บทที่35
ไม่กลับ
..........................................................................
หมิงtalking
……………………………………………………………………….
กันต์เพื่อนรักหายไปจากสารระบบ นี่ให้ทำอะไรในวันเปลี่ยนๆคนเดียวล่ะเนี่ย คืนวันศุกร์มันต้องให้เพื่อนเต็มร้อยแล้วหายหัวไปแบบนี้มันไม่ใช่นะเพื่อนรัก จะคิดว่าไปกับธามนี่ก็ไม่แน่ใจ ไอ้ครั้นจะลงไปหาน้องก็เกรงใจเพื่อน คิดไปก็สับหมูไปด้วยความหงุดหงิด ทำไมมีแต่คนทิ้งผม นายไปเที่ยวกับที่บ้าน บอกว่าโทรมาตายห่าแน่ ผมก็เลยไม่โทร ส่งข้อความไปแทน อยากพูดอะไรก็ส่งไปตอนนี้ยังส่งไม่ครบเลย ส่งไปแค่สิบฉบับ แต่หิวเลยมาผัดข้าวกินก่อน มีอะไรก็ใส่ไปครับ สบายๆ คว้าเหล้าได้ก็เทมันลงไป ใส่ชอสแถวๆนั้นแหละ ถั่วลันเตา อัลม่อนอะไรผมก็ใส่หมด สรุปเครื่องมากกว่าข้าว...
ข้าวผัดโคตรพ่อโคตรแม่รวมมิตรสูตรสิงคโปร์เมดอินไทยแลนนด์
“ใช่ได้ๆ” กินเอง ชมเอง อิ่มเอง มือขวาตักข้าวมือซ้ายกดส่งข้อความหานายต่อ
กดไปได้ไม่ทันจบข้อความ ทายซิใครโทรมา
“หนีห่าว” ทักทายครับ พ่อแม่สอนมาดี
“ห่าวพ่อมึงดิเจ๊ก ส่งข้อความมาขนาดนี้ มึงจะฆ่ากุหรือไง” นายมักมาแบบโหดร้ายเสมอครับ เสียงเหมือนหลบมาคุยคนเดียว ได้ยินเสียงจากภายนอกเบาๆเป็นแบคกราวที่น่ารักประกอบเสียงแข็งๆ
“ไม่ได้ฆ่า ก็บอกว่าไม่ให้โทรอ่ะ” ผมทำผิดตรงไหนเหรอ
“กวนตีนกุใช่ป่ะ จะเอาใช่ป่ะ” เรื่องท้าตีท้าต่อยขอให้บอกนายนะครับ ไม่เคยกลัวโรงพัก ไม่เคยกลัวใคร ไม่เคยกลัวตาย กลัวแต่ไม่ได้โดน
“ก็มันเบื่ออยู่คนเดียวอ่ะ นายไม่สนใจ เลยเรียกร้องความสนใจอยู่” ยิ้มหน้าบานพูดไปกินไปแต่นายไม่รู้หรอกแต่นายอาจจะจินตนาการจากเสียงของผมไปแล้ว
“ไอ้หมิง”
“นาย” เป็นอีกคำที่ผมว่าผมพูดชัดแจ๋ว
“เดี๋ยวก็กลับแล้วเว้ย” เสียงหงุดหงิดๆตามสไตล์ ฟังมากๆก็ชวนให้น้อยใจไปในตอนแรกๆ แต่จนถึงตอนนี้เป็นอะไรที่ขาดไม่ได้แล้วแหละ
“อยากไปเที่ยวกับนายบ้าง” ผมพูดเสียงอ่อยๆ เรียกร้องความเห็นใจ อ้อนตีนไปวันๆ
..........................................................................
