ตอน 7
วันนี้บ้านสกุลอี้เหวินดูร้อนรนทั้งบ้านทั้งๆที่เมื่อวานเพิ่งมีงานมงคลแท้ๆ
สาเหตุคงเป็นเพราะหย่งอี้ที่หายออกไปจากบ้านตั้งแต่เมื่อคืน
“ต้าหยางเจ้าดูแลยังไงถึงเป็นแบบนี้”
อี้เหวินหลงพูดด้วยเรียบเฉย แต่ใครๆก็รู้ว่าถ้าคุณชายใหญ่มีท่าทางเช่นนี้แปลว่ากำลังโกรธ
“ข้าน้อย ข้าน้อยผิดไปแล้วขอรับ คุณชายได้โปรดอภัยด้วย”
“หึ ข้าไม่สั่งโบยเจ้าก็ดีเท่าไหร่แล้วถ้าหย่งอี้เป็นอะไรไปเจ้าเตรียมตัวไปนอนคุยกับไส้เดือนได้เลย!!!”
“อาหลง เจ้าก็อย่าไปว่ามันเลยถ้าหย่งอี้คิดจะหนีใครก็ขวางไม่ได้ เจ้าก็รู้นิสัยน้องเจ้าดี”
เถ้าแก่เฉินที่นั่งดูแลฮูหยินที่เป็นลมอยู่หลังจากที่ได้รู้ข่าวหย่งอี้ พูดขึ้น
“นายท่าน คุณชายหวันเอี้ยนเหว่ย มาขอพบขอรับ” พ่อบ้านเข้ามารายงาน
“บอกไปว่าข้าไม่รับแขก” เถ้าแก่เฉินบอก
“แต่ คุณชายยืนยันว่าวันนี้ต้องขอเข้าพบนายท่านให้จงได้ขอรับ”
“ถ้าเช่นนั้นก็เชิญเขาเข้ามาเถิด”
“คารวะ เถ้าแก่เฉิน ฮูหยิน”
“ตามสบายเถิดคุณชาย ท่านมาหาข้ามีธุระอันใดเล่า”
“ถ้าจะมาพบหย่งอี้ก็กลับไปซะ!!” เป็นอี้เหวินหลงที่พูดขึ้นด้วยท่าทางคุกคาม
หลี่คังที่อยู่ข้างนอกไม่พอใจจนต้องออกโรงปกป้องผู้เป็นนาย
“สามหาว!! เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านผู้นี้เป็นใครเหตุใดจึงเสียมารยาทกับท่านอ๋องเช่นนี้”
“หลี่คัง!!! ข้าสั่งให้เจ้าพูดแล้วหรือ” หวัยเอี้ยนเหว่ยตักเตือน คนสนิท
ที่เสียมารยาทเพราะเดิมทีเขาเพียงแต่มาขอน้องชายคืนเท่านั้นไม่ได้ต้องการเปิดเผยฐานะที่แท้จริง
“ข้าต้องขออภัยด้วยที่คนของข้าเสียมารยาท”
“นี่มันเรื่องอันใดกัน ท่านเป็นใครกันแน่” เถ้าแก่เฉินเอ่ยถาม
“เมื่อมาถึงขั้นนี้ข้าคงไม่อาจปิดบังท่านได้อีก จริงอย่างที่หลี่คังพูด ข้าคือเหว่ยเทียนอ๋องแห่งหนี่เจิน ที่มาท่านวันนี้เพียงแค่มาขอน้องชายคืนเท่านั้น”
“น้องชาย ใครกัน”
“น้องชายข้าก็คือหย่งอี้ของพวกท่านอย่างไรเล่า เดิมทีหย่งอี้คือ หวันเอี้ยนจิ้ง น้องชายแท้ๆของข้าแต่เมื่อ10ปีก่อนครอบครัวข้าถูกปองร้ายจากพวกกบฏทำให้น้องจิ้งพลัดหลงกับครอบครัว”
“ข้าไม่เชื่อหย่งอี้ป็นคนสกุลอี้เหวิน ไม่ใช่คนอื่น” อี้เหวินหลงพูดขึ้นหลังจากที่เงียบไปนาน
“ถ้าเช่นนั้น ข้าขอถามคุณชายหนึ่งข้อ ว่า ที่ท่านตั้งชื่อน้องจิ้งว่าหย่งอี้ เพราะเขามีรอยสักอักษร คำว่า “หย่ง”(กล้าหาญ)และ
”อี้”(คุณธรรม) ที่ไหล่ขวาใช่หรือไม่”
“ท่านรู้ได้อย่างไร” อี้เหวินหลงถึงกับตะลึงไปแล้วเพราะเรื่องนี้มีแค่เขากับหย่งอี้เท่านั้นที่รู้
“นั่นเพราะข้าก็มี องค์ชายแห่งหนี่เจินทุกคนต้องสักอักษรสองคำนี้ที่ไหล่ขวา เพื่อให้เรายึดถือเป็นหลักปฏิบัติอย่างไรเล่า ทีนี้ท่านคงเชื่อข้าแล้วหวังว่าท่านจะคืนน้องชายให้ข้าได้เสียที”
“คงไม่ได้หรอกเพราะ หย่งอี้หนีออกจากบ้านไปแล้ว” เถ้าแก่เฉินพูดอย่างเศร้าสร้อย
“ข้าอยู่นี้ ท่านพ่อ” เสียงหนึ่งดังขึ้นที่หน้าประตูพร้อมกับการปรากฏตัวของร่างบาง
“หย่งอี้” อี้เหวินหลงอุทานด้วยความดีใจก่อนจะวิ่งเข้าไปหาร่างบางที่แสนเป็นห่วง
แต่ไม่อาจเข้าใกล้ได้เพราะหลี่คังออกมาขวางไว้
“กรุณาให้เกียรติอ๋องน้อยด้วย ท่านผู้นี้คือ อ๋องน้อยหวันเอี้ยนจิ้ง มิใช่หย่งอี้น้องชายท่านอีกต่อไปแล้ว”
“หย่งอี้ เจ้าเป็นเจ้าจริงๆหรือ” ฮูหยินกล่าวทั้งน้ำตา
“ใช่แล้วเป็นข้าเอง ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่ วันนี้หย่งอี้มาลา คงถึงเวลาที่ข้าจะกลับบ้านเสียที บุญคุณที่พวกท่านดูแลข้ามา หากมีโอกาสข้าคงมาตอบแทน”
“อย่าได้พูดเช่นนั้นเลยหย่งอี้ พ่อกับแม่ไม่เคยคิดว่าเจ้าเป็นคนอื่นจำไว้นะลูกเจ้าคือลูกชายของพ่อกับแม่ตลอดไป”
ฮูหยินว่าพลางกอดหย่งอี้แน่น
“น้องจิ้ง ถึงเวลาแล้วหนทางจากเมืองฮู๋ซวงถึงหนี่เจินนั้นไกลนัก เราเร่งออกเดินทางกันเถิด”
“ข้าเข้าใจแล้วพี่เหว่ย”
“ได้โปรดรอก่อน ข้าขอเดินทางไปกับพวกท่านได้หรือไม่ ข้าอยากจะไปส่งหย่งอี้แม้เพียงนอกด่านก็ยังดี”
อี้เหวินหลงพูดขึ้น ก่อนจะเสมองร่างบางที่แทบไม่สบตากับเขาเลย เจ้าจะจากพี่ไปจริงๆหรือหย่งอี้
เจ้าไม่รักพี่ใหญ่แล้วหรืออย่างไร
“เรื่องนี้ข้าขอให้น้องจิ้งเป็นผู้ตัดสินใจ”
“ถ้าคุณชายอยากไปคงไม่มีใครห้ามได้ แต่ข้าขอเพียงให้ส่งถึงนอกด่านเท่านั้น” หย่งอี้พูดก่อนจะเดินออกมาทันที
พี่ใหญ่ ท่านจะทำร้ายข้าไปถึงเมื่อไหร่กัน ข้าเจ็บปวดเหลือเกิน ร่างบางได้แต่คิดในใจ
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยว่าบรรยากาศระหว่างอ๋องน้อยกับคุณชายอี้เหวินมันเงียบผิดปกตินะขอรับ”
หลี่คังพูดกับผู้เป็นนายหลังจากที่หยุดพักม้า
“เฮ้อ เรื่องนี้ข้าคงช่วยอะไรไม่ได้หรอก หลี่คังต้องปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเอง”
หวันเอี้ยนเหว่ยพูดพลางมองไปที่สองคนที่นั่งไม่พูดไม่จาตั้งแต่ออกจากบ้านสกุลอี้เหวินมา
“ไปเถอะ หนทางยังอีกไกลนัก” หวันเอี้ยนเหว่ยบอกกับอีกสามคนที่เหลือ
บรรยากาศของการเดินทางแม้จะอยู่ท่ามกลางธรรมชาติแต่กลับเงียบเหงาจน
หวันเอี้ยนเหว่ยลอบถอนใจพลางคิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่น้องแอบไปหาเขาที่โรงเตี้ยม
แม้เขาจะดีใจที่ได้พาน้องกลับบ้านแต่อีกคนเล่า อยากกลับจริงๆหรือ
พลัน!! ร่างหนาก็รู้สึกถึงความเงียบผิดปกติ มันเงียบเกินไป!!! เพราะแม้จะเป็นหน้าผาสูง
แต่ก็ควรจะมีเสียงสัตว์บ้างแต่นี่มันเงียบจนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
“หยุดม้า” ร่างหนาเอ่ยบอกคนที่เหลือ หลี่คังและอี้เหวินหลงสังเกตถึงความผิดปกติทำให้ทั้งสองรีบเข้าประกบหย่งอี้ทันที
“หึหึ ฮ่าๆๆๆๆ ช่างเก่งกาจเสียจริงเหว่ยเทียนอ๋อง” เสียงหนึ่งดังขึ้นแต่เจ้าของเสียงยังไม่ปรากกฎกาย
“เจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงทำตัวเยี่ยงเต่าหดตัวออกมาสู้กันเยี่ยงลูกผู้ชายดีกว่า”หลี่คังบอกออกไป
“ได้ๆๆ ” เสียงนั้นตอบก่อนจะปรากฏตัวตรงหน้าคนทั้งสี่
“ท่านอา” หวันเอี้ยนเหว่ยพูด ที่แท้คนๆนนี้คือ อาของเขา หวันเอี้ยนคัง
“เจ้ายังจำข้าได้หรือหลานรัก ”
“เมื่อ10ปีก่อนเจ้าเคยทำร้ายข้าไว้อย่างไรวันนี้เจ้าเตรียมตัวรับกรรมได้เลย ฮ่าๆๆๆ”
หวันเอี้ยนคังหัวเราะอย่างคนเสียสติก่อนจะพุ่งเข้าใส่หวันเอี้ยนเหว่ยทันที
ทั้งสองสู้กันอย่างสูสี แม้ หวันเอี้ยนเหว่ยจะอายุยังน้อยแต่ก็ถือว่าเป็นผู้เยี่ยมยุทธคนหนึ่ง
แต่จิ้งจอกก็ยังคงเป็นจิ้งจอกอยู่วันยันค่ำเมื่อหวันเอี้ยนคัง ใช้อุบายแกล้งแพ้จนร่างหนาชะล่าใจก่อนจะซัดอาวุธลับใส่ทันที
“พี่เหว่ย” ร่างบางตะโกนก่อนจะเอาตัวเองบังร่างหนาไว้จนถูกอาวุธลับปักเข้าที่หน้าอกซ้าย
“น้องจิ้ง/น้องเล็ก” หวันเอี้ยนเหว่ยและอี้เหวินหลงตะโกนแทบจะพร้อมกันก่อนจะวิ่งไปหาร่างบาง
แต่ช้ากว่าจิ้งจอกเฒ่าที่คว้าไปก่อน
“หยุด ถ้าพวกเจ้าเข้ามาอีกก้าวเดียวข้าจะฆ่าน้องชายพวกเจ้าซะ”
“ท่านอา ท่านอย่าทำร้ายน้องจิ้งนะ ข้าขอร้อง”
“ขอร้องเหรอ เจ้าจำได้หรือไม่ว่าเมื่อ10ปีก่อนข้าเคยขอร้องให้เจ้าไว้ชีวิตลูกข้า แต่เจ้ากลับฆ่าเขาอย่างเลือดเย็น”
“นั่นเป็นเพราะลูกชายท่านมักใหญ่ใฝ่สูง ริอาจก่อกบฏจึงต้องโทษประหารชีวิต”
“หึหึ ฮ่าๆๆ ได้วันนี้ข้าจะฆ่าน้องชายเจ้าเหมือนกันดูสิ ว่าเจ้าจะทุกข์ทรมานเพียงใด”
หวันเอี้ยนคังมัวแต่นึกว่าตนเป็นต่อ ไม่ทันระวังตัวจนอี้เหวินหลงเห็นโอกาสดีจึงซัดมีดสั้นออกไป
ฉึก! มีดสั้นปักเข้าที่หน้าผากของจิ้งจอกเฒ่าทันที
“เจ้า ” หวันเอี้ยนคังพูดอย่างแค้นใจก่อนจะสิ้นลม
“หย่งอี้” ร่างสูงรีบวิ่งเข้าไปประคองน้องน้อยทันที
“พี่ใหญ่ อย่าเข้าอาวุธของมันมีพิษ” ร่างบางรีบห้ามทันทีเพราะเขารับรู้ได้ถึงพิษที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
“ไม่ พี่จะรักษาเจ้าเองนะหย่งอี้”
“อย่าเลยพี่ใหญ่ข้ารู้ตัวดี”
“อย่าพยายามเลยคุณชายอี้เหวิน พิษชนิดนี้เราชาวหนี่เจินรู้จักดี มันไม่ทางรักษาคนที่ถูกพิษจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน2ชั่วยาม”
หลี่คังบอก ไม่ใช่เขาและท่านอ๋องไม่เศร้าใจแต่พิษ หมื่นบุบผา นี้ไม่เคยมียารักษา
“ไม่จริง หย่งอี้” ร่างสูงรวบร่างบางเข้าสู่อ้อมกอดทันที ไม่จริงหรอกหย่งอี้จะตายได้อย่างไร เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
“พวกท่านอย่าได้เศร้าใจไปเลย ”
“พี่เหว่ย ข้าดีใจที่มีท่านเป็นพี่ชายแม้ข้าจะรู้ความจริงได้ไม่นาน แต่ข้าก็รักท่านมาก ขอบคุณที่ท่านยังรักและตามหาน้องคนนี้เสมอมา” ร่างบางพูดก่อนจะยิ้มให้ร่างหนา
“พี่ใหญ่ ตลอด10ที่อยู่กับท่าน ข้ามีความสุขมาก แม้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าแต่ข้าเพียงอยากจะบอกว่า ข้ารักท่าน ท่านคือ คนๆเดียวที่ข้ารักแม้จะเป็นวันสุดท้ายของชีวิตข้าก็รักท่านไม่เปลี่ยนแปลง”
ร่างบางยิ้มทั้งน้ำตาก่อนจะตัดสินใจใช้แรงเฮือกสุดท้ายผลักร่างสูงออกไป
“เจ้าจะทำอะไรหย่งอี้”
“พี่ใหญ่ พี่เหว่ย หย่งอี้ลาก่อน” ร่างบางบอกก่อนจะกระโดดลงจากหน้าผาทันที
ลาก่อน พี่ใหญ่ ลาก่อนความรัก ถ้าชาติหน้ามีจริงข้าก็ขอเกิดมารักท่านอีก
เพียงแต่อย่าให้ข้าต้องทุกข์ทรมานเหมือนชาตินี้เลย
มาม่าอีกแล้ว
หุหุ ใกล้จบแล้วนะเรื่องนี้ อิอิ
ว่าแต่ หย่งอี้ จะเป็นไงบ้างน๊า