- 2 - ขณะที่นึกกร่นด่าสุดหล่ออยู่นั้น ปีศาจรูปงามก็ร้อนใจวิ่งตะลุยลงเขาแทบจะติดปีก ระยะทางจากยอดถ้ำห้อตะลุยลงมายังปากถ้ำ
อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 15 นาที หนทางไม่ได้ราบเรียบอย่างที่คิด เจ้าคุ้มเองไม่ได้สนใจร่างกายตนสักเท่าไหร่ สับขาก้าววิ่ง
ห้อตะบึ่งยังกับนักวิ่งลมกรด หนามเกี่ยวครูดตามแขนเป็นรอยเลือดซิบ แต่หาได้ทำให้ร่างสูงใหญ่ของปาจาใยดีไม่
บัดนี้ลงมายืนปากถ้ำเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะพุ่งพรวดเข้าสู่ข้างในปานจะเหาะ หัวใจร่ำร้องภาวนาให้คนรักและหนูผาตัวน้อย
อย่าได้เป็นอันตรายใดๆ อยู่ตลอดเวลา
“ฉันให้แกทรมานกับมนต์ดำคงจะดีกว่าที่จะปลิดชีวิตแกในมีดเดียว ตอนนี้ปาจาที่รักของฉัน
กำลังเข้ามาแล้ว สัมผัสพลังแฝงของเค้าช่างรุนแรงยิ่งนัก นี่สิถึงจะเหมาะเป็นคู่ชีวิตของฉัน เพราะฉะนั้นฉันสะกดแกไว้
เป็นตัวประกัน เมื่อเค้ารักแกมากก็ต้องยอมทำตามเงื่อนไขฉันแน่ รอให้ฉันกับเค้าได้เสพสุขกันก่อนเถอะ เมื่อนั้นปาจา
ผู้เย็นชาทรนง ต้องตกเป็นทาสของฉันไปจนตาย..ฮ่าๆๆๆๆ” สิตาพูดมานั่น ชวนให้พระลักษมณ์ขนลุกซู่ ไม่คิดมาก่อน
ว่าเธอจะมีความคิดเช่นนี้ ในขณะที่กำลังนึกหาวิธีอยู่ จะทำอย่างไรให้สภาพตกเป็นรองของตนรอดจากสถานการณ์ตรงหน้า
ปีศาจสิตาก็ยืนบริกรรมคาถาเสียงหึ่มๆ ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ขะเมลา ปะริต์ปูติ พะโนต์นากู เขตูติมายันตระ บลาๆๆ” เสียงสวดคาถามนต์ดำพาเอาขนพองสยองเกล้า ในที่สุดปีศาจสิตาก็เป่าลมพุ่งเข้าใส่
ร่างของพระลักษมณ์ที่ยังนั่งชันเข่าอ้าขาในมือเล็งปืนป้องกันตัวไว้อย่างเตรียมพร้อม พระลักษมณ์รู้สึกเย็นวูบไปทั่วหน้า
เหมือนมีลมหนาวหอบมาปะทะ ก่อนจะกลับมาเป็นปกติโดยไม่รู้สึกอะไร
“เอ๊ะ! ทำไมคาถาสะกดมารของฉันถึงสะกดแกไม่ได้ ต่อให้เป็นร่างแฝงของนารายณ์
ก็ไม่น่าจะป้องกันได้นี่” สิตาถลึงตาโปนแดง พูดเสียงห้วนอย่างหัวเสีย ทำให้พระลักษมณ์มีโอกาสฉุกคิดขึ้น
ก่อนจะเหลือบตาดูแหวนลงอักขระขอมสวมนิ้วนางข้างซ้าย คงเป็นสิ่งนี้ที่ป้องกันตนเอาไว้จากมนต์ดำของปีศาจสิตาแน่นอน
มิน่าปาจาถึงกำชับไม่ให้ถอดแหวนออกเด็ดขาด รอดตัวไปอย่างหวุดหวิด
“อย่านึกว่าแกจะรอด ต่อให้แกมีของขลังคุ้มกาย นั้นก็ป้องกันแค่มนต์คาถา
แต่สำหรับเลือดเนื้อแกแล้วมันยังไม่เหนียวพอหรอก แบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์ที่ฉันจะเก็บแกไว้อีกต่อไป ตายเสียเถอะ”
พูดจบทะยานเข้าหาพระลักษมณ์พร้อมกับมีดที่เงื้อสูงตั้งท่ากระซวกหัวใจพระลักษมณ์ภายในคมมีดเดียว
“เปรี้ยง!..” เสียงปืนหยุดโลกนัดนี้ได้ผลยิ่งนัก เพราะ....
“กรี๊ดดดด!!...อร๊ากกกๆๆๆ!..” ปีศาจสิตามีดหล่นตุ๊บ ร้องโหยหวนเจ็บปวดทรมาน ก่อนจะได้ยินเสียงกระดูกลั่น
เกรียวกราวสะท้อนทุกรูขุมขน
“กร๊อบ..กร๊อบ...แกร่กๆๆ” และความเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่ทำเอาพระลักษมณ์จ้องตาค้าง เมื่อปากเธอเริ่มยืด
แถมเขี้ยวแหลมงอกออกมายาวเฟี้ยว กระดูกขยายโครงร่างบอบบางกลับสูงใหญ่ขนสีน้ำตาลเข้มงอกปกคลุมทั่วร่าง
ตาคมสวยหรี่เล็กลง กระโจนพุ่งไต่ขึ้นไปตามผนังถ้ำ ซึ่งกระสุนของปาจาก็รัวยิงเข้าใส่ติดต่อกัน สะเก็ดไฟแล่บเมื่อกระทบ
แง่งหินตามผนังถ้ำ จนร่างครึ่งปีศาจของสิตามุดหายลับไปยังปากโพรงเหนือศีรษะที่สูงกว่าสามสิบเมตร กลับไม่เป็นปัญหา
สำหรับจิตมารในร่างแปลงที่มีพละกำลังและความคล่องแคล่วรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ
“คุณจา” พระลักษมณ์ครางเสียงแผ่ว ตอนนี้สติของตนเลือนเต็มทน
นั่นเพราะเสียเลือดไปไม่น้อย หน้าที่ซีดเผือดปานกระดาษปากเริ่มเขียวคล้ำแล้วด้วย ปาจารีบเสียบปืนพกเข้าหลังเอว
บัดนี้กระสุนเงินทั้งหกนัดเหลือในรังเพลิงนัดเดียว หลังจากใช้ไปทั้งสิ้นห้านัดปลิดชีวิตพี่ชายสิตา
และทำร้ายจิตมารข้ามเพศบาดเจ็บหลบหนีไปได้
“พระลักษมณ์ เป็นไงบ้าง” ร่างสูงใหญ่คุกเข่าลงข้างคนรัก มือหนาประคองใบหน้า
ที่ซีดเผือดของร่างโปร่งไว้ทั้งสองมือ ก่อนจะประทับริมฝีปากจูบปลอบอย่างนุ่มนวลอ่อนโยน ในอารมณ์นี้หัวใจของ
ปีศาจรูปงามนามปาจา เหมือนยกภูเขาออกจากอก ไม่อยากคิดหากตนเข้ามาช้าเพียงก้าว จังหวะที่สิตาทะยานง้างปลายมีด
แหลมคมพุ่งเข้าใส่ร่างโปร่งที่รอรับทัณฑ์มัจจุราช ตนคงเสียใจไปตลอดชีวิต ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยตนฉุดคนรัก
ออกจากเงื้อมมือมัจจุราชได้ทันท่วงที
“อืม...พะ..ก่อน” พระลักษมณ์บิดหน้าหนี เจ้าคุ้มบ้านี่เล่นจูบจนหนำใจ เจ้าตัวกำลังจะหายใจไม่ออก
ให้ตายเหอะแม้จะรู้สึกดีอุ่นวาบในอก หลังรู้ว่ากระสุนหยุดนาทีวิกฤตช่วยชีวิตตนไว้นั้นคือคนที่อยู่ในห้วงความคิด
พระลักษมณ์ก็รู้ความรู้สึกของหัวใจตัวเองแล้วด้วย คงไม่มีคำไหนอธิบายความรู้สึกนี้ได้แล้วว่า
วิษณุทรงพลตกหลุมรักปีศาจรูปงามไปแล้วเต็มๆ ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานหัวใจตนกลับร่ำร้องเรียกหาผู้ชายคนนี้
คนเดียวเท่านั้น ปาจาชำเลืองมองหนูผาที่หลับตาพริ้มนอนพิงกำแพงถ้ำอย่างสงบ พร้อมขมวดคิ้วตั้งคำถาม
ว่าเกิดอะไรขึ้น พระลักษมณ์เข้าใจแววตานั้น รีบตอบกลับไปว่า
“ผมแค่ทำให้เธอหลับ ไม่อยากให้เห็นภาพน่ากลัวจนขวัญเสีย” ปาจาพยักหน้าเข้าใจ
ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“คุณเลือดออกเยอะมาก รีบไปจากที่นี้กันเถอะ เรื่องอื่นค่อยคุยทีหลัง” พระลักษมณ์
พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดเจ้าคุ้มรูปหล่อ
“พอจะเดินไหวไหม” ปาจาถาม หลังจากพยุงร่างโปร่งลุกขึ้นยืนแล้ว ในขณะพระลักษมณ์
กำลังสอดปืนเข้าหลังเอวเก็บเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
“ผมไหว...คุณอุ้มหนูผาเถอะ ไม่ต้องห่วงผม” พระลักษมณ์ตอบ ปาจาจึงตรงไปช้อนตัวหนูผา
ไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะเดินนำร่างโปร่งพากันออกจากถ้ำไปเงียบๆ งานนี้คงต้องกลับไปรักษาแผลให้พระลักษมณ์ก่อน
พร้อมกับร่วมวางแผนทั้งกายันต์และธรรมตรัย ว่าจะจัดการกับปีศาจสิตาในร่างจิตมารยังไง กระสุนเงินเหลือเพียงนัดเดียว
ไม่สามารถจะทำพิธีชุบกระสุนขึ้นได้แล้วด้วย เพราะหัวใจมารถูกจิตมารสิตากลืนกินไปเสียแล้ว
แต่ยังมีความลับอีกข้อที่จิตมารไม่มีวันรู้ นั่นคือหลังจากคืนร่างเป็นเดรัจฉานเมื่อกินหัวใจมาร
ที่ผ่านพิธีล้างมนต์มารไปแล้ว กลายเป็นไม่ใช่หัวใจมารบริสุทธิ์เหมือนที่มันเข้าใจ จะไม่มีทางคืนกลับร่างมนุษย์ได้อีก
นั่นเป็นผลดีทางฝั่งปาจาเพราะสามารถตามล่าตัวเดรัจฉานครึ่งมนุษย์ได้ไม่ยาก
มันไม่สามารถปะปนแฝงเร้นกับคนปกติได้เหมือนเดิม..
ยังมีคำถามอีกมากมาย ที่เจ้าคุ้มรูปหล่อต้องการให้พระลักษมณ์เล่าให้ฟัง
เพราะเหตุการณ์ทั้งหมดพระลักษมณ์คนเดียวที่รู้ดีกว่าใคร ส่วนตนก็พร้อมจะไขข้อสงสัยให้พระลักษมณ์เหมือนกันในทุกเรื่อง
ต้องรอให้กลับไปรักษาบาดแผลและร่วมวางแผนกำจัดจิตมารสิตาให้สิ้นซากนั่นแหละ นึกแล้วก็ไม่อยากเชื่อคนใกล้ตัว
จะคือจิตมารเสียเอง แต่ก็ไม่แปลกเพราะในเรือนไทย ไม่มีใครสัมผัสรังสีมารของใครได้ นี่สินะจึงถูกตบตามาโดยตลอด....
ที่ๆปลอดภัยที่สุดคือที่ๆ อันตรายที่สุด สุภาษิตนี้ยังใช้ได้ดีเสมอมา..??มาต่อให้แล้วนะคะ รออ่านตอนต่อไปราวๆ วันจันทร์เด้อ
อยากขอบคุณทุกรีไพส์ ทุกเม้นท์ และนักอ่านทุกท่านที่ติดตาม
ผลงานของลักษ์ ทุกเรื่องมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น จอมใจนักเลง
มนต์มาร และเหยี่ยวหัวใจ ถึงแม้จะไม่ค่อยได้พูดคุยทักทาย
ตอบเม้นท์เป็นการส่วนตัว แต่ขอให้รับรู้ไว้ว่า ลักษ์รู้สึดีใจและขอบคุณจากใจ
อยากบอกว่ารักเม้นท์ที่มีให้อย่างล้นหลาม ตามอ่านตามยิ้ม อย่างมีความสุขทุกครั้ง
เพราะกำลังใจดีดีของนักอ่านที่ให้มาตลอด จึงทำให้ลักษ์มีกำลังใจเขียนงานออกมาต่อเนื่อง
เพื่อมอบให้นักอ่านทุกท่านเช่นกัน สำหรับตอนนี้จะกดบวกให้ทุกรีไพส์แทนการขอบคุณนะคะ
ขอบคุณจากใจ
Luk.
ปล. เหยี่ยวหัวใจมาวันเสาร์นะคะ รอพบความรั่วของพี่พรต กับวิธีสะกดเมียรั่วของพี่รันได้เลยค่ะ