::ไม่เกรียนที่ 12 Too Late?::ถ้ามีคนคนนึง..เคยมีความรู้สึกดีๆกับคุณในวันวาน แต่คุณปฏิเสธมันไป
และเมื่อมาถึงอีกวัน..คุณก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับเขา ..คุณว่า มันจะยังทันไหม.?.ผมตอกไข่ใส่กระทะสำหรับสามชีวิตตามคำสั่งพ่อน่ารักที่ว่า ‘อือ..ดี..เร็วๆเลย.. (ซี๊ด)’
แต่ความคิดก็พาผมเดินทางท่องเที่ยวออกไปจากปัจจุบันกาลอย่างไม่หยุดไม่หย่อน
นี่ผมเป็นอะไรไปเนี่ย!?
“บางระจันคืนพระจันทร์งามเด่น ฝนพร่างพร่ำฉ่ำเย็นเยื่องยุทธภูมิสงคราม มีนาย-”
.
.
อะไร..ทำไมไอ้หมอนั่นมองผมอย่างนั้น
มึงขนของเข้าบ้านก็ขนไปดิ มามองกูทำไม กูจะร้องบางระจันให้ต้นไม้ฟังนี่กูผิดเหรอ
มันเหล่มองต้นไม้เหมือนกลัวต้นไม้น้อยจะตายก่อนโตเมื่อฟังบางระจัน
หน็อย..มันไม่รู้อะไรซะแล้ว ต้นไม้กูจะได้ฮึกเหิมเว้ย!
ผมรดน้ำพลาง คิดเองเออเองพลางเสร็จสรรพก็กลับเข้าบ้าน
ผมคิดไปเองมั๊ยนะ ว่าไอ้เด็กใหม่บ้านข้างๆมันหน้าตากวนตีนยังไงไม่รู้..อะไรเนี่ย?
ผมสะบัดหัวไปมา แล้วพลิกไข่ดาวที่สุกจนเหลืองส้มกลับด้านอย่างสั่นๆ
“คงไม่เป็นไรแล้ว”
มันมองซ้ายมองขวาเมื่อเราวิ่งมาถึงหลังโรงยิม
แล้วจึงหันมามองหน้าผม ยกริมฝีปากขึ้นยิ้มน้อยๆ
ผมมองมันอย่างงงๆ
“พากูวิ่งมาทำไมเนี่ย”
“หรือมึงอยากถูกเรียกเข้าห้องปกครอง?”
มันหน้าเข้ม
เออว่ะ เพิ่งเจอมันครั้งแรก ผมก็ใช้ภาษาไทยเดิมกับมันแล้ว มันจึงใช้บ้าง
“กูแมนพอจะยอมรับความผิด”
ผมบอกสั้นๆ
“ก็ที่กูพามา เพราะว่ามึงไม่ผิดไง เป็นกู กูก็ทำ”
มันคลายสีหน้าลง
ทำไมผมรู้สึกว่ามันหน้าคุ้นๆวะ
“แล้วมึงเสือกอะไร”
ผมอดถามไม่ได้
มันเบ้หน้า
“ปากมึงนี่ ไม่ค่อยสร้างสรรค์เลยนะ”
ผมยักไหล่ไม่แคร์ มันจึงอธิบาย
“จำกูไม่ได้เหรอ”ผมกระตุกยิ้ม หมดแล้วซึ่งความสนใจไข่ดาว
..ใครจะไปจำมึงได้ หน้าตาไม่ได้น่าดึงดูดนี่หว่า
“ที่นั่งข้างๆมึงยังว่างอยู่ กูขอนั่งนะ”
มันบอกหลังจากแนะนำตัวกับเพื่อนและอาจารย์เสร็จ
ผมก็ยักไหล่
ใครไปห้ามตูดมึงล่ะ? อยากหย่อนตรงไหนก็หย่อนไปดิ
.
.
“กูชื่อหมอกนะ”หมอก.. ไอหมอก เจียง..
“ดิล..”
ผมแว่วเสียงบางอย่างแต่ช่างมันเถอะ ผมเคลิ้มฝันกับไอ้หมอกในความคิดผมต่อไป
“กูขอโทษนะเรื่องวันนี้”
ผมกอดกีต้าร์ แล้วบอกกับมันเมื่อร้องจบ
ไอ้หมอกหัวเราะหึหึ
“มึงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากูโกรธมึงเพราะอะไร ไม่ต้องขอโทษหรอก”
นั่น..
ไม่ยอมครับ
“กูรู้สิ ไม่งั้นกูจะขอโทษทำไม”
ผมตะโกนข้ามกำแพง
“งั้นบอกมาสิ ทำไม?”
..อย่ามองกูด้วยสายตาแบบนั้นได้มั๊ย
“ก็ ที่กูหลอกมึงเป็นเข้าชมรมวาย เป็นผู้ชายคนไหน เขาก็โกรธ”
มันหัวเราะ มองผมยิ้มๆ
“กูไม่ได้โกรธเรื่องนั้น..”
อ้าว?
“กูบอกกับมึงว่ากูอยากเป็นเพื่อนมึง ก็คือความจริงใจที่อยากจะทำ”
มันเงยหน้าขึ้นมองแสงจันทร์ พูดโดยไม่มองผม
“แต่มึงพากูไปเข้าชมรมวายเพียงเพื่ออยากแก้แค้นที่แม่กูว่าพ่อมึง ..เท่านั้น”
มันหันกลับมามองผม “มึงดูถูกความรู้สึกกูมาก ..มึงรู้ตัวมั๊ย?”“ไอดิล ไข่ดาวไหม้แล้วนะ!”เย้ย!!
ผมถูกดูดกลับมาสู่ความเป็นจริงและกลิ่นโหยหวนของไข่ดาวตรงหน้า
“ตายแล้ว ตายแล้ว ขอโทษฮะพ่อ”
ผมขอโทษขอโพย รีบตักไข่ดาวที่มีสภาพเหมือนมันเผาออกมาจากกระทะ พ่อน่ารักเข้ามาช่วยปิดแก๊ส
แม้จะในสภาพเหนื่อยๆ หัวยุ่ง ใส่เสื้อกลับด้าน และบ็อกเซอร์ที่สวมลวกๆ แต่พ่อน่ารักก็ยังดูร่าเริงดี
“พ่อกับพ่อหล่อถกประเด็นอะไรกันน่ะครับ ดูเหมือนผ่านสงครามอะไรสักอย่างมามากกว่า”
ผมยังอุตส่าห์ตั้งข้อสังเกต
พ่อน่ารักหน้าแดงขึ้นมา แต่ก็หรี่ตามองผมยิ้มๆ
“นั่งเหม่อริมหน้าต่าง ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทั้งวัน เคลิ้นฝันเป็นพักๆ ทอดไข่ไหม้ และท้องผูก”
พ่อน่ารักทำหน้าเจ้าเล่ห์
“แบบนี้มันเป็นอาการของอะไรนะ”

ท้องผูกมันมาจากไหนวะ?
แต่ช่างเถอะ ผมรีบส่ายหัวดิกปฏิเสธ
“อาการอะไรพ่อ ผมไม่รู้เรื่องเลย”
ในขณะที่ผมใกล้จนมุม พ่อหล่อก็มาช่วยชีวิตไว้
“ช่างเถอะๆ ไหนๆไข่ก็ไหม้ไปแล้ว วันนี้เราถือโอกาสออกไปกินข้าวนอกบ้านกันสักทีแล้วกันนะ”
ผมพยักหน้าแรงๆอย่างเห็นด้วย
แม้พ่อน่ารักดูจะยังต้องการต้อนให้ผมจนมุมแล้วจนมุมอีกก็อดเห็นด้วยไม่ได้ สาเหตุคงมาจากท้องที่ร้องโครกครากของแกนั่นเอง
“งั้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะเถอะไป”
พ่อหล่อบอกยิ้มๆ
“ไม่ต้องอ่ะฮะ ค่อยกลับมาอาบน้ำทีเดียว ผมชุดนักเรียนได้สบาย”
ผมยักไหล่กับเสื้อนักเรียนเลอะๆปล่อยชายรุงรังของผมและเดินนำไปทางประตูบ้าน
พ่อน่ารักเองก็เดินตามมาบ้าง แต่โดนพ่อหล่อโอบเข้าไปหาลำตัว
“แต่มึงน่ะ ไปเปลี่ยนซะ”
พ่อหล่อมองต้นคอและเรียวขาขาวเนียนอย่างหวงแหน
ผมหัวเราะคิกๆ
“หัวเราะอะไรไอดิล ระวังนะจะโดนจับได้คาหนังคาเขา!”
พ่อน่ารักขู่ฟ่อแล้วเดินอย่างเอียงอายไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
ผมก้มหน้างุดๆหลบสายตาแห่งคำถามจากพ่อหล่อแล้วเดินออกมารอหน้าบ้าน
ผมอดหันไปมองบ้านข้างๆไม่ได้ แต่ก็ต้องรีบหันกลับมาทำเป็นเหมือนว่าไม่ได้มองเมื่อมีคนออกมาจากบ้านนั้นเช่นกัน
“อ่า ภัตตาคารหงส์หยกเหรอครับ แล้วมันอยู่ตรงไหนละเนี่ย ผมเพิ่งมาอยู่ไม่นานน่ะครับ”
เสียงคุยโทรศัพท์ดังมาให้ได้ยินชัดเจน เป็นเสียงทุ้มๆของคนที่ผมไม่เคยคุยด้วยมาก่อน
ผมยืนล้วงกระเป๋าสบายๆ รับลมยามค่ำคืน
“แล้วมันไปทางไหนเนี่ย”
ชายคนนั้นวางโทรศัพท์แล้วพึมพำ ผมจึงหันไป
“อืม..”
ผมมองเขา
“อยู่อีกฟากนึงของเมืองน่ะครับ ต้องขึ้นสะพานไป”
ผมหมายถึงย่านธุรกิจใหม่ที่กำลังจะเติบโตอยู่อีกด้านหนึ่ง
“อ่า..”
ตาลุงคนนั้นมองผม
“เราอยู่บ้านนี้เหรอ”
“อ่อ เปล่าครับ มาปล้น”
ผมกวนตีนออกไปยิ้มๆ
“ก็ต้องอยู่สิฮะ”
ชายคนนั้น ซึ่งก็คือพ่อไอ้หมอกหัวเราะออกมา
.
.
“ทำอะไรอยู่คะคุณ”
น่านไง..มาละ คุณนายแม่หมอก
เธอไม่ได้ต้องการคำตอบหรอกครับ แต่รีบมาดึงแขนคุณสามีให้เดินไปกับเธอ
“ฉันบอกแล้วไงคะ ว่าอย่าไปเสวนากับบ้านนั้น”
เสียงดังมาอย่างไม่กลัวผมจะได้ยิน
“กลัวจะติดเชื้อมาลาเรียรึไงครับ”
ผมอดโต้ตอบกลับไปไม่ได้
.
.
“ใครไปมาเลเซียหลานดิ้ล!”หะ?
เสียงคุ้นๆ
ผมรีบหันไปหน้าบ้านตัวเอง หรือว่า..
“ยายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
ผมร่ำร้องตะโกนและวิ่งถลาไปหน้าบ้าน
ใช่ครับ ผู้หญิงแก่ อายุหกสิบกว่ายืนโบกมืออยู่หน้าบ้านเคียงบ่าชายแก่ที่อายุมากกว่านั้นแต่ท่าทางเดินเหินยังแข็งแรงกันทั้งคู่
ผมวิ่งไปโอบกอดพวกเขา
“มาได้ไงครับเนี่ย ผมไม่ได้เจอยายกับตานานมาก แม่บอกว่าล่าสุดอยู่แบกแดดไม่ใช่เหรอฮะ”
ทั้งสองนี่ไฟแรงไม่มีมอดจริงๆครับ เป็นนักเดินทางที่ท่องทั้งในและนอกประเทศ เป็นวัยเกษียณที่ใช้ชีวิตคุ้มค่ามาก
แต่ก็คุ้มมาตั้งแต่ก่อนเกษียณแล้วล่ะนะตั้งแต่คืนดีกันเมื่อหลายปีก่อนนู้น ตามที่พ่อน่ารักเล่าให้ฟัง
ยายกับตายังมีแววตาที่อบอุ่นและเมตตาเหมือนที่ผมเคยจำได้..
“ก็สูงสุดคืนสู่สามัญไง”
หญิงชราผูกผมหางม้าที่หงอกขาวบอกง่ายๆ
“คนมันก็ต้องอยากกลับบ้านบ้าง ว่าแต่..เราจะใช้เวลาตลอดคืนกันที่หน้าบ้านตรงนี้รึเปล่า ยายจะได้เอาเต้นท์ในกระเป๋าออกมากาง เราจะได้นอนคุยกันสบายๆหน่อย”
เกรียน!
“เข้ามาสิครับ เข้ามาๆ”
ผมชักชวนตายายเข้ามาก่อนที่จะต้องนอนเต้นท์
และก็เจอเข้ากับดวงตาอีกคู่หนึ่ง..ที่สะกดผมได้ทุกคราไปในระยะนี้..
“สวัสดีครับ”
ไอ้หมอกยกมือไหว้ผู้มาใหม่ทั้งสอง
ตากับยายผมดูงงๆ
“เออ ไหว้เณรเถอะหลาน”
ตายายผมตอบ ไอ้หมอกทำหน้าอึ้งๆ
ผมยิ้มแล้วแนะนำ
“นี่ตายายกู แล้วนี่ไอหมอกครับยายเป็น..”
ผมหยุดไปนิดหนึ่ง..
เป็นคนที่ผมฝันถึงทุกคืน..
เป็นคนที่ผมอยากกลับไปรับรักมันตั้งแต่วันนั้น..
เป็น..
“เป็น?”
ยายเลิกคิ้ว
“เราเป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกันครับ เป็นเพื่อนกัน”
ไอ้หมอกตอบอย่างร่าเริง
ยิ้มผมหายไป ไอ้หมอกดูงงๆกับหน้ายักษ์ของผม
“อ่อ ลืมไปไม่ใช่เพื่อนแล้วนี่หว่า”
มันยิ้มล้อๆ
“เพื่อนสนิท เพื่อนที่ขัดส้วมด้วยกัน ฮ่าๆ”
ผมยิ้มบางๆ..
“เสียงใครเอะอะโวยวายอะไร”
สองพ่อที่หายไปนานเดินลงมาจากบันได ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอะไรนานขนาดนั้นละเนี่ย?
ไม่ใช่ว่าถกอะไรกันอีกหนนะ
“อ๋อ ก็เขามีวัยรุ่นยกพวกตีกันแถวนี้”
ยายตอบออกไป
..เสียงในบ้านเงียบไป
ก่อนจะตามมาด้วยเสียงวิ่งตึงตังตึงตัง
“เเม่ พ่อ!”พ่อน่ารักแผดเสียงและถลาไปโอบกอดยายและตาเหมือนอย่างที่ผมทำไปแล้วก่อนหน้า
พ่อหล่อเดินตามมาดูดีใจพอกันแม้จะไม่แสดงออกอย่างล้นเหลือเหมือนพ่อน่ารัก
พ่อหล่อยกมือไหว้คนทั้งสองอย่างเคารพนบนอบเหมือนที่ไอ้หมอกทำไปแล้วก่อนหน้า.. อร๊าง..
“แม่กับพ่อมาได้ยังไง”
พ่อน่ารักยังดีใจสุดๆ “ผมนึกว่าลืมลูกลืมเต้าไปแล้ว”
“เฮ่ย”
ยายขัดขึ้น
“เต้าไม่ได้ลืม เต้าอยู่นี่ ติดตัวตลอด ไม่เคยกระเด้งกระดอนไปไหนเลย”
ยายชี้ที่หน้าอก
พวกเราฮาครืน
.
.
“หมอก..”
เสียงเยียบเย็นดังแหวกเสียงหัวเราะของเรามา
“เมื่อไหร่ลูกจะได้เดินมาขึ้นรถ”
เอ่อ..
ตาทั้งหกคู่หันไปมองต้นเสียง คุณนายแม่หมอกที่เลอโฉมยืนอยู่นั่น
“เออ กูไปละนะ”
ไอ้หมอกบอกผมก่อนหันไปยกมือไหว้พ่อๆและตายาย
“ผมไปก่อนครับ ยินดีที่ได้เจอครับ”
ไอ้หมอกหันหลังเดินตามแม่มันไป ดูท่าเขาคงจะไปไหนกันสักที่
ผมมองตามแผ่นหลังแกร่งนั้นไปจนมันขึ้นรถเบนซ์สีดำเป็นมันวาวที่จอดอยู่หน้าบ้านแล้วรถคันนั้นก็แล่นฉิวออกไป
ผมอมยิ้มน้อยๆ.. ในใจยังนึกต่อจากเมื่อตอนทอดไข่ดาวไหม้
ผมเดินตะล๊อกต๊อกแต๊กลงบันไดมา ก้าวย่างเรื่อยๆจนออกพ้นประตูโรงเรียน
เดินได้ไม่นานฟ้าก็เทฝนลงมา โอย ฟ้าครับ ใครหักอก ถึงมาร้องไห้เอาตอนนี้เนี่ย
ดีว่าผมไม่ใช่เจ้าสาว(จึงไม่กลัวฝน) ผมเดินต่อไป เอากระเป๋านักเรียนไขว้หลังไว้เพื่อไม่ให้มันเปียกมาก
แต่จู่ๆก็มีมือลึกลับคว้าตัวผมไป!
.
.
“ผี สาง เทวดา ห่า เหว ปล่อยกู!!”
ผมสบถลั่นและดิ้นกระแด่วๆ
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก”
โวยเท่านั้นครับ โวยไว้ก่อนพ่อสอนไว้
พ่อน่ารักเคยสอนว่า ใครมาแตะเนื้อต้องตัว จงด่ามันลูก ด่ามันก่อน แล้วค่อยถามชื่อ
“มึง แม่ง โฮ่ง โฮ่ง”
เสียงตอนท้ายๆไม่ใช่ละ -*-
แล้วเสียงทุ้มลึกชวนขนหัวลุก(เวอร์ไปหน่อย)ก็ดังมาเบาๆ
“จะโวยวายอะไรนักหนาเนี่ย?”
ผู้จับกุมปล่อยผมเป็นอิสระ ผมไม่สนสียงอินทร์เสียงพรหมทั้งนั้น หันหลังไปต่อยสะเปะสะปะด้วยความตกใจ
“เฮ้ยๆ ใจเย็นๆ”
มันผู้นั้นจับมือผมที่พุ่งหมัดเข้าหา
พอจะพุ่งอีกหมัดมันก็จับไว้แล้วรวบร่างไว้ ..แม่ง แรงควายชิบหาย!
“ปล่อยกู มึง ไอ้โรคจิต กูจะ-”
“ไอดิล!”
เสียงนั้นเรียกสติสตังผมกลับมา
ผมจึงกระพริบตาถี่ๆมองเจ้าของอ้อมแขนแข็งแรงให้ชัดเจน….
“เชี้ยหมอก..”
ผมเปลี่ยนจากอารมณ์ตกใจเป็นอารมณ์โกรธ
“มึง อะไร อะไรของมึงเนี่ย ไอ้เหี้ย ซ้อมเล่นเรื่องจำเลยรักอยู่เหรอ”
ผมดิ้นฮึดฮัด
ก็เป็นใคร ใครไม่ตกใจละครับ จู่ๆมีมือของหนุ่มชุดดำมาลากเข้าไปในยุ้งฉางกลางฝน
แม่ม นึกว่าโจรบ้านนอก
ผมมองสำรวจดีๆ จึงเห็นว่าแท้จริงแล้วมันไม่ใช่ชุดดำ แค่ใส่แจ็คเก็ตหนังตัวใหญ่สีดำ
แหม..ชุดมึงช่างเข้ากับบ้านนอกของกูเหลือเกิน
“มึงนั่นแหละ กูแค่เห็นเดินตากฝน เลยดึงตัวเข้ามาหลบในนี้ โวยวายอย่างกะจะโดนปล้ำ”
มันบอกดุดุ แถมยังไม่ปล่อยกอดกูอีก
“เชี้ย มึงเล่นดึงกูมาไม่บอกล่วงหน้าแถมใส่แจ็คเก็ตแบบเนี้ย เหมือนหลุดออกมาจากเรื่องคนเหล็ก แม่ม.. กูก็กลัวดิ”
ผมดิ้นกระแด่วๆต่อไป
“เออ ขอโทษ”
มันว่าพลางมองตา
ผมรู้สึกว่ามันลืมอะไรไปอย่างนะ..
“แล้วมึง.. มึงจะกอดกูอีกนานมะ?”
“นาน”
มันตอบอัตโนมัติ..นาน..
ผมยิ้ม.. ตอนนั้นมึงชอบกูแล้วล่ะสิ โด่เอ๊ย โด่เอ๊ย!!

ผมบิดตัวอย่างเขินอายเพื่อมาเจอเข้ากับ

<< หน้าพ่อแม่และตายาย
“ชอบเขาล่ะสิ”
ยายผมว่า
“กิ้ว กิ้ว”
พ่อน่ารักผสมโรง
“มองจนลับตาแบบนั้น”
คุณตาพูดเดี่ยวๆเป็นครั้งแรกตั้งแต่มาถึง
และพ่อหล่อก็สรุปความ
“ลูกชอบนายหมอกแน่เลย!”
อ๊ากกกกกก!!
ไม่ ไม่ ไม่ มันไม่ใช่แบบนั้นนะ
“ผะ..ผม..”
ผมพยายามคิดหาข้อแก้ตัวให้ตัวเอง ไม่จริงน่ะ ผมจะชอบไอ้หมอกได้ยังไง
“ผมมองตาม เพราะ..เพราะ ผมแค่ กลัวมันจะเดินเหยียบขี้หมาฮะ”

“ฮั่นแน่”
ยายชี้ไม้ชี้มือมาทางผม
“มันเหยียบขี้หมาที่โรงเรียนวันนี้ไปทีนึงแล้วฮะ เหม็นมาก-”
ผมพยายามอธิบาย
“ชิมิ ชิมิ”
พ่อน่ารักเหล่ไปที่บ้านไอ้หมอกอย่างมีเลศนัย
“ผม..”
..ใช่เหรอ..
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
“ฮึ ฮะ ฮัด ฮึ่ย”
.
.
โครม! ตึง!
ปึงปัง!
“มึงเป็นอะไรวะไอ้ดิ้ล?”
ไอ้ฝันมองผมอย่างอดรนทนไม่ได้
ผมก้าวเข้ามาในห้องสมาคมชมรมวายแห่งมวลมนุษยชาติหรือ ส.ว.ม.
“กูเห็นเดินเข้ามาแล้วทำท่าฮึดฮัด เม้มปาก ทำเป็นสาวไปได้”
ไอ้ฝันทำหน้าจริงจัง
“เออ หรือว่ามึงแตกเนื้อสาววะ”
“มึงจะบ้าเหรอ!!”ผมว๊ากมัน
ไอ้ฝันหัวเราะก๊าก
“กูล้อเล่น แล้งมึงเป็นอะไร”
ผมทำหน้ามุ่ย
“ก็เมื่อวานตากับยายกูมา”
ไอ้ฝันตาเป็นประกายทันที
“เห้ย ก็ดีนี่ มึงบอกว่ามึงไม่ได้เจอนานมากไม่ใช่เหรอ มึงบอกกูว่าเขาไปริโอเดอจาเนโรกันไม่ใช่เหรอ”
นั่นมันก่อนแล้ว แบกแดดต่างหากล่ะแบกแดด!
“เออก็ดี ดีมาก แต่ที่ไม่ดีคือ..”
ผมกัดฟัน ไอ้ฝันรอฟัง
“พวกเขาคิดว่ากูชอบไอ้หมอกกันหมดเลย!!”ไอ้ฝันทำหน้าแบบที่ผมเห็นทั้งครอบครัวผมทำเมื่อคืน
“แล้วมันไม่จริงเหรอ”

“ไม่จริงเว้ย”
ผมว๊ากอีกรอบ
“อะไรไม่จริง”
ไอ้หมอกเดินเข้ามา วางกระเป๋าแล้วยิ้มให้เราสองคน
“ก็ไอ้ดิ้ลมันชอบ-”
“ไม่มีอะไร”
ผมเอามือปิดปากไอ้ฝันไว้ ไอ้หมอกยักไหล่แล้วบอก
“งั้นกูรีบทำการบ้านของอาจารย์รพินทร์ก่อนนะเว้ย”
“เออ” ผมตอบรับ “รีบทำล่ะมึง ‘จารย์บอก ใครไม่เสร็จให้ปั่นจิ้งหรีดห้าสิบที”
ผมว่าไปนั่น แล้วหันมามองไอ้ฝัน
“ถ้ามึงพูดเรื่องไม่จริงแบบนี้อีกนะ กูจะ-”
ไอ้ฝันยิ้มยั่ว
“จะอะไร”
“จะ-” ผมคิด
“จะแช่งให้พี่หมอมีแฟนแล้วซะเลย”
ไอ้ฝันทำหน้าจริงจังขึ้นมา
“พี่หมอจะมีแฟนแล้วได้ไง ไม่เคยเห็น วันๆทำแต่งาน ไม่มีหรอกแฟน”
ผมทำหน้าเจ้าเล่ห์
“มึงรู้ได้ไง..?”
จะว่าด้วยกลัวหรือด้วยเริ่มเชื่อก็ไม่ทราบได้มันเลยเลิกต่อปากต่อคำกับผมไป
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
“เอาล่ะ พอแค่นี้ก่อนนะนักเรียน อย่าลืมไปหาที่ทำงานมาส่งด้วย คราวที่แล้วไปทะเลน้อยมา หลายคนทำงานดีมาก ดีมากๆเลย”
อาจารย์บอก แล้วเดินออกจากห้องไป
ผมกับไอ้หมอกก็ยังคงนั่งข้างๆกันเหมือนเดิม แต่พออาจารย์พูดถึง ‘ทะเลน้อย’
ผมกลับได้แต่ก้มหน้าเขินอาย ไม่ยอมโงหัว
จนกระทั่งรู้สึกว่าหลังถูกปาด้วยก้อนกระดาษ ผมก้มลงไปเก็บเมื่อมันตกอยู่ใต้โต๊ะ
‘ใครโดนจูบที่ทะเลน้อยน้า..?’
ลายมือขยุกขยิกเขียนมาว่าอย่างนี้ ผมลุกขึ้นหันไปทำหน้ายักษ์ใส่ไอ้ฝัน
“ไอ้ฟัค!!”
“มีอะไรกันอีกวะ?”
ไอ้หมอกเงยหน้าขึ้นมาถาม
ผมอึกอัก
มึงลืม..มึงช่างลืมได้!

ไอ้ฟัคหัวเราะร่วน ผมขยับจะไปไล่จับมันก็พอดีกับ..
เฮ้ย!
“โทษทีไอดิ้ล ไม่ทันเห็นว่ะ”
ไอ้เป้วิ่งชนผม มันหันมาขอโทษจริงจังแล้วรีบวิ่งไปไหนสักที่ แต่เศษกระดาษของไอ้ฝันหลุดจากมือผมไปแล้ว..
ผมรีบขยับออกจากเก้าอี้ไปเก็บ
แต่ไอ้หมอกเป็นสุภาพบุรุษมากครับ มันก้มลงเก็บให้เช่นกัน
ทว่า..มันก็ก้มลงอ่านด้วย..
‘ใครโดนจูบที่ทะเลน้อยน้า..?’
ประโยคนั้นโชว์หราอยู่ในหน้ากระดาษ
.
.
“มึงควรจะบอกไอ้ฝันตรงๆไปเลยนะ ว่ามึงรู้สึกยังไงกับมัน จะได้ไม่ต้องมาเหี่ยวแห้งอย่างนี้ เผื่อว่ามึงจะโชคดี ไอ้-”
ผมพยายามให้คำแนะนำไอ้หมอกที่ทะเลน้อยวันนั้น
“ไอดิล!”
มันหันมาจับไหล่ผมไว้ทั้งสองข้าง ท่าทางบ่งบอกว่าสุดจะทนแล้ว!
“หุบปาก! แล้วฟังกูนะ!”
ผมมองมันงงๆ มันโมโหอะไรวะ
“คนที่กูชอบไม่ใช่ฝัน กูชอบแฟนฝันต่างหาก!”
แฟนไอ้ฝันมีด้วยเรอะ..
ผมยังคงงงงวยอยู่เช่นเดิม จึงถามมันไป
“มึงหมายถึงใครวะ?”
..มันมองผมนิ่ง
มือข้างหนึ่งรวบไหล่ อีกข้างจับต้นคอผมให้แหงนขึ้น..
และดวงหน้าจริงจังก็ก้มลงมาประทับจูบอ่อนเบาลงบนเรียวปากผม..
..ครั้งแรกในชีวิตผม..ใจผมเต้นตึกตัก..เมื่อมองมันในเวอร์ชั่นปัจจุบัน..
มันเงยหน้าขึ้นมา แล้วส่งกระดาษให้ผม
..แล้วเดินออกจากห้องไป..โดยไม่พูดอะไร..
ผมลุกขึ้นกำเศษกระดาษนั้น มองตามหลังมันไป
ทำไม..มันไม่แสดงความรู้สึกอะไรเลย?
“เฮ้ยมึง โทษที”
ไอ้ฝันเดินมาข้างๆ ทว่าผมยังคงยืนนิ่งอยู่ ..หรือมันหมดความรู้สึกนั้นกับผมไปแล้วจริงๆ
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
เราเดินกลับบ้านกันสามคนเหมือนเดิม มีผม ไอ้ฝันและไอ้หมอก
แต่ตัวไอ้หมอกไม่ค่อยคุยอะไรมากเท่าเดิม ผมเองก็เงียบ
..ยังงงๆอยู่เหมือนกัน..
“เออ เราแวะกินไรกันหน่อยไหม”
ไอ้ฝันเสนอทางเลือก มองผมทีมองไอ้หมอกที
.
.
“เราเล่นต่อเพลงกันไหม”
ไอ้ฝันเสนอในอีกห้านาทีต่อมา
แต่เราสองคนก็ยังเงียบอยู่
.
.
“พวกมึงเป็นอะไรวะ ไอ้ดิ้ล ไอ้หมอก”
อีกสี่นาทีต่อมาไอ้ฝันก็ถามขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ได้
“เปล่า”
ไอ้หมอกตอบ
“ไม่ได้เป็นอะไร”
ผมตอบ
ขอบคุณพระเจ้า เราเดินถึงรั้วบ้านไอ้หมอกพอดี
มันพยักหน้าให้พวกผม แล้วเปิดประตูรั้วเข้าบ้านไป
ไอ้หมอกไม่ทันพ้นประตูรั้ว คุณนายแม่หมอกก้าวฉับๆออกมา
“หมอก” เธอมองลูกชายดุดุ
“เมื่อไหร่ลูกจะเชื่อแม่ จะเลิกเดินมากับลูกบ้านนั้นสักที”
ไอ้หมอกทำหน้าเหนื่อยๆ มันบอกผมว่าโดนแม่ดุเรื่องนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว แต่มันไม่ได้ซีเรียสอะไร เราจึงยังเป็นเพื่อนกันต่อไป
“แม่ครับ ไอดิลเป็นคนดีนะ พ่อเขาก็ด้วย”
มันอธิบาย
“รู้ได้ยังไง ใครจะรู้ เขาอาจจะคิดไม่ดีกับลูกก็ได้ แม่ไม่อยากให้ลูกเบี่ยงเบนนะ”
เธอถลึงตาใส่ผม ผมเองก็มองตากลับ
ไอ้หมอกต่างหากมาชอบผม ผมไม่ได้ชอบมัน มันต่างหากที่ชอบผม มันชอบผม!
“แม่ครับ ไอดิลไม่ได้คิดอะไรกับผม ผมเองก็ไม่คิดอะไรกับเขา เราเป็นเพื่อนกัน เป็นเพื่อนเท่านั้น และจะไม่เป็นอย่างอื่น!”
..ผมรู้สึกเหมือนโดนอะไรบางอย่างกระแทกอย่างหนักหน่วง จนรู้สึกจุก..
ผมบอกตัวเองว่าเป็นเพราะมื้อเที่ยงกินไก่ย่างมากไป
..ทว่าผมยังทำได้เพียงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น..
“ไอ้ดิ้ล..”
ไอ้ฝันเรียกผม แต่ผมเพียงสะบัดหนีไปแล้วเดินเข้าบ้าน
“ไอดิล..”
ใครในบ้านเรียกผมบ้าง ผมก็ไม่รู้หรอก
พ่อหรือตายาย แต่ผมได้แต่เดินขึ้นบันได เปิดประตูห้อง แล้วกระชากหน้าต่างบานนั้นปิด ปัง!
"ผมเองก็ไม่คิดอะไรกับเขา เราเป็นเพื่อนกัน เป็นเพื่อนเท่านั้น และจะไม่เป็นอย่างอื่น!”ถ้ามีคนคนนึง..เคยมีความรู้สึกดีๆกับคุณในวันวาน แต่คุณปฏิเสธมันไป
และเมื่อมาถึงอีกวัน..คุณก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับเขา ..คุณว่า มันจะยังทันไหม.? . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
สวัสดีครับเกรียนคนอ่าน
ต้องขออภัยเลยครับที่หายไปนานและนิยายเรื่องนี้ไม่ได้อัพบ่อย เพราะมีภาระหน้าที่ติดพัน
ผมคงต้องชี้แจงนะฮะ ว่าอาจจะไม่ได้แต่งนิยายสักระยะ
อะไรมันรัดตัวไปหมดจนไม่มีเวลาเลยในตอนนี้ เข้ามาตอบพีเอ็มหรือตอบอีเมลล์อะไรคงได้
แต่การแต่งนิยายต้องใช้อารมณ์ความรู้สึกและสมาธิน่าดู
ผมเองก็บอกไม่ได้ว่าปุบปับจะแต่งได้ขึ้นมา หรือต่อไปจะมีงานอะไรมากองตรงหน้าไหม
จึงบอกได้เพียง ถ้าผมหายไปก็อย่าโกรธกันเลยครับ วันเสาร์ก็จะมีสอบอีกแล้ว
ยังไงก็ขอบคุณสำหรับการติดตามและการถามถึงที่ไม่เคยขาดไปนะครับ
สำหรับหนังสือ “INDY in love” ชี้แจงว่ายังไม่มีโครงการจะพิมพ์เพิ่มเลย ก็เป็น Limited Edition ไปละกันนะครับ
เพราะมีเท่านี้ พิมพ์ 204 ชุด และได้จากผมที่เป็นคนส่งเท่านั้นนะครับ ไม่ได้วางขายข้างนอก
โจ-หนุ่มที่ถามถึงก็รวมอยู่ในนั้น ไม่ได้พิมพ์แยก ส่วนเรื่องนี้ ไอดิล ยังไม่มีโครงการอะไรครับ
เรื่องนี้เป็นเหมือนซีรีย์เกรียนที่เป็น mini ก็คือสั้นๆครับ จะไม่ได้มี Conflict อะไรมาก
เน้นอ่านง่าย ได้ใจความ ก็อาจจะไม่ได้รับความสนใจมากขนาดพิมพ์ออกมาอ่ะนะ
แต่ถ้าจะพิมพ์ก็คงออกมาเป็นขนาดหนึ่งเล่มฮะ และต้องที่เชียงใหม่หรือสุราษฎร์เท่านั้น เหอๆ
ผมจะติดต่อเองทุกอย่าง ป้องกันความผิดพลาดเหมือนที่ผ่านมา ถ้าหากใครมีที่ไหนแนะนำก็ยินดี
แต่ตัวผมยังไม่มีเวลาไปตะลอนหาเลย ยังไงก็ขอบคุณมากทั้งสำหรับ INDY in love และ Idylle ฮะ
ขอได้รับความขอบคุณจาก..เกรียนน้อย