นาย talking
………………………………………………………………………………………
ให้เลี้ยงหมา เลี้ยงแมว เลี้ยงเด็ก เลี้ยงจระเข้ เลี้ยงอะไรก็ไม่เหนื่อยเท่าเลี้ยงแรงงานต่างด้าว นี่ผมต้องทำไงกะมันดีเนี่ยฮะผมนั่งกินเบียร์กับน้องสาวที่มุ่งมั่นจะเป็นน้องชายริมหาด แต่ไอ้เสียงคลื่นก็ไม่ได้กลบเสียงข้อความในมือถือที่เข้ามาเป็นระยๆจนไอ้นาฏเริ่มคุกคามชีวิตผม
“โหยยยย โหดไปป่ะเห้ย” ไอ้นาฏเสือกไม่เข้าเรื่อง
“เดี๋ยวก็น้อยใจหนีกลับสิงคโปร์หรอก”
“เดี๋ยวมันก็กลับมาเอง” ผมตอยน้องสาวหงุดหงิดๆ บอกไม่ให้โทรมาส่งข้อความมาแทน ถี่ขนาดนี้ กวนตีนกันนี่กว่า ผมลุกขึ้นคว้าโทรศัพท์เดินไปอยู่ในมุมมืดของบังกะโล ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมุมมืดเหมือนกัน โทรหามันซึ่งก็รับรวดเร็วตามที่คาดเอาไว้ ยังจะมาทักผมเป็นภาษาจีนอีก ตั้งแต่รู้จักมันมานี่ก็เรียนรู้ไปหลายอย่างละ โดยเฉพาะความอดทน กับการที่ต้องเป็นพี่ว้ากไปตลอดชีวิตเพราะมัน ส่วนที่ไม่ได้เรียนรู้อย่างเดียวคือเรื่องทำอาหาร ทำทำไมเมื่อมันก็ทำให้กินอยู่ดี
“..อยากไปเที่ยวกับนายบ้าง” ไอ้เสียงหงอยๆแบบนี้อีกแล้ว
“ไปกะมึงเนี่ยนะ” คิดก็ฮาแล้ว คงเป็นทริปที่โคตรปวดหัวเลย ไม่ล่ะๆ
“ไปกะเรามันไม่ดีตรงไหนเนี่ย มีแต่คนอยากไป มีนายคนเดียวแหละไม่ไป”
“ก็ไม่อยากเหมือนคนในสต๊อกมึงไง”
“โอ้ยยยยย ใครจะไปสู้พี่คร๊าบบบบ” ผมอดยิ้มไม่ได้กับประโยคสำเนียงจีนๆของมัน ยังจะมาประชดนะมึง
“กุรักสงบเว้ย” ผมนั่งยองๆหลังพิงต้นมะพร้าวแทน ยืนมาก เมื่อยนะ
“ทะเลเป็นไงบ้าง” ถามแปลกๆ พูดเกมือนไม่เคยเห็น
“ก็มีน้ำ มีทราย มีลมอ่ะดิ มึงก็ถามโง่นะเจ๊ก” ผมก็ตอบไปแบบ ก็ถามแบบนี้กุก็ตอบแบบนี้ล่ะ ไอ้หมิงส่งเหมือนเหมือนไม่พอใจในคำตอบ
“ไม่ใช่ๆ หมายถึงสนุกไหม อาหารเป็นไง ระวังนะเด่ยวท้องเสีย ที่จริงแค่ยากกินของสดๆบอกเราก็ได้เหอะ ทำให้กิน”
“ไม่อ่ะ มึงชอบทำให้กุกินฟรี เปลือง กุเลี้ยงสาวยังไม่ขนาดมึงเลย” ผมปฏิมันเหมือนทุกครั้ง มีอะไรที่ผมไม่ปฏิเสธมันบ้างเนี่ยมาคิดๆดูก็ชักจะหาไม่ค่อยเจอ มีแต่ปฏิเสธแต่มันไม่สนใจ
“ไอ้เลี้ยงสาวที่ว่าอ่ะมันกี่ปีมาแล้วเหรอนาย ฮ่าๆๆๆ” ดูมันย้อนดิ
“เพราะมึงเลยนะไม่ต้องมาหัวเราะ แล้วนี่มันกี่โมงแล้วมึงไปนอนไป” สามปีแล้วที่ไม่ได้เลี้ยงใคร เพราะอยู่แต่กับมันเนี่ย ตัวไม่อยู่แต่เหมือนมันส่งอะไรมารังควาญผมตลอดเวลา ไอ้ประสาท ไอ้ต่างด้าว มึงนี่มันรุงรังจริงๆ
“นี่ยังไม่ดึกเท่าไหร่เลย”
“เดี๋ยวมึงก็ตื่นตีห้ามาวิ่ง มึงนอนพอหรือไง ไปนอน”
“ห่วงอ่ะดิ”
“ถ้ามึงไม่จะตายทีไรก็โทรเรียกกุไปกู้ชีพกุก็ไม่สนใจมึงหรอกนะ สำนึกซะ” รอบที่แล้วก็เกือบตายไปทีนึงไม่สำนึก โดนหมอหมาฉีดยายังไม่รู้สึก รอบหน้ากุฉีดเองแน่ เอาแม่งให้เข็มหักคาไปเลย
“ก็เดี๋ยวจะไปนอนแล้ว งั้นไม่กวนแล้วนะ”
“มึงอย่ามาพูดอะไรที่มึงทำไม่ได้” ไม่กวน กุไม่เชื่อมึงหรอกไอ้หมิง มึงอ่ะตัวกวนชัดๆ
“หมายถึงไม่กวนวันนี้”
“เออ พูดให้มันครบ”
“รักนายนะ” ฟังมา3ปีแล้วนะกุ...
“เออ” ตอบแบบเดิมมา3ปีแล้วเหมือนกัน
“พรุ่งนี้โทรมาหาอีกนะ”
“มากไปป่ะ” วอนแล้วมึง ค่าโทรศัพท์กุแพงนะ
“นะ”
“เออ” สุดท้ายก็ต้องยอมมัน ถ้าไม่โทร เดี๋ยวมันก็รัวข้อความมาอีก ผมเก็บมือถือลงกระเป๋า มองไอ้ข้อความที่มันส่งมาแล้วก็อยากเตะสัก 10ข้อความ มันส่งมาว่า
‘นายอยู่ไหน นายทำอะไร นายโทรหาหน่อย’
ข้อความเนื้อหาใจความประมาณนี้แหละ ไม่ได้มีสาระอะไรไปกว่านี้เลยสักนิด กุบอกไม่ให้มึงโทรหา มึงเลยส่งข้อความให้กุโทรหาเหรอ ไอ้หอกหัก กวนตีน และเป็นสไตล์จนไม่รู้จะด่าว่าอะไรดี
...
พี่กันต์จัง talking
…………………………………………………………………………
ผมจำได้ว่าเคยมีรู้จักคนนึงเป็นชายหนุ่มเชื้อสายละตินรูปร่างแบบจับผมข่มขืนได้ภายใน3นาที เขาฟันหญิง ชายมานับไม่ถ้วนแล้วสุดท้ายกลับมาได้รักแท้แพ้ชายด้วยกัน แต่เรื่องราวมันกลับดราม่าเมื่อหนุ่มละตินหันมารักชายแต่ไม่ได้ชาย ชายที่เค้ารักก็เป็นผู้ชายนี่แหละ ไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อน ไม่เคยคิดฝันว่าต้องมานัวเนียกับผู้ชายด้วยกัน ชายคนนั้นจึงรักด้วยใจไม่ให้กาย เพราะทนไม่ได้ที่ต้องถูกใครเสียบ ความรักอันแสนพิสดารของหนุ่มละตินและชายหนุ่มผู้หวงประตูก็เริ่มขึ้น เมื่อหนุ่มละตินที่รูปร่างอธิบายคำเดียวว่าเทียบกับผมแล้วผมดูบางไปเลยได้แต่เล่นว่าวกับตัวเองอย่างทุกข์บนสุข เพราะไม่อยากขืนใจคนรัก
จะทนได้ไหมถ้าผู้ชายคนนั้นรักเรามากแต่เค้าไม่ยอมมีอะไรด้วย เพราะเค้าบอกเค้าเป็นผู้ชาย…
ไอ้บึ้กผู้ชักว่าวตลอดกาลเป็นเพื่อนผมมันถามผมหน้าตาเครียดในห้องสมุด คางเกยหนังสือกฎหมายเล่มหนา ส่วนผมนั่งดูซีรีย์ชุดที่ดูมารธอนมาหลายวันในโน้ตบุ๊ค เปรียบเทียบเอาแล้วกันกับคนเรียนนิติศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ สาระมันต่างกันเห็นๆ
“ถามแบบนี้กุตอบแบบไหนดีล่ะ ไม่มีใครเค้ายังไม่ยอมกุซะด้วย” ผมตอบมันทั้งๆที่ลูกตายังมองหน้าจอโน้ตบุค
“ตอบกุดีๆซิไชนีส” ผมล่ะเบื่อจริงๆไอ้เวลาที่ฝรั่งมันสับสนชาติกำเนิดผม มันเหมาคนเอเชียผิวขาวทั้งหมดเป็นคนจีน และคนเอเชียผิวคล้ำเป็นคนมาเลเซีย
“เค้าอาจจะเป็นเอดส์แล้วไม่บอกมึง เลยไม่อยากให้มึงฟักกะเค้า” ผมวิเคราะห์...
“กันต์ มึงช่าง...” ก่อนที่มันจะสบถใส่ผมผมยกมือเบรกก่อน ผมรู้จักแฟนมันดี แฟนมันเรียนหมอ เก่งนะ เสียแต่เค้าไม่ยอมให้มัน
“กุไม่รู้ว่ะ มึงก็ต้องดูว่ามึงรักเค้ามากขนาดไหน มึงทนได้ไหม อยู่ๆไปเดี๋ยวก็ได้เองมึง”
“กุเริ่มอึดอัด มึงเข้าใจกุป่ะวะ นอนกอดแฟนนะมึง แล้วได้แต่... เออน่ะแม่ง” หน้าตามันเจ็บปวดเหลือทน ดีแสนดี จะรอแฟนคนเดียว ตอนนี้เริ่มคิดจนเยี่ยวเหลืองแล้วล่ะมั้งเลยมาถามผมบ้าง
“ถ้าเป็นกุ กุทนนะ ก็กุรักเค้าอ่ะ ทำไงได้ แต่กุคงยั่วเค้าทุกวันว่ะ แม่งผู้ชายด้วยกันรู้ๆกันอยู่หรอก ทนได้นานแค่ไหนวะ ไม่ใช่นักบวชนะมึง” ผมอุตส่าห์พอสซีรีย์เพื่อปรึกษาปัญหาชีวิตมันเลยนะ เพื่อนผมมันทำหน้าหงอยๆ เปิดหนังสือกฎหมายท่อง เหมือนพยายามลืมๆไอ้เรื่องบนเตียงอันรันทดไป
..................................................................................................
จริงๆเหตุการณ์นี้ผมก็ลืมไปนานแล้ว เพื่อนคนนั้นก็ไม่รู้มันได้กับแฟนมันหรือยัง หรือแยกทางกันไปแล้วแต่อยู่ดีๆมานึกได้ตอนกำลังกึ่มมองไอ้หน้าเคราแพะที่นั่งชงเหล้า มันจะเป็นแบบนั้นไหม ผมไม่ใช่คนตัดสินจะรักใครเพราะเรื่องอย่างว่า แต่มันก็คงอคดอัดน่าดูถ้าเป็นแบบนั้น มองธามกี่ครั้งก็รู้สึกเหมือนเดิมทุกครั้งไม่ว่ายังไงก็ขอคนนี้ตอนนี้ก่อน ได้ไม่ได้ช่างมันขอให้รักก่อนได้ไหม... แก้มขาวเรื่อสีแดงชัดเพราะฤทธ์สุรา นิ้วเรียวยาวกับเล็บที่ตัดจนสั้นเพราะต้องใส่ถุงยาง เอ้ย ถุงมือยางทุกวัน สายตาที่เหลือบขึ้นมามองผมแบบรู้ทัน
“มองอะไร ยังไม่เมา กินเข้าไป คอแข็งก็ต้องกินแรงๆ จะได้เมาเท่าๆกัน” น้องมันร้าย แล้วผสมขนาดนี้ มอมผมเลยดีกว่า ลากขึ้นห้องถอดเสื้อผ้าไปเลย
“พี่เมาแล้วอาละวาดนะ” ผมขู่ ความจริงผมก็เมาแบบคนเมาปกตี่แหละ เมามากก็หลับ เมาไม่มากก็พูดจาแปลกๆ อาจจะสูญเสียสตินิดหน่อย แต่ไม่เรื้อนหรอก ไอ้ตัวเรื้อนไอ้หมิงโน่น
“อาละวาดไปซิ ธามเมาแล้วหลับ ไม่รู้เรื่องอยู่และ บ้านก็บ้านพี่กันต์ อะไรพังพี่กันต์ทำเอง” ไม่เคยกลัวเลยจริงๆนะธามนะ
“ไม่กลัวโดนพี่ลากขึ้นเตียงเลยเหรอ” ผมลองถามหยั่งเชิงดู
“รักธามไหมล่ะ” นี่กะจะบอกว่ารักก็รอใช่ไหมเนี่ย รอมาขนาดนี้ให้รออีกหน่อยไม่ตายหรอกน่า เห็นผมเป็นคนไงเนี่ย
“ธามถามอย่างเดียวธามไม่ตอบอ่ะ” ผมพูดพร้อมกับรับแก้วมาจากธาม ที่ยิ้มไปซดไป
“ก็ไม่ตอบ ยังไม่ตอบ รีบไปไหนยังไม่เช้าเลย” เออ... พูดแบบนี้ไปไม่ถูกเลยนะ ว่าแต่มันกึ่มแล้วพูดแบบนี้เหรอ ดีๆ กว่าจะถึงเช้าคงได้ยินอะไรเด็ดๆ
“อยู่ถึงเช้าเหรอ” เข้าทางกุแล้วไง แต่จะเข้าแทงไหมนั้นอีกเรื่อง (เสื่อม!)
“ขับรถกลับไม่ได้แล้ว ตายห่ากะเสาไฟปากซอยนี่แหละ” น้องยืนยัน โอ้ยยยย เมาเป็นเมาอ่ะกุวันนี้ ธามไม่กลับพี่ก็หลับไม่ได้
“ย้ายไปกินที่ห้องนอนป่ะ อาบน้ำก่อนไหมจะได้สบายตัว” ผมยื่นข้อเสนอที่ดีให้ธาม เผื่อธามจะสนใจ คนเมายุง่ายนะ ผมยิ้ม ธามวางแก้วกระพริบตาปริบ ทำหน้าเหมือนนึกได้
“เออว่ะ ธามมีเสื้อผ้าพกหลังรถอยู่และ ยืมผ้าเช็ดตัวหน่อยนะ” แล้วธามก็ลุกขึ้นเฉย... ผมงี้แทนจะเดินนำไปไม่ทัน คิดเร็วทำเร็วดีจริงพอกึ่มๆเนี่ย
นี่ถือเป็นพัฒนาการแสนก้าวกระโดดจนผมแทบรับไม่ทัน ไอ้หมิงอาจจะอิจฉาผมก็เป็นได้ เพราะว่านี่มันถึงขนาดเข้าห้องนอน ผมจะเล่ามันแค่นี้ ถ้ามันถาม เพราะความจริงมันกากที่คือเข้าห้องนอนมาเอาผ้าเช็ดตัว ห้องนอนผมทำธามขำแตก เพราะมันคือเตียงที่เต็มไปด้วยหมอนและผ้าห่ม มากกว่าสำหรับคนคนเดียวเยอะ กองงานเต็มโต๊ะใหญ่ แต่ที่สำคัญคือกระดานไวท์บอร์ดที่ผมเอาไว้จดงานมันมีไอ้ที่ไม่เกี่ยวกับงานเขียนเอาไว้ด้วยนี่ดิ ผมว่านี่แหละที่ทำให้ธามขำ
‘ผมอยากเป็นหมา’
...เขียนเอาไว้นานแล้วล่ะครับ แต่หมอหมามาเห็นแบบนี้ก็ฮาเป็นธรรมดา ใครจะไปคิดว่าคนแบบผมจะมีมุมที่รักหมามากจน อยากเป็นหมา…แต่เอาเข้าจริงๆตอนที่เขียนประโยคนี้เป็นตอนที่เบื่อชีวิตสุดๆ อยากเป็นหมา นอน เล่น กิน ไปวันๆ น่าจะสนุกดี
“อยากเป็นหมาทำไม” ธามถามผมเสียงกลั้วหัวเราะ
“ก็อยากให้ธามรักษา” ตอแหลไป พึ่งคิดได้เมื่อกี้ ธามทำหน้าไม่เชื่อ ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจหรอก เชื่อก็ใสไปแล้ว แล้วแบบนี้เป็นหมาคงไม่ได้รักษากับธาม คงต้องเป็น งู เป็นจระเข้...
“เบื่อจริง” ธามฟาดผ้าเช็ดตัวใส่ผมไม่ใช่ความเขิน แต่เป็นความหมั่นไส้และความเกลียดชังเพราะมันแรงเกินความเขิน ผมเลยเดินหงอยๆออกไปจากห้องนอนชี้ทางเข้าห้องน้ำให้ธาม อยากเข้าไปช่วยอาบด้วยแต่ธามคงจะด่า ไม่เอาดีกว่า สะสมๆความอยากโน่นอยากนี่เอาไว้ เมาเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน...
“แล้วพี่กันต์ไม่อาบหรือไง” นี่กุไม่ได้หูฝาดใช่ไหม หรือไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม ไอ้คำถามแบบนี้
“จะอาบพร้อมกันเหรอ” หันกลับไปถามด้วยความหวังอันส่องประกาย
“ไม่ใช่เว้ย อาบต่อกันเฉยๆ ไอ้เรื่องแบบนี้นี่สมองแล่นไวดีจริงๆ” ธามพูดพึมพำๆแล้วปิดประตูหายเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยให้ผมยืนกระพริบตาปริบๆอยู่คนเดียว ความหวังดับวูบ
..เห้ออออออ เอาเว้ย รีบทำไมยังไม่เช้าเลย
แต่ผมว่า ผมอยากแอบโกนเคราธามจริงๆนะ... ลองดูดีไหมวะ จะตายไหมวะ ไม่หรอกมั้ง เครานิดเดียวเอง ไว้เดือนเดียวก็ได้แล้ว แต่ถ้าไม่มีนี่ดูดีขึ้นจริงๆนะ ผมหวังดีนะ จริงๆ
.................................................................................................30-11-2011
บทนี้มาอัพช้า น้อมรับโทษทัณฑ์

โพสก็ไม่ได้ตอบ โปรดให้อภัย แต่อ่านทุกเม้นจริงๆ T T ขอบคุณคนอ่านมากๆเหมือนเดิมนะ อย่าพึ่งเบื่อกันก่อน
มันเริ่มมีเค้าลางนิดๆหน่อยๆ อยากจะเขียนให้เนื้อเรื่องไปไกลกว่านี้ในบทนี้แต่กลัวจะไม่ได้มาอัพสักทีเลยขอซอยแล้วกัน เก็บๆความหวานไปก่อนนะ หวานมากหวานน้อยก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ บทหน้าอาจจะถูกใจ ใครหลายคน หรืออาจจะทุกคน บอกใบ้ให้ว่าไม่เยอะแต่ไม่น้อยและกันอะ

ปล. อาจจะติดขัดบ้างเพราะกำลังอยู่ในช่วงอพยพย้ายถิ่นฐานหนีหนาว