]| เวลาที่เหลืออยู่ |[ :: ขอบฟ้าสั้นกว่าเข็มวินาที....... ปลายทางสุดท้ายของหัวใจ (จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ]| เวลาที่เหลืออยู่ |[ :: ขอบฟ้าสั้นกว่าเข็มวินาที....... ปลายทางสุดท้ายของหัวใจ (จบ)  (อ่าน 190023 ครั้ง)

Black Angel

  • บุคคลทั่วไป
 :m22: :m22: :m22: :m22:

ยังไม่มา ไปก่อนดีกว่า

แล้วค่อยมาใหม่

 :m32: :m32: :m32: :m32:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
ไม่สงสารคนรอเลยเหรอ  ยังไม่มาอีก

 o7 o7 o7

ออฟไลน์ osaru

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ขอโทษๆจ้าา มีปัญหานิดหน่อยน่ะค้าบบบ
ตอนนี้เคลียร์แล้ว แต่ถึงงั้น ผมก้อยังคงยุ่งกับภาระกิจมากมายอยู่ดี ไม่มีข้อแก้ตัวคับ สำนึกผิด T__T


ก้าวที่แปดสู่ปลายทางสุดท้าย


พี่วินขับรถพาผมเลี้ยวเข้าไปในซอยที่ผมไม่รู้จักเป็นระยะทางได้ราวๆห้านาที จากนั้นก็พาผมเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ยามที่หน้าหมู่บ้านปล่อยผ่านให้เราเข้าไปอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องแลกบัตรหรือไม่แม้แต่จะชะเง้อมองเข้ามาข้างในรถเลยด้วยซ้ำ ซึ่งก็อาจจะไม่แปลกสำหรับหมู่บ้านที่ค่อนข้างใหญ่ พลุกพล่าน และมีรถวิ่งเข้าวิ่งออกตลอดเวลาซึ่งต่างไปจากหมู่บ้านของผมแบบนี้ แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ก็ทำให้ผมนึกถึงความเลินเล่อของยามหมู่บ้านของผมเองและมันก็ทำให้ผมอดรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในอกอีกครั้งไม่ได้

“ไม่ต้องกังวลเรื่องลุงกับไคล์หรอก ตอนนี้กรณ์ไปดูแลทั้งสองคนแล้ว” พี่วินพูดขึ้นราวกับจะอ่านใจของผมออก

ผมอดหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้ “ผมอยากถามมาตั้งนานแล้วนะครับเนี่ย ว่าทำยังไงพี่ถึงได้รู้เรื่องนั้นเรื่องนี้ไปหมดขนาดนี้ แม้กระทั่งอ่านใจคนอื่นได้อีกด้วยเนี่ย”

“เอาเป็นว่า......” พี่วินยิ้ม “พี่เป็นคนช่างสังเกตล่ะมั๊ง”

“เหมือนวันนี้ที่พี่มาเจอผมที่ลานจอดรถ และตอนนี้ที่พี่กำลังพาผมมาที่ไหนบ้านใครก็ไม่รู้น่ะเหรอครับ”

“ก็ประมาณนั้น” พี่วินยักไหล่

“พี่....... แล้วพี่จะให้ผมไปหาใคร แล้วพี่จะให้ผมจะทำตัวยังไงพูดอะไรยังไงล่ะครับเนี่ย”

“ก็........” พี่วินพูดพร้อมกับชะลอลดและจอดลงที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง “พูดเรื่องที่อยากพูด แต่ต้องฟังแม้เรื่องที่อาจจะไม่อยากฟังด้วย...... ก็เท่านั้น”

ผมมองไปยังหลังคาบ้านสีน้ำเงินเข้ม แต่เนื่องจากกำแพงที่ค่อนข้างสูงและต้นไม้ที่หนาครึ้มจึงทำให้ผมไม่สามารถมองเห็นข้างในรั้วบ้านได้

“พี่ไม่เข้าไปเหรอครับ” ผมถามเมื่อเห็นพี่วินยังคงนั่งนิ่ง

“มันไม่ใช่ธุระของพี่แล้วนี่”

ผมก้าวลงจากรถและยืนละล้าละลังอยู่หน้าบ้านครู่หนึ่ง จนกระทั่งพี่วินกระแอมออกมาเบาๆ ผมจึงถอนหายใจและเอื้อมมือไปกดกริ่งหน้าบ้าน และหลังจากสิ้นเสียงกริ่งลง ราวๆหนึ่งนาทีถัดมาก็มีคนมาเปิดประตูรั้วให้แก่ผม

“ไง เมฆ”

“ไอ้แบ๊งค์” ผมนิ่วหน้าด้วยความประหลาดใจ “ที่นี่บ้านมึงหรอกเหรอ” ผมหันกลับไปมองที่รถอีกครั้ง แต่ตอนนี้พี่วินกลับปิดกระจกรถหนีผมไปเสียแล้ว

“เข้ามาก่อนสิ” แบ๊งค์พยักหน้าเบาๆบอกให้ผมเข้าไปข้างใน จากนั้นมันก็เดินเลยผมไปปิดประตูรั้วลง และเมื่อผมเข้ามายังด้านใน ผมจึงเพิ่งสังเกตเห็นรถคันหนึ่งที่ผมคุ้นตาจอดอยู่ถัดจากรถตู้คันที่เคยไปส่งพวกเราที่ระยองมาแล้วด้วย และตอนนั้นเองที่ผมได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถของผมขับออกไป ผมจึงรีบหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อจะโทรหาพี่วิน แต่เมื่อผมควักมันออกมาจากกระเป๋า ผมก็ได้รับเมสเสจสั้นๆจากพี่วินพอดีว่า ‘เดี๋ยวพี่มารับ’

“ไอ้เมฆ”

ผมเงยหน้าขึ้นไปตามเสียงเรียกที่คุ้นเคย และมันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นไปอีก

“ไอ้เชี่ยเอ็น” ผมมองหน้าของมันสลับกับแบ๊งค์ด้วยความงุนงง

“เออ กูก็พอจะเข้าใจมึง แต่ตอนนี้มึงเข้ามาในบ้านก่อนเถอะ” ไอ้เอ็นกวักมือเรียกผม ผมจึงค่อยๆเดินตรงเข้าไปหามันอย่างงงๆ “มึงก็ด้วย แบ๊งค์ เข้ามาได้แล้ว”

เราสามคนนั่งลงบนโซฟารับแขกโดยที่ผมนั่งที่โซฟายาวคู่กับไอ้เอ็น ส่วนไอ้แบ๊งค์นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เราสามคนไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยราวๆครึ่งนาที แต่มันก็ยาวนานราวกับครึ่งชั่วโมงที่แสนน่าอึดอัดใจ จนกระทั่งในที่สุดไอ้แบ๊งค์ก็เป็นฝ่ายที่ลุกขึ้น

“เดี๋ยวกูไปเอาน้ำมาให้”

เท่ากับว่าผมได้คำตอบที่แน่นอนแล้วว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของใครกันแน่ หลังจากที่ต้องสับสนไปสับสนมาอยู่ถึงสองสามรอบได้

“กูรู้ว่ามึงคงยังงงๆ แต่กูจะบอกตามตรงว่ากูเองก็งงไม่แพ้มึงหรอก กูยังเพิ่งจะรู้เรื่องทั้งหมดเมื่อวานนี้เอง” ไอ้เอ็นเริ่มพูดขึ้นหลังจากที่ไอ้เอ็นเดินหายเข้าไปในห้องครัว

“มึงรู้อยู่แล้ว....... มึงสองคนรู้อยู่แล้วว่ากูจะต้องมาที่นี่” ผมเพิ่งจะเข้าใจ ทั้งการกระทำของพี่วิน สีหน้าของพวกมันทั้งสองคนเมื่อตอนที่ผมมาถึงเมื่อครู่ และรวมไปถึงบรรยากาศแปลกๆทั้งหมดนี่ด้วย

ไอ้เอ็นพยักหน้า “ใช่ เมื่อคืนนี้น่ะ....... นี่ไอ้เมฆ มึงกูหน้ากูสิ ดูขอบตากูดีๆ” ไอ้เอ็นยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมและใช้นิ้วชี้ชี้ไปที่เบ้าตาของตัวเอง “ดำปี๋เลยมั๊ยมึง ผลจากการอดนอนมาราธอน”

“กูขอโทษ เรื่องของกูคงทำให้มึงลำบากมานานแล้ว กูขอโทษจริงๆ”

“ไม่ใช่ มึงอย่าพูดอย่างนั้น อย่างน้อยๆ........” ไอ้เอ็นหันหน้าไปทางห้องครัว จากนั้นก็หันกลับมาหาผมอีกครั้ง “อย่างน้อยๆที่เมื่อคืนนี้กูไม่ได้นอนก็ไม่ใช่เพราะมึง”

“งั้นมึงบอกกูหน่อยซิว่าทำไมพี่วินถึงพากูมาที่นี่”

“เรื่องนั้นมึงรอไอ้แบ๊งค์เป็นคนมาพูดดีกว่า” ไอ้เอ็นพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวกูไปตามมันมาให้”

หลังจากที่ไอ้เอ็นเดินหายไปในครัวอีกคน ผมก็นั่งใช้ความคิดตามลำพังอีกครั้ง พยายามโยงเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกัน นึกถึงทั้งการกระทำ เหตุการณ์ของหลายๆคนหลายๆสิ่งที่ผ่านมาทั้งหมด รวมทั้งคำพูดแปลกๆของพี่วินเมื่อเช้านี้ด้วย และทันใดนั้นเองที่ผมรู้สึกราวกับร่วงหล่นลงไปในหุบเหวลึกที่ไร้ก้น ความหวาดกลัวและหวาดหวั่นเริ่มเข้ามาครอบงำจิตใจของผมอีกครั้ง

ความกลัวต่อความเป็นจริงที่ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อน..........

“เรื่องทั้งหมดกูเป็นคนผิดเอง......” ไอ้แบ๊งค์พูดขึ้นหลังจากกลับมานั่งพร้อมกับไอ้เอ็นแล้ว และเมื่อมองดูสีหน้ามันดีๆผมถึงได้เห็นว่าจริงๆแล้วมันมีสภาพย่ำแย่ยิ่งกว่าไอ้เอ็นหรือแม้แต่ตัวของผมเองเสียอีก แต่ประโยคที่ผมได้ยินมันพูดออกมานั้นก็ไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกสงสารมันมากขึ้นเลยแม้แต่น้อย ภาพที่ผมเห็นในคืนนั้นที่หน้าห้องของไอ้ซันมันทำให้ผมรู้สึกกระตุกวูบจนต้องกำหมัดของตัวเองเอาไว้แน่น “กู...... กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจให้มึงต้องเจอเรื่องแบบนี้เลย แล้วกูก็ไม่ได้ตั้งใจให้มึงสองคนต้องเลิกกันด้วย”

“มึงพูดอะไรของมึง ไอ้แบ๊งค์” ผมนิ่วหน้าและพ่นลมหายใจออกทางจมูกเบาๆ

“กูเองที่เป็นต้นเหตุให้ไอ้ซันต้องทำแบบนั้นลงไป กูเองที่ทำให้มึงต้องทะเลาะกัน ทั้งหมดกูผิดเอง เมฆ กูขอโทษ........” ไอ้แบ๊งค์พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

ผมแค่นยิ้มและและหัวเราะเยาะออกมาเบาๆ “ถ้าเรื่องนั้นล่ะก็กูรู้อยู่แล้ว กูรู้อยู่แล้วว่าคืนนั้นกูเห็นอะไร และเผลอๆอาจจะก่อนหน้านั้นด้วยที่กูเองก็รู้มาตลอด นี่น่ะเหรอที่มึงพยายามจะบอกกู”

“ใจเย็นๆก่อน เมฆ กูรู้ว่ามึงโกรธมัน แต่.......” ไอ้เอ็นปราม

“เย็นบ้าเย็นบออะไร! นี่พวกมึงกำลังเล่นเหี้ยอะไรกันอยู่ นี่กูต้องถ่อมาถึงที่นี่เพื่อมาฟังมันขอโทษกูเนี่ยนะ!” ผมลุกขึ้นยืนและชี้ไปที่ไอ้แบ๊งค์ “เผื่อพวกมึงจะไม่รู้นะ ตอนนี้พ่อของกูกำลังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล และตอนนี้แทนที่กูจะได้ไปเยี่ยมพ่อกู แต่กูเสือกกลับต้องตะกายมาฟังไอ้คนที่ทำร้ายกูอย่างมันพูดคำว่าขอโทษเนี่ยนะ!” ผมตะคอกออกไปอย่างเดือนดาล “มึงเองก็เหมือนกัน ไอ้เอ็น กูคิดว่ามึงจะเข้าใจกูซะอีก”

“กูบอกให้มึงใจเย็นๆไง” ไอ้เอ็นลุกขึ้นบ้าง “ปกติมึงจะเป็นคนใจเย็นกว่านี้ไม่ใช่เหรอวะ มึงฟังสิ่งที่พวกกูกำลังจะบอกมึงก่อนได้มั๊ยเล่า

“กูไม่คิดว่ากูอยากจะฟัง”

“แต่มึงต้องฟัง ไม่ว่ามึงจะอยากได้ยินหรือไม่ก็ตาม” ไอ้เอ็นสวนกลับทันควัน และมันก็ทำให้ผมชะงักไปเล็กน้อย “มึงไม่สงสัยบ้างเลยรึไงว่าทำไมวันนี้กูถึงมาอยู่ที่นี่ และทำไมจู่ๆพี่วินของมึงถึงไปรับมึงมาที่นี่แบบนี้ กูรู้ว่ามึงกำลังหงุดหงิด สับสน โกรธ แล้วก็เสียใจ แต่ตอนนี้มึงต้องฟัง ถึงเวลาแล้วที่มึงต้องรู้อะไรอีกหลายๆอย่างที่มึงอาจไม่รู้”

ผมมองหน้าของไอ้เอ็นสลับกับแบ๊งค์จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาเหมือนเดิม “ก็คงจริงของมึง........ แต่กูขอร้องล่ะว่า กูไม่อยากจะฟังคำแก้ตัวในเรื่องของคืนนั้น กูยังไม่อยากนึกถึงมัน”

ไอ้เอ็นเองก็กลับมานั่งลงเหมือนเดิมเช่นกัน “ขอบใจมาก เมฆ”

“มึง........ อาจจะไม่ให้อภัยกู” จู่ๆไอ้แบ๊งค์ก็พูดขึ้น “ซึ่งกูก็คงไม่ได้ต้องการแบบนั้นเหมือนกัน กูยอมรับว่ากูชอบไอ้ซัน มึงเองก็คงจะพอรู้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว กูอิจฉามึงอยู่ตลอดเวลาที่ไอ้ซันมันเลือกมึง ตลอดเวลาสมัยมอปลาย กูเองก็ได้แต่มองพวกมึงสองคนสนิทสนมกันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถึงกูจะพยายามเป็นให้เป็นได้แค่อย่างน้อยๆก็คือเพื่อนสนิทของมัน มันก็ยังคงมีกำแพงอะไรบางอย่างที่กูไม่รู้ว่ามันคืออะไร และไม่สามารถข้ามผ่านไปได้ยู่ดี ตอนนั้นกูเองและคนอื่นๆก็ไม่ได้รู้หรอกว่ามึงเป็นอะไรกัน และนั่นก็ยิ่งทำให้กูเครียดและสับสนมากเข้าไปอีก มึงอาจจะไม่รู้ตรงจุดนี้ เพื่อนคนอื่นๆก็คงไม่รู้สึก แต่สำหรับกูแล้ว มันเป็นอะไรที่อึดอัดและทรมานมากนะเว้ย”

ผมนั่งฟังโดยไม่ได้พูดอะไร......... และพยายามที่จะไม่คิดอะไรด้วย

“ตอนมันไปที่อังกฤษ กูก็หลุดไปเลยเหมือนกัน และถึงกูจะยังพอได้คุยกับมันอยู่เรื่อยๆบ้าง กูก็พยายามจะตัดใจไปด้วย นั่นเป็นครั้งแรกที่กูรู้ตัวว่ากูชอบมันจริงๆ แต่พอปีนึงผ่านไป พอกูเริ่มตัดใจได้ เริ่มคุยกับมันน้อยลง เริ่มลองคบหากับอื่นดู มึงก็บินตามมันไป และนั่นก็ยิ่งทำให้กูรู้แล้วว่า กำแพงอันนั้นมันคืออะไร และมึงเป็นอะไรกัน ถึงกูจะยังไม่มั่นใจ แต่มันก็มากพอที่จะทำให้กูเป็นคน ‘อกหัก’ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่หลังจากนั้นไม่นานกูก็ฟื้นตัวขึ้น แต่มึงรู้มั๊ยว่ากูกลับต้องมาเจ็บปวดอีกครั้ง และครั้งนี้มันก็หนักหนากว่าครั้งไหนๆด้วย นั่นก็คือ.........”

“ตอนที่กูกลับมาพร้อมกับมัน” ผมพูดต่อ

“ใช่.....” ไอ้แบ๊งค์พยักหน้าด้วยสีหน้าและแววตาที่เจ็บปวด “คืนนั้นที่มึงสองคนประกาศว่าเป็นแฟนกัน ถึงกูจะพอรู้อยู่แล้ว แต่กูก็ยังคงเจ็บ เจ็บอย่างที่กูไม่คิดว่ากูจะเป็นได้ เพราะกูคิดว่ากูทำใจได้มานานแล้ว และกูก็ยิ่งเจ็บมากขึ้นอีกที่เพิ่งรู้ว่าพวกไอ้กอล์ฟหรือไอ้ป๋อมมันก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่กูกลับไม่รู้ และที่มันเจ็บมากยิ่งไปอีกนั่นก็คือเมื่อกูเห็นทุกคนยอมรับในตัวมึง สนับสนุนพวกมึง แต่ในขณะเดียวกันที่ความรู้สึกของกูนี้กลับไม่เคยมีใครรับรู้ เหลียวแล และไม่มีใครเคยเข้าใจเลยแม้แต่นิดเดียว” เมื่อมันพูดจบ บ้านทั้งบ้านก็เงียบลงอีกครั้ง ไอ้แบ๊งค์ยกแก้วน้ำของตัวเองขึ้นจิบ ก่อนจะเริ่มเล่าต่อ “แต่มีคนๆหนึ่งในตรงนั้นที่ดูออกว่ากูเป็นอะไรและเข้าใจกู”

“ใคร พี่จ๊อบรึไง” ผมข้องใจ เพราะถ้าหากว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันมีตัวต้นเหตุมาจากคนๆนี้จริงๆ ผมก็คงจะไม่แปลกใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว

“ไม่ใช่........ นัทต่างหาก”

“นัทเนี่ยนะ” ผมสงสัย “ถ้างั้นเค้ามาพูดอะไรกับมึงบ้าง”

“เปล่า ไม่ได้พูดอะไรเลย ก็แค่ถามกูว่าจริงๆแล้วกูชอบซันใช่มั๊ย เท่านั้นเอง แล้วก็มีพูดติดตลกนิดหน่อยว่า ดูสิ แฟนเก่าเค้ากลายไปเป็นแฟนของผู้ชายคนอื่นไปซะแล้ว อะไรแบบนี้น่ะ”

“แล้ว......... ไง”

“แต่หลังจากนั้น ก็ยังคงมีคนอีกคนที่เค้ารู้ว่ากูคิดยังไง นั่นก็คือพี่จ๊อบอย่างที่มึงคิดตอนแรกนั่นแหละ ซึ่งกูก็ไม่รู้ว่าเค้ารู้เอง หรือนัทไปบอกหรอกนะ แต่จะเป็นยังไงมันก็คงไม่แปลก เพราะกูเองก็รู้จักพี่เค้ามานานแล้วเหมือนกัน ก็ตั้งแต่ทั้งสองคนคบกันใหม่ๆนั่นแหละ ถึงจะไม่ได้สนิทสนมอะไรมากมายก็เถอะ และหรือว่าต่อให้นัทเป็นคนไปบอก กูเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายอยู่แล้วด้วย”

“ก็แล้วยังไงต่อล่ะวะ” ผมเร่ง

“ประเด็นมันก็อยู่ที่ตรงนั้นแหละ เมฆ” ไอ้เอ็นพูดต่อ “มึงเองก็รู้อยู่แล้วว่าพี่จ๊อบมันชอบมึง........ ไม่สิ ใช้คำว่า ‘ต้องการ’ มึงดีกว่า และมันน่ะ เป็นประเภท ถ้าอยากได้อะไรแล้วต้องได้ ยิ่งยาก ยิ่งจะเอา ดังนั้นไม่ว่ามันจะรู้เรื่องของไอ้แบ๊งค์มาได้ยังไง พอมันรู้แบบนั้นแล้ว มันก็สามารถหาประโยชน์จากตรงจุดนี้ได้สบายๆ”

“แปลว่ามึงสองคนกำลังจะบอกกูว่า........ สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้มีเหตุมาจากความต้องการของคนเพียงคนเดียว นั่นก็คือ พี่จ๊อบอย่างนั้นใช่มั๊ย”

ไอ้เอ็นพยักหน้า “ตอนนี้กูคิดได้แบบนี้เท่านั้น คือ มึงต้องเข้าใจนะเมฆ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นหลายๆอย่าง และผลลัพธ์ของมันที่มาตกอยู่ที่พวกมึงทุกคน มันคงเป็นไปตามสิ่งที่ไอ้พี่จ๊อบมันต้องการแทบทุกอย่างแล้วในตอนนี้”

“อย่างเช่นการที่กูต้องเลิกกับซัน ทำให้มันมีโอกาสได้เข้ามาวุ่นวายกับกูมากขึ้นอะไรแบบนี้ใช่มั๊ย” ผมถอนหายใจเบาๆและส่ายหน้า “ถ้าเรื่องนั้นล่ะก็กูคิดว่ากูรู้อยู่แล้วว่ะ”

“มึงรู้อยู่แล้วงั้นเหรอ” ไอ้เอ็นถาม ดูท่าทางประหลาดใจเล็กน้อย

“ก็คงงั้น” ผมพยักหน้า “ถึงจะไม่ทั้งหมด แต่กูก็พอรู้ว่ามันนั่นแหละที่เป็นคนคอยควบคุมอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลัง กูเองก็มีรู้อะไรมาบ้างเหมือนกันนะไอ้เอ็น ก็เหมือนกับที่มึงเคยรู้อะไรกันอยู่บ้างกับไอ้ซันนั่นแหละ”

“งั้นมึงก็เข้าใจใช่มั๊ย ว่าสิ่งที่ไอ้แบ๊งค์ทำลงไปน่ะ มัน.......”

“ทั้งใช่และไม่ใช่” ผมพูดแทรกขึ้น จากนั้นก็หันไปมองหน้าไอ้แบ๊งค์ “ถ้ามึงจะพูดว่า ‘สิ่งที่ไอ้แบ๊งค์ทำลงไปนั่นมันเพราะความจำเป็น’ ล่ะก็ คำตอบของกูก็คงเป็นแบบเมื่อกี๊ เพราะถึงแม้กูจะพอเข้าใจ แต่กูก็ยังไม่ได้รู้เรื่องราวทั้งหมด และถึงกูจะพอรู้แล้วว่ากูมานั่งอยู่ที่นี่ เพื่ออะไร คือ..... กูไม่รู้หรอกนะว่าเจตนาของมึงสองคนกับพี่วินจะเหมือนกันรึเปล่า แต่สำหรับมึง ไอ้เอ็น กูเข้าใจว่ามึงอยากให้กูรับฟังเพื่อที่จะเข้าใจเรื่องราวและให้อภัยไอ้แบ๊งค์กับสิ่งที่มันทำลงไป ‘โดย ไม่ ได้ ตั้ง ใจ’” ผมเน้นคำ จากนั้นก็หันกลับมาหาไอ้แบ๊งค์อีกครั้ง “มึงอาจจะถูกบังคับหรืออะไร กูก็ยังไม่รู้ แต่กูขอถามมึงแค่เพียงคำเดียว ไอ้แบ๊งค์.........” ผมจ้องตามันไม่กะพริบ “คืนนั้น มึงจูบกับไอ้ซัน เพราะถูกพี่จ๊อบบอกให้ทำอย่างนั้นรึเปล่า”

เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเราสามคนอีกครั้ง และในที่สุดไอ้แบ๊งค์ก็ก้มหน้าหลบสายตาของผมไปและส่ายหัวช้าๆ “เปล่า คืนนั้น......... มันเกิดขึ้นเอง”

“และมันก็เป็นฝ่ายจูบมึงด้วย ไม่ใช่มึงจูบมัน กูคิดว่ากูเห็นไม่ผิดหรอก”

“แต่ว่า ไอ้เมฆ มึง.........” ไอ้เอ็นพูด

“ไม่มีแต่หรอก” ผมขัด “มึงจะให้กูฟังอะไรกูก็ฟังได้หมดนะ ดีซะอีกที่กูจะได้รู้ความจริง แต่กูอยากจะรู้ว่านอกจากเรื่องนี้แล้ว มึงรู้แล้วรึยัง ว่าใครที่เป็นคนทำเรื่องตุ๊กตาหมีตัวนั้นขึ้นมา และถ้านั่นเป็นฝีมือพี่จ๊อบจริง มันทำขึ้นมาทำไม” ผมพูดโดยสำรวจสีหน้าและแววตาของไอ้แบ๊งค์ไปด้วย

ไอ้เอ็นส่ายหน้า “เรื่องนั้น กูก็ยังจนปัญญาว่ะ........”

“กูเดาว่ามึงเองก็คงไม่รู้เรื่องนี้สินะ ไอ้แบ๊งค์” ผมถอนหายใจ “กูสามารถเข้าใจทุกอย่างได้นะ ขอแค่พวกมึงเล่าออกมาให้กูฟัง แต่กูก็อยากจะบอกให้พวกมึงเข้าใจไว้ด้วยเลยเหมือนกันว่า ตอนนี้สิ่งที่กูเสียใจ ไม่ใช่ตัวเรื่องราวหรือสาเหตุอะไรอีกต่อไปแล้ว แต่มันคือการตัดสินใจของตัวไอ้ซันเองต่างหาก เพราะอย่างน้อยๆ......... ความหวั่นไหวที่เกิดขึ้น การตัดสินใจทั้งหมด และคำพูดที่มันบอกกูนั้น มันก็คือความจริง” เมื่อผมหวนนึกถึงภาพฉากจูบในคืนนั้น และคำพูดที่ไอ้ซันพูดกับผมเป็นครั้งสุดท้ายว่ามันคิดยังไงแล้ว น้ำตาของผมมันก็จะไหลออกมาอีกครั้งจนได้ ผมจึงต้องรีบกลืนมันกลับเข้าไปเหมือนเดิม “แต่ว่าตอนนี้เรื่องนั้นช่างมันเถอะ มึงมีอะไรอยากจะพูดก็รีบๆพูดออกมาได้แล้วล่ะ บอกกูมาว่าแผนการที่ไอ้พี่จ๊อบมันทำลงไปและมันใช้งานมึงยังไงคืออะไรบ้าง เพราะหลังจากนี้กูเองก็มีแผนเอาไว้แล้วเหมือนกันว่า พวกกูตั้งใจจะไปทำอะไรกันต่อ...........”




ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
ดีใจจังค่ะที่เมฆกับซันกลับมาแล้ว(นานๆทีก็เหอะ)
แล้วก็ดีใจแทนน้องต้นที่"เคลียร์"ปัญหาได้แล้ว
ถึงยังยุ่งอยู่แต่ก็ยังไม่ลืมกันอันนี้ดีใจกว่านะ :m1: :m1:
ยังงัยก็เป็นกำลังใจให้น้องต้นต่อไปนะคะ :L2: :กอด1: :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2008 23:10:24 โดย romaneeya »

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
สู้ๆ นะ น้องต้น

พี่เป็นกำลังใจให้เสมอจ้ะ :L2:

ออฟไลน์ osaru

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เป็นกำลังใจให้นะคะ :L2:

ไม่ต้องรีบก็ได้น้า
ยังรอได้ :oni2: :oni2:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
ขอ :เตะ1:ไอ้จ๊อบก่อน

อย่าใช้อารมณ์แก้ปัญหานะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

                     

lonelyfairy

  • บุคคลทั่วไป
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: ค้างมากมาย

ในที่สุดก็ตามอ่านหมดทั้ง4ภาคซะที เรื่องนี้อ่านไปลุ้นไปตลอดเลยแฮะ

กลับมาต่อเร็วๆนะคะ  :oni2:

และ ขอ :เตะ1: :เตะ1: :เตะ1:จ๊อบซักหลายๆที เลวจริงๆ

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
วันนี้ผมเพิ่งมีโอกาสได้เปิดเวบแล้วก้อเห็นว่าได้รับข้อความหลังไมมาสอข้อความ จาก
คุณ lonelyfairy     กะ
คุณ osaru

ต้องขอบคุณมากๆๆๆๆเลยนะครับ เป็นกำลังใจให้ผมได้มากจริงๆ
แล้วก็ดีใจด้วย ที่มีคนชอบถ้อยคำและความรู้สึกทั้งหมดที่ผมมอบให้ในทุกๆตัวหนังสือที่พิมลงไป

ขอบคุณจริงๆๆๆครับ m(_ _)m

ปล.1 ขอโทษนะครับ ที่ไม่ได้ตอบหลังไมแบบเป็นเรื่องเป็นราว มันตื้นตันจนบอกไม่ถูก เลยขอมาพูดรวมๆเลยแล้วกัน  :oni2:
ปล.2 ขอโทษอีกทีครับ ยังไม่ว่างมาต่อเลย ช่วงนี้กำลังยุ่งแสดๆๆๆ  :sad2:



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






tonsai_2520

  • บุคคลทั่วไป



คน . . .   แปลว่ายุ่ง

กรูก็ยุ่งชิบ . . . บริษัทส่งมากระบี่ได้สี่วันแร่ะ  แมร่งเอ้ย  ตื่นเช้าขับรถไปทำงานกระบี่  ตกเย็นขับกลับมาสุราด  ท่านย่าเด่ะ  ล้มกระดูกสะโพกหัก  เลยต้องมาให้เห็นหน้าในฐานะหลานที่ดี

เวรกรรมกรูจริงขับรถทำงานข้ามจังหวัดขนาดนี้ จากอันดามันมาอ่าวไทยเลยนะเนี่ย . . .


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
มารอน้องต้น  ว่างๆ เจาะไข่น้อง lonelyfairly ดีกว่า.. จึ๊ก

ออฟไลน์ osaru

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

ninaprake

  • บุคคลทั่วไป
เย้ๆๆ ต้นมาต่อแล้ววววว

ขอบคุณมากเลยเน้อที่ไม่ลืมแฟนๆ มาต่อทั้งๆที่ยังยุ่งกับเรื่องส่วนตัวอยู่ ถ้ามีอะไรพอช่วยได้ก็บอกได้เน้อ ตอนนี้เอากำลังใจไปอย่างเดียวก่อนละกัน เหอะๆๆๆ

โหหยยยย เรื่องคราวนี้ก็ยังซับซ้อนเหมือนเคย ตกลงใครทำอะไร วางแผนอะไร เริ่มงงๆไปหมดและ 555+

รอตอนใหม่เมื่อต้นว่างคร้าบบบบ

โชคดีๆ

niph

  • บุคคลทั่วไป
ไม่ได้อ่านนาน คิดว่าจบไปแล้ว
แต่ ... ไม่เป็นไร คิดซะว่าทางมันไกล เลยไม่ถึงปลายทางซะที  :oni1:

ปล. คงจะเหนื่อยเหมือน ๆ กันแหละ

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
ถ้าว่างแล้วก็มาอัพต่อซะที่นะ รอๆๆๆๆ

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ก้าวที่เก้าสู่ปลายทางสุดท้าย : วิน


“พี่วินคิดว่าผมควรจะโกรธใครครับ” เมฆพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับพูดขึ้นมาลอยๆหรือกำลังพูดอยู่กับตัวเองมากกว่าที่จะกำลังถามผมอยู่จริงๆ “ระหว่างไอ้ซัน คนที่มันเลือกว่าจะไป กับพี่จ๊อบ คนที่เป็นต้นเหตุให้ไอ้ซันเลือกที่จะไป คนที่เป็นตัวการทั้งหมด ผมควรจะรู้สึกโมโหใครมากกว่ากันกันแน่นะ”

ผมเลือกที่จะไม่ตอบ แต่เมื่อหันไปมองเขา ก็เห็นว่าเมฆเองก็หันหน้าจากที่มองนอกหน้าต่างรถมาตลอดมามองผมรออยู่แล้ว ผมจึงยักไหล่เบาๆ “เปลี่ยนเป็นถามว่า ‘เมฆจะยกโทษให้ไอ้พี่จ๊อบมั๊ย’ ดีกว่ามั๊ยล่ะ” ผมค่อยๆชะลอรถเมื่อไฟเหลืองที่สัญญาณไฟตรงสี่แยกข้างหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นไฟแดง “ถ้าพี่ถามเมฆแบบนั้นหรือเมฆถามพี่มาแบบนั้น คำตอบมันอาจจะง่ายกว่าก็ได้มั๊ง”

เมฆหันกลับไปมองนอกหน้าต่างรถอีกครั้งก่อนที่จะส่ายหน้าออกมาช้าๆ

“ดีแล้ว เพราะไม่งั้นพี่ก็คงเซ็งแย่”

“ไม่ใช่แบบนั้นครับ” เมฆพูดขึ้น

“ถ้างั้นหมายความว่ายังไง” ผมถาม

“ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ยกโทษให้พี่จ๊อบ เพราะมันไม่มีอะไรที่ผมจะต้องไปยกโทษให้เค้า”

“นี่เมฆกำลังจะบอกพี่ว่าเมฆไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรไอ้จ๊อบเลยรึไง” ผมนิ่วหน้าเล็กน้อย “แล้วไหนเมื่อกี๊เพิ่งถามออกทาไม่ใช่รึไงว่าเมฆควรจะโกรธใครดีน่ะ”

“ไอ้โกรธน่ะโกรธอยู่แล้ว โกรธมากด้วย เค้าทำร้ายและทำลายทั้งชีวิตและอนาคตของผมไปแทบจะทั้งหมดเพียงเพื่อความต้องการเหี้ยๆของตัวเองนะครับ” เมฆหันมาสบตากับผม และผมก็เห็นบางสิ่งบางอย่างกำลังลุกโชนอยู่ในแววตาสีดำขลับคู่นั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนมันจะหายไป นั่นคงจะเป็นสิ่งที่คุณอาเคยบอกผมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อนานมาแล้วก็ได้ และไม่รู้ว่าทำไมผมถึงได้รู้สึกชอบใจมากขนาดนี้กันนะ “เพียงแต่ว่า...................”

“อะไร” ผมถาม หลังจากที่เมฆเว้นช่วง และแววตาคู่นั้นของเขาก็กลับมาเป็นดวงตาที่อ่อนโยนและดูเจือไปด้วยความเศร้าเล็กน้อยคู่เดิม

เมฆชี้ไปที่สัญญาณไฟข้างหน้า “จะไฟเขียวแล้วนะครับ” ผมจึงเริ่มเข้าเกียร์และเหยียบคันเร่งทีละน้อย จนในที่สุดเราก็ทะยานออกจากสี่แยก ตรงไปยังบ้านของเมฆที่อยู่ห่างออกไป “แต่ว่าผมไม่อยากจะอาฆาตพยาบาทเค้าเพราะสิ่งที่เค้าทำกับผม แต่ผมยอมไม่ได้กับสิ่งผิดๆที่เค้าทำลงไปนั่นต่างหาก”

ผมยิ้มน้อยๆแล้วพยักหน้าเข้าใจ สมกับเป็นลูกชายของคุณอาจริงๆ

“และอีกอย่าง ในเมื่อเค้ายังไม่ได้เข้ามา ‘ขอโทษ’ ผม ผมก็ไม่มีอะไรที่ต้อง ‘ยกโทษ’ ให้” เมื่อได้ยินแบบนี้แล้วผมก็รู้สึกได้ถึงรอยยิ้มน้อยๆของเมฆได้ทันที แม้ว่าผมจะไม่ได้หันไปมองเขาก็ตาม “แถมนิสัยของผม ผมก็ไม่คิดจะหยุดสิ่งที่ผมตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะทำไปแล้วด้วย แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ ผมไม่อยากจะทรยศความหวังดีแรงกายและกำลังใจของคนหลายคนที่ช่วยเหลือผมมาตลอดมากกว่าน่ะครับ ดังนั้นตอนนี้ผมคงพูดได้เพียงอย่างเดียวว่า เรื่องในคราวนี้มันควรจะต้องจบลงได้แล้ว และมันจะต้องจบเร็วๆนี้ด้วย”

ผมยิ้มออกมาอย่างเต็มที่เมื่อได้ยินอย่างนั้น “มันไม่ใช่แค่เพียงความหวังดีของพี่หรอก............... แต่เป็นความสะใจและความสนุกส่วนตัวของพี่ต่างหาก”

หลังจากที่ส่งเมฆถึงหน้าบ้านแล้ว ผมก็ถือโอกาสเข้าไปเยี่ยมคุณอาอีกครั้ง เพื่อเป็นการฆ่าเวลารอให้กรณ์มารับผมด้วย เราสองคนคุยกันตามลำพังด้วยเรื่องทั่วๆไปอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งหลังจากที่เราสองคนเงียบกันไปครู่สั้นๆ คุณอาก็ยกเรื่องที่คาใจท่านตลอดขึ้นมาถาม

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีมั๊ย วิน”

“ครับ”

“นึกๆดูมันก็แย่นะ บางทีถ้าตั้งแต่ตอนแรกพ่อสนับสนุนให้ทั้งสองคนทำงานอยู่ที่เดียวกันล่ะก็ เรื่องมันก็อาจจะไม่เป็นอย่างนี้ก็ได้”

“เมฆเค้าเป็นผู้ใหญ่มากนะครับ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เค้าจะตัดสินใจอะไรด้วยตัวเอง”

คุณอาพยักหน้า แต่หลังจากนั้นก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ “เมฆน่ะไม่เท่าไหร่หรอกเพราะมันทำงานอยู่กับพ่อ แต่ซันนี่สิ ไปอยู่ห่างหูห่างตา พ่อเองก็ไม่ได้รู้จักใครที่นั่นเลย เลยจะฝากใครให้ช่วยดูแลก็ไม่ได้”

“ซันเองก็เป็นผู้ใหญ่แล้วเหมือนกันแหละครับ มันเป็นการตัดสินใจของทั้งสองคนเอง เราไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายหรอก และอีกอย่าเท่าที่ผมจำได้ ซันเองก็ไปทำงานกับบริษัทเก่าของพ่อเขาโดยผ่านทางเพื่อนพ่อเค้านี่ครับ”

“ใช่ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พอเห็นทั้งสองคนเป็นแบบนี้แล้ว คนเป็นพ่อมันก็อดคิดมากไม่ได้นี่นะ ก็ ตามประสาคนแก่นั่นแหละ อย่าถือสาเลย” คุณอาถอนหายใจอีกครั้ง

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เมฆเป็นเด็กดี และผมก็รับปากไปตั้งนานแล้วว่าผมจะดูแลเค้าอย่างดีที่สุด”

คุณอาหันมาสบตากับผม “วินคิดว่าเมฆเป็นยังไง”

“ถ้าคุณอากำลังพูดถึงสภาพจิตใจ ผมก็คงตอบว่าน่าจะกำลังดีขึ้นเรื่อยๆมั๊งครับ แต่ถ้าหมายถึงตัวของเมฆ ผมคิดว่าเค้าเป็นคนเข้มแข็งกว่าที่คิดมากครับ ทั้งมั่นคง บริสุทธิ์ แล้วก็อ่อนโยนมากๆ ในหลายๆอย่างผมคิดว่า............ เค้าคล้ายคุณอาผู้หญิงมาก”

คุณอายิ้มน้อยๆและพยักหน้าเห็นด้วย “โดยเฉพาะความอ่อนโยน แล้วก็ความใจดีน่ะนะ แต่ฟ้าเองก็เป็นคนเข้มแข็งมากๆด้วยเหมือนกัน เผลอๆจะมากถึงขนาดเรียกได้ว่าหัวดื้อทีเดียว” คุณอาหัวเราะเบาๆ แต่สุดท้ายเสียงหัวเราะและรอยยิ้มนั่นก็เริ่มเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่เจอความเศร้า “เฮ้ออ ทั้งๆที่เมฆไม่เคยได้เห็นหน้าแม่ของตัวเองเลยสักครั้งนอกจากในรูปนะ หรือไม่แม้แต่จะรู้รึได้สัมผัสเลยสักนิดด้วยซ้ำว่าจริงๆแล้วแม่เค้าเป็นคนยังไง เค้าก็ยังโตมาเหมือนแม่ได้มากถึงขนาดนี้ทีเดียว............ ทุกครั้งที่พ่อมองหน้าเมฆ วินรู้มั๊ยว่าพ่อเห็นอะไรอยู่ในรอยยิ้มและดวงตาคู่นั้น”

“เมฆเองก็มีส่วนคล้ายคุณอามากเหมือนกันนะครับ ไม่ว่าจะความใจดี ความอ่อนโยน ความหนักแน่น หรือแม้แต่บุคลิกของเขา.......... เพียงแต่ว่า ในขณะเดียวกันเมฆก็ยังเป็นคนที่ อ่อนไหวง่าย บางทีก็คิดมาก และที่พิเศษคือผมรู้สึกได้ถึงความเข้มแข็งจากข้างในที่แม้แต่ตัวเค้าเองก็คงไม่รู้อยู่ด้วย...........”

“วินหมายถึง.......”

“ครับ”

“สิ่งที่อาเคยกังวลและคุยกับวิน..........”

“ใช่ครับ”

คุณอาถอนหายใจเบาๆ “วินเห็นมันแล้วใช่มั๊ย”

 “ครับ”

“อาคิดมากไปเองรึเปล่า”

ผมไม่ได้ตอบคำถามนั้นตรงๆ “ตั้งแต่คืนนั้นที่เราสองคนถูกตามและผมต้องลงไปจัดการ ผมก็เห็นและเริ่มเข้าใจแล้วครับ ว่าสิ่งที่คุณอาเคยกังวลและฝากผมให้ ‘ดูแล’ เมฆนั้นหมายความว่ายังไง”

“พ่อห่วงมาตลอด ว่าสักวันด้วยนิสัยที่อยากจะปกป้องพ่อและไม่ยกโทษให้กับสิ่งที่ผิดที่เค้าเห็นตรงหน้านี่ มันจะพาเขาไปสู่อันตราย”

“ไม่ใช่หรอกครับ” ผมแย้ง “เมฆไม่ใช่เด็กที่จะพาตัวเองไปสู่อันตราย แต่เป็นคนที่เมื่อมีอันตรายมาถึงตัว เค้าก็กล้าและสามารถที่จะเผชิญหน้ากับมันต่างหาก อย่างคืนนั้นเค้าก็ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นอันตรายกับตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว ส่วนมากแล้วเค้าก็แค่ยืนดูอยู่เฉยๆอย่างที่ผมบอกเท่านั้น”

“แต่คราวก่อนวินเล่าว่าเมฆมันพุ่งเข้าไป........”

“ไม่ใช่ว่าพุ่งเข้าไปหาอันตรายหรอกครับ เค้าคงแค่เห็นว่าผมกำลังจะมีอันตราย ก็เลยพุ่งไปขวางทางเอาไว้แล้วชิงลงมือก่อนเท่านั้นเอง ผมเองก็ตกใจนิดหน่อยอยู่เหมือนกัน แต่เค้าก็ทำได้ดีทีเดียวครับ สามารถดูแลตัวเองและคนอื่นๆได้สบาย” ผมพยายามไม่พูดถึงว่านอกจากที่ผมจะตกใจนิดหน่อยแล้ว ผมยังชื่นชมนิสัยนี้ของเมฆไม่น้อยเลยด้วย

“บางทีเมฆมันก็เป็นคนใจร้อน”

“มนุษย์ทุกคนก็เป็นทั้งนั้นแหละครับ”

“แต่ถึงยังไงพ่อก็ยังคงเป็นห่วงอยู่ดี”

ผมส่ายหน้า “ผมบอกคุณอาแล้วนี่ครับ..........” โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ของผมสั่นขึ้น ผมจึงหยิบมันขึ้นมาเปิดอ่านเมสเสจที่ถูกส่งมาจากกรณ์ “ว่าไม่ต้องเป็นห่วงเมฆหรอก ผมรับปากแล้วว่าจะดูแลเขา ผมก็จะดูแลอย่างดีที่สุด ไม่ใช่แค่เรื่องความปลอดภัย แต่เป็นทุกๆอย่าง อย่างที่ผมเคยรับปากคุณอาไว้ตั้งแต่สมัยที่เค้ายังเรียนอยู่มัธยมแล้ว” ผมพูดพร้อมกับยืนขึ้น “ผมต้องไปแล้วล่ะครับ กรณ์มารออยู่ที่หน้าบ้านแล้ว”

“พ่อรู้ว่าลูกผู้ชายบางครั้งมันก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ในเส้นทาที่อันตรายบ้าง........”

“แต่เมฆจะไม่มีวันต้องเดินเข้าไปในเส้นทางนั้นตามลำพังครับ” ผมหันหลังและเดินไปจับลูกบิดประตูเปิดออก และก่อนที่จะก้าวพ้นออกจากประตู ผมก็หันกลับมาหาคุณอาอีกครั้ง “ในตอนนี้สิ่งที่ผมเห็นในตัวเมฆก็คือคนดีที่รักและห่วงใยคนรอบตัวเค้ามากกว่าสิ่งไหนทั้งหมดเท่านั้นครับ คุณอาวางใจเถอะครับว่าเมฆจะไม่มีวันเป็นแบบผมแน่นอน” ผมก้มหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงบอกลา ก่อนจะเดินออกจากห้องปิดประตูลง

ใช่แล้ว เมฆก็แค่หนุ่มวัยรุ่นที่บ้างที่จะรู้สึกเลือดร้อนและทำอะไรหุนหันไปบ้าง แต่นั่นมันก็ยังเป็นเพียงแค่ส่วนน้อยของหนึ่งในอารมณ์หลายอย่างของมนุษย์ และมันก็เกิดขึ้นจากการที่ถูกสิ่งอื่นมากระตุ้น ไม่ใช่เกิดจากการเอาความต้องการของตัวเองไปกระตุ้นเพื่อที่จะได้ใช้สิ่งเหล่านั้นเป็นอาวุธ ตราบใดที่เขายังคงรักและถูกรักอยู่มากมายขนาดนี้ต่อไปล่ะก็ เมฆก็คงเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่เรียกได้ว่าเพียบพร้อมและสมบูรณ์ที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้

“พี่วินจะกลับแล้วเหรอครับ” เมฆถามขึ้นเมื่อผมเดินลงบันไดไปถึงห้องนั่งเล่นที่เขากำลังนั่งดูทีวีกับไคล์อยู่

“อืม กรณ์มารับพี่แล้ว และพี่ก็ต้องไปจัดการธุระต่อด้วย”

“งั้นเดี๋ยวผมไปส่งหน้าบ้านนะครับ”

“ไม่เป็น............” ผมชะงักไปครู่หนึ่งเพราะตอนแรกตั้งใจจะปฏิเสธ แต่สุดท้ายแล้วก็เปลี่ยนใจ “อืมมม ก็ดีเหมือนกัน”

เมฆลุกขึ้นยืน และไคล์ก็ยกมือขึ้นไหว้ผม ผมจึงรับไหว้เขาก่อนจะเดินออกจากบ้านไปพร้อมกับเมฆ และเมื่อเรามาถึงหน้าประตูรั้วบ้านแล้ว เมฆที่ไม่เห็นรถจอดอยู่หน้าบ้านก็ถามขึ้น

“อ้าว ไหนล่ะพี่กรณ์”

“จอดอยู่ซอยข้างๆน่ะ ก็แบบนี้ประจำแหละ”

เมฆพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจและเปิดประตูรั้วให้ผม “ขอบคุณมากนะครับพี่วิน สำหรับทุกอย่าง”

ผมไม่ตอบแต่กลับมองหน้าเขานิ่งอยู่ครู่หนึ่ง คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าผมเองก็รู้สึกชอบใจเหมือนกันที่เห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆหน้าหวานๆที่ผมเคยเลี้ยงเคยเล่นด้วยมาตั้งแต่ยังเล็กๆเติบโตขึ้นเป็นผู้ชายที่เข้มแข็งได้ขนาดนี้ และที่สำคัญ มันยังอดตื่นเต้นไม่ได้อีกด้วยเมื่อรู้ว่าเขาคนนี้ก็ได้รับสืบทอดนิสัยบางอย่างของผม นอกจากนิสัยของพ่อและแม่ของเขาเองมาด้วยเหมือนกัน

“มีอะไรครับพี่”

ผมส่ายหน้าเบาๆ “เปล่าหรอก.......... จริงสิ เมฆ พี่ขอถามอะไรหน่อย”

“อะไรครับ”

“ข้อแรก เมฆจำเรื่องตอนเด็กๆที่เราเคยอยู่ด้วยกันได้มั๊ย”

เมฆมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าครุ่นคิด “อืมมม ก็นิดหน่อยนะครับ แต่จำได้ดีเลยว่าตอนนั้นเราสนิทกันมาก พี่วินเข้าบ้านผมมาตอนผมยังเด็กมากๆอยู่เลย สักอนุบาลไม่ก็ประถมต้นๆได้มั๊ง”

ผมพยักหน้า............ นั่นสินะ ก็คงจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว “งั้นคำถามข้อที่สอง จริงจังหน่อยนะ พี่อยากให้เราตอบพี่มาตามความเป็นจริง”

“ครับ”

“คืนนั้น เมฆกลัวมั๊ย”

เมฆพยักหน้าโดยไม่ต้องคิดมากเลยว่าผมหมายถึงคืนไหน “กลัวครับ นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเผชิญหน้ากับปืนแบบนั้นเลยนะครับ แถมยังกับคนอันตรายจริงๆแบบนั้นด้วย แต่จริงๆแล้วผมก็รู้สึกปลอดภัยมากด้วยเหมือนกัน ไม่รู้สิ คงเป็นเพราะมีพี่วินอยู่ด้วยมั๊ง” เมฆยิ้ม “ไม่รู้ทำไมนะครับ แต่เวลาที่อยู่กับพี่วิน ผมมักจะรูสึกปลอดภัยแบบนั้นทุกครั้งเลย รู้สึกมันคุ้นเคยแบบแปลกๆยังไงก็ไม่รู้เหมือนกัน”

ผมยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ขอบใจมาก เมฆ งั้นข้อสุดท้าย พี่รู้ว่าที่ผ่านมาเมฆต้องเจอกับไอ้เรื่องชกต่อยอะไรมาบ้างเหมือนกัน นับตั้งแต่ครั้งแรกที่อเมริกาแล้วก็ยังที่อังกฤษ ไม่สิ ถ้าจะนับไอ้ที่มีปัญหากันกับเด็กโรงเรียนอื่นตอนมอปลายนั่นก็ด้วยเหมือนกัน ทุกครั้ง พี่เดาเอาว่าเมฆก็คงรู้สึกกลัวอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าหลายหนมันจะมีความตื่นเต้นอยู่มากกว่าก็ตาม พี่พูดถูกมั๊ย” เมฆพยักหน้า ผมจึงพูดต่อ “แต่สิ่งที่พี่อยากรู้คือ หลังจากจบเรื่องไปแล้ว ความรู้สึกแรกที่เมฆรู้สึกคืออะไร ยังเป็นความตื่นเต้นนั่นอยู่รึเปล่า”

เมฆนิ่วหน้าเล็กน้อย “อืมม พี่วินหมายถึงพออะดรีนาลีนมันหมดไปแล้ว พอความตึงเครียด ความตื่นเต้นแบบเดียวกับตอนเกิดเรื่องเริ่มจางลงไปใช่รึเปล่าครับ เพราะถ้าไม่งั้นผมก็คงต้องตอบว่าความตื่นเต้นนั่นแหละที่ยังคงเหลืออยู่ จนกว่าเวลาจะผ่านไปสักพัก”

“พี่หมายความว่าแบบนั้นแหละ หมายถึงเวลาที่เรื่องทั้งหมดมัน ‘จบ’ ลงไปแล้วจริงๆน่ะ”

“อืมมม ผมคิดว่าผมพอรู้แล้วล่ะครับว่าพี่วินหมายถึงอะไร ผมเองก็เคยมีคิดและเคยคุยกับไอ้ซันถึงเรื่องพวกนี้เหมือนกัน”

“พี่ก็คิดว่าเมฆต้องรู้ว่าพี่หมายถึงอะไร” ผมพยักหน้า ผมรู้ดีว่าเมฆไม่ใช่คนโง่ “แล้วว่ายังไงล่ะ”

“คำตอบคือ ‘ไม่’ ครับ เมื่อมันจบแล้วก็คือจบ ถ้าถามถึงความรู้สึกจริงๆล่ะก็คเป็นความโล่งใจที่เราปลอดภัย ความโล่งอกที่คนที่อยู่กับเราในตอนนั้นไม่ได้รับอันตราย ก็คงเท่านั้นน่ะครับ”

ผมพยักหน้า “ดีแล้วล่ะ งั้นพี่ไปแล้วนะ อย่าลืมพักผ่อนให้มากๆล่ะ”

เมฆพยักหน้ารับ จากนั้นผมก็หันหลังเดินจากมา กรณ์เอารถไปจอดรอผมไว้อยู่ที่ซอยถัดไปอย่างที่ผมคิดจริงๆ

“เป็นไงมั่งครับพี่” กรณ์ถามทันทีที่ผมเข้าไปนั่งในรถ

“เรื่องอะไรล่ะ”

กรณ์หันมามองผมด้วยสีหน้าแปลกใจพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย “พี่แปลกไปนะเนี่ย มีอะไรรึเปล่าครับ ทำไมดูท่าทางอารมณ์ดี” เขาหัวเราะเบาๆพร้อมกับเริ่มเหยียบคันเร่ง

“อารมณ์ดีรึ........ ก็คงอย่างนั้นมั๊ง”

“พอจะบอกได้มั๊ยครับ”

“นั่นสินะ........... เพราะรู้สึกดีที่ได้สัมผัสความอบอุ่นของคนครอบครัวนี้มั๊ง เป็นอะไรที่ไม่ได้รู้สึกมานานแล้วเหมือนกัน” ผมหันไปเห็นกรณ์กำลังมองผมด้วยสายตาแปลกๆ “อะไร”

“เปล่าครับ ก็แค่ไม่ได้เห็นพี่เป็นแบบนี้มานานแล้วเท่านั้นเอง เพราะปกติเวลาพี่ยิ้มมันก็ไม่ใช่รอยยิ้มแบบวันนี้เท่าไหร่”

“ก็คงแบบนั้นมั๊ง เฮ้อออ ถึงจะรู้สึกเสียดายนิดหน่อย แต่ก็รู้สึกดีกว่าจริงๆที่เมฆไม่ได้กลายเป็นคนแบบพี่ไป โชคดีที่เด็กคนนั้นถูกเลี้ยงมาด้วยความรักและมีความอบอุ่นเป็นห่วงเป็นใยผู้อื่นอยู่มากมายข้างในนะ”

“พี่พูดอะไรแบบนั้น”

“หมายความว่ายังไง”

“พี่เองก็มีความอบอุ่นและความรักอยู่มากมายเหมือนกัน ไม่รู้ตัวหรือครับ ไม่ว่าจะเวลาที่พี่พูดถึงคนครอบครัวนี้ เวลาที่พี่คอยดูแลน้องชายของพี่ หรือแม้แต่ตลอดเวลาหลายปีที่พี่เลี้ยงดูผมมา นั่นแหละคือความอบอุ่นและความรักของพี่ที่พี่คงจะไม่รู้ตัวและชอบคิดว่าพี่ไม่มีมัน”

ผมนั่งนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ “รวมทั้งเวลาที่พี่หักแขนคนอื่นหรือเอาปืนยิงใครแบบนั้นด้วยรึเปล่า”

กรณ์ส่ายหน้าเบาๆ “ถึงผมจะชินและรับได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่รู้สึกอะไรเลยเวลาเห็นพี่ทำแบบนั้นด้วยสีหน้านิ่งๆอย่างที่พี่ชอบเป็นหรอกนะครับ แต่ก็......... คงใช่มั๊ง นั่นคงเป็นความรักที่พี่มีให้ไอ้พวกเดนคนที่สมควรโดนอย่างนั้นแล้วเหมือนกัน”

เมื่อกรณ์พูดจบเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกครู่ใหญ่ๆ และระหว่างนั้นผมก็นึกกลับไปถึงพ่อและแม่ของผมที่ไม่ได้เจอหน้ามาเกือบสองปีแล้ว และยังนึกย้อนไปถึงสีหน้า แววตา  และ...... สิ่งที่ไม่ได้อยากจะนึกถึงแต่ก็รู้สึกได้ทุกครั้งเวลาที่ผมพบกับอาเอก นั่นก็คือ “ความอบอุ่น” นั่นเอง ไม่ว่าจะเมื่อไหร่คุณอาก็ยังคงแทนตัวเองว่า “พ่อ” เสมอมาไม่เคยเปลี่ยนไปเลย............

“พ่องั้นเหรอ............”

“ว่าไงนะครับ”

“เปล่า ไม่มีอะไร” ผมคงจะคิดดังเกินไปหน่อยเลยเผลอหลุดพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว และในตอนนั้นเองที่ทำให้ผมนึกถึงตอนที่ผมเพิ่งคุยกับคุณอามาเมื่อครู่นี้ขึ้นมาได้

“กรณ์ พี่เคยวานให้แกไปสืบดูเรื่องของผู้หญิงที่ชื่อแอมป์กับน้องชายที่ชื่ออาร์มแล้วใช่มั๊ย”

“ใช่ครับ มีอะไรเหรอครับพี่”

“พี่มีอีกคนที่พี่อยากรู้ว่ามันคือใคร และแน่นอน คนรู้จักกับสิ่งที่มันทำผ่านมาทั้งหมดในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมานี่ด้วยน่ะ คิดว่าไหวมั๊ย”

“พี่ก็รู้อยู่แล้ว” กรณ์รับคำ

“ดี ส่วนอีกคนนั้นถ้ามี่อะไรผิดพลาดล่ะก็ คืนนี้พี่คงได้ไปเยี่ยมมันด้วยตัวเองแน่”



ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ขอโทษนะครับ ขอโทษจริงๆ ได้เล่นเน็ตแค่อาทิตย์ละหนเอง เหนื่อยมากเยยย

 :sad2:


คิดถึงทุกคนครับ




ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
เพลง...ทุกวินาที (เจมส์)

ไม่ว่าตอนนี้เธอจะอยู่ไหน รักของฉันจะส่งไปจนถึงเธอ
ใต้แผ่นฟ้าแห่งนี้คงไม่ไกล กว่าใจจะพบกัน

หากความคิดถึงของฉันลอยไป ก็ขอให้เธอเก็บมันเอาไว้
เมื่อเธออ่อนล้าและกำลังร้องไห้ จะเป่าสิ่งร้ายไปจากเธอ

จะคอยเป็นกำลังใจให้เธอหายเหนื่อย จะเป็นดังสายลมพัดมาห่วงใย
และเธอจะได้รู้ทุกวินาทีหัวใจ ว่ายังมีฉันเข้าใจเสมอ

ไม่ว่าวันไหนเธอจะเปลี่ยนใจ รู้เอาไว้เธอจะยังคงสวยงาม
ที่สุดในใจของฉันตลอดไป ไม่มีใครทดแทน

หากความคิดถึงของฉันลอยไป ก็ขอให้เธอเก็บมันเอาไว้
เมื่อเธออ่อนล้าและกำลังร้องไห้ จะเป่าสิ่งร้ายไปจากเธอ

จะคอยเป็นกำลังใจให้เธอหายเหนื่อย จะเป็นดังสายลมพัดมาห่วงใย
และเธอจะได้รู้ทุกวินาทีหัวใจ ว่ายังมีฉันเข้าใจเสมอ

จะคอยเป็นกำลังใจให้เธอหายเหนื่อย จะเป็นดังสายลมพัดมาห่วงใย
และเธอจะได้รู้ทุกวินาทีหัวใจ ว่ายังมีฉันเข้าใจเสมอ
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
เป็นกำลังใจให้น้องต้นเสมอค่ะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ εїзป่วงน้อยεїз™

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1

nartch

  • บุคคลทั่วไป
:serius2:
ทำไมมันสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนปมปริศนาค้างคาใจดีเหลือเกิน  :laugh:
อ่านแต่ละตอนเหมือนทำข้อสอบเอนทรานซ์...ปวดหัวใจเจง ๆๆๆๆๆ
 :a6:

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
ชอบจริงๆ พี่วินกะเมฆคุยกันแบบมีเรื่องให้คิดอยู่ตลอดเนี่ย มันเป็นปริศนาดีออก

สงสารต้นจัง  เมื่อไหร่จะหายเหนื่อยนะ น้องต้น สู้ๆ จ้ะ รักษาสุขภาพด้วยนะ

ออฟไลน์ osaru

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ต้นมาต่อแล้ว :oni2:
ทิ้งปมไว้ให้คิดเรื่อยเลยน้า

เป็นกำลังใจให้น้องต้นนะ
 :L2: :L2: :L2:

lonelyfairy

  • บุคคลทั่วไป
พี่ต้นมาต่อแล้ว  :m1: :m1:
แต่ว่า... ค้างจังเลยคะ แงๆ
มาต่อไวๆนะคะ เป็นกำลังใจให้คะ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10

Black Angel

  • บุคคลทั่วไป
 :m1: :m1: :m1:

ขอบคุณครับที่มาต่อให้ ถึงแม้จะยุ่งมาก ๆ ก็ตาม

ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ

จะรอจนกว่าจะมาต่อนะครับ

 :L2: :L2: :L2: :L2:

blackberry2214

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งได้มาอ่าน

อ่านไป 2 หน้า ติดงอมแงมแล้ว

555++


จะมาตามต่อนะคร้าบ

ออฟไลน์ osaru

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด