]| เวลาที่เหลืออยู่ |[ :: ขอบฟ้าสั้นกว่าเข็มวินาที....... ปลายทางสุดท้ายของหัวใจ (จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ]| เวลาที่เหลืออยู่ |[ :: ขอบฟ้าสั้นกว่าเข็มวินาที....... ปลายทางสุดท้ายของหัวใจ (จบ)  (อ่าน 165153 ครั้ง)

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ยาวสะใจพอมั๊ยครับ  :a1:

และนั่นก็คือตอนจบของศิลากับฟ้าคราม หรือ ท้องฟ้ากับก้อนเมฆในบทขอบฟ้าสั้นกว่าเข็มวินาที ของทุกๆคนแล้วนะครับ
หวังว่ามันจะดีพอที่ทำให้ทุกคนไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจหนา เพราะว่าช่วงปีนึงที่ผ่านมานี้ผมยุ่งมากกกกกกกกก ไปกลับๆกรุงเทพ-ตจวตลอด เวลาจะได้อยู่กับเพื่อนกับแฟนยังไม่มีเลย เวลานั่งหน้าคอมหรือเล่นเน็ตยิ่งไม่มีเข้าไปใหญ่  :sad2:
บางทีเวลาพิมนิยายก็ต้องยอมรับเลยว่าอารมณ์มันขาดตอนไปเยอะเหมือนกัน (อายจัง)

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เข็นบทส่งท้ายของทั้งสองคนนี้มาให้แก่ทุกๆคนแล้วนะครับ ขอโทษด้วยจริงๆๆๆถ้าเกิดว่ามันมีข้อผิดพลาดใดๆในเนื้อเรื่อง ผมเองยังไม่ค่อยมีเวลาตรวจทานหรือแก้ไขมันสักเท่าไหร่เลยครับ
ถ้ามันทำให้ตะขิดตะข้องใจผมก็ต้องขออภัยด้วยจริงๆ และถ้าเกิดว่ามันไม่ได้แย่มากจนเกินไป ผมก็อยากจะขอให้ทุกๆท่านลืมๆๆมันไปซะนะครับ (ฮา)
แต่ถ้าหากอ่านแล้วชอบผมก็รู้สึกขอบคุณจริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
(แต่ถ้าไม่ชอบก็เก็บไว้ในใจไม่ต้องบอกหรอกนะ กัวรับไม่ล้ายยย 5555)

เรื่องของเมฆกับซันคือนิยายเรื่องแรกจริงๆจังๆของผม และครั้งนี้ก็จะเป็นบทสุดท้ายของทั้งสองคนแล้วด้วยจริงๆครับ ขอบคุณทุกคนที่ัรักและผูกพันกับทั้งสองคนมานานนะครับ นับจากนี้ไปทั้งสองคนก็คงจะมีชีวิตอยู่แต่ในความทรงจำและตัวหนังสือทีผมถ่ายทอดออกมาแต่เพียงเท่านี้แล้วล่ะครับ ต้องขอบคุณทุกคนจริงๆสำหรับกำลังใจในตลอดเวลาที่ผ่านมา

และนอกจากนั้นแล้ว เมฆกับซันก็ยังคงจะเป็นนิยายเรื่องสุดท้ายของผมแล้วด้วยเหมือนกัน เพราะอย่างที่บอก......... ช่วงนี้ไอ้ต้นยุ่งเหลือเกิ๊นนนนนนน T___T

แต่ถ้าหากว่าผมเกิดมีเวลาและอารมณ์ขึ้นมา เราก็อาจจะได้กลับมาพบกันอีกก็ได้นะครับ ก็คงต้องรอดูกันต่อไปโนะ ^___^


เอาล่ะ ไปพบกันตอนจบส่งท้ายของทั้งสองคนนี้จริงๆกันได้แล้วล่ะครับ แล้วก้อบะบายๆๆๆจนกว่าจะได้พบกันใหม่คร้าบบบ  :bye2:


ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ปลายทางของเข็มนาฬิกา ....... ปลายทางสุดท้ายของหัวใจ



สามปีถัดมา



“มาเร็วๆเข้า พ่อเล็ก!”

“คร้าบๆ ถ้างั้นก็ไปแล้วนะครับ ไอ้ตัวเล็ก หนีให้ทันก็แล้วกัน!” ผมเริ่มออกวิ่งไล่เด็กผู้ชายตัวเล็กบนพื้นทราย ไอ้ตัวเล็กของผมร้องกรี๊ดกร๊าดพร้อมกับวิ่งหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่สุดท้ายก็ถูกผมรวบตัวเอาไว้ได้แล้วถูกจับยกสูงขึ้นจากพื้น ไอ้ตัวเล็กหัวเราะชอบใจแล้วกอดหมับเข้าที่คอของผมแน่น

“เอาอีกๆ!” เจ้าตัวแสบของผมหัวเราะมีความสุขพร้อมร้องจะให้ผมโยนขึ้นสูงๆอีก

“ได้เลย งั้นเอาล่ะนะ” ผมเหวี่ยงร่างเล็กๆนั้นขึ้นสูงสามครั้งติดๆกัน ทำเอาเจ้าตัวแสบหัวเราะชอบใจไม่หยุด

“อะไรกัน แกล้งลูกเหรอ ซัน” เสียงของเมฆดังขึ้นทางด้านหลังของเราสองคน

“ป่ะป๊า!” ไอ้แสบของผมร้องเสียงดังพร้อมกับเหวี่ยงตัวลงบนพื้นและรีบวิ่งไปหาไอ้ตัวดีของผมทันที

“ว่าไงๆ โดนพ่อเล็กแกล้งเหรอครับ หื๊มมม”

“แกล้งอะไร ไม่ได้ยินมันหัวเราะร่าซะขนาดนั้นรึไง” ผมเดินเข้าไปหอมแก้มเมฆ จากนั้นก็หันมาขยี้หัวไอ้ตัวแสบที่ตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนของไอ้เมฆแล้วเบาๆ “เรานี่ก็แสบจริงๆนะ ทำมาเป็นร้องแล้ววิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือป๊ะป๋า ทั้งที่ทีเมื่อกี๊ล่ะหัวเราะร่าเลย”

“ป่ะ ไปกันเถอะครับ แม่เรียกแล้วนะ หิวข้าวรึยัง”

“หิวแล้วววว”

“งั้นก็ไปกันเถอะครับ เดี๋ยวแม่จะดุเอา พวกพ่อเองก็ไม่อยากโดนแม่ดุเอาด้วยเหมือนกัน”

ผมหันไปยิ้มให้กับเมฆแล้วเดินตามทั้งสองคนไปยังหน้าบ้าน

เกือบสองปีแล้วนับจากครั้งสุดท้ายที่เรามาที่แห่งนี้กัน หาดส่วนตัวในโครงการหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งที่ระยองที่ครั้งหนึ่งเคยเปิดให้เช่ารายวัน แต่ ณ ปัจจุบัน บ้านทุกหลังล้วนถูกซื้อจับจองเป็นสมบัติส่วนตัวกันจนหมดแล้ว และรวมทั้งครอบครัวของเราเองก็ตัดสินใจซื้อเอาไว้ด้วยหลังหนึ่งเช่นกัน เราสามคนเดินเลาะชาดหาดกลับไปยังหน้าบ้านของไอ้วิท เพื่อนของเราที่ยังคงเป็นเจ้าภาพเปิดบ้านของตัวเองในการจัดงานครั้งนี้อยู่เช่นเคย และที่หน้าบ้านนั้นก็มีอีฟกับไอ้แป๊ะกำลังยืนรอพวกเราสามคนอยู่แล้ว

“นี่ไปวิ่งเล่นที่ไหนกันมาเนี่ย เผลอคลาดสายตาแค่แป๊บเดียว ดูซิ เลอะหมดแล้วลูก” อีฟเดินเข้ามาอุ้มเจ้าตัวเล็กไปพร้อมกับเสียงบ่น

“บอกแล้วไง ว่าพ่อก็ไม่อยากโดนแม่บ่นเอาเหมือนกัน” ไอ้เมฆหันมากระซิบกับผม

“อะไร เมฆ รึอยากจะโดนด้วยอีกคน”

“เปล่าจ้าๆ แม่เสือสาว”

“แม่เสือสาววว” ไอ้ตัวเล็กทำเสียงเลียนแบบเมฆ ทำเอาผม ไอ้แป๊ะ และเมฆหัวเราะจนท้องแข็ง

“วายุ! อย่าพูดแบบนั้นกับแม่นะ เดี๋ยวตีตายเลย” อีฟทำเสียงดุใส่ลูก

“อะไร อีฟ จะดุลูกไปถึงไหน ได้ยินไปถึงในครัวนู่น” กอล์ฟเดินออกมาหาพวกเราจากในบ้าน

“พ่อออ” วายุ ไอ้ตัวแสบวัยสองขวบของผมวิ่งเข้าไปกอดหน้าแข้งของไอ้กอล์ฟหนึบ

“ดีเลย เธอพาลูกไปอาบน้ำก่อนกินข้าวซะนะ แล้วก็คอยดูห้ามไม่ให้ไปเล่นทรายอีกล่ะ อย่ามัวเอาแต่กินเบียร์อยู่กับไอ้ป๋อมไอ้วิท” อีฟหันไปสั่งกอล์ฟ

“คร้าบบ แม่ ไปเร็วลูก ตอนนี้แม่เริ่มจะแปลงร่างเป็นยักษ์แล้ว” ไอ้กอล์ฟพูดพร้อมกับอุ้มวายุ ลูกชายคนแรกของทั้งคู่เดินเข้าไปในบ้าน

“จริงๆเล้ย เมื่อไหร่จะโตๆกันสักทีนะ พวกผู้ชายเนี่ย”

“แกจะบ่นอะไรกันนักหนา ยังไม่ชินอีกรึไงวะ ห๊ะ” เดียร์ที่เดินออกมาจากในบ้านพร้อมกับกอล์ฟเมื่อครู่นั่งลงข้างๆอีฟ

“แหม แกก็ลองมีลูกกับไอ้ป๋อมดูสักคนสิ เดียร์ แล้วจะรู้ว่ามันวุ่นวายขนาดไหน นี่ขนาดชั้นให้ไอ้ซันกับไอ้เมฆมันช่วยเป็นพ่อให้อีกตั้งสองคนนะ แต่นี่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าชั้นมีลูกชายทั้งหมดสี่คน!”

“เอาน่าๆ ไอ้ยุมันน่ารักว่าง่ายจะตาย ทั้งอารมณ์ดีทั้งไม่ดื้อ แกเลี้ยงลูกดีนะ อีฟ” เมฆนั่งลงข้างๆผมถัดจากอีฟ

“ชั้นว่าไปๆมาๆ วายุมันจะติดพวกแกสองคนมากกว่าชั้นกับไอ้กอล์ฟซะอีกนะเนี่ย”

“ก็งี้แหละ เด็กมันมักจะเลือกเข้าหาผู้ใหญ่ที่หน้าตาดีกว่าน่ะ” ผมหัวเราะ

“ปากดีไม่เปลี่ยนเลยนะคะ คุณฟ้าคราม นี่ชั้นคิดถูกมั๊ยเนี่ยที่ตั้งชื่อลูกชั้นตามพวกแกน่ะ”

“ก็ใครใช้ให้ผู้ชายตั้งท้องไม่ได้ล่ะ จริงมั๊ย เมฆ” ผมหันไปหอมแก้มเมฆ

“แต่เราสองคนดีใจจริงๆนะอีฟ ที่แกเลือกเราสองคนน่ะ แกไม่รู้หรอกว่ามันเป็นเกียรติกับเราทั้งคู่มากแค่ไหน พวกเราสองคนดีใจและก็รู้สึกปลื้มใจมากจริงๆนะ”

“ใช่ และที่สำคัญ ใครจะไปคิดว่าในที่สุดแกกับไอ้กอล์ฟจะลงเอยกันได้แบบนี้น่ะ”

“อย่าว่าแต่พวกแกเลยซัน เราเองก็ยังไม่อยากเชื่อเลยว่ะ” อีฟหัวเราะ จากนั้นก็หันมาสบตาผมกับเมฆ “แต่เรารู้อยู่อย่างนึงนะ ทั้งเราทั้งกอล์ฟ และทุกๆคนเลยด้วย นั่นก็คือเรารักพวกแกมาก และเรารู้ดีเลยว่าพวกแกสองคนจะเป็นพ่อที่ดีได้ขนาดไหนถ้าแกมีลูกเป็นของตัวเอง และแน่นอนว่าพวกแกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเราเสมอมา ตลอดเวลาที่เรารู้จักกันมานานนับสิบปี พวกเราทุกคนต่างก็ได้รับความรักและความเป็นเพื่อนที่ดีอันมากมายจากพวกแกทั้งคู่อยู่ตลอดเวลา เมฆ ซัน พวกแกสองคนมอบรอยยิ้มให้กับเราในช่วงเวลาที่ดีที่สุด และเป็นคนที่มอบกำลังใจให้กับเราในช่วงเวลาที่แย่ที่สุดในชีวิตด้วยเหมือนกัน เพราะอย่างนั้นเรากับกอล์ฟต่างก็คิดตรงกันว่ามันคงจะดี ถ้าจะให้ลูกชายของเราได้รับรู้บ้างว่าความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอีกอย่างหนึ่งนั้นเป็นยังไงน่ะ”

“ขอบใจจริงๆ อีฟ มันมีความหมายสำหรับพวกเรามากจริงๆ” ไอ้เมฆลุกขึ้นดึงอีฟขึ้นมากอด จากนั้นก็ผมก็เข้าไปกอดอีฟด้วยอีกคน

“ขอบใจมาก อีฟ ลูกชายแกก็น่ารักมากจริงๆ เราสองคนรักวายุมากนะ พวกเราอยากบอกให้แกรู้เอาไว้เลย”

“เรื่องนั้นน่ะชั้นรู้อยู่แล้วย่ะ” อีฟใช้นิ้วชี้ปาดน้ำตาที่หางตาออกเบาๆ “พอๆๆ จะซึ้งกันไปใหญ่แล้ว พูดเรื่องนี้ทีไรก็พาลจะร้องไห้ทุกทีเลยชั้นนี่ ว่าแต่ไคล์กับพีอยู่ไหนเนี่ย ทำไมยังไม่ออกมากันอีก”

“สงสัยจะยังอยู่ที่บ้านกับพวกพ่อเล็กมั๊ง”

“เหรอ งั้นแกช่วยไปตามน้องๆมาช่วยพวกเราที่นี่หน่อยได้มั๊ยล่ะ”

“ได้ งั้นเดี๋ยวเราสองคนไปตามมาให้ก็แล้วกัน” ผมหันไปพยักหน้าให้เมฆ จากนั้นเราทั้งคู่ก็เดินออกจากบ้านของไอ้วิทมา

วันนี้เป็นวันที่เราทุกคนนัดมารวมตัวกันที่นี่หลังจากที่ไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้ากันมานาน และถึงแม้เพื่อนๆของเราจะไม่ได้มากันครบเหมือนเมื่อสามปีก่อนตอนที่เรากลับมาจากอังกฤษกันใหม่ๆ แต่ทว่าในครั้งนี้ “ครอบครัว” ของเราก็อยู่กันพร้อมหน้า ไม่ว่าจะพ่อแม่ของผม พ่อแม่ของไคล์ พ่อเล็ก คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ของเจ้าวายุ และครอบครัวที่ผมกับเมฆรู้จักและผูกพันกันมานานนับสิบปี นั่นก็คือ “เพื่อน” คนสำคัญของพวกเรานั่นเอง

เราสองคนเดินไปยังบ้านหลังใหม่ของพวกเรา รองเท้าที่วางอยู่เกลื่อนหน้าบ้านบอกให้เรารู้ว่าทุกคนยังคงอยู่ในนั้นกันครบถ้วน และถ้าจะพูดกันตามตรง ถึงแม้จะไม่มีรองเท้าวางอยู่เกลื่อนกลาดแบบนี้ แต่เสียงที่ดังอึกทึกครึกโครมจากข้างในก็บอกให้เรารู้กันได้เป็นอย่างดี

“ทำอะไรกันอยู่เนี่ย เสียงดังโช้งเช้งไปถึงข้างนอกเลย” เมฆโผล่หน้าเข้าไปในบ้านเป็นคนแรก

“พวกแม่ๆกับลุงเอกกำลังเตรียมอาหารกันอยู่ในครัวน่ะครับ” พีที่นั่งอยู่บนโซฟารับแขกหันมาบอกพวกเรา “ส่วนลุงคาร์ลอสก็กำลังนั่งคุยอยู่กับลุงอี๊ดที่โต๊ะกินข้าวนั่นน่ะ”

ลุงอี๊ดคือลุงที่อาศัยอยู่ในคอนโดห้องตรงข้ามกับผม ผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่าลุงแกเคยมีลูกชายอยู่คนนึงที่หน้าตาคล้ายกับเมฆมากเมื่อไม่นานหลังจากที่ปัญหาเรื่องไอ้จ๊อบกับนัทจบไปเมื่อสามปีก่อน ตอนนั้นตอนที่เราเลี้ยงฉลองขึ้นบ้านใหม่อย่างเป็นทางการที่คอนโดของผมนั้น พ่อเล็กกับลุงอี๊ดก็ดูจะเข้ากันได้ดีในทันที ทั้งคู่ดูจะมีอะไรคล้ายกันหลายอย่างมากไม่ว่าจะเป็นความสนใจ ความชอบ หรือแม้แต่ความหลังอันน่าเศร้าที่ต้องสูญเสียคนที่ตัวเองรักไป ดังนั้นนับตั้งแต่นั้นมาทั้งคู่ก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกันไปในทันที และมันก็ทำให้เมฆรู้สึกสบายใจขึ้นมากด้วยที่พ่อเอกดูจะได้เพื่อนสนิทที่คุยกันถูกคอและช่วยแก้เหงาได้ในที่สุด

“ว่าแต่นี่หิวข้าวรึยัง พี” ผมเดินมานั่งลงข้างๆพีบนโซฟา

“ยังหรอกครับ”

“แล้วเราล่ะ ไคล์”

“ไม่เหมือนกันครับ” ไคล์ส่ายหน้า “ว่าแต่พี่วิทล่ะ อยู่ที่บ้านนั้นรึเปล่า”

“อยู่ๆ อยู่ในครัวกับคนที่เหลือนั่นแหละ รู้สึกจะกำลังเตรียมอาหารสำหรับมื้อเย็นนี้กันอยู่เหมือนกันนะ นี่อีฟมันก็ให้พวกพี่มาตามไคล์กับพีไปช่วยที่นั่นอยู่พอดี”

“งั้นเดี๋ยวผมขอไปหาพวกพี่เค้าหน่อยดีกว่า.......... พีทจะไปด้วยกันเลยมั๊ยครับ”

“ไม่ล่ะ ผมขออยู่ที่นี่ดีกว่า แต่เดี๋ยวอีกสักพักจะตามไปก็แล้วกันนะครับ”

“ถ้างั้นก็ได้ครับ” ไคล์หันมาหอมพีที่แก้มก่อนจะลุกเดินออกจากบ้านไป

“เป็นอะไรไปครับพี” เมฆหันมาถามพีเมื่อไคล์เดินออกจากบ้านไปแล้ว

“ก็นิดหน่อยน่ะครับ ผมจะไม่โกหกก็แล้วกันว่าผมก็รู้สึกอยากให้พ่อกับแม่ผมมาอยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน แต่ว่ามันก็คงเป็นไปไม่ได้........”

ผมกับเมฆมองหน้ากันก่อนจะโอบไหล่เขาคนละข้าง “อย่าคิดมากเลยนะพี พี่เชื่อว่าสักวันนึงวันนั้นจะต้องมาถึงครับ”

“ใช่ครับ ดูอย่างนี้สิ จำเรื่องที่พีเคยคุยกับพี่ตอนที่พี่ไปอังกฤษได้มั๊ย ที่ว่าอนาคตของพีกับไคล์จะเป็นยังไงเมื่อทั้งคู่เรียนจบน่ะ นี่ไง เห็นมั๊ยล่ะว่าสุดท้ายแล้วไคล์ก็เลือกที่จะอยู่ที่นี่ต่อกับพี พี่เชื่อนะครับว่าสุดท้ายแล้วอะไรๆมันก็จะลงเอยในแบบที่มันควรเป็นเอง พีอย่าเพิ่งกังวลมากเกินไปนักเลยนะครับ”

“ใช่ พี่คิดว่าสักวันนึงที่พวกเค้ารู้ตัวและได้สติสักทีว่าเค้ากำลังตัดสินใจผิดพลาดอยู่ล่ะก็ เค้าจะต้องยอมรับในตัวพีอย่างแน่นอน”

“แต่จนกว่าจะถึงวันนั้น....... พีอย่าลืมก็แล้วกันนะครับว่าพียังมีครอบครัวอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน”

“ผมเข้าใจครับ พี่เมฆ พี่ซัน และผมก็รู้ดีด้วยว่าทุกคนในบ้านหลังนี้ก็คือครอบครัวของผมด้วยเหมือนกัน เพราะงั้นผมไม่ได้คิดมากอะไรแล้วล่ะครับ เพียงแต่ว่าบางทีมันก็แค่รู้สึกเหงาๆขึ้นมานิดหน่อยเท่านั้นเอง”

“พี่เข้าใจครับ แต่อย่าลืมนะว่าถ้าหากมีอะไรก็อย่าเก็บเอาไว้คนเดียวนะครับ พีสามารถคุยกับพวกพี่ได้เสมอนะ เข้าใจมั๊ยครับ”

“ขอบคุณมากครับพี่เมฆ ผมรักและขอบคุณพี่ทั้งสองคนจริงๆครับ” พีหันมาหอมแก้มเราทั้งสองคนคนละข้าง “เอาล่ะ ผมว่าผมไปหาไคล์ดีกว่า เมื่อกี๊ผมก็ทำเค้าไม่สบายใจไปทีนึงแล้ว เดี๋ยวดีไม่ดีผมจะโดนงอนเอาซะอีก”

พีลุกขึ้นแล้วเดินออกจากบ้านไป เราสองคนจึงลุกเดินเข้าไปที่โต๊ะกินข้าวและคุยกับลุงอี๊ดและลุงคาร์ลอสอยู่ครู่หนึ่ง ส่วนไอ้เมฆก็เข้าไปเป็นลูกมือช่วยทำครัวอยู่ในครัวด้วย จนกระทั่งเวลาผ่านไปพักหนึ่งก็มีคนเดินมาตามพวกเราถึงที่บ้าน

“พี่เมฆ พี่ซันครับ พี่แอมป์ให้มาตามพวกพี่สองคนน่ะครับ” อาร์มโผล่หน้าเข้ามาในบ้านแล้วกวักมือเรียกพวกเรา

“นั่น เค้ามาตามแล้ว ไปๆ ไปได้แล้ว เดี๋ยวที่นี่พวกคนแก่จัดการเอง คืนนี้จะได้รู้กันว่าบ้านคนหนุ่มกับบ้านคนแก่ใครมันจะทำอาหารอร่อยกว่ากัน” ป้าแอ๊นท์พูดพลางโบกมือไล่เราสองคนให้ออกจากบ้าน

ผมกับเมฆเดินออกจากบ้านตามอาร์มไปยังบ้านของพี่แอมป์ พี่แอมป์กลายเป็นเพื่อนสนิทของเราสองคนไปอย่างรวดเร็วในช่วงสามปีที่ผ่านมา นอกจากนั้นแล้วเขายังเป็นช่างภาพประจำครอบครัวของเราอย่างไม่เป็นทางการมาโดยตลอดด้วย และในครั้งนี้ก็เช่นกัน พี่แอมป์ตอบรับคำเชิญมาในงานครั้งนี้ทั้งในฐานะเพื่อนสนิท และในฐานะช่างภาพที่จะคอยเก็บภาพความประทับใจทั้งหมดเอาไว้ด้วยความเต็มใจเต็มร้อยของเจ้าตัวเลยทีเดียว

“นี่ๆ มาดูนี่สิ ซัน เมฆ ทั้งสองคนว่าภาพนี้สวยมั๊ย” ทันทีที่พวกเราไปถึง พี่แอมป์ก็รีบจูงมือพวกเราเดินเข้าไปดูรูปในบ้านอย่างรวดเร็ว

พี่แอมป์หยิบรูปที่เพิ่งถ่ายเราสองคนไปเมื่อตอนกลางวันมาให้ดู มันเป็นรูปที่เราสองคนนั่งหันหลังให้กับกล้องอยู่บนชิงช้าที่ห้อยลงมาจากบนกิ่งไม้ใหญ่ที่บริเวณหน้าชายหาดใกล้ๆกับที่ผมพาเจ้าวายุไปวิ่งเล่นเมื่อครู่นี้ แต่ทว่าเมื่อดูภาพนี้แล้วผมกลับไม่รู้สึกประทับใจมันมากเท่าไหร่นัก

“ผมว่ามันเฉยๆนะครับพี่” ผมพูดไปตามความรู้สึกจริงๆ “คือไม่ใช่มันไม่สวยนะ แต่ผมว่ามันดูเหมือนขาดอะไรไปบางอย่างน่ะครับ”

“อืมม ก็คิดว่าผมเห็นด้วยกับไอ้ซันนะ”

“งั้นเหรอ......... แต่จะว่าไปพี่ว่ามันก็จริงนะ” พี่แอมป์พยักหน้า

ผมชะโงกหน้าเข้าไปกระซิบใส่หูของพี่แอมป์ “พี่กำลังหารูปที่ห้าสิบที่ผมเคยขอร้องเอาไว้อยู่ใช่มั๊ยครับ”

“ใช่ ก็อย่างที่ซันเคยบอกพี่นั่นแหละ”

“งั้นผมขอเอาแบบแจ่มๆเลยนะครับพี่” ผมขยิบตา

“อะไรๆ กระซิบกระซาบอะไรกันครับ ต่อหน้าต่อตาเลยนะ” ไอ้เมฆโวย

“เปล่าครับ ไม่มีอะไรสักหน่อย” ผมหันไปยิ้มกว้างให้มัน “ถ้างั้นเราไปเดินเล่นฆ่าเวลากันหน่อยดีมั๊ย เมฆ”

“ก็ได้ครับ ยังไงก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้วนี่ จะไปอยู่บ้านนั้นก็ถูกไล่ออกมา จะไปเข้าบ้านนู้นก็ถูกกันออก” ไอ้เมฆยักไหล่

“แหม ฟังพูดเข้า ถ้างั้นก็นั่งเล่นอยู่ที่บ้านพี่ก่อนก็ได้นี่” พี่แอมป์เสนอความคิด

“ไม่เป็นไรครับพี่ พวกผมขอไปเดินเล่นกันข้างนอกดีกว่า ผมเองก็กำลังอยากเดินดูท้องฟ้าตอนกำลังโพล้เพล้แบบนี้อยู่แล้วพอดี”

“ก็ได้จ้ะ แต่อย่าไปไกลมากก็แล้วกัน เดี๋ยวจะกลับมาช้าแล้วทุกคนจะเป็นห่วงเอา”

“อ้อ แล้วก็อย่าไปไกลมากจนไปเจอผู้หญิงที่ไหนโดนรุมข่มขืนเข้าอีกนะครับพี่ เดี๋ยวจะเจ็บตัวเอาอีก” อาร์มแซว

เราสองคนเดินออกจากบ้านพี่แอมป์และเลี้ยวซ้ายตรงหน้าที่ชายหาด ทั้งผมและเมฆต่างก็เดินจูงมือกันอยู่เงียบๆไม่มีใครพูดอะไรกันออกมา สายลมอ่อนๆพัดพาเอาความเย็นสบายของทะเลเข้าปะทะร่างกายของพวกเรา พระอาทิตย์ดวงโตส่องแสงสีส้มเรืองรองอยู่ปลายขอบฟ้ารอเวลาที่จะได้พักผ่อนและผลัดเปลี่ยนเวรยามให้แก่พระจันทร์เพื่อกลับสู่ยามค่ำคืน หลังจากนี้แสงเจิดจ้าของพระอาทิตย์ก็จะหายไป เหลือเพียงแสงสีเหลืองนวลของดวงจันทร์ที่จะช่วงส่องทางในความมืดมิด และมีดวงดาวพร่างพราวบนท้องฟ้าเป็นผู้ช่วยแต่งแต้มความงามให้กับผืนฟ้าสีดำ

“ถ้าท้องฟ้าคืนนี้มีดาวเยอะก็คงจะดีเนอะ”

“ซันยังคงชอบพระอาทิตย์ตกอยู่มั๊ย”

“ชอบสิ แต่ตอนนี้ก็ชอบพระอาทิตย์ขึ้นด้วยเหมือนกัน แต่ถ้าจะพูดให้ถูกจริงๆล่ะก็........” ผมหยุดเดินและโอบเอวของเมฆเอาไว้ “จะเป็นท้องฟ้ายามไหน ถ้าซันได้ยืนมองมันอยู่พร้อมกับเมฆแบบนี้ล่ะก็ มันก็คือช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดของซันเสมอแหละครับ”

ไอ้เมฆยิ้มและหัวเราะชอบใจ “ถ้าใครๆมาได้ยินซันพูดแบบนี้เข้าจะว่ายังไงกันนะ”

“อะไรกัน สามสี่ปีที่ผ่านมานี่มันยังได้ยินกันมาไม่พออีกเหรอ”

“เปล่า เมฆหมายถึงว่าถ้าวายุมันมาได้ยินแบบนี้เข้าน่ะ มันจะทำหน้ายังไงนะ”

“โอ๊ยยย มันยังเด็กขนาดนั้น มันจะไปรู้เรื่องอะไร”

เมฆมองหน้าผมแล้วยิ้ม ก่อนจะเดินจูงมือผมไปนั่งลงบนเนินทราย “ซันจำที่ตรงนี้ได้มั๊ย”

“จำได้สิครับ”

“นี่คือที่ๆเราเคยคุยกันถึงเรื่องเส้นขอบฟ้า....... และนั่น” เมฆหันไปทางซ้ายและชี้มือไกลออกไป “ตรงนั้นก็คือที่ๆเราเจอก้อนหินสองก้อนนี้........” เมฆเปลี่ยนจากชี้นิ้วมาจับที่ก้อนหินสีดำที่ห้อยอยู่ที่คอของตัวเอง

“ความจำดีจังนะ”

“เมฆไม่เคยบอกรึไงว่าอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับซันน่ะ เมฆไม่เคยลืมหรอก”

ผมพยักหน้า จากนั้นก็เงียยลงไปครู่หนึ่ง “เมฆครับ......... ซันมีอะไรบางอย่างอยากจะบอกเมฆนะ”

“อะไรครับ”

“กว่าสิบห้าปีที่เรารู้จักกันมา กว่าสิบสองปีที่เรารักกัน และกว่าเจ็ดปีที่เราแลกเปลี่ยนคำสัญญาพร้อมกับแหวนคู่นี้.........” ผมใช้มือซ้ายประคองนิ้วนางข้างซ้ายของเมฆขึ้นมา “ซันรู้แล้วครับว่า ความรักของเรานั้นมันอยู่นอกเหนือกับคำว่ากาลเวลา และความผูกพันของเรามันก็อยู่เหนือเกินกว่าเส้นขอบฟ้าที่กั้นแบ่งท้องฟ้าและผืนน้ำนี่เอาไว้เสียอีก ครั้งหนึ่งเมฆเคยให้ซันสัญญาว่าขอบฟ้าจะไม่มีวันยาวเกินกว่าเข็มวินาที ในตอนนั้นซันยังคงไม่ค่อยเข้าใจความหมายของมันดีนัก แต่เมื่อเวลาผ่านเลยไป เมื่อเราต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆนาๆร่วมกัน และยิ่งไปกว่านั้น เมื่อทุกๆวินาทีที่ซันได้นั่งมองใบหน้าของเมฆแบบนี้เลยผ่านไป มันทำให้ซันรู้ว่า ระหว่างเราสองคนแล้ว ไม่มีคำๆไหนระหว่างเราจะสำคัญยิ่งไปกว่าคำว่า ‘ความผูกพัน’ ที่เรามีให้แก่กัน เพราะคำๆนั้นมันหมายถึงชีวิตของเราทั้งคู่ที่จะอยู่เคียงข้างกันไปจนตราบนานเท่านาน ถึงแม้ว่าสักวันความตายจะทำให้เราต้องพรากจากกัน แต่หัวใจของเรานั้นก็จะยังคงอยู่เคียงคู่กันตลอดไป สุดท้ายแล้วทั้งขอบฟ้าและเข็มวินาที ต่างก็ไม่มีความสำคัญใดๆเลย เมื่อเทียบกับความรักที่เมฆมีให้ซัน และความผูกพันที่เราต่างมีให้แก่กันและกัน..........”

น้ำใสๆเริ่มหยดลงมาจากดวงตาของเมฆช้าๆ ผมจึงค่อยๆใช้ปลายนิ้วช่วยปาดมันออกอย่างเบามือ

“ถึงช่วงเวลาที่เรามีให้แก่กันและกันจะงดงามมากสักเพียงใดนะ ซัน แต่ความรักที่เรามีให้กันนั้นมันกลับงดงามยิ่งกว่า ทั้งชีวิตเมฆ เมฆไม่เคยคิดเลยว่าเมฆจะรักและผูกพันกับใครได้เท่ากับความรู้สึกทั้งหมดที่เมฆมีให้แก่ซัน ใครหลายคนอาจจะมองว่าความรักของเรามันผิด และมันคงจะอยู่ได้ไม่ยาวนาน แต่ตอนนี้เราต่างก็พิสูจน์ให้คนพวกนั้นได้เห็นแล้วว่าใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายผิด เรารักกัน และทุกๆวันเรารักกันมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ถ้าหากว่าความตายมันจะมาพรากเราคนใดคนหนึ่งจากไปก่อน แต่เมฆก็ขอบอกให้ซันรู้ไว้เลยนะครับว่า ดวงใจที่เมฆมีอยู่เพียงหนึ่งดวงนี้ เมฆจะยังคงมอบมันให้แก่ซันแต่เพียงผู้เดียวตลอดกาล”

เมื่อเมฆพูดจบ น้ำตาของผมมันก็เริ่มไหลออกมาช้าๆ เราสองคนต่างก็ไม่เคยพูดอะไรแบบนี้กันบ่อยนัก เพราะเราต่างคนก็ต่างรู้ดีว่าความรักที่เรามีให้แก่กันนั้นมันยิ่งใหญ่มากขนาดไหน เราต่างก็รู้ดีว่าเรารักกันมากจนไม่สามารถสรรหาคำพูดใดๆมาบรรยายความรู้สึกออกไปได้ แต่ทว่าในวันนี้ ภายใต้ท้องฟ้าสีครามผืนเดิมนี้ คำพูดเหล่านั้นรวมทั้งน้ำใสๆจากดวงตาของคนที่ผมรักที่สุดนี้มันช่วยบอกและตอกย้ำความรู้สึกทุกอย่างที่ผมอยากจะได้ยินออกมาจนหมด และนับจากนี้ไปจะไม่มีอะไรอีกแล้วที่จะมาทำลายความเชื่อมั่นในความรักของเราสองคนลงได้อีก.......... ไม่มีทาง


ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page

“ใครจะไปนึกล่ะเนอะ........” ผมเอาหน้าผากชนเข้ากับหน้าผากของเมฆเบาๆแล้วค้างอยู่อย่างนั้น “ว่าสุดท้ายแล้วผู้ชายสองคนก็สามารถมีลูกด้วยกันได้แบบนี้น่ะ”

“ใช่ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ต้องไปทำอะไรกับผู้หญิงเลยสักครั้งก็ตาม........ แถมผู้หญิงคนนั้นยังเป็นไอ้อีฟอีกด้วยนิ่สิ”

เราสองคนหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน จากนั้นก็นั่งกุมมือหันหน้ามองดูพระอาทิตย์ที่กำลังเคลื่อนคล้อยต่ำลงสู่ผิวน้ำอย่างเชื่องช้า ผมเชื่อว่าในตอนนี้เราทั้งคู่ต่างก็คงมีความคิดเหมือนๆกัน นั่นก็คือความรู้สึกที่อยากจะหยุดช่วงเวลาในตอนนี้เอาไว้อย่างนี้ไปตลอดกาล..........

“นานกว่านี้อีกนิดทะเลก็จะกลายเป็นน้ำเชื่อมแล้วนะครับ” เสียงของไคล์ดังขึ้นจากทางด้านหลังของเราสองคน

เมื่อเราหันหลังกลับไปก็เห็นว่าไคล์ พี และพี่แอมป์กำลังยืนยิ้มรอพวกเราอยู่แล้ว

“รีบกลับกันเถอะครับ อาหารเย็นพร้อมแล้วนะ” พีพูดขึ้น

“ทั้งสามคนมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย” ผมพูดขณะที่ลุกขึ้นยืนพร้อมกับปัดทรายออกจากกางเกง

“เมื่อไม่กี่วินาทีนี้เองแหละจ้ะ” พี่แอมป์พูดพร้อมกับขยิบตาให้ผม “ถ้างั้นเดี๋ยวพี่ขอกลับก่อนนะ มีอะไรต้องทำนิดหน่อยน่ะ”

“ไปกันเถอะครับ ทุกคนรอกันอยู่นะ”

“เดี๋ยวสิไคล์ มานั่งที่นี่ด้วยกันก่อน” เมฆกวักมือเรียกทั้งสองคน

ไคล์กับพีต่างก็เดินตรงมานั่งอยู่ตรงกลางระหว่างเราสองคน

“ดูนั่นสิ พี่ชอบที่นี่มากเลยรู้มั๊ย เพราะมันมีทั้งท้องฟ้า ก้อนเมฆ พระอาทิตย์ ผืนน้ำ ผืนทราย และก้อนหินที่วางอยู่เกลื่อนกลาด......... จะมีสักกี่ที่ในโลกใบนี้ล่ะที่จะให้ความรู้สึกที่ทำให้เราคิดถึงกันได้ในทุกๆครั้งแบบนี้” เมฆพูดขึ้น

“เวลามันผ่านไปเร็วนะครับ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเราจะรู้จักกันมานานขนาดนี้แล้ว”

“และจากนี้ตลอดไปครับ พี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามในอนาคตนับจากนี้ พี่เชื่อว่าเราสี่คนก็จะยังคงมีกันและกันแบบเดิมเช่นนี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง จริงมั๊ย”

ผม ไคล์ และพี ต่างก็พยักหน้าออกมาพร้อมๆกัน เราสี่คนนั่งมองดูพระอาทิตย์ตกจนลับเส้นขอบฟ้าไป จนกระทั่งท้องฟ้าที่เคยสว่างเริ่มเปลี่ยนเป็นความมืด ผมจึงลุกขึ้นยืนและส่งสัญญาณให้พวกเราออกเดิน

“ไปกันเถอะ เดี๋ยวพวกนั้นเค้าจะรอนาน แถมที่สำคัญ ตอนนี้พี่เองก็เริ่มหิวแล้วซะด้วย”

มื้อเย็นครั้งนี้เป็นอะไรที่ทุกคนต่างก็เต็มที่กับมันมาก อาหารมากมายนับสิบจานต่างก็วางเรียงรายกันจนเต็มโต๊ะ บรรดาแม่ครัวและพ่อครัวรุ่นเก๋าต่างก็พากันโชว์ความสามารถของตนเองอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้น้อยหน้าพ่อครัวแม่ครัวรุ่นเล็กอย่างพวกอีฟและพวกไอ้วิท แต่ว่าที่ยิ่งไปกว่าอาหารจานไหนๆนั่นก็คือความสุขที่ทุกคนล้วนแต่แบ่งปันกันอย่างเต็มที่ โดยมีไอ้ตัวเล็กของพวกเราเป็นศูนย์กลางความรื่นเริง ถึงแม้วายุจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของผมกับเมฆ แต่ว่าทั้งกอลฟ์และอีฟต่างก็ยอมรับในตัวของเราทั้งคู่มาก รวมทั้งยอมรับในตัวพ่อและแม่ของพวกเรามากถึงขนาดให้วายุเรียกพ่อๆและแม่ของเราว่าปู่กับย่าด้วยซ้ำไป ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้พ่อและแม่ทุกคนมีความสุขมากขึ้นไปอีกที่ในที่สุดก็ได้มีหลานสมใจ ถึงแม้ว่าทุกคนจะเคยตัดใจจากเรื่องนี้ไปแล้วครั้งหนึ่งก็ตาม และก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าหลานชายตัวน้อยคนนี้จะได้รับการเอาใจและตามใจจากบรรดาผู้ปกครองทั้งหลายมากมายขนาดไหน

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม วายุก็เป็นเด็กที่ฉลาดและน่ารักมาก เจ้าตัวเล็กคนนี้ไม่เคยงอแง ไม่ดื้อ และไม่ซนจนทำให้ใครๆต้องปวดหัวเลยสักครั้ง เจ้าตัวแสบตัวน้อยนี่ต่างก็ได้ส่วนที่ดีของทั้งพ่อและแม่มาจนหมด ไม่จำเป็นต้องรวมถึงหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูที่ใครๆเห็นต่างก็ต้องหลงด้วยเลยด้วยซ้ำไป ทั้งนี้ทั้งนั้นผมเองก็รู้ดีอยู่แล้วว่าอีฟเป็นผู้หญิงที่เก่งและยอดเยี่ยมมากขนาดไหน รวมทั้งไอ้กอล์ฟเพื่อนสนิทผมคนนี้เองก็ด้วยเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งสองคนก็ยังคงยืนยันว่าทั้งผมและเมฆต่างก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยเลี้ยงดูให้ลูกของ “เรา” น่ารักได้มากถึงเพียงนี้ด้วยเช่นกัน

เวลาเริ่มผันผ่านไปจนท้องฟ้าเริ่มมืดสนิท ดวงดาวที่เคยไร้แสงในยามกลางวันก็เริ่มส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับเต็มท้องฟ้า อาหารที่เคยมีมากมายจนพูนจานก็เริ่มที่จะร่อยหรอลงจนเกือบหมด ทุกคนที่เคยครื้นเครงกันต่างก็เริ่มที่จะแยกตัวกันไปจับกลุ่มนั่งคุยกันเงียบๆ ชื่นชมกับความงามตามธรรมชาติและความเงียบสงบในยามค่ำคืน เสียงเพลงบรรเลงเพียงเสียงเดียวที่มีอยู่และดังก้องไปทั่วบริเวณก็คือเสียงดนตรีจากธรรมชาติอันเกิดจากสายลมและเสียงคลื่นที่ซัดกระทบฝั่งเป็นระลอกๆ ทุกคนในที่นี้ต่างก็มาที่นี่เพื่อหลีกหนีจากความวุ่นวายของชีวิตประจำวันในตัวเมืองอันสู่ความเงียบสงบเช่นนี้เอง และที่ยิ่งไปกว่านั้น นั่นคือความสุขกับการที่เราได้ใช้ช่วงเวลาดีๆกับครอบครัวและคนที่เรารักมากอย่างนี้นี่เอง

“ดูเจ้าตัวแสบนี่สิ” ผมสะกิดเมฆให้ดูเจ้าวายุที่กำลังนอนกรนเบาๆอยู่บนตักของผม “เมื่อสิบนาทีที่แล้วยังเต้นเย้วๆอยู่เลย แต่ดูตอนนี้สิ จู่ๆก็หลับไปซะแล้ว”

“แต่เดี๋ยวลูกจะหนาวรึเปล่า พาลูกเข้าบ้านก่อนดีกว่ามั๊ย”

เมื่อราวๆสิบห้านาทีก่อนเราสองคนหลบมานั่งกันอยู่ใต้ต้นมะพร้าวต้นนี้เงียบๆตามลำพัง แต่ก็ไม่พ้นที่จะโดนเจ้าตัวแสบตัวน้อยนี่ตามมาเจอจนได้ และไปๆมาๆ มันก็มานอนหลับอยู่บนตักของผมอย่างที่เห็นตอนนี้นี่แหละ

“เมฆ ซัน”

ผมหันไปตามเสียงเรียกของอีฟ “นี่ไง พ่อกับแม่มันมาพอดีเลย เราสองคนกำลังว่าจะพามันเข้าไปนอนในบ้านอยู่พอดีเลย อีฟ กลัวว่าเดี๋ยวมันจะเป็นหวัดเอาน่ะ”

“นั่นสิ แต่ว่าไม่เป็นไรหรอก เราเอาผ้าห่มมาให้แล้ว เดี๋ยวให้กอล์ฟอุ้มมันไปนอนบนก้าอี้ยาวนั่นก็แล้วกัน” อีฟหันไปพยักหน้าให้กับกอลฟ์ จากนั้นไอ้กอล์ฟก็มาอุ้มวายุขึ้นจากตักผมไปอย่างช้าๆ

“ทำไมไม่ให้ลูกไปนอนในบ้านดีๆล่ะ อีฟ”

“ก็เราไม่อยากให้มันพลาดช่วงเวลาดีๆแบบนี้น่ะสิ ถึงมันจะยังหลับอยู่ก็เถอะนะ” อีฟยิ้ม

“เวลาอะไร”

“มาสิ เมฆ ซัน ทุกคนรออยู่ตรงนั้นนะ” อีฟเดินนำพวกเราตรงไปยังลานหน้าบ้าน

ที่นั่น ทุกคนมานั่งรวมตัวกันอยู่อย่างพร้อมหน้า แสงไฟจากเทียนนับร้อยเล่มถูกจุดขึ้นจนทั่วบริเวณ และแม้ในขณะที่เรากำลังเดินไป พวกไอ้วิทไอ้แป๊ะก็ยังคงกำลังช่วยกันจุดเทียนให้ครบกันอยู่เลย

“โห นี่มันเนื่องในโอกาสอะไรครับเนี่ย พ่อ” ผมหันไปถามพ่อเอกที่นั่งอยู่ใกล้ผมที่สุด

“นั่นไง” พ่อเอกพยักหน้าไปทางประตูบ้านของไอ้วิทที่ถูกเปิดออก

ป๋อมและเดียร์ค่อยๆช่วยกันเดินถือเค้กก้อนใหญ่ออกมาจากในบ้านพร้อมๆกับเสียงปรบมือเบาๆจากคนรอบข้าง

“เฮ้ย ชิบหายแล้ว วันเกิดใครวะ เมฆ” ผมหันไปกระซิบถามเมฆ

“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ตายห่าแล้ว นี่เราสองคนลืมวันเกิดใครไปรึไงเนี่ย” เมฆกระซิบตอบผมกลับมา

“นี่ เค้กช็อกโกแล็ตสูตรพิเศษของพวกเราเลยนะเว้ย เมฆ ซัน” เดียร์พูดขึ้นเมื่อวางเค้กลงบนโต๊ะแล้ว

ผมกับซันหันมามองหน้ากันงงๆ

“เมฆ ซัน มันอาจจะเร็วไปสักสองวัน แต่ว่าพ่อและทุกๆคนในที่นี้ต่างก็ยินดีที่จะบอกว่า สุขสันต์วันครอบรอบปีที่เจ็ดของทั้งสองคนนะลูก” พ่อเล็กยืนขึ้นพูดและตบบ่าของผมกับเมฆเบาๆพร้อมกับเสียงกู่ร้องแสดงความยินดีจากทุกๆคนรอบทิศทางและเสียงเพลงที่ถูกเปิดขึ้นโดยไอ้วิท ทำให้แม้แต่ไอ้ตัวแสบที่หลับไปแล้วก็ยังอุตส่าห์ลุกขึ้นมานั่งงัวเงียตบมืออยู่ข้างๆแม่ของตัวเองไปพร้อมกับคนๆอื่นด้วยเหมือนกัน

“ขอให้มีความสุขมากๆนะ เมฆ ซัน” พ่อเล็กกอดเมฆ แล้วก็หันมากอดผมด้วยเช่นกัน “ดูแลความรักของตัวเองให้ยั่งยืนได้อย่างนี้ตลอดไปนะ ซัน พ่อรักลูกทั้งสองคนมากนะ”

“ขอให้มีความสุขนานๆนะลูก รักกันและมั่นคงกันให้ตลอดไป” แม่ของผมเดินเข้ามากอดผมกับเมฆ ถัดจากนั้นก็เป็นพ่อ

“พ่อก็คงไม่มีอะไรจะพูดมากนักหรอก แค่ขอให้ทั้งสองคนเชื่อมั่นในตัวเองอย่างที่เคยเป็นมาก็พอนะ”

“แหม เดี๋ยวรอวันที่ลูกเขยของป้าได้รับการยินยอมจากพ่อแม่เค้าบ้างก่อนเถอะ จะเอาให้ยิ่งใหญ่ไม่แพ้งานนี้เลยคอยดู” ป้าแอ๊นท์หัวเราะพลางกอดผมสลับกับเมฆไปด้วย “แต่สำหรับหลานชายที่น่ารักของป้าทั้งสองคนนี้ ป้าก็ไม่ขออะไรมากนอกจากแค่ความรักที่เป็นนิรันดรอย่างที่ทั้งคู่มีอยู่แล้วนี้ก็พอนะ”

“ขอให้รักกันนานๆนะ เมฆ ซัน” ลุงคาร์ลอสพูดเป็นภาษาไทยสั้นๆด้วยสำเนียงแปร่งๆพร้อมกับตบบ่าพวกเราสองคน

“วันครบรอบ........ ของผมสองคน” ไอ้เมฆพูดออกมาอย่างตะกุกตะกักเมื่อหลุดจากการถูกสวมกอดจนครบทุกคนแล้ว

“ก็ใช่น่ะสิ อะไรวะ จำวันครบรอบแต่งงานตัวเองไม่ได้รึไง” ไอ้กอล์ฟกระทุ้งสีข้างเมฆเบาๆ

“ไม่ใช่ คือ พวกกูจำได้ แต่ไม่คิดว่ามันจะ เอ่อ เป็นอะไรแบบนี้”

“แถมที่สำคัญพวกกูแต่งงานกันแล้วซะเมื่อไหร่เล่า”

“แล้วจะรอจนกว่าที่รัฐบาลไทยจะอนุญาตให้มีการแต่งงานของผู้ชายรึไง ไอ้ซัน” ไอ้แป๊ะแย้ง

“ใช่ๆ แค่พวกมึงรักกัน แลกแหวนกัน แลกคำสาบานกัน พ่อแม่ผู้ใหญ่รับรู้และยินยอม นั่นก็เรียกว่างานแต่งงานแล้วเว้ย”

“อ้อ แล้วก็ไอ้เอ็นฝากความคิดถึงและคำอวยพรมาให้พวกพวกมึงด้วยนะ และยังบอกอีกว่าพอมึงกลับกรุงเทพกันไปและพอมันออกเวรเมื่อไหร่แล้วล่ะก็ ให้พามันเค้าไปเลี้ยงเหล้าด้วย” ไอ้ป๋อมเดินเข้ามากอดพวกเรา “รักกันนานๆนะเว้ยมึง อย่าเพิ่งเลิกกันก่อนกูกับเดียร์จะแต่งงานล่ะ”

ถัดจากนั้นก็เป็นตาของไคล์และพีที่เดินเข้ามากอดพวกเราสองคน

“ยินดีด้วยนะครับ เจ็ดปีแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยเนอะ ขอให้พี่สองคนรักกันนานๆอย่างนี้ตลอดไปนะครับ” พีกอดผมสลับกับเมฆพร้อมทั้งดวงตาที่เป็นประกายจากหยาดน้ำตา

“ความรักของทั้งสองคนคือสิ่งที่ค้ำจุนความสุขของผู้คนรอบข้างทุกคนนะครับ ผมขอให้พี่สองคนรักษามันเอาไว้นานๆนะ ผมรักพวกพี่มากครับ” ไคล์พูดพร้อมกับหอมแก้มเราทั้งสองคน

ผมหันไปเห็นเมฆเริ่มมีน้ำตาไหลมาปริ่มอยู่ที่ขอบตา และมันก็เลยทำให้ผมต้องเริ่มร้องไห้ตามไปกับมันด้วย ผมไม่เคยคิดเลยว่าผมจะโชคดีที่มีคนรักและหวังดีมากมายถึงเพียงนี้ ความรักของผมกับเมฆที่มีให้กันอยู่ทุกวันนี้มันไม่ใช่แค่ความรักของเราสองคนแต่เพียงลำพังเลยแม้แต่นิดเดียว แต่มันเป็นความรักอันยิ่งใหญ่ที่เราได้รับมาจากคนรอบข้าง และช่วยหล่อหลอมพวกเรามาจนมีวันนี้ขึ้นมาได้นั่นเอง

ทุกๆคนต่างก็เข้ามาอวยพรและแสดงความยินดีให้กับเราทั้งสองคนจนครบ และคนสุดท้ายที่เข้ามาอวยพรให้กับเราก็คือเจ้าวายุนั่นเอง

“ไหน วายุมีอะไรอยากจะบอกพ่อเล็กกับป่ะป๊ามั๊ยคะลูก” อีฟอุ้มวายุเดินตรงเข้ามาหาเราสองคน

เจ้าตัวเล็กโผเข้าหาเมฆแทบจะในทันที จากนั้นก็ใช้แขนเล็กๆคู่นั้นกอบรัดรอบคอของเมฆและซุกหน้าลงบนซอกคอของป่ะป๊าของมันอย่างรักใคร่และน่าเอ็นดู

“ยุรักป่ะป๊าคับ แล้วก็รักพ่อเล็กด้วย” เจ้าตัวเล็กโผเข้ามาให้ผมอุ้มบ้าง ผมเลยรับมันมาจากอ้อมแขนของเมฆแล้วหอมลงบนแก้มนิ่มๆนั่นฟอดใหญ่

“พวกเราก็รักตัวเล็กเหมือนกันครับ”

วายุหันไปชี้นิ้วไปที่เค้กบนโต๊ะแล้วก็ร้องออกมาเสียงดัง “ยุจะกินเค้กกก”

“คร้าบๆ งั้นไปหาแม่ก่อนนะ” ผมส่งวายุคืนให้กับอีฟ จากนั้นก็เดินจูงมือเมฆไปยังโต๊ะที่วางเค้กอยู่

ทุกคนที่ยืนล้อมรอบเราเงียบเสียงลง ผมหันไปมองหน้าเมฆแล้วพยักหน้าเบาๆ ผมรู้ว่าผมไม่เก่งในเรื่องนี้เท่ากับมันนัก และผมรู้ดีเลยว่ามันเองก็คงมีอะไรทั้อยากจะพูดกับทุกคนมากมายไม่ต่างจากที่ผมคิดมากนัก

“ผมกับซันขอบคุณทุกคนมากจริงๆครับ เราขอบคุณมากจริงๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีคำๆไหนสามารถนำมาใช้พูดแทนคำๆนี้ได้อีกมั๊ย แต่ว่ามันก็คือความรู้สึกที่เรามีให้แก่ทุกคนจริงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเรารู้ตัวดีว่าเราโชคดีแค่ไหนที่มีเพื่อนและครอบครัวที่ดีที่คอยให้กำลังใจเราอยู่เสมอมา และไม่ใช่แค่ความโชคดี แต่ยังเป็นความรักอันมหาศาลที่เราได้รับและหล่อเลี้ยงมาตลอดยี่สิบกว่าปีนี้ด้วย นับจากวันนั้นที่เรายังเป็นเด็กตัวเล็กๆ ยังเป็นลูกชายที่ดื้อที่ซนของพ่อและแม่ เป็นเพื่อนที่วิ่งเล่นเที่ยวเล่นด้วยกัน จวบจนมาถึงวันนี้ที่เราเติบโตขึ้นมาจนเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว มีครอบครัวเดิมที่อบอุ่น สร้างครอบครัวเล็กๆของเราขึ้นมาเองใหม่ และมีเพื่อนๆที่รักและยังคงมั่นคงต่อกันตลอดนานนับสิบปี รวมไปถึงผู้คนใหม่ๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเราอีกหลายคน แต่ทุกสิ่งที่ทุกคนมีให้แก่เราเหมือนๆกันนั่นก็คือ ‘ความรัก’ ครับ........ ถ้าหากไม่มีความรักจากทุกๆคนเช่นนี้ เราก็คงจะไม่ใช่เมฆกับซันอย่างในทุกวันนี้แน่ เพราะฉะนั้น ผมไม่มีอะไรจะพูดมากยิ่งไปกว่าคำว่า........ ขอบคุณจริงๆครับ”

ทุกคนปรบมือขึ้นทันทีหลังจากที่เมฆพูดจบ และเมื่อเสียงปรบมือเริ่มซาลงนั้นก็เป็นสัญญาณที่จะให้ผมพูดอะไรบางอย่างออกไปด้วยเช่นกัน

“เอ่ออ ผมก็คงเหมือนกันนั่นแหละครับ ขอบคุณทุกคนมากจริงๆ ผมรู้ว่าในอดีตผมเคยทำผิดพลาดไป มันคงเป็นความผิดที่ผมไม่มีวันลืม แต่ว่า ผมก็คงจะลืมไม่ลงด้วยเช่นกันว่า ณ ตอนนั้น ช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดของเราสองคน เรามีเพื่อนและครอบครัวที่ยอดเยี่ยมขนาดไหนที่คอยให้กำลังใจเราเรื่อยมา” ผมเว้นช่วงและมองไปยังใบหน้าของทุกคนรอบข้าง “หลายคนอาจจะพูดว่าเขาชื่นชมในความรักที่ผมกับเมฆมีให้แก่กัน แต่ผมขอบอกเลยนะว่าจริงๆแล้ว ความรักของเราสองคนนั้นมันเกิดขึ้นมาได้จากความรักที่ทุกคนมีให้แก่พวกเราต่างหากครับ ดังนั้นในคืนนี้ผมจึงอยากจะบอกทุกคนเลยว่า ผมขอบคุณทุกคนมากจากใจจริงๆ”

ทุกคนปรบมือขึ้นอีกครั้ง ถัดจากนั้นก็เป็นเสียงร้องของเจ้าตัวแสบว่าอยากกินเค้กดังขึ้นอีก ผมกับเมฆจึงช่วยกันตัดเค้กแบ่งใส่จานและเดินแจกให้แก่ทุกคนจนครบคน และในขณะที่ทุกคนกำลังนั่งกินเค้กของตัวเองกันอยู่นั้น ผมกับเมฆก็ได้รับของขวัญชิ้นน้อยใหญ่จากหลายๆคนไปด้วย

“ซันคะ” พี่แอมป์เดินเข้ามาหาผมพร้อมกับสมุดเล่มหนึ่งในมือ “นี่ค่ะ ของขวัญวันครบรอบเจ็ดปี ยินดีด้วยจริงๆนะจ้ะ”

“ขอบคุณมากครับพี่” ผมรับสมุดเล่มนั้นมาถือเอาไว้ในมือ รู้ดีเลยว่ามันคือสมุดสำหรับเก็บสะสมภาพถ่ายนั่นเอง

พี่แอมป์หอมแก้มผมเบาๆหนึ่งทีก่อนจะเดินกลับไปนั่งกับอาร์มเหมือนเดิม

“เมฆ มาดูนี่สิ” ผมกวักมือเรียกให้เมฆลุกเดินเข้ามาหา “เมฆจำรูปพวกนี้ได้มั๊ย.........” ผมค่อยๆเปิดสมุดเล่มนั้นตั้งแต่หน้าแรกไล่ไปเรื่อยๆ

“จำได้สิ นี่มันเป็นรูปที่ซันถ่ายตอนที่หนีเมฆไปอังกฤษเมื่อคราวนั้นนี่นา”

“ใช่แล้ว ซันเป็นคนบอกให้พีช่วยเอากลับมาให้ และพี่แอมป์เค้าก็ทำสมุดเล่มนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นของขวัญของเราสองคนนะ” ผมพลิกหน้าสมุดช้าๆทีละหน้าๆจนมาถึงหน้าก่อนสุดท้าย “แต่เมฆจำได้มั๊ยว่าตอนนั้นมันมีรูปของท้องฟ้ากับก้อนเมฆอยู่ทั้งหมดกี่ใบ”

“สี่สิบเก้าใบใช่มั๊ย”

“ใช่ และจำได้มั๊ยที่ซันเคยบอกว่าซันรอที่จะมีรูปใบที่ห้าสิบที่เป็นรูปที่ซันจะได้ถ่ายมันพร้อมกับเมฆ เป็นรูปที่จะเป็นรูปของ ‘ท้องฟ้าและก้อนเมฆ’ จริงๆ”

“ซันได้มันมาแล้วเหรอ” เมฆถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันน่ะ สามปีผ่านไปซันไม่เคยพูดถึงเรื่องนั้นอีกเลยนี่นา”

“ก็แหม มันหารูปเหมาะๆไม่ได้ซะกทีนี่นา แถมซันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นรูปยังไง เพราะพี่แอมป์เป็นคนอาสาว่าจะถ่ายและเลือกมาใส่ให้ด้วยตัวเองน่ะ เรามาดูพร้อมๆกันเลยดีกว่า” ผมพลิกไปยังหน้าสุดท้าย และในหน้านั้นก็มีรูปถูกเก็บไว้อยู่แค่เพียงใบเดียว เป็นรูปย้อนแสงที่เห็นเป็นเงาทอดผ่านทางด้านหลังของเราสองคนที่กำลังนั่งกุมมือกันอยู่บนสันทราย และเบื้องหน้าทางขวามือของเรานั้นก็เป็นพระอาทิตย์ดวงโตที่กำลังจะลาลับขอบฟ้าไปพร้อมกับก้อนเมฆก้อนน้อยใหญ่ลอยประดับอยู่เคียงข้างมัน

“รูปนี้มันเมื่อกี๊นี้เองนี่” ไอ้เมฆใช้มือลูบลงบนรูปใบนี้ช้าๆ

“พี่แอมป์นี่ไม่เคยพลาดจริงๆเลยนะ” ผมหัวเราะเบาๆ

“สวยมากๆเลยว่ะ ซัน เมฆชอบรูปนี้กว่ารูปที่เรานั่งชิงช้าด้วยกันใบนั้นซะอีก ไม่สิ คือถ้าจะพูดจริงๆแล้วก็คือเมฆชอบรูปนี้โคตรๆเลย”

“ซันก็เหมือนกัน” ผมหันไปหอมแก้มเมฆเบาๆ

“พ่อเล็กหอมน้องยุด้วย” ผมก้มลงมองที่ขากางเกงของผมถูกดึงโดยเจ้าตัวเล็กแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ

“ได้สิครับ เอ้านี่” ผมอุ้มมันขึ้นมากอดเอาไว้แล้วก็หอมแก้มไปฟอดใหญ่พร้อมกับไซร้คอมันไปด้วย ทำเอาเจ้าตัวแสบตัวน้อยหัวเราะคิกคัก “นั่น พ่อมาตามไปกินเค้กต่อแล้ว ไปหาพ่อก่อนนะ ไป”

ไอ้กอล์ฟเดินมารับลูกของมันไปนั่งกับแม่มันเหมือนเดิม จากนั้นผมจึงกันกลับมาเพื่อวางสมุดเก็บภาพถ่ายนั้นไว้บนโต๊ะที่ใช้วางของขวัญที่ทุกคนมอบให้พวกเรามา แต่ทว่าก็มีกล่องของขวัญอยู่กล่องหนึ่งที่ผมไม่คุ้นตาเลยว่าผมได้รับมันมาจากใครหรือเมื่อไหร่ในค่ำวันนี้

“เมฆๆ ผมกวักมือเรียกเมฆให้เดินกลับมาหา “เมฆรู้มั๊ยว่านี่ของใครให้เรามาน่ะ ซันจำไม่ได้”

เมฆหยิบกล่องของขวัญนั้นขึ้นมาพลิกไปพลิกมาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มออกมา “อื้อ รู้สิ”

“ใครให้ล่ะ ทำไมซันไม่เห็นจำได้ หรือว่าเมฆเป็นคนรับมา”

“เปล่า เมฆก็ไม่ได้ได้รับมาจากมือหรอก” เมฆตอบพลางหันมองไปรอบๆตัว “และยังไม่รู้ด้วยซ้ำนะว่าเค้าจะอยู่ที่นี่รึเปล่าน่ะ”

“หมายความว่ายังไง”

“นี่ไง ตัวอักษรตัวดับเบิ้ลยูตัวเล็กๆตรงนี้นี่ เห็นมั๊ย ทุกครั้งที่เมฆได้ของขวัญจากคนๆนี้ มันจะมีสัญลักษณ์นี้อยู่ที่กล่องเสมอแหละ”

“และคนๆที่ให้นี้ก็คือ.........”

“พี่วินไง”

“อ้อออ” ผมพยักหน้า

เมฆวางของขวัญชิ้นนั้นลงที่เดิมพร้อมกับเดินจูงมือผมออกมายืนอยู่กลางลาน และตอนนั้นเองที่เพลงที่เปิดอยู่กำลังจะจบลงและเพลงถัดมาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเพลงจังหวะที่ช้าลงกว่าเดิม หรือถ้าพูดให้ถูกก็คือถูกเปลี่ยนเป็นเพลงสำหรับเต้นรำนั่นเอง

“เต้นกันหน่อยดีมั๊ย ฟ้าคราม”

ผมยิ้มและตอบกลับด้วยการคว้าเอวของมันเข้ามาสวมกอดเอาไว้ ทันทีที่เราสองคนเริ่มขยับตัวอย่างช้าๆ ป้าแอ๊นท์กับลุงคาร์ลอสก็ลุกขึ้นมาเต้นอยู่ข้างๆเราสองคน จากนั้นก็ตามด้วยเดียร์กับป๋อม พีและไคล์ และคนอื่นๆก็ด้วยเช่นกัน

เสียงเพลงช้าบรรเลงเคียงคู่ไปกับแสงสีส้มนับร้อยดวงรอบกายเรา ช่วยขับกล่อมท่วงทำนองแห่งความสุขและความรักจากผู้คนรอบข้างเราทั้งหลายได้เป็นอย่างดี ถึงท้องฟ้าในตอนกลางคืนนั้นจะมืดมิด แต่มันก็สวยงามระยิบระยับไปด้วยแสงดาวนับร้อยดวงและความงามจากดวงจันทร์อันนวลผ่อง และเราสองต่างก็รู้ดีเลยว่าภายในใจของเราทั้งคู่นี้ ท้องฟ้าผืนเดียวที่เราใช้ร่วมกันนั้นจะยังคงเป็นสีฟ้าครามสวยสดเคียงคู่ไปกับก้อนเมฆสีขาวบริสุทธิ์อยู่เช่นนั้นตลอดไปไม่มีวันเปลี่ยนแปลง.........

“นี่ก็เท่ากับเราแต่งงานกันจริงๆจังๆแล้วสินะ ฟ้าคราม”

“ใช่....... มีทั้งแหวน ทั้งเค้ก คำอวยพรจากผู้ใหญ่ เพื่อนๆ งานฉลอง และการเต้นรำ ซันว่าเราก็คงเพิ่งได้แต่งงานกันจริงๆก็เมื่อวันครบรอบเจ็ดปีของเรานี่แหละนะ ศิลา”

“แถมยังเป็นแบบผสมทั้งแบบไทยและแบบฝรั่งด้วย”

“ก็นั่นสินะ วันครบรอบปีหน้าของเราคงจะงงกันน่าดูเลยว่าครบอะไรแบบไหนมั่งแล้วน่ะ”

“ว่าแต่พอเป็นแบบนี้แล้วรู้อะไรมั๊ย ซัน”

“อะไรเหรอครับ........” ผมก้มเอาหน้าผากมาชนเข้ากับหน้าผากของมันเบาๆ

ไอ้เมฆเงียบลงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แบบนี้ก็เท่ากับว่า นับแต่นี้ต่อไป มึงก็ติดอยู่กับกูไปตลอดชีวิตแล้วนะ ไอ้ตัวแสบ.........”

“และมึงก็ติดอยู่กับกูไปตลอดชีวิตแล้วเหมือนกัน ไอ้ตัวดี.........” ผมหัวเราะเบาๆ


จบบริบูรณ์



.......................................................................


blackberry2214

  • บุคคลทั่วไป
โหยยย


ไร้คำบรรยายครับ


รักเมฆกับซันโคดๆๆ

รักนิยายเรื่องนี้ ตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนสุดท้าย

และที่สำคัญ

รักพี่ต้น คนแต่ง อย่างสุดซึ้งงงง


^___________________^ :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4: :m4:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
^
^

โฮ้!! อ่านเร็วเว้ออออ!!  :m30:

อิอิ ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณจริงๆๆๆ

 :oni2:



Givesza

  • บุคคลทั่วไป
Re: ]| เวลาที่เหลืออ&#
«ตอบ #575 เมื่อ08-10-2008 21:55:23 »


เป็นกำลังใจให้พี่ต้นนะคร๊าบบบ สุดยอดเจิงๆเอ๊าะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-10-2008 05:33:24 โดย GivesZaღIIsD »

blackberry2214

  • บุคคลทั่วไป
เช้ด น่าภูมิใจมาก อ่านซีรีส์เรื่องยาวนี้จบคนแรก
(รึเปล่าวะ อ้อลืมไป พี่ต้นจบก่อน)


อ้ากกกกกกกก โคดดีใจอ่าาาาาา



5555+


อยากจะบอกว่า ตั้งแต่พี่ต้นบอกว่าวันนี้เจอกัน ต๊อบก้เอาการบ้า่นที่เรียนพิเศษ เอาชีทที่ต้องอ่านตอนเย็นมานั่งอ่านหน้าคอมเลยอ่ะ

เฝ้าแบบ ตามติด


นึกไม่ออกเรยว่าจะพูดไรอีก รุสึกมันครบทุกอารมณ์แล้ว


เอาเปนว่า

โคดรักพี่ต้นเลยคร้าบ



5555 ^_______________^ :m13: :m13:

BEta-K

  • บุคคลทั่วไป
 :L2: ตามอ่านมานาน จบแบบมความสุข ประทับใจจริงๆ 

ขอบคุณน้องต้นมากๆ :pig4:

   จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อๆไปอีก  :L2:

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ artday

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Givesza

  • บุคคลทั่วไป
อยากจะฆ่าอีนังนัท

ดีนะที่ไปศรีธัญญาแล้ว  o13



สุดยอดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก พี่ต้นสุดยอดเอ๊าะ+++ นับถือสุดซึ่ง

แต่ก็อย่างว่า อิจฉาไฟลุกโชน อิอิ

ขอบคุณพี่ต้นสำหรับเรื่องราว และนิยายสุดๆเรื่องนี้นะครับ

สุดยอดจริงๆ

ปล.ใครตามอ่านจากภาคแรกยันภาคจบ มีหวังอ๊วกก!!!  :laugh:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
จบแล้วใช่มะ เดี๋ยวตามอ่านนะจ๊ะ จุ๊บๆๆๆๆ  :man1: :man1: :man1:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

nongyuna

  • บุคคลทั่วไป
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

สนุกเวอร์ค่ะ

แม้ภาคสุดท้ายจะมาแนว สอบสวน มากมายก็ตาม

แต่ก็ชอบมากกกกกกกกกกกกค่ะ

เอาไปทำซีรีย์ได้เลยค่ะ มันส์มากกกกกกกกกกกกก  :laugh:

แบบเดาไม่ออกกันเลยทีเดียว


ps...ภาคนี้ขาดบทอัศจรรย์นะค่ะ  :o8: :o8:

แวะเอามาแถมนิสกดีน๊า  :oni2: :oni2:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page



ps...ภาคนี้ขาดบทอัศจรรย์นะค่ะ  :o8: :o8:

แวะเอามาแถมนิสกดีน๊า  :oni2: :oni2:

55555 คิดเหมือนกันเลยครับ นึกอยู่ตลอดเลยว่า "แหม๊~ มันขาดอะไรไปนิสโนะ" 55555  :laugh:
แต่เอามาแถมคงไม่ดีแล้วล่ะคับ อิอิ เอาไว้ครั้งหน้าแต่งสตอรี่เอ๊กซ์ๆลงปกขาวเลยดีแมะ อิอิอิ  :o8:

ปล. แวะมาขอบคุณอีกครั้งก่อนไป ตจว ครับ ขอบคุณมากม๊ากกกกก  :bye2:


nartch

  • บุคคลทั่วไป
:m4:
ชอบช่วงเวลาที่หวาน ๆ โรแมนติก ๆ แบบนี้จางงงงงง  :o8:

แม้จะไขว้เขวไปบ้างแต่ก็เป็นไปตามคาด ยัยนัท ตัวดีเจง ๆ
แต่ไหน ๆ ก็ผ่านมาด้วยดี เมฆกับซัน ไคล์ทกับพี ก็รักกันดี
แถมยังมี วายุ ตัวแสบมาเพิ่มเป็นศูนย์รวมความรักด้วย   :m1:

+1 ให้เป็นการขอบคุณสำหรับการถ่ายทอดความรักที่สวยงาม

TaDa

  • บุคคลทั่วไป


ขอบคุณคร๊าบบบบบบบบบบ

สำหรับซี่รี่ส์เรื่องยาวววววววววววววววววว

ขอบคุณทุกอารมณ์ความรู้สึกของทุกตัวละคร ที่พี่แต่งได้สุดยอด  :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ slmzaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:สุดยอดครับ      ขอบคุณมากที่เขียนเรื่องดีๆๆไห้กับเราอ่านครับ
:mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

ninaprake

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้อออ ในที่สุดซีรีย์เรื่องนี้ก็มาถึงตอนจบ ... ชอบจังเลย ชอบตั้งแต่ภาคแรกๆและ ภาคนี้เปลี่ยนแนวก็แปลกดีนะแต่ก็หนุกแหละ

ขอบคุณต้นสำหรับความพยายามในการเขียนเรื่องด้วยนะคร้าบบ แล้วก็ขอให้มีความสุขสนุกสนานกับการทำงานนะ

เป็นกำลังใจให้เสมอคร้าบบบบ เหนื่อยๆหรือมีปัญหาไร เขียนมารับรองว่ามีแฟนๆมากมายพร้อมจะเป็นเพื่อนและเป็นกำลังใจให้แน่ๆคับ ;)

ออฟไลน์ osaru

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ยังอ่านไม่จบเลย ยาวมากชอบๆๆๆ

อ่านจบแล้วเดี่ยวเข้ามาเม้นน้า

แว้บบไปอ่านต่ออย่างรวดเร็ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
 :m3: :m3: :m3:
อิ่มค่ะ น้องต้น อิ่มใจจริงๆในที่สุดก็ทำได้อย่างที่บอกไว้เลย  o13
จากนี้ไปคงคิดถึงเมฆกับซันมากๆๆๆ
 :pig4:ขอบคุณนะสำหรับเรื่องที่สนุก สุข เศร้า ตื่นเต้นเร้าจายเรื่องนี้
ทุกๆภาคที่ผ่านมารู้สึกดีมากๆเลย :pig4: :pig4:
แล้วก็ดีใจด้วยกับรางวัลจากการโหวตนิยายเรื่องนี้(ได้ตั้ง2รางวัลแน่ะ :t2:)
 :L2:
 :กอด1:
กว่าจะอ่านจบเล่นเอามึนเหมือนกันแฮะ o2 o2

yaoifan

  • บุคคลทั่วไป
จบแล้ว ยาวสะใจดี อิอิ

รอเรื่องต่อไป ยังไงก็คิดถึงก้อนเมฆ และ พระอาทิตย์อยู่เสมอ

จะมีเรื่องของพีท กับ ไคล์ต่อไหมคะ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีที่ให้อ่านนะคะ :pig4:


ปล. ดีใจกับรางวัลที่ได้ด้วยค่ะ ถึงจะไม่ใช่เรื่องนี้ แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องศิลา ฟ้าคราม  :m1: :m4:

ออฟไลน์ Ryuse

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-1
ขอบคุณต้นครับ ที่แต่งเรื่องนี้ให้จบได้เจ๋งไม่แพ้เรื่องอื่นๆ

ปองคุงพึ่งมาตามอ่านจนจบเมื่อตอนตี3ของวันนี้เอง นี่ก็พึ่งจะได้มาโพสต์ตอบ

ต้น จำที่ปองคุงเคยถามได้สินะครับ (จำไม่ได้ไปดูในIMดิ ถ้าไม่ได้ลบไปก่อนนะ  :laugh:)

ตอนนี้ปองคุงได้คำตอบหมดแล้วครับ ขอบคุณมากๆที่ทำให้กระจ่างได้ อ้อ . . . เกือบลืมอยากจะบอกว่า



"ไอ้บ้าต้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

แต่งให้กำกวม บีบคั้นหัวใจคนอ่านตาดำๆคนนี้ได้ไงวะ!!? ใช้ได้ที่ไหน!!?"


แหม่ กว่าจะทำใจมาอ่านได้อีกรอบ ก็ตอนเหลือบมาเห็นว่าเรื่องนี้ย้ายมาอยู่ที่forumนี้แล้ว

อ่านจนจบแล้วค่อย :m4:ออกหน่อย

ขอโทษที่ :angry2:คุณแต่อดมันอดไม่ได้น่ะ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับหัวใจดีๆที่ทำให้ผมอยาก :กอด1: คุณ

อีกครั้ง คุณต้น :o8:

speedboy

  • บุคคลทั่วไป
อ่านจนจบ  โอ้ยคิดว่าตัวเองจะไปเป็นก้อนหินในเรื่องอะคร้าบ อิอิ

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะคร้าบ

 :oni2: :oni2: :oni2:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
วันนี้แอบกลับมานั่งอ่านรีพลายแล้วแอบอมยิ้มอยู่คนเดียว  :กอด1:

ผมรู้สึกคิดถึงเมฆกับซันโคตรๆเลยครับ ทั้งด้วยเหตุผลส่วนตัว และด้วยที่มันสองคนอยู่กับผมมาตั้งแต่แรกถึงสองปี
ทั้งเมฆและซันต่างก็เป็นเหมือนร่างแยกของต้นกับคนอีกคนหนึ่งที่ก็จะยังคงอยู่และอยู่อย่างสวยงามในใจต้นตลอดไปเช่นกัน
เพราะงั้นพอไม่ได้เขียนถึงคนสองคนนี้แล้ว มันก็อดรู้สึกเหงาๆแปลกๆไม่ได้
รู้สึกเหมือนเสียเพื่อนหรือขาดการติดต่อจากเพื่อนที่เรารัก สนิท และไว้ใจที่สุดในโลกไป
รู้สึกเหมือนสูญเสียส่วนหนึ่งของชีวิต ร่างกาย หัวใจ และจิตวิญญาณไปเลยก็ว่าได้

ฟังดูเว่อร์เนอะ แต่สำหรับต้นมันเป็นแบบนั้นจริงๆ

และไม่่ใช่แค่เมฆกับซัน แต่ยังเป็นทั้งไคล์ พี และคนอื่นๆด้วย

ทุกวันนี้เวลาที่แหงนหน้ามองท้องฟ้า ก็ยังคิดถึงสองคนนี้อยู่ตลอดเวลาเลย
ทั้งรอยยิ้มของก้อนเมฆ และความอ่อนโยนของท้องฟ้า ความเข้มแข็งของก้อนหิน และความอบอุ่นของพระอาทิตย์
แต่สิ่งๆหนึ่งที่หายไปแล้วแน่ๆก็คือ.......

ผมไม่สามารถหาคำพูดอะไรมาบรรยายความงดงาม ความเหงา หรือความรู้สึกต่างๆของท้องฟ้ากับก้อนเมฆได้เหมือนแต่ก่อนอีกแล้วครับ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมรู้สึกมันได้ถูกถ่ายทอดออกไปเป็นตัวหนังสือทั้งหมดทั้งสามภาคจนเกลี้ยงหมดแล้ว

ทุกวันนี้เวลาฟังเพลงของ depapepe ในฉากที่ซันแต่งและเล่นกีตาร์ให้เมฆก็คิดถึงมันสองคนตลอดเลย
รวมทั้งเพลงอื่นๆที่ผมเคยใช้และพูดถึงด้วย
รู้สึกเหมือนกับมี soundtrack ส่วนตัวของสองคนนี้อยู่ในใจยังไงไม่รู้เลย
เวลาเหงาๆคิดถึงพวกมันก็จะเปิดฟังวนไปวนมาเรื่อยๆๆๆ อย่างเพลง wedding bell นี่เคยฟังวนจนสามชั่วโมงไม่เปลี่ยนเพลงเลยก็มี


รู้สึกเหงาๆเหมือนกัน แต่ก็อย่างว่าแหละเนอะ มีพบก็ต้องมีจาก
แต่ถึงอย่างไรอย่างน้อยๆมันสองคนก็จะยังคงอยู่ในใจของผมตลอดไปแน่นอน......




เฮ้อออ คิดถึงเมฆกะซันจังเลยยย
เอาไว้หาโอกาสให้มันได้มีบทออกมาอีกดีมั๊ยเนี่ย แง่มๆ -"-



ปล. ขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะครับ ขอบคุณจริงๆ หวังว่าเมฆกับซันจะยังคงรักกันและอยู่คู่กันเป็นท้องฟ้าที่สวยงามในใจของคนอ่านทุกคนนะครับ ^__^

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
คิดถึงเมฆกับซันมากจริงๆ ด้วย ถึงจะอ่านมาถึงสามภาค ก็ยังรู้สึกว่ายังอ่านไม่อิ่มเลย
ว่างๆ ก็มาเขียนเป็นตอนพิเศษมั่งก็ดีเนอะ

คิดถึงต้นมากด้วยนะ :กอด1:

Givesza

  • บุคคลทั่วไป
มาสารภาพว่า

ฟัง wedding bell

ไม่ใช่แค่ 1 2 หรือ 3 ชั่วโมง!!

แต่เป็นทุกครั้งที่เปิดคอม

อิอิ

 :-[

หลงแบบสุดๆ แง๊ๆๆ   :serius2:

ออฟไลน์ Blurry

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ขอถอนหายใจยาวๆ เฮ้ออออออ ในที่สุดก็อ่านจบแล้ว :a2: ใช้เวลาข้ามปีเลยทีเดียว
แต่ชอบมากๆๆๆ รักเมฆกับซันคู่ที่อบอุ่นที่สุดในโลก รักคู่นี้จริงๆ  o18
วายุเป็นเด็กที่ได้รับความรักมากมาย โตไปจะเป็นยังไงอยากรู้

ว่างๆก็แต่งตอนพิเศษมาให้อ่านบ้างนะคะ  :pig4:





TonG_x_Zhi

  • บุคคลทั่วไป
อ่าน4วันติดต่อกันจนจบ :really2:  ตอนแรก อ่านภาคแรกก่อน  แล้วลองค้นดูว่า นักเขียนคนนี้เขียนเรื่องไหนอีกป่าวเนี่ย:impress2:

จนมาเจอเรื่องนี้อ่ะครับ

สนุกแล้วก็น่าติดตามมากอ่ะ  อ่านซะเพลินครับ   ตอนแรกคิดว่าคนร้ายเป็นนัทไปๆมาๆอ้าวเฮ้ย พี่จ็อบร้ายกว่า :z6:

แต่สรุปนัทร้ายที่สุด :a5:  แต่ก็สงสารนัทเหมือนกันนะ คงทั้งรักทั้งแค้นแหละ :fire:

ยังไงจะติดตามอ่านผลงานต่อไปนะครับ  สู้ๆ o13 :กอด1:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
อีกไม่นานคงได้เข็นนิยายเรืองใหม่มา
ยังจะมีคนอ่านมั๊ยเนี่ย หายหัวไปนานเกิ๊นนน

 :เฮ้อ:

คราวนี้สดกว่าเมฆกะซันแน่นอน เพราะเป็นเด็กโรงเรียนชายยายยายายายาายายยย 55555

คงออกแนวๆเดิม รักๆ หวานๆ และ ยาววยาวววววววว
คงได้ยาวกว่าเมฆกะซันแน่ๆเลย

ปล. ใบ้ให้ว่าต้นไม่ทิ้งเมฆกะซันแน่นอน
ปล.2 น่าจะเจอกันราวๆกุมภามั๊ง (ช่วงนี้ขอเก็บสต๊อกอีกสักพัก งานเยอะบรรลัยโลก)
ปล.3 จะได้มีคนอ่านข้อความนี้กี่คนเนี่ย 5555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด