.
.
.
“ชิบหายละ” มือผมหยิบมือถือขึ้นมาดูแบบเพลียๆ แต่กลับต้องมาสะดุ้งโหยงเอากับเลขนาฬิกาข้างหน้า นี่ผมไปกดนาฬิกาปลุกตั้งแต่เมื่อไหร่นี่ สายแล้วๆ ผมต้องไปโรงพยาบาลสายแน่ๆ
โอ๊ยยย แล้วเนี่ยเราหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ยังทำของที่จะให้ไอ้เดชไม่เสร็จเลย ตายแน่ๆกู ไอ้โป้ยังอยู่โรงพยาบาลไหมวะ โทรไปบอกมันให้บอกไอ้เดชดีกว่าว่าจะไปสาย ..
เฮ้อ .. วุ่นวายไปหมด
ก็จะไม่ให้วุ่นวายได้ไงละครับ กว่าจะคิดได้ว่าจะให้อะไรไอ้เดชในวันวาเลนไทน์ปีนี้ ก็เหลือเวลาไม่ถึงวัน แล้วที่ต้องทำเป็นงานฝีมืออีก เล่นเอาผมปั่นงานแทบไม่ทันเลย แล้วนี่ก็ยังไม่เสร็จอีกนะ เมื่อคืนเพลียจัดหลับคางานเลย ผมรีบเข้าห้องน้ำอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว และออกมาเก็บงานเล็กน้อย นี่ขนาดเล็กน้อยก็ปาไปเกือบชั่วโมง .. ป่านนี้ไอ้เดชจะยังไงบ้างละเนี่ย .. จะอยู่คนเดียวได้ไหมวะ ไอ้โป้คงอยู่ด้วยได้ไม่นาน ยังไงวันนี้มันก็ต้องไปหาน้องน้ำมนต์ .. โอ๊ยยย ไหนต้องไปเอาดอกไม้ที่ร้านอีก คนละทางกับไปโรงพยาบาลเลย .. ฮ่วยยยย
แต่แล้วผมก็ถึงโรงพยาบาด้วยสภาพที่ยุ่งเหยิง ของที่ทำให้ไอ้เดชถือมือซ้าย ดอกไม้ที่ไปรับมาถือมือขาว อาหารเที่ยงของไอ้เดชก็ถือทั้งสองมือสลับไปมา ผลไม้ที่ซื้อไว้ตั้งแต่ตอนค่ำก็หอบมาที่โรงพยาบาลหมด ไม่เข้าใจว่าจะรีบหอบมาทำไม ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง นางพยาบาลต้อนรับที่เคยแอบมองและยิ้มให้ผมทุกครั้งยังตกใจกับสภาพที่เห็นวันนี้ ..
ไม่สนใจแล้วครับ รีบกดลิฟต์ขึ้นไปห้องไอ้เดชอย่างไว ป่านนี้น้อยใจไม่ร้องไห้โฮแย่แล้วเหรอเนี่ย คิดไปนั่นผม เปิดประตูห้องคนป่วยเข้าไป ก็เจอว่ากำลังนั่งรถเข็นมองวิวห้องอยู่ พอได้ยินเสียงประตู ผมก็ไอ้เดชใช้มือตัวเองออกแรงให้รถหมุนมาทางผม คงใช้แขนได้บ้างแล้วสิ .. ผมยิ้มให้มันทันทีที่มันหันหน้ามา .. แต่ใบหน้าของมันกลับไมได้ยิ้มอย่างที่ผมหวัง มันคงโมโหที่ผมมาสาย สายตาดูออกว่าไม่พอใจ .. ผมเลยทำท่าจะเดินเข้าไปหามันเพื่อนขอโทษมันที่มาช้าวันนี้
“ไปไหนมา คิดถึงรู้มั๊ย”
ขายังไม่ทันจะก้าวออกไป ก็ก้าวไม่ออกเสียอย่างงั้น น้ำเสียงของคนที่ไม่ได้ยินมานาน พูดมาด้วยหน้าตาจริงจัง เล่นเอาผมตั้งตัวไม่ทันจริงๆ มือไม้อ่อนข้าวของที่ถือมาหล่นกระจัดกระจายเต็มพื้นห้อง น้ำตาไหลอาบสองแก้ม
“มึง มึงพูดได้แล้ว ..” ผมพูดไปมือป้องปาก เหมือนไอ้เดชจะรู้สึกตัวได้ ว่าเมื่อกี้ตัวเองพูดออกมาเป็นเสียง หน้าตามันเหมือนงงกับตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้น
“พพพพพพพพพ พุ พูด” เสียงของมันเปร่งออกมาอย่างช้าๆ พร้อมใบหน้าที่ยืนยันได้ว่ามันพูดได้แล้ว ผมรีบวิ่งเข้าไปนั่งกอดมันไว้ทั้งน้ำตา มันเองก็ค่อยๆเอามือมาโอบกอดผมไว้อย่างหลวมๆเช่นกัน ..
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ของขวัญมากมายที่ทำมาไม่สำคัญอะไรเท่ากับคนๆนี้อีกแล้ว ไม่มีอะไรที่ผมอยากได้เพิ่มเติมจากคนนี้ๆ ขอแค่คนนี้กลับมาเป็นเหมือนเดิม เหมือนตอนที่รักผมแบบเดิม และบอกว่ารักผมได้แบบเดิมก็พอ
“เดช กูรักมึงนะ ” ไม่รู้ว่าบอกมันไปกี่ครั้งแล้ว แต่ก็ยังอยากจะบอกมันซ้ำๆอีก หวังแค่ให้มันรับรู้ และบอกผมได้แบบเดิมอีกครั้งหนึ่ง ..
“กู .. กู .. กูก็ .. รักมึง .. โอ๊ต”
.
.
.
บรรยากาศตอนเย็นของวันนี้ ดูแตกต่างจากตอนเช้าซะเหลือเกิน ร่องรอยของดอกไม้เหี่ยวเฉามีร่วงโรยตามพื้นดิน เศษกระดาษห่อของขวัญ เปลือกของช็อกโกแลตเต็มถังขยะล้นออกมาตกลงข้างๆ ผมได้รับดอกไม้ ขนม ของอื่นๆอีกเล็กๆน้อยจากเพื่อนในสาขา จากแพร จากหญิง จากช้างน้อย และมีรุ่นพี่คนอื่นๆที่แอบปลื้มผมมาเล็กน้อย ..
“ได้ของเยอะเชียว” นายปีโป้ทักผม เมื่อเจอกันตอนเย็นที่ร้านป้าตามสั่ง
“ก็คนมันมีคนรักเยอะ” ผมพูดอวดไป นายปีโป้เอื้อมมือมาช่วยถือของให้ วันนี้ป๊ากับแม่นายปีโป้ชวนผมไปทานข้าวด้วย นายปีโป้เลยมารับผม ตลอดทั้งวันผมเพิ่งจะได้เห็นหน้านายปีโป้ก็ตอนนี้แหละ ไม่รู้ไปหลบหัวอยู่ไหน ไม่เห่อวันแห่งความรักกับเค้าบ้างเลยหรือไงเนี่ย ...
ใช่สิ , ได้เป็นแฟนแล้วนี่ .. ให้กับไม่ให้ก็ค่าเท่ากัน
นายปีโป้พาผมมาเดินขึ้นรถ วันนี้เจ้าตัวพารถยนต์ของพ่อมาครับ
“ทำไมเอารถยนต์มาละวันนี้” ผมถามอย่างสงสัยก่อนที่เจ้าตัวจะปลดล็อครถและเดินเวียนไปขึ้นรถอีกด้าน ผมเลยเปิดประตูเข้าไปในรถ พอมองไปข้างหลังถึงได้พบคำตอบว่าทำไมวันนี้ต้องเอารถยนต์มา
“ก็คนมันมีคนรักเยอะ !!!” ประโยคเดียวกับที่ผมพูดไปเมื่อกี้ ตอนนี้แทบกลืนน้ำลายไม่ลง ก็จะอะไรละครับ พอมองไปข้างหลังรถ เจอกับกองกล่องของขวัญ ช่อดอกไม้ ช็อกโกแลตเยอะแยะมากมาย กองโตกว่าของผมที่นายปีโป้หอบมาสามสี่เท่า ..
“หึหึ นี่ขนาดมีแฟนแล้วนะ” ผมพูดออดไปลอยๆ
“นั่นนะสิเนอะ .. ถ้าไม่มีกูคงต้องเอารถบรรทุกมา” ดูครับดู ยกหางแล้วขี้ทันที
“วันนี้ทำไมไม่มาหาเลย” เริ่มหงุดหงิดครับ เลยยิงคำถามใส่ไปเลย นายปีโป้ก็เหมือนรู้ครับ ว่าผมไม่พอใจ ขับรถไปอย่างยิ้มๆ
“ยังไงตอนเย็นก็ได้เจออยู่แล้ว จะมาหาอีกทำไม” ดูที่ตอบมาครับ
“ใช่สิ อยู่วิทยาลัย สาวๆจะได้เอาของขวัญมาให้ละสิ ชิ!!” พูดแล้วก็หมั่นไส้
“อยู่แล้ว นี่กูยังเวียนไปรอรับของยังไม่ครบทุกโรงเรียนในเมืองเลยนะเนี่ย เชอะ !!”
พอ , ไม่อยากต่อปากต่อคำด้วยแล้ว น้อยใจจริงๆ มีแฟนก็มีไม่เหมือนชาวบ้านเค้า เจ้าเล่ห์ เพลย์บอย ขี้เก็ก ขี้อวด โอ๊ยย เยอะแยะไปหมด .. แต่ทำไมเรายังรักยังชอบได้นะ ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ
“โกรธเหรอ?” นายปีโป้เหมือนรู้ว่าผมไม่พอใจ ถามพร้อมกับเอามือข้างหนึ่งมาจับมือผมไว้เบาๆ
“ขับรถไปเลย ไม่อยากคุยด้วยแล้ว”
“ฮ่าๆๆ งอนใหญ่ละ ไหนละของขวัญของพี่ปีโป้ จะไม่ให้พี่หน่อยเหรอ” ดูที่ดีอกดีใจที่ผมงอน แถมยังจะกล้ามาทวงของขวัญอีก
“ไม่มี ไม่ให้”
“ตกลงมี หรือไม่มี”
“มี .. แต่ไม่ให้” อยากเปิดกระจกรถขว้างทิ้งลงเสียจริงๆเลย เสียแรงที่อุตส่าห์นั่งทำหลังขดหลังแข็ง
“เป็นไรเนี่ย ทำไมวันนี้เหวี่ยงจังเลยแฟนเรา” โอ๊ยย นายปีโป้มันกวนประสาทผมจริงๆนะครับ ดูทำหน้าทำตาเข้า จะแกล้งกันไปถึงไหนเนี่ย .. เดี๋ยวก็งอนจริงซะหรอก ..
ตลอดทางกลับบ้านนายปีโป้ก็ยังยียวนกวนประสาทผมได้เรื่อยๆ หยอกผมไปขำไป ใกล้จะเสียสติเข้าเต็มทีแล้ว แต่ก็ยังดีที่มาถึงบ้านได้อย่างสวัสดิภาพ
“มากันแล้วป๊า” ผมได้ยินเสียงแม่ของนายปีโป้ตะโกนบอกป๊า
“สวัสดีครับแม่ สวัสดีครับป๊า” ผมยกมือไว้แม่กับป๊า
“สวัสดีจ๊ะลูก เป็นไงบ้างไม่เจอกันนานเลย ผอมลงไหมเนี่ย” แม่นายปีโป้ทักทายผม เอามือมาจับไม้จับมือ โอบตัวผมเข้าไปกอด
“นิดหน่อยครับแม่ ช่วงนี้งานเยอะ เลยนอนดึกไปหน่อย” ผมตอบไปพร้อมกับยิ้มให้
“งั้นมาอยู่กับแม่สักสองสามวัน เดี๋ยวแม่ขุนให้อ้วนเหมือนเดิม ดีมั้ยป๊า” แม่พูดกับผมก่อนจะหันไปคุยกับป๊า
“ดีเลยๆ ดีมั้ยตาหนู” ส่วนป๊าก็พูดกับแม่ ก่อนจะหันไปคุยกับนายปีโป้ที่ยืนยิ้มมาตั้งแต่ในรถ
“ดีครับพ่อ ให้เด็กขี้งอนหายงอนซะที”
“ใครงอนใครลูก” แม่ถามขึ้นทันที
“แม่ก็ถามลูกแม่ที่กอดดูสิครับ ว่างอนอะไรหนูอยู่” นายปีโป้ซัดมาทางผมละ แม่กับป๊าหันมามองผมตาเดียว
“โห คุณหนูโป้คะ ทำไมได้ของเยอะแบบนี้ละคะ นี่ในห้องไม่มีที่เก็บแล้วนะคะเนี่ย” แต่ไม่ทันได้ตอบ เสียงของป้าแดงที่เดินหอบข้าวของของนายปีโป้ดังเข้ามาแทรกเสียก่อน
“ป้าเอาพวกตุ๊กตาไปไว้ในห้องนะครับ เอาดอกไม้ไปปัก ส่วนพวกขนมเอาไปแบ่งกันทานนะครับ” นายปีโป้หันไปบอก ก่อนที่ป้าแกจะยิ้มและเอาไปจัดการอย่างที่นายปีโป้ว่า
“นี่ขนาดมีแฟน ของขวัญยังไม่ลดเลยนะ ลูกชายป๊า” ป๊าพูดขึ้นมา
“จะให้ทำยังไงละป๊า ก็คนมันฮอตนี่” แต่นายปีโป้ตอบพร้อมกับทำหน้ากวนมาทางผม
“อ๋อ เพราะแบบนี้นี่เอง หนูน้ำมนต์ถึงงอน ผู้ชายก็แบบนี้แหละลูก เจ้าชู้ เชื่อไม่ได้”
“แต่น้ำมนต์ก็ผู้ชายนะแม่” ผมย้อน
“อุ๊ย แม่ลืมไป เอาเป็นว่าป๊ากับตาหนูโป้แล้วกัน แม่ว่าเราไปนั่งคุยกันเถอะ แม่อยากคุยกับหนู ไปๆ อย่าไปสุงสิงกับสองคนนี้เลย” แม่พูดพร้อมกับเดินลากผมตามแม่ไป มีรอยยิ้มจากนายปีโป้และป๊าส่งมาให้ปลายทาง
เป็นแบบนี้ทุกทีสินะแม่ ..
.
.
.
“อิ่มมั๊ยวันนี้” ผมถามพร้อมกับโอบกอดเจ้าดวงใจผมไว้เบาๆ ขณะที่เราสองคนกำลังยืนเล่นชมจันทร์อยู่ที่ระเบียงกระท่อม
“ไม่ต้องมากอดเลยนะ” รายนี้ยังไม่หยุดงอนครับ ทำเป็นสะดีดสะดิ้งเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่น้ำมนต์ทำไม่น่ารักนะเนี่ย
“ยังไม่หายงอนกูอีกเหรอเนี่ย” ผมกอดไว้แน่นๆ เพื่อไม่ให้มันหลุดจากพันธะใดๆของผม แต่อันที่จริงผมแสนจะคิดถึงมันมากกว่า
“แล้วง้อเราหรือยังละ จะได้หายงอน” ดูครับ ยังไม่หายจริงๆ
“ง้อก็ได้ครับ อย่างอนพี่ปีโป้เลยนะ พี่ปีโป้ขอโทษที่ไม่ได้ไปหาวันนี้” ผมพูดพร้อมกับหอมแก้มนั้นเบาๆ
“ทำไมไม่มา” เสียงที่ถามมาดูห้วนน้อยลง แต่ก็ยังคงไม่เพราะเหมือนน้ำมนต์คนก่อนๆนัก
“อยากให้มึงชิน” ผมตอบไป
“ชิน ? ชินอะไร ?”
“วาเลนไทน์ปีนี้เราอาจจะได้อยู่ด้วยกัน แต่ปีหน้า ปีหน้าโน่น ปีหน้าหน้าโน่น ปีหน้าหน้าหน้าโน่น กูอาจจะไม่ได้อยู่กับมึง กูไปดูปฎิทินมาแล้วนะ สี่ปีข้างหน้าวาเลนไทน์ก็ยังตรงกับวันทั่วไป แล้วถ้าเกิดวันนี้กูไปหามึง เอาของขวัญไปให้มึง แล้วอีกสี่ปี มึงไม่คิดถึงปีก่อนๆแย่เหรอ กูไม่อยากให้มึงชะเง้อคอรอคอยกู กูกลัวว่าเวลาที่กูต้องไปเรียนกรุงเทพ กูอาจไม่มีเวลาบินมาให้ของขวัญมึงทุกปี กูอยากให้มึงชินกับวาเลนไทน์ที่ไม่ได้เจอกู ..” ผมพูดไปพร้อมกับโอบกอดแน่นเพื่อซึมซับความรู้สึกนั้นไว้ ..
“ทำไมไม่บอกเราตั้งแต่แรก” เสียงที่ถามมาอย่างอ่อนโยนแสดงถึงความเข้าใจที่ผมพูดไป
“ก็ใครกันละที่งอน ไม่ฟังอะไรเลย”
“ก็ทำไมไม่ง้อเร็วๆ คิดว่าเราเข้าใจอะไรยากหรือไง”
“ก็รู้อยู่ว่าเก่ง ก็คิดว่าจะคิดได้เอง”
“แล้วใครจะไปรู้ละ ว่าคนอย่างนายคิดอะไรลึกซึ้งขนาดนี้กับเค้าเป็นด้วย”
“มึงพูดแบบนี้ ด่ากูว่าโง่เลยดีกว่า”
“โง่” นั่นไง มันเอาจริง
“แต่ก็รักนะ .. เด็กโง่” แต่ก็ยังดีที่ยังพูดต่อมา เล่นเอาไม่ทันได้ตั้งตัวกันเลยทีเดียว
“ใครเด็กกันแน่หา ไอ้เปี๊ยกกก” ผมพูดพร้อมกับเอาจมูกตัวเองไปชนกับจมูกมัน
“พูดแบบนี้ต่อยกันเลยมั๊ย”
“โหย ที่ดุนะครับคุณน้ำมนต์”
“ไม่ดุแบบนี้ จะเอาแฟนคนนี้อยู่เหรอ จุ๊บ”
เขินเลยสิครับ .. ไปไม่ถูกเลย .. อยู่ก็คว้าคอโน้มตัวผมเข้าไปจูมแก้มซะงั้น จะให้ต้องผมบอกพวกคุณอีกสักกี่ทีกันดีละเนี่ย ว่าคนๆนี้ไม่ว่าอยู่ด้วยกี่ครั้งก็ไม่เคยหายตื่นเต้น มักจะมีเรื่องอะไรมาให้ผมใจสั่นเสมอ ยิ่งเรียนรู้ เหมือนยิ่งค้นพบว่าต้องเรียนรู้ ..
“น้องน้ำมนต์รักพี่ปีโป้นะครับ” ใครก็ได้มาหุบยิ้มผมหน่อย แค่จูบยังไม่พอใช่มั๊ยไอ้ตัวแสบ ยังต้องให้ผมละลายเป็นของเหลวไหลลงทะเลตอนนี้เลยใช่มั๊ย ..
“น่ารักแบบนี้ กูจะเลิกรักได้ไงวะเนี่ย”
หนักใจเหมือนผมไหมครับ , ใครอยากรับน้ำมนต์คนนี้ไปไว้ในอ้อมกอดในช่วงวันแห่งความรักนี้บ้าง .. รับรองว่ารอยยิ้มเล็กๆจะผุดขึ้นบนใบหน้าของคุณแบบไม่รู้ตัว .. ว่าแล้วก็ไปเอากีตาร์มาร้องเพลงให้มันฟังดีกว่า ..
สุขสันต์วันแห่งความรักนะครับ ..
คือว่าคือ เอ่อ คือว่าวันนี้มัน มีไอเดียมานำเสนอให้กัน
คือว่าเรา อ่า แบบว่ามาอยู่ด้วยกัน อยู่กันไป ไปถึงไหนถึงกัน
ปีสองปี สามปี สี่ปี ห้าปี เราจะมีกันอย่างนี้ได้ไหม
เป็นสิบปี ยี่สิบปีเรื่อยไป ขอให้เธอรับไว้พิจารณา
รู้ฉันมีข้อเสียเต็มไปหมด ไม่มีอนาคตแบบสุด ๆ
ปากก็หมาระรานไม่หยุด แต่ฉัน ฉัน ฉัน ฉัน...
ฉันอยากเห็นเธอทุกวัน เช้า สาย บ่าย ค่ำ
อยากเห็นเธอตอนแก่จัง มันดีที่เราอยู่ด้วยกัน
มันดีอย่างกับฝัน จะอยู่ด้วยกันไปจนแก่มั้ย
ปีสองปี สามปี สี่ปี หรือห้าปี เราจะมีกันอย่างนี้ได้ไหม
เป็นสิบปี ยี่สิบปี เรื่อยไป ขอให้เธอรับไว้พิจารณา
รู้เธอมีข้อเสียเต็มไปหมด ปี๊ด วีนแตก ขี้งอน แบบฝุดฝุด
สิวก็ขึ้นที่คางไม่หยุด แต่ฉัน ฉัน ฉัน ฉัน...
ฉันอยากเห็นเธอทุกวัน เช้า สาย บ่าย ค่ำ
อยากเห็นเธอตอนแก่จัง มันดีที่เราอยู่ด้วยกัน
มันดีอย่างกับฝัน จะอยู่ด้วยกันไปจนแก่มั้ย
ถึงไหนถึงกันไปจนแก่นะ มันดีจริง ๆ นะ.
...
สุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับ เป็นตอนพิเศษที่ยาวมากเท่าที่เคยแต่งมา เพื่อแทนคำขอบคุณ 100 Like fanpage Lungkhao และฉลองให้กับวันวาเลนไทน์ในวันนี้ .. หวังว่าคงจะเต็มอิ่มกันนะครับ .. คิดถึงตัวละคร และก็คนอ่านทุกคนเลย ..
เจอกันใหม่ Like ที่ 200 นะครับ