Loveless Society เพราะรัก.....ออกแบบไม่ได้ (บทที่ 47) จบแล้วจ้า - 31/12/2011
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Loveless Society เพราะรัก.....ออกแบบไม่ได้ (บทที่ 47) จบแล้วจ้า - 31/12/2011  (อ่าน 57014 ครั้ง)

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ได้อ่านต่อแหละดีจัง
ดูเหมือนนัทจะอารมณ์ติส และคิดแบบเด็กๆมากไปนะ
แต่ยังโชคดีนะที่เพื่อนๆแต่ละคนของนัท แม้กระทั่งแฟนของเพื่อนเช่นมาร์ค
มีความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่และอยู่ใกล้คอยให้สติ+เตือนนัท
อยู่ที่ว่านัทจะฟังแล้วคิดตามทำตามไหม
คิดว่านัทต้องสุขุมลุ่มลึกกว่านี้จึงจะเอากายอยู่

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 23 Forget her not

   “เสร็จยังเอิร์ธ นานไปแล้วนะเห้ย" มิกร้องตะโกนเข้าไปในห้องนอนทันที เมื่อเอิร์ธใช้เวลาแต่งตัวนานเกินไป แล้วมิกก็กังวลว่าวันเตรียมงามคืนสุดท้ายนี้จะมีปัญหา
   “โห พี่มิก จะรีบไปไหนล่ะ รถส่วนตัวก็มี" มิกว่าขณะที่มือยังคงเซ็ทผมขณะออกมาจากห้อง
   “หล่อแล้วคับไอ้ตัวแสบ พี่ต้องรีบเข้าไปเช็คแอมเบี้ยน แล้วก็สมุดทำมือที่เราออกแบบนั่นแหละ" มิกเขกหัวเอิร์ธไปหนึ่งที "โดดงานมาสองวันก็มาอยู่กับสุดหล่อนี่แหละค้าบ"
   “หึหึ" เอิร์ธยิ้มกริ่ม "งั้นก็ไปเลยพี่"
   เอิร์ธล็อคบ้านเสร็จทันทีกับที่มิกสตาร์ทรถ และไอ้เต่าทองก็นำทั้งคู่มุ่งหน้าเข้าสู่กลางกรุง รถยามเย็นไม่ติดอย่างที่คาดคิด มิกไม่เคยข้นทางด่วย เพราะมันเปลือง ดังนั้น เขาจึงชอบอ้อยอิ่งไปบนถนนซะมากกว่า
   “พี่มิก แล้วทำไมเราต้องนอนค้างที่โรงแรมด้วยอ่ะ" เอิร์ธร้องถาม
   “เราต้องเฝ้าบูธ ทางคณะกรรมการไม่ได้เตรียมไวให้อย่างเป็นทางการหรอก มันเป็นห้องพักของสต๊าฟงานน่ะ แต่พวกเรา Lovable สตูดิโอ จองกันเองเพิ่ม ของมันเยอะ ต้องมีคนอยู่เฝ้าน่ะ" มิกว่า
   “งานวันคืนเดียวเนี่ยนะพี่" มิกถาม
   “ใช่ แต่กว่าปาร์ตี้สังสรรค์จะเลิกก็ตีหนึ่งตีสองโน่น รถใหญ่เข้ามาในตัวเมืองไม่ได้ตอนกลางคืนนะ ต้องรอขนของเช้าวันจันทร์โน่น" มิกพูด "แล้วก่อนหน้าวันงาน พี่นัทก็ต้องอยู่ซ้อมใหญ่จนดึก พี่สาเองก็เหมือนกัน ไปกลับก็เหนื่อยตาย อยู่ที่โรงแรมเลยแหละดีแล้ว ป่านนี้คงขนของเช็คอินไปแล้วแหละ"
   “โหงั้นผมก็จะได้นอนโรงแรมหรูๆกลางกรุงตั้งสองคืนเลยเหรอพี่" เอิร์ธว่า "สุดยอดอ่ะ เจ้านายพี่นี่ใจปล้ำเนอะ"
   “อ่าหะ บอสพี่อ่ะ เขาน่ารัก เวลาดีใจอะไร หรือมีเรื่องอะไรดีดีเข้ามาในบริษัทก็จะบุญทุ่มอย่างนี้ประจำแหละ" มิกว่า "ถ้าชอบที่นี่ จบแล้วก็กลับมาสมัครงานที่นี่สิ"
   “ถ้ากลับมา พี่จะเส้นให้ผมป่าวล่ะ" เอิร์ธว่า
   “ไอ้นี่" มิกว่า "รู้ตัวป่ะ ว่าตัวเองก็มีความสามารถ ที่นี่จำเด็กฝึกงานกวนๆอย่างแกได้หรอก พี่เชื่อ"
   “โห ว่าซะ" เอิร์ธทำหน้าเบ้ ก่อนรถจะบึ่งเข้าแยกราชประสงค์ มิกเอาเจ้าทอง ขึ้นสู่ลานจอดรถของโรงแรมหรูได้สำเร็จ ก่อนจะจอดนิ่งสนิกบนชั้นที่ 18
   “แล้ว.......แกจะกลับมาที่นี่หรือเปล่าเอิร์ธ" มิกถามขึ้น ท่ามกลางความเงียบขณะที่เอิร์ธกำลังเก็บของเตรียมตัวลงจากรถ เด็กหนุ่มหยุดกึกพลางครุ่นคิด
   “ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง.....ผมก็กลับมาแหละ" เอิร์ธว่าพลางลงจากรถ
   มิกรู้สึกเจ็บแปลบๆ จากคำพูดเหล่านั้นอย่างอธิบายไม่ได้......
   เพราะปราศจากแม้แต่รอยยิ้มจากใบหน้าสุดกวนประสาทนั้น......
…...........
   “ขอบคุณสวรรค์ที่แกโผล่มาซะที" เสียงของสาดังต้อนรับมิกทันที "แอมเบี้ยนยังไม่มาส่งเลยแก วันพรุ่งนี้แหนะกว่าจะมา ส่วนสมุดทำมือ ขาดอีก 100 เล่ม บู๊ทถูกย้ายที่นิดหน่อย ที่จริงก็ไม่นิดนะ อยู่เลยไปอีกสามบล็อค พอดีโรงแรมดันปรับปรุงสวนใหม่ แปลนเลยเปลี่ยนอ่ะแก"
   “แล้วขาตั้งบิลบอร์ดล่ะ โปสเตอร์" มิกถามต่อ
   “มาแล้ว อยู่ด้านโน้น แต่คนจากออฟฟิศจะมาถึงตอนสี่ทุ่ม บอสพาเลี้ยงฉลองอีกและ" สาส่ายหัว
   “เลี้ยงฉลอง แล้วปล่อยให้แก ฉัน เอิร์ธแล้วก็ไอ้นัททำงานกันสี่คนเนี่ยนะ" มิกว่า
   “สามย่ะ" สาว่า "ยัยเจนไม่ยอมให้นัทออกมาจากแคทวอร์คเด็ดขาด มาร์คกับไอ้นัทซ้อมเดินจนขาจะลากกันอยู่โน่นแหนะ"
   มิกมองไปยังเวทีที่อยู่ไกลออกไปอีกด้านนึงของสระว่ายน้ำ มิกหลับตาหนึ่งครั้ง ก่อนจะสวมวิญญาณพ่องานอีกครั้ง
   “เอาล่ะ เริ่มเลย ไม่ต้องรอหรอก" มิกว่าพลางหยิบแพลนออกมาจากกระเป๋าแบบพลางกางลงบนโต๊ะหน้างาน สาและเอิร์ธสุมหัวกันทันที
   “บูธไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว ถัดไปอยู่ตรงนี้ ขาตั้งบิลบอร์ดวางได้แค่ตัวเดียวแล้วด้วย แอมเบี้ยนจะวางตรงนี้ ส่วนตัวโทรศัพท์มือถือกับแท่นกระจก จะวางอยู่ตรงนี้ แต่ฉันว่าไม่เด่นเลย" สาว่า
   “ไม่หรอก ต้องเอาไปวางไว้ตรงนี้ ตัดผนังด้านหลังออกไปเลย เปิดโล่งออกไปเห็นกรุงเทพตอนกลางคืนเลยก็ดี ตัวอย่างโทรศัพท์มาหรือยัง" มิกถาม
   “มาแล้ว อยู่นั่น ห้ามทำพังเด็ดขาด แล้วก็อย่าเพิ่งแกะพลาสติกออกด้วย" สาว่า
   “อืมมม เอาไงดีกับแอมเบี้ยนดีวะ" มิกกัดฟัน
   “ไว้ตรงนี้พี่ ขอโรงแรมเค้าเอากระถางสองอันนี้ออก แล้วล้างคราบดินตรงนั้นออกหน่อย ผมว่าน่าจะโออยู่นะ" เอิร์ธร้อง
   มิกและสามองหน้ากันครั้งหนึ่ง
   “โหยพี่ มาถึงวันนี้แล้ว ผมทีมเดียวกับพี่แล้วนะ" เอิร์ธร้อง
   “ปล่าว ไม่ได้จะอะไร" สาร้อง "แต่มันมีอยู่แค่สามคน จะไหวเหรอ"
   “ไม่ลองแล้วจะรู้เหรอพี่" เอิร์ธว่าพลางยักคิ้วใส่สาและมิกก่อนจะถอดเสื้อตัวโปรดออกผูกเอวและพับกางเกงขึ้น อวดกล้ามท้องเด็กมหาลัยก่อนจะเดินตัดตรงไปยังบู๊ทรางวัลทันที ท่ามกลางสายตาของสาวๆจากสตูดิโออื่นๆที่มองตามเอิร์ธเป็นสายตาเดียวทันที
   สาเท้าเอวมองตามน้องฝึกงานไปพลางเดาะลิ้นและเหล่มองมิก
   “ฉันเดาว่า.....”
   “....มันกำลังโชว์พาวต่อหน้าสาวน่ะ ไม่มีอะไรหรอก" มิกพูดเซ็งๆ ตัดหน้าสา ก่อนจะเดินตามไปทันที
   “แกเช็คอินหรือยังเนี่ย" สาตะโกนถาม
   “ยังอ่ะ ฝากด้วย เปิดห้องสูทไปเลย ไหนๆบอสก็ใจปล้ำนักก็" มิกพูดใส่สา
   “เอาวะ" สาหันหลังมาพูดกับตัวเอง "อย่างน้อยๆก็มีคนปกติอยู่บ้าง สู้ๆสุดสวย แกทำได้ แกทำได้ …...”
…...
   “คุณนัทคะ เดี๋ยวเจนว่า จะออกปีกซ้ายหน่อยอ่ะค่ะ คุณนัทจะเขยิบไปอีกได้ไหมคะ" เจนพูดเสียงอันดัง ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่บนเวที แต่ลงมากำกับงานเองอย่างมืออาชีพ นัทเขยีบไปสองก้าวตามที่เธอบอก
   “ไม่ใช่ค่ะ ไปด้านซ้ายเลยค่ะ ปล่อยเจนเด่นเลยค่ะ นั่นแหละค่ะ ดีมากค่ะ"​ เจนว่าพลาง คุยกับฝ่ายเทคนิคที่กำลังคุมไฟเอฟเฟ็คอยู่ "คุณมาร์คออกปีกขวาคล้ายกับคุณนัทนะคะ ฝน เดินมาอยู่ข้างเรา นั่นแหละ ไม่ไม่ไม่ อีกข้าง เก๋มาก ไฟเปิดพร้อมกันทั้งเวที สโม็คปล่อย นั่นแหละค่ะ ตามนี้นะคะบอล จดใหม่ด้วย เอาล่ะ เดี๋ยวเราจะเดินกันอีกรอบนะคะ"
   “คุณเจนครับ เราจะไม่พักกันหน่อยเหรอคับ" นัทพูดโพล่งขึ้นมาทันที เจนมองหน้านัทแล้วอมยิ้ม
   “ไม่ค่ะ" เจนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงด้วยคำสั่งที่เฉียบขาดที่สุด นัทถอนหายใจก่อนจะฝืนยิ้มแล้วกลับเข้าไปหลังฉากใหม่
   “อ้าวกายคะ" เจนร้องขึ้นพลางเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นแช่มชื่นทันที เมื่อกายกลับเข้ามาที่หน้าเวทีอีกครั้ง นัทหันกลับไปมองทันที
   “ขอบคุณค่ะที่รัก อื้มมมม" เจนดูดน้ำหวานที่กายถือมาให้เธอ "เดี๋ยวเราจะซ้อมกันอีกสามรอบค่ะ กาย เดี๋ยวรอบนี้เจนเปลี่ยนทางลงไฟนิดหน่อยเดี๋ยวกายลองดูนะคะ เจนขอไปเดินเองบ้าง"
   เธอหอมแก้มกายหนึ่งครั้งก่อนจะวิ่งอ้อมเข้ามาหลังฉาก นัทหลบตาทันทีเมื่อกายมองมาที่เขา ่ชายหนุ่มเดินกลับลงมาจากประตูบนเวที พอดีกับที่เจนมาด้านหลัง
   “พร้อมหรือยังคะคุณนัท ไหวหรือเปล่าคะเนี่ย" เจนถามเสียงใส
   นัทยิ้มอย่างไม่จริงใจที่สุดให้เธอ
   “ไหวครับ" เขาตอบเธอย่างสุภาพที่สุด พลางหันมาหามาร์คที่ขมวดคิ้วใส่นัท
   “งั้นก็เริ่มเลย พร้อมค่ะ" เจนตะโกนออกไปด้านหน้าเวที เพลงประกอบดังขึ้น....
   และการซ้อมครั้งที่ สิบสี่ ก็เริ่มต้นอีกครั้ง ณ จุดจุดนี้ นัทสาบานว่างานนี้จะเป็นงานสุดท้ายที่เขาขอเป็นนายแบบเอง เขาไม่เอาอีกแล้ว อย่างน้อยก็กับการทำงานกับสไตลิสต์อย่างเจนจิรา ผู้หญิงที่เขาจะจำไปชั่วชีวิต
…......
   เวลาผ่านไปจนเกือบถึงเวลาเที่ยงคืนขอคืนวันเสาร์ เจนจิราหายออกไปกับกายทันทีที่การซ้อมใหญ่ครั้งสุดท้ายจบลง นัทก้มลงนวดน่องของตัวเองทันที ขณะที่มาร์คตรงรี่ไปที่บูทของ Lovable Studio เพื่อหาสุดที่รักของเขา นัทใช้แรงเฮือกสุดท้ายเดินตามไป แต่ก็ต้องแปลกใจที่บูทมีสาวๆอย่างน้อยก็ราวๆสิบคนมายืนล้อมบูทของบริษัทเขาอยู่ และเมื่อเขาขอทางผ่านพวกเธอเข้าไปก็พบกับบูทแนวธรรมชาติที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม ไม้ประดับที่ถูกตกแต่งชั่วคราวไปทั่ว Exhibition ได้รับการดัดแปลงลดทอนความรกลง แล้วเกาะเลื้อยไปกับแท่นวางโปรศัพท์มือถือและโปสเตอร์ PR รอบๆอย่างมีดีไซน์ นัทหายหนื่อยไปแทบทั้งหมด ที่ได้เห็นงานที่เขา มิกและสาร่วมกันทำ ต่อสู้มากันเป็นเดือน ได้เติบโตขึ้นมาเป็นรูปร่างอยู่ที่นี่ เขามองมันนอย่างตกตะลึงอยู่หลายนาทีก็ค้นพบความจริงที่ทำให้สาวๆนับสิบๆคนมายืนชมบูทนี้
   ความสวยงามของดีไซน์ของบูทอย่างนึงล่ะใช่ แต่กล้ามท้องและหุ่นของหนุ่มตี๋อายุน้อยน่ะอีกเรื่องหนึ่ง นัทพบเอิร์ธที่ยืนอยู่ยนบนบันได กำลังตอกหมุดให้เข้ากับผ้าที่ลากขึงเพดานบูทอย่างดูดีมีสไตล์ กล้ามแขน และหน้าท้องมีเหงื่อไปท่วทตัวจนมันเลื่อม ขณะที่มิกและสา ช่วยกันส่งผ้าให้เด็กหนุ่มเอาขึ้นไปตอก นัทอมยิ้มทันที
   “เป็นไงบ้าง" นัทร้องขึ้น
   “อ้าว ซ้อมเสร็จแล้วเหรอ" มิกว่า แม้ว่าสายตายังคงจ้องมองไปที่การทำงานของเอิร์ธ
   “อ้าวพี่นัท หวัดดีค้าบ" เอิร์ธร้องทักทาย
   “หวัดดีคับน้องเอิร์ธ ว่าไงมิก เหมือนไม่ได้เจอแกนานมากอ่ะ" นัทร้องขณะเดินเข้าไปช่วยถือผ้ากับมิกอีกแรง
   “เหอๆ ก็หายไปอยู่กับใครล่ะ" มิกแซวเบาๆ ขณะส่งผ้าขึ้นไปอีก
   “จริงสินะ ก็หายไปอยู่กับใครล่ะ" นัทใช้คำพูดเดิมถามกลับ พลางมองไปหามิก ด้วยสายตาที่เหนื่อยล้า มิกหันมามองสายตาที่มีความหมายต่อเขาคู่เดิม มันก็เหมือนเมื่อก่อนนี้ ที่สายตาของนัท สามารถทะลายกำแพงทุกอย่างของมิกได้
   มิกหลบตาลงพลางยิ้มน้อยๆ
   “เขาดูแลแกดีหรือเปล่า" ถามด้วยคำถามสั้นๆ พลางทำเป็นม้วนชายผ้าเตรียมส่งขึ้นไปใหม่
   “ก็ดีมั้ง" นัทตอบ พลางรวบชายผ้าส่งไปให้มิกอีก
   “เป็นห่วงนะเว่ย" มิกกระทุ้งแขนใส่นัททีนึง "ถ้าเหนื่อยก็ไปพักก่อนไป"
   “ไม่เป็นไรอ่ะ" นัทว่า "เห็นแกทำกันอยู่สามคนมาตั้งแต่หัวค่ำแล้ว อยากจะช่วยทำงานตัวเองจริงๆบ้าง" นัทว่า
   “แกมีหน้าที่ของแกแล้วนัท ไปทำตรงนั้นให้ดีดีกว่า" มิกพูด
   นัทถอนหายใจ
   “มันไม่ใช่ที่ของฉันนี่นาตรงนั้นน่ะ" นัทว่า มิกหยุดกึก
   “มันเป็นที่ของแกเว่ย" มิกหันไปมองหน้านัทอย่างจริงจัง พลางมองนัทเหมือนที่เคยมองก่อนหน้านี้ "ที่ที่แกเลือกแล้ว เป็นที่ของแกเสมอ ก้าวไปแล้ว ก็ไม่ต้องมองย้อนกลับมาอีกดิ"
   “แล้วเหมือนทิ้งแกไว้ตรงนี้เนี่ยนะ" นัทว่า
   “ปล่าวซะหน่อย ฉันยังมองดูแกอยู่ ก็มองจากตรงเนี้ยมาตั้งแต่หัวค่ำแล้ว" มิกว่า "แล้วอีกอย่าง ก็เดินไปพร้อมกันนั่นแหละ แค่อยู่คนละตำแหน่งกันเท่านั้นเอง"
   มิกยิ้มให้นัทอย่างจริงใจ
   “รู้สึกว่าอยู่คนเดียวเหรอหึ" มิกถามพลางส่งกองผ้าชุดสุดท้ายขึ้นไป นัทเงียบไป
   “แกไม่ได้อยู่คนเดียว ท่องเอาไว้เลยนะเว่ย ฉันกับสา อยู่กับแกเสมอ" มิกว่า ขณะที่เอิร์ธโดดลงมาจากบันได
   “เรียบร้อยแล้วพี่ ว่าแต่คุยไรกันอ่ะ" เอิร์ธถาม
   “ไม่มีไร พี่นัทมาบ่นว่าปวดขาน่ะ" มิกตอบ
   “อ่อ ผมนวดให้ป่ะ" เอิร์ธถาม
   “ไม่เป็นไรเอิร์ธ ขอบใจมาก" นัทตอบ
   “วันนี้ก็เสร็จไปเยอะแล้ว ขึ้นไปอาบน้ำเหอะไป จะได้ออกไปหาไรกินกัน" มิกว่า พลางขมวดคิ้วใส่เอิร์ธก่อนจะลากตัวหายออกไปจากฝูงสาวๆที่กำลังมองเอิร์ธอยู่ นัทมองทั้งคู่เดินหายออกไปจากงาน
   “อ้าวนัท" เสียงของสาดังขึ้นจากข้างหลัง
   “ว่าไงคุณเธอ" นัทร้องทัก "เหนื่อยมั้ย สุดยอดไปเลยสา บูทสวยมาก"
   สายิ้มให้นัท
   “แหม ก็งานเราสามคนนี่นา" สายิ้มให้นัท "เออ นี่ ไปพักเถอะ มาร์คบอกว่านายซ้อมหนักมาเลยนี่วันนี้ ไปพักผ่อนได้แล้ว ส่วนฉันขอตัวไปส่งมาร์คก่อนแล้วเดี๋ยวกลับมานอนด้วย ห้องเราเป็นห้องสูท อยู่ชั้น 30 นะ"
   “อ่อ แล้วจะไปนานไหมอ่ะ มิกมันจะพาเอิร์ธออกไปกินข้าว" นัทว่า
   “อ้าวเหรอ ก็......คงนานแหละ ฉันก็ว่าจะออกไปหาอะไรกินเหมือนกัน" สาว่า "งั้นนายก็ออกไปกับมิกแล้วก็เอิร์ธสิ จะได้หาไรกินด้วยไง"
   “อ...อ...อืม ก็ได้" นัทว่าเบาๆ "งั้นก็โชคดีนะ"
   สายิ้มให้เพื่อนพลางมองตานัทอย่างรู้ดี ก่อนจะเดินเข้ามาแตะไหล่นัท
   “สู้ๆแก ไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมาก" สายิ้มให้ ก่อนจะเดินหายออกไปกับมาร์คอีกคู่ นัทมองเพื่อนรักอีกคนเดินจากไป นัทมองไปรอบๆบูธที่เขาเห็นมันอยู่แค่ในคอมมาสองเดือน จนกระทั่งมันออกมาตั้งอยู่รายล้อมเขา เขายิ้มให้ตัวเองหนึ่งครั้ง เขากำลังจะประสบความสำเร็จกับงานชิ้นนี้แล้วนี่ นัทคิด
   แต่ทำไมกัน เขาถึงยืนอยู่ตรงนี้เพียงลำพัง หรือว่านี่จะเป็นสัญญาณ...
   เขากำลังก้าวเข้าไปในโลก Loveless Society หรือเปล่านะ......
   โลกที่ทุกคนเหมือนอยู่รอบๆตัว แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครเลย....
   น้ำตาไหลออกมาเบาๆ น้ำตาที่ปนความดีใจและความเสียใจไปพร้อมกัน

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 24 B.A.D Night & MAD Night

   นัทนั่งเหม่อมองกรุงเทพยามราตรีอย่างไม่มีจุดหมาย ณ มุมมุมหนึ่งของของด้านหลังของบู๊ท ชายหนุ่มนั่งมองไกลออกไป แสงสีที่วุ่นวายอยู่เบื้องล่างนั้นมันไม่ได้ต่างอะไรจากที่เขาเคยถ่ายในภาพ Loveless Society เลย เขาอยู่ตรงนี้เพียงลำพังมาซักพักหนึ่งแล้ว ลำพังเพียงคนเดียวกับความรู้สึกที่แสนว่างปล่าวอย่างประหลาด
   เขาไม่ได้นึกถึงกายเลย เขานึกถึงสิ่งที่ที่ผ่านมา สิ่งที่กำลังเกิดอยู่ตอนนี้ และสิ่งที่จะเกิดต่อไปกับตัวเอง และอนาคตของเขา มันน่าตลกที่เขากำลังคิดถึงอนาคตในช่วงวัยแบบนี้ แต่การก้าวกระโดดในสายงานของเขาครั้งนี้ มันทำให้เขาเริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่กำลังคืบคลานมาหาเขาช้าๆ เขาต้องการชีวิตแบบนี้จริงๆน่ะเหรอ เขาต้องการการอยู่บนการจับตามอง การเป็นที่รู้จักอย่างกายหรือเปล่า แล้วสุดท้าย เขาจะต้องเหลือเพื่อนแบบที่กายมีด้วยหรือเปล่า เพื่อนที่ไม่ได้จริงใจแบบนั้น สาและมิก จะตามเขามาได้ทันหรือเปล่า เพื่อนรักของเขาทั้งสองคน จะเป็นคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังหรือเปล่านะ
   เขาก้มหน้าลงกับตัวเอง เขาไม่อยากให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นซักหน่อย มันไม่ใช่ที่เขาต้องการมาตั้งแต่แรก นี่มันไม่ใช่ที่เขาคิดเอาไว้ มันผิดพลาดไปหมด ตั้งแต่วันที่กายมาที่ Lovable Studio มาท้าทายเขา แล้วทำให้ชีวิตเขามาถึงตรงนี้
   นัทกำหมัดหนึ่งครั้งก่อนจะทุบลงบนตักของตัวเอง เขากัดฟันกรอด พลางกระโดดลงจากม้านั่งด้านหลังบูธนั้น ออกมาจากมุมมืดทันที และเขาก็ต้องหยุดกึกเมื่อร่างๆหนึ่งกำลังยืนก้มหน้านิ่งอยู่ที่ด้านหน้าของบูท นัทมองชายหนุ่มที่อยู่ภายใต้ชุดสูทที่ไม่ได้ผูกไทด์หน้าตาหล่อเหลานั้น คนที่เขาเพิ่งจะนึกถึงเมื่อครู่นี้เอง.......กาย
   นัทมองกายอย่างประเมิณค่าครั้งหนึ่งก่อนจะเดินผ่านไปทันที แค่เขาเห็นหน้ากายแบบสองต่อสองอีกครั้งในรอบห้าวันที่ผ่านมานี้ มันเหมือนกับกายเอาความเหนื่อยล้าทั้งมวลที่นัทพยายามเก็บเอาไว้ให้มันเอ่อล้นขึ้นมาอีกครั้ง เขาแทบไม่อยากคุยอะไรกับกายเลยตอนนี้ เขารู้สึกหมดแรงอย่างบอกไม่ถูก
   “ผมขอโทษ" เสียงอันนุ่มนวลดังลอยขึ้นมาทันทีเมื่อนัทเดินผ่านกายไป นัทนิ่งสนิทโดยที่ยังไม่พูดอะไรคำขอโทษของกายทำเอาเขาแทบหมดแรง น้ำเสียงของกายสั่นเครืออย่างที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน นัทฝืนปั้นหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาหากาย
   “ขอโทษทำไมคุณ" นัทพูดด้วยน้ำเสียงปกติ "ผมแค่จะไป.....”
   “ผมผิดเอง" กายพูดนิ่งๆ "ผมทำให้คุณต้องมาเหนื่อยแบบนี้ ผม ผมไม่รู้มาก่อนว่าเจนเค้าจะเข้มงวดมากขนาดนี้ กับคุณ ทั้งๆที่มันเป็นงานของคุณ"
   “อ้อ" นัทฟังคำของกาย อารมณ์โกรธของเขาก็ยิ่งพุ่งพล่าน คิดได้แค่นี้เองใช่ไหม ไอ้พ่อมดเห็นแก่ตัว!!! “งั้น ผมขอตัวไปก่อนนะ"
   “ผมเสียใจจริงๆนัท คุณจะว่าอะไรผมก็ได้" กายว่า "ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเจนเขา.......”
   “....คุณเสียใจเรื่องแค่นี้เองเหรอ" นัทพูดเบาๆกลับเช่นกัน เหมือนกับว่าเชื่อนภายในใจของเขาได้พังทลายลงแล้ว  กายเงยหน้าขึ้นมองนัทที่กำลังมองออกไปยังบูทที่เขาเพิ่งเดินออกมา นัยน์ตาแดงก่ำ พลางยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก
   “คุณรู้หรือเปล่า นั่นมันเรื่องเล็กน้อยมากเลยนะ สำหรับผม"
   กายมองหน้านัท
   “สำหรับผม มันมีอะไรเกิดขึ้นที่ผมต้องเสียใจอีกตั้งเยอะ" นัทพูดชัดเจนพลางมองไปยังใบหน้าอันหล่อเหลาของกาย แล้วยิ้มให้ ทั้งๆที่น้ำตาแห่งความเหนื่อยล้าค่อยๆไหลลงมาเป็นทาง นัท เช็ดน้ำตาของตัวเองด้วยแขน ก่อนจะก้มหน้าลง "มันไม่เห็นมีอะไรที่ผมต้องการเลยซักอย่าง"
   “เมื่อสองเดือนก่อน ผมเคยถามคุณที่ห้องทำงานของอาคุณที่ Lovable ว่าที่คุณต้องมาลงแรง ลงงานเหนื่อยๆนี่กับผมเพราะอะไร" นัทว่า "คุณบอกว่า คุณทำเพื่อผม งั้นผมอยากจะถามคุณหน่อยกาย ว่าคุณรู้เหรอว่าผมต้องการอะไร"
   กายมองหน้านัทอีกครั้ง ราวกับไม่เคยเห็นเขามาก่อน
   “งั้นผมจะบอกคุณให้ก็ได้" นัทแผดเสียงขึ้น พลางย่างสามขุมเข้าไปหากาย "ผมไม่ได้ต้องการให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ ผมไม่ได้อยากให้คนอื่นๆมองในสิ่งที่ผมไม่ได้เป็นไม่ได้ทำ ผมไม่ได้ต้องการอยู่ในสังคมแบบคุณ เพื่อนผมเคยเกือบจะต้องถูกไล่ออกจากวงการก็เพราะงานนี้ เพื่อนผมกำลังจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แล้วสุดท้ายก็เป็นผมเองที่จะต้องเดินมาเพียงลำพัง ผม ผมไม่ได้ต้องการชีวิตแบบนี้ ผมไม่ใช่คุณ....
   ชีวิตคุณน่ะ มันก็มีอยู่ไม่กี่อย่างหรอกกาย คุณทำงานตามสิ่งที่คุณอยากได้ทุกอย่าง มันก็แหงอยู่แล้ว คุณมันหล่อ คุณมันมีชื่อเสียง เป็นถึงพ่อมดของทุกๆคน คุณเป็นคนทุ่มเทกับงานที่คุณอยากทำเท่านั้นแหละ ถ้าคุณนอนในกระเป๋าเขียนแบบได้คุณก็คงนอนไปแล้ว พองานจบคุณก็สังสรรค์ ไปดื่มกับเพื่อนๆ พาสาวๆขึ้นเตียง พอเสร็จ คุณเอาสาวๆพวกนั้นลง" นัทว่ากลับ กายมองนัทพลางหายใจหอบถี่ "แล้วคุณก็เพิ่งมาเสียใจ ที่สาวๆบางคนของคุณ ไม่ยอมลงจากเตียงของคุณเสียแล้ว"
   “นี่คุณ....”
   “ผมพอแล้วกาย" นัทว่า "ผมเหนื่อย ผมไม่เอาแล้ว ผมขึ้นไปยืนบนนั้นกับคุณไม่ไหวหรอก มันเหนื่อยเกินไป ใช่ ผมทนไม่ได้ ผมจะไม่เปลี่ยนตัวเองไปเป็นอีกคนที่คุณจะเก็บผมไว้ในมุมมืดของคุณ เพื่อให้คุณใช้ผมระบายตอนคุณ....”
   นัทกัดฟันกรอด พลางหลั่งน้ำตาด้วยความโกรธ กายก้มหน้าลงทันที
   “คุณไม่ต้องมาขอโทษอะไรผมหรอก" นัทว่า "คุณไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก คุณเป็นคุณอย่างนี้น่ะดีแล้ว มันผิดที่ผมเองแหละ"
   ชายหนุ่มหันหลังกลับพลางเดินเข้าไปในโรงแรม
   “ผมเคยเตือนคุณแล้ว" นัทพูดพลางเดินจากกายไป "ว่าผมไม่คิด....ว่าคุณกับผมจะเข้ากันได้.....ผมเคยบอกคุณแล้ว"
   นัทหายเข้าไปในโรงแรมทันที โดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่นัทได้ระบายออกมานั้นมันเหมือนเวทย์มนต์ที่กายไม่เคยรู้จัก เวทย์มนต์ที่หยุดเวลาของกายเอาไว้ตรงนั้น พ่อมดสุดเจ้าเล่ห์นัยน์ตาแข็งกร้าว จ้องมองพื้นเพื่อพยายามทบทวนอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มไม่สามารถเคลื่อนไหวอะไรได้ทั้งนั้น ภาพแห่งความหลังหวนขึ้นมาในจิตสำนึกของจิตใจ

   …....ลมหนาวของเมืองแห่งดีไซน์พัดหวนเอาทิวไม้รอบสวนให้ไหวติงไหลเอื่อยช้าๆ หญิงสาวที่นัยน์ตาเต็มไปด้วยน้ำใสๆ เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่กุมมือเธอเอาไว้อย่างสุภาพ เธอมองหน้าชายหนุ่มคนนั้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า กับการเดินทางที่แสนยาวไกลของเธอ
   “ผมขอโทษ" ชายหนุ่มพูดกับเธอ "ผมไม่รู้มาก่อน ว่าอาจารย์เขาจะเข้มงวดกับคุณขนาดนี้ ทั้งที่มันเป็นงานที่เกิดจากไอเดียของคุณ"
   “พอเถอะค่ะ กาย" หญิงสาวตอบด้วยเสียงที่นิ่งสนิท และเบาบาง หากแต่แฝงไปด้วยความหมายมากมาย "เจนไม่อยากฟังอีกแล้ว"
   “ผมเสียใจจริงๆเจน" ชายหนุ่มพูด "คุณจะว่าอะไรผมก็ได้"
   “กายอยากรู้จริงๆเหรอคะว่าเจนอยากจะว่าอะไร" หญิงสาวพูดขณะที่น้ำใสๆไหลรินออกจากดวงตาที่งดงาม ลมหิมะต้องผิวเธอจนหนาวสะท้าน เธอปล่อยมือชายหนุ่มลง "เจนทนไม่ไหวแล้ว เจนอยากกลับบ้าน"
   ชายหนุ่มจ้องเธอราวกับไมเคยเห็นเธอมาก่อน
   “เจนไม่ได้อยากได้ชีวิตแบบนี้กาย เจนอยากกลับไปหาแม่" หญิงสาวร้องไห้สุดเสียง "ที่เจนมาที่นี่ ก็เพราะความฝันของกาย เจนแค่อยากอยู่ในทุกๆที่ที่มีกายอยู่ แต่กายรู้ไหม ว่าเจนต้องแลกกับอะไร
   กายรู้ไหมว่าตอนนี้เจนแทบจะต้องลาออกอยู่แล้ว ถ้าเทอมนี้เจนตกอีกแค่ตัวเดียว เจนก็จะไม่ได้ทุน แล้วการมาที่นี่ของเจนก็จะสูญเปล่า เจนทิ้งคุณแม่มาก็เพื่อมาอยู่กับกายที่นี่ กายบอกว่าที่นี่คือความฝันของเรา แต่สุดท้ายแล้ว เจนมองไม่เห็นอะไรที่นี่เลย" หญิงสาวปาดรอยน้ำตาของเธออย่างเจ็บปวด "กายคะ เจนไม่รู้ว่าต่อจากนี้ เจนจะไปต่อยังไง เจนขอแค่ให้กายพอเถอะ ปล่อยเจนไปเถอะ เจนไปกับกายไม่ได้หรอก เจนไม่อาจยืนอยู่ที่ที่กายยืนได้อีกแล้ว เจนทำไม่ได้"
   หญิงสาวปล่อยมือและเดินจากไปท่ามกลางหิมะขาว ผ้าพันคอที่เป็นเครื่องหมายของความรักของทั้งคู่ปลิวไหวไปกับสายลม
   “กายไม่ต้องขอโทษเจนหรอกค่ะ" หญิงสาวเอ่ยขึ้นท่ามกลางสายหิมะ "กายเป็นอย่างที่กายเป็นอยู่นั่นแหละดีแล้ว มันผิดที่เจนเอง"
   ชายหนุ่มยืนจมกับความเจ็บปวด ยืนมองความรักที่เขาเฝ้าตามหามาทั้งชีวิตลอยหายไปในหิมะที่ขาวโพลนและหนาวเย็น.......

   “..ท....ท...ทำไมกัน" เสียงของกายลอดลำคอออกมาเบาๆ "….ทำไม...มันถึงเกิดขึ้นอีกล่ะไอ้กาย"
   ใบหน้าของกายนิ่งสนิท ดวงตาเบิกกว้าง ร่างกายของเขาสั่นไปทั้งตัว
   “....ทำไมกัน"

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
เสียงเปิดประตูดังขึ้นปลุกให้นัทตื่นจากภวังค์ ชายหนุ่มนั่งนิ่งอยู่กลางห้องโดยที่ไม่เปิดไฟ นัทอยู่ในชุดนอนนั่งกอดเข่าอยู่กลางห้อง เมื่อไฟกลางห้องเปิดออก มิกถอนหายใจทันทีเมื่อความตื่นเต้นทั้งมวลเหมือนถูกยกออกไป อย่างน้อยๆนัทก็ไม่ได้หายไป.....อีกคน
   “นี่ยังไงเนี่ย" มิกพูดกุกกักเหมือนคนเริ่มต้นไม่ถูกพลางลงมานั่งข้างๆเพื่อนรัก "แล้วทำไมไม่นอน นี่จะหกโมงเช้าแล้ว แกมีซ้อมตอนสิบโมงไม่ใช่เหรอ"
   นัทเงยหน้าขึ้นมองมิกก่อนจะโผเข้ากอดเพื่อนรักทันที ร่างกายของนัทสั่นไปทั้งตัว เขาไม่ได้ร้องไห้ แต่มันเหมือนความกลัวมากกว่า มิกโอบกอดเพื่อนรักไว้เบาๆ
   “ฉ....ฉ.....ฉันไม่ได้ตั้งใจมิก" นัทพูดตะกุกตะกัก "ฉันแค่...ฉันแค่..กลัว...มิก....ฉัน...”
   “เห้ย ใจเย็นๆนัท ใจเย็น" มิกพูดปลอบนัทเบาๆ "ไม่เป็นไร ไปนอนไป เดี๋ยวฉันพาไปเอง ลุกเร็ว เอิร์ธ เอิร์ธ พี่นัทอยู่บนห้องมานี่เร็ว"
   เอิร์ธวิ่งออกมาจากห้องที่อยู่ตรงข้าม กันทันที
   “อ้อ เจอแล้วหนึ่งรายสินะพี่มิก มามา ผมเอง" เอิร์ธช่วยมิกประคองอีกข้างนึงของนัท พาไปยังเตียงที่อยู่ไม่ไกลกัน
   “เอิร์ธอ้อมไปยังหัวเตียงเพื่อเปิดโคมไฟแล้วปรับแอร์ ก่อนจะรินน้ำใส่แก้วนำมาให้นัทดื่ม ขณะที่มิกกุมมือเพื่อนรักเอาไว้เบาๆ
   “กินน้ำก่อนแก" มิกป้อนน้ำนัทก่อนจะห่มผ้าให้ "นอนให้หลับ หยุดคิดมากได้แล้ว โอเคป่ะ แล้วเดี๋ยวเรื่องซ้อมฉันจะไปเคลียร์เอง เอาล่ะ นอนเลยเพื่อน"
   นัทที่ยังคงตาแข็งพยายามข่มตาให้หลับขณะที่เอิร์ธและมิกค่อยๆออกมาจากห้องนอนและห้องของนัทโดยไม่ให้มีเสียง
   มิกพ่นลมหายใจขณะปิดประตูห้อง พอดีกับเสียงฝีเท้าวิ่งมาตามระเบียงทางเดินของโรงแรมพร้อมเสียงของเจ้าแม่โวยวาย
   “เจอไหม อยู่หรือเปล่า อยู่ใช่ไหม ว่าไง" สาส่งเสียงอันดังราวกับจะปลุกให้ทุกชีวิตในโรงแรมตื่นขึ้นมารับแดดวันอาทิตย์อย่างไม่จำเป็น
   “เงียบหน่อยได้ไหมเล่า แกนี่ก็" มิกเอื้อมมือปิดปากเพื่อนรักทันที "จะปลุกให้ตื่นกันทั้งชั้นเลยรีไง สต๊าฟงานนี้ทั้งนั้นนะ"
   “แล้วว่ายังไงเล่า" สาถามอย่างร้อนรน
   “อยู่ ไม่นอนด้วย ช๊อคว่ะ" มิกพูดสั้นๆ "กล่อมให้นอนไปแล้ว แล้วห้ามแกเข้าไปซ้ำเติมอะไรมันเด็ดขาดเลยนะ มันไม่ปกติสุดๆอ่ะ ยิ่งกว่าที่พัทยาอีก"
   “ขนาดนั้นเลยเหรอ" สายกมือขึ้นปิดปาก "นี่อย่าบอกนะว่า เข้าสู่โหมดตาแข็งอ่ะ"
   มิกพยักหน้ารับ
   “เอาไงดีแก ฉันว่ามันต้องมีเรื่องแน่ๆเลยอ่ะ" สาว่า "ฉันกะแล้วเชียว ไม่น่าทิ้งมันเลยแกอ่ะมิก ฉันบอกแล้วว่าเมื่อคืนนัทมันแปลกๆ"
   “ไม่ต้องมาโทษฉันเลยคุณเธอ เธอก็ออกไปดี๊ด๊ากับแฟนเหอะ ถ้าคุณเจนไม่โทรมาหาฉันฉันก็ไม่รู้เรื่องหรอก" มิกโวย
   “อะไรนะ นี่ยัยนั่นโทรมาหาแกเองเลยเหรอ" สาว่า มิกมองหน้าเธอเป็นคำตอบพลางลากตัวสาออกจากหน้าห้องนัท
   “เอิร์ธ แวะไปเอาตั๋วอาหารเช้าที่ห้องเราแล้วก็ห้องพี่สาทีนะ แล้วไปเจอกันข้างล่าง" มิกออกคำสั่ง
   “ได้พี่" เอิร์ธรับคำก่อนจะวิ่งย้อนกลับไปที่ห้อง
   “อะไรกันเนี่ยแก" สาถาม
   “เรื่องมันจะใหญ่กว่าที่แกคิดอีกน่ะสิ ฉันจะบอกให้" มิกพูดเสียงเรียบๆ ซึ่งสารู้ดีว่าหากมิกพูดว่าเรื่องไหนใหญ่ล่ะก็ มันจะต้องใหญ่จริงๆ มิกไม่เคยตื่นตูม
   “หมายความว่ายังไงนะ" สาถาม
   “เจนจิราโทรมาหาฉันตอนตีสาม" มิกพูดขณะที่ลากสาเข้าลิฟท์ได้สำเร็จ และเมื่อประตูลิฟท์ปิดลง "บอกว่ากายประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ"
   “ห๊ะ" สาร้องด้วยเสียงอันดัง มิกกะจังหวะได้ถูกเป๊ะที่ลากสาเข้าลิฟท์มาซะก่อน ไม่อย่างนั้นเสียงอุทานของสาจะต้องดังเป็นข่าวหน้าหนึ่งต่อจากหูของสต๊าฟงานที่พร้อมตื่นรับวันงาน B.A.D Night อย่างแน่นอน "คุณพระช่วย"
   “ไม่ช่วยแล้ว คุณกายอยู่โรงพยาบาล เจนบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นมากไม่มาก" มิกอธิบาย "แต่ที่แรงกว่านั้น เจนจิราบอกฉันด้วยเรื่องที่ฉันแทบจะเอาหน้าไปแทรกแผ่นดินให้ได้เลย"
   “ค่อยยังชั่ว ยัยนั่นว่ายังไงเหรอ" สาถามอีก
   “เจนบอกฉันว่า ไม่ว่ากายกับนัทจะมีเรื่องอะไรกันก็ตาม แต่เธอไม่พอใจมากที่นัททำให้กายเป็นแบบนี้ เขาจะเอาเรื่องนัทให้ถึงที่สุด" มิกหันไปมองหน้าเธอพอดีกับที่ลิฟท์หยุดลงที่ชั้นห้องอาหาร มิกพาเธอเดินออกมาทันที
   “มันเกิดอะไรขึ้นกัน ต้องมีอะไรแน่ๆ และต้องหนักมากๆด้วย ไม่งั้นยัยเจนไม่เริ่มเกมส์ก่อนแบบนี้หรอก" สาว่าอย่างเผ็ดร้อน ราวกับเป็นหัวข้อการเมืองที่กำลังร้อนแรง "นัทล่ะ มันว่าไง"
   “จะว่าอะไรเล่าก็เพิ่งบอกไปว่ามันช็อค ฉันไม่รู้ว่ามันรู้หรือเปล่าว่ากายรถคว่ำหรือมันเป็นอะไรของมัน ที่แน่ๆ มันก็หนักพอกัน" มิกเล่าขณะเลือกที่นั่งได้หนึ่งที่ พลางมองไปรอบๆ พนักงานกำลังจัดเตรียมชุดบุฟเฟต์อาหารเช้า พร้อมๆกับที่แสงแดดอ่อนกำลังจับจากฟ้ากลางกรุงด้านนอกหน้าต่างกระจก "ฉันขอถามในแบบคนที่ไม่รู้เรื่องนะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ เมื่อวานก็เห็นปกติดี โอเค ไอ้นัทมันอาจจะเหนื่อยนิดหน่อย ฉันก็เลยปลอบมัน แล้วก็ออกไปกับเอิร์ธ แล้วไหงกลับมาเป็นเรื่องวะ"
   สานั่งนิ่งพลางครุ่นคิดอยู่พักนึง พลางเหล่มองมิก
   “อย่ามาทำเป็นคิดไม่ออก" มิกว่า "รองจากพระเจ้า แกรู้เรื่องทั้งหมดดีไอ้สา"
   “เห้ย ไม่ขนาดนั้นหรอก" สาพูดติดตลก แม้ว่าหน้าตาของเธอจะดูเป็นกังวลไม่น้อย "เอาความจริงมะ"
   “เอาความจริงครับ" มิกตอบ
   “นัทมันเป็นห่วงพวกเราเกินไปแล้วล่ะฉันว่า" สาพูด
   “อะไรนะ" มิกร้อง "ห่วงเรา ห่วงอะไร มีอะไรต้องห่วง ฉันกับแกก็สบายดีนี่ มันก็น่าจะสบายดีกับไอ้คุณกายไม่ใช่เหรอวะ"
   “นั่นก็ใช่ แต่มันกำลังจะซ้ำรอบเดิม" สาว่า "มันไม่ได้อยู่กับเราตลอดเวลา และที่ผ่านมาอาทิตย์นึงนี่ มันไม่ได้อยู่กับพวกเรา....เลยน่ะสิ"
   “แล้วยังไง" มิกว่า "เอาล่ะโอเค นี่จะเป็นอีกครั้งที่ฉันจะขอฟังแกวิเคราะห์สา ฉันจะทำตัวเป็นคนโง่และไม่ขัดแกเลย เล่ามาเลยอย่ากั๊ก"
   “ได้" สาพูดพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ "ตามที่ฉันเดานะ และก็คิดว่ามันก็น่าจะจริง นัท มันกลัวที่จะขึ้นไปอยู่กับ คุณกายน่ะ คืออย่างนี้ แกต้องเข้าใจก่อนว่า ตอนนี้มันยอมเสี่ยง ไม่สิ ต้องใช้คำว่าลองแลกทุกอย่างในชีวิต แล้วก็ลองขึ้นไปยืนอยู่จุดจุดเดียวกับที่กายยืนอยู่ การอยู่กลางสปอตไลท์น่ะ"
   “แล้วยังไง" มิกถามต่อ
   “แล้วรู้ใช่หรือเปล่า ว่าคุณกายกับเจนจิราเคยเป็นแฟนกันมาก่อนที่จะมาคบกับนัทน่ะ พอถึงวันนี้ วันที่นัทได้รับการปั้นจนประสบความสำเร็จโดยฝีมือของพ่อมดของวงการอย่างกายสิทธิ์ มันก็ถึงเวลาแล้วที่เด็กน้อยของเรา กำลังจะต้องไปยืนกลางสปอตไลท์ เช่นเดียวกับกาย" สาว่า "แต่ก็อย่าลืมว่า กลางสปอตไลท์นั้น ถ้ามีกาย ก็จะเท่ากับมีเจนจิราอยู่ด้วย สองคนนี้คือแถวหน้าของเวทีนั้น แล้วเจ้านัทของเราก็กำลังจะขึ้นไปเบียดบนเวทีนั้น ซึ่งแกก็รู้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วว่า สิ่งที่นัทเกลียดที่สุด คือการพยายามสร้างภาพลักษณ์ให้คนอื่นๆชื่นชม
   ทีนี้นอกจากเรื่องนั้นแล้ว นัทเคยบ่นกับฉันว่ามันไม่ชอบใจที่เจนเข้ามาทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของกายทั้งๆที่ตอนนี้มันกับกายเอ่อ...ยังไงดี.....คบหาดูใจกันอยู่....ฉันใช้คำถูกไหมนะ เอ่อ ช่างมันเถอะ แต่ก็คือนัทมันไม่พอใจ ดังนั้น เมื่อคนสามคนไปยืนอยู่กลางสปอตไลท์ คนที่รู้สึกว่าโดนตั้งป้อมหลังไมค์ ก็ย่อมรู้สึก.....”
   “เหมือนตัวเองอยู่คนเดียว ทั้งที่อีกคนหนึ่งควรจะยืนอยู่ข้างกัน" มิกต่อคำสาจนจบ สาชี้นิ้วใส่หน้ามิกพลางยิ้มให้แทนคำตอบ "มันไม่ถูกนี่ นี่มันการแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันไม่ได้นี่ สามคนนี่เล่นเกมส์อะไรกันวะ ฉันไม่เข้าใจว่ะ"
   “แล้วแกลองคิดดูนะมิก ที่ผ่านมา เราสามคนช่วยกันแก้ปัญหา ทุกเรื่องๆด้วยกันมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว แล้วนี่ เจ้านัทกำลังเผชิญทุกอย่างอยู่คนเดียวตรงนั้นนะ" สาว่า "โอเคถึงเราจะเดินไปพร้อมกันกับมัน ตอนนี้ไม่ได้มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แต่ยังไงก็ตาม มันกับเราสองคนก็ยืนอยู่คนละจุดของเวทีนะ นึกดูดีดี เราสองคนอาจถูกประกาศชื่อจนเป็นที่รู้จักเหมือนมันใน B.A.D Night คืนนี้ แต่ใครกันจะได้ยืนเด่นในงาน"
   “ก็ต้องเป็น......” มิกครุ่นคิด "กายสิทธ์กับณัทนนท์สิ"
   “แน่ใจเหรอ" สามองด้วยหางตา "เจนจิราเด่นตอนไคลแมกซ์ของเรื่องนี้นะจ้ะ"
   “เหี้ย" มิกสบถเสียงดัง พลางพิงเข้าท่พนักเก้าอี้ ขณะที่สายักไหล่ทันที "ไอ้กายต้องรับผิดชอบเรื่องนี้สิวะ มันเป็นคนเอานัทขึ้นไปนะเว่ยสา มันเอานัทไปจากฉัน...เอ้ย....จากเรา มันจะปล่อยให้นัทตายกลางอากาศอย่างนั้นไม่ได้"
   “นายก็เห็นที่เขาจัดการกับเจนจิรานะ" สาพูด "นายเห็นแล้วว่าเขาไม่ทำอะไรกับยัยนั่น การที่เจ้าหล่อนมาพูดกับนายในโทรศัพท์ก็เป็นเครื่องยืนยันแล้ว ฉันจะไม่ยืนยัน ว่าการที่นัทจะถูกเฉือดกลางอากาศจะไม่เกิดขึ้น"
   “เขาต้องรับผิดชอบเว่ยสา โตๆกันแล้วนะ" มิกพูดแม้ว่าใบหน้ายังไม่ซ่อนความกังวลเอาไว้ได้ "ฉันจะไม่ทำตัวเป็นพระเอก เที่ยววิ่งออกไปกระชากคอกายแล้วบอกให้เขารับผิดชอบไอ้นัทดีดีตามที่สัญญากันเอาไว้เป็นอันขาด"
   “อ้อเหรอ?” สาขึ้นเสียงสูงในลำคออย่างรู้ดี พลางกลั้นหัวเราะ ขณะที่มิกค่อยๆยิ้มกริ่มขณะมองเธอ “บอกมาสิ"
   “มันอยู่โรงพยาบาลตำรวจ ตรงนี้เอง" มิกผ่อนลมหายใจออก "ฉันฝากทางนี้ด้วยนะ"
   “อือ" สานั่งเซ็งๆ ขณะที่มิกลุกขึ้นจากโต๊ะอย่างรวดเร็ว
   มิกวิ่งออกจากห้องอาหารขณะผ่านเอิร์ธที่อยู่หน้าห้องอาหารทันที มิกรีบเบรคตัวเองขณะวิ่งออกมาเมื่อเจอมิก
   “อ้าวจะไปไหนเนี่ยพี่มิ.......”
   มิกดึงตัวเอิร์ธมาจูบทันที โชคดีที่เวลาเช้ามืดแบบนี้ที่หน้าลิฟท์ไม่มีใครเผ่นพ่าน ก่อนจะผละออกจากกัน เอิร์ธยิ้มน้อยๆอย่างเก้อเขิน มิกหายใจหอบจากการวิ่งและจูบ หรือเรียกให้ถูกคือการวิ่งมาจูบเอิร์ธนี้
   “อ...อะไรวะพี่" เอิร์ธพูดตะกุกตะกัก
   มิกมองเข้าไปในตาเอิร์ธ
   “ยืนยันตัวเองว่ะ" มิกว่าก่อนจะกดลิฟท์หายไป "ช่วยงานพี่สาด้วยเอิร์ธ เดี๋ยวพี่กลับมา"
   ยังไม่ทันจะได้ถามไถ่อะไร มิกก็หายไปกับประตูลิฟท์เสียแล้ว เอิร์ธมองมิกพลางคิดในใจว่า
   นี่คืดว่าเรื่องใหญ่แล้วใช่ไหมเนี่ย
   มันมีใหญ่กว่านี้อีกนะพี่ ไม่อยู่ฟังก่อนเลยเรอะ
   สิ่งที่เอิร์ธวิ่งกลับไปบอกสาที่นั่งรออยู่ในห้องอาหาร ก็ทำเอาเธอแทบช็อคอีกเหมือนกัน เมื่อสต๊าฟของงาน BAD Night ไม่สามารถดำเนินงานต่อไปได้ถ้าไม่มีกาย เพราะเขาเป็นคนกำกับงานนี้เอาไว้ แล้วไม่มีคนกลับมาคอนเฟิร์มในเรื่องต่างๆ ไม่ใช่แค่งานประกาสรางวัล 18 สาขาที่จะถูกรันภายในคืนนี้ แต่ยังรวมถึงกองทัพสตูดิโออีกกว่า 30 แห่งทั่วกรุงเทพ ที่กำลังแห่เอา Exhibition ของตัวเองมาจัดงานพร้อมกันที่โรงแรมแห่งนี้ สาและเอิร์ธมองหน้ากันอย่างรู้ชะตากรรม
   “พี่ยังไ่ม่เชื่อใจผมอีกเหรอ" เอิร์ธถามขณะที่โกยซุปเข้าปากอย่างรวดเร็ว
   “โอ๊ย ไม่ใช่ไม่เชื่อโว้ยยยย" สาร้องขณะกัดขนมปัง "เมื่อวานคิดว่ามีสี่ เหลือสามคนทำงาน วันนี้แทนที่จะสาม เหลือสอง พี่กลัวว่าพี่จะสติแตกตายไปซะก่อนน่ะ"
   “เอาน่าพี่ ไม่ลองไม่รู้" เอิร์ธว่า พลางยิ้มน้อยๆในใจ
   เพราะไม่ใช่อะไรหรอก
   เอิร์ธยอมรับว่าจูบเมื่อกี้ ทำให้เขามีกำลังทำงานแทนมิกได้อีกทั้งวันเลย....
…....

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
กระซิบคนอ่านครั้งที่ 3

กลับมาแล้ว o18 จากภาระงานอันหนักหน่วงที่กว่ามิรันดาจะปลีกตัวกลับมาเขียนเรื่อราวของโลกดีไซน์นี้อีกครั้งได้ก็ปาเข้าไป 2 เดือนกว่าๆ :seng2ped:
(กะว่าจะเผาพริกเกลือสาปแช่งอยู่แล้วแหละพี่ :m31: :m31: :m31:.....ผู้อ่านหลายคนกระซิบมา)

คราวนี้มิรันดาพากายและนัทมาให้ผู้อ่านหายคิดถึงกันแล้ว ดีใจกันใช่มั้ยล่า!!!  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
แต่ทว่าการกลับมาครั้งนี้ก็พาเอาคลื่นชีวิตที่เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของเรื่องมาซะด้วย เหมือนว่าช่วงเวลาที่น่ารักๆของกายและนัทกำลังเข้าสู่โหมดมืดเสียแล้ว :sad11: :sad11:

จาก 2 ตอนที่ผ่านมาผู้อ่าน (ที่อ่านจนถึงตอนที่ 24) คงตบโต๊ะและตาค้างกับเรื่องราวของตัวละครที่หลายๆคนที่ติดตามมาตั้งแต่ต้นเรื่องหมั่นไส้ และอยากจะเอาอะไรขว้างใส่ซะเหลือเกินกับเธอคนนี้.....เจนจิรา :a5: :a5: :a5:

ที่มาบทนี้เธอกลายเป็นตัวละครที่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่า "เธอคนนี้ มีอะไรต้องค้นหาเสียแล้ว"  :m16: :m16: :m16:
ซึ่งนั่นถูกเผงทีเดียว เจนจิราเป็นตัวละครที่ตื้นลึกหนาบางเยอะที่สุดในเรื่องเลยก็ว่าได้ แอบกระซิบผู้อ่านว่าเธอคนนี้ คือ ตัวละครสำคัญที่จะนำพาเรื่องนี้ไปสู่ไคลแมกซ์ที่กำลังจะมาถึง (อ้าว...นี่ก็หมายความว่า Loveless Society กำลังจะ.... :serius2:) ของ Seasons 1 เลย (ห๊ะ....นี่ก็หมายความว่า Loveless Society จะมีภาค.... :z1: :z1:)

ถึงอย่างไรก็ตาม เรื่องราวของเจนจิรา มิรันดาได้แอบบอกตัวตนที่แท้จริงของไปแล้วเมื่อครั้งกระซิบคนอ่านครั้งที่ 1

ตอนไหนกันหรือ? o22

ก็ตอนที่เอาเพลงที่ใช้เป็นแรงบันดาลใจและประกอบนิยายเรื่องนี้ ซึ่งที่แท้จริงแล้วเพลงที่เป็นตัวแทนของเจนจิราก็คือ
Born To Be A Lady - Girls' Generation นั้นเอง :3123:

เรื่องราวที่กำลังเข้มข้นปนความสับสนของกายและนัท ดูเหมือนว่าจะมีเพียง มิกและเอิร์ธที่กำลังชูโรงให้ผู้อ่านได้หน้าแดงกันไปพักๆ แต่ก็อย่าพึ่งชะล่าใจไป สองคนนี้ก็กำลังจะเจอศึกหนักเช่นกันน้า :เฮ้อ:

วันนี้มิรันดาพาเรื่องราวของกายและนัทมาถึงครึ่งทางแล้ว อยากให้ผู้อ่านที่ยังติดตามกันอยู่ รวมถึงผู้อ่านคนใหม่ๆที่แวะเวียนเข้ามาในนี้ ได้ติดตามเรื่องราวในโลก Loveless Society ต่อไปจนจบ ซึ่งรับรอง ว่านี่คงเป็นนิยายดีดีที่จะจบลงอย่างน่าประทับใจชาวบอร์ดไปอีกหนึ่งเรื่อง
 :L2: :L2: :L2:
กลับมาคราวนี้ก็ขอเอาเพลงชุดที่ 2 ที่จะใช้เป็นแรงบันดาลใจ ในการเขียนเรื่องนี้ในครึ่งหลังมาฝากผู้อ่นกันอีก ลองเดาๆเรื่องจากเพลงที่ท่านได้ลองฟังเหล่านี้ดูนะ ว่าสุดท้ายแล้ว เรื่องราวของ Loveless Society จะจบลงอย่างไร

รู้สึกดี (Acoustic Version) - No More Tears
สักวันหนึ่ง - บอย โกสิยพงศ์
봄날 (How great is your love) - Girls' Generation
ขอบคุณที่รักกัน (Acoustic Version) - Potato
Wish You Were Here - Avril Lavigne
Wherever You Will Go - The Calling

ขอให้ผู้อ่านทุกคนติดตามนิยายเรื่องนี้ต่อไปพร้อมกับหาเพลงเพราะๆด้านบนฟังไปด้วยนะ จะได้รู้สึกร่วมไปกับมิรันดาไงล่ะ
 

 :bye2: :bye2: :bye2:
ปล. จากโลก Loveless Society สู่ ผู้ประสบภัยน้ำท่วม

"ขอให้ทุกๆคนดูแลตัวเองนะคับ ทุกๆคนกำลังประสบภัยร่วมกัน เข้มแข็งเอาไว้คับ ผมจะอยู่ข้างๆทุกๆคนคับ" - กาย

"ยังไงก็รักษาสุขภาพคับ อยู่กับคนที่คุณรัก ดูแลเค้า อย่าให้เค้าเครียด แล้วผ่านเรื่องราวนี้ไปด้วยกันครับ"  - นัท

"เข้มแข็งคับ ไม่มีอะไรที่คนไทยอย่างเราๆผ่านไปไม่ได้หรอกคับ สู้ๆคับ" - มิก

"มีอะไรก็ช่วยๆกันนะคับ อย่างแบ่งแยกกันเลย ช่วงเวลาแบบนี้ มีแต่พวกเราเท่านั้นคับที่ช่วยเหลือกัน อย่าทิ้งกันเลยคับ" - เอิร์ธ

"เตรียมตัวเองให้พร้อมเสมอ อย่าตื่นตูมกับการรับข่าวสารนะคะ รับสารอย่างมีสติ ห้ามตื่นตูมเด็ดขาดค่ะ" - สา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-10-2011 16:20:58 โดย M2M_Jill »

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
อ่านมาถึงตอนนี้เกรงว่าตัวเองจะมีอาการดังที่นัทเป็น แต่ไม่หนักเท่านัทแค่นั้นเอง
และก็ให้สงสัยแคลงใจว่า สิ่งที่กายแสดงต่อนัทนั้น มันออกมาจากใจของกายจริงๆไหม
กายพึงพอใจ+ชอบกาย(คงยังไม่รักหรอก)จริงๆหรือ
หรือกายเห็นนัทเป็นเพียง "หมาก" ตัวหนึ่งในเกมเท่านั้น
มาถึงวันนี้แล้วเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยกับสมญานามของกายว่า "พ่อมด"
อ้อ ! ดิฉันยังเห็น "แม่มด" เกิดขึ้นอีกหนึ่งตนด้วยล่ะ "แม่มดเจน"
รออ่านอยู่นะคะ อยากรู้ว่าปมทั้งหลายทั้งปวงจะคลี่คลายอย่างไร

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 25 You make me hard to breath.

   เสียงปรบมือดังกึกก้องเมื่อแสง สี เสียงสุดตระการตา สาดลงบนเวทีริมสระว่ายน้ำของลานกิจกรรมโรงแรมเซ็นทารา ท่ามกลางสายตาของดีไซน์เนอร์ ช่างภาพ นายแบบ นางแบบ สไตลลิสต์ และอาร์ทติสจากทั่วทั้งวงการ ที่ยืนกระจัดกระจายอยู่ตามมุมต่างๆของงาน บูทและ Exhibition งานศิลป์ถูกตั้งวางเรียงรายรอบๆ โดยมีบูทของงานโฆษณา ทั้งสิ้น 18 รายการตั้งเรียงอยู่แถวหน้า ถัดออกไปคือบูทและโต๊ะของแต่ละ Studio ที่ขนเอางานมาอวดโฉมกันในปาร์ตี้ประกาศรางวัลประเพณีของวงการโฆษณาประจำปีนี้ งาน B.A.D Night ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
   “สวัสดีค่ะ พี่ๆน้องๆ ดีไซน์เนอร์ในวงการโฆษณาทุกท่าน ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งาน BAD Night งานประกาศรางวัลผลงานโฆษณาสุดเก๋ไก๋ จากไอเดียสุดบรรเจิดของเหล่า Studio ทั่วกรุงเทพ ที่ลงมาประชันความคิดสร้างสรรค์กันมาร่วมเดือนเลยทีเดียว ใช่ไหมคะคุณเอก"
   “ใช่แล้วครับแอน ผมเอกนครับจาก Graphizine Creative Group”
   "และดิฉันแอนจาก Lovable Studio”
   “เราสองคนรับหน้าที่เป็น MC ที่จะร่วมสังสรรค์ไปพร้อมกับพวกท่านในงานเลี้ยงคืนนี้คับ ขอเสียงปรบมือให้กับสปอนเซอร์ใจดีของเราดังต่อไปนี้ด้วยคับ.......”

   …..ประตูห้องพักคนไข้เปิดผางออกทันที ร่างๆหนึ่งที่นอนอยู่บนเตียงพร้อมกับผ้าพันแขนหันมามองแหล่งกำเนิดเสียงด้วยอารมณ์ตกใจ มิกหน้าตาตื่นมาอยู่หน้าห้องของผู้ป่วยพี่เพิ่งประสบอุบัติเหตุรถคว่ำไปเมื่อคืนด้วยความประมาท....นายกายสิทธิ์ สุทธิสมพงศ์.....
   “ค....ค...คุณมิก" คนไข้ที่กำลังเหม่อลอย เอ่ยทักด้วยความอ่อนแรง "ไม่กลับไปดูแลงานเหรอคับ จะเริ่มแล้วไม่ใช่เหรอ"
   “ดูแลตัวนายเองก่อนเหอะ" มิกพูดเสียงเข้มก่อนจะปิดประตูห้องและล็อคห้องทันที กายขมวดคิ้วทันที "แฟนเก่าของคุณไปไหนซะล่ะ"
   “ใครนะ" กายถามเสียงเข้ม ขณะพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้น
   “ไม่น่าถามเลยนะนาย" มิกเดินย่างสามขุมเข้ามาที่เตียง "ก็แฟนเก่านายไง เจนจิราน่ะ เขาไม่มาอยู่ดูแลนายอย่างที่อยากทำนักแล้วหรือไง"
   “ผมกับเจนเป็นแค่เพื่อนกัน เขาดูแลผมก็เพราะแค่เป็นห่วง" กายตอบด้วยเสียงที่หนักแน่น พลางขึ้นลุกนั่งเพื่อไม่ให้ตัวเองถูกคุกคามมากไปกว่านี้ มิกนั่งลงบนเตียงข้างตัวกายทันที โดยไม่สนบาดแผลใดใด "คุณมีธุระอะไรกับผมเหรอ"
   “ฉันมาที่นี่ก็เพราะเรื่องของไอ้นัท" มิกว่าอย่างตรงประเด็น "นายต้องตอบคำถามฉัน"
   “แล้วทำไมผมต้องตอบคำถามคุณ" กายพูดท้าทายกลับ
   มิกยื่นหน้าเข้าไปหากายพลางยิ้มกริ่ม
   “ผมกับนัทก็เป็นแค่เพื่อนกัน ผมมาหาคุณนี่ ก็เพราะแค่เป็นห่วงมันเหมือนกัน" มิกตอบ กายดูเหมือนว่าตัวเองนอกจากจะต้องตรวจร่างกายมาตลอดเช้ามืดนี่แล้ว เขาก็กำลังถูกจับเข้าเครื่องจับเท็จอีกด้วย เขามองเข้าไปในตาของมิกอย่างท้าทายโดยไม่เกรงกลัวใดใด
   เขาไม่มีอะไรต้องปิดบังเลยซักนิด
   มิกไม่รู้หรอกว่า นัทกับเขา เลยเถิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
   กายยิ้มกริ่มในใจ.....

   …... “ขอบคุณมากกับสปอนเซอร์ใจดีของเรานะคะ ขอเสียงปรบมืออีกรอบด้วยค่ะ" แอนพูดต่อ "เอาล่ะค่ะเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มงานกันเลยดีกว่านะคะ ดีไหมคะเอก"
   “แน่นอนครับแอน ก่อนที่เราจะเริ่มประกาศรางวัลในสาขาแรกกันเนี่ย เราไปชมวีทีอาร์เรียกน้ำย่อย กับแฟชั่นโชว์เล็กๆน้อยๆจาก JG Cut & Sew กันดีไหมครับแอน"
   “ก็ดีนะคะเอก ได้ข่าวมาว่า แฟชั่นโชว์ชุดนี้เนี่ยได้สไตลิสต์หญิงไทยชื่อดังที่ทำงานร่วมกับนิตยสารโวร์คฝรั่งเศสมาออกแบบโดยเฉพาะเลยนะคะ"
   “เอ......จะใช่สไตลลิสต์สาวสวยที่ผมแอบเหล่อยู่หลังเวทีหรือเปล่าก็ไม่รู้นะครับเนี่ย"
   “จะดีเหรอคะคุณเอก เพราะถ้าใช่เนี่ย ระวังจะโดนสาปนเอาะคะ"
   เสียงโห่ร้องกรูเกรียวดังขึ้นระงมไปรอบๆงานทันที
   “โห งั้นไม่เอาดีกว่าครับ ผมยังไม่อยากเป็นเจ้าชายกบตอนนี้ครับ"
   “โอ้โห เจ้าชายเลยนะคะเนี่ยแหม ชมวีทีอาร์กันเลยดีกว่าค่ะ"
   “ครับแล้วตามด้วยแฟชั่นโชว์สุดอลังการชื่อชุดกว่า Greatest Springs ครับ"
   “ขอเสียงปรบมือด้วยค่า.......”
   ….............

   ….... “อะไร นี่มันอะไรกันอ่ะคะ เดี๋ยวค่ะ คุณน่ะ" สาร้องเอะอะ โววยวายทันที เมื่อสต๊าฟงานคนหนึ่งกำลังย้ายโต๊ะทางเข้าไปอยู่อีกตำแหน่งโดยไม่บอกไม่กล่าว "คุณจะย้ายไปไหนอีกอ่ะคะ ของจะมาลงแล้วนะ"
   “มีคนสั่งให้ย้ายครับ โต๊ะตรงนี้ตั้งไม่ได้ครับ ของชำร่วยกับตั๋วจำหน่ายหน้างานจะย้ายไปด้านโน้นครับ" พนักงานคนนั้นตอบ
   “ได้ไงกันก็เราตกลงกันไว้แล้วไม่ใช่เหรอคะ" สาร้องทันที "ถ้าไปไว้ตรงนั้น แล้วผนังงานจอง Virtual Art ล่ะคะ"
   “ไม่ทราบคับ" พนักงานคนนั้นยังคงขนของต่อไป โดยไม่สนใบหน้าโกรธขึ้งของสาแม้แต่น้อย
   “อะไรกันเนี่ยคุณ ฉันเป็นแม่งานนะ" สาร้อง
   “ไม่ใช่หรอกมั้งคะ" อีกเสียงแทรกขึ้นมาทันที สาหันหลังควับไปหาเจ้าของเสียงนั่น โดยไม่ต้องเตรียมตัว สาเริ่มปั้นหน้าทันทีเมื่อรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร "ถ้าคุณเป็นแม่งานล่ะก็ คงมีการเข้าใจอะไรผิดกันแน่"
   “คุณเจน" สาร้องเบาๆ
   “เจนเป็นคนสั่งให้ย้ายเองแหละค่ะ" เจนจิราตอบ "แพลนจะมีการเปลี่ยนแปลงโดยด่วนที่สุด ที่คุณทำมาน่ะ มันเบียดกันเกินไป คนเดินเข้าไม่สะดวกหรอกค่ะ"
   สาอ้าปากเบาๆ ขณะมองเจนจิราเดินผ่านตัวเองไป
   “อะไรนะคุณ" สาร้อง
   “เดี๋ยวผนังของ Virtual Art จะย้ายไปอีกสองบล็อก เวทีตรงนั้นจะยื่นออกมาอีก ส่วนโต๊ะดริงค์คงต้องเถิบออกไปอีกหน่อย เดี๋ยวคุณสาช่วยไปแจ้งทางโรงแรมให้เอากระถางที่คุณกับคุณมิก แล้วก็เด็กหนุ่มคนนึงที่ย้ายออกไปเมื่อวานเอากลับเข้ามาเข้าที่ด้วยนะคะ" เจนจิราเริ่มออกคำสั่ง "ส่วนรายการของว่าง จะเบิกได้เพิ่มอีกสามอย่างนะคะ รายการบนเวทีจะมีการเปลี่ยนอีกค่ะ แฟชั่นโชว์ของ JG Cut & Sew จะขึ้นหลังวีทีอาร์ แล้วก็จะเริ่มประกาศรางวัลไปเรื่อยๆ คั่นกลางด้วย Designer Of The Yearจนสุดท้ายจะเป็นโชว์ของงาน Cooperate Identity ที่ได้ที่หนึ่ง ของพวกเราปิดท้าย ส่วน MC จะเป็นคุณเอกจาก Graphizine Creative Group คู่กับคุณแอนจาก Studio วานคุณช่วยไปแจ้งด้วยนะคะ"
   “ถ้าคุณจะลงมาเปลี่ยนนู่นเปลี่ยนนี่แบบนี้เนี่ย ทำไมถึงไม่มาซะตั้งแต่เช้าล่ะคะ" สาเปิดฉากว่าเจนก่อนทันที เหมือนว่าถึงเวลาแล้วเสียทีที่เธอต้องจัดการกับยัยมารร้ายเสีย
   “อ...อะไรนะคะ" เจนถามย้ำอีกที
   “ฉันถามว่า ถ้าคุณอยากได้นู่นได้นี่จะเปลี่ยนนั่นเปลี่ยนนี่ขนาดนี้ ทำไมคุณไม่มาซะตั้งแต่เช้า" สาถามอีก "ทำแบบนี้เนี่ย มันไม่หักหน้ากันไปหน่อยเหรอคะ"
   “เหอะ....” เจนพ่นลมออกเบาๆ "ถ้าหักหน้าเนี่ย เจนว่าเจนคงโดนมากกว่านะคะ เพราะเจนและกาย ได้รับการมอบหมายจากคณะกรรมการให้เป็นคนจัดการดูแลงาน B.A.D Night นี่ทั้งหมดนะคะคุณสา"
   สามองหน้าเจนอย่างท้าทาย
   “ถ้าอย่างนั้น ความรับผิดชอบแบบมืออาชีพเนี่ย สำหรับคุณคงไม่เน้นเวลาสินะคะ" สาว่ากลับอย่างเผ็ดร้อน เจนจิรามองหน้าสาอย่างประเมิณค่า
   “เจนว่า...” เจนเดินเข้ามาหาสาช้าๆ "คุณคงสับสน หรือไม่ก็ลืมไปแล้วว่า......สิทธิ์มันอยู่ที่ใครมากกว่าค่ะ"
   “มันไม่สำคัญหรอกค่ะ" สาว่าพลางมองเจนโดยไม่เกรงกลัว "มันขึ้นอยู่กับว่า ใครไปคนทำมากทำน้อยมากกว่ากัน"
   เจนเงียบไปพักนึง เหมือนว่าเธอจะหมดคำพูดที่จะโต้เถียงแล้ว ได้แต่เพียงมองหน้าสาอยู่อย่างนั้นอย่างนิ่งสนิท ทันใดนั้นเอง เอิร์ธก็พานัทที่อยู่ในชุดคลุม เนื่องจากนัทแต่งหน้าทาตัวพร้อมกางเกงในสีขาวตัวจิ๋ว เตรียมสำหรับการซ้อมใหญ่แล้ว เดินลงมาที่งานพอดี เจนมองไปยังนัทและเอิร์ธ ก่อนจะกลับมามองสา ที่ดูตกใจที่นัทเดินเข้ามาได้ตรงจังหวะสงครามพอดี
   “ถ้าอย่างนั้น เจนว่า.....คงต้องมีการทบทวนกันหน่อย.....ว่าใครได้ก่อน ได้หลังนะคะ"
   หญิงสาวเดินจากไปพลางสั่งงานต่อไปทันที สาและนัท ถึงกับยืนนิ่งสนิทไร้คำพูดโต้เถียง สาใจหายทันทีที่ได้ยินคำพูดที่ตรงประเด็นทุกประเด็นที่เธอจะนึกถึงได้ตอนนี้จากเจนจิรา ผู้หญิงคนนี้ ไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่ายๆเสียด้วย
   “ทีนี้แกเห็นหรือยัง" นัทพูดเบาๆทันที
   สาถอนหายใจช้าๆ
   “ฉันไม่ได้ต้องการพิสูจน์ซักหน่อย" สาว่ากลับ "แกต่างหาก เจ็บพอหรือยังล่ะ"
   นัทหน้าซีดทันทีกับคำพูดของเพื่อน ก่อนจะออกเดินไปยังหลังเวที ที่มาร์คยืนอยู่มองดูเหตุการร์ทั้งหมดตั้งแต่ต้น เพื่อรอการซ้อมรันทรู
   “แล้วจะเอายังไงเนี่ยพี่" เอิร์ธถามสาขึ้น "ผมต้องไปช่วยเค้าด้วยหรือเปล่า"
   “ไม่ต้องแล้ว" สาตอบ "ขึ้นไปพักไปเอิร์ธ อาบน้ำแต่งตัว แล้วลงมาก่อนงานเริ่มหนึ่งชั่วโมงเลย มาตรวจแก้บูท แ้วก้ปาร์ตี้ได้เลย"
   “ครับพี่" เอิร์ธรับคำก่อนจะส่ายหัวหนึ่งครั้งให้กับหลังของเจนจิรา และหายเข้าไปในล็อบบี้ของโรงแรม
   สามองเจนจิราจากมุมหนึ่งของงาน ก็ตระหนักแล้วว่า
   เธอและมิกกำลังจะแพ้เกมส์เกมส์นี้ซะแล้ว
   ยังไงก็ตามเธอยินดีที่จะประมือกับเจนจิราต่ออย่างยินดี....
   ถ้าไม่ติดว่า สิ่งที่เธอเอาลงพนันเกมส์นี้คือเพื่อนที่เธอรักสุดหัวใจ.....
   นัท.....
….........

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
….... “จบไปแล้วนะคะ สำหรับรางวัลในสาขางานออกแบบเพื่อสังคม แหมดูดีขึ้นเชียวนะคะ ตั้งแต่ Studio คุณกวาดไปสิบสี่รางวัลแล้วเนี่ยคุณเอก"
   “แหม พวกเราตั้งใจทำงานกับครับแล้วมันก็เป็นโจทย์ที่ทาง Studio ของพวกผมเข้าใจกันอยู่แล้วด้วยแหละคุณแอน"
   “เอ ที่กระชุ่มกระชวยแบบนี้เนี่ยไม่ใช่เพราะดี๊ด๊าจากฟินาเล่ของแฟชั่นโชว์เมื่อตอนต้นงานหรอกเหรอคะคุณเอก"
   “เอาเข้าให้แล้วคุณแอน เดี๋ยวผมก็ได้โดนสาปจริงๆหรอก อยู่แถวนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ฮ่าฮ่าฮ่า.....แต่ถ้าพูดถึงเรื่องกระชุมกระชวยเนี่ย ผมว่านะ ผมคงแพ้ Designer Of The Year ประจำปีนี้ซะแล้วล่ะคุณแอน"
   “จริงค่ะ เพราะ Designer Of The Year ของเราปีนี้เนี่ย ทุกๆท่านรู้ไหมคะว่าแอนดีใจมากเลยค่ะ ที่จะประกาศชื่อออกไป"
   “ครับ ที่ถืออยู่ในมือผมนี้คือชื่อของ Designer ที่คร่ำหวอดในวงการเรามาตลอดครับ และปีนี้ท่านก็ได้รับการโหวตให้เป็น Designer Of The Year ครับ ซึ่ง Designer Of The Year ประจำปีนี้ก็คือ....”
   เสียงดนตรีและความเงียบเข้าปกคลุม เสียงหายใจเงียบสนิทไปพักนึง
   “คุณพิพัฒน์ ประเสิร์ฐเพชรกุล ผู้บริหาร Lovable Studio ครับ"
   แสงไฟฟอลโล่ฉายลงไปที่กลางงาน นำทางให้ชายวัยกลางคนร่างท้วมเดินออกมาจากโต๊ะหน้าบูทของ Studio และลูกน้องของตัวเองที่กำลังโห่ร้องให้เจ้านายอันเป็นที่รักก้าวออกไปรับรางวัล เสียงปรบมือที่รายล้อมบอสพิพัฒน์ไปตลอดทางไปถึงเวทีบ่อบอกถึงความสำเร็จจากการทุ่มเทและการมีวิสัยทัศน์ที่สร้างสรรค์ตลอดระยะเวลา 30 ปีกับการบริหาร Lovable Studio จนเป็นที่รู้จัก บอสพิพัฒน์ ขึ้นไปจับไมค์บนเวทีจากแอนทันที
   “ก็...ขอบคุณทุกๆคนมากที่ร่วมกันโหวตให้ผมได้เป็น Designer Of The Year ปีนี้นะครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า จะดูทำตัวหล่อไปไหมถ้าจะบอกว่ารางวัลนี้จะขอยกให้กับลูกน้องทุกคนใน Lovable Studio ครับ เพื่อฉลองกับความสำเร็จของพวกเราครับ ขอบคุณครับ"
   เสียงปรบมือดังกึกก้องอีกครั้ง บอสพิพัฒน์ ก้าวลงจากเวที ขณะที่สอง MC เริ่มที่จะทำหน้าที่ต่อไป
   “ครับ ไปกันต่อกับรางวัลสาขารักษ์สิ่งแวดล้อมนะครับ ซึ่งเป็นสาขาสุดท้ายแล้วในคำคืนนี้"
   “ใช่แล้วค่ะ เริ่มต้นกันด้วยสายงานวิจิตรศิลป์กันก่อนนะคะ รางวัลชนะเลิศจะเป็นของใคร ไปชมกันเลยค่ะ"
   ….....

   ….... “คุณนัทคะ สมาธิหน่อยสิคะ จะเดินแล้วนะคะ อีกสามชั่วโมงเอง ถ้าคุณยังว่อกแว่กแบบนี้ เจนเห็นทีจะต้องปลดคุณลง แล้วเหลือแค่คู่เจนกับคุณมาร์ค" เจนจิราพูดเสียงดัง ในการรันทรูรอบสุดท้าย ในขณะที่มาร์คและฝน เริ่มเป็นกังวลในตัวนัทมาก "เริ่มใหม่เลยค่ะ บอลขอใหม่อีกรอบนึง ขอโทษทีนะ"
   ทั้งสี่เดินกลับเข้าไปหลังเวทีอีกครั้ง นัทรีบกลับไปทรุดลงนั่งที่เก้าอี้พัก มาร์คตบไหล่นัทเบาๆอย่างรู้ใจ แต่ไม่ทันจะได้พูดอะไร เจนจิราก็แทรกตัวเข้ามาหาเขาทันที
   “เจนขอคุยด้วยสองนาที" เจนว่า "เชิญทางนี้ค่ะ"
   เธอไม่รอฟังคำตอบ แต่เดินนำหน้านัทไปยังมุมไม้ที่อยู่ถัดออกไป นัมองหน้ามาร์คครั้งหนึ่งก่อนจะเดินตามไป เขาหยุดยืนตรงหน้าของเธอ โดยที่ไม่แม้แต่จะมองหน้าของเธอด้วยซ้ำ เจนยิ้มน้อยๆ
   “คุณคิดว่าทำแบบนี้แล้ว จะทำให้ฉันเสียหน้าเหรอ" เจนว่าทันที นัทขำจริงๆกับเรื่องนั้น นี่เจ้าหล่อนคิดได้แค่นี้เองเหรอ นัทได้แต่ยืนนิ่งจับจ้องไปที่พื้นหญ้า
   “หรือว่าต้องรอกำลังใจจากกายเค้าก่อน ถึงจะร่าเริงได้" เจนว่าเข้าตรงประเด็น นัทถึงกับจ้องตาเธอเขม็ง
   “คุณพูดอะไรอ่ะ ให้เกียรติกันบ้างนะครับ อย่างน้อยๆก็เห็นแก่แฟนเก่าคุณเองน่ะ" นัทว่ากลับเสียงแข็ง
   “ฉันจะบอกอะไรคุณให้นะ ถ้างานนี้พัง ฉันจะไม่เสียอะไรเลยซักอย่าง" เจนจิราพูดชัดถ้อยชัดคำ "แต่คนที่เสียมากที่สุดคือคุณนั่นแหละ คุณจะพังอย่างที่คุณนึกไม่ถึงเลย"
   “คุณจะทำอะไรกันแน่" นัทถามทันที "พูดกันมาตรงๆเลยดีกว่า"
   “ฉันเป็นคนตรงนะ ใครกันแน่ที่ไม่" เจนว่ากลับ "ฉันจะบอกให้เลยนะว่า ฉันแค่มาช่วยกายเค้าเท่านั้น ฉันไม่ได้อยากทำงานนี้เลยด้วยซ้ำตั้งแต่แรก ตั้งแต่รู้ว่าต้องมาทำงานกับ......มือใหม่"
   เธอทิ้งท้ายคำอย่างดูถูก นัทกำหมัดแน่น
   “นี่คุณ"
   “ถ้าคุณอยากเอาชนะจริงๆ ก็ตั้งใจทำงานของตัวเองได้แล้ว ต่อต้านไป ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก" เจนว่าพลางจะออกเดินกลับไปที่เวที "เพราะถึงยังไง เขาไม่มาดูคุณหรอก"
   นัทกระชากแขนของเธอกลับมา เขาไม่เกรงใจอะไรอีกแล้ว
   “คุณไปพูดอะไรกับเขามาล่ะ" นัทว่าพลางบีบแขนเจนแน่น "บอกเขาว่าอะไรล่ะ ผมมันมือใหม่ ทำงานแย่ แล้วอะไรอีกล่ะหะ"
   เจนส่ายหน้าพลางยิ้มเยาะ
   “ใช่ ฉันจะพูดอย่างนั้นซะก็ได้หรอก" เจนว่าพลางสะบัดแขนลง "แต่น่าเสียดาย เขาดันมารถคว่ำซะก่อน"
   นัทตกใจแทบสิ้นสติ ขณะที่เจนเดินจากไปทันที
   “นี่คุณพูดบ้าอะไรของคุณน่ะ" นัทตะโกนใส่เจน ทำเอาคนรอบๆหันมามองกันเป็นตาเดียว "กายรถคว่ำเหรอ"
   “ใช่" เจนหันมาตวาดนัทกลับ "เขารถคว่ำเมื่อคืนนี้ ทั้งหมดก็เพราะคุณ คุณคนเดียว!!!!”
   นัทผงะถอยหลังทันที เจนจิราหลับตาลง
   “ฉันจะบอกอะไรคุณไว้นะคุณนัท" เจนจิราย่างเท้ามาหานัท "นี่มันงานของคุณแท้ๆ แต่คุณกลับกำลังทำให้ทุกอย่างมันแย่ลงเรื่อยๆ คุณทำให้เพื่อนฉันต้องมาบาดเจ็บเพราะเรื่องงี่เง่าบ้าบอทั้งหลายนั่น คุณกำลังทำลายงานของคุณที่มันดันมาจบด้วยชื่อของฉัน ฉันยอมลดตัวเองลงมาทำงานที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพเลยซักนิด ฉันอดทนคุณมาทุกอย่าง ถ้าคุณ ยังไม่ทำอะไรให้ดีขึ้นกว่านี้ สิ่งที่คุณคิดว่าฉันจะพูดกับกายแล้วเค้าจะเชื่อฉันล่ะก็ ฉันทำยิ่งกว่านั้นอีก"
   เจนมองนัทอย่างท้าทาย สายตาของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่นัทไม่สามารถต้านทานอะไรได้ ตัวของเขาแทบหมดแรงแล้ว เขาไม่รู้มาก่อนเลย ว่ากายเกิดอุบัติเหตุ ทำไมไม่มีใครเล่าให้เขาฟัง ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงทำให้เขาไม่สารถต่อต้านอะไรได้เลยแม่แต่เวลานี้ เวลาที่เขาควรจะระบายความโกรธทุกอย่างใส่เธอ กับความอึดอัดกดดันทั้งหมดที่เธอให้กับเขามาตลอดตั้งแต่วันแรกที่รู้จัก
   “เจน ตกลงจะซ้อมอีกไหม" เสียงของฝ่ายเทคนิคตะโกนมา ปลุกเหล่าคนหลังเวทีให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง เจนจิราเบนหน้าหนีไปเล็กน้อย
   “ไม่ซ้อมแล้ว" เธอพูดเรียบๆ "รันตามตารางไปนั่นแหละ ไม่ต้องรันทรูแล้ว ซ้อมแค่ MC กับ แฟชั่นโชว์ก็พอ"
   เธอหันกลับมามองนัทที่หน้าซีดเผือด
   “ไปพักซะสิ เหนื่อยนักไม่ใช่เหรอ"
   เจนทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเดินหายไปยังห้องรับรอง ฝนเดินตามเธอไป ขณะที่มาร์ดรีบเข้าไปโอบไหล่นัทเอาไว้ทันที
   สมองของเขาไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว.........
   มีแต่ภาพของกายอยู่เต็มไปหมดในหัวของเขา......
   มันถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวดที่เขาแทบยืนไม่ไหว
   เรื่องทั้งหมดนี้ทำให้เขาหายใจแทบไม่ได้แล้ว........

   …..“และก็มาถึงแล้วค่ะ กับรางวัลที่ทุกคนรอคอย กับการ Cooperate Identity ในสาขาโลกสีเขียวกับโทรศัทพ์มือถือรักษ์โลก Studio หรือ Creative Group ไหนกันที่จะคว้าที่หนึ่งไป ไปชมวีทีอาร์กันได้เลยค่ะ"
   เสียงกรีดร้องดังขึ้นทันทีเมื่อภาพของกายสิทธิ์ฉายขึ้นบนหน้าจอ เป็นภาพกายสิทธิ์กำลังกดชัตเตอร์ที่สตูดิโอ 1 ของ Lovable ที่กำลังถ่ายเจนจิราและมาร์คคู่กัน และตัดมาเป็นภาพสาที่กำลังถ่ายรูปนัทและฝน เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกเมื่อเป็นเซ็ทภาพที่เปลือยของฝ่ายหญิงและชาย ก่อนจะตัดเป็นตัวอักษร
The Winner
   “ใช่แล้วค่ะ ที่หนึ่งของเราก็คือชุด Nature Wild Call จาก Lovable Studio ค่ะ"
   สิ้นเสียงประกาศของแอน เพลง แสง สี เสียงก็ถูกเปิดขึ้น ควันบนเวทีเปิดเป่าเผยหญิงสาวในชุดเลื่อมพรายสีเขียวก้าวเดินขึ้นมาบน Cat Walk อย่าสง่าสงาม เจนจิรา เดินอย่างสวยงามออกมารับแสงแฟลชและเสียงปรบมือด้านล่าง เธอหมุนตัวอย่างมืออาชีพก่อนจะหันหลังกลับไป ปรากฎร่างชายหนุ่มที่ถลาเข้ามาโอบกอดเธอไว้และเอนตัวเธอลงตามจังหวะเพลง และยื่นหน้าเข้าไปไกล้เธอราวกับจะจูมพิตและดึงเอาวิญญาณสัตว์ร้ายในตัวเธอออกมา มาร์คแสดงท่าทีของสัตว์ร้ายได้อย่างมีศิลปะ ก่อนจะหมุนตัวเธอและมอบของขวัญให้กับเธอ เป็นโทรศัพท์มือถือ
   ทันใดนั้น แสงสีขาวก็สว่างวาบที่ด้านล่างของเวที หญิงสาวว่ายน้ำวนเวียนอยู่ในสระ ไฟฟอลโล่ไล่ตามตัวเธอที่สวมชุดว่ายน้ำและคลุมตัวไว้ด้วยผ้าขาวบางยาว เธอก้าวขึ้นจากสระว่ายน้ำด้วยความเซ็กซี่และบริสุทธิ์ ลิงป่าวัยเยาว์ วิ่วนไปรอบๆอย่างเก้อเขิน ก่อนจะโหมตัวเข้าหาหญิงสาวคนนั้น ก่อนจะลูบไล้เธออย่างนิ่มนวล นัท ไล้ใบหน้าไปตามลำตัวของฝน พยายามปลดปล่อยอสายน้ำแห่งธรรมชาติในตัวของเธอให้ออกมา ก่อนจะเลิกผ้าขาวบางออก เผยให้เห็นเรือนร่างอันงดงามของฝน นัทจับเข้าที่เอวของเธอและดึงเข้ามาชิดตัว พลางยื่นหน้าเข้าไปหาเธอ ราวกับจะจุมพิตกัน ทันใดนั้น ฝนก็ปกป้องริมฝีปากเธอเอาไว้ด้วยโทรศัพท์มือถือก่อนทั้งคู่จะหันมาหาคนดูที่กำลังลั่นชัตเตอร์และปรบมือพร้อมเสียงฮือฮากับโชว์สุดวาบหวิวที่เน้นศิลปะไว้ได้อย่างลงตัว นัทและฝนก้าวขึ้นบนเวทีเพื่อรับรางวัลทันที พร้อมกับยืนเคียงข้างเจนและมาร์ค โดยที่มีสาและมิกเดินตามขึ้นมาปิดท้าย
   “โอ้โห สุดยอดไปเลยกับรางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่งของค่ำคืนนี้ ขอเสียงปรบมือให้กับ Nature Wild Call by Lovable Studio อีกครั้งครับ"
   ทั้งสี่ก้มหัวลงทันทีเป็นการขอบคุณ นัทยิ้มกว้าพลางชูโล่รางวัลอย่างยินดี
   “เป็นไงครับคุณเจน กับการประสบความสำเร็จครั้งนี้" MC ชายยืานไมค์เข้าหาเจนก่อน ขณะที่เธอยิ้มกว้างอย่างเหนียมอาย
   “นี่ๆ คุณเอก เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวโดนสาปนะ"
   “แหมคุณแอนก็ ผมเป็นแฟนตัวยงของคุณเจนจิราเค้า ติดตามผลงานมาตลอดต่างหากเล่า"
   “ขอบคุณมากค่ะ" เจนตอบเบาๆ "ค่ะก็ เจนเองก็ดีใจค่ะที่ได้เป็นส่วนเล็กๆของงานนี้นะคะ จริงๆแล้วก็ มาจากการชวนกันของเพื่อนมากกว่าค่ะ เลยได้มีโอกาศมาร่วมงานกับทาง Lovable Studio กับ คอนเซ็ปท์นี้
   “เพื่อนนี่ใช่พ่อมดหรือเปล่าคับเนี่ย"
   เสียงโห่แซวดังขึ้นอีกเมื่อ MC ฝ่ายชายถามขึ้น
   “นี่คุณเอก ถามคนนี้ดีกว่า คุณณัทนนท์ คุณสาวิตรีแล้วก็คุณอัครพนธ์ เจ้าของผลงานค่ะ สามคนนี้เป็นตัวเอกที่สตูดิโอแอนเลยนะ ถือว่าเป็นดีไซน์เนอร์้องใหม่ไฟแรงของวงการเลยนะจะบอกให้คุณเอก เป็นไงคะ กับงานชิ้นนี้ที่ได้ร่วมงานกับระดับตำนานอย่างคุณกายสิทธิ์แล้วก็คุณเจนจิรา"
   “ครับก็เอ่อ....เราสามคนดีใจครับ ที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับคนเก่งๆอย่างคุณเจนแล้วก็คุณกายครับ"
   “เอาจริงๆแล้ว ต้องพูดว่า เจนกับกาย เป็นแค่คนช่วยมากกว่าค่ะ" เจนจิราพูดแทรกขึ้นมาทันที "เพราะว่าจริงๆแล้วไอเดียงานทั้งหมดเนี่ย เป็นความคิดสร้างสรรค์ของเด็กใหม่สามคนนี้ทั้งนั้นเลยค่ะ"
   “โห มีพูดให้เครดิตกันอย่างนี้ แสดงว่าราวัลที่หนึ่งนี่ ไม่ใช่แค่ในนามซะแล้วคุณแอน"
   “แหมก็แน่นอนสิคะ งาน BAD Award ก็ต้องคัดเลือกแต่งานที่มีคุณภาพอยู่แล้วค่ะคุณเอก ใช่ไหมคะคุณนัท"
   “ครับก็ ขอบคุณคุณเจนมากเลยครับ ก็พวกผมสามคนก็ตั้งใจทำงานนี้กันสุดๆเลยครับก็เหนื่อยกันมาร่วมสามเดือนก็ดีใจที่ ในที่สุด สิ่งที่พวกเราทั้งสามคน รวมทั้งคุณกาย คุณเจนที่มาร่วมกันสร้างงานดีไซน์นี้ให้สำเร็จขึ้นมา แล้วก็ยังได้มาร์ค ที่แว้บมาเป็นนายแบบให้แล้วก็คุณฝนอีกคนหนึ่งด้วยครับ ดีใจครับที่สำเร็จซะที"
   “แล้วตอนนี้นี่หลายๆคนก็คงสงสัยกันนะครับ ว่าคุณกายสิทธิ์ไปไหนซะล่ะครับ"
   “เอ่อ....ใครจะเป็นคนตอบดี"
   “กายเค้าติดธุระน่ะค่ะ" เจนตอบทันทีพลางส่งสัญญาณให้ MC
   “อ๋อครับ น่าเสียดายที่พ่อมดที่ทุกคนรอคอยไม่อยู่นะครับ ถ้างั้นแล้วเนี่ย ผมก็คงมีโอกาสใช่ไหมครับคุณเจน ผมคงไม่ถูกสาปเป็นกบแล้วใช่ไหมครับ"
   “นี่นี่ ได้ทีก็เอาเลยนะคะคุณเอก เกรงใจคุณเจนเค้าหน่อยค่ะแหมๆ งั้นก็เดี๋ยวเราให้ทั้งทีมได้ลงไปถ่ายรูปกับเพื่อนๆพี่ๆข้างล่างกันดีกว่า กิจกรรมบนเวทีของเราก็คงหมดลงแต่เพียงเท่านี้แล้วกันเนอะ เดี๋ยวเราลงไปเยี่ยมตามบูทต่างๆกันดีกว่านะคุณเอก
   "ใช่แล้วครับผม"
   "ยังไงก็ขอเสียงปรบมืออีกครั้งให้กับผลงานชนะเลิศสาขาสุดท้ายของเรากับ Lovable Studio ค่ะ".......


   ….. “งั้นผมขอถามนายเป็นข้อสุดท้าย" เสียงของมิกดังขึ้นแหวกความเงียบขึ้นมาหลังจากเงียบไปนาน ชายหนุ่มยืนมองออกไปจากหน้าต่างคนไข้ ขณะที่กายก้มหน้าลงกับเตียงนิ่ง
   “นายจะแก้ปัญหานี้ยังไง" มิกถาม กายหลับตาลงทันที
   “ฉันไม่แก้" กายตอบทันทีราวกับไม่ต้องคิด มิกหันหลังมาหากายทันที
   “เพราะอะไร" มิกถามต่อ
   “เพราะฉันไม่ใช่นาย" กายตอบพลางเหล่มองมิกที่กำลังจ้องเขาเขม็ง
   “อะไรนะ"
   “ฉันไม่ใช่คนที่จะพยายามจัดการอะไรทุกอย่างให้จบลงด้วยตัวเอง เหมือนอย่างที่นายทำ" กายตอบ "มันง่ายไป"
   “นี่นายจะไม่รับผิดชอบงั้นเหรอ นายรู้หรือเปล่า ว่าไอ้นัทมันเสียใจแค่ไหน มันต้องเจอกับอะไรบ้างที่นายสร้งเอาไว้" มิกว่า "ฉันจะไม่ยอมให้มันคุกเข่าขอร้องนายหรอกนะ ถึงนายจะเป็นพ่อมดที่คนอื่นๆเขานับถือกัน แต่สำหรับฉัน ถ้านายทำให้นัทต้องเสียใจ ฉันจะสาปนายกับมือฉันเอง"
   “แล้วนายจะถามฉันทำไม เรื่องฉันกับเจน" กายถามอย่าสงบนิ่ง "ถ้าสุดท้ายแล้วนายก็ยังไม่ไว้ใจฉัน"
   “ใครจะไว้ใจนายวะกาย พ่อมดที่เจ้าชู้จนคนเค้ารู้กันทั่วอย่างนาย ไม่เคยสนใจหรอกว่าใครจะเจ็บเพราะนายบ้าง" มิกว่า "นายมันก็รักสนุกไปวันๆ ไม่น่าล่ะ นายถึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไร"
   กายเหลือบตาขึ้นมองมิกอย่างประเมิณค่า
   “ว่าผมพอหรือยัง" กายถามอย่างสุภาพ
   “จนกว่าฉันจะได้รับคำยืนยันว่า นายจะไม่ทำให้ไอ้นัทต้องเจ็บ" มิกว่า
   “งั้นผมไม่ยืนยัน" กายตอบ มิกกัดฟันทันที
   “ดี งั้นเราคงได้เห็นดีกันกาย" มิกสาวเท้าไปยังประตูทันที "ไม่นึกเลยนะ ว่านายจะเห็นแก่ตัวแบบนี้"
   “นายต่างหากที่เห็นแก่ตัวมิก" กายพูดพลางหันไปยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้มิก "นายคิดจะมีความรักโดยไม่ยอมให้ตัวเองเจ็บเลยน่ะ มันเห็นแก่ตัวมากนะ"
   “พูดบ้าอะไรของนายอีกวะ" มิกร้อง
   “นายกำลังจะพิสูจน์อะไร พิสูจน์ว่าจะมีพระเอกซักคนที่จะดูแลคนที่นายรักแทนนายได้งั้นเหรอ" กายว่า "มันไม่มีพระเอกคนนั้นหรอก ยิ่งเป็นผม ผมก็ไม่ใช่"
   มิกมองหายนิ่ง
   “ผมจริงใจกับนัท แต่ผมยืนยันไม่ได้ ว่าผมจะไม่ทำให้นัทต้องเจ็บ ชีวิตคนมันไม่ใช่งานดีไซน์นี่ เราถึงจะกำหนดอะไรมันก็ได้" กายว่า "ซึ่งที่จริงแล้ว ก็ไม่มีดีไซน์ไหนในโลกที่สมบูรณ์แบบด้วยซ้ำ ผมไม่สนว่าหากนายจะมองว่าผมไม่รับผิดชอบสิ่งต่างๆที่ผมทำขึ้น แต่ผมจะจะบอกอย่างลูกผู้ชายถึงลูกผู้ชายมิก
   นัทเป็นคนแรกที่ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไป เขาเป็นคนพิเศษสำหรับผม ผมรู้สึกกับนัทไม่ต่างไปจากที่นายเคยรู้สึก หรืออาจจะยังรู้สึกอยู่ ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้สิ่งที่ดีที่สุดที่ผมมีให้เขา ผมทำได้แค่นี้ เขาอาจจะเจ็บปวดที่ต้องแบกรับมันก็ได้ แต่นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด เท่าที่คนอย่างผม จะมีให้" กายว่า
   มิกมองกายอย่างว่างเปล่าครั้งหนึ่งก่อนจะเปิดประตูห้อง
   “งั้นผมก็จะบอกอย่างลูกผู้ชายถึงลูกผู้ชายกาย" มิกว่า "ถ้าคุณไม่ทำอะไรซักอย่างล่ะก็ คุณเสียไอ้นัทไปแน่ โชคดี"
   มิกปิดประตูห้องไป กายมองออกไปที่นอกหน้าต่าง เขาหลับตาลงช้าๆเพื่อลดความเจ็บปวดจากบาดแผล ภาพความทรงจำหวนเข้ามาในสมองของเขาอีก
   

   “ยินดีด้วยนะเจน" ชายหนุ่มหอบเอาดอกไม้ช่อใหญ่มาให้กลางฟินาเล่ของแฟชั่นโชว์สุดตระกานตากลางแฟชั่นวีค หญิงสาวที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้คนปลีกตัวอกมาพลางโผกอดชายหนุ่มอย่างปลื้มปิติ
   “เจนทำสำเร็จแล้วกาย" เธอยิ้มกว้างพลางรับดอกไม้ "มันสวยมากๆเลยนะ แหม ทีตอนคบกันล่ะก็ ไม่เห็นช่อใหญ่เท่านี้เลย"
   “อ่านะ" ชายหนุ่มพูดแก้เขิน "แล้วนี่ ดังแบบนี้แล้ว จะยังกลับเมืองไทยพร้อมกันอยู่หรือเปล่าล่ะ"
   “เอ้อ เกือบลืมไปเลยที่รัก เจนจะบอกว่า โวร์คของฝรั่งเศส ติดต่อให้เจนลองไปสัมภาษณ์งานเป็นจูเนียร์สไตลิส เจนว่าจะลองไปดู อาจจะทำให้เจนไปได้ไกลกว่านี้อีกนะ" เธอยิ้มให้ชายหนุ่ม พลางโอบกอดชายหนุ่มอยู่ตรงนั้น โดยไม่รู้เลยว่า เธอกำลังถอยห่างชายหนุ่มออกไปทุกที
   “ไม่กลับพร้อมผมแล้วใช่ไหม" ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเสร้าหมอง
   “ไม่เอาน่ากาย กายเองกลับเมืองไทยคราวนี้ คนต้อนรับเยอะแยะเหอะ เจนอยู่ได้ อีกสองอาทิตย์คุณแม่ก็จะบินมาอยู่เป็นเพื่อนแล้วค่ะ" หญิงสาวยิ้มให้อย่างจริงใจ ชายหนุ่มก้มหน้าลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มกว้างให้เธอ
   “ผมดีใจกับคุณด้วยจริงๆนะ" เขาพูดพร้อมรอยยิ้มที่ฝืนเต็มทน
   “ขอบใจกายมากค่ะ แล้วเดี๋ยวก็คงเจอกัน ซักวันนึงที่เมืองไทย" เธอยิ้มให้ "โอ๊ะ ตายแล้ว ต้องไปพบกับบรรณาธิการด้านโน้นก่อน เจนไปก่อนนะกาย เดี๋ยวเจนแว้บมาหาค่ะ เดี๋ยวจะเลี้ยงส่งกายก่อนกลับเมืองไทยค่ะ ห้ามหนีไปไหนล่ะ"
   ชายหนุ่มยิ้มให้เป็นคำตอบ ก่อนจะยืนมองหญิงสาวเดินไปตามทางของเธออีกครั้ง ชายหนุ่มก้มหน้าลงซุกอุ้มมือในกระเป๋าก่อนจะออกเดินไปจากงานแฟชั่นวีค อากาศที่หนาวเย็นของปลายเดือนกันยายนทำให้เขาหายใจลำบาก กับความปวดร้าวที่เกิดขึ้นภายในใจ ท้องถนนที่เงียบสงัดและว่างเปล่า นำพาฝีเท้าให้เดินต่อไปอย่างไร้จุดหมาย เขารู้สึกว่างเปล่า และเดียวดาย ในที่สุด การเดินทางแสนไกลที่มาเพื่อสร้างความสมบูรณ์ให้กับชีวิตและความรัก ก็จบลงตรงนี้เอง เขากำลังเดินต่อไปเพียงลำพัง
   ชายหนุ่มเลี้ยวที่หัวมุมถนน ชนเข้ากับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังรีบวิ่งโดยไม่ทันระวังตัว
   “Excuses” เด็กหนุ่มกล่าวขอโทษเป็นภาษาฝรั่งเศส ด้วยสำเหนียงที่แปลกแต่ดูคุ้นหู ชายหนุ่มหันหลังกลับไปมองร่างน้อยๆที่ซุกตัวอยู่ใต้เสื้อกันหนาวหนาเตอะ เด็กหนุ่มวิ่งไปรวมกลุ่มกับเพื่อนชายและเด็กสาวอีกคนที่อีกฝั่งหนึ่งของถนน ก่อนจะหายเข้าไปในห้องกระจกที่ดูเหมือนเป็นแกลลอรี่ขนาดย่อมที่คงเช่าซื้อชั่วคราวเพื่อจัดงาน
   ชายหนุ่มเดินตามเข้าไปตามแสงไฟและกลิ่นอายของงานศิลป์ที่เหมือนจะเชื้อเชิญให้เขาได้ระบายความเจ็บปวดให้ผ่อนคลายลงไป พนักงานต้อนรับกล่าวทักทายก่อนจะยื่นโปรชัวร์ให้กับชายหนุ่ม ฝีเท้าเดินนำไปตามภาพถ่ายแนว Abstract ที่จัดวางไว้อย่างมีความนัยน์ แสงสีจากดวงไฟที่จัดอยู่นำทางไปสู่ Main Painting ส่วนกลาง หนุ่มน้อยที่เดินชนเขาเมื่อครู่ กำลังยืนอยู่เคียงข้างเพื่อนสาวและชายหนุ่มอีกคน และยิ้มกว้างอย่างยินดี ก่อนจะได้รับการถ่ายรูปและพากันเชิญแขกคนต่างๆเดินดูรอบๆแกลอรี่ ชายหนุ่มอาศัยจังหวะที่ปราศจากผู้คนเดินเข้าไปชมผลงานชิ้นเอกของแกลอรี่นี้
   ภาพของถนนที่ถูกตีขนานกันไปคนละทาง กับแสงสีที่วุ่นวาย ที่ถูกทาป้ายให้ดูคล้ายหมือนกับคนมากมายที่เดินขวักไขว่อยู่ในแสงสีนั้น ภาพวาดส่งความหมายอันแปลกประหลาดให้กับชายหนุ่ม ราวกับประจกสะท้อนที่ดึงเอาความเหงาที่อยู่ลึกที่สุดของจิตใจออกมา นัยน์ตาที่คมคายประกายไปด้วยน้ำใสๆ ชายหนุ่มกำมือแน่นก่อนจะหลับตาลง เพื่อควบคุมอามรมณ์ตัวเอง ก่อนจะมองอ่านชื่อภาพและชื่อผู้เป็นเจ้าของ

Nuttanon P.
Loveless Society


   ชายหนุ่งตั้งความหวังใหม่เกิดขึ้นในจิตใจ การเดินทางครั้งใหม่นี้ มีอะไรให้เขาได้เริ่มต้นค้นหาครั้งใหม่แล้ว เหมือนว่าชีวิตที่หนาวเน็บและมืดมิดของชายหนุ่ม มีแสงสว่างที่ทาดทอลงมาอีกครั้ง ล้วงเข้าไปในกระเป๋า และจดชื่อเหล่านั้นไว้ด้วยตัวบรรจง ก่อนจะเดินออกไปยังถนนที่เงียบเหงาตามเดิม.

…......
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-10-2011 03:45:06 โดย M2M_Jill »

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ yoyo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
อร๊ากกกกกกกกกกกก
หงุดหงิดๆ  อ่านแล้วเฟลเลย :sad4:

กายไม่ทำอะไรเลย  ไม่แปลกที่นัทจะเขว
สงสารนัทจัง  ทำไมกายโง่ขนาดนี้
ที่นัทเสียใจไม่ใช่เพราะยัยเจน  แต่เป็นกายที่ไม่ยอมอยู่ข้างนัทต่างหาก
ผช. แบบนี้คบไปก็เจ็บว่ะ  ถ้าไม่ยอมเปลี่ยนตัวเองคงต้องเลิกกันแน่ๆ
นัทส่งข้อความไปหาตอนห่างกันนี่ถือว่านัทกล้ามากแล้วนะ  ไอ้คุณกายแม่งป๊อดจริงๆ
ไม่ยอมทำอะไรเอง  เจ็บเอง  แถมยังไม่สู้ด้วย โห้ยยย เกลียดมัน
ขนาดมิกมาเตือนยังแม่งมัวเก็กอยู่ในกระดองอีก  แม่มม

ปล.พึ่งมาอ่านจ้า //ชูป้ายนัทแฟนคลับ :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






debubly

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 26 Separate Way

   “เดี๋ยวเคลียร์ด้านหลังเวทีให้เรียบร้อยแลยนะ ให้สต๊าฟทุกคนเดินเข้าสู่ช่วงเก็บงานเลย อะไรเก็บได้ก็เก็บ คนในงาน B.A.D Night ก็คงปาร์ตี้กันถึงประมาณตีสอง แล้วเดี๋ยวเตรียมขนย้ายตอนหกโมงเช้านะ จะมีรถใหญ่มารับตอนหกโมงครึ่ง" เจนจิราออกคำสั่งให้กับหัวหน้าสต๊าฟที่พยายามเงี่ยหูฟังเธอ เนื่องจากเสียงดนตรีที่กำลังดังกึกก้องอยู่ "ส่วนพวกเรา"
   เธอหันกลับมาหานัท สา และมิกที่กำลังง่วนอยู่กับการค่อยๆเช็ดตัวนัทให้สีเขียวหลุดออกไปจากตัว ทั้งสามหันมามองเธอ เพื่อรอฟังคำสั่งต่อไป
   “ก็เดี๋ยวออกไปจากด้านหลังเวทีแล้วก็ไปพบกับคนอื่นๆในงานเลยก็ได้ค่ะ แล้วน้องผู้ชายอีกคนที่เป็นลูกมือพวกคุณสามคนล่ะ" เจนถามอีก
   “เขาเป็นแค่เด็กฝึกงานที่ Studio ผมก็เลยไม่ได้ให้เขาขึ้นเวที เขายืนเฝ้าบูทอยู่ในงาน" มิกตอบเธอ "เด็กคนนั้นชื่อเอิร์ธ"
   “ค่ะ ตอนที่พวกคุณออกไปทักทายกับดีไซน์เนอร์ในงาน ก็น่าจะพาเขาไปด้วยนะคะ อย่างน้อย น้องเค้าก็เป็นทีมเดียวกับเรา.......ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะฝน" เจนจิราว่า ก่อนจะเดินออกจากหลังเวทีไปพร้อมกับเพื่อนของเธอ
   “เดี๋ยวสิคุณ" นัทคว้าแขนเจนจิราเอาไว้ เธอหันกลับมาหาเขา "แล้ว....”
   “ฉันรู้ว่าคุณจะถามอะไรคุณนัท" เจนว่าเสียงเข้ม "ฉันไม่รู้......ฉันแค่มาทำหน้าที่แทนเขา ทำตามหน้าที่เท่านั้น เรื่องอื่น ฉันไม่เคยทำแทนเค้า"
   เธอจับมือของนัทลง
   "คุณไม่ต้องไปหาเขาหรอก" เจนจิราว่า นัทมองเธออย่างตกตะลึง ราวกับว่าเธออ่านใจเขาออกทุกอย่าง "ฉันเชื่อว่าเขาอยากให้คุณอยู่ที่นี่ อยู่กับความสำเร็จ ที่เขาพยายามนักหนาที่จะมอบให้คุณ คุณต้องอยู่ที่นี่จนกว่างานจะเลิก เข้าใจไหมคะ"
   เธอว่าก่อนจะเดินจากไป
   “คุณเจน" นัทเรียกอีกครั้ง "เราคงมีอะไรต้องคุยกันหลังจากนี้นะครับ"
   หญิงสาวนิ่งสนิทอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินจากไป มิกและสาเดินมาประกบข้างตัวของนัทที่ตอนนี้ ร่างกายของเขาแทบหมดแรงแล้ว
   “นายยังไหวอยู่ใช่ไหม" สาถามพลางมองหน้าเพื่อนรัก "จะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อเลยหรือเปล่า"
   “นี่กี่โมงแล้ว" นัทถามเบาๆ
   “ห้าทุ่มมั้ง ประมาณนั้นแหละ" สาตอบ
   “เอาเสื้อคลุมมาให้ทีดิมิก อยู่ตรงนั้นอ่ะ นั่นแหละ" นัทว่า ขณะที่มิกเดินไปหยิบให้ "ฉันอยู่ยาวไปเลยดีกว่า อีกแป้บเดียวเอง งานก็เลิกแล้ว"
   “แน่ใจนะ ว่าจะอยู่ในสภาพแบบนี้น่ะ" สา่าพลางมองไปทั่วตัวของนัท ที่เรือนร่างอันสมส่วนที่มีเพียงกางเกงในตัวจิ๋วปกปิด และคลุมทับด้วยผ้าคลุมอาบน้ำ
   “เด่นดีออก" นัทพูดพลางอมยิ้มน้อยๆให้สาและมิก
   “งั้นเอ่อ ฉันกับมาร์ค เราจะ......”
   “อืม ไปเหอะ เดี๋ยวฉันตามออกไปในงาน" สาว่าพลางยิ้มเฝื่อนๆ
   “จริงๆนะแก ถ้าแกไม่..."
   “ไปดิ๊ แฟนแกมีคนรอสัมภาษณ์อยู่แน่ ไปเปิดตัวได้แล้วไป" นัทยิ้มให้เธอ สายิ้มให้นัทอย่างเข้าใจดี ก่อนจะเดินออกไปหามาร์คที่ด้ายข้างของเวที ก่อนจะหายออกไปพร้อมแสงแฟลชที่ราวกับรอต้อนรับทั้งคู่อยู่
   มิกเดินเข้ามาหานัทช้าๆ ก่อนจะดึงนัทมากอดเอาไว้ นัทกอดมิกแน่นก่อนจะหลับตา เป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นเหลือเกิน มิกให้เขาแบบนี้มาเสมอ แม้ว่านัทจะแอบร้สึกได้เล็กๆว่า มันไม่เหมือนเดิมไปแล้ว ก่อนผละออกจากันในที่สุด
   “เดี๋ยวนี้เหลือแค่กอดแล้วนะ อย่าว่ากันล่ะ" มิกขยี้หัวนัทเบาๆ
   “ไม่เคยขออย่างอื่นมากกว่านี้เลยเหอะ" นัทตอบพลางยิ้มแห้งๆ
   “ขอย้ำอะไรหน่อยดิ รู้ว่าแกคงเบื่อที่จะฟัง แต่....." มิกพูดพลางลูบใบหน้าของนัทอย่างคุ้นเคย เขาไม่ปฏิเสธเลยซักนิด ว่าเขายังคงเป็นห่วงนัทเหมือนเดิม "ถ้าเกิดแกไม่สบายใจ หรือทนไม่ไหว กับเอ่อ....หมอนั่น....มันก็คงเหลือเรื่องเดียวนั่นแหละจริงมะ ก็.....บอกฉัน โทรมาหาฉัน ฉันจะไปหาแกทันที เร็วกว่าที่แกจะคิดถึงอีกนะนัท"
   “จะขอไปไหนแล้วล่ะสิ" นัทถามกลับอยากรู้ดีพลางยิ้มกว้างให้มิก
   “หึหึ" มิกหัวเราะในลำคอ ขณะที่มิกก้มหน้าลง "ก็ไม่ได้ไกลไปจากที่ที่นายยืนอยู่หรอก"
   “งั้นก็ไปเหอะ" นัทว่า พลางตบไหล่เพื่อนรัก "ขอบใจมากมิก นายเป็นเอ่อ....คนที่ดีที่สุด ที่ฉันเคยมีเลยว่ะ"
   มิกยักไหล่เอาเท่ห์ก่อนจะเดินออกจากนัทไปอีกด้านของเวที นัทส่ายหน้าอย่างรู้ดีว่ามิกเริ่มติดมันมาจากใคร
   “อย่างว่าแหละ ก็น้องมันเด็กกว่าอ่ะนะ" นัทตะโกนไล่หลังไป มิกชูนิ้วกลางให้นัทเป็นการอำลา นัทหัวเราะเบาๆ     นัทยอมรับว่ามันยากมากที่ควบคุมสติของตัวเองตอนนี้ ดูเหมือนว่าสมาธิในการทำงานทั้งหมดจะหมดไปกับโชว์ที่สุดประทับใจที่พึ่งผ่านมา เขาเป็นห่วงกายมากเหลือเกินตอนนี้ ในขณะที่เขายังต้องอยู่ อยู่ตรงนี้เพื่อให้งานที่ราวกับจัดฉากขึ้นเพื่อเขา จบลง
   นัทหายใจเข้าลึกๆ เมื่อมองออกไปยังฝูงลนที่ยืนเบียดเสียดกันด้านข้างเวที ทันทีที่เขาก้าวเท้าออกไป เขากำลังจะได้รับรู้ถึงโลกที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แต่ในหัวใจของเขากลับว่างเปล่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
   “อ้าเจ้านัท มายืนทำไรอยู่ตรงนั้น" เสียงทุ้มใหญ่กวักใือเรียกเขาจากมุมมุมหนึ่ง นัทปั้นหน้ายิ้มไปหา
   “ไม่มีไรครับบอส ผมแค่....”
   “มานี่เร็ว มีคนเค้าอยากรู้จักนายน่ะ มานี่เร็วๆ....เจ้าเก่ง นี่ไงลูกน้องข้า" บอสเรียกนัทที่ตัดสินใจก้าวเดินออกจากดานหลังเวทีอย่างอึดอัดใจ
   กายจะรู้ไหมนะ ว่าโลกที่เขามอบให้นัท มันทรมาณแค่ไหนกัน....

   แสงสีเสียงยามราตรี เปิดไปอย่างรื่นเริง ขณะที่ นัท มิก สา มาร์ค เอิร์ธและเจนจิรา เดินไปรอบๆงานเพื่อทำความรู้จักกับบรรดาดีไซน์เนอร์ ช่างภาพ นายแบบ นางแบบ สไตลลิสต์และอาร์ทติส ที่ต่างรายล้อมขอชนแก้ว จับมือ หอม แก้ม และของนามบัตรของทั้งหก อย่างไม่หยุดหย่อน สร้างความปลื้มปิติให้กับเจ้าของ Lovable Studio เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ นัท มิก และสา ที่กลายเป็นดาวเด่นไปในชั่วข้ามคืน มี Studio ไม่ต่ำกว่า 20 แห่งที่ทั้งสามต้องทำความรู้จัก และสามในสี่ต้องการทั้งสามไปรับจ๊อบพิเศษและรวมถึงการไปอีเว้นท์ในต่างประเทศอีกด้วย ในขณะที่เอิร์ธเองที่เป็นเพียงเด็กฝึกงาน ก็สำราญไปกับเหล่าสาวๆที่ไม่เพียงชื่นชมในผลงาน ยังชื่นชมไปในหน้าตาที่หล่อเหล่าโดดเด่นของเด็กมหาลัยที่กลายเป็นดาวเด่นพ่วงไปด้วย ถึงกับทำเอามาร์คหมองลงไปได้เลย ในขณะที่มิกก็ตามประกบเอิร์ธอย่างไม่ให้คลาดสายตา โดยที่เอิร์ธเองก็ดูเหมือนจะสนุกที่เห็นมิกทำท่าเหมือนจะต้องมีคนรู้จักอยู่ในกลุ่มที่เอิร์ธกำลังถูกห้อมล้อมไปซะทุกวง เด็กหนุ่มยิ้มที่มุมปากก่อนจะหาจังหวะเบี่ยงตัวออกมาเดินอยู่ใกล้ๆมิก
   “พี่หึงผมเหรอ" เอิร์ธกระซิบถามเบาๆ ขณะที่มิกหันควับมามอง
   “หึงไร พูดไปเรื่อย" มิกว่าพลางขมวดคิ้ว
   “หึหึ" เอิร์ธว่า ก่อนจะเงียบไปพักนึง "งั้นจะว่าไรป่ะ ถ้าเกิดคืนนี้ผมไม่ได้กลับบ้านอ่ะ"
   “จะไปไหน" มิกถามเสียงเข็ง เอิร์ธเลิกคิ้วมองหน้ามิก
   “พี่จะสนใจไมอ่ะ พี่ไม่ได้หึงผมไม่ใช่เหรอ"
   เด็กหนุ่มยียวนมิกก่อนจะหายไปในกลุ่มของสาวๆที่กรี๊ดต้อนรับ มิกตามไปไม่ทันเมื่อตัวเองถูกดึงเขนเอาไว้ด้วยใครบางคน
   “ครับ ครับ หวัดดีครับ เอ่อ ขอบคุณครับที่....”
   “มิก มิกป่ะ มิก" เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งเรียกมิกให้ละสายตาจากเอิร์ธมามองเธอ มิกเงียบไปพักนึงเมื่อเห็นใบหน้าที่เขาไม่ได้เจอมาร่วมสามปี
   “ฟ้า" มิกร้อง หญิงสาวเจ้าของชื่อพยักหน้า "นี่ฟ้าจริงเหรอเนี่ย เห้ย แม่ง..."
   “คิดถึงนะมิก" หญิงสาวที่ชื่อฟ้า กระโจนเข้ากอดมิกกลางงานทันที มิกที่กำลังอยู่ในภาวะอึ้งตั้งสติได้ครู่หนึ่งจึงกอดตอบ
   “เป็นไงบ้างเนี่ย ไม่ได้เจอตั้งนาน จะสี่ปีแล้วมั้งเนี่ย ใช่ป่ะ" มิกยิงคำถามใส่เสียงดังด้วยความดีใจ
   “ใช่ คงงั้นอ่ะ แหม ดังใหญ่แล้วมิก ดีใจด้วยนะ" เธอจับมือมิกเขย่า
   “แล้วไปไงมาไงเนี่ย ถึงมาอยู่นี่ได้อ่ะ" มิกถามต่อ
   “ฉันเป็นเพนเตอร์อยู่ที่ Virtual Art วันนี้เอางานมา Exhibition ตอนแรกก็ว่าทิ้งงานไว้ แต่ไปๆมาๆก็เลยอยู่จนประกาศรางวัลเสร็จ ก็ว่าอยู่ว่าต้องเป็นนายมิก เห้ยดีใจด้วยว่ะแก" เธอพูดด้วยความปีติ
   “อือ ขอบใจมาก เห้ย ไม่ได้การและ อย่างนี้มันต้องฉลองหน่อย เจอนัท กับสาหรือยัง" มิกว่า เธอส่ายหน้า "อืม แต่ไม่รู้ว่ามันสองคนจะว่างป่าวคืนนี้ คืนนี้ไปต่อกันได้ป่ะฟ้า คิดถึงแกว่ะ มีเรื่องต้องคุยกันยาวอ่ะ"
   “จะดีเหรอ แล้วนี่ไม่ไปฉลองกับทีมเหรอ" ฟ้าว่า
   “โห อารมณ์นี้ กระจัดกระจายไปไหนกันหมดแล้ว แต่ช่างแม่ง แกมาทั้งทีอ่ะ มันต้องฉลองเว่ย" มิกว่า ก่อจะจับมือเธอดึงออกไปจากกลางงานไปยังมุมหนึ่งสองต่อสอง ขณะที่เอิร์ธ กำลังรู้สึกร้อนผะผ่าวที่ใบหน้าอย่างบอกไม่ถูกจนทำเอาสาวๆที่รุมล้อมเขารู้สึกได้
   ฟ้า หรือรตีตา สาวอาร์ทต่างมหาลััยที่รู้จักกับมิกผ่านชมรมงานศิลป์อิสระ เธอและมิกคือเพื่อนสนิทที่เคยบุกป่าฝ่าดงไปยังดอยอันห่าไกล หลบระเบิดกลางกรุงของชุมนุมทางการเมือง หรือแม้แต่ล่องเรือออกไปยังเกาะที่ไม่มีนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างงานศิลปะให้กับชมรมเพื่อจัดแกลอรี่การกุศลตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เธอคือเพื่อนอีกคนที่เรียกได้ว่าซี้กับมิกสุดๆ อาจจะเพราะความอาร์ทที่อยู่ในหัวใจที่เหมือนกัน ทำให้มีความคิดความอ่านเหมือนๆกัน และอุดมการณ์ในงานศิลป์ที่เหมือนกัน และก็ต่อสู้เพื่อชมรมมาด้วยกันตลอดเวลาสี่ปีของชีวิตมหาลัย นัท และสา เคยพบเธออยู่บ้าง แต่ก็ไม่บ่อยนัก ทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในชมรมนี้เช่นเดียวกับมิก แต่ทั้งคู่ก็ได้ยินมิกพูดถึงฟ้าอย่างน้อยก็เดือนละครั้ง และพบกับเจ้าตัวสามเดือนครั้งโดยประมาณ แต่ตั้แต่จบการศึกษา มิกไม่ได้ข่าวคราวของเธออีกเลยเนื่องจากต้องไปฝรั่งเศส และเมื่อเขาได้งานที่ Lovable Studio ในรอบสามปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้กลับมาเจอเธออีก
   มันแย่ตรงที่ เอิร์ธ ไม่เคยรับรู้เรื่องนี้
   เสียงข้อความดังขึ้นในบีบี เด็กหนุ่มก้มลงเปิดออกอ่าน

วันนี้พี่จะออกไปข้างนอก คงไม่ได้อยู่ที่โรงแรมนะ
อาจจะกลับมาช่วยขนของตอนเช้ามืด ฝากบอกพี่สาด้วย
แล้วเจอกันนะเอิร์ธ

   เอิร์ธมองหน้าจอด้วยนัยน์ตาแข็งกร้าว ความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นในใจ เขากัดริมฝีปากเบาๆก่อนจะเก็บมือถือลงไป เอิร์ธรู้สึกเหมือนกับว่า เขาอยากต่อยหน้าพี่มิกชอบกล
…...........

   “ครับก็ ยินดีครับ" นัทรับคำกับผู้ใหญ่ท่านนึงที่เขายอมรับจริงๆว่าลืมชื่อไปแล้วตอนที่ทักทายกันตอนแรก ตอนนี้เขาอยู่ที่โต๊ะของ Studio แห่งหนึ่งที่ผู้คร่ำหวอดในวงการหลายๆคนกำลังทาบทามเขาให้ไปเป็นฟีแลนท์รับงานพิเศษ
   “ก็ผมมีสัญญากับบอสอยู่น่ะครับ ก็เลยอาจจะ....”
   “ไม่เป็นไรน้องนัท ไอ้พัฒน์น่ะเพื่อนกัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า" ดีไซน์เนอร์วัยกลางคนตบไหล่นัทเบาๆ "ว่าแต่เป็นไงบ้างที่ได้ทำงานกับกายสิทธิ์น่ะ ข่าวลือที่ว่าหมอนี่เจ้าเล่ห์ เจ้าชู้ หญิงตอมตรึมน่ะจริงเปล่าน้องนัท"
   นัทได้ยินคำถามแนวๆนี้เป็นรอบที่สิบแล้วเห็นจะได้ เขาไม่รู้หรอกว่าสา มิก มาร์ค เอิร์ธ หรือแม้แต่เจนจิราจะได้รับคำถามเดียวกันหรือเปล่า
   “ผมกับคุณกายเป็นพาร์ทเนอร์กันเรื่องงานมากกว่าครับ" นัทตอบ "ก็คงจะจริงอย่างนั้นมั้งครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน"
   “เห้ยบอกมาเลย ไม่ต้องใจ มันไม่อยู่ไม่ใช่เหรอคืนนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า" ชายหนุ่มโอบไหล่นัท ที่ยิ้มน้อยๆพอเป็นมารยาท
   “เออ แล้วกายสิทธิ์ทำไมไม่มาล่ะ เห็นบอกๆกันว่าเดี๋ยวจะตามมางั้นเหรอคะคุณนัท" สาวช่างภาพอีกคนที่อยู่ใกล้ๆถามขึ้น
   “คุณกายมีอุบัติเหตุน่ะครับ.....เอ่อ....ผมหมายถึงมีธุระครับ ผมไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาจะมาหรือเปล่า" นัทตอบ
   “สาวๆเกือบทั้งงานรอพบตัวเขาอยู่นะเนี่ย คนอย่างกายสิทธิ์น่ะไม่น่าพลาดงานแบบนี้เลยนะที่จริงแล้ว" ชายอีกคนถามนัท ที่ฝืนยิ้มให้ แต่ทันใดนั้น นัทก็คิดอะไรออกอยู่อย่างหนึ่ง บางทีคำถามที่เขาก็แอบสงสัย คนเหล่านี้อาจจะพอตอบเขาได้อยู่บ้าง
   “แล้วพี่ๆไปรู้มาจากไหนเหรอครับว่าคุณกายน่ะเค้าเอ่อ.....” นัทพยายามยิงคำถามให้ดูเป็นกันเอง
   “โหย น้องนัท เอาเรื่องไหนล่ะคะ" สาวช่างภาพคนเดิมหัวเราะ "ก็เขาว่ากันว่านางแบบดังๆอย่าง แอนนา หรือว่า ริต้า ที่ลงปกไปเมื่อสองปีก่อนน่ะก็เด็กปั้นของกายสิทธิ์เค้า เห็นเม้าท์กันอีกว่า ตอนงาน BAD ปีที่แล้ว กายเค้าขอเป็นคนคัดนางแบบเองอีกด้วย ตอนนั้นเค้าไม่ได้ลงประกวดนี่ แค่มาทำโชว์เองมั้ง แล้วก็มีคนเห็นเค้าควงคนโน้นคนนี้ไปเที่ยวออกบ่อยน่ะ น้องนัทไม่เคยเห็นบ้างเหรอ"
   “อ่อ ไม่เลยครับ" นัทว่า "เอ่อ ผมขอตัวนะครับพี่ๆ ยังไงก็ ขอบคุณมากๆครับ"
   “จ้า....แล้วเดี๋ยวยังไงพี่ติดต่อไปนะ"
   นัทพยักหน้ารับก่อนจะปลีกตัวออกมาจากโต๊ะนั้น พลางเดินก้มหน้า พยายามไม่สบตาใคร เขาไม่อยากไปนั่งที่โต๊ะใครอีกแล้ว เขารู้สึกเหนื่อยเกินไป ข้างในใันรู้สึกโหวงทันทีเมื่อได้ยินกิตติศัพท์แบบเดิมๆที่ลงรายละเอียดมากขึ้นอีกครั้ง นัทหาทางออกไปหาที่นั่งซักมุมหนึ่งเพื่อนั่งผ่อนคลายอารมณ์ลงบ้าง
   ทันใดนั้น ร่างๆหนึ่งก็ดึงตัวเขา เข้าไปยังมุมมืดๆด้านหลังส่วนอาหาร ที่อยู่ริมผนังห้องน้ำ นัทที่ร่างกายไม่ค่อยมีแรงนัก ไม่ทันตั้งตัว จึงถูกดึงตัวมาโดยง่าย
   “คุณจะยู่ในชุดนี้อีกนานไหม" น้ำเสียงอันคุ้นหูทำให้นัทหันหลังควับมาหาทันที
   กาย อยู่ในชุดของสต๊าฟงาน ใส่เสื้อเชิ้ตสีดำปกส้ม สวมหมวกปิดลงมาตามดวงตก ที่แขนและขมับมีผ้าก๊อตปิดเอาไว้ แน่นอนว่าถ้าใครไม่รู้มาก่อนว่ากายจะต้องมางานนี้ด้วยเสื้อผ้าสุดหรู และอารมณ์ที่ร่าเริง ราวกับลงมาจากรถสปอต์คันโปรดของตัวเอง ชายหนุ่มคนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับสต๊าฟที่คงได้รับแผลเล็กน้อยจากการทำงาน และทำตัวสงบเสงี่ยมเดินไปทั่วงานเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย และอำนวยความสะดวกให้กับเหล่าดีไซน์เนอร์
   “นี่คุณทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย" นัทร้องถามทันที มันเป็นความรู้สึกที่ปนเปกันไปหมด เขาไม่รู้ว่าจะเอาเป็นห่วง ดีใจ โกรธ หรืออะไรขึ้นมาก่อนดี แต่เท่าที่ดู เหมือนว่ากายกำลังจะโกรธอยู่อย่างแน่นอน
   “ผมถามว่าคุณจะอยู่ในชุดนี้อีกนานไหม" กายพูดพลางมองไปตามเรือนร่างขอนัทที่เสื้อคลุมปกปิดร่างกายที่เหมือนไม่ได้สวมอะไร ชายหนุ่มเกาจมูกตัวเองอย่างร้อนรนพลางมองไปยังงานราวกับตรวจดูว่าจะมีใครมองมาทางนี้หรือเปล่า ซึ่งสำหรับนัทแล้ว หากใครมองมาตรงนี้ ก็คงคิดว่า นัทกำลังตำหนิสต๊าฟงานอยู่เป็นแน่
   “ทำไมไม่ไปเปลี่ยนชุด คุณอยู่มาหลายชั่วโมงแล้วนะ" กายว่าด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
   “อะไรนะ นี่คุณ คุณทำบ้าอะไรเนี่ย แล้ว ให้ตายสิ คุณออกมาจากโรงบาลได้ไงเนี่ยกาย" นัทร้องทันทีพลางมองไปทั่วตัวของกาย
   “คุณ...รู้เรื่องผมเหรอ" กายถาม
   “รู้สิ เรื่องที่คุณรถชนน่ะ เจนเป็นคนบอกผม" นัทว่า
   กายส่ายหน้าอย่างหัวเสีย
   “ผมสั่งเขาแล้วว่าอย่าให้บอกคุณ ผมบอกเค้าแล้ว" กายพูดเสียงขุ่นเคือง พลางกำหมัดอย่างหงุดหงิด
   “คุณทำอย่างนี้ทำไม ทำไมไม่เข้าไปในงาน" นัทถาม "คุณเป็นบ้าอะไรเนี่ย"
   “ผมเป็นห่วงคุณ นัท ผมขอโทษ" กายว่า "เมื่อคืน ผม ผมแค่...ผมตกใจที่เรื่องทั้งหมดนั่นทำให้คุณไม่สบายใจ ทั้งเรื่องเจน ทั้งเรื่องงาน ผมแค่......”
   “ผมไม่อยากคุยเรื่องนั้น" นัทว่าพลางจะเดินหนี แต่กายรั้งตัวเอาไว้
   “ผม ไม่ได้เป็นอะไร มันก็แค่อุบัติเหตุนิดหน่อย อย่างที่คุณบอกคนอื่นๆไปนั่นแหละ" กายว่า
   “คนอื่นๆในงานเค้าถามถึงคุณกันน่ะ คุณน่าจะเข้าไปในงานนะ จะมาทำหลบๆซ่อนๆทำไม สร้างกระแสหรือไง" นัทว่า
   “ก็เพราะว่าถ้าผมเข้าไป คุณก็คงไม่ได้รู้เข้ามาในโลกของผม รู้สึกอย่างที่ผมรู้สึก" กายว่า
   “อะไรนะ" นัทว่า กายยิ้มอย่างเศร้าหมอง
   “คนพวกนั้น พูดถึงผมว่ายังไงบ้างล่ะ" กายถามนัท น้ำเสียงนั้นทำเอานัทรู้สึกถึงบางอย่างที่แปลกออกไป กายมองออกไปยังกรุงเทพที่อยู่ไกลออกไป "ให้ผมเดาสิ...”
   นัทถอนหายใจเบาๆ
   “อย่ามางี่เง่าตอนนี้เลยคุณ มันก็เป็นงานของคุณเหมือนกัน คุณควรจะได้ไปรับคำชื่นชมจากทุกๆคนด้วยต่างหาก" นัทว่าเบาๆ
   “พวกเขาชื่นชมผมมามากพอแล้ว ผมอยากให้พวกเขาชื่นชม คุณ ต่างหาก" กายหันมามองหน้านัททันที
   กายมองนัทอย่างมีความหมาย นัทจะเข้าใจในสิ่งที่เขาพยายามบอกบ้างหรือเปล่า
   “ผมว่าคุณคงไม่สบาย ผมจะพาคุณไปพักนะ" นัทว่าอย่างหงุดหงิดด้วยความไม่เข้าใจ เขาค่อยๆประคองกายออกจากมุมมืดตรงนั้น พยายามหลบหลีกเพื่อพากายไปให้ถึงล๊อบบี้เพื่อพาไปยังห้องนอนของเขาบนโรงแรม
   “คุณนัท จะพาน้องเค้าไปไหนอ่ะคะ" เจนจิราที่เดินสวนออกมาจากล็อบบี้ทักขึ้น นัทตกใจเล็กน้อยเขาทำตัวไม่ถูกอารามตกใจ จึงได้แต่ยืนนิ่งๆมองหน้าเจนอยู่อย่างนั้น
   “ว่าไงคะ น้องเค้าเป็นอะไรเหรอ" เจนว่าอย่างสงสัย พลางเดินเข้าไปดูอาการของคนที่เธอคิดว่าเป็นเด็กสต๊าฟ
   “ม...ไม่เป็นไรเจน...ผม" เสียงดังมาจากเจ้าของร่างที่นัทประคองอยู่ เจนจิรามองหน้านัทครั้งหนึ่งด้วยสายตาตื่นตกใจ เมื่อเธอพอจะเดาได้ว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใคร เธอคว้าเข้าที่หมวกของกายและถอดออกทันที
   ใบหน้าหล่อเหลา นัยน์ตาคมกริบภายใต้ทรงผมที่ที่จัดทรงมาอย่างลวกๆเผยออกตรงหน้าเจนจิราเธออ้าปากเบาๆอย่างตกใจ
   “กาย....ไหนคุณบอกว่า.....” เจนเหมือนพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง
   “ผม....ผมขอโทษเจน....ผมทนไม่ไหวจริงๆ.......ผมทำไม่ได้เจน” กายพูดกับเจน นัทที่ยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนตั้งสติทำอะไรไม่ถูก
   “คุณนัท...คุณรีบ.......”
   “อ้าวนั่นมัน....คุณกายสิทธิ์นี่ ที่ยืนอยู่ข้างคุณเจนนั่นใช่คุณกายไหมคะ" เสียงร้องทักของนางแบบคนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลกันนักดังขึ้น เจนจิราหันไปมองหญิงสาวคนนั้นอย่างตื่นตระหนก นัทเห็นในใบหน้าที่แสนสวยนั้น มีน้ำตาคลออยู่ในดวงตา นั่นยิ่งทำให้นัทไม่เข้าใจทุกอย่างมากขึ้นไปอีก เธอหันมามองนัทครั้งหนึ่งก่อนจะส่ายหน้า
   “ใช่ค่ะ" เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เศร้าหมองขณะที่มองไปยังใบหน้าของกาย ที่มองเธอกลับด้วยสายตาเย็นชา ทันใดนั้น เจนก็ยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนหน้าเธอ ก่อนที่เสียงฮือฮาด้านหน้าของงานจะดังขึ้น กายค่อยยืดตัวเองขึ้นทันที เมื่อเสียงปรบมือดังรับเขาที่ถูกเปิดเผยตัวไปเสียแล้ว เขามองหน้าเจนครั้งหนึ่งก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือของเธอ เจนจิรากระพริบตาเพื่อควบคุมน้ำตาเบาๆขณะมองใบหน้าของกาย ทั้งคู่ส่งสายตาหากันอย่างมีความหมาย
   “ฉันบอกคุณแล้วนะ" เจนพูดกับกายเบาๆ
   กายพยักหน้ารับเธอ ก่อนจะยิ้มให้เธอเบาไ เหมือนจะสื่อว่า ผมไม่เป็นไร
   และทั้งคู่ก็กันมามองนัทเป็นสายตาเดียว
   ใช่สินะ...
   เขาเข้าใจแล้ว.....
   นี่คือสาเหตุ ที่ทำไมเขาถึงไม่ควรมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรก สียงปรบมือตอนนี้คือการต้อนรับ....
   การมาถึงของ คู่รัก ที่ควรได้รับการชื่นชมในค่ำคืนนี้.......
   นัทเข้าใจแล้ว.....
   ชายหนุ่มก้มหน้าลงทันที เขาค่อยๆปล่อยมือออกจากกาย ขณะที่เจนหันหน้าไปฉีกยิ้มกว้างต่อหน้าฝูงชนที่ปรบมือโห่ร้องอย่างให้ชื่นชม
   กายจับมือของนัทไว้ เมื่อมือของนัทกำลังจะหลุดจากเขาไป นัทมองมือคู่นั้น ขณะที่กายบีบมือของนัทไว้แน่น ราวกับไม่ต้องการให้นัทจากเขาไปไหน นัทหลับตาลงหนึ่งครั้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาหากายและยิ้มให้เขา
   “ปล่อยผมไปเถอะ" นัทพูดเบาๆ ให้กับกาย "ทุกๆคนรอคุณอยู่น่ะ"
   นัทจับมือกายออกจากมือของเขา กายถูกเจนจิราดึงตัวเอาไว้ ขณะที่นัทค่อยหันหลังและเดินจากมา เขาค่อยเดินเข้าไปในโรงแรม ขณะที่ได้ยินเสียงปรบมือและโห่ร้องดังไล่หลังมา
   “โหคุณกาย มามุกนี้เลยเหรอคะเนี่ย"
   “คุณเจน ไม่บอกพวกเราก่อนเลยนะครับว่าจะมีเซอร์ไพรส์"
   “มาแล้วพ่อมดของเรา คุณเจนมีแผนอะไรไม่บอกกันเลยนะคะ"
   เวลาของนัทหมุนกลับอย่างช้าๆ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบหน้าของเขาเบาๆ....
   เวลาที่หมุนกลับไปยังวันที่เขากับกายอยู่ด้วยกันที่ริมถนนบางขุนเทียนท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้า.....
   เวลาที่ควรจะหยุดเอาไว้ตั้งแต่วันนั้น.....
   เวลาที่เขาไม่อยากให้มันเดินมาถึงตรงนี้....
   เวลาที่จะไม่มีวันนั้นอีกแล้ว......
…...............
   

ออฟไลน์ yoyo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ใจร้ายยยย   :o12:
คนแต่งโหดมาก  เค้านึกว่าจะเจออะไรแฮปปี้แล้วนะ
ตอนนี้น้องนัทก็ปล่อยมือเองด้วย  นัทบ้า!
หมั่นไส้ยัยเจน :fire:

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 27 Nothing important happen today......

   ความเงียบสงัดเข้าปกคลุมสตูดิโอแห่งเดิมของ Lovable Studio พนักงานประจำกว่าครึ่งไม่เข้าออฟฟิศในวันถัดมาเนื่องจากบอสพิพัฒน์ยินดีที่จะให้ทุกคนหยุดพักไปหนึ่งวันในวันจันทร์ เนื่องจากต้องขนข้าวของเก็บกลับมาโรงแรมในเช้ามืดของวันนั้น ดังนั้นในวันอังคาร คนที่ไม่สามารถจะลืมตายื้อตัวเองขึ้นมาจากงานอันหนักอึ้งได้นั้น ก็คงขอลาเป็นธรรมดา เรื่องที่น่ายินดีมันไม่หมดแต่เพียงเท่านั้น เมื่อเช้าวันจันทร์โต๊ะของไบรท์ถูกเก็บกวาดอย่างสะอาดสะอ้าน พร้อมกับซองขาวหนึ่งใบวางอยู่บนโต๊ะ มิกเป็นคนพบมัน และถือวิสาสะเปิดออกอ่านทันทีโดยไม่เกรงใจ และความปื้มปิติลูกใหม่ก็สัดเข้าให้ ไบร์ทยื่นใบลาออกกับ Lovable Studio ไปแล้วด้วยเหตุผลเรื่องค่าจ้าง และดูเหมือนดีไซน์เนอร์มากฝีมือและเลื่องชื่อคนนี้จะได้รับการทาบทามติดต่อจาก Studio แห่งใหม่ที่พร้อมจะให้ค่าแรงมากกว่า มิกไม่สนใจเรื่องนั้น ในที่สุด Studio ของเขาก็กว้างขวางขึ้นอีกเท่าตัว ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่เห็นไบร์ทในงาน B.A.D Night เมื่อคืนก่อน
   เช้าวันอังคารเป็นอีกวันหนึ่งที่ออฟฟิสเงียบสงบ หน้าต่างหลายๆบานในสตูดิโอทำงานถูกเปิดเอาไว้ เนื่องจากไม่มีใครเข้ามาใช้งาน แม่บ้านจึงปิดแอร์เพื่อให้อากาศถ่ายเท เว้นไว้แต่เพียงสตูดิโอสาม ที่มีร่างหนึ่งร่างนั่งดูรูปภาพที่มีช่างภาพฝ่าย PR ส่งมาให้เขาในอีเมล์เมื่อคืนวันจันทร์ เป็นภาพที่ถ่ายเอาไว้ตลอดระยะเวลาการพักทำงานที่โณงแรมเซ็นทารา เหมือนว่าแอนและฝ้ายฝ่าย PR จะรวบรวมรูปภาพจากล้องทุกกล้องของทุกคนมารวมไว้ได้สำเร็จ เพราะนัท เห็นรูปสาบางรูปในนั้นด้วย
   ชายหนุ่มนั่งมองรูปไปเรื่อยๆอย่างเหม่อลอย ไม่มีงานใดใดที่ต้องทำมากนัก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเข้าออฟฟิศมาทำไม ขณะที่ทุกคนคงกำลังกลิ้งไปมาบนเตียงอันหนานุ่มของตัวเอง นัทส่งอีเมล์ตอบรับการเชิญไปรับงานนอกที่ค่อยทยอยส่งเข้ามาหาเขาเรื่อยๆตลอดเช้า บางงานเขารับ บางงานก็ต้องขอปฏิเสธไปตามเวลาและความอยากส่วนตัว เขาถูกคอมเมนท์เล็กน้อยว่าเบอร์ที่ให้มาในนามบัตรนั้นถูกต้องหรือเปล่า ผู้ใหญ่หลายคนที่ติดต่อเขาเข้ามาไม่สามารถติดต่อได้ นัทรู้อยู่แล้ว เพราะเขาปิดโทรศัพท์ตั้งแต่จบงาน B.A.D Night และเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมโดยไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเขาหายออกไปจากงานเลยด้วยซ้ำ
   เขาไม่รู้ว่าสาและมาร์ค มิกและเอิร์ธจะเป็นห่วงเขาบ้างหรือเปล่า แต่หนึ่งวันเมื่อวานที่เขาอยู่บ้าน ไม่มีใครแวะเวียนมาหาเขา เขาเดาเอาว่าทั้งสี่คงมีธุระอยู่ด้วยกันอย่างไม่มีปัญหาก็ได้ นัทนั่งคลิ๊กหน้าจอคอมไปเรื่อยๆอย่างเลื่อนลอย
   “อ้าว...น้องนัท" เสียงดังขึ้นที่หน้าสตูดิโอ "ขยันไปนะจ้ะเนี่ย"
   นัทหันไปสบตากับเจ๊ผึ้ง เลขาของบอสที่มาออฟฟิศด้วยเครื่องแต่งตัวสบายๆ
   “หวัดดีเจ๊" นัทหันไปทัก "นี่ไม่ได้ตั้งใจเข้ามาออฟฟิศใช่ป่ะเนี่ย"
   “อ่าหะ แวะส่งลูกที่เรียนเปียโน นี่ก็แวะมาเอางานไปทำต่อที่บ้านน่ะ" ผึ้งว่า "แล้วนี่เข้ามาทำอะไรล่ะเนี่ย"
   “มาทำงานครับ" นัทตอบ
   “โห ไม่มีใครมาหรอกนัท วันนี้น่ะ" ผึ้งตอบ
   “ทราบครับเจ๊ ผมแค่ เอ่อ....อยากมาสะสางห้องด้วย ไบร์ทเค้าเอ่อ....ไปแล้ว" นัทโกหก
   “อ่อ...จริงสินะ ก็ดีจ้ะ งั้นเอ่อ เดี๋ยวเจ๊ไปก่อนนะ งั้นก็ฝากเฝ้าออฟฟิศด้วยละกันที่รัก" ผึ้งว่า นัทยิ้มให้เป็นคำตอบ "งานปาร์ตี้เมื่อวันอาทิตย์น่ะ สุดยอดไปเลยนะ ไม่ยักรู้ว่าเราก็มีความสามาถในเรื่องโชว์ด้วยนัท"
   “โห หลายๆคนช่วยน่ะครับ เดินทางดีดีนะเจ๊" นัทกล่าวลา
   “อื้อ ขอบใจจ้ะ" เจ๊ผึ้งขยับแว่นหนึ่งทีก่อนจะเดินหายออกไปจากประตู นัทหันกลับมาอยู่กับตัวเองอีกครั้ง
   มันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปนักหรอกสำหรับนัท เขาก็คงมาอยู่ที่โต๊ะดราฟตัวเดิมที่นี่ ที่สตูดิโอแห่งนี้ เขามองไปยังโต๊ะของนัทและสา กับพื้นที่เล็กๆของเอิร์ธ ยิ้มให้กับตัวเองอย่างมีความสุข เขารักที่จะอยู่ตรงนี้มากกว่าที่อื่นเป็นไหนๆ มันเป็นที่ที่เขารักที่สุด การที่ได้อยู่กับเพื่อนที่รัก งานที่รักแบบนี้ มันมีค่ามากที่สุดแล้วในชีวิต นัทคิดถึงวันแรกที่เขาสามคนมาที่นี่ เขายังจำมันได้เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเม่ือวาน เขาไม่เคยมีความสุขมากเท่านั้นมาก่อนเลย
   “คุณนัท หนังสือพิมพ์ค่ะ" เสียงป้าแม่บ้าน เอาหนังสือพิมพ์ Design City มาส่งให้กับนัทที่หน้าสตูดิโอ
   “แหมป้า อยากเอาไปอ่านก่อนก็ได้นะ ผมไม่ว่าหรอก" นัทแซว
   “แหมคุณนัทก็ ป้าจะทำอย่างนั้นได้ยังไงล่ะ มันเป็นกฎนี่" ป้าแม่บ้านเขินอายที่ตัวเองติดคอลัมภ์เลขเด็ดและดูดวงจากนิตสารนี้งอมแงม นัทลุกขึ้นมารับหนังสือพิมพ์ไว้ในมือ
   “คุณนัทเที่ยงนี้ป้าจะออกไปหาอะไรกินข้างนอกน่ะ คุณนัทจะออกไปกับป้าไหม ในออฟฟิศไม่มีใครเลยนะจ้ะ" ป้าแม่บ้านกล่าว
   “อ่อ....ไม่เป็นไรครับป้า ผมฝากป้าซื้อข้าวเหนียวไก่ย่างมาให้ผมเหมือนเดิมก็แล้วกัน นี่ครับ....” นัทยื่นเงินให้กับป้า เวลานัทแวะมาทำงานวันหยุด การฝากป้าไปซื้อข้าวเหนียวไก่ย่างเป็นเรื่องปกติธรรมดามากๆ เขารับหนังสือพิมพ์มา ขณะที่ป้าเดินออกไปจากสตูดิโอ
   นัทมองที่หน้าหนังสือพิมพ์ เป็นพาดหัวข่าวใหญ่
   “พ่อมดแห่งวงการหน้าวซีด เมื่อถูกถามถึงการหมั้นหมายกลางงาน B.A.D Night สาวไสตลิสคู่ใจเผย ไม่ไกลเกินปีหน้า"
   นัทมองไปยังรูปที่อยู่รองลงมา เจนจิราควงแขนกายและยิ้มให้กับกล้องอย่างเป็นสุข มือเขาสั่นสะท้านทันที เมื่อวานนี้เขาได้ยินข่าวลือเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เขาทำใจได้แล้วกับเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมา แต่ก็ยอมรับว่าการได้เห็นอะไรๆคาตาแบบนี้ ก็ทำให้เขายืนแทบไม่อยู่เหมือนกัน นัทวางหนังสือพิมพ์เอาไว้ตรงนั้น ก่อนจะกลับไปนั่งที่โต๊ะของตัวเองตามเดิม
   เขาจะไม่เสียใจอีกแล้ว เมื่อวาน เขาเสียใจกับเรื่องทั้งหมดมามากพอแล้ว เขาจะหายดี ถ้าเขาไม่ต้องพบกายอีก อย่างน้อยก็ช่วงนี้
   “อ่านหรือยังล่ะคุณนัท" เสียงดังขึ้นที่หน้าสตูดิโออีก
   “ผมไม่อ่านแล้วครับป้า ป้าเอาไปเถอะ" นัทตอบทันที ก่อนจะรู้สึกว่าเสียงที่ถามมาตอนแรก ไม่ใช่เสียงของป้าแม่บ้าน นัทหันกลับมาที่สตูดิโอ ก็พบกับเจ้าของเสียงนั้นที่ยืนอยู่หน้าประตูนั้น คนสุดท้ายที่เขาคิดว่าจะมาปรากฎตัวอยู่ตรงนี้ที่หน้าสตูดิโอของ Lovable Studio แห่งนี้.........เจนจิรา
   “ดีแล้วล่ะ คุณอ่านไป ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก" เจนเดินเข้ามาในสตูดิโอของนัท โดยวางหนังสือพิมพ์ลงไว้ที่เดิม
   “คุณ....มา....ได้ไงอ่ะ" นัทละล่ำละลักถาม พลางมองไปรอบๆ
   “ฉันเห็นไม่มีใครอยู่ ลานจอดรถก็ว่าง ก็เลยลองเข้ามาดูน่ะ" เธอกล่าวเบาๆก่อนจะเดินไปรอบๆสตูดิโอของนัท "คุณทำงานในนี้เหรอ"
   นัทถอนหายใจครั้งหนึ่ง
   “ใช่ คุณมีธุระอะไร" นัทถามอีก
   “เล็กมากเลยนะ ดูจากสภาพแล้ว อยู่กันตั้งสามหรือสี่คนได้มั้งถ้าฉันเดา" เจนแตะไปตามแมคทั้งสี่ตัวที่วางอยู่รอบๆ ก่อนจะหันมาหานัท พร้อมกับหมุนเก้าอี้ของมิกลงมานั่ง
   “คุณมาที่นี่ทำไม" นัทหันไปถามเธออีก เธอมองนัทด้วยตาที่เบิกกว้าง
   “นึกว่าคุณจะดีใจซะอีกที่ได้เจอฉัน" เจนว่า ก่อนจะเงียบกันไปพักนึง "ฉันอยากมาหาคุณ"
   “มาหาผม....เหรอ" นัทถามด้วยเสียงที่เหนื่อยล้า จากวันนั้นเป็นต้นมา เขาไม่ได้นึกถึงเจนอีกเลย เขาไม่มีอะไรติดค้างเธออีกแล้ว เพราะเขา.........แพ้เธอจนหมดรูป
   “ใช่" เจนตอบ "ฉันแค่.....อยากมาขอร้องคุณ"
   นัทแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน เขาต้องหูฝาดไป หรือเจนก็คงเมาค้างมาแน่ๆ
   “คุณ....อะไรนะ" นัทมองเข้าไปในตาเธอที่กำลังบ่งบอกเขาด้วยสัญญาณอะไรบางอย่าง
   “ฉันอยากมาขอร้องคุณ" เจนว่า "มันอาจฟังดูงี่เง่ามากที่ฉันเอ่อ....ต้องมาพูดอะไรอย่างนี้กับคุณ.....แต่ฉันพูดจริงๆ ฉันอยากจะขออะไรคุณได้หรือเปล่า"
   “ผ...ผมไม่...ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณจะมาไม้ไหนอีก แต่ว่า....ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณพูดหรอกนะ" นัทว่า "ผมกับคุณ เราสองคนไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้ว ในเอ่อ....ทุกๆเรื่องเท่าที่ผมจะนึกออก ถ้าคุณต้องการอะไรจากผมอีก ก็บอกผมมาตรงๆจะดีกว่าคุณเจน"
   เจนหลับตาลงหนึ่งครั้ง
   “ฉันก็พูดอยู่นี่ไง" เจนว่าเสียงแข็ง "คุณอย่างพึ่งตั้งป้อมใส่ฉันตอนนี้ได้ไหม ทุกอย่างมันไม่ได้จบลงอย่างที่คุณคิดหรอกนะ"
   นัทยิ้มแหยๆพลางหัวเราะเบาๆ
   “ผมไม่รู้ว่าคณพูดเรื่อง...”
   “พอทีเถอะคุณนัท ฉันรำคาญ" เจนว่าใส่นัทที่ตกใจกับการเปลี่ยนอารมร์ของเธอเล็กน้อย ขณะที่เจนเองก็พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้อารมณ์ร้อนขึ้นมา
   “วันนี้ไม่มีใครอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอคะเท่าที่ฉันเห็น" เจนจิรากลับมาใช้น้ำเสียงปกติ "ถึงเวลาซะทีหรือยังที่คุณกับฉันจะพูดกันตรงๆ"
   นัทมองเธออีกครั้งหนึ่ง
   “ถ้าคุณ ยังไม่หยุดที่จะงี่เง่าล่ะก็นะ ฉันพนันได้เลยว่า คุณเสียเขาไปแน่" เจนว่าเข้าประเด็นทันที
   นัทนิ่งสนิท เขารู้อยู่เป็นนัยๆแล้วว่าเจนมาที่นี่ ต้อมีซักประโยคที่หล่อนจะต้องวกเข้าเรื่องนี้
   “ว่ามาสิ" นัทพูดเบาๆ เพื่อป้องกันตัวเองจากการรุกราน เจนหลับตาเบาๆ
   “กายเขาเล่าให้ฉันฟังทุกอย่าง ทุกๆเรื่อง ที่เกี่ยวกับคุณ" เจนว่า
   “หวังว่าคงไม่ทุกเรื่องหรอกนะ" นัทโพล่งปากออกไปทันที
   “ทุกเรื่องสิ" เจนว่ากลับ "เขาเล่าให้ฉันฟัง ตั้งแต่วันแรกที่เขาเจอคุณเลยด้วยซ้ำ"
   “เรื่องนั้นใครก็รู้ครับ มันไม่ใช่เรื่องลับซะหน่อย" นัทเงยหน้าขึ้นมองเธอ "กายเจอผมที่นี่ เขามาที่นี่เพื่อมาทำงานกับคุณอาเขา กับผม เมื่อสามเดือนที่แล้ว"
   “หึ งั้นคุณก็คงรู้น้อยกว่าที่ฉันคิดไว้จริงๆ" เจนว่าพลางเอนตัวเองพิงพนักเก้าอี้อย่างผู้ที่เหนือกว่า นัทขมวดคิ้วใส่เธอ "คุณนัท สิ่งที่ฉันจะขอคุณวันนี้ก็คือ ขอให้คุณฟัง ในสิ่งที่ฉันพูด ฟัง ในแบบที่คุณไม่มีอคติใดใดต่อฉัน ใช้หัวใจของคุณฟัง ในสิ่งที่ฉันจะพูด เพราะฉันก็จะพูดกับคุณ โดยไม่มีอคติใดใดหมือนกัน คุณจะให้ฉันได้ไหม"
   นัทมองเธออย่างประเมิณค่าครั้งหนึ่ง
   “แล้วผมจะได้อะไร" นัทพูดเบาๆ "มาถึงตอนนี้แล้วน่ะ"
   เจนเงียบไปพักหนึ่ง
   “ได้รู้ยังไงล่ะ" เจนพูดเบาๆราวกับเป็นเสียงกระซิบ
   น้ำเสียงแบบเดียวกับที่เธอพูดกับกายทุกครั้งที่ได้อยู่กับสองต่อสอง สองต่อสองที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย
….........

   "ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ" เจนกล่าวกับแพทย์เจ้าของไข้ ก่อนจะเขาจะเดินอกไปจากห้องพัก ขณะที่เจนรีบรุดไปหากายทันที ร่างๆหนึ่งนอนนิ่งบาดแผลเล็กๆน้อยๆ แต่เกือบทั่วทั้งตัวจากอุบัติเหตุรถคว่ำทำให้กายลืมตาขึ้นช้า เขามองเห็นเจนนั่งอยู่ข้างตัว เขาเอื้อมมือไปจับมือเธอทันที พอดีกับที่น้ำใสๆไหลออกจากดวงตา เขายิ้มกว้างให้เธอทันที
   “ผม.....ผมขอโทษ" กายพูดเสียงแหบพร่าเล็กน้อย จนเกือบจะเรียกได้ว่าปกติ
   เจนจิราจับมือของเขาไว้เบาๆ
   “คุณหมอบอกว่าคุณไม่เป็นไรมาก" เจนว่า "ยังดีที่คุณไม่ใช่ฝ่ายผิด แล้วก็ปกติ คุณเองขับรถไม่เคยประมาทด้วย เรื่องคดีความเดี๋ยวยังไง ประกันกับทนายคุณก็คงดิวให้แหละ"
   เจนว่าพลางห่มผ้าให้เพื่อนรักของเธอ
   “เรื่องอื่นๆ ฉันจะจัดการให้เอง คุณพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องคิดเรื่องอะไรทั้งนั้น" เจนว่าพลางก้มลงกดปิดโทรศัพท์ของกายที่วางอยู่ข้างเตียงคนไข้ ก่อนจะหันกลับมาหาเขา กายมองหน้าเจนอยู่พักใหญ่ นานเสียจนเธอรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
   “ผมคิดถึงคุณเจน" กายพูดขึ้น เจนหัวเราะเบาๆ
   “บ้าแล้วกาย เราเจอกันทุกวันนะ" เจนว่า "ถึงไม่เจอกันทุกวันเหมือนช่วงนี้ เจนชวนคุณออกมาดริ๊งค์ คุณไม่เคยขาดเลยซักทีน่ะ"
   “ผมหมายถึง ผมคิดถึงคุณ เหมือนตอนที่อยู่ที่ปารีส" กายว่า เจนเงียบสนิททันที พลางมองไปหากายอีกครั้ง
   “กายก็รู้...." เจนพูดเบาๆ "….ว่ามันไม่มีทางกลับมา"
   กายก้มหน้าลง
   “ผมรู้ ผมไม่ลืมหรอก" กายตอบเบาๆ "ผมแค่ อยากได้คุณ กลับมาเป็นคนที่อยู่รับฟังผมเหมือนเมื่อก่อน"
   เจนยิ้มก่อนจะหันมาหากาย
   “เจนเป็นเพื่อนที่คอยรับฟังกายเสมอนะ" เจนว่า "กายต่างหาก ที่ไม่เคยเล่าอะไรให้เจนฟังเลยที่จริงแล้ว ว่ากันตรงๆ เจนเป็นคนเดินจากกายไป แต่กายกลับเป็นคนห่างเจนไปเองจนเจนก็ตกใจเหมือนกันนะ"
   กายก้มหน้าลง
   “ตั้งแต่เจนกลับมาเจอกายที่เมืองไทย เราสองคนเปลี่ยนไปมาก" เจนว่า พลางมองไปรอบๆห้องคนไข้ "อันที่จริง นี่มันเป็นครั้งแรกในรอบกี่ปีเนี่ย ที่เราได้กลับอยู่กันสองคนแบบนี้"
   “สี่ปี" กายตอบเบาๆ เจนหันหน้ามองมองเขาทันที
   เงียบกันไปพักนึง ขณะที่เจนมองเข้าไปในดวงตาของกาย มันก็เหมือนเมื่อก่อนนี้ ที่เธอมักจะเจ็บปวดไปกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ แต่ตั้งแต่วันที่เธอก้าวถอยออกมาหนึ่งก้าว มันทำให้เธอสบายขึ้น ทำอะไรๆได้ง่ายขึ้น และกลายเป็นเพื่อน ที่รู้ใจมากขึ้น เพื่อนที่ตอนนี้ แค่มองตา ก็เข้าใจทุกอย่าง
   “อยากเล่าอะไรให้เจนฟังหรือเปล่า" เจนจับมือกายอย่างนุ่มนวล "เรื่องอะไรก็ได้ อย่าให้เจนต้องเดาเลย"
   กายหลบสายตาลง เจนบีบมือขอเขาเบาๆ
   “ผมจะทำยังไงดี" กายถามขึ้น "ผมไม่รู้จะไปต่อยังไงเจน เขาทำให้ผมทำอะไรไม่ได้ ผมไม่รู้สึกถึงตัวเองอีกแล้ว ทุกๆอย่างในชีวิตที่ผมมีตอนนี้ ผมแลกกับเขาหมดทุกอย่างแล้วอ่ะเจน แล้วทำไม ทำไมมันถึงออกมาเป็นอย่างนี้อ่ะ ผมไม่เข้าใจอ่ะเจน บอกผมทีสิเจน ผมทำอะไรผิดเหรอ ผมแค่........."
   เจนปล่อยให้กายระบายมันออกมา ชายหนุ่มนัยน์ตาคมคาย ใบหน้าที่หล่อเหลาและเต็มไปด้วยบาดแผลกัดฟันกรอด นัยน์ตาแดงกำ่ มีน้ำตาเพียงไม่กี่หยดไหลออกมา
   “ผมไม่อยากเสียเขาไป เหมือนที่เสียคุณไปอีก" กายลดเสียงลงเป็นเสียงกระซิบ "ผมอยู่ที่นี่ไม่ได้ ถ้า......”
   เจนเอื้อมมือไปปาดน้ำตากายเบาๆ ชายหนุ่มหลับตาลง เจนถอนหายใจ
   “ใช่คนที่คุณเล่าให้ฉันฟังหรือเปล่า" เจนถามอีกครั้ง "เด็กหนุ่มเจ้าของภาพศิลป์ที่ปารีส ที่คุณบอกว่าจะตามหาเขา จนรีบบินกลับมาเมืองไทยจนไม่รอเจน"
   กายพยักหน้าเบาๆ
   “กาย คุณอย่าทำอะไรแบบที่คุณทำกับเจน กับเขา" เจนพูด กายหันมาหาเจนทันที "คนเราหนีเรื่องของตัวเองไปไม่ได้ ทุกๆคน มีเรื่องของตัวเองต้องเดินไปตามทางนั้น คุณไม่อาจจะเปลี่ยนเส้นทางของใครได้หรอกนะ"
   “ผมแค่ อยากมีใครซักคน ผมไม่อยากอยู่คนเดียว" กายพูด
   “คุณเดินมาไกลมากกาย คุณเดินมาไกลมากเสียจน.... คุณไม่รู้ตัวแล้วว่า ระหว่างทาง คุณเสียอะไรไปบ้าง" เจนพูด "ตอนนี้คุณไปข้างหน้าแบบหยุดไม่อยู่แล้ว ต่อให้คุณไขว่คว้าหาใครซักคน ให้ไปกับคุณเรื่อยๆให้ได้ สุดท้ายแล้วมันไม่ได้มีใครที่จะตามคุณทันหรอกนะ พวกเขาจะถูก......”
   “ทิ้งไว้ข้างหลัง.....สินะ" กายตอบ เจนก้มหน้าลง "เจน.....ทำไมคุณถึงทิ้งทุกอย่าง แล้วไปปารีสกับผมตั้แต่แรก"
   เจนยิ้มให้กับตัวเองก่อนจะหัวเราะเบาๆ
   “ถ้าเป็นเมื่อก่อน เจนก็คงบอกว่า เจนจะไปทุกๆที่ที่คุณไป เพราะเจนรักคุณมาก.....” เจนว่า "แต่จริงๆแล้ว เจนเพิ่งมารู้ทีหลังว่า เจนเองก็มีเหตุผลอีกอย่างที่ตัดสินใจไปปารีส"
   “อะไรเหรอ" กายถาม
   “เพราะเจนรู้ว่า นั่นคือเรื่องของเจน นั่นก็คือชีวิตเจนของด้วย ชีวิตเจนที่ไม่ได้ผูกเอาไว้กับคุณอย่างเดียว" เจนว่าพลางยิ้มอย่างเป็นสุข "มันออกจะเสี่ยงซักหน่อย เพราะ เรายอมทิ้งทุกอย่างไป แต่เจนเองก็ไม่มีอะไรต้องเสียอยู่แล้วที่นี่ เจนไปที่นู่น เจนมีกาย แต่พอถึงสุดท้าย เราต้องเลิกกัน เจนก็มาคิดได้ทีหลังว่า เจนจะหันหลังกลับไม่ได้ เพราะส่วนหนึ่ง เจนเอาทุกอย่างมาเสี่ยงลงที่นี่ เจนจะไม่ยอมขาดทุนเด็ดขาด แล้วก็ ปู้มมมม..........ก็มาเป็นเจนทุกวันนี้ไง"
   กายยิ้มให้เธอ
   “แล้วสุดท้าย คุณก็โดนลากกลับมาหาผมอีกจนได้" กายว่า เจนหัวเราะอีกครั้ง
   “มันอาจจะแรงสำหรับคุณนะกาย แต่.....ถ้าเจนไม่เลิกกับกายวันนั้น เจนอาจไม่มีวันนี้หรอก"  เจนว่า "เพราะเรามาคิดว่า สุดท้ายแล้ว เจนเลือกที่จะไปต่อให้ได้ ไม่ใช่หันหลังกลับน่ะ"
   กายมองออกไปที่นอกหน้าต่างอันมืดมิด
   “ทำไมเขาไม่เหมือนคุณล่ะ" กายพูดเบาๆ "ถ้าเค้าสู้เหมือนคุณ สุดท้ายแล้ว เขาก็จะได้ยืนคู่กับผม เหมือนที่ทางเดินของคุณสุดท้ายก็วกกลับมาหาผมนี่ไง"
   “มันไม่เหมือนกันนะกาย" เจนว่า "คุณจะทำอย่างนั้นไม่ได้ มันไม่ได้จัดการง่ายขนาดนั้นหรอก"
   กายหันกลับมามองเจนอีกครั้ง
   “ฉันวกกลับมาหาคุณ ก็เพราะเรื่องของฉันพามาถึงตรงนี้ แต่คุณก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เราสองคนจะกลับมารักกันอีก" เจนว่า "เราแค่เล่นไป ตามบทที่ทุกๆคนอยากดู แต่กับคนอื่น เขาไม่เหมือนเรานะกาย เขามีชีวิตของเขา เขามีเรื่องของเขา ไม่มีใครหนีไปจากเรื่องของตัวเองได้หรอกนะกาย"
   “ผมจะเสียเขาไป อีกใช่ไหม" กายพูดเบาๆ
   “ใช่" เจนตอบทันที "เขาไม่มีทางขึ้นมาอยู่ข้างๆคุณได้หรอก"
   กายหันมามองเจนทันที
   “เขาคนนั้นของคุณ จะมาถึงตรงที่เรายืนอยู่ได้ เขาต้องมีพลังพอๆกัน หรือมากกว่าเจน ที่จะยอมแลกทุกอย่างขึ้นมา ไม่ใช่ลองแลกทุกอย่างขึ้นมา เขาจะต้องกล้าที่จะเจ็บ กล้าที่จะสู้ มากพอ เขาถึงขึ้นมาถึงตรงนี้ เหมือนคุณสู้มา เหมือนที่เจนสู้มา" เจนตอบเขา "แต่เราสองคนที่ยืนตรงนี้ ก็ใช่ว่าจะมีพร้อมทุกอย่าง เพราะถ้าคุณพร้อมทุกอย่างแล้วจริงๆ คุณก็คงไม่ลากเค้าให้ขึ้นมาอยู่กับคุณหรอกจริงไหม และถึงเขาจะขึ้นมาได้จริงๆ มันไม่มีที่พอสำหรับเขาหรอก แค่คุณกับฉัน ทุกๆคนที่มองเราอยู่พวกเขาก็มีความสุขแล้ว"
   “แล้วเราสองคนล่ะเจน" กายถามขึ้น "ความสุขของเราสองคนล่ะ"
   เจนเงียบไปพักนึง
   “เจนก็ไม่รู้เหมือนกัน" เจนตอบอย่างเศร้าหมองและก็เข้าสุ่ความเงียบอีกครั้ง
   “ผมกับเค้าคงไม่ใช่เรื่องเดียวกันแล้วสินะ" กายว่าพลางถอนหายใจ
   “มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณคนเดียวซะหน่อย" เจนว่า "มันขึ้นอยู่กับเค้าด้วยว่า เขาวิ่งหาคุณมากแค่ไหน"
   กายหันมาหาเจนอีกครั้ง
   “คุณแค่กลัวที่จะไม่มีใคร...กาย" เจนตอบ "คุณเลยพยายามจัดการทุกอย่างเพื่อให้คุณไม่ขาด ข้างนอกนั่น ถึงมองคุณว่าคุณเป็นพ่อมดจอมเจ้าชู้ไงล่ะ แต่จำไว้เลยนะ เรื่องแบบนี้ มันไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะนั่งจัดการให้อีกฝ่ายหรอกนะ มันต้องช่วยกัน ไม่อย่างนั้น เขาจะเดินไปจากคุณ ก่อนที่คุณจะพาเขาไปไหนต่ออีกด้วยซ้ำ เหมือนที่เจนเคยเดินจากมาไง"
   เจนถอนหายใจพลางมองนาฬิกา บอกเวลาตีสามสิบห้านาที ลุกขึ้นจากเตียงของกายอย่างรวดเร็ว
   “ถ้าเขารักคุณและคุณก็รักเขาจริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องของใครแล้ว" เจนว่า "มันก็เป็นเรื่องของคนสองคนไงล่ะ และทั้งคู่ ก็เดินออกจากเรื่องของตัวเองไม่ได้เหมือนกันแหละ"
   กายหันมามองเธอเหมือนตัวเองเข้าใจอะไรางอย่างมากขึ้น ขณะที่เจนเลิกคิ้ว
   “ผมจะสบายใจมากขึ้น ถ้าผมอยากจะให้คุณออกความเห็นต่อเรื่องนี้ตรงๆน่ะเจน" กายถามเจนที่เม้มปากพลางถอนหายใจ
   “อยากฟังเจนสาธยายเหรอ" เจนถาม
   “อ่าหะ" กายตอบ
   “โกหกเจนสิ ว่าคนคนนั้นของกาย ไม่ใช่คุณนัท" เจนจิรากอดอกอย่างไว้ท่า กายยิ้มเบาๆพลางยกมือขึ้นเกาจมูก เจนเหลือกตาขึ้นทันที "งั้นเจนขอพูดอย่างไม่เกรงใจเลยนะ คุณนัทของกายน่ะ ไม่ได้ครึ่งนึงของเจนเลยล่ะ เขาไม่มีทางแลกทุกอย่างเพื่อขึ้นมาหากายแน่ จากที่เจนเจอเขาตั้งแต่วันแรก เขาไม่ได้รักในชีวิตที่กายเป็นอยู่เลยซักนิด คุณนัทเขามีชีวิตของเขา และแน่นอนว่ามันต่างจากกายสุดขั้วเลยล่ะ....คำถามก็คือ......กายจริงจังแค่ไหน กับเรื่องนี้"
   กายมองหน้าเจน
   “คำถามก็คือ คุณคิดว่าผมเจ้าชู้ร้ายกาจ จนไม่เคยจริงใจกับใครซักคนเลยใช่ไหมเจน" กายถามกลับ เจนถอนหายใจ
   “แต่สิ่งที่คุณทำก็คือ ลากเขาขึ้นมาอยู่ในจุดที่ทุกๆคนมองคุณเป็นพ่อมดจอมเจ้าชู้ แล้วมีเจนเป็นแฟนนะ" เจนตอบ "เจนว่า แบบนี้มีแต่เสียกับเสีย"
   “แล้วผมควรทำไง" กายถามอีก "คุณช่วยผมได้ไหม"
   เจนมองกายอย่างครุ่นคริด
   “ฉันจะช่วยคุณก็ต่อเมื่อฉันมั่นใจว่าเขารักคุณจริงๆ" เจนว่าพลางเม้มปากอย่างใช้ความคิด "เจนต้องพิสูจน์เขาก่อน แต่ก่อนอื่น...คุณต้องพักผ่อน และรับปากกับเจน ว่าคุณจะไม่กลับไปที่งานประกาศรางวัล B.A.D Night”
   “ทำไมล่ะ" กายว่า "ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก แล้วผมก็เป็นพ่องานอยู่ด้วย ผมขาดวันนี้ไม่ได้หรอก"
   “คุณขาดได้ และคุณต้องขาด ไม่งั้นเจนไม่ช่วยคุณนะ" เจนว่าใส่ "คุณกล้าไว้ใจเจนไหมล่ะ"
   “ผมไว้ใจคุณเจน" กายว่า "คุณคือเพื่อนที่ดีที่สุดที่ผมมี"
   เจนยิ้มให้กายอย่างเป็นสุข
   “งั้นก็นอนซะ เดี๋ยวเจนจัดการที่เหลือให้" เจนบอกกายพลางปรับเตียงลงและห่มผ้าให้กายเพื่อให้เพื่อนรักของเธออยู่ในตำแหน่งที่สบายตัว "พักผ่อนเถอะกาย เจนรับปากคุณ ว่าจะช่วย"
   “ขอบใจนะที่รัก" กายว่า เจนก้มลงไปหอมแก้มกายทีนึง
   ก่อนจะกระเป๋าของตัวเองออกมา พร้อมกับเก็บโทรศัพท์ของกายไป
   “คุณจะเอาไปไหนอ่ะ" กายถาม
   “ฉันต้องการเบอร์คุณมิกและคุณสา" เจนว่า "ฉันจะเริ่มพิสูจน์คุณนัทจากเพื่อนรักของเขาน่ะสิ"
   “เขาสองคนไม่ชอบคุณนะ" กายตอบ
   “เจนรู้ค่ะ.....ไม่ค่อยมีใครชอบเจนนักหรอก เจนรู้ตัวเองดีค่ะ"
   เธอกดเบอร์มิกจากเบอร์ของกาย เพื่อโทรปลุกให้เพื่อนรักของนัท ตื่นขึ้นมารับเรื่องของเธอเป็นคนแรก พลางเดินออกจากห้องพักไป
   “เจน ทำไมคุณไม่พิสูจน์ผมบ้างล่ะ" กายตะโกนถามขึ้นมา เจนหันหลังกลับ
   “ไม่ต้องหรอกค่ะ เจนรู้จักคุณมามากพอ" เธอตอบ "เจนมองตาคุณก็รู้แล้ว ว่าหัวใจคุณอยู่ที่ใครตอนนี้"
….............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2011 17:45:11 โดย M2M_Jill »

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
เอ่อ :m28: o12 :o10:สองคนนี้เหมือนกัน เข้าใจกัน รู้เท่าทันกัน จนไม่สามารถเป็นแฟนกันได้เนาะเจน-กาย

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
นัทนั่งนิ่งสนิท ขณะที่เจนหยิบเอาน้ำเปล่ามายท่นให้จากในครัว ก่อนจะนั่งลงตามเดิม หัวสมองเขากลับมาตื้อตันอีกครั้ง มันไม่ได้หนักหนาเท่าสองสามวันก่อนงาน B.A.D Night แต่มันตื้อเบาๆจางๆเหมือนอาการปวดหัวเล็กที่ไม่ยอมหายซักที
   “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เจนก็จะขอตัวกลับก่อนนะ นี่ก็ เย็นมากแล้วด้วย"
   เธอพูดถูก นัทนั่งฟังเธอเล่าทุกๆอย่างอย่างตั้งใจ กินเวลามาเกือบทั้งวันโดยไม่ได้ทำอะไรเลย เขาฟังทุกคำพูดอย่างตั้งใจ ทุกๆคำไหลเวียนอยู่ในหัว
   “จะไปแล้วครับ ผม...เอ่อ ว่าจะเลี้ยงข้าวคุณซักหน่อย" นัทว่า
   “ไม่ต้องหรอกค่ะ ข้าวเหนียวไก่ย่างเมื่อตอนกลางวันก็อร่อยดี เจนยังอิ่มอยู่ค่ะ" เจนจิราว่า
   “ก่อนคุณกลับผมจะถามอะไรหน่อยได้ไหม" นัทพูดเบาๆ
   “ก็ที่ฉันอ้อยอิ่งยังไม่กลับเนี่ย ก็รอคุณถามบ้างนี่แหละ" เจนว่าเสียงแข็ง
   “เขาอยู่ไหน" นัทถามทันที เจนทรุดตัวลงทันที
   “ขอโทษนะคุณนัท แต่เจนไม่รู้" เจนตอบเสียงสั่น "เจนไม่เห็นเขาอีกเลยตั้งแต่แยกกันที่โรงแรมตอนเช้าเมื่อวาน วันนี้พอเจนเห็นข่าว ก็ว่าจะโทรหาเขา แต่ก็ลืมไปว่า โทรศัพท์เขาอยู่ที่เจนนี่ไง"
   เธอล้วงอยู่ในกระเป๋าสองสามที ก่อนจะยื่นโทรศัทพ์กลับคืนให้นัท นัทรับมันเอาไว้
   “ก็เลยไม่รู้ว่าจะไปตามเขาที่ไหน" เจนพูด "ก็เลยอยากจะขอร้องคุณไปด้วยเลยอีกอย่าง"
   “อะไรล่ะครับ" นัทถาม
   “อย่าทิ้งกายเลยค่ะคุณนัท เจนไม่อยากทำแบบนี้หรอก เพราะมันดูงี่เง่าแต่ว่า กายเค้าไม่มีใครแล้ว" เจนว่า "ฉันทนไม่ได้ที่เขาจะต้องมาเจ็บเพราะ...”
   “ความงี่เง่าของผม" นัทต่อคำ
   “ค่ะ...ใช่" เจนพูด "แล้วอีกเรื่องนึงก็คือ คุณไม่รู้หรอก ว่าคุณน่ะมีความสำคัญกับเขาแค่ไหน ฉันคิดว่าคุณเองก็คงรักเค้าเหมือนกัน"
   “ผมไม่ได้.....” นัทรีบแผดเสียงตัวเองขึ้นทันที
   “เอาเถอะค่ะ" เจนรีบตัดบท "อีกสองสามสัปดาห์ เจนจะไปอเมริกาแล้ว ยังไงถ้าคุณเจอเขา ฝากบอกเค้าเรื่องนี้ละกัน"
   หญิงสาวลุกขึ้นก่อนจะเดินผ่านนัทไป
   “ขอบคุณคุณมากนะเจน" นัทเอ่ยขึ้น เขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เจนหันหลังกลับมา
   “ความจริงก็คือ ที่เจนยังคงทำตัวเป็นเจ้าของกายอยู่ เพราะเจนไม่อยากให้คนอื่นๆรู้สึกว่า คุณกับเจน กำลังแย่งผู้ชายคนเดียวกัน มันทุเรศน่ะ" เจนว่าอย่างตรงไปตรงมา "แล้วอีกอย่าง วันแรกที่ฉันเห็นคุณมากับกายที่คลับเลาท์ของโรงแรมเมื่อหลายเดือนก่อน ฉันว่าฉันเห็นตัวเองในตัวของคุณ"
   คุณไม่ได้ถูกแยกออกไปจากกลุ่มเพื่อนๆในคลับวันนั้นเลยนะที่จริงแล้ว คุณมีอะไรหลายอย่างซ่อนอยู่ในตัวเอง กายเขามีเอ่อ เวทย์มนต์พิเศษ ที่มองเห็นสิ่งๆนั้นในตัวของใครบางคนได้ เหมือนอย่างที่เขาเคยเห็นกับฉัน แต่มันต่างกันตรงที่ ฉันไม่มีโอกาสจะทำให้สิ่งที่หัวใจต้องการอีกแล้ว"
   “หมายความว่ายังไง" นัทขมวดคิ้ว
   “เอาเป็นว่าคุณไม่ต้องเปลี่ยนอะไรหรอก" เจนว่า "คุณเป็นอย่างที่คุณนั่นแหละดีที่สุดแล้ว ฉันเอ่อ....ฉันก็ชอบที่คุณเป็นคุณ"
   นัทยิ้มน้อยๆให้เธอ
   “เพราะว่า คุณจะได้ไม่ต้องมาแย่งเวทีของฉันไงล่ะ" เจนเปลี่ยนน้ำเสียงลงทันที นัทส่ายหัวให้เธอ "คิดซะว่าฉันไม่ได้มาละกัน ไม่มีใครรู้เรื่องเราคุยกันวันนี้ ไม่มีอะไรสำคัญเกิดขึ้นในวันแบบนี้หรอก"
   เธอกล่าวทิ้งท้ายออกไปจากสตูดิโอทันที นัทมองเธอจากไปด้วยความโล่งใจ เขาแอบดีใจเล็กๆที่อย่างน้อยๆเจนก็กำลังจะไปจากวงชีวิตของเขา ผู้หญิงคนนี้เข้ามาหาเขาทีไร ชีวิตเขาวุ่นวายพิลึก
   เขานั่งมองโทรศัพท์ของกาย อยู่ครู่หนึ่ง เขาเปิดเครื่องและรอให้ตัวเครื่องใช้การได้ ที่หน้าจอปรากฎรูปของกายที่กำลังมองมาทางกล้องและยิ้มกว้าง ขณะที่นัทพยายามเบี่ยงหน้าไปทางอื่น นัทยิ้มให้รูปนั้นทั้งน้ำตา มันเป็นวันที่กายพาเขาออกไปเที่ยว ก่อนที่ทั้งคู่จะทราบข่าวว่า ทีมของเขาชนะการประกวด

   ….... “เห้ยคุณ คุณมีธุระที่ไหนป่ะเนี่ย" กายถามขึ้นคณะเดินไปตามร้านรวงต่างๆในเซ็นทรัลเวิร์ดอย่างอ้อยอิ่ง ขณะที่นัทปั้นหน้าหงิกตลอดวัน
   “เปล่า" นัทตอบเสียงเข้ม
   “เอาจริงดิคุณ คุณทำหน้าแบบนี้อ่ะ ผมจะพาคุณไปดูหนังต่อได้ไง" กายถามต่ออีก
   “ชีวิตคุณนี่จะเที่ยวไปถึงไหนกันนักนะผมอยากรู้จริง" นัทว่าต่อ
   “ผมไม่ค่อยได้เที่ยวซักหน่อย" กายตอบ
   “โห ฟ้าผ่าป่ะคุณ" นัทว่า
   “ผมหมายถึง เที่ยวกับคุณสองคนน่ะ" กายหันหน้ามามองนัท ที่หน้าแดงทันที "เพราะว่าถ้าการเที่ยวคือการได้ผ่อนคลายอ่ะ มันมีแค่ทุกครั้งทุกครั้งที่ผมได้ไปกับคุณนะ"
   นัทอมยิ้มหันหน้าไปทางอื่นทันที กายยิ้มพลางกัดริมฝีปากทันทีที่เห็นภาพใบหน้าหล่อเหลาหลบอาการเขินของนัท ชายหนุ่มล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและแนบหน้าตัวเองเข้าหานัทก่อนจะกดถ่ายทันทีอย่างว่องไว
   “เห้ยคุณ ทำไรอ่ะ" นัทร้องทันที พลางพยายามคว้าโทรศัพท์กายมาดู
   “อย่าดิคุณ ผมถ่ายเล่นๆเฉยๆ" กายว่าพลางหันหลังปกป้องรูปของตัวเองอย่าสุดกำลัง ก่อนจะแอบตั้งมันเป็นรูปที่หน้าจอทันที.......

   นัทมองรูปอยู่ได้พักหนึ่งระบบโทรศัพท์ของเขาเองก็ดังขึ้นก็รับข้อความมาจากศูนย์ แจ้งว่ามีบางคนส่งเพลงมาให้เขา นัทเปิดดูมันเป็นเพลงเพลงหนึ่ง เขากดเปิดฟังเพลงเพลงนั้น
   
   เธออาจเหนื่อยกับสิ่งที่เรานั้นเป็นอยู่ ใครก็รู้ว่าเรานั้นคงไปกันไม่ไหว เธอรู้ไหมว่าควรทำอย่างไร ในหนทางที่เรายิ่งเดินยิ่งไกล
   เธอคือช่วงเวลาที่ดีที่สุด แต่ทุกๆ อย่างต้องหยุดไว้เพียงแค่นี้ ไม่มีอีกแล้วที่เราได้เคยมี ไม่มีช่วงเวลาที่แสนดี
   ให้เธอนั้นได้จำว่า ครั้งหนึ่งเรานั้นเคยรักกัน เรานั้นเคยได้พบกัน แม้ว่ามันจะหมดไป ในวันหนึ่งหากเธอบังเอิญได้พบใคร ฉันก็คงไม่เสียใจ ปล่อยให้เธอไป ฉันไม่เป็นไร ให้เธอได้จำเอาไว้ว่าเราเคยรักกัน



   น้ำตาของนัทไหลลงเบาๆ คนที่ส่งเพลงๆนี้มา คงอยู่ที่ไหนซักแห่งที่ไกลออกไป นัททรุดตัวลงอีกครั้ง วันนี้ควรจะเป็นวันที่ว่างเปล่าสำหรับเขา แต่นี่ มันว่างเปล่าเกินไปแล้ว คำพูดของเจนดังขึ้นในหัว
   คุณเป็นอย่างที่คุณนั่นแหละดีที่สุดแล้ว ฉันเอ่อ....ฉันก็ชอบที่คุณเป็นคุณ
    ไม่มีใครรู้เรื่องเราคุยกันวันนี้ ไม่มีอะไรสำคัญเกิดขึ้นในวันแบบนี้หรอก
   เขาคิดถึงวันนั้นเหลือเกิน วันที่ไม่มีงาน ไม่มีคนอื่น......
   วันที่มีแต่เขากับกายเท่านั้น......
   วันที่ไม่ได้มีอะไรสำคัญเกิดขึ้น.....
   วันที่คงไม่มีอีกแล้ว.....
…......
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2011 20:07:00 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
สนุกค่ะ  ตามอ่านจนเหนื่อยเลย  มีตอนแรก ๆ ที่ wording คล้ายกับละครเรื่อง พรุ่งนี้ก็รักเธอ
เลยทำให้แปลก ๆ ไปบ้าง  แต่แค่นิดเดียวเท่านั้นเอง  อยากบอกว่าชอบเรื่องนี้ค่ะ
กลิ่นอายเหมือนซีรีย์ของต่างประเทศเลย

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ yoyo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
แหงะ
กายหายไปอีกละ  ป๊อดจริงๆเลยพ่อ
อ่านคู่นี้แล้วรู้สึกอึนๆ  ความมั่นใจของตัวเอกมันกระปริดกระปรอย
ชอบนะคะ  คนเขียนเขียนเก่งมากอะ  ทำเราอยากพุ่งเข้าไปจับตัวละครมาเขย่าๆได้
ไม่เข้าใจจริงๆ  ว่ากายเป็นบ้าอะไร  เหมือนจะมาเคลียร์กับนัท  พอยัยเจนจับไปถ่ายรูปนิดเดีย
หายไปซะงั้น  เอ้อ  คนเรา :z3:

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 28 Nothing Important Happen Today....Part II

   มันไม่มีอะไรให้คิดมานักในวันสบายๆแบบนี้ สา มิก และ นัทคิดว่าตอนนี้สตูดิโอช่างเต็มไปด้วยความสุข พวกเขามีเวลาหัวเราะ นั่งเม้าท์ ออกไปกินข้าว นั่งทำโปสเตอร์ไม่กี่ใบก่อนจะกลับบ้านได้ตามเคย เหมือนเมื่อก่อนนี้ ที่ทั้งสามไม่มีอะไรต้องทำมากนัก สาที่ตอนนี้เป็นคนที่ผู้ขอให้ไปเป็นช่างภาพให้เยอะที่สุดในบรรดาทั้งสามคน ง่วนกับการจัดการตารางเวลาของเธอในอาทิตย์หน้า เธอมีคิวไปต่างจังหวัดสองคิว พร้อมกับเลยไปถึงลาวเพื่อถ่ายภาพงานทำบุญใหญ่ที่นั่น
   “คือหมายความว่าฉันรับงานนั้นก็เพราะว่าฉันอยากไปลาวมานานแล้ว" สาพูดขณะนั่งตรวจเช็คสภาพกล้อง "ที่นั่นเป็นประเทศที่มีเสน่ห์มากๆสำหรับฉัน และที่สำคัญค่าจ้างก็สูงด้วย ฉันจะได้ซื้อกล้องใหม่ซักที"
   มิกเองก็สุขสบายเนื่องจากได้ครองโต๊ะของไบร์ทไปด้วย ชายหนุ่มลากเอาเอิร์ธไปทำงานโต๊ะของไบร์ททันที เพื่อให้เอิร์ธได้อยู่ใกล้เขามากขึ้น และแน่นอนว่าความสัมพันธ์ที่สนิทสนมของทั้งคู่ ก็ทำให้สาตาร้อนผะผ่าว
   “ฉันว่าคบกันแล้วล่ะ" สาสะกิดนัททันทีที่มิกและเอิร์ธออกไปกินข้าวด้วยกันสองคน
   “เอาน่า ปล่อยเค้าไปเถอะ" นัทว่าเสียงสูงก่อนจะหันกลับไปนั่งเล่นคอมต่อ
   “โอ๊ย ปล่อยได้ไงล่ะ มิกมันน่ารักออก น้องเอิร์ธก็หล่อจะตาย เหมาะสม" สาพูดเสียงเพ้อฝัน
   “อย่าพึ่งด่วนสรุปอะไรไป จำยัยฟ้าได้หรือเปล่า" นัทพูดขึ้นเบา สาหันมามองหน้านัททันที
   “ฟ้า ยัยสาวอาร์ทคนนั้นน่ะนะ ที่มิกบอกว่ามันเจอที่งานBAD” สาพูด
   “ใช่ เธอไม่รู้ตื้นลึกหนาบาเรื่องนี้น่ะสิ ใช่ไหมล่ะ" นัทยักคิ้วให้สา ที่มองนัทอย่างไม่เชื่อสายตา
   “ตายละ" เธอกล่าวเหมือนตัวเองได้พลาดอะไรไปบางอย่าง "นี่เธอมีอะไรวิเคราะห์อยู่ในใจกับเรื่องนี้เหรอ เล่ามานะ"
   “ก็ไม่ได้วิเคราะห์อะไรเลยเหอะ" นัทว่าพลางหันมาประจันหน้ากับเธอ "อันนี้เจ้าตัวเขาบอกเอง"
   “บอก บอกอะไรแก"
   “ฟ้าน่ะ ชอบไอ้มิกเว่ย" นัทพูดพลางยิ้มกว้าง สายกมือขึ้นปิดปาก
   “ไปรู้มาจากไหน เรื่องใหญ่นะน่ะ" สาว่าเสียงตื่นเต้น
   “ก็...ไม่รู้มันยังเหมือนเดิมหรือเปล่า แต่ว่าเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ฟ้ามารู้จักกับพวกเรา มันมานอนค้างบ้านฉันครั้งหนึ่ง สมัยที่ฉันกับมิกแล้วแม่อยู่ที่บ้านน่ะ" นัทเริ่มต้นเล่า
   “อ่าหะ"
   “แล้วทีนี้มันอยู่คืนนึง ฉันก็ยังไม่นอน แล้วก็ไปที่เฉลียงหน้าบ้านแล้วก็ได้คุยกับฟ้าเค้า" นัทว่า "เค้าเอ่อ บอกว่า เค้าชอบไอ้มิกมัน"
   “คุณพระ" สาร้องเบาๆ
   “เขายังบอกให้ฉันช่วยเขาหน่อยเลยด้วยซ้ำ" นัทตอบ
   “แล้วแกทำไงอ่ะ" สาถามต่อ เรากับถามตอนต่อของละครเข้มข้นเรื่องโปรด
   “ไม่ทำไรอ่ะ ทำไม่ได้" นัทตอบทันที "ก็ ช่วงนั้นไอ้มิกก็จีบฉันออกหน้าออกตาซะด้วย แล้วแกจะให้ฉันยัดเยียดผู้หญิงไปให้มันตอนนที่มันพยายามจีบฉันเนี่ยนะ เลวตายห่า"
   “ต๊าย ไอ้นัท กล้าคิดเนอะ ที่แกทำไปนั่นก็เลวพอกันแหละ" สาว่า
   “แต่ฉันก็ไม่รู้หรอกว่า มาจนป่านนี้แล้วยัยฟ้าอาจจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนไปแล้วก็ได้" นัทว่าพลางยักไหล่ "แล้วมาตอนนี้ไอ้มิกก็....”
   “อะไร....มิกอะไรเหรอ" สาทำตาเบิกกว้างมาหานัททันที
   “โอ๊ยนี่ อย่ามามองฉันเหมือนกับว่าฉันมีอะไรจะบอกอีก ไม่มีโว้ย" นัทโวย "ก็แกเพิ่งบอกฉันว่ามันกับน้องเอิร์ธคบกัน ก็ไม่น่าจะมีอะไรหรอกมั้ง"
   “แต่มันก็น่าแปลกอยู่นะ" สาว่าพลางกอดอก "ยัยฟ้าก็เข้ามาได้จังหวะเป๊ะเลย ไอ้มิกประสบความสำเร็จพอดี"
   “ต้องการจะสื่ออะไรป่ะเนี่ย" นัทถามเสียงสูง
   “ก็เปล่าหรอก แต่ว่า แหม จะมีใครรอที่รอใครซักคนได้ตั้งสี่ปีน่ะจริงไหม" สาพูดทันที นัทหลบสายตาลงแว้บหนึ่ง ก่อนจะดึงอารมร์ปกติขึ้นมา
   “ก็คงมีแหละ" นัทพูดเบาๆ
   “เอ่อแล้วนี่เรื่องแกกับคุณกา.....”
   “ไม่มีอะไรแล้ว" นัทลุกขึ้นพรวดพราดไปยังเครื่องปรินท์ทันที "จบแล้วงานแล้ว เขาไปแล่ว"
   นัททำน้ำเสียงติดตลก ขณะที่สารีบดึงตัวนัทมาประจันหน้ากับตนทันที เธอจ้องเข้าไปในตาของนัท หมายว่าจะได้เจอแววตาเศร้าหมองที่พยายามหลบตาของเธอ แต่ทว่าไม่มีเลย นัทมองตาของสากลับพร้อมเลิกคิ้วกว้าง
   “อะไร ทำไรเนี่ย" นัทถามเธอด้วยเสียงที่ปกติที่สุด
   “ก็.....ปล่าว ก็....จะเช็คว่า....แกปกติไหมเรื่องคุณกาย" สาค่อยๆพูด เผื่อว่านัทจะไม่ปกติ
   “ฉันไม่เป็นไรแล้ว" นัทว่าพลางยิ้มให้สา
   “จริงนะ" สาถามย้ำ
   “จริงๆ" นัทว่า "ฉันไม่เป็นไรจริงๆเว่ย....เค้าไปแล้ว"
   “แล้วเค้าไปไหนล่ะ" สาถามเป็นจริงเป็นจัง เธออยากถามเรื่องนี้กับนัทมาหลายวันแล้วตั้งแต่จบงาน แต่ไม่มีโอกาสได้อยู่กับนัสองต่อสองซะที
   “ไม่รู้อ่ะ" นัทลดเสียงลงแต่ไม่ถึงกับเศร้านัก มันเป็นบทสนทนาปกติ
   “แล้วแกได้คุยกับเค้าหรือเปล่า"
   “ไม่อ่ะ"
   “เค้ามาบอกอะไรแกก่อนไปหรือเปล่า"
   “ไม่อ่ะ"
   “แล้วยัยเจนจิรามาอะไรกับแกอีกหรือเปล่า"
   “ไม่อ่ะ"
   “แล้ว....”
   “โอ๊ยนี่คุณเธอ...” นัทร้องขึ้น สาตกใจ "เรื่องมันจบไปแล้ว ฉันไม่มีอะไรจะเล่า กายเค้ามาที่นี่ก็แค่อยากจะมาทำงาน กับฉัน แล้วงานมันก็สำเร็จแล้ว จบงานแล้ว เค้าจะอยู่ที่นี่ทำไมล่ะ เขาเป็นฟีแลนต์นะ"
   สามองนัทอย่างไม่ไว้ใจขณะที่นัททำหน้าเบ้พลางเท้าเอว
   “เอาอย่างนี้ดีก่า" นัทเผยอปาก "แกอยากรู้เรื่องอะไรกันแน่ ถามมาเลยอ่ะ อยากวิเคราะห์ฉันนักก็"
   สาเม้มปากพลางมองไปทั่วร่างกายนัท
   “เอาตรงๆมะ" สาถาม
   “เอาตรงๆครับ" นัทรับคำ
   “แกเลิกกับเค้าเหรอ" สาถามพลางกัดริมฝีปากทันที เธอหวาดกลัวอารมณ์ของนัทมาก ไม่แน่ว่าคำถามนี้อาจจะทำให้นัทน้ำตาตกไปเลยก็ได้ แต่ทว่าสาพบเพียงแค่นัททำคอตกเหมือนคนพลาดรอบรถเมล์เท่านั้น
   “จะว่าอย่างนั้นก็ใช่มั้ง" นัทพูดเบาๆ "มันก็เอ่อ......ไม่รู้จะพูดยังไงอ่ะ ก็...ใช่ว่าเค้าจะไปจากฉันไม่ดีน่ะ....คือไม่ได้หมายความว่าเขาไปดีแล้ว....แต่แบบ....ก็เข้าใจ......ที่เขาไปอ่ะ"
   สายังคงเม้มปากมองนัทอีก
   “จะถามอีกอ่ะ" สาเหยปาก นัทหัวเราะเบาๆ พลางยักไหล่ "เกี่ยวกับยัยเจนจิรานั่นหรือเปล่า"
   นัทส่ายหัวเบาๆทันที กะแล้วว่าสาต้องถาม
   “ทำไม ถ้าฉันตอบว่าใช่ แกจะไปเด็ดหัวเขาหรือไง" นัทถามพลางยิ้มกว้าง
   “เอาจริงนัท ฉันเป็นห่วงแกนะ" สาว่า
   “ไม่หรอก" นัทลากเสียงยาว "คุณเจน เขาไม่ได้มาอะไรกับฉันแล้ว พองานเลิก ก็แยกกัน"
   “แล้วไหนวันนั้นแกบอกกับเขาจะต้องคุยกันอีกไง" สาถาม
   “ก็....ตอนนั้นก็ว่าจะคุย แต่ก็ ไม่ได้คุยแล้ว" นัทตอบ "เขาไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องของฉันกับกายเลยเว่ย ฉันสาบานได้ โอเค ตอนนั้นฉันอาจจะอึดอัดเพราะยัยนั่นแต่ ฉันก็มาเข้าใจว่า....มันไม่เกี่ยวกันเลย"
   สามองนัทอย่างนิ่งเงียบ นัทขมวดคิ้วให้เธอ
   “ไม่เอาน่าสา แกก็เป็นคนบอกฉันเองว่า ยัยนั่นก็ตั้งป้อมกับทุกคนนั่นแหละ นั่นเป็นเรื่องจริงที่ฉันเพิ่งมาเข้าใจน่ะ" นัทว่า "สบายใจยัง"
   สานิ่งเงียบไปพักนึงก่อนจะถอนหายใจ ก่อนจะเดินมาหานัท
   “ทำไมไม่เล่าให้ฟังกันล่ะ" สาพูดพลางแตะไปที่แขนเพื่อนรักของเธอ "แกคงจะเสียใจมากเลยสินะตลอดเวลาที่ผ่านมา"
   นัทมองหน้าเธอ สายตาเขาเริ่มมีความเศร้าเข้ามาบ้าง
   “มันก็...นะ" นัทยิ้มเบาๆให้เธอ "ใช่...ฉันเอ่อ....ฉันเสียใจ"
   สายิ้มน้อยๆให้นัท ก่อนจะดึงนัทเข้ามากอดไว้แน่น นัทกอดเธอตอบ กอดด้วยความรู้สึกรักเพื่อนของเขาคนนี้จับใจ
   “ฉัน ฉันไม่เป็นแล้วเว่ย" นัทพูดด้วยเสียงที่พยายามไม่ให้มันสั่น "ฉัน ไม่เป็นไรแล้วจริงๆ"
   นัทกลับตาสนิท ขณะที่สาลูบไปทั่วแผ่นหลังของนัทเบา
   “ถ้าปกติแล้วจริงๆฉันก็ดีใจเว่ยนัท ฉันกับมิก เราสองคนห่วงแกมากนะเว่ยที่แกปิดมือถือไปวันนั้น" สาพูดอยู่ในอ้อมกอด "พวกเราคิดว่ามันต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าเหมาะไหมที่จะเข้ามาอยู่ตอนที่ต้องเคลียร์กัน"
   “อืม....ก็นะ ก็จบแล้วล่ะ จบแล้วจริงๆ" นัทพูดก่อนจะผละออกจากเธอ สามองเห็นัยน์ตาของนัทมีน้ำเอ่อคลอก็รู้วึกไม่สบายใจ แต่ทว่านัทก็รีบเช็ดมันและยิ้มกว้าง "ไม่เป็นไร ฉัน.....ฉันมีความสุขดี"
   สาถอนหายใจอีกครั้ง
   “แกจะไปลาวกับฉันไหมล่ะ" สาถามขึ้น
   “จะดีเหรอ ลูกค้าไม่ได้...." นัทถาม
   “ลูกค้ามางาน BAD ถ้าแกไปด้วยเค้าอาจจะรู้สึกเหมือนได้โปรโมชั่นซะอีกน่ะ" สาว่า "และที่สำคัญฉันอยากให้แกไป หนึ่ง แกจะได้พักผ่อน แบบจริงๆจังๆ และสอง ฉันก็จะได้ลูกมือด้วยไง"
   “เอางั้นเหรอ" นัทถามเธออีกครั้ง
   “เอางั้นแหละ" สาพูด
   “แล้วไอ้มิกล่ะ" นัทถามอีก
   “เห็นว่ามันก็ไม่ว่างน่ะ" สาตอบ "มันไม่ไปหรอก เชื่อสิ มีอะไรดึงมันอยู่ที่นี่เหอะ"
   นัทยิ้มให้เธอ ก่อนจะคิดถึงการเดินทางสบายๆไปยังเมืองเล็กๆ มันก็น่าสนุกอยู่เหมือนกันนะ
   “โอเค ฉันตกลง" นัทตอบ "ฉันจะไป"
   สายิ้มให้นัทก่อนจะตบไล่เพื่อนหนึ่งที
   “ออกเดินทางวันศุกร์นะ เตรียมตัวล่ะ แล้วเดี๋ยวฉันโทรหา"สาว่าพลางเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง นัทยิ้มให้กับหลังเธอ ก่อนจะจับเข้าที่โทรศัทพ์อีกเครื่องที่ยังอยู่ในกระเป๋าของเขา มันยังเปิดอยู่เผื่อว่าเจ้าของเครื่องจะอยากได้มันคืน แล้วโทรกลับมาที่เครื่องนี้ เขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้แล้ว เขาก็แค่หวังเอาไว้เล็ก เล็กมากๆจริง
   มันไม่มีอะไรต้องคิดมากนักในสตูดิโอแห่งนี้ ในวันสบายๆแบบนี้....

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
เพราะรักทำให้เป็นทุกข์  สารพัดความทุกข์ที่เกิดจากความรัก
ทั้งหึง หวง ห่วง ไม่มั่นใจ  หวาดกลัว  ไม่กล้าแสดงออก
ถ้ารักแล้วเป็นแบบนี้  ไม่ต้องรักดีกว่า  เฮ้ออ

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
…...
   และแม้แต่ในมื้ออาหารที่ควรจะดูปกติ มันกลับกลายเป็นว่ามีอะไรต้องคิดมาก ในวันสบายๆแบบนี้
   “อื้อ ใช่ๆ ก็เดี๋ยวก็ค่อยเจอกันก็แล้วกันฟ้า" มิกพูดใส่โทรศัพท์ และยิ้มกว้าง ขณะที่มืออีกข้างเขี่ยข้าวแกงอย่างละเลียด "อื้อๆ พอดีเรากินข้าวอยู่อ่ะ …..........อ่าหะ …......อื้อ คิดถึงเหมือนกัน บายๆ"
   มิกวางหูโทรศัพท์ไปก่อนจะยิ้มส่งท้ายให้โทรศัพท์อีกหนึ่งครั้ง เอิร์ธมองหน้ามิกครั้งหนึ่งก่อนจะนั่งก้มหน้าก้มตากินข้าวแกงต่อไปอย่างเงียบเชียบ ขณะที่มิกเพิ่งจะเริ่มต้นกินอาหารของตัวเองเป็นคำแรก
   เอิร์ธวางช้อนส้อมตัวเองลง เด็กหนุ่มล้วงตังค์ออกมาสี่สิบบาท พลางวางลงบนโต๊ะก่อนจะลุกขึ้น
   “อ้าว เห้ย จะไปไหน" มิกเงยหน้าขึ้นถาม
   “กลับออฟฟิศ" เอิร์ธตอบห้วนๆ มิกขมวดคิ้ว
   “เป็นไรวะ" มิกถามต่ออีก
   “ก็พี่ไม่อยู่ตอนบ่ายแล้วไม่ใช่ไง?" เอิร์ธว่า
   “อ๋อ....ก็ใช่" มิกตอบ เพราะเมื่อซักครู่นี้ เขาได้นัดแนะกับฟ้าทางโทรศัพท์ว่าจะออกไปวาดรูปข้างนอกด้วยกันที่สะพานวงแหวน "แล้วไงอ่ะ"
   “ก็....ผมก็กลับไงพี่" เอิร์ธว่าพลางออกเดิน มิกคว้ามือของเอิร์ธไว้ทันที
   “เห้ยเป็นไร" มิกถามอีก
   “เปล่า" เอิร์ธตอบเสียงเข้ม มิกงงงันมากขึ้นไปอีก ตอนนี้ใบหน้าของเอิร์ธไม่ต่างอะไรจากคนที่กำลังหงุดหงิดเพราะมีคนมาหาเรื่องก็ไม่ปาน มิกไม่เชื่อสิ่งที่เอิร์ธตอบแน่นอน
   “หงุดหงิดไรก็บอกดิ" มิกว่า "เห็นเป็นมาหลายวันแล้ว"
   “ผมไม่ได้เป็นไรพี่" เอิร์ธพูดเสียงเข้มใส่มิก "พี่ไม่เข้าใจเหรอ"
   “เอ้า" มิกพูดพลางปล่อยมือตัวเองลง เอิร์ธออกหน้าเดินทันที
   “แล้วกลับไงวะ" มิกตะโกนถามไป
   “ถ้าพี่ไม่ว่างแล้วก็ไม่ต้องถามถึงผมหรอก ไปเหอะ" เสียงเอิร์ธดังตอบมาก่อนจะหายไปพร้อมกับตัว มิกส่ายหน้าช้าๆอย่างหงุดหงิดระคนสงสัย แน่นอนว่าธรรมชาติของหนุ่มอาร์ทตามใจตัวเอง อารมณ์หงุดหงิดมาก่อนอยู่แล้ว
   มิกนั่งนิ่งกินข้า;จนหมดไปหลังจากนั้นก่อนจะคิดเงินและออกจากร้านข้าวแกงไปโดยไว ควบไอ้เต่าทองบึ่งไปยังปั้มเชิงสะพานวงแหวนอุตสาหกรรม เขานัทฟ้าไว้ที่ปั้มนี้ ก่อนจะปรีไปยังมุมดีดีที่จะวาดรูป
   ไม่กี่นาทีต่อฟ้าปรากฎตัวเจอกับมิกในชุดสบายๆออกแนวอาร์ท รวบผมยาวตรงที่ออกจะชี้ฟูของเธอขึ้นไปไว้บนหัว แบกเอาแคนวาสเคลื่อนที่มาด้วยมือข้างหนึ่ง กับย่ามที่มิกเดาว่าคงเป็นอุปกรณ์วาดเขียนนานาชนิด มิกยิ้มให้เธอครั้งหนึ่ง
   “ทำไมมาสายล่ะ" มิกชี้หน้าเธอหนึ่งครั้ง
   “เรื่องมันซับซ้อนน่ะ" เธอส่งรอยยิ้มเป็นประกายให้ ก่อนจะมองไปรอบๆตัวมิก "อ้าว แล้วน้องที่บอกว่าจะพามาทำงานล่ะ"
   มิกยิ้มแห้งๆ
   “เรื่องมันซับซ้อนน่ะ" มิกว่า ฟ้าเอียงคอเล็กน้อย
   “ทำหน้าเซ็งแบบนี้นี่ ไม่สบายใจอะไรล่ะสิ" ฟ้าว่า
   “ช่างเหอะ ไปวาดรูปกันดีกว่า" มิกว่าพลางเดินนำฟ้าไปยังจุดที่มองเห็นสะพานได้ดีที่สุด ทั้งคู่นั่งลงก่อนจะเริ่มจมไปกับภาพวาดของตัวเอง
   เป็นเวลาที่แสนมีความสุขที่สุดของมิกที่ได้มานั่งวาดรูปแบบนี้อีกครั้ง เขาคิดถึงการทำงานศิลป์แบบนี้มาก เขาไม่อยากเรียนจิตรกรรม มันอาจทำให้เขาลำบากในการหางานทำอยู่ เขามักจะเ้นไปในทางดีไซน์มากกว่า แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่มีฝีมือทางนี้ มิกมีผลงานที่ติดตาคนในวงการอยู่หลายภาพ แม้ไม่ได้รับการฝึกฝน เขาก็ยังมีฝีมือที่ดีอยู่
   “สวยจังเลยมิก ฝีมือไม่ตกเลยนะ" ฟ้าทักขึ้นหลังจากผ่านไปราวๆสองชั่วโมง
   “โหย นี่ก็ชุ่ยมากเลยนะ" มิกว่า
   “ไม่หรอก สัดส่วนยังเป๊ะอยู่เลยนะ" ฟ้าว่าพลางมองไปยังรูปของมิกอย่างชื่นชม "เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน ที่เว้นไว้นั่นอะไรอ่ะ.....โครงคนนี่ จะวาดใครอ่ะ"
   “เปล่าๆ ไม่มีอะไร" มิกว่าพลางพับเก็บกระดานตัวเองทันที
   “อั่นแน่ จะวาดใครอ่ะ มีสองคนด้วยนี่ แอ๊ะ แอ๊ะ" ฟ้าแซวมิกทันที
   “บ้า....ไม่มี" มิกพูดพลางอมยิ้ม "ไหนๆ เอาของตัวเองมาดูบ้างดิ"
   มิกพูดพลางชะเง้อไปดูของฟ้า
   “เห้ย เดี๋ยวนี้มีลงสีสัน" มิกพูดวิจารณ์งานของฟ้า ที่สะบัดสีลงไปจนทั่ว แต่ก็มองออกว่าเป็นภาพอะไร "เห็นเมื่อก่อนก็ดาร์คอย่างเดียวเลย"
   “โอ๊ย มันก็ต้องเปลี่ยนกันบ้างแหละน่า" ฟ้าว่าพลางอมยิ้ม
   “เปลี่ยนแนววาดรูปแบบนี้นี่แสดงว่า....มีความรักอ่ะดิ" มิกแซวกลับ
   “บ้า....ไม่มี" ฟ้ายิ้มกริ่ม "จะไปมีกับใครเล่า"
   “ถามจริง ผ่านมาสามปีแล้วเนี่ย แกมีแฟนยังวะ" มิกถามเธอตรงๆทันที ฟ้าเงียบไปพักนึง ก่อนส่งสายตาหามิกเป็นประกาย
   “ก็....มีคนที่ชอบอยู่แล้วล่ะ" ฟ้าตอบ
   “โห...อยากเห็นหน้าไอ้คนนั้นจัง แม่งต้องเก๋าเกมส์น่าดู" มิกว่า
   “ทำไมล่ะ" ฟ้าขมวดคิ้ว
   “ก็ถ้าจะเข้าใจคนอย่างฟ้าได้นะ มันต้องล้ำลึกมากอ่ะ" มิกตอบ
   “แหม ก็ถ้าฟ้าจะคบใครซักคนนะ คนคนนั้น ก็จะต้องคิดอะไรเหมือนๆกับฟ้า แล้วก้เข้าใจฟ้าอยู่แล้วล่ะ" เธอยิ้มตอบ "แล้วมิกล่ะ มีแฟนหรือยัง"
   มิกมองหน้าฟ้า ภาพของเอิร์ธแว้บเข้ามาในสมอง
   “มี" มิกตอบเบาๆ
   “เห้ย จริงเหรอ" ฟ้าพูดพลางเขย่าตัวมิก "ใครอ่ะ พระเจ้า คงเป็นคนที่น่าอิจฉามากๆ"
   “ไม่ขนาดนั้นหรอก" มิกพูดแก้เก้อ
   “ไอ้รูปที่วาดนี่ก็เป็นมิกกับแฟนใช่มะ ต้องใช่แน่ๆเลยอ่ะ" ฟ้าร้องเสียงดัง "ใช่ไหมมิก ใช่ไหม"
   “อา....ช่างเหอะน่า" มิกพูดปัด "รีบวาดให้เสร็จเหอะเดี๋ยวจะเย็น"
   “ฟ้ารอแสงตอนเย็นอยู่อ่ะ" เธอตอบ "อีกประมาณครึ่งชั่วโมงอ่ะถึงจะเก็บรายละเอียด"
   “อ่าหะ แต่เราจะลงเอ้าท์ไลน์ไว้ก่อนอ่ะ เดี๋ยวจะมาเก็บรายละเอียดอีกที" มิกพูด
   “มิกจะมาอีกเหรอ" ฟ้าถาม
   “ช่าย เราไม่ค่อยอยากเร่งรูปให้เสร็จอ่ะ เราอยากค่อยๆวาดไป" ​มิกพูด พลางมองออกไปยังสะพาน
   “อ่อ....งั้นเอาอย่างนี้ไหมล่ะ ทุกๆเย็นวันเสาร์ เรามาเจอกันที่นี่ แล้วก็วาดรูปที่นี่ ถ้ารูปที่นี่เสร็จแล้วเราก็นัดกันที่อื่นอีก เหมือนตอนเราทำชมรมไง" ฟ้าว่า
   “อืม ก็ได้นะ ดีเหมือนกัน จะได้กลับมาทำอะไรที่ชอบอีก" มิกพูด
   “ฟ้าก็เหมือนกัน" หญิงสาวยิ้มกว้าง "ฟ้าก็จะได้กลับมาเจออะไรที่ชอบเหมือนกัน.....งั้นคราวหน้าอ่ะ มิกพาแฟนมิกมาด้วยสิ ฟ้าอยากเจอ"
   “จะดีเหรอ" มิกเหยปาก เพราะอันที่จริงฟ้าก็เกือบจะเจออยู่แล้ว ถ้าเอิร์ธไม่งี่เง่าขึ้นมาซะก่อน เพราะมิกกะจะให้เอิร์ธมาพบกับฟ้า เพื่อให้เป็นที่ปรึกษาเรื่องโปรเจ็คการฝึกงานของเอิร์ธอีกคน
   “ดีสิ" ฟ้าตอบ
   “งั้นฟ้าก็พาคนที่ฟ้าชอบมาด้วยสิ" มิกย้อนกลับบ้าง
   “โหย เขาไม่มาหรอก" ฟ้าพูด "แค่จะบอกเค้าอ่ะ ฟ้ายังไม่กล้าเลย"
   “จริงดิ" มิกพูด "เอ่อ...เราก็เคยเป็นนะ สมัยเรียน เราแอบชอบเพื่อนอยู่ ไม่เคยกล้าบอกเลยอ่ะ เพิ่งมาบอกตอนทำงานแล้ว ฮ่าฮ่า"
   “เหรอ ใช่คนนี้หรือเปล่า" ฟ้าถาม
   “ไม่ใช่อ่ะ คนนั้นเขามีคนอื่นไปแล้ว" มิกว่า
   “เหมือนฟ้าเปี๊ยบเลย" เธอยิ้มกว้าง "สมัยนู้นฟ้าก็....แอบชอบ...เพื่อนคนนึงอยู่เหมือนกัน ยังไม่เคยได้บอกจนถึงตอนนี้ แถมตอนนี้เขาก็มีคนอื่นไปแล้วด้วย"
   “ดราม่าเลยฟ้า" มิกพูดเสียงติดตลก
   “นั่นสิ" ฟ้าหัวเราะร่วนก่อนจะกลับไปนั่งวาดรูปต่อ "ถ้ามิกอยากกลับก่อนก็ได้นะ ฟ้าอยากจะอยู่ต่ออีกหน่อย"
   “เห้ย ไม่เป็นไร วาดต่อก็ได้ เดี๋ยวเราไปส่ง" มิกว่า
   “ไม่เป็นไร มิกกลับไปเหอะ เชื่อฟ้าสิ" เธอยิ้มให้กับรูปภาพของเธอ
   มิกเหมือนจะเข้าใจในอะไรบางอย่าง
   “เอ่อ....งั้น....เรากลับก่อนนะ" มิกพูดพลางเก็บข้าวของ
   “อื้อ....กลับบ้านดีดีนะ" ฟ้าหันมายิ้มให้เขา ก่อนจะกลับไปนั่งวาดรูปตามเดิม
   มิกลุกขึ้นจากที่นั่ง พลางเดินจากมา เขามองไปยังฟ้าแว้บหนึ่งก่อนจะทิ้งเธออยู่กับภาพวาดเพียงลำพัง
   หญิงสาวก้มหน้าลง น้ำตาเม็ดใสๆไหลอาบหน้า เปื้อนรอยยิ้มที่อยู่เบื้องหน้าของรูปภาพ มือน้อยๆป้ายสีดำลงบนผืนแคนวาสอย่างไม่รู้สึกตัว จนในที่สุด สีสันทั้งหลาย ก็เหมือนจะกลับมามืดลงอีกครั้งหนึ่ง
….............
   มิกกลับเข้ามาในสตูดิโอได้ทันเวลาก่อนเลิกงาน นัทและสาหันมามองเขาเป็นสายตาเดียว
   “ไปไหนมาอ่ะ" นัทถามขึ้น
   “อ๋อ ไปวาดรูป" มิกตอบพลางเดินมาที่โต๊ะ ก่อนจะวางของทุกอย่างลง
   “ไปกับฟ้าอ่ะเหรอ" สาถามต่อ
   “อ่าหะ" มิกรับคำก่อนจะหายเข้าไปในครัว พลางหยิบน้ำมาดื่ม "มีอะไรเปล่า"
   “พวกฉันต้องถามแกต่างหากว่ามีอะไรเปล่า" นัทถามมิกที่นั่งลงอย่างสบายอารมณ์
   “หือ" มิกหมุนเก้าอี้มาหานัทเมื่อรู้สึกว่าน้ำเสียงและสายตาของเพื่อนรักทั้งสองดูแปลกๆ "ทำไมฉันถึงจะมีอะไร วันนี้ก็ปกติดีนี่ ไม่มีอะไร สบายๆอ่ะ"
   “เหรอ" สาค่อยๆพูด
   “ทำไมเหรอ" มิกเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีแล้ว
   “ไม่มีหรอก" สาหันมามองหน้านัทที่เลิกคิ้วกว้าง
   “แล้วมีไรกันป่ะเนี่ย" มิกถามทั้งคู้
   “อ๋อ ไม่มีไรหรอก" นัทชิงตอบก่อนแม้ว่าสาจะยังคงมองหน้ามิกอยู่ "จะบอกว่าฉันกับสาจะไม่อยู่อาทิตย์นึง จะไปลาว ฉันอยากจะไปด้วยน่ะ"
   “อ้าว ทิ้งฉันหมดเลยซะงั้น" มิกพูด "อยู่กับไอ้เอิร์ธสองคนก็ได้วะ"
   เหมือนว่าคำพูดของมิกทำให้ทั้งห้องเงียบสนิทลง ทันที มิกรู้สึกถึงความเงียบที่เข้าปกคลุมอย่างประหลาด มิกมองไปรอบๆที่สาและนัทมองเขานิ่ง
   “ฉันว่าแปลกๆและ มีไรกัน" มิกถามทันที "เกี่ยวกับเอิร์ธหรือเปล่า"
   สามองหน้านัทครั้งหนึ่งก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างมาให้มิก เขารับมันมา มันเป็นสมุดรายงานเล่มหนาๆที่จ่าหน้าตราของมหาลัย เป็นสมุดรายงานผลการฝึกงานของเอิร์ธ
   “อ่อ...เออใช่ ฉันก็ว่าจะถามมันเรื่องเล่มนี้อยู่ ฉันต้องเขียนให้มันน่ะ" มิกว่าพลางเปิดออกอ่าน
   “น้องมันจะไปแล้วนะ" สาพูดขึ้นทันที
   “ไป?..... ไปไหน" มิกถามขึ้นทันที
   “145 วัน" นัทพูดขึ้น "เวลาฝึกงานของเจ้าเอิร์ธไง"
   “นายคงไม่คิดว่ามันจะอยู่เป็นลูกน้องเราตลอดไปหรอกนะ น้องมันเหลือปีสี่อีกปีน่ะ" สาพูด แม้ว่าใบหน้ายังคงซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้"
   “อะไรกันวะ อยู่มาตั้งนาน ไม่เห็นพูดเรื่องนี้ให้ฉันรู้เลย" มิกว่า พลางหยิบปากกา ออกมาเริ่มเขียนรายงานลงไปในสมุดนั่น "ฉันเองก็ลืมนึกไปเหมือนกัน แล้วนี่มันไปไหนเนี่ย เรียกมันมคุยหน่อยดิ๊ เห็นแม่งเหวี่ยงใส่ฉันตั้งแต่เที่ยงแล้ว"
   “นั่นไง!!!” สาปบมือเผาะ ขณะที่นัทเหลือกตาขึ้นทันที "ว่าแล้วเชียว"
   มิกหันควับมาหาทั้งคู่ทันที
   “อะไรวะ" มิกถามขึ้น โดยมือยังถือปากกาค้างอยู่
   “แกทะเลาะกับมันนี่" สาพูดทันที
   “ทะเลาะอะไร ไม่ได้ทะเลาะ" มิกพูดเสียงเข้ม "แม่งชวนฉันทะเลาะเองต่างหาก ว่าจะนัดไปหาฟ้า ให้เขาเป็นวิทยากรพิเศษช่วยมันเรื่องโปรเจ็ค Loveless Societyที่ให้มันทำเนี่ย แม่งเป็นห่าไรไม่รู้ หงุดหงิดใส่ฉันแล้วก็กลับมานี่เองเลย"
   “แค่นั้นเหรอ" สาถาม
   “แค่นั้นแหละ" มิกว่า
   “งั้นแกอ่าน อ่านดีดี" สาชี้ไปยังรายงานที่อยู่ในมือมิก มิกก้มหน้าลงอ่าน
   ในหน้าตารางตลอดเวลา 145 วันที่เอิร์ธฝึกงานอยู่ที่นี่ถูกเขียนเอาไว้ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ว่าเอิร์ธทำอะไรลงไปบ้าง ถูกเขียนด้วยปากกาด้ามเกียว สีเดียวกันตลอดทั้งเล่ม และสิ่งที่เขียนลงวันนี้ก็คือ

   …..เตรียมตัวส่งคอนซัลด์โปรเจ็คไฟนอล.....

   “บ้า!!!” มิกร้อง "ไฟนอลเหี้ยไร งานยังไม่จบน่ะเว่ย"
   “งั้นเหรอ" สาพูด "เอิร์ธกลับมาถึงนี่ไม่พูดพร่ำทำเพลง คว้าเล่มนี้ขึ้นมานั่งเขียนใหญ่เลย ชั้นก็นึกว่าแกสั่งก็เลยไม่ได้ใช้อะไรให้ทำรบกวน"
   “ไปกันใหญ่แล้ว" มิกว่า "ฉันลืมไปด้วยซ้ำว่ามันฝึกงานกับเราครบชั่วโมงแล้วหรือยัง ไม่เคยเห็นเล่มนี้เลยด้วย แล้ว...เหี้ย แม่งนับเวลาไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะ"
   “ก็วันนี้ไง" นัทตอบให้ "น้องมันนั่งกางปฏิทินแล้วก็นับถอยหลังไปไง"
   “ดูท่าทาง มันคงอยากจะจบการฝึกงานกับแกขึ้นมาซะงั้น" สาพูดให้คำตอบ "เอาจริงๆไอ้เล่มนี้อ่ะ ถ้าที่ที่ไม่เข้มงวด อย่างเช่นที่ออฟฟิศเราอ่ะ เขียนเมคๆ เอาก็ได้ บางคนนั่งเขียนเอาก่อนเปิดเทอมโน่น เพราะยังไม่อยากกลับไปเรียนไง"
   “ก็ใช่อ่ะดิ" มิกว่า "ก็คนที่ทำแบบนั้นก็ฉันไง"
   “งั้นฉันจะถามอีกที" สาว่าพลางกอดอก "แกมีอะไรหรือเปล่า ในวันปกติสบายๆของแกเนี่ย"
   มิกก้มหน้าลงกับสมุดรายงานเล่มนั้น ก่อนจะกำหมัดแน่น
   “ชิบหายและ"
   เขาเก็บของทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะในเวลาไม่ถึงนาที และรุดออกจากสตูดิโออย่างรวดเร็ว สาและนัทมองหน้ากันครั้งหนึ่ง
   “ฉันว่าวันนี้จะไม่มีอะไรแล้วเชียวนะ" สาพูดพลางยิ้มให้นัท ที่เลิกคิ้วใส่เธอและหันกลับไปเล่นคอมต่ออย่างเพลิดเพลินใจ
…....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-11-2011 00:13:05 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ yoyo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
โอ๊วว สู้ๆนะมิก  สู้ๆนะคะ M2M_Jill
เกาะติดคนโพสเลยจ้าา
Go go mickey!!

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
บื้อเป็นบางเวลานะ  มิก  อย่าบ่อยนักล่ะ  เบื่ออออ

ออฟไลน์ yoyo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
กลับมาเถิดหนาคนดี ฮื๊อฮือ
รออยู่นะจ๊ะ

+อีกจึ๊ก

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
นายมิกนะนายมิก :เฮ้อ:

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 29 I'm Fine

   มิกเปิดระตูบ้านที่ถนนเจริญกรุงอย่างดัง หากจะนับว่าเป็นการขับรถที่เร็วที่สุดในชีวิตของมิกก็ว่าได้ กับเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงจากออฟฟิศกลับมาถึงบ้าน ในเวลาที่รถติดขนาดนี้
   “เอิร์ธ" มิกร้องเรียกทันที "ไอ้เอิร์ธ"
   เสียงอันดังของมิกดังไปลั่นบ้าน แต่ทว่าไร้ซึ่งเสียงดใตอบกลับมา มิกมองไปรอบๆ อย่างเป็นกังวล
   “เอิร์ธ อยู่ไหนวะ" มิกร้องอีกที ก่อนจะเดินเข้ามาในบ้าน วางกุญแจรถ แล้วเดินออกไปยังชายน้ำ ร่างๆนึ่ง นั่งกอดเข่าอยู่ริวน้ำตรงนั้น มิกถอนหายายใจหนึ่งครั้งก่อนจะรุดลงไปนั่งข้างๆ
   “เรียกตั้งานไม่ขานวะ" มิกพูดพลางมองไปหาเอิร์ธที่มองไปยังสายน้ำยามเย็นอย่างแน่นิ่ง "เป็นไรคับ"
   เอิร์ธส่ายหน้าน้อยๆ ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นนิ่งสนิท มองหน้าใสใสของเอิร์ธ ก่อนจะหันไปมองสายน้ำเช่นกัน
   “ปัญหาเกิดขึ้นกับพี่แล้วก็พี่นัทเยอะมากนะ" มิกพูดขึ้น "ส่วนใหญ่เกิดจากการไม่พูดกัน"
   เอิร์ธหันมามองหน้ามิกพลางเลิกคิ้ว
   “ทำไม" เอิร์ธขึ้นน้ำเสียง "พี่จะพูดอะไรมากขึ้นงั้นรึไง"
   เอิร์ธว่าพลางลุกขึ้นทันที
   “เห้ยไอ้เอิร์ธ แกเป็นไรของแกวะ" มิกลุกพรวดพราดตามทันที
   “ผมก็เป็นของผมงี้แหละพี่" เอิร์ธหันมาหามิกที่กำลังหัวเสีย
   “อย่าทำแบบนี้ใส่พี่ พี่ไม่ชอบ" มิกว่าทันที
   “ไม่ชอบก็ไม่ชอบดิพี่" เอิร์ธว่าพลางหันหลังกลับอีก
   “ไอ้เอิร์ธ" มิกคว้าแขนเอิร์ธทันที "อย่าหันหลังให้พี่"
   “พี่ต่างหาก หันหลังให้ผมอ่ะ" เอิร์ธว่า มิกขมวดคิ้วทันที
   “นี่แกหงุดหงิดเรื่องพี่กับฟ้าอ่ะดิ" มิกพูด "พี่บอกให้แกเข้าใจไว้ด้วยนะ ว่าฟ้ากับพี่ไม่ได้มีอะไรกัน"
   “ผมไม่ได้คิดเรื่องนั้น" เอิร์ธว่า
   “แล้วแกเป็นบ้าอะไรเนี่ย" มิกพูดพลางล้วงเอาสมุดรายงานออกมา และวางลงตรงหน้าเอิร์ธ "แล้วนี่มันหมายความว่าอะไร"
   เอิร์ธมองมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ
   “ผมต้องไปแล้ว" เอิร์ธพูดเบา
   “ไม่เข้าใจว่ะ พูดบ้าอะไรของแก" มิกถามอีก
   “ก็ผมฝึกงานกับพี่มาสามเดือนแล้ว ครบเวลาแล้วไงล่ะ" เอิร์ธตอบ
   “แล้วทำไมก่อนหน้านี้ ไม่เห็นนายจะเป็นเดือดเป็นร้อนเรื่องนี้เลย ไหงถึงจะมาอยากเลิกฝึกงานตอนนี้วะ" มิกพูดใส่หน้าเอิร์ธ "ใครอนุญาติ โปรเจ็คแกก็ยังไม่ได้ส่งฉันนะเห้ย"
   “พี่ก็ไม่เห็นจะอยากดูโปรเจ็คผมซะเท่าไหร่เลยนี่ เห็นออกไปแต่ข้างนอก รับงานโน่นนี่ พี่ยุ่งมากขึ้นแล้วนะ" เอิร์ธว่า "ผมจะส่งงานไฟนอลกับพี่วันศุกร์หน้า ไม่ว่าพี่จะอยากให้ผมส่งหรือเปล่า แต่ผมจะส่ง แล้วก็จบการชั่วโมงฝึกงานของผม"
   มิกจ้องหน้าเอิร์ธ ตาแทบถลน
   “แกเป็นเหี้ยอะไรของแกวะ" มิกเริ่มหมดอารมณ์
   “ผมไม่ได้เป็นอะไร พี่อ่ะแหละเป็นอะไร" เอิร์ธย้อนถามทันที มิกมองหน้าเอิร์ธ ที่มองมิกเหมือนไม่เคยเห็นเขามาก่อน
   “นายไม่เคยเป็นแบบนี้เอิร์ธ พักนี้นายเหวี่ยงใส่พี่อยู่ตลอดเวลา พี่ไม่ชอบนะเว่ย" มิกว่าทันที เอิร์ธหลับตา
   “ผม...ช่วงนี้ผมหงุดหงิดพี่" เอิร์ธว่า พลางถอนหายใจ
   “เรื่อง?” มิกถามต่อ
   “ก็หลายเรื่อง ผม...ผมมานึกขึ้นได้ว่าผมควรจะจบชั่วโมงฝึกงานกับพี่ได้แล้ว ผม...มันจะเปิดเทอมแล้ว" เอิร์ธว่าพลางหลบสายตา "ผม ไม่อยากรบกวนเวลาพี่อีกแล้ว แค่ทุกวันนี้พี่ก็ยุ่งมากพอแล้ว ผมมาอยู่กับพี่ทั้งคืนแล้วด้วย เวลากลางวันพี่ก็ควรได้เวลาสบายๆบ้าง"
   “แต่พี่ไม่ได้ขอ" มิกว่า
   “พี่ไม่ต้องขอหรอก ผมให้พี่เอง" เอิร์ธว่าพลางเดินไปยังครัว มิกส่ายหัวๆ
   “นั่นไม่ใช่ทั้งหมดอ่ะ แกมีอะไรก็บอกมาดีดีดีกว่าเอิร์ธ พี่ไม่ชอบว่ะแบบนี้อ่ะ อึดอัด" มิกว่า เอิร์ธยืนนิ่งทันที "มันไม่น่าอายหรอก ถ้าแกจะบอกว่าหึงพี่อ่ะ"
   เสี้ยววินาทีมิกรู้สึกว่าเหมือนเอิร์ธเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
   “พี่คิดได้ไงอ่ะ พี่คิดว่าผมหึงพี่จริงๆเหรอ ผมไม่ได้หึงพี่ซะหน่อย พี่จะไปไหนกับใคร มันก็สิทธิ์ของพี่ ผมจะไปหึงพี่ได้ไง มัน....." เอิร์ธหันมาโวยวายทันที มิกถึงกับต้องผงะถอยหลังเมื่อเอิร์ธ ใช้เสียงกรูเข้ามาใกล้ "ผมไม่ได้หึงพี่นะ....”
   “ไอ้เอิร์ธ" มิกคว้าหมับเข้าที่แขนของเด็กหนุ่มที่เงียบเสียงลงทันที ขณะมองเข้ามาในตาของมิก
   “ผมไมได้หึงพี่จริงๆนะ" เอิร์ธพูดใส่มิก ที่เอียงคอทันที
   “นี่แกไม่ปกติจริงๆด้วย ไอ้ลูกหมาเอ้ย" มิกว่าก่อนจะลากมิกกลับไปนั่งริมน้ำตามเดิม นั่งด้วยท่าทางเดิมๆ คือการจับมิกหันหน้ามาประชันกับตัวเองในท่าขัดสมาธิ
   “ผมไม่ได้หึงนะพี่มิก" เอิร์ธว่า
   “นี่แกไม่รู้จักวิเคราะห์ตัวเองอีกแล้วเหรอวะ สอนแล้วไม่จำ" มิกว่า
   เอิร์ธมองหน้ามิกนิ่ง
   “พี่จะบอกอะไรให้นะเอิร์ธ แกอ่ะมันเด็กดื้อตาใสมาก" มิกว่า "แกพยายามทำทุกๆอย่างด้วยการจับเอาทุกเรื่องมันมาเท่ากับกันให้หมดเลยใช่หรือเปล่า เรื่องบางเรื่องมันไม่ได้หมายความอย่างนั้นทั้งหมดหรอก"
   เอิร์ธยังคงมองมิกอยู่ มองด้วยสายตาที่เหมือนเด็กกำลังเริ่มเรียนอะไรบางอย่างใหม่
   “เอาล่ะ เรามาเริ่มกันใหม่ ช้าๆนะไอ้น้อง" มิกว่า "เรื่องสมุดนั่นอ่ะ ทำขึ้นมาทำไม"
   “ผม...”
   “ก่อนตอบอ่ะ คิดก่อน" มิกว่าพลางเลิกคิ้ว "เอาเรื่องจริง ไม่เอาอารมณ์"
   เอิร์ธมองมิกพลางกัดฟัน ก่อนจะหันหน้าไปทางอื่นทันที มิกเลิกคิ้ว
   “ผมประชด..พี่" เด็กหนุ่มตอบเบาๆ
   “อ่อ....” มิกผงะออก "แล้ว....ไงอีก"
   “ก็ ผมไม่รู้จะทำไงให้พี่เอ่อ.......สนใจผมบ้างอ่ะ...ก็เลย ทำเรื่องนี้ขึ้นมา" เอิร์ธว่า แม้ว่าใบหน้าเด็กหนุ่มตอนนี้ คิ้วแทบจะขมวดเป็นเลขแปดอยู่แล้ว
   “อ่า" มิกรับคำก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ
   “แต่ผมสาบานได้ว่าผมไม่ได้หึงพี่เรื่องพี่ฟ้านะ มันไม่ใช่เรื่องนั้น ผม ผม....ผมแค่...ผมแค่" เอิร์ธมองหน้ามิกก่อนจะขมวดคิ้ว และเมินไปทางอื่นอีก "ผม...แม่งอยากต่อยพี่ว่ะ"
   “อ้าว เหี้ย" มิกสบถ "ไหงงั้นวะ"
   “ก็พี่อ่ะ แม่ง.....” เอิร์ธว่า "พี่ทำอะไรไม่นึกถึงผมบ้างเลยเหรอ ผมทำอะไรให้พี่มาตั้งเยอะอ่ะ แคร์ผมบ้างดิ ผมห่วงพี่นะ"
   มิกแอบยิ้มในใจ
   “เดี๋ยวนี้อ่ะพี่ก็เอาแต่รับโทรศัพท์อ่ะ รับแม่งอยู่นั่นแหละ ก่อนหน้านั้นตอนวันงาน พี่ก็ทักคนเค้าไปทั่วงาน พี่รู้จักเค้าเหรอ ไม่เห็นมาหาผมบ้างเลยอ่ะ" เอิร์ธว่า "แล้วแม่งหลังจากนั้น คนก็เอาแต่โทรหาพี่ไปโน่นไปนี่ พี่ก็ไปใหญ่เลย พี่ฟ้าก็อีกคน"
   “เห้ยๆๆๆ พอก่อนให้โอกาสพี่แก้ตัวบ้างดิ" มิกว่าพลางชูมือป้อง "เป็นคนคิดเยอะนะแกเนี่ย"
   เอิร์ธคำรามในคอครั้งหนึ่งก่อนจะหันไปอีกครั้ง
   “คอเคล็ดแล่ว" มิกว่าพลางกลั้นหัวเราะ
   “พี่หัวเราะผมเหรอ นี่พี่.....”
   “เห้ย พอแล้ว ขอโทษครับ" มิกว่าพลางจับเอิร์ธเขย่าตัว "จะฟังได้ยัง"
   เอิร์ธหันมามองมิก ทำท่าเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่นาน ก่อนจะหยักหน้าน้อยๆ
   “เอิร์ธ แกเองไม่ได้ดูตัวแกเองเลยนะ แกเองก็ทำให้พี่ไม่พอใจเหมือนกัน ไอ้ตอนวันงานอ่ะ" มิกว่า
   “ไม่พอใจอะไรพี่ ผมช่วยพี่มาตั้ง....”
   “เงียบ แล้วฟัง" มิกชี้หน้าเอิร์ธอีกครั้ง "รู้แล้ว ว่าแกช่วยพี่ แต่แกเองก็เที่ยวหลงไปกับสาวๆในงานเหมือนกัน พี่ก็ไม่พอใจเว่ย"
   “โหยพี่ นั่นมันก็ปกติผมอ่ะ ผมอ่ะ มีคนมาติดเยอะแยะอยู่แล้วพี่ แต่ผม...”
   “ไม่ได้คิดอะไร" มิกว่าแทน เอิร์ธพยักหน้ารับ "แล้ว แกคิดบ้างป่าว ว่าคนอื่นเค้าคิด"
   “ผมก็เป็นผมเงี้ยอ่ะพี่" เอิร์ธว่า
   “งั้นแกมองมุมกลับ พี่ก็เป็นของพี่เงี้ย เหมือนกันอ่ะแหละไอ้เอิร์ธ" มิกว่าพลางยืดหลังตรง "พี่ไม่พอใจแกก็จริง แต่พี่ก็ไม่ได้เก็บเอามาคิดเว่ย แต่แกต่างหาก ไม่พอใจอะไรแล้วก็เอากลับมาคิดมาก เหวี่ยงใส่ พาคนอื่นเค้าแตกตื่นกันหมด"
   “ถ้าพี่ไม่พอใจอะไรพี่ก็บอกผมดิ ผมจะได้....”
   “อย่ามา อย่ามา แกไม่เปลี่ยนตัวเองหรอก" มิกว่า "พนันดิ"
   มิกก้มตัวลง
   “แต่ผมไม่ชอบ" เอิร์ธว่า "ที่ผมมาอยู่กับพี่ที่นี่อ่ะ ก็เพื่อให้พี่คอยดูแลผมนะ ไม่ได้ให้พี่หายไปไหนมาไหนกับคนอื่นนะพี่"
   “อย่าด่วนสรุปไปงั้นดิวะ พี่ไม่ได้รับปากแกนะเว่ย จำได้ป่าว" มิกว่า "ไอ้เอิร์ธ พี่จะดูแลแกเว่ย แต่หลังจากตอนนี้ไป ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปมาก มันอาจจะมีอะไรอะไรเข้ามาอีกเยอะแยะในชีวิตพี่ อย่างแกเอง แกก็กำลังจะเปิดเทอมแล้ว แกจะต้องทำโปรเจ็คจบน่ะเว่ย แล้วยังเรื่องแม่แกตอนกลับมา แกจะบอกพวกเขาว่ายังไงอีก คิดไว้ยัง"
   เอิร์ธก้มหน้าลง
   “ผม...ผมยังไม่ได้คิดเรื่องนั้นอ่ะพี่" เอิร์ธว่า
   “เห้ย ไม่ได้ดิ" มิกว่า "ถ้าวันนึงปัญหามันเข้ามา แกต้องพร้อมรับมือนะเว่ย แกจะให้พี่คอยจัดการปัญหาให้แกตลอดไปอย่างวันนี้ไม่ได้นะ"
   “แต่ผมอยากอยู่กับพี่อย่างนี้ตลอดไปอ่ะ" เอิร์ธว่า "ไม่ได้เหรอพี่"
   มิกมองหน้าเอิร์ธอย่างจริงใจ
   “ถ้า ไม่มีอะไรมาทำให้เรื่องของเราต้องพังลงไป" มิกว่า "พี่ก็อยากอยู่กับแกไปอย่างนี้เหมือนกันนั่นแหละ"
   ทั้งคู่มองหน้ากันอยู่อย่างนั้น บางสิ่งจากดวงตาของทั้งคู่กำลังบ่งบอกกันเละกันว่า มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นเลย
   ไม่เลยซักนิด....
…..................
   "ยกอันนั้นด้วยค่ะ ใช่ค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ อ่า แล้วก็มีขาตั้งกล้องอีกอันค่ะ ใช่ค่ะ ระวังหน่อยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ" เสียงของสากำกับพนักงานที่กำลังขนของของเธอขึ้นรถตู้ที่จอดอยู่หน้าออฟฟิศในวันศุกร์ เธอยังคงมีพลังงานอันเต็มเปี่ยมในเช้ามืดวันนี้ หรือจะพูดให้ถูกก็คือพลังงานของวันก่อนของเธอยังไม่หมดลงนั่นเอง
   “ครับ ได้ครับ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวไปเจอกันที่โน่นเลยก็ได้ครับ ครับดีครับ ขอบคุณมากครับ" นัทวางโทรศัพท์ลง ขณะที่สาเดินมาหาเขา
   “ว่าไง คุณไชยรัตน์ว่าไงแก" สาถามทันที
   “เค้าเนื้อเต้นเลยล่ะพอรู้ว่าฉันไปด้วย โทรไปจองที่พักให้ฉันเพิ่มทันทีเลยแหละ เค้าบอกให้เราขึ้นเครื่องไปลงที่สกลนคร แล้วต่อรถไปลาว" นัทว่าพลางยักไหล่ "เค้าบอกว่าไม่นึกว่าแกอ่ะจะพาฉันไปด้วย เพราะเขาไม่กล้ามาติดต่อฉันเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นลูกค้ารายเล็ก"
   “เล็กบ้าบออะไร คุณไชยวัฒน์เป็นเจ้าของธุรกิจโฆษณาขนาดเล็กก็จริง แต่เขาเป็นคนแรกที่ไปเปิดตลาดที่ลาวนะ สองปีมานี่เขาครองเงินคนลาวไปเจ้าเดียวเลยด้วยในแวดวงโฆษณานี่อ่ะ" สาอธิบาย "ที่เขาจ้างฉันเพราะฉันคิดตัวเองถูกต่างหากล่ะยะ ตานี่เค็มจะตาย แล้วที่สำคัญนะ มานี่ๆๆ"
   สาลากนัทมาอยู่ใกล้รัสมีกระซิบของเธอ
   “เค้าลือกันว่าตานี่หัวงู ตอนแรกฉันจะเอามาร์คไปด้วย แต่เขาติดถ่ายแบบที่หัวหินน่ะ ฉันเลยเอาแกไปด้วยน่ะ" สาว่า
   “อ่อ ไม้กันหมาสินะ" นัทพูดใ่ส่เธอ สาหัวเราะแห้งๆ "เห้ยว่าแต่แกไหวป่ะเนี่ย แกรับมางานนี้งานที่สามแล้ว แกเดินทางตลอดเลยนะสา"
   “อ๋อ ฉันไหวแก ไม่เป็นไร น้ำขึ้นก็ต้องรีบตัก อย่างนี้แหละ ขอบใจที่ห่วงเว่ย" สาว่าพลางยกกระเป๋าส่วนตัวขึ้นรถ "ไปกันเหอะแก เดี๋ยวไม่ทันเครื่อง"
   “อ่าหะ" นัทว่าพลางขึ้นบนรถตู้ทันทีก่อนมันจะมุ่งหน้าไปยังสนามบินดอนเมือง เพื่อออกบินเฉพาะภายในประเทศ
   “คุณไชรัตน์บอกว่า นายแบบจะขึ้นเครื่องไปกับเราด้วย เขาจะจะเจอเรามีดอนเมืองน่ะ" สาว่าขณะอ่านข้อความในโทรศัพท์
   “นายแบบเป็นใครเหรอ" นัทว่า
   “น้องโอ๊ตน่ะ" สาว่า "น้องโอ๊ตที่เป็นนักร้องไง ที่ตอนนี้กำลังดังออก"
   “อ๋อ ว่าแต่ไปงานทำบุญใหญ่เนี่ยนะ ทำไมต้องมีนายแบบด้วยล่ะ" นัทถาม
   “มันจะเป็นภาพถ่ายแนวสารคดี คุณไชยรัตน์ตั้งใจจะให้งานภาพถ่ายของฉันชิ้นนี้เป็นสื่อกลางในการช่วยประชาสัมพันธ์ให้มีการไปลงทุนในลาวมากขึ้น น้องโอ๊ตจะมาเป็นพรีเซนเตอร์กึ่งนำพวกเราเที่ยวไปในหลวงพระบาง ซึ่งทั้งที่จริงแล้ว น้องเค้าก็ไปพร้อมเราครั้งแรกนั่นแหละ" สาสาธยาย "และพอดีว่าเขากำลังมีงานบุญใหญ่กันที่นั่น คุณไชยรัตน์ก็เลยอยากให้ฉันไปเก็บบรรยากาศที่นั่นเอาไว้ด้วย ฉันก็ว่ามันก็น่าจะสนุกดีนะ คอนเซปต์ถึงจะแอบเฟคๆ แต่มันก็โอเค"
   “อ่อ" นัทพยักหน้ารับ "น่าสนใจดีแหะ ดีเหมือนกัน ฉันก็จะได้ไปถ่ายรูปด้วยอีกคน"
   “อ่าหะ อ้อ แต่พอดีว่าแกตกลงไปกับฉันเพิ่มทีหลังอ่ะ แกไม่ได้ที่นั่งบนเครื่องติดกับฉันหรอกนะ แต่ว่าจะเป็นข้างๆกันถัดไปอ่ะ เพราะที่นั่งของฉันเป็นฉันกับน้องโอ๊ต" สาพูด
   “อ่าหะ ไม่มีปัญหาหรอก แค่ลูกค่าให้ฉันไปด้วยฉันก็ดีใจจะตายแล้ว" นัทว่า
   “ที่ออฟฟิศก็เหลือแค่สองคนสินะ" สาว่า
   “อ่าหะ แต่ก็คงไม่ได้อยู่เท่าไหร่ มิกบอกว่าเอิร์ธจะต้องจบโปรเจ็คแล้ว มันจะพาน้องออกไปตะลุยงานหนักเลยกับอาทิตย์ที่เหลือนี่" นัทอธิบาย
   “อ้าว ไหนว่าจะมีเรื่องกันว่ามันจะไม่ให้เอิร์ธมันจบโปรเจ็คง่ายๆ" สาถาม
   “ไม่รู้เหมือนกัน" นัทยักไหล่ สาพยักหน้ารับก่อนจะเริ่มเอนหลัง "โอ็ยยย เอาจริงๆฉันก็เหนื่อยอยู่หรอก เจ็ทแลกแน่ๆเลย"
   “จะเจ็ทแลกบ้านเธอสิ นั่งแค่ครึ่งชั่วโมง" นัทว่า
   รถตู้พาทั้งคู่มาส่งยังท่าอากาศยานดอนเมือง ทั้งสามจัดการกับการตรวจสอบตั๋วเครื่องบินและสัมภาระอยู่ครึ่งชั่วโมง พอดีกับที่ได้พบกับน้องโอ๊ต ที่มีสวมแว่นดำและทำลับๆล่อๆมาหานัทและสา
   “โหน้องโอ๊ต อดนอนมาเหรอคะเนี่ย" สาร้องทักก่อน
   “ปล่าวหรอกครับพี่ ผมหลบแฟนคลับน่ะ" โอ๊ตพูดขำๆขณะรอให้พนักงานตรวจสอบสัมภาระของตัวเอง
   “เอ่อนี่น้องโอ๊ต นี่พี่นัทนะ เป็นดีไซน์เนอร์อยู่ที่เอเจนซี่เดียวกับพี่ เดี๋ยวเขาจะไปกับเราทริปนี้ด้วยน่ะ" สากล่าวแนะนำ ขณะที่นัทเอื้อมมือไปจับมือทักทายศิลปินคนดัง
   “ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ" โอ๊ตกล่าว
   “เช่นกันครับน้อง" นัทยิ้มให้ รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อยที่ต้องร่วมทางไปกับคนดัง แต่ทว่าโอ๊ตก็ทำท่าทีเป็นมิตรกับนัทอย่างดี จนความรู้สึกคุ้นชินเริ่มเข้ามาแทนที่
   “เอ่อ แล้วทำไมเราไม่ขึ้นไปที่ลาวกันทีเดียวเลยล่ะพี่" น้องโอ๊ตถาม
   “เพราะว่าเราจะล่องเรือไปขึ้นที่หลวงพระบางกันน่ะสิโอ๊ต" สาว่า "เป็นเหมือนเอ่อ สัมผัสกับธรรมชาติอะไรอย่างนี้ไง"
   “อ่อ ดีเลยๆ ผมชอบๆ" โอ๊ตกล่าว
   “ท่านผู้โดยสารที่จะเดินทางไปยังจังหวัดสกลนคร กับสายการบิน.......”
   “มาแล้วๆ ไปกันเถอะ" สาว่า ก่อนที่ทั้งสามจะรีบหยิบของและเดินไปยังประตูขึ้นเครื่อง
   นัทเดินตามสาและโอ๊ตไปด้วยความรู้สึกใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก แว้บนึงในใจเขาอยากจะบอกใครคนหนึ่งก่อนว่าเขาจะไปไหน เผื่อว่าใครบางคนจะตามหาเขา เขายังคงเอามือถือของใครบางคนติดตัวมาด้วย เผื่อว่าใครบางคนจะถามว่าเขาอยู่ที่ไหนเมื่อโทรกลับมา แต่นัทก็คิดว่าการที่เขามาเที่ยวทริปนี้ก็เพราะว่าต้องการให้ตัวเองได้ปลดปล่อยเรื่องต่างๆออกไป และเริ่มชีวิตใหม่กับตัวเองบ้าง ดังนั้นเรื่องของใครบางคน จึงเป็นอันดับท้ายๆที่เขาแทบไม่ได้ใส่ใจนึกถึงอย่างจริงจัง
   เครื่องบินเที่ยวนี้มีผู้คนไม่มากนัก สาและมิกได้ที่นั่งริมหน้าต่างที่อยู่เหนือเขาขึ้นไปหนึ่งแถว ขณะที่นัทนั่งตำแหน่งเดียวกันแต่รองลงมา เขาไม่ได้นั่งริมหน้าต่างหรอก เพราะมีคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว รู้สึกแอบหงุดหงิดเล็กน้อยที่ไม่ได้ที่นั่งติดหน้าต่าง เพราะเขาชอบที่ตรงนั้น มันเป็นความรู้สึกที่ดูเป็นส่วนตัวที่สุด นัทหยิบของทุกอย่างใส่ขึ้นชั้นเก็บเหนือศรีษะ พลางพูดคุยกับสาและโอ๊ตอย่างออกรสขณะที่ผู้โดยสารท่านอื่นๆกำลังประจำที่นั่งของตัวเอง นัทไม่กล้าทำอะไรเสียงดัง เพราะชายเจ้าของที่นั่งริมหน้าต่างดันนอนหลับสนิทและมีหมวดไหมพรมปิดหน้าตา
   “โห อีตานี่จะอดนอนมาจากไหนเนี่ย" สากระซิบที่ข้างหูของนัท ที่ทำหน้ามุ่ยใส่เธอ
   “นินทาซะขนาดนี้ เธอไม่ปลุกเขาขึ้นมาด่าเลยล่ะ" นัทว่า สาหัวเราะเล็กก่อนจะเข้าไปในที่นั่งของเธอ โอ๊ตยกที่นั่งริมหน้าต่างให้เธอ ในฐานะสุภาพบุรุษ
   นัทเก็บของเรียบร้อยแล้วพลางค่อยๆนั่งลงอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวน ไม่กี่นาทีต่อมาสายการบินก็เข้าสู่ช่วงให้คำแนะนำผู้โดยสารเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยและการเตรียมพร้อมหากเกิดกรณีฉุกเฉินขึ้น นัทนั่งฟังขณะจิตใจเหม่อลอย เขาแอบมองไปยังหน้าต่างที่อยู่ถัดจากชายคนนั้นไป ขณะคำพูดของแอร์โฮสเตทดังผ่านหูไป
   เมื่อการให้ข้อมูลสิ้นสุดลง เครื่องบินค่อยๆเลื่อนตัวออกช้าๆ นัทจึงก้มลงค้นกระเป๋าทันทีเพื่อหาหมากฝรั่งมาเคี้ยว แต่ทว่าดูเหมือนเขาจะไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เอาไว้
   “สา สา ฉันว่าฉันลืม....”
   “พี่นัท พี่สาหลับไปแล้วอ่ะ พี่นัทจะเอาอะไรหรือเปล่า รอเครื่องขึ้นก่อนดีไหมพี่" เสียงโอ๊ตตอบกลับมา นัทได้ยินดังนั้นก็ได้แต่ทำใจ ก่อนจะเอนตัวพิงหลังลงกับพนักเก้าอี้ เขาคงต้องกัดฟันหรือทำอะไรซักอย่าง
   “อ่ะนี่คุณ ผมมีอยู่อันนึง" ชายที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างยื่นหมากฝรั่งห่อนึงมาตรงหน้าของเขา นัทหันไปหาเจ้าของเสียงนั้น
   ใบหน้าคมคาย ดวงตาที่แดงก่ำเพราะความเพลียภายใต้คิ้วที่ดกดำหนา จมูกที่คมสันเรียวยาวอยู่เหนือริมฝีปากที่กำลังยิ้มให้เขาอย่างเหนื่อยล้า
   “ค..คุณ...”
   “เคี้ยวซะสิคุณ เดี๋ยวหูคุณจะอื้อนะ นานๆไปมันจะไม่ดี" เสียงอันนุ่มนวลและแสนอบอุ่นที่สุดของนัทพูดขึ้นอีก นัทรับหมากฝรั่งมาไว้ในมือ
   “ก...กาย....”
   “ถ้าไม่ว่าอะไร ผมขอนอนก่อนนะ ผมเหนื่อยมากๆเลย" กายยิ้มให้นัทอีกครั้ง ก่อนจะกลับไปซุกตัวอยู่ในกองผ้าห่มที่หนาเตอะอีกครั้ง
   นัทไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะแกะหมากฝรั่งออกมา.....

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 30 Trick

   ความเงียบเข้าปกคลุมตลอดระยะเวลาเกือบชั่วโมงบนสายการบิน จนกระทั่งเครื่องบินจอดนิ่งสนิทลงที่สนามบินเมืองสกลนคร นัทยังคงนั่งนิ่งขณะที่สาและโอ๊ตเริ่มขยับตัวและหยิบสัมภาระออกจากล็อกเกอร์เหนือศรีษะ
   “อ้าวนัท เป็นไรแก เจ็ทแลกหรือไง" สาพูดติดตลก "ลุกได้แล้ว ถึงแล้ว"
   นัทมองหน้าเธอหนึ่งครั้ง สามองนัทกลับ เมื่อรู้สึกถึงอะไรแปลกๆ นัทหลับตาครั้งหนึ่งก่อนจะหันไปสะกิดร่างที่นอนหลับสนิทอยู่ริมหน้าต่าง
   “กาย ตื่นเถอะ ถึงสกลแล้วคุณ" นัทพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆแต่ชัดเจน สายกมือขึ้นปิดปากทันที
   “คุณพระ" เธอสบถเบาๆ ก่อนที่กายจะค่อยๆขยับตัว หมวกไหมพรมค่อยๆเลื่อนออกจากใบหน้า เผยใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เหนื่อยล้าเอาไว้ ชายหนุ่มขยี้ตาเล็กน้อยก่อนจะหาวยกใหญ่
   “คุณกาย ตายจริงนี่คุณลงทุนมา.....”
   “คุณไชยรัตน์เชิญผมให้มาร่วมทำบุญด้วยน่ะคุณสา" กายพูดเสียงัวเงีย "ผมเพิ่งทราบเมื่อเช้ามืด ว่าคุณกับ....นัท....มางานนี้ด้วย หวัดดีโอ๊ต ไม่ได้เจอนานนะ"
   “ครับพี่กาย" โอ๊ตรับคำสั้นๆ นักร้องหนุ่มออกจะงงๆอยู่เหมือนกัน
   “อ้าวคุณ ลุกดิ ผมจะได้เอาของผม" นัทมองหน้ากายอยู่พักนึงก่อนจะลุกขึ้น เขาออกมาหยิบสัมภาระของตัวเอง
   “งั้นเอ่อ...ฉันไปรอข้างนอกนะ" สาว่า "เผื่อคุณไชยรัตน์จะมารอรับเราแล้ว"
   สายิ้มให้นัทครั้งนึง ก่อนจะลากตัวโอ๊ตออกไปด้วยอีกคน นัทยิ้มให้เธอครั้งนึงก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบของของตัวเอง ทันใดนั้นกายก็ใช้ร่างกายที่กำยำกว่า โอบตัวเขาทั้งตัวขณะเอื้อมมือขึ้นไปหยิบของที่อยู่บนล็อกเกอร์
   “ถ้าคุณเอื้อมไปไม่ถึง บอกผมก็ได้ ผมจะได้ช่วย" กายพูดใส่ร่างของนัทที่อยู่ภายใต้การโอบของเขา นัทหลบหน้าลง
   “ไม่เป็นไร" นัทว่าพลางกระชากกระเป๋าของตัวเองจนตกลงมา "กระเป๋าของผม ยังไงผมก็วางไว้ให้หยิบง่ายอยู่แล้ว"
   นัทพูดพลางเบี่ยงตัวเองออกจากอ้อมกอดของกาย
   “ผมไม่เคยวางของไว้ไกลเกินที่จะเอื้อมถึงหรอก" นัทพูดก่อนจะเดินจากไป
   กายหลับตาลงครั้งหนึ่ง
   สนามบินสกลนครเป็นแค่อาคารสนามบินขนาดเล็กเท่านั้น อากาศที่สกลนครดีมาก นัท สาและโอ๊ต รวมถึงกายออกมาพบกับลมเย็นๆที่พัดต้องหน้าเบาๆ
   ด้านหน้าของอาคาร มีรถตู้จอดรอยู่ พร้อมกับชายหนุ่มวัยกลางคนที่ใส่เสื้อลายสก๊อตและกางเกงยีนส์ ท่าทางดูลูกทุ่งไม่น้อย
   “สวัสดีครับทุกคน ยินดีต้อนรับครับ มาเลทไปเยอะเลยนะครับเนี่ย" คุณไชยรัตน์กล่าวต้อนรับ
   “เครื่องบินคงหมุนวนอยู่หลายรอบมั้งคะ อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณไชยรัตน์" สากล่าว
   “เรียกผมว่าพี่รัตน์ดีกว่านะคุณสา" เขาโปรยยิ้มอย่างมีเสน่ห์ให้กับเธอพลางเอื้อมมือไปจับทักทาย แต่สาก็รีบยกมือไหว้ทันที
   “งั้นสวัสดีอีกครั้งค่ะพี่รัตน์" สายิ้มให้เขา
   นัทและกายเดินตามออกมาทันที
   “อ้ากายสิทธิ์ นี่มาเที่ยวเดียวกันกับคุณสาเลยเหรอเนี่ย โห มากอดหน่อยไอ้น้องชาย" ไชยรัตน์กล่าวพลางวิ่งเข้าไปโผกอดกายทันที
   “โหหวัดดีพี่ นี่ไม่แก่ลงเลยนะเนี่ย" กายยิ้มกว้างให้พี่รัตน์ นัทมองทั้งคู่พลางหันไปมองสาที่ทำหน้าตาเหยเกใส่เขา กายสิทธิ์และไชยรัตน์ ดูเหือนจะสนิทสนมกันมากจริงๆ
   “มันแหงอยู่แล้วไอ้น้อง มันต้องฟิตปั๋งกันหน่อย ไม่งั้นจะไปสู้อะไรเด็กรุ่นๆอย่างแกได้ล่ะไอ้พ่อมด" พี่รัตน์กล่าวแซว
   “โหพี่ก็พูดไป" กายว่าพลางยิ้มกว้าง "แล้วนี่ยังไงกันครับพี่ มีงานอะไรเหรอ"
   “อ๋อ ก็พอดีว่าพี่ได้ยินมาจากเพื่อน ว่าคุณสาน่ะ เค้าเป็นช่างถาพที่มีฝีมือ พี่ก็เลยอยากให้เค้ามาช่วยทำเรื่องงานศิลป์นี่หน่อย แกก็รู้กาย ว่างานลงทุนนี้อ่ะ มันสำคัญกับพี่มาก" พี่รัตน์กล่าว "งานบุญครั้งนี้พี่ก็ว่ามันเจ๋งดี ชาวบ้านที่นั่นกำลังตื่นเต้นกันใหญ่ที่จะได้เห็นนายแบบของเรา"
   “เขารู้จักผมกันด้วยเหรอครับ" โอ๊ตพูดขึ้น
   “ชาวบ้านที่นั่นเขาฟังเพลงแล้วก็รับสื่อจากฝั่งไทยเยอะน่ะโอ๊ต เขารู้จักนายดีพอๆกับคนที่หนองคายนั่นแหละ" กายยิ้มให้โอ๊ตทันที
   “เนี่ย พี่ก็ดีใจมากเลยที่คุณสาเค้าได้ลูกมืออย่างคุณนัทมาด้วย ได้ยินว่าเขาเป็นดีไซน์เนอร์รุ่นใหม่ไฟแรงเลยไม่ใช่เหรอ" พี่รัตน์กล่าวำลางชี้ไปที่นัท นัทยิ้มกว้างพลางก้มหัวเล็กน้อย
   “ใช่ครับพี่" กายตอบ พลางมองไปหานัท "เขาเป็นคนที่เก่งมาก พี่วางใจได้เลย ผมเชื่อใจคุณนัทเต็มที่เลยแหละพี่"
   “ฮ่าๆ ดีดี" พี่รัตน์หัวเราะร่วน "งั้นเอ้าๆ เด็กๆ ขนของกันหน่อยเร็ว เดี๋ยวกว่าจะไปถึงหนองคายก็มืดค่ำกันพอดี ไปกันเถอะเด็กๆ ออกเดินทางกัน"
   พี่รัตน์โหนตัวเองขึ้นนั่งหน้ารถ สาสะกิดนัททันที
   “ตานี่ลูกทุ่งจริงๆว่ะแก แต่เห็นอย่างนี้เงินหนามาก" สาพูดลากท้ายเสียงก่อนจะยิบตาให้นัท กายหันมาหานัททันทีเมื่อของเขาถูกยกขึ้นหลังรถเสร็จ
   “ผมว่าจะนอนหลับซะหน่อยอ่ะ คุณไปนั่งเป็นเพื่อนผมเบาะหลังหน่อยสิ" กายหันมาพูดกับนัทด้วยเสียงที่ปกติที่สุด นัทมองหน้ากายครั้งหนึ่ง
   “โห พี่กาย นี่พี่เหนื่อยมากเลยอ่ะดิ" โอ๊ตกล่าวทัก
   “สุดๆอ่ะโอ๊ต" กายหันมาหาโอ๊ต ก่อนจะหันหลับมาหานัท "งานล่าสุดลูกค้าชิ่งหนีด้วย"
   “จริงอ่ะพี่" โอ๊ตทำเสียงสูง "กับพี่เนี่ยนะ"
   “เออ กับพี่เนี่ยแหละ" กายว่า พลางส่งสายตาที่เหนื่อยล้าเต็มทนไปให้นัท
   “จะขึ้นก็รีบขึ้นเหอะ คนอื่นเค้ารอ" นัทพูดเสียงดังโดยไม่ได้มองหน้ากายแม้แต่นิดเดียว กายจึงปรับเบาะแล้วผายมือ
   “เชิญครับคุณนัท" กายพูด นัทถอนหายใจครั้งหนึ่งก่อนจะก้าวขึ้นรถ และหายตัวไปด้านหลังสุดของรถ
   โอ๊ตจึงขึ้นตามไปแต่นั่งอยู่ที่แถวสอง ขณะที่กายกำลังก้าวขึ้นรถไป แต่สาขว้าแขนเขาไว้
   “ฉันพาเขามาก็เพื่อให้เขาลืมนะ เผื่อคุณจะไม่เข้าใจ" สาพูดเบาๆแต่หนักแน่นกับกาย กายมองหน้าสาหนึ่งครั้ง
   “ผมไม่ใช่คนที่จะวิ่งหนีอะไรไปเหมือนเพื่อนคุณ" กายพูดกลับ "ผมไม่ใจร้ายแบบนั้นหรอก"
   กายพูดกลับก่อนจะก้าวขึ้นไปยังแถวหลังสุดที่กายนั่งอยู่ สามองทั้งคู่ในความืดของหลังรถอยู่ครู่นึงก่อนจะนั่งอยู่ที่แถวหน้า เธอปิดประตูรถลง ขณะที่การเดินทางไปยังริมฝั่งโขงกำลังเริ่มต้นขึ้น
…....
   กายโกหก เขาไม่ได้หลับเลย เขานั่งฮัมเพลง และเอนหลังเต็มที่ไปสองเบาะ ขณะที่มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างใจเย็น ในขณะที่คนที่หลับกลายเป็นโอ๊ตและสา ความเงียบเข้าปกคลุมรถตู้คนนี้เข้าอย่างจัง นัทที่ความรู้สึกตื่นตระหนกเข้าครอบงำไปทั้งตัว เขานั่งจับมือถือของใครบางคนที่อยู่ในกระเป๋าของตัวเองอยู่ เขาคงพ่ายแพ้หมดรูปอีกครั้งแน่ ถ้ากายรู้ว่าเขาเองยังแอบหวังให้มีอะไรทำนองนี้เกิดขึ้น
   กายฮัมเพลงไปตามจังหวะเพลงที่ตัวเองเปิดฟังในหู
   
   If I could, then I would. I'll go wherever you will go.Way up high or down low.I'll go wherever you will go


   นัททำเป็นไม่เข้าใจเนื้อเพลงที่กายร้อง เขายังคงหันออกไปมองนอกหน้าต่าง เขาไม่เคยได้ยินกายร้องเพลงมาก่อน เขายอมรับว่ากายร้องเพลงเพราะมาก เสียงของเขาฟังดูดีพอๆกับเสียงของโอ๊ตที่เขาเคยได้ยินในคลื่นวิทยุเลยทีเดียว
   ผ่านไปนับชั่วโมงที่รถแล่นไปตามถนนมิตรภาพเพื่อมุ่งหน้าไปสู่จังหวัดหนองคาย ที่ทั้งหมดจะต้องลงที่นั่นเพื่อนั่งเรือต่อไปยังหลวงพระบาง ซึ่งจากการคาดคะเนของนัท พวกเขาคงจะมืดกันที่หนองคายซะก่อน และคงจะไม่ใช่การดีแน่ถ้าพวกเขาจะนั่งเรือข้ามฟากไปยังหลวงพระบางเอาตอนมืดๆ ซึ่งนั่นก็อยู่ในแผนของพี่รัตน์ไปแล้ว สิงห์หนุ่มได้หาที่พักสำหรับให้พวกเขาได้นอนพักกันก่อนที่จะเช้าวันรุ่งขึ้น
   “วัดเหรอคะพี่" สาร้องเสียงดัง เป็นอันดับสุดท้ายที่เธอจะคิดถึงจริงๆ "พูดจริงพูดเล่นคะเนี่ย"
   “จริงสิน้องสา" พี่รัตน์พูด "แต่อย่ากังวลไป วัดนี้น่ะ เขาเป็นวัดใหญ่ ที่นี่เอาไว้รองรับคนที่จะมาทอดกฐินหรือมาดูบั้งไฟกันอยู่ทุกๆปี ก็ถือว่าเหมาะมากกับการนอนชั่วคราว ไหวหรือเปล่าล่ะน้องสา"
   “ก็ได้อยู่ค่ะ ถ้าแค่คืนเดียว สาก็โอเค เพราะว่าสาไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะสมมาน่ะค่ะเรื่องของเรื่อง" สาว่าก่อนจะหันไปหลังรถ "โอ๊ตล่ะ ว่าไง"
   “ผมยังไงก็ได้พี่ ขอแค่ไม่มีคนมาตามผม ผมก็โอเคแล้ว" โอ๊ตตอบติดตลก สาขำน้อยๆ
   “แล้วข้างหลังล่ะคะ" สาตะโกนไป
   นัทนึกขำในใจทันที
   “ฉันนอนได้อยู่แล้ว" นัทพูดขึ้น "แต่ไม่รู้ว่าอีกคนจะไหวหรือเปล่า....”
   “โอ๊ย เจ้ากายน่ะไม่ต้องไปห่วงมันหรอก" เสียงของพี่รัตน์ดังมาจากหน้ารถ "มันนอนวัดนี้ประจำจนจะกลายเป็นเด็กวัดไปแล้ว"
   นัทตาถลนทันทีขณะที่หันไปหาเจ้าตัวที่กำลังถูกพูดถึง กายยักคิ้วให้นัทเบาๆก่อนจะยิ้มที่มุมปาก นัทเบือนหน้าหนี
   “ก็ดีพี่รัตน์ ผมจะได้แวะเข้าไปหาหลวงลุงน่ะ" กายว่าก่อนที่บทสนทนาจะจบลง กายโอบนัทพลางมากระซิบที่ข้างหู "คิดว่าผมหัวสูงซะจนนอนวัดไม่เป็นหรือไงคุณ"
   นัทเหล่มองกายครั้งหนึ่ง
   “ใครจะไปรู้" นัทพูดแม้ว่าตัวเองกำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง
   “งั้นผมจะบอกคุณเอาไว้เลยนะ คุณไม่รู้หรอกว่าผมน่ะ เป็นคนยังไง" กายทำเสียงล้อเลียนใส่นัท พลางทำหน้ายิ้มแบบเจ้าเล่ห์ใส่
   “นี่คุณ....”
   กายเบ้ปากก่อนจะยักคิ้ว พลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าของนัทมากขึ้น แม้ว่าบรรยากาศภายในรถจะเริ่มมืดลงแล้ว นัทยังคงรู้สึกถึงแววตาที่คมคาย ลมหายใจจากกายที่รดเขาเบาๆ ลมหายใจที่ทำให้หัวใจของเขาสั่นสะท้าน กลิ่นกายที่อบอุ่นที่กำลังอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ นัทเผยอปากขึ้นเล็กน้อยขณะมองใบหน้าที่เข้ามาใกล้เขาทุกที
   “คุณน่ะไม่ผิดหรอก ผิดที่ผมเองนั่นแหละ" กายทำเสียงล้อเลียนนัทอีก นัทที่เหมือนเกือบโดนขโมยจูบแล้วหักลงกลางอากาศกัดฟันกรอด
   พลั่ก!!!
   “ฮุบ!!!"
    ทุกๆอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก นัทต่อยเข้าที่ท้องของกาย จนชายหนุ่มถึงกับจุกทันที เสียงของกายดังไปทั่วรถ
   “เกิดอะไรขึ้นเหรอข้างหลังน่ะ" เสียงของพี่รัตน์ดังทักมา
   “แฮ่ะ แฮ่ะ ม...ม...ไม่มี..อ....แอ่ะ....ฮะไรหรอก พี่รัตน์" กายพูดขึ้น
   “ไม่มีอะไรครับ คุณกายเขาหัวโขกน่ะ ผมห้ามเขาไม่ทัน" นัทตอบแทนทันที ก่อนจะหันมาหากาย "ใช่ไหมครับ คุณ กาย"
   นัทหันมาทำเสียงล้อเลียนกายแบบที่กายชอบใช้เรียกตัวเขาเอง กายมองนัทก่อนจะยิ้มกริ่มพลางชี้หน้านัท
   “เดี๋ยวคุณโดนหนักแน่" กายกระซิบใส่นัทด้วยเสียงแผ่วเบา
   นัทเลิกคิ้วใส่อย่างท้าทาย
   “เราจะถึงวัดกันแล้วล่ะ ตอนนี้เราเข้าตัวเมืองหนองคายแล้วทุกๆคน" เสียงของพี่รัตน์ดังขึ้น ทั้งหมดจึงเปิดม่านของหน้าต่างออก
   ตัวเมืองหนองคายเต็มไปดวยไฟจากตลาดต่างๆ ร้านรวงที่อยู่กระจัดกระจายสาดส่องเข้ามาในรถ นัทยิ้มกับตัวเองเล็กน้อย เขาเป็นเด็กกรุงเทพ จึงไม่ค่อยเป็นอะไรที่บ้านๆแบบนี้บ่อยนัก เขายอมรับว่าเขาชอบกลิ่นอายของอีสาน ผืนแผ่นดินราบสูงนี้ไม่มีทะเล หรือสถานที่ท่องเที่ยวแบบที่พัทยาหรือหัวหินมี แต่สิ่งที่ที่นี่มีมาช้านานคือศิลปะและวัฒนธรรม ที่หล่อหลอมไปกับชาวบ้านแบบอีสาน เขาหลงรักมัน และเริ่มสนุกกับงานที่สารับมา มันเป็นงานที่ลึกซึ้งพอ และดูไทยแท้อย่างที่เขาไม่เคยได้สัมผัสบ่อยนัก
   รถตู้เลี้ยวเข้าวัดแห่งหนึ่ง ที่ดูโอ่อ่า จากอุโบสถและพระอารามทำให้รู้ว่าวัดแห่งนี้คงได้รับการบริจาคมาอย่างมามากมาย มีอาคารสูงใหญ่ที่พวกเขามองเห็นพัดลมติดอยู่เรียงรายและป้ายที่เขียนว่าโรงนอน นัทเดาว่าเขาคงจะได้นอนที่นี่กัน รถตู้จอดสนิทลง พวกเขาทยอยลงกันมาจากรถ
   “เอาล่ะ เดี๋ยวผมไปเรียนพระลูกวัดที่ดูแลโรงนอนซักห่อย พวกคุณก็ยืดเส้นยืดสายกันก่อน แล้วค่อยเก็บกระเป๋าเข้าโรงนอนกัน" พี่รัตน์กล่าวก่อนจะเดินหายไปในศาลาที่อยู่ไม่ไกลกันนัก
   “งั้นเดี๋ยวขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะทุกคน" สาพูดขึ้นทันที
   “เออ งั้นฉันไปด้วย" นัทพูดขึ้นทันที ขณะที่ออกเดินตามสาไป
   “ห้องน้ำอยู่ทางขวานะคุณ เดินไปแป้บเดียวก็ถึง" กายพูดขึ้น สาหันไปยิ้มขอบคุณทันที นัทหันไปมองหน้ากายหนึ่งครั้งโดยไม่ได้ส่งสัญญาณอะไร แต่ทันใดนั้นเสียงริงโทนก็ดังขึ้น นัทตกใจจึงร้องทัก
   “สา โทรสัพท์แกน่ะ" นัทว่า
   “บ้า ฉันใช้เสียงนี้ที่ไหนเล่า" สาพูดก่อนจะรีบวิ่งแจ้นจากไป นัทคิดอยู่พักนึงก่อนจะนึกอะไรออก เขาถอนหายใจครั้งหนึ่งก่อนจะหยิบมือถือของกายขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง
   “นั่นไง" นัทพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหันกลังกลับไป นัทส่งสายตาที่เหมือนจะบอกว่า หยุดกวนประสาทเขาได้หรือยัง ไปให้กาย
   “โทษทีคุณ" กายว่า "แค่อยากรู้ว่า คุณจะคืนเจ้าของเค้าเมื่อไหร่อ่ะ"
   นัทขมวดคิ้ว
   “พอดีว่าเค้าคิดถึงมันม้ากมากอ่ะ" กายตะโกนก่อนจะเดินหันหลังหายไป โอ๊ตที่ยืนอยูตรงนั้นงงงันกับเรื่องทั้งหมด พลางหันมาหานัท นัทส่ายหน้าให้โอ๊ตอย่างเหนื่อยหน่าย พอเป็นพิธีก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำพร้อมสา เขาคิดในใจว่า กายคงแค่จะกวนประสาทเขาเหมือนที่ตัวเองเคยทำเมื่อก่อน นัทก้มหน้าลงหน้าหน้า แม้ว่าภายใต้หยดน้ำที่ไหลลงในอ่าง จะปรากฎรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าของหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอยู่....
….....
   นัทกลับมาที่โรงนอนหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว สาและโอ๊ตกำลังเก็บข้างของอยู่บนเสื่อพลางมองไปรอบๆอย่างเลิ่กลั่ก
   “เป็นไรไปโอ๊ต" นัทร้องทัก
   “อ๋อ...ไม่มีไรหรอกพี่ พอดีเหมือนคนที่นอนอยู่มุโน้นเขาเหมือนจะจำผมได้อ่ะ" โอ๊ตว่า
   “พี่ว่าเราหวาดระแวงไปหรือเปล่า" นัทว่าพลางนั่งลงที่เสื่อของตัวเอง
   “นั่นน่ะสิน้องโอ๊ต บางทีการเป็นที่ยอมรับ มันก็ดีออกไม่ใช่เหรอ" สาพูดเสริมขึ้น
   “โหยพี่ มันก็ดีแหละ แต่บางทีผมก็แบบทำตัวไม่ถูกไง ตอนเจอคนรู้จักข้างนอกอย่างนี้อ่ะ คือแบบ ผมก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับเขาไง" โอ๊ตว่า "ผมก็ไม่ได้หวาดระแวงอะไรหรอกพี่ พวกแฟนคลับทำผมไว้เจ็บแสบด้วยแหละ ฮ่าฮ่า"
   “ก็เด็กมันคลั่งไคล้นี่จ้ะ" สาพูดแซว "พี่ว่า เราแค่รู้จักวางตัว มันก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่เหรอ"
   “ใช่พี่ ผมก็พยายามทำอยู่ เพราะผมคิดว่าวันนึง ผมก็คงไม่ได้เป็นที่รู้จักอีกตลอดไปหรอก" โอ๊ตพูด นัทอึ้งมากกับความคิดของนักร้องหนุ่มคนนี้ "จริงป่ะล่ะพี่ วันนึงเดี๋ยวผมก็ต้องดับ ไปตามเวลาแหละ"
   สาหันมามองหน้านัท ทั้งคู่พยักหน้าให้กันหนึ่งครั้ง
   “เราเคยทำอะไรตามใจตัวเองบ้างหรือเปล่าอ่ะ ตั้งแต่ดังเนี่ย" นัทถามขึ้น
   “อืม ก็มีบ้างแหละพี่" โอ๊ตว่า "รู้เหยียบนะพี่ผมขอ ผมแอบไปเที่ยวกับแฟนอยู่บ่อยๆน่ะ บางที่ก็ไปเที่ยวกันสองคน ผมงี้ปลอมตัวแทบตาย เอาแบบไม่เหมือนเลยนะ ปาปารัซซี่ยังถ่ายได้เลยอ่ะ ฮ่าฮ่า ก็..จะว่าไป ผมก็ไม่ค่อยได้ทำนักหรอกมั้ง"
   “แล้วแอบซ่อนๆแบบนี้อ่ะ มีความสุขเหรอ" สาถาม
   “มีดิพี่ มันตื่นเต้นดีออก" โอ๊ตตอบ
   “แล้วแฟนอ่ะว่าไง" นัทถาม
   “แฟนผมไม่มายอ่ะพี่ เขาก็มีชีวิตของเขาอ่ะ" โอ๊ตตอบ "แค่มาเจอกัน ผมก็มีความสุข เขาก็มีความุขอ่ะ"
   “น่ารักจังโอ๊ต" สากล่าวชมพลางแตะตัวนักร้องหนุ่ม
   “ขอบคุณครับ" โอ๊ตว่า แต่ทว่านัทยังมองนักร้องหนุ่มอยู่ต่อ
   “มีอย่างนี้ได้ด้วยเหรอ" นัทว่า "คือพี่หมายถึง อยู่กันแบบนี้น่ะ"
   โอ๊ตมองหน้านัท
   “ทำได้ดิพี่ ผมกับแฟนเชื่อใจกันมากอ่ะ" โอ๊ตตอบหน้าตาย "ทำไมเหรอพี่ เรื่องนี้เคยเกิดขึ้นกับพี่เหรอ"
   นัทก้มหน้าลง สาหันมามองนัททันที
   “เห้ยพี่ มันทำได้นะ" โอ๊ตว่าไปตามประสา "เชื่อผมดิ"
   “แล้ว ไม่คิดถึงข้างหน้าบ้งเหรอ แบบว่า อยู่ด้วยกันอะไรแบบนี้" นัทถามอีก
   “โหพี่ เอาทุกวันนี้ให้รอดก่อนดีป่ะ ฮ่าฮ่า" โอ๊ตตอบแบบไม่คิด นัทมองไปรอบๆทันที สาเอามือมาแตะตัวเขาเบา นัทหันกลับไปมองเพื่อนรัก
   “จะกลืนคำพูดตัวเองอีกล่ะสิ" สาพูดเบาๆ
   “เปล่าซะหน่อย" นัทว่าเสียงเข้ม
   “ฉันก็ไม่ได้จะว่าอะไรซะหน่อย" สาว่าพลางนั่งเช็คกล้องของเธอต่อไป
   “เออใช่ เมื่อกี้พี่กายเค้าถามหาพี่แหนะพี่นัท" โอ๊ตว่าขึ้น นัทหันควับไปหาโอ๊ตอย่างว่องไว
   “เหรอ" นัทว่า แม้ว่าจะยังคงเหล่มองสา ที่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกิริยาตื่นเต้นเกินจำเป็นของนัทที่เป็นอยู่ตอนนี้ "ล...แล้ว...ข...เขาว่าไงอ่ะ"
   “อ๋อ เขาบอกว่าถ้าพี่อาบน้ำเสร็จแล้วอ่ะ ให้ไปหาพี่เขาที่ศาลาด้านข้างอ่ะ แต่ถ้าพี่ไม่อยากไป เขาก็ไม่ว่าอะไรอ่ะ" โอ๊ตว่า
   “อ่อเหรอ" นัทรับคำ พลางทำเป็นเก็บข้าวเก็บของ แม้ว่าทุกวินาทีที่ผ่านไป นัททำเหมือนกับว่าเสื่อขเงขามันมีหนามเคยตำอยู่ตลอดเวลา สาถอนหายใจก่อนจะหันมาหานัท
   “ถ้าแกจะไปฉันก็ไม่ได้จะว่าอะไรหรอกนะ" สาพูดเบาๆ นัทเหล่มองเธอ
   “บ้า ไปอะไร ไปไหน" นัทพูดเสียงสูง
   “ไอ้นัท" สาพูดพลางตบไหล่เบาๆ พลางพยักเพยิดไปยังโอ๊ตที่กำลังนอนคุยกับแฟนอยู่ "ฉันก็ไม่รู้จะว่ายังไงแต่.....มันก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เหรอ...ไม่ลองเสี่ยงดูล่ะ"
   “อยู่ในวัดแท้ๆ ขอให้ฉันพนันเนี่ยนะ" นัทว่า
   “อยู่ที่ไหนๆฉันก็รู้ว่าแกชอบพนัน" สาว่า "แค่แกเป็นคนโลเล แล้วก็เอาชนะใจตัวเองไม่ได้ซะที"
   นัทยิ้มให้เธอ สามองหน้าเพื่อนรักอย่างรู้ดี
   “เอาไง จบจริง หรือยังไม่จบพูดมาใหม่ซิ" สาเหล่มองนัทเป็นครั้งสุดท้าย นัทยิ้มให้เธอ
   “ฉัน...ขอตัวไปเข้าห้องน้ำนะ"
   นัทพูดก่อนจะลุกพรวดพราดไปทันที
   สาส่ายหน้าก่อนจะกลับมาหาโอ๊ตที่หัวเราะคิกคัก
   “หัวเราะไรอ่ะโอ๊ต" สาว่า
   “โธ่พี่สา ผมพูดเล่น พี่กายไม่ได้ชวนซะหน่อย" โอ๊ตว่าขึ้น สาตาลุกโพลง
   “ตายแล้วโอ๊ตนี่....” สาร้องทันที
   “โห พี่สา ผมไม่ได้โง่นะพี่ ชัดขนาดนี้" โอ๊ตพูด
   “ชัด....อะไรชัดเหรอ" สาพูด
   “ไม่ต้องปิดผมหรอกพี่สา ผมเข้าใจทุกอย่างดีพี่" โอ๊ตว่า
   “นี่โอ๊ตรู้เรื่องนี้ได้ไงเนี่ย" สาว่า ขณะที่โอ๊ตลุกขึ้นมานั่ง
   “รู้ดิพี่ มันเป็นแผนน่ะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมบอกพี่สาเลยแล้วกัน" โอ๊ตพูดขึ้นขณะที่สาแทบตั้งสติไม่ทัน
   “แผน แผนอะไร" สาพูดตะกุกตะกัก
   “นี่พี่ไม่รู้จริงๆเหรอเนี่ย ว่าผมเป็นน้องชายพี่เจนครับ" โอ๊ตยิ้มกว้าง รอยยิ้มแบบนี้...
   ราวกับมีคนกดสวิตช์ไฟในสมองของสาทันที ไม่น่าล่ะ.....ตอนนั้น

   ….. การพูดคุยกับลูกค้าในเช้าวันอังคารหลังจากที่ต้องเหน็ดหนื่อยกับการเก็บงาน BAD ของสาเป็นไปอย่างเื่อยเฉื่อยด้วยความเหนื่อยล้า
   “เอ่อ งั้นตกลตามนี้เลยแล้วกันนะคะคุณไชยรัตน์” สาพูดกับลูกค้าในโรงแรมหรูกลางกรุง
   “เอ่อ งานหนักขนาดนี้เนี่ย คุณคนเดียวจะไหวเหรอครับ” ลูกค้ากล่าวกับเธอ
   “ไหวสิคะ สาทำงานคนเดียวได้ค่ะ" สายิ้มกว้าง
   “ผมนึกว่าคุณจะมีทีมซะอีก" ลูกค้ากล่าวกับเธอ
   “อ๋อ มีค่ะมี แต่ตอนนี้ทีมของสาเค้าพักผ่อนกันอยู่น่ะค่ะ พวกเราพึงจะจบงานหนักกันมา" สาตอบ "งานนี้สารับมาคนเดียวจะดีกว่าค่ะ"
   “อืมมม ยังไงก็ถ้าเพื่อนๆคุณสาอยากจะมาพักผ่อนกับงานนี้ด้วยก็ได้นะครับ ผมยินดี" ลูกค้ากล่าวเชื้อเชิญ
   “แหม จะดีเหรอคะ ไปทำงานแบบนี้" สาพูด "สาว่าอย่าดีกว่าค่ะ"
   “ลองไปชวนก็ได้นะครับ ผมยินดีจริงๆ" ลูกค้ากล่าวตอบทันที
   “แล้วเรื่องนายแบบล่ะคะ จะให้สาไปติดต่อเองหรือว่า.....”
   “เดี๋ยวผมแจ้งคุณสาไปอีกทีทางอีเมล์ดีกว่าครับ" ลูกค้าตอบอย่างแข็งขัน
   “อ๋อค่ะ งั้น ถ้าไม่มีอะไรแล้ว สาขอตัวเลยนะคะ" สาลุกขึ้นทันที
   “ตามสบายครับ ยินดีที่ได้ร่วมงานกันครับคุณสา"
   …....

   “มิน่าล่ะ พี่รัตน์ถึงได้....” สาพูดกับตัวเอง "โอ๊ตบอกมาเดี๋ยวนี้นะ พี่เธอจะทำอะไรเนี่ย งานบุญนั่นมันไม่มีจริงใช่มะ นี่หลอกกันใช่ไหมเนี่ย...”
   “ใจเย็นๆพี่สา งานทำบุญมีจริงๆพี่ งานของคุณไชยรัตน์มีจริงๆครับ" โอ๊ตตอบ "เรื่องมันเป็นอย่างนี้พี่.....”

   …....ไชยรัตน์ยิ้มกริ่มขณะที่สาเดินหายออกไปจากห้องโถง เสียงฝีเท้าของหญิงสาวเดินออกมาจากล็อบบี้ของโรงแรม
   “เป็นไงคะพี่รัตน์ ถูกใจพี่หรือเปล่า" เจนจิราควงแขนชายหนุ่มทันที
   “สุดยอดเลยน้องเจน ไอเดียของคุณสากินขาดจริงๆ พี่ถูกใจมาก" ไชยรัตน์กล่าวขึ้น "พี่ชอบมากๆ ขอบใจเจนมากนะที่แนะนำให้"
   “ไม่เป็นไรค่ะ แต่พี่รัตน์อ่ะ ตอบแทนเจนอย่างนึงสิ" เจนว่า "ให้น้องเจนเป็นพรีเซนเตอร์ได้ไหมล่ะ นะนะ"
   “โห ขอกันอย่างนี้เลยเหรอ" ไชยรัตน์ว่า
   “แหมพี่รัตน์ เจนจะไปอเมริกาแล้วนะ ให้มันเป็นของขวัญที่เจนให้กับน้องชายได้ไหมล่ะ" เจนใช้ลูกอ้อน
   “อ่ะ อ่ะก็ได้ๆ นี่เห็นแก่เจนนะเนี่ย"
   “ขอบคุณค่ะ"
   “แล้วว่าแต่ เจนไม่ไปทำบุญด้วยกันเหรอ" พี่รัตน์กล่าวชวน
   “ไม่ล่ะค่ะ" หญิงสาวลดน้ำเสียงลง "เจนมีธุระน่ะค่ะ เอาไว้โอกาศหน้าแล้วกัน"
   “งั้นก็อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนสิ" ไชยรัตน์กล่าวชวน
   “ไม่ได้ค่ะ เจนมีนัดคุยต่อ" เจนจิราตอบ
   “งั้นก็อย่าลืมบอกเจ้ากายให้ไปด้วยแล้วกัน" พี่รัตน์ว่า
   “ค่ะ เจนจะบอกให้"
   เจนจิรากล่าวลาพี่รัตน์และขับรถบึ่งออกจากโรงแรมมุ่งหน้าไปยัง Lovable Studio ที่วันนี้แทบไม่มีผู้คน เธอเหมือนจะอ่านเกมส์อะไรอะไรจนทะลุปรุโปร่งมากจนเกินไปแล้ว......

   “โอ๊ต" สาร้องเสียงดังพลางลุกขึ้นยืนเหนือหัวนักร้องหนุ่มทันที
   “โห นี่พี่โกรธพี่เจนป่ะเนี่ย" โอ๊ตร้องหน้าซีด พลางทำหน้าเหยเก
   “พี่สาวนายน่ะร้ายกาจเกินไปแล้ว โทรหาพี่สาวนายเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นงานทริปนี้เป็นเละแน่" สาแบมือขอมือถือของโอ๊ตทันที
   เธอได้เวลาเด็ดหัวเจนจิราอย่างเป็นจริงเป็นจังซักที แม่นี่รุกใส่นัทเกินไปเสียแล้ว
   มิน่าล่ะ.....เธอถึงรู้สึกกับอะไรแปลกๆ กับการมาทริปครั้งนี้ของกายสิทธิ์
   มันเป็นเวทย์มนตร์หลอกตาดีดีนี่เอง...
…............

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
บทที่ 31 Dear Mom.

   นัทวิ่งลงไปถึงศาลาที่อยู่ข้างๆโรงนอน ภาพที่เขาเห็นคือกายกำลังสนทนาอยู่กับพระรูปหนึ่ง ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา นั่งพับเพียบลงกับพื้นพนมมือยิ้มให้พระรูปนั้นอย่างอิ่มบุญ นัทไม่คิดมาก่อนเลยว่าเขาจะได้เห็นภาพนี้

   … “นี่คุณโทรมาได้ยังไงเนี่ย"
   “ก็น้องชายคุณไง เค้าบอกความจริงฉันหมดแล้ว"
   “อ้อ"
   “ตกใจล่ะสิ มันผิดแผนที่เธอวางไว้ใช่ไหมล่ะ"
   “ก็.....ใช่ผิดแผน แต่ก็คงไม่เป็นไรแล้วนี่ ให้ฉันเดา พวกคุณคงอยู่ที่หนองคายแล้วสินะ"
   “ใช่ แล้วเธอล่ะอยู่ไหน นังตัวดี"
   “โห ท่าทางคุณจะโกรธมากนะคุณสา"
   “เธอทำกับเพื่อนฉันเหมือนเขาเป็นของเล่น ฉันกะแล้วว่าเธอต้องอยู่เบื้องหลังกับอะไรซักอย่างในเรื่องนี้"
   “คุณเป็นห่วงเพื่อนคุณมากล่ะสินะคุณสา"
   “ก็ใช่น่ะสิ นัทเป็นเพื่อนรักของฉัน"
   “ฉันก็ไม่ต่างอะไรจากคุณหรอก ฉันก็เป็นห่วงเพื่อนรักของฉันเหมือนกัน กาย เขาก็คือเพื่อนรักของฉัน"
   “อะไรนะ"....

   นัทค่อยเดินเข้าไปในศาลาช้าๆ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวน
   “หลวงลุงมีเรื่องอะไรก็น่าจะให้ลูกศิษย์โทรไปบอกผมก็ได้" กายกล่าว
   “โอยยย ไม่เป็นไรหรอก โยมมีงานอยู่ที่กรุงเทพ อาตมาไม่อยากไม่อยากให้หลานต้องลำบาก" หลวงลุงตอบกลับ "แล้วนี่จะมาอยู่ซักกี่วันล่ะ"
   “ก็ ซักประมาณอาทิตย์หนึ่งน่ะครับหลวงลุง นานๆจะได้กลับบ้านซักที" กายยิ้มกว้าง
   บ้าน.... บ้านงั้นเหรอ.....

   … “ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย เพื่อนคุณต่างหาก ที่ทำให้เพื่อนของฉันล้มไม่เป็นท่า คุณรู้บ้างหรือเปล่า ว่าฉันตกใจแค่ไหน ที่เห็นกายอยู่ในสภาพแบบนั้น"
   “แต่คุณจะเอานัทมาเป็นเครื่องมือในเรื่องนี้ไม่ได้นะ เพื่อนฉันจะต้องไม่เจ็บกับเรื่องนี้อีกแล้ว"
   “คุณสา ถ้าคุณไม่อยากให้เพื่อนคุณเจ็บ ฉันก็ไม่อยากให้เพื่อนฉันเจ็บ แล้วมันจะต่างหันตรงไหนล่ะ ในเมื่อเราสองคนต่างก็คิดเหมือนๆกันน่ะ"
   “แต่วิธีทีี่คุณทำมัน...”
   “ฉันแทบไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ทุกๆอย่างมันเป็นไปตามเรื่องของคนสองคนต่างหาก"
   “อะไรนะ"
   “คุณไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เหรอ คุณไม่เห็นจริงๆเหรอคะคุณสา ว่าอะไรมันเกิดขึ้นระหว่างเขาสองคน"
   จริงสินะ.....หรือว่า
   “เจนรู้มานานแล้วค่ะ ว่ากายรักคุณนัท ใช่ค่ะ คุณได้ยินไม่ผิดหรอก คุณกาย รัก คุณนัทค่ะ"......

   “ผมกะว่าจะมาไหว้คุณแม่แล้วก็ไปฝั่งลาวครับ พอดีมีงานที่นั่นพอดี" กายยิ้มกว้าง
   “อืมม ดีดี ถึงหน้าที่การงานของโยมก็ประสบความสำเร็จ โยมภาก็คงจะดีใจที่โยมกลับมาเยี่ยมบ้าง" หลวงลุงกล่าว
   “ผมพาคนที่อยากให้แม่รู้จักมาด้วยแหละหลวงลุง" กายลดเสียงลง
   “อ้าว เอาเข้าแล้วไง เออ ดีดี นี่ได้บอกโยมภาไว้ก่อนหรือเปล่าเนี่ยเหอะ"
   “ปล่าวเลยครับ ผมอยากทำให้แม่ประหลาดใจน่ะ" กายว่า
   เขาไม่รู้เลยว่า นัทกำลังยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความ....ประหลาดใจ


   …. “มันต้องใช้เวลา ที่ให้คุณนัททำใจตัวเองให้เข้มแข็งขึ้นนะคุณสา แล้วระยะเวลาสองอาทิตย์หลังงาน BAD ก็เป็นเวลาที่เหมาะสมยิ่งกว่าอะไรที่จะทำให้พวกคุณสามคนได้กลับไปอยู่ด้วยกันอีกครั้ง เวลานั้น คือเวลาที่คุณนัทมีความสุขที่สุดนะคะ การที่ได้อยู่กับพวกคุณ เวลาที่คุณ และคุณมิก จะช่วยให้คุณนัทมองเห็นว่าตัวเอง เดินมาไกลขนาดไหนแล้ว เข้มแข็งขึ้นแค่ไหนแล้ว
   งานของคุณไชยรัตน์ครั้งนี้ เจนคิดไว้แล้วว่ายังไง คุณก็ต้องเอาคุณนัทมาด้วย คุณไม่มีทางพลาดโอกาสในการพาเพื่อนของคุณไปให้ไกลความเจ็บปวดทั้งหมดที่เกิดขึ้นหรอกใช่ไหมล่ะคะ ในฐานะเพื่อนสนิทคนนึง
   ฉันก็เหมือนกัน ฉันก็ไม่พลาดโอกาสที่จะให้กายได้กลับบ้านของเขา เพื่อให้เขาได้ห่างไกลความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเหมือนกัน ในฐานะเพื่อนสนิทคนนึง"
   “เธอนึกไม่ออกหรอกว่านัทเสียใจแค่ไหน เจนจิรา"
   “คุณก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่ากายเสียใจแค่ไหนคุณสา"......

   นัทมองภาพกายยิ้มกว้างอย่างมีความสุขอย่างไม่เชื่อสายตา มันเป็นแววตาแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แววตาที่เป็นมากกว่าตอนที่เขาไปเที่ยวกับกายเหมือนทุกๆครั้งเลยด้วยซ้ำ รอยยิ้มที่เหมือนว่ากายได้กลับไปสู่บางอย่างที่คุ้นเคย


   …. “เขาไม่ยิ้มเลยตลอดงาน เขาตาแดงกำ่ และเหมือนจะล้มอยู่ตลอดเวลา คนทั้งงาน BAD คิดว่านั่นคงเป็นมุกแต่มันไม่ใช่ หลังจากจบงานกายนั่งร้องไห้อยู่กับฉันเพียงลำพัง เขาร้องไห้เหมือนที่คนคนนึงจะร้องไห้นะคะ ฉันไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้
   และคนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ได้ ต้องเป็นคนที่เขา ให้ความสำคัญมากจริงๆ เท่านั้น”
   …..

   กายปาดน้ำตาของตัวเองครั้งหนึ่งขณะกำลังหัวเราะกับมุกครั้งใหญ่ที่หลวงลุงกำลังเล่าให้เขาฟัง กายหัวเราะจนน้ำตาไหลอยู่ตรงนั้นขณะที่ซบไปบนตักของหลวงลุงของเขา นัทยิ้มในใจอย่างเป็นสุข


   ….. “แล้วฉันจะรู้ได้ยังไง ว่าเธอพูดความจริง"
   “คุณรู้อยู่แล้วว่าฉันพูดความจริงคุณสา"
   สาเงียบเสียงลงทันที
   “นี่เธออย่าทำให้ฉันเชื่อว่าเธอกำลังเล่นบทแม่พระภายใต้ความชั่วร้ายของเธอนะ ฉันไม่เชื่อเธอหรอก"
   “หึหึ" เจนหัวเราะเบาๆ "ฉันไม่ได้ทำอะไรเพื่อคุณนัทเลยซักนิด ฉันก็เคยบอกเขาแล้ว ฉันทำทุกอย่างเพื่อเพื่อนที่ฉันรักก็เท่านั้น ยิ่งกับคุณ ฉันยิ่งไม่สนใจใหญ่
   แต่ที่แผนของฉันมันได้ผลเพราะฉันรู้ว่าคุณกับฉันน่ะมันศรศิลป์ไม่กินกันน่ะค่ะคุณสา ยังไงซะเราสองคนก็ต้องเลือกที่จะเข้าข้างเพื่อนตัวเองวันยังค่ำไม่ใช่เหรอไง"
   สายิ้มในใจขณะที่น้ำตาเอ่อคลอ
   “รู้ตัวก็ดีย่ะ"
   “ถ้าไม่มีอะไรแล้วแค่นี้นะคะ ฉันต้องไปแล้ว ยังไงก็ ฝากแผนที่เหลือด้วยก็แล้วกัน....”
   “….นี่ฉันไม่....”
   ยังไม่ทันจะได้ต่อปากต่อคำอะไร เจนก็วางหูไปเสียแล้ว สาถอนหายใจพลางหันกลับไปหาโอ๊ตที่ยืนