ตอนที่ 24 อย่างที่บอกไปน่ะแหละ ว่าสำคัญคือต้อนคิดยังไง ขอเพียงต้อนมั่นคง พี่ก็มั่นใจ เรื่องให้รอเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะรู้ว่ารางวัลของการรอคอยคืออะไร
ตัวอยู่ห่างกัน แต่ก็ยังรับรู้ความเคลื่อนไหวจากเรื่องเล่าผ่านโทรศัพท์ ที่บอกเล่าความเป็นไปในแต่ละวัน
ปัญหาคือไอ้ตัวหวั่นใจที่มันยังอยู่ ไม่รู้ทำไมว่าทำไมมันถึงไม่ยอมห่างหายไปไหนสักที
นั่นแหละ มั่นใจแบบหวั่นใจ
เกมออกจากโรงพยาบาลแล้ว ในวันที่ไปทำบุญที่โรงพยาบาลสงฆ์ เฟียตมากับทู ส่วนโอมากับกบสาวนิเทศน์ที่คุยกันมานานจนตอนนี้กำลังจะขึ้นปี 2
แล้วก็พากันยกโขยงไปโรงพยาบาลในวันที่เกมกับแม่มีนัดจิตแพทย์
แก๊งใหญ่อบอุ่นดี โอว่าอย่างนั้นนะ
“เกมมันยิ้มมากขึ้น แต่ก็บอกว่า ต่อไปมันมากับแม่ 2 คนก็ได้ พี่ว่าเราควรทำไงดี”
“ตอนนี้ทุกคนว่างอยู่ ก็ไปด้วยกันก่อน แต่ถ้ามีธุระสำคัญ ก็ควรโทรไปคุยกับเค้า เค้าจะได้ไม่รู้สึกว่าถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวอีก”
วันเวลาผ่านไปแบบเอื่อยๆ ตระเวนพบปะญาติพี่น้อง ช่วยพี่ชายทำงาน ไปช่วยงานที่วัด
ตรวจสอบปฏิทินนับวันทุกเช้าค่ำ จนไอ้น้องเล็ก ปอ 1 ถาม “ไหนพ่อบอกว่าอาเรียนเก่ง แต่หนูเห็นอามายืนถอนหายใจเพราะอ่านปฏิทินไม่ออกทุกวัน หนูสอนมั้ยอา”
“อ่านออก แต่ที่ถอนหายใจคือเมื่อไหร่จะถึงวันประกาศผลสอบ”
“อาสอบอะไร”
พี่โชคที่กำลังดูบัญชีปุ๋ยอยู่กับพ่อหันมาแซว
“อามึงน่ะ รอสอบเรียนโท แต่ที่ดูปฏิทินเนี่ย เพราะลุ้นผลสอบของคนอื่น”
“ของใครวะ” พ่ออยากรู้
พี่โชคเลยนึกขึ้นได้ หันมาทำหน้าตาขอโทษกับน้องชาย แต่น้องชายสวมรอยต่อทันที
“ถ้าบอก แล้วพ่อต้องทำอะไรให้หนูอย่าง”
“อ่า....พอมันเริ่มประโยคแบบนี้แล้วไม่ค่อยไว้ใจว่ะ”
“อาร๊ายยยย พ่อ หนูไม่มีเล่ห์เหลี่ยมกับใครเขาสักนิด”
“มึงน่ะนะ ไม่นิด แพรวพราวขนาดนี้”
อ๋อมขยี้ผมไอ้น้องเล็ก “ไปหาไอ้แรกสิ มันไปจีบสาวอยู่ที่ไหน บอกมัน อาสั่งให้เลี้ยงน้อง”
ไอ้น้องเล็กมองอาแล้วหันไปหาพ่อ “พ่อเนี่ย สู้อาไม่ได้เลยจริงๆ”
“อะไรของมึงไอ้น้องเล็ก”
“ก็เนี่ย เวลาจะไล่ให้หนูไปที่อื่นเพราะผู้ใหญ่จะคุยกันนะ พ่อจะบอกให้ไปเล่นที่อื่น แต่ของอา หนูดูมีประโยชน์มากกว่า“
พี่โชคชี้หน้าลูกชายตัวเล็ก “คมนะมึงนะ ทำคมกับกู ไปเล่นที่อื่นเลยไป”
“เห็นมะ พ่อไม่พัฒนาเทคนิคเลย” ไอ้น้องเล็กทำบ่น แต่ก็เดินลงไปจากบ้านหาพี่ชาย
อ๋อมเดินมานั่งใกล้ๆพ่อ
“พ่อ”
“เออ”
“หนูลุ้นผลสอบของต้อน”
“ฮึ ต้อนข้างบ้านน่ะหรือ”
“ใช่ แล้ว หลังหนูสึกพระ พ่อไปขอต้อนให้หนูหน่อยสิ”
พ่อถึงกับอ้าปากค้าง หัวใจกระตุกแรงเหมือนจะหลุดออกจากอกมากองอยู่ข้างนอก หันไปมองไอ้พี่โชค ก็เหมือนจะตกใจ แต่อาการคล้ายตกใจที่น้องชายตัวดี บอกกับพ่อตรงๆมากกว่า ตกใจเรื่องน้องชายชอบผู้ชาย
อ๋อมพูดต่อ “ทีแรกก็คิดว่าจะคบกันไป รอเวลา คุยกันไปเรื่อยๆ แต่วันที่เกมมาพยายามฆ่าตัวตายที่บ้าน ทำให้แม่เขารู้เรื่องว่าต้อนนี่มีทั้งเกม ทั้งหนูไปวุ่นวายอยู่ พอเขารู้ เขาก็รับไม่ได้ สั่งให้แยกกัน”
“อ้าว แล้วมึงจะให้กูไปขอเขาอีก”
“งั้นไม่เป็นไร ถ้าพ่อไม่ไปขอ สึกพระกลับไปหนูฉุดจริงๆด้วย”
“ต้อนมันเป็นเด็กผู้ชาย”
“ก็ผู้ชายน่ะสิ”
“เหี้ยแล้วไง กูเลี้ยงลูกยังไงถึงได้กลายเป็นแบบนี้วะเนี่ย”
พี่โชคขยับตัวนั่งหลังตรง เหมือนนึกขึ้นได้ “ตอนมาทีแรกมึงยืนยันว่าไม่ได้จะแต่งกับใครนี่หว่า”
“ใช่ เพราะคิดว่ารอได้ แต่ที่ไหนได้ พอแม่เขารู้เขากลับไม่ยอมรับ”
“มึงถามกูสักคำเหอะว่ากูยอมรับมั้ย” พ่อแทรกขึ้นมา แล้วหันไปหาพี่โชคเป็นแนวร่วม “มึงน่ะ ถ้าเกิดไอ้แรก หรือไอ้เล็กมันมาบอกให้ไปขอผู้ชายให้มัน มึงจะเป็นไง”
“ไล่ถีบมันตกเรือนสิ” พี่โชคบอก
“ถีบตกเรือนมันก็ไม่ได้ทำให้คนเลิกรักกันได้หรอก”
“มึงรู้ได้ไงว่าต้อนรักมึง เขาอาจเกรงใจมึง เหมือนที่เขาเกรงใจเพื่อนก็ได้” พี่โชคดักคอ
อ๋อมเลยทำท่ากระแอม “ขอร้องเรื่องความมั่นใจว่าน้องรักกูเนี่ย เกินร้อย ขอบอก ปัญหาคือแม่เขานั่นแหละ”
“มึงน่าจะเอาชนะใจแม่ยาย มากกว่าจะดื้อรั้นเอาให้ได้ ไม่งั้นมึงก็ไม่ต่างจากไอ้เด็กเกมนั่นหรอก”
พ่อมองพี่น้องคุยกัน แล้วชี้หน้าทั้งคู่ “อ้อ ที่แท้ไอ้โชครู้เรื่องมาตลอดนี่หว่า ว่าไอ้อ๋อมจะเอาเมียกระเทยเข้าบ้าน”
“อ่าว พ่อ ไอ้ต้อนมันกระเทยตรงไหน พ่อก็เห็นมันมาตลอด”
พ่อส่ายหน้า ไม่ค่อยเข้าใจ “เออมันไม่เหมือนจริงๆ แล้วมันยังไงกันวะ กูไม่ค่อยเข้าใจ”
“ไม่เห็นต้องไปเข้าใจเรื่องทางกายหรือจิตใจ เพราะมันซับซ้อนจนเจ้าตัวเองยังไม่รู้ เอาเป็นว่า หนูสึก พ่อไม่ไปขอ หนูฉุด เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากให้หนูฉุด แล้วผู้ใหญ่จะเข้าหน้ากันไม่ติด ก็ไปขอให้หน่อย”
พ่อหันมามองหน้ากับพี่โชค แล้วก็ได้แต่ลูบคาง
....เหมือนจะต้องไปกรุงเทพฯ ขอไอ้ต้อนให้ไอ้อ๋อมทั้งขึ้นทั้งล่องว่ะ....
พอถึงวันประกาศผลสอบคนที่อยู่ปลายสายส่งเสียงที่เต็มไปด้วยความยินดีมาบอก
“ผมได้ศึกษาศาสตร์ ผมจะได้เป็นครูหล่ะพี่อ๋อม เป็นรุ่นน้องพี่เอียด น้องสาวพี่โอไง”
“เออ ยินดีด้วย ดีใจจริงๆนะต้อน”
“แล้วเกมได้เศรษฐศาสตร์ ที่เลือกเป็นอันดับ 4 น่ะพี่ ยังไม่รู้เหมือนกันว่าพ่อกับแม่มันว่ายังไง ผมเดินออกมาโทรหาพ่อแม่ แล้วก็รีบโทรมาหาพี่ก่อน”
“แล้วเกมเครียดมั้ย”
“ก็กำหมัดแน่น แต่ตอนนี้อยู่กับพี่ทู กับพี่เฟียต”
“หือ แล้วไอ้โอไปไหน ทูมันต้องทำงานนี่นา”
“พี่โอมีนัดกับพี่กบ เห็นว่า วันประกาศผลเนี่ย เขามีรับน้องคณะนิเทศ พี่กบต้องไปด้วย”
“แล้วของต้อนไม่มีหรือ”
“ไม่นี่ เห็นแต่ป้ายบอกว่า ยินดีต้อนรับ พบกันวันเปิดเทอมเลยอ่ะ”
“แล้วคนอื่นล่ะ”
“มีไอ้เล้งที่ได้ทางอีสาน มันดีใจใหญ่อยากอยู่หอ ก็ไปกับรุ่นพี่ที่เขามารอแล้ว ส่วนปลากับนนท์ ไม่ติด มันบอกขนาดเตรียมใจไว้แล้ว ยังออกอาการวึดวือ”
“อือ ต้อนคนเก่ง อย่าดีใจออกนอกหน้า คิดถึงคนที่มันไม่ติดบ้าง”
“พรุ่งนี้เราจะไปสวนสนุกกัน ยังไม่รู้เลยว่าเกมจะไปมั้ย แต่ผมไปกัน 4 คนแน่นอน”
“ดี ไปเที่ยวกัน”
“ฮะ”
แล้วนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ได้ยินเสียงต้อนทางโทรศัพท์ ครบรอบ 24 ชั่วโมงที่สัญญาณโทรศัพท์ของต้อนไม่มีเสียงตอบรับ อ๋อมก็อยู่ไม่ติด โทรหาเพื่อนโอ
“สัดโอ มัวแต่จีบสาว กูโทรหาต้อนไม่ติด ต้อนเป็นอะไร ไปดูให้กูเดี๋ยวนี้เลย” อ๋อมใส่เป็นชุด
“เฮ้ย นี่มันสามทุ่มแล้ว”
“ก็สามทุ่มน่ะสิ ติดต่อไมได้ 24 ชั่วโมงเข้าข่ายคนหาย แจ้งความได้”
โอก็ดีใจหาย ในอีกครึ่งชั่วโมงถัดมาก็มาบอกว่า อยู่ข้างบ้านแล้ว แต่ว่าพ่อกับแม่ของต้อนอยู่บ้านกันทั้งคู่ เห็นว่าต้อนอยู่ในบ้าน พยายามส่งสายตาเรียกให้ออกมา
โอเงียบไปหนึ่งอึดใจแล้วบอกว่า ต้อนชี้ไปที่แม่
..ชัดเลย ตอนนี้ ปัญหาของไอ้อ๋อมรูปหล่อเหลือเพียงหนึ่งเดียวคือแม่
โอเพื่อนรักยังคงพึ่งพาได้เสมอ เพราะตอนสายของวันถัดมา พี่อ๋อมก็ได้คุยกับต้อน ผ่านโทรศัพท์ของโอ
“แม่ยึดโทรศัพท์ เพราะว่าแม่ได้ยินที่ผมคุยกับพี่วันก่อน”
“ยึดโทรศัพท์เลยเหรอ”
“ก็แม่บอกว่าให้แยกกันสักพัก แต่ยังโทรหากันตลอด แม่ก็เลยว่า ผมไม่ทำตามข้อตกลง”
“เฮ้ย นี่จะเหมือนพ่อเกมเข้าไปทุกทีแล้วนะเนี่ย”
“พ่อบอกว่า ตอนนี้แม่กำลังกลัวว่าผมจะมีแฟนแล้วไม่รักแม่น่ะ ไม่ถึงขนาดพ่อเกมหรอก”
“เหรอ เออ พี่ก็เคยคิดอยู่เหมือนกัน เพราะต้อนติดแม่มาก”
“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงเมื่อวานที่ว่าไปเที่ยวสวนสนุกกัน กลับมาเห็นข้อความแล้ว กำลังจะโทรหาแต่แม่มาเห็น ก็เลยเอาโทรศัพท์ไปเลย แล้วเห็นพี่โอแล้วหล่ะ แต่ก็ไม่กล้าเดินออกมาหาพี่โอ” น้ำเสียงยิ่งพูดยิ่งสั่นเครือ “ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะฮะ ผมไม่เป็นไรหรอก”
เสียงสูดจมูกของคนในสาย ทำให้พี่รู้สึกเหมือนบางสิ่งบางอย่างในอกกำลังขยายตัวจนคับแน่น อึดอัดอยากร้องตะโกนให้สุดเสียง
“ต้อน พี่..ไปรับนะ มาอยู่ด้วยกันนะ”
มีเสียงร้องเฮ้ย ดังขึ้นข้างหลังทำให้พี่อ๋อมหันไปมอง พี่โชคมายืนอยู่ข้างหลังอาจยืนฟังมานานแล้ว และตอนนี้ก็เดินมายืนข้างๆ
พี่อ๋อมมองหาเก้าอี้นั่ง กะจะเดินหนี แต่พี่โชคก็ยังตามมานั่งข้าง ลูบหลังให้ใจเย็น
“ต้อน...พี่คิดถึง พี่เป็นห่วง..”
“อ๋อม” พี่โชคกระซิบเบาๆ “อย่าอ่อนแอ แกต้องเป็นผู้นำนะ”
พี่อ๋อมพยักหน้า ยกมือนวดขมับ ตั้งสติ
“ต้อน อีกนิดเดียวนะ”
“ฮะ อีกนิดเดียวเอง เดี๋ยวพี่ก็กลับมาแล้ว”
....ที่คนฟังทำได้ ก็คือการกลืนคำพูดร้ายๆลงไป เพราะมาถึงตอนนี้เริ่มกลัวว่า เมื่อกลับไปแล้ว ยังจะพบเจอกับเรื่องอะไรอีก ทำไมอุปสรรคมันถึงได้ไม่มีที่สิ้นสุด...
“ขอพี่คุยกับไอ้โอ”
“ไง” เสียงโอมาตาคลื่นความถี่
“มึงไปถอยโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้น้อง เดี๋ยวกูโอนเงินผ่านเน็ตให้มึงเดี๋ยวนี้เลย อย่าลืมปิดเสียงไว้ เตือนให้ซ่อนให้ดี แล้วมึง ไอ้ทู ไอ้เฟียต ขยันไปรายงานตัวให้แม่ต้อนเห็น ไม่ใช่” พี่อ๋อมเปลี่ยนใจ “ไปเสนอหน้าให้เขาเห็นทุกวัน ไม่ต้องพูดชื่อกู เพราะแค่เห็นหน้าพวกมึงเขาก็รู้แล้วว่ากูส่งพวกมึงมาคุม”
“วะเฮ้ย”
“ไม่ว่ายังไง กูต้องได้เห็นหน้าน้องวันที่กูบวช จะมีร้อยไอ้เกม หรือ พันแม่ ถ้าเขาจะมาด้วยก็ให้มา แต่ที่สำคัญคือมึงต้องพาน้องมาให้ได้”
สั่งการเสร็จ ก็ขอสายน้องอีกครั้ง น้ำเสียงที่พูดกับน้องต่างจากที่พูดกับเพื่อนโดยไม่รู้ตัว
“ต้อนครับ แม่อยากให้ทำอะไรก็ตามใจแม่นะครับ ให้แม่มั่นใจว่า ถึงเราจะรักกัน เราก็ไม่ได้รักแม่น้อยลงสักนิดนะครับ”
“ฮะ”
กดวางสายไป ด้วยอาการก้มหน้าแทบแนบเข่า มีมือใหญ่ของพี่ชายตบไหล่ให้กำลังใจ
“มันร้อนใช่มั้ย”
พี่อ๋อมพยักหน้า “ร้อน หนัก เหมือนมีลูกไฟกองใหญ่ในอก”
“มึงต้องอดทนให้ผ่านไปให้ได้”
การถอนหายใจหนักๆ ไม่ได้ช่วยให้ความรุ่มร้อนลดลง ขอบตาร้อนผ่าว หยาดน้ำใสหยดลงเข่า
“หลังบวช กูจะไม่รออะไรอีกแล้ว”
“เออ กูรู้แล้ว ใจเย็น”
บ้านงานคึกคักไม่ต่างจากวันปกติ ทุกคนต่างทำหน้าที่วุ่นวาย พ่อแม่ ปู่ย่าตายายและพี่โชคโกนผมให้ตามฤกษ์ 9 โมงเช้า
ใจที่มันร้อนรุ่มค่อยเย็นลงอย่างประหลาด
นาคอ๋อม ในชุดสีขาว ยืนอยู่ที่ระเบียงบ้าน มองรถตู้สีดำเข้มเข้ามาจอด ผู้โดยสารทยอยก้าวลงจากรถ 1 ในนั้นทำให้คนที่กำลังจะเข้าโบสถ์ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า แทบกระโดดลงมาหา ดีที่พี่โชครู้ทันตามประกบติด
ต้อนมาแล้ว มาได้ยังไงถ้าแม่ไม่อนุญาต ต่อให้ในคำอนุญาตจะมีคำสั่งแนบท้ายอะไรมาด้วยก็ไม่เห็นจะสนใจ สำคัญที่ต้อนมาแล้ว
อยากวิ่งร้องตะโกนไปรอบบ้าน แต่ก็แปลกที่กลับเหมือนมีน้ำเย็นคอยราดรดความรุ่มร้อนที่มันคอยจะพาขาให้ก้าวกระโดดลงไปหาน้อง...
เย็นจนตัวเองยังแปลกใจ
“มาแล้ว....”
“เออ มาแล้วเพื่อนๆมึงทำอย่างที่มึงต้องการได้ มึงก็ต้องทำหน้าที่ของมึงให้ได้”
“สบายมาก” นาคหันไปส่งยิ้มให้พี่ชาย
แต่ถึงอย่างนั้นสายตาของคนที่สวมเสื้อโปร่งสีขาว ก็ยังไม่ห่างไปจากคนที่เดินตามโอกับหญิงสาวตัวเล็กอีกคน ส่วนทูกับเฟียต ทำหน้าที่ติดตามเกมอย่างเข้มแข็ง ทั้งยังมีปลา เล้ง และ นนท์ตามมาด้วย
ทั้งหมดไปสวัสดีพ่อกับแม่ และญาติผู้ใหญ่กันก่อน กว่าจะมาถึงคนที่นั่งอยู่บนเรือนได้ ใช้เวลายาวนานเหลือเกิน
“ทำไมมาบ่าย”
“ก็กว่าจะออกรถได้ก็สายแล้ว” โอบอก
“แม่ให้นอนที่ไหนกัน นอนที่บ้านใหญ่นี่นะ อย่าไปนอนรีสอร์ทเลย” นาคบอก
“นอนรีสอร์ท” คนที่เป็นพี่ชายบอกเรียบๆ ทำให้โดนมองหน้า แต่พี่ชายไม่เห็นว่าจะสนใจ
“กูดูไม่น่าไว้ใจขนาดนั้น”
“เออ หลังๆมานี้หงุดหงิดมาก ไม่รู้ตัวหรือไง”
นาคอ๋อมหันมาหาคนที่นั่งก้มหน้ามองกระดานพื้นบ้าน “หิวมั้ย”
ต้อนเงยหน้าขึ้น ยิ้มกว้างจนตาหยี “พี่ทูให้แวะกินก๋วยเตี๋ยวมาแล้ว”
“ไม่ต้องห่วง” ทูยื่นหน้าเข้ามารับประกัน “กูดูแลเกินค่าจ้าง”
“เออ ขอบใจ”
เพื่อนฝูงพูดคุยอะไร ถามอะไรไม่รู้ มันลอยผ่านไป ให้พี่โชครับหน้าที่เป็นคนคุย
เพียงแค่น้องมานั่งอยู่ตรงนี้ ใกล้แค่มือเอื้อมถึง ความรู้สึกเดียวที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก็คือ
....ขอแค่นี้ แค่คนนี้คนเดียว...
แม้ว่าการไม่ได้อยู่ตามลำพัง ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเพื่อน การแสดงท่าทีที่ชี้ว่านี่คือคนพิเศษกลายเป็นเรื่องต้องห้าม
มันยังไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยสักนิด
ขอแค่ได้พบกันเท่านั้น
ไม่ต้องมีการพูดคุยถามไถ่ ไม่ใช่เพราะข้อความที่ส่งหากันเป็นระยะ
ไม่ต้องโอบกอด ไม่แม้แต่นั่งข้างกัน เพียงแค่เห็นอยู่ในกรอบของสายตาก็รู้สึกอุ่นใจ
ยิ่งนานยิ่้งรู้สึกถึงความเย็นที่ขยายพื้นที่ในหัวใจมากขึ้นเรื่อยๆ
มองเห็นรอบยิ้ม ได้ยินเสียงหัวเราะ รู้ด้วยตัวเองว่า ตอนนี้น้องมีความสุข ก็สามารถปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างเคลื่อนผ่านไปอย่างง่ายดาย รู้ตัวอีกทีก็คือนุ่งห่มผ้าเหลืองยืนอยู่หน้าโบสถ์ มีพ่อกับแม่ยืนอยู่ข้างถ่ายรูปกัน
“พรุ่งนี้หนูไปรับบาตรที่บ้านก่อนใช่มั้ย” พระอ๋อมหันมาถาม ทำให้โยมพ่อถึงกับขำ
“ไม่หนูแล้ว ตอนนี้ต้องเรียกตัวเองว่าอาตมา”
“เรียกจนติดปากน่ะ” พี่โชคบอก “เดี๋ยวจัดให้ ไม่ต้องห่วง จัดไอ้แรกไปเป็นศิษย์มันอยู่วัดจนคล่องแล้ว”
พระอ๋อมเหลียวไปหาคนที่ยืนรวมกลุ่มอยู่กับเพื่อนๆคนอื่นแล้ว เดินเข้าไปหา “นอนรีสอร์ทสบายมั้ย”
“ฮะ”
ถึงตอนนี้ ก็ยังเห็นได้ชัดเจนว่าเกมจะอยู่กับทูและเฟียตโดยตลอด แทบไม่ได้อยู่ข้างๆต้อนเลย
“แม่เขาจะทำอาหารเที่ยงเลี้ยงพระ แล้วก็ทำเลี้ยงนักเรียนที่โรงเรียน ไปช่วยกันสิ”
พระอ๋อมไม่ลืมแผนการทำความดีเพื่อเกม
“ฮะ” ต้อนยิ้มจนตาหยี
ยังไม่ทันได้คุยกัน ไอ้แรกศิษย์เอก และหลานรัก เดินมาพยักหน้าเรียกอาไปหาอาจารย์
พระอ๋อมหันมาหาเพื่อนๆอีกครั้ง “ขอบคุณมาก”
อันที่จริงการช่วยกันทำอาหารเลี้ยงพระ หรือ เลี้ยงเด็ก ช่วยงานเล็กๆน้อยๆในวัดในโรงเรียน ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเกม เพราะมันไม่ใช่การแข่งขัน แต่มันทำให้เกมได้เห็นว่า จะอยู่ในลำดับที่เท่าไหร่ เราก็สามารถมีความสุขได้ทั้งนั้น
ช่วยกันยกอาหารคาวหวานมาวางให้พ่อกับแม่ถวายพระเสร็จ แต่ละคนก็ลงไปช่วยงานที่โรงครัว
เกมกับปลาช่วยกันยกหม้อแกงมาวาง พี่กบก็ส่งตะหลิวตักแกงให้ตักใส่ถาดให้เด็กๆ
“ผมตักเหรอ”
“อือ ตักให้พอดีกับช่องนะ อย่าให้ล้น อย่าให้น้อย คนรับรู้สึกดี คนให้ก็มีความสุข” พี่กบบอก
พี่โอแอบหันไปยักคิ้วกับทู “ไง เด็กกู สอนมาดีใช่มะ”
“เออ ดูทีแรกคิดว่าทำอะไรไม่เป็นซะอีก”
“แหม ถึงกูจะไม่ใช่หล่อเลือกได้ แต่อย่างน้อยก็เลือกคนที่คุยกันรู้เรื่องสักนิดเหอะ”
พักเที่ยง เด็กๆเข้าแถวเดินลงมาจากห้องเรียน ถือถาดหลุมเข้าแถว แม่พี่อ๋อมไปยืนหัวแถวตักข้าวสวยใส่ถาด ต้อนกับเล้งยืนอยู่หน้าถาดน่องไก่ทอด พอของใกล้หมดก็หันไปยกที่อยู่ในหม้อมาเทให้นักเรียนหยิบไปเอง
“หนูขอน่องไก่ 2 อันได้มั้ยคะ” เด็กน้อยร้องขอ
“ตามสบาย” ต้อนบอก
เด็กอีกคนท้วงเกม “พี่ ทำไมของผมมีแต่ผักล่ะ ขอหมูก้อนๆด้วย”
“อ้าวเหรอ ขอโทษๆ” เกมรีบตักหมูเพิ่ม แต่เพราะแกงในหลุมเต็มปรี่ใกล้ล้น หมูก้อนถึงได้ไปอยู่บนข้าว
“กินให้หมดนะ แล้วมาเอาอีก เยอะๆ” ไอ้ปลาบอก
ปิดท้ายที่ขนมหวานและผลไม้
ขนมตาล ขนมกล้วยเป็นห่อหยิบง่าย ผลไม้หากินได้ที่บ้านไม่ค่อยได้รับความสนใจ
“กินเยอะๆ บ่ายจะหลับกันหมดมั้ยเนี่ย” เฟียตเสร็จจากการคุมงานขนของไปเก็บในครัว เดินกลับมายืนข้างทู มองดูผลงาน
ภารกิจเสร็จสิ้น ทุกคนแวะไปลาพระ
“วันเกิดจะให้โอเอาของขวัญไปให้นะ”
“ฮะ”
เมื่อทั้งหมดกลับมาที่รีสอร์ทในตอนบ่าย แต่ละคนก็แยกย้ายกันพักผ่อน ต้อนเดินเข้าห้องล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าง มีไอ้เล้งเดินตามมา ต่างคนพอหัวถึงหมอนก็หลับสนิทเหมือนปิดสัญญาณ โอตามมาดูแล้วปิดประตูห้องให้
รู้สึกตัวเองเหมือนกันว่าทีแรกที่ว่าจะดูแลแต่เกม กลายมาเป็นดูแลต้อนด้วย แล้วตอนนี้ก็กำลังดูอยู่ทั้งกลุ่ม ความรู้สึกเหมือนคนมีลูกสัก 10 คน
เหนื่อย แต่สนุก
พอลงมาข้างล่างเจอกับทู ที่กำลังล้างผลไม้อยู่กับน้องกบ
“นอนเหรอ” ทูหันมาถาม
“อือ”
ไอ้ปลากับเล้งกลับหันไปชวนเกมที่กำลังเตรียมเล่นเกมกับเฟียต “เล่นน้ำสระกัน”
เกมเลยเปลี่ยนใจง่ายๆ ตามเพื่อนขึ้นไปเอากางเกงว่ายน้ำที่ห้องแล้วพากันไปที่สระ ส่วนโอแยกออกมานั่งกินผลไม้กับกบที่ระเบียงหน้าบ้าน
“ไม่ตามไปเฝ้าล่ะ” ไอ้คนที่ยิ้มเก่งนักหนา เปิดปากพูด
ทูหันมาทำตาขวางใส่ “เฝ้าอะไร เฝ้าใคร”
“เฝ้าไอ้เกมไง เพื่อนรักสั่งมาไม่ใช่หรือไง เฝ้าไว้อย่าให้คลาดสายตา”
เสียงของเฟียต ไม่เพียงทำให้ทูต้องหรี่ตา โอที่อยู่หน้าบ้านยังหันมามอง แต่พอจะขยับตัวลุกขึ้น กบก็คว้าข้อมือไว้ ส่ายหน้า
“แล้วไง” ทูหันไปเผชิญหน้าตรงๆ “มึงจะมาประชดกูทำไม ในเมื่อเรารับปากกับอ๋อมแล้วว่าจะช่วย”
ท่าทางของไอ้ตี๋โยงดูแปลกไป มันยืดคอ ยืดไหล่ เหมือนอึดอัดไม่สบายตัว ไม่สบายใจแล้วกลายเป็นผลุนผลันจะเดินออกไปข้างนอก
“เออ ถ้าเดินหนีกูแล้วมึงจะหายงี่เง่าก็ออกไปเลย”
เฟียตหันกลับมาหา จ้องมองทูนิ่ง ๆ
“ตอบกูคำเดียว ที่มึงช่วยเรื่องเกมถึงขนาดนี้ เพราะมึงอยากช่วยเกม หรือเพราะคนที่ขอให้ช่วยคืออ๋อม”
ทูอ้าปากค้างแล้วกลายเป็นกัดปากแน่น
ตั้งแต่แรกที่รู้เรื่องเกม ก็ตั้งใจกันว่าจะช่วยให้เกมมองโลกที่ห่างไกลออกไปจากตัว ให้ค่อยๆ เรียนรู้ว่าการเป็นที่ 1 ไม่ได้ทำให้เป็นที่รัก และเป้าหมายสูงสุดของชีวิต
เรื่องมาขยายเมื่ออ๋อมจะบวชแล้วเจ้าตัวร้อนรน ขอให้เพื่อนช่วยเรื่องต้อน
ที่ตั้งใจว่าจะช่วยเกมก็เลยมีเรื่องต้อนเข้ามาด้วย
ดังนั้นมันจึงถูกต้องที่ต้นเรื่องนี้มาจากอ๋อม
แต่การช่วยคนมันไม่ใช่หน้าที่ ไม่ใช่งานประจำจะได้ต้องเข้าออกตอกบัตรตรงเวลา มันเป็นเรื่องของความเหมาะสม และความตั้งใจที่จะช่วย ว่างก็มา มันเหมือนมาพากันเที่ยวไปเรื่อยน่ะ
แล้วคนที่ช่วยกันดูแลเรื่องนี้ มันก็มีโอด้วย หลายครั้งหลายหนโอมันก็พาน้องกบมาด้วย รวมถึงมางานบวชครั้งนี้ เพื่อนๆของต้อนทั้ง 3 คนมันก็ไม่เคยทิ้งเพื่อน งานบวชอ๋อมวันนี้ พวกมันจะไม่มาก็ได้ แต่มันก็ยังยกขบวนกันมา
เอ้า....อย่างตอนนี้ ไอ้นนท์ กับไอ้ปลาก็คือคนที่เล่นน้ำอยู่กับเกมนะ
แล้วคนที่หลับอยู่ข้างบนกับต้อนก็คือไอ้เล้งนะ
แล้วมันเรื่องอะไรที่อยู่ดีๆ ไอ้ตี๋โย่งจะมาตั้งคำถามนี้ในเวลานี้
“อ๋อม” ทูตอบสั้นๆ
สถานการณ์ตอนนี้ มันไม่น่าตอบคำนี้เลยใช่มั้ย ทูรู้ดี ไอ้โอที่นั่งลุ้นคำตอบอยู่ข้างหน้า แทบอยากเอาหัวจุ่มถ้วยพริกเกลือฆ่าตัวตาย ส่วนน้องกบถึงกับส่ายหน้า
“มึง...เคยรักกูบ้างมั้ย” ไอ้ตี๋โย่งถามเสียงแผ่วเบา
ทูจ้องมองกลับนิ่งๆ
เป็นท่าทีที่ทำให้เฟียตต้องเม้มปาก หันไปมองทางอื่นแล้วหมุนตัวจะก้าวออกจากบ้าน
“แล้วมึงคิดว่าไง” ทูย้อนให้ก่อนที่เฟียตจะก้าวเท้า “ไหนชอบทำท่ามั่นใจไม่แคร์ใคร พูดอะไรไว้กับกู”
เฟียตแค่หันมามองข้ามไหล่
“โง่นัก กูไปรักคนอื่นดีกว่า” ทูบอกแล้วทำท่าจะเดินไปเปิดโทรทัศน์ แต่เฟียตคว้าข้อมือไว้
“มึงพูดว่าอะไรนะ”
ทูยักคิ้ว เบ้ปาก สีหน้าเหนือคำบรรยาย
“งั้น.........” เฟียตเลื่อนจับต้นแขนดึงให้เดินตามมา
“เหี้ย ปล่อยกูเลยนะ” ทูยื้อแขน แกะมือ เฟียตเลยหันมาล็อคเอวให้เดินตามมา พอเห็นว่าทิศทางที่เฟียตจะพาไปคือบันได ทูก็ทำหน้าตาตื่น หันมาหาโอกับกบ
“เหี้ย เฟียต ปล่อยกู๊” เสียงสูงปรี๊ดเหมือนที่ไอ้โอชอบทำน่ะแหละ
เฟียตหันมาทำหน้านิ่ง นิ่งมากกกกก “งั้นกูจะจูบมึงตรงนี้ ต่อหน้าโอกับกบนี่แหละ”
“อ่ะ.......” ทูหันมาหา 2 คนที่นั่งอยู่หน้าระเบียง
หันมาอีกทีเพราะ 2 มือแข็งแรงที่กอบใบหน้าให้หันกลับมาหา ริมฝีปากหนากดจูบแน่น
โอกับกบถึงกับตาค้างพูดไม่ออก
เฟียตละจูบพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
ทูปัดมือออก หันไปมองเพื่อนที่ระเบียงที่เพิ่งรู้ตัวหันไปก้มหน้าก้มตากินผลไม้กันต่อ
“กูจะดูหนัง”
“ก็ดูสิ”
น้องกบที่หน้าระเบียงหันมาหาโอ “น่ารักอ่ะ”
โอหัวเราะคึคึ “อย่างนี้น่ารัก พี่ก็โรแมนติคล่ะ”
“พี่โอน่ะนะ โรแมนติค อุดมการณ์จัดขนาดนี้” กบบอกแล้วนึกขึ้นมาได้ “จะไปดูเกมมั้ยพี่”
“ไม่ต้องหรอก เล่นอยู่กับปลากับนนท์แล้วนี่ ...เออ แล้วกบไม่รู้สึกผิดปกติอะไรเลยเหรอ”
“เรื่องไหน เรื่องเกม หรือเรื่องพี่ทู”
“ทั้งหมดน่ะ”
“ไม่นี่ เรื่องธรรมดา สำคัญคือพี่ไม่ได้คบกบบังหน้าใครใช่มั้ยล่ะ”
“เฮ้ย ไม่มี๊” โอเผลอทำเสียงสูง โบกไม้โบกมือวุ่นวาย
กบพยักหน้า “ก็แค่นั้นแหละพี่ จะกินเหล้า ทำงาน หรือเรียนยังไงก็ตามใจ แต่เรื่องมีกี๊กเนี่ย เลิกสถานเดียวไม่มีอุทธรณ์ ฎีกา”
“อ่า กบเรียนนิเทศไม่ใช่เหรอ หรือมาแอบลงกฎหมายไว้เนี่ย”
“กฎหมายพื้นฐานใครๆก็รู้” กบบอกแล้วจิ้มฝรั่งป้อนให้โอ
=========จบตอนที่ 24=========
ใช้โหมดค้นหาคำแล้วแก้คำผิดกลายเป็นการเพิ่มงานไปซะได้ ขอบคุณพี่นุ่นครับ คาดว่าจะนอนเช้าเหมือนกันนะเนี่ย
วันพฤหัสบดีนี้ จะเป็นตอนสุดท้ายแล้ว ขอบคุณจากใจที่ให้ความสนใจติดตามกันมาจนถึงวันนี้
ผมไม่รวมเล่ม ไม่เคยรวมเล่มเลยสักเรื่อง เพราะผมยังไม่เก่งพอที่จะไปดึงเงินจากกระเป๋าของคุณ
วันหนึ่งในรถไฟฟ้ามีเด็กนักเรียนประถม 1 โรงเรียนเดียวกับที ขึ้นรถมาพร้อมกับแ่ม่และพี่เลี้ยง พอเข้ามาในรถแม่ก็ส่งโน๊ตเล็กๆให้ลูกท่องไปเรื่อยจนถึงโรงเรียน ขณะที่แม่ยืนคุยกับพี่เลี้ยง ผมหันไปหาเด็กคนที่ยืนข้างๆ คนนี้เล่นเกมจนถึงโรงเรียนน่ะแหละ นี่คือที่มาของเรื่องนี้
ตอนหน้ายาวกว่านี้อีก เพราะป๋าไม่อยากแบ่งตอน แต่ผมคิดว่าน่าจะแบ่งเพราะเรื่องมันเยอะ แต่ป๋าบอกว่า เวลาที่เราอ่านหนังสือแล้วเราวางไม่ลงเพราะมันสนุก โดยที่เราไม่ได้สนใจว่าเรื่องมันเยอะเลยนี่นา ที่สำคัญคือเราเขียนจบแล้ว โอเค ป๋าชนะส่วนผม>>ผมเป็นคนที่แพ้เป็น :a2:ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับผัดซีอิ๊ว ข้าวไก่กระเทียม ทาร์ตไข่ ฟรุ๊ตพาย กับชาเขียวสักนิด<< ส่วนป๋าเป็นเกม และเจ๊หงส์แน่นอน
ขอบคุณอีกครั้งที่ติดตาม สิ่งที่ดีใจที่สุึดคือความสำเร็จที่ทำให้คุณรับได้ว่าเราอยากบอกอะไร แต่ก็มีหลายครั้งที่เราไม่ได้คิดไปถึงขนาดนั้น แต่คุณรู้แล้วเราก็มาเออ เหรอ 5555 และหลายครั้งที่คุณก็รู้ทันจนมีเด็กสมน้ำหน้าว่า ป๋าโดนจับทางถูกแล้ว
ขอบคุณเสมอในทุกการติดตาม ทุกความเห็น ทุกคะแนน
ไจฟ์กับทีครับ