที่บ้านและสามารถไปไหนมาไหนได้ ซึ่งสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในตอนนั้นกลับไม่ใช่ความเจ็บปวดทางร่างกายหรือจิตใจ แต่เป็นการที่ผมต้องเห็นความทุกข์และความเศร้าใจของพ่อและแม่ต่างหาก ย้อนไปในวินาทีแรกที่แม่เจอหน้าผม แม่ก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนักทันที ตอนนั้นพ่อกับแม่รู้รายละเอียดมาจากเพื่อนสาวทั้งสองคนของผมเกือบทั้งหมดแล้ว และผมก็เป็นคนที่ช่วยเติมเต็มข้อมูลส่วนสำคัญที่สุดที่ขาดหายไปให้พวกเขาได้รู้เพิ่มอีกในวันนั้น... ซึ่งนั่นก็คือเรื่องที่ผมเป็นเกย์นั่นเอง
ผมรู้ได้จากสีหน้าของทั้งคู่ว่าพวกเขาไม่ได้รับกับความจริงข้อนี้ได้อย่างทันที แต่ผมเชื่อว่าจะด้วยความเป็นพ่อแม่ ความสงสาร ความรู้สึกสมเพชในสภาพของผมในตอนนั้น หรืออะไรก็แล้วแต่เถอะ พวกเขาจะยอมรับผมได้อย่างแท้จริงสักวัน ซึ่งคนที่คอยอยู่เคียงข้างและคอยให้กำลังใจผมอยู่ตลอดเวลาไม่เคยห่างเลยก็คือไอ้อาร์ม
นับจากวันแรกที่เราได้เปิดอกคุยกัน มันก็มานอนอยู่กับผมทุกคืนจนกระทั่งผมออกจากโรงพยาบาล ผมยังจำคืนแรกที่มันหลับอยู่บนโซฟาข้างเตียงของผมได้เลยว่ามันหลับสนิทจริงๆ แถมยังกรนและละเมอเบาๆ ออกมาอีกด้วย ซึ่งก็คงไม่แปลก เพราะว่ามันต้องเหนื่อยกับการตามหาผมมาตลอดตั้งขนาดนั้นนี่นะ
“ไอ้ต้า... เฮ้ยย ไอ้กีตาร์!”
“หือ! อะไรวะ” ผมสะดุ้งเบาๆ และรีบหันไปหาไอ้นกที่นั่งกระทุ้งศอกใส่ผมอยู่
“มึงเหม่ออีกแล้วนะเว้ย พักหลังๆ นี้มึงเหม่อบ่อยขึ้นรึเปล่าวะ” มันมองผมด้วยสายตาเป็นกังวล
“เฮ้ย กูไม่ได้เป็นอะไรหรอก กูก็แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเฉยๆ”
“คิดอะไรวะมึง...” มันยิ่งทำหน้าเครียดหนักยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
“ไม่ใช่เรื่องเหี้ยๆ พวกนั้นหรอกน่า” ผมยิ้มให้กับมัน “กูพูดจริงๆ เว้ย ไม่ได้โกหก”
“แน่นะมึง มึงก็รู้นะเว้ยว่าถ้ามึงอยากพูดอะไร อยากระบายอะไรเกี่ยวกับเรื่องเมื่อตอนนั้น...”
“กูไม่เป็นไรจริงๆ” ผมจับมือมันแล้วบีบเบาๆ “แล้วสรุปที่มึงเรียกกูเนี่ย มีอะไรกันแน่วะ”
“อ๋ออ เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ไอ้อาร์มมันเพิ่งวอสแอพมาบอกกูว่ามันมาถึงแล้วน่ะ และมันโทรหามึงไม่ติด มึงปิดเครื่องเหรอวะ”
ผมรีบหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาจากกระเป๋ากางเกงทันที “เวร แบ็ตกูหมดว่ะ”
“เออ งั้นเรารีบเก็บของเหอะ จะได้ไปนั่งรอมันหน้าตึก” มันหันมายื่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองให้กับผม “เอ้า โทรไปหา ‘ที่รัก’ ของมึงซะด้วย เดี๋ยวมันจะเป็นห่วงซะเปล่าๆ”
ผมหน้าแดงทันที “พวกมึงเลิกเรียกกูกับมันแบบนั้นซักทีเหอะวะ ไอ้เหี้ย น่าอายจะตายห่า”
“อ๊าววว แล้วมึงจะให้กูเรียกพวกมึงว่าอะไรล่ะค้าาา ก็ในเมื่อมึงสองคนไม่ได้เป็น ‘แฟน’ กันนี่หว่า”
“เออ ก็จริง แต่...” ผมอ้าปากจะเถียง แต่ทว่ามือถือของไอ้นกที่ผมถืออยู่ในมือก็ดังขึ้นเสียก่อน และแน่นอนว่าคนที่โทรเข้ามาก็คือคนที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่นี่เอง
“รับสิยะ ไอ้หอยทรงกระบอก” ไอ้นกทำเป็นยิ้มจิกๆ ใส่ผม
“เออๆ รู้แล้วน่า... ฮัลโหล”
“ไอ้ต้า! ทำไมปิดเครื่องวะ!”
“มึงใจเย็นๆ อย่าเพิ่งโวยวายดิ ไอ้เหี้ย กูแบ็ตหมดเฉยๆ เมื่อคืนกูลืมชาร์จอะ แล้วเสือกเปิดเน็ตคุยกับมึงเมื่อตอนเช้ากับตอนกลางวันซะนาน แม่งก็เลยแดกแบ็ตกูไปเกือบหมดเลยไง”
“กูไม่ได้โวยวาย กูเป็นห่วงมึง ไอ้ห่าเอ๊ยยย”
“มึงจะห่วงอะไรกูอีก ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลได้อาทิตย์กว่าๆ เนี่ย พวกมึงเคยปล่อยให้กูอยู่คนเดียวสักนาทีเหรอวะ”
“ก็กูรักมึง กูเป็นห่วงมึงไม่ได้รึไง” มันทำเสียงเศร้า
“พอเลยๆ ไม่ต้องมาทำเสียงแบบนั้นเลย ไอ้หำ”
“ทำไมอ่าคับบบ ที่รัก...” มันยังไม่ยอมเลิก
“พอๆ แค่นี้นะ! เดี๋ยวไปเจอกันหน้าตึกก็แล้วกัน มึงใกล้จะถึงแล้วใช่มั้ยล่ะ”
“โอเคคร้าบบบบ กูใกล้จะถึงแล้วล่ะ อีกไม่เกินสิบนาที”
ผมกดปุ่มวางสาย รู้สึกว่าตัวเองเขินจนหน้าร้อนผ่าวไปหมด และเมื่อผมหันไปเห็นไอ้นกกำลังยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่ ผมก็แยกเขี้ยวใส่มันทันที
“มองเชี่ยไร!”
“เปล๊า” มันหันไปทางอื่น
เราสองคนเดินลงจากอาคารหอสมุดแล้วไปนั่งอยู่บนม้านั่งด้วยกัน
“นี่ ไอ้ต้า ทำไมพอมึงออกจากบ้านได้แล้วมึงถึงได้อยากมาที่มหาลัยเป็นที่แรกวะ”
“ไม่รู้ว่ะ... กูคงคิดถึงล่ะมั้ง และกูก็ไม่อยากไปที่ๆ คนเยอะๆ ด้วยว่ะ แถมวันนี้มันก็วันหยุด ในมอมันก็เงียบดี กูก็อยากมาที่นี่อะ”
“ตอนแรกกูก็คิดว่ามึงจะยังไม่อยากมาเพราะ...”
“จะทำให้กูคิดถึงไอ้พี่อาร์ทใช่มะ ไม่หรอกว่ะ เพราะกูมีเรื่องของคนอื่นให้คิดมากกว่านั้นอยู่แล้ว”
“เรื่องของใครอีกวะ”
“เอ้า มึงนี่ ก็แหงสิวะว่า...” ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบคำถามของไอ้นก รถของไอ้อาร์มก็เข้ามาจอดเทียบตรงหน้าของเราเสียก่อน
“เอ้า มันมาแล้ว ไปกันๆ เร็ว”
เราสองคนรีบลุกออกจากม้านั่งแล้วกระโดดเข้าไปนั่งในรถของไอ้อาร์มทันที
“ขยับตัวเร็วๆ แบบนี้ ไม่เจ็บรึไง เดี๋ยวก็แผลฉีกหรอก ที่รัก” ไอ้อาร์มนั่งยิ้มหน้าแป้นแล้นอยู่ที่เบาะหลัง
“อ้าว! นี่มึงไม่ได้เป็นคนขับรถเหรอวะ ไอ้อาร์ม” ผมถามขึ้นด้วยความแปลกใจทันที
“ไปๆ มึงรีบออกไปนั่งข้างหน้าเลยไอ้นก” ไอ้อาร์มชะโงกตัวข้ามผ่านผมไปไล่ไอ้นก
“มึงไม่ต้องไล่กูก็จะไปอยู่แล้วย่ะ!”
“ไอ้อาร์มมันเพิ่งจะสลับกับกูเมื่อกี้นี้เอง” ไอ้เอพูดขึ้น
“ก็กูอยากนั่งดูแลที่รักกูนี่หว่า ไม่ได้เจอหน้าตั้งหนึ่งวัน คิดถึงจะแย่” ไอ้อาร์มหันมายิ้มแล้วยักคิ้วให้กับผม
“พอได้แล้ว ไอ้อาร์ม กูจะอ้วก”
“มิน่าล่ะว่าก่อนนี้ทำไมผู้หญิงแม่งถึงได้ติดมันกันนัก แล้วไหนบอกว่ามึงไม่ใช่คนเจ้าชู้ไง ไอ้เชี่ยอาร์ม แต่เท่าที่กูเห็นมาตลอดเนี่ย คารมมึงลิเกมากกกกกเลยนะยะ!”
“มึงสองคนหุบปากไปเลย คนนั่งหน้าก็ส่วนคนนั่งหน้าเว้ย ส่วนคนนั่งข้างหลังเค้าจะสวีทกัน”
“แต่กูเองก็คิดเหมือนไอ้สองคนนี้เหอะว่ะ ไอ้อาร์ม มึงนี่แม่งงง คารมคนเจ้าชู้จริงๆ กูล่ะจะอ้วก!”
“กูบอกแล้วไงว่ากูไม่ได้เจ้าชู้ แต่กูแค่แสดงออกถึงความรักเท่านั้นเอง” มันคว้ามือของผมไปกุมเอาไว้ “กูจะชดเชยเวลาและสิ่งที่กูเคยทำพลาดไปทุกอย่างเท่าที่กูจะทำได้เว้ย ไอ้ต้า และกูก็จะบอกรักมึงทุกวันจนกว่ามึงจะเบื่อเลยด้วยเหมือนกัน” มันยกมือของผมขึ้นจุ๊บเบาๆ
“แล้วทีก่อนนี้ตอนกูอยู่โรงพยาบาล มึงยังทำเก้ๆ กังๆ แล้วบอกว่ามึงไม่เคยบอกรักผู้ชาย ก็เลยทำตัวไม่ถูกน่ะ จำได้มั้ย ไอ้ทุยเอ๊ยยย”
“โอ๊ยยย กูเลิกอายตั้งแต่ตอนที่ได้จับมึงแก้ผ้าอาบน้ำเป็นครั้งแรกที่โรงพยาบาลวันนั้นแล้วเหอะว่ะ”
ผมเขินจนหน้าร้อนไปถึงใบหู “ไอ้เหี้ยนี่! ไอ้นกมันก็นั่งอยู่นะเว้ย!”
“ก็เรื่องของมันดิ มันไม่ได้เห็นของมึงเหมือนที่กูเห็นสักหน่อย”
“ไอ้ห่าาาา!”
“ไม่เป็นไรหรอก มึงจะด่ากูแค่ไหนก็ได้ ขอแค่กูได้รักมึงก็พอ”
“แอ๊ยยย! พอๆ ไอ้เอมึงรีบๆ ขับไปบ้านไอ้พระเอกลิเกนี่ได้ละ! กูรู้สึกเลี่ยนนนน จนจะอ้วกแล้วว่ะ แถมยังรู้สึกเป็นส่วนเกินชอบกล”
“เออ” ไอ้เอหัวเราะในลำคอเบาๆ
วันนี้พ่อกับแม่ของไอ้อาร์มจะจัดงานเลี้ยงฉลองที่ผมได้ออกจากโรงพยาบาล และพวกเราทุกคนก็ถูกเชิญไปที่บ้านของมันอย่างพร้อมหน้า ซึ่งไอ้ฝนกับไอ้ด้าเองก็กำลังรอพวกเราอยู่ที่นั่นแล้ว
เมื่อเราไปถึงบ้านของมัน พวกเราก็ช่วยแม่ของไอ้อาร์มเตรียมอาหาร ทำขนม และจัดโต๊ะที่สวนหน้าบ้านกันอย่างครื้นเครง โดยนอกจากพวกเราแล้ว ก็ยังมีไอ้อ้วนกับเพื่อนของมันอีกสองคน รวมถึงพ่อแม่ของผมที่จะตามมาทีหลังอีกด้วย
ในตอนหัวค่ำ พวกเราก็เริ่มต้นกินอาหาร ร้องคาราโอเกะ และพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน พ่อกับแม่ของผมที่พลอยสนิทสนมกับครอบครัวของไอ้อาร์มไปด้วย ทำให้งานเลี้ยงเล็กๆ นี้เต็มไปด้วยความอบอุ่น ผมจึงคิดขึ้นมาว่า ถ้าหากจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกขอบคุณไอ้พี่อาร์ทแล้วล่ะก็ สิ่งๆ นั้นก็คงเป็นการที่พวกเราทุกคนได้สนิทสนมกันมากขึ้น ได้มีช่วงเวลาดีๆ แบบนี้ และการที่ผมได้มีคนรักให้ได้รักและคิดถึงอย่างในทุกวันนี้นี่แหละ
“คิดอะไรอยู่วะ ฮึ...” ไอ้อาร์มหันมากระซิบลงที่หูของผม
“ก็คิดถึงมึงนั่นแหละ” ผมหันไปยิ้มให้กับมัน
นับตั้งแต่วันแรกที่ผมออกจากโรงพยาบาลจนถึงวันนี้ มันก็ยังไม่เคยทิ้งผมให้ห่างจากกายของมันอีกเลยอย่างที่มันเคยบอกเอาไว้
โอเค... ผมอาจจะพูดเกินไปหน่อย มันอาจจะไม่ได้เป็นความจริงตรงตามทุกตัวอักษรอะไรขนาดนั้นหรอก แต่อย่างน้อยๆ มันก็ยังไม่เคยทำให้ผมรู้สึกว่าเราสองคนอยู่ห่างกันเลยแม้แค่เพียงสักครั้ง
“คิดอะไรวะ กูก็นั่งอยู่ตรงนี้ไง”
“ก็แค่คิดว่ามึงจะรักกูแบบนี้ได้นานขนาดไหนแค่นั้นแหละมั้ง”
“นานจนกว่ากูจะหมดรักมึงไง โอเคปะ”
“นั่นไง”
“แต่ก็แค่ว่าวันๆ นั้นมันคงไม่มีทางมาถึงเท่านั้นเองอะว่ะ...” มันหอมแก้มผมเบาๆ ทั้งๆ ที่ทุกคนก็นั่งอยู่ล้อมรอบเรากันแบบนี้นะ
“ก็เพราะมึงชอบพูดจาโอเวอร์แบบนี้ไง กูถึงได้ไม่อยากจะเชื่อน่ะ ปากดีตลอดอะมึงอะ”
“โห มึงพูดแบบนี้กูเสียใจนะเนี่ย กูไม่ได้ปากดีเว้ย แต่กูคิดอะไรก็พูดแบบนั้นต่างหาก มึงก็รู้นิสัยกูไม่ใช่รึไง ไอ้ต้า”
“เรอะ จริงเหรอวะ”
“ก็เออสิวะ กูเคยบอกแล้วไง กูไม่รู้หรอกว่าอนาคตจะเป็นยังไงน่ะ แต่ที่ผ่านมามึงดีกับกูมาก มึงรักกูมาก กูไม่สามารถย้อนเวลาที่ผ่านไปแล้วคืนมาได้ และกูคงจะแสดงออกอะไรมากกว่านี้ก็ไม่ได้แล้วด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นกูก็จะทั้งพูด ทั้งแสดงออก และทำทุกอย่างเพื่อชดเชยเวลาที่กูเสียไปและทำให้มึงมั่นใจที่สุดว่ากูรักมึงจริงๆ แค่นั้นเองอะว่ะ มึงรอดูต่อไปก็แล้วกัน” มันฉีกยิ้มกว้าง
ผมล่ะแพ้รอยยิ้มขี้เล่นของมันจริงๆ!
“พี่ต้าาาาาา!!” ไอ้อ้วนที่นั่งอยู่อีกข้างหันมาดึงแขนผม “พี่ต้าดูดิ! พี่ด้าแม่งใจร้ายกะกัสอีกแล้วง่าาา”
“อะไรอีกล่ะ ไอ้น้องคนนี้”
ที่จริงแล้วไอ้อ้วนเองก็แทบจะไม่ต่างจากพี่ชายของมันเหมือนกัน ในเรื่องของการเกาะผมติดหนึบจนแทบจะไม่ยอมปล่อยให้ผมห่างตาไปไหนเลยเนี่ย
“ก็คืนนี้กัสบอกให้พี่ด้านอนกะกัสแต่มันไม่ยอมนอนด้วยง่าาาา”
“นี่มึงเมาแล้วปะเนี่ย ไอ้อ้วน” ผมหัวเราะ
“ม๊ายยย ม่ายมาววว ไม่เมาเหล้าแต่เมาร๊ากกก”
“พอเลยๆ ไอ้ตัวแสบ หันมานี่เลย ไม่ต้องไปอ้อนไอ้ต้ามัน พี่บอกแล้วว่าไม่ให้กินเหล้าเยอะ ยังไม่ทันไรก็เมาซะแล้วเห็นมั้ยเนี่ย พ่อกับแม่ก็นั่งอยู่ตรงนี้แท้ๆ” ไอ้ด้าลุกออกมาแกะตัวแฟนของมันออกจากแขนของผม
“กัสปวดฉี่อะ พี่ด้าพากัสไปฉี่เป็นเพื่อนหน่อย”
“เอออ ครับๆ มาๆ ลุก” ไอ้ด้าจับมือของไอ้อ้วนแล้วก็ดึงมันให้ยืนขึ้น “เฮ้ออ มันพูดอะไรของมันวะ ‘พาไปฉี่เป็นเพื่อนหน่อย’ เนี่ย” มันส่ายหน้าพร้อมกับพึมพำเบาๆ ก่อนจะพาแฟนของมันเดินออกจากโต๊ะอาหารไป
ผมว่าภาพของไอ้ด้าที่เดินจูงมือไอ้อ้วน ซึ่งตัวใหญ่กว่ามันเยอะเดินเข้าไปในบ้านนี่ก็ดูเป็นภาพที่น่ารักและน่าตลกดีเหมือนกันนะ
“แม่งไม่ได้เมาหรอก มึงเชื่อกูปะ” ไอ้อาร์มพูดขึ้น “ไอ้เหี้ยนี่แม่งแผนสูง กูรู้สันดานน้องกูดี แม่งแรดจะตายห่า กูว่าไม่พ้นคืนนี้ไอ้ด้าก็ต้องนอนที่นี่แล้วก็โดนไอ้เชี่ยอ้วนแดกตามแผนของมันแน่นอน คอยดู”
“แล้วมึงรู้ได้ไงว่าคนอย่างไอ้ด้าจะไม่รู้ทันน้องมึง”
“เออออว่ะ กูก็ไม่ทันคิดนะเนี่ย เพราะกูก็คิดแต่ว่าไอ้อ้วนมันแรดและจ้องอยากจะแดกไอ้ด้ามาตั้งนานแล้วแต่ไอ้ด้าไม่ยอมสักทีเนี่ย”
“แรดเหมือนพี่มันอะเหรอวะ”
“ไม่เหมือนเว้ย กูไม่รู้จักคำว่าแรดหรอก กูรู้จักแต่คำว่ารัก” มันยิงฟันกว้าง
“กูจะอ้วก”
“อ้วกได้ แต่อย่าไอนะ...” มันทำเสียงเลียนแบบโฆษณา
“พอแล้วไอ้เหี้ย!! ฮ่าๆๆ!”
“แหมๆ สองคนนี้ก็มีความสุขกันอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเองอย่างเดียวเลยนะ”
“แม่ ลูกแม่มันลิเกอะ! เสี่ยวสุดๆ!” ผมหันไปฟ้องแม่ของไอ้อาร์มที่เดินเข้ามาหาเราสองคน
“ก็เหมือนพ่อมันนั่นแหละ” แม่ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน “ว่าแต่คืนนี้ต้านอนบ้านนี้กับแม่นะลูก ใช่มั้ย”
“นอนกับแม่อะไรล่ะ มันต้องนอนกับอาร์มสิ มันเป็นของอาร์มนะ ไม่ใช่ของแม่”
“ย่ะ! คราวหลังก็หัดดูแลคนรักของแกให้มันดีๆ ก็แล้วกัน”
“แน่นอน ไม่เชื่อแม่คอยดูได้เลย” ไอ้อาร์มยักคิ้วข้างขวาสองที
“แล้วฉันจะคอยดู ถ้าแกทำลูกฉันคนนี้เสียใจอีกนะ ฉันจะตัดไข่แกก่อนแล้วค่อยตัดแกออกจากกองมรดก!”
“งั้นคงไม่มีวันนั้นหรอกแม่ เชื่ออาร์มดิ” ไอ้อาร์มหันมายิ้มให้กับผม “มึงมานี่หน่อยมา ไปกับกูหน่อย”
“ไปไหนวะ”
“ห้องกู แป๊บนึง”
ผมกับมันสองคนขอตัวแม่และเดินหลบเข้าไปในบ้าน ก่อนจะตรงขึ้นไปยังชั้นสองและเดินเข้าไปในห้องของมัน
“เฮ้ออออ... จริงๆ อยู่กันลำพังแบบนี้ก็สบายใจดีนะ วุ่นวายกันมาแทบทั้งวันละ” ไอ้อาร์มเหยียดตัวนอนลงบนเตียง “มานี่มา!”
“เฮ้ยยย!” ผมถูกมันดึงล้มให้ลงไปนอนทับบนตัวของมัน
“นี่... มึงรักกูมั้ยวะ ไอ้ต้า”
“ถามควายๆ นะมึง”
“แล้วรักมั้ยล่ะ”
“ก็ต้องรักสิวะ ถามได้”
“กูก็เหมือนกัน” มันจุ๊บลงบนริมฝีปากของผมเบาๆ “ก่อนนี้กูไม่เคยคิดเลยนะว่าตลอดเดือนนึงที่ผ่านมา พอกูได้อยู่กับมึง และตัดคนอื่นๆ ที่เคยสร้างแต่ปัญหาให้กู ออกไปจากชีวิตแล้วเนี่ย กูจะรู้สึกสบายใจขนาดนี้อะ”
“ตัดหมดเลยเหรอวะ คนที่มึงเคยบอกว่ารักม๊ากมากสองคนนั้นก็ด้วยน่ะนะ”
“ก็เออสิวะ กูเคยบอกมึงไปแล้วไง”
“เออ กูรู้ กูแค่แซวเล่นเฉยๆ” ผมจุ๊บลงบนหน้าผากของมันเบาๆ
“ไม่เอา ไม่จุ๊บหน้าผากดิ จุ๊บนี่ ตรงนี้” มันทำปากจู๋
“ทุเรศว่ะ!” ผมหัวเราะ “กูก็ไม่เคยคิดเหมือนกันเหอะว่าพอได้อยู่กับมึงจริงๆ แบบนี้แล้วถึงจะรู้ว่ามึงแม่งโคตรปัญญาอ่อนเลยน่ะ”
“แล้วหลังจากนี้มึงจะยังอยู่กับกูต่อไปตลอดมั้ยวะ”
“หืออ กูมีทางเลือกอื่นด้วยเหรอวะ”
“ไม่มีอะ เรียนจบแล้วมึงก็ต้องอยู่กับกู ทำงานแล้วก็ต้องอยู่กับกู กูจะไม่ให้มึงไปไหนทั้งนั้นแหละ”
“เออ กูรู้หรอกน่า เพราะกูเองก็ไม่คิดว่ากูจะไปไหนแล้วเหมือนกัน... ก็กว่าจะได้มึงมาเป็น ‘คนรัก’ แบบนี้ กูต้องลำบากมาตั้งขนาดไหนนี่หว่า ต้องทนเจ็บปวดตอนเห็นมึงไปคบคนนั้นคนนี้มาตั้งนาน ต้องยอมเจ็บตัวตั้งเท่าไหร่กว่ามึงจะรู้ตั...”
“ชู่วววว...” มันรีบยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะลงบนริมฝีปากของผม “ไม่เอา ไม่พูดเรื่องพวกนั้นแล้วนะ เราสัญญากันแล้วไงครับ ที่รัก”
ผมยิ้มน้อยๆ “คร้าบๆ... ที่รัก”
“ดีมากกก เอ้า! ลุกหน่อยซิ กูมีอะไรอยากให้มึงด้วยนะ”
ผมพลิกตัวเป็นนั่งลงข้างๆ มันแทน “อะไรวะ”
มันลุกขึ้นออกจากเตียงแล้วเดินไปหยิบของเล็กๆ บางอย่างขึ้นมาจากบนโต๊ะ จากนั้นก็เดินกลับมานั่งลงข้างๆ ผม
“ขอมือขวาหน่อย เร็ว”
ผมทำตามที่มันสั่งอย่างว่าง่าย จากนั้นมันก็สอดแหวนสีเงินวงหนึ่งเข้ามาในนิ้วนางของผม
“ใส่ให้กูด้วยสิ” มืนยื่นแหวนอีกวงให้กับผม พร้อมกับยื่นมือข้างขวามาให้ผมด้วย
ผมสอดแหวนแบบเดียวกันลงไปในนิ้วนางของมันพร้อมด้วยหัวใจที่พองโต
“มึงให้แหวนกูเหรอวะ ไอ้อาร์ม”
“เออ แต่อันนี้เป็นแค่ของแทนคำสัญญาเฉยๆ นะเว้ย เอาไว้เราเรียนจบเมื่อไหร่ กูจะขอ ‘หมั้น’ มึง จริงๆ ดีๆ อีกครั้งก็แล้วกัน อันนี้ก็แค่ใส่ไว้ให้รู้ว่าเราเป็นของกันและกันไปก่อนพอ... เอ่ออ แค่นี้จะได้มั้ยวะ ไอ้ต้า” มันถามผมด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ “คือกูก็ไม่อยากจะเร่งรัดอะไรมึงมากอะ แล้วกูก็รู้ด้วยว่ากูมันดูตอแหล มึงก็คงยังไม่ค่อยอยากจะเชื่ออะไรกู กูก็เลยอยากจะใช้เวลานานๆ พิสูจน์อะไรหลายๆ อย่างให้มึงรู้น่ะ”
“เกินพอซะด้วยซ้ำ ไอ้อาร์ม!” ผมเหวี่ยงแขนขึ้นกอดมันเอาไว้ทันที “ขอบใจเว้ย... ขอบใจจริงๆ ขอบใจสำหรับทุกอย่าง กูเชื่อมึง กูเชื่อว่ามึงรักกู และกูก็รักมึงเหมือนกันนะเว้ย รักมากๆๆ เลยด้วย”
“กูก็รักมึงเหมือนกัน ไอ้ต้า ขอบใจที่ไม่เคยหมดศรัทธาในตัวของกู ขอบใจที่อยู่เคียงข้างกูตลอดมาและทำให้กูเข้มแข็งขึ้นได้อย่างในทุกวันนี้นะ” มันค่อยๆ ดันตัวของผมออกช้าๆ “เราจะอยู่ด้วยกัน เราจะมีกันและกันแบบนี้ตลอดไปนะ ‘คนรัก’ ของกู”
มันจับไหล่ทั้งสองข้างของผมเอาไว้และชะโงกหน้าเข้ามาหาผมอย่างช้าๆ ผมค่อยๆ หลับตาลง จากนั้นริมฝีปากของเราสองก็สัมผัสกันอย่างแผ่วเบา
น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมาจากดวงตาของผม ต่อแต่นี้การรอคอยของผมได้สิ้นสุดลงแล้ว...
......................(จบจ้า)......................
ความรักของ 2 คนนี้คืออะไร...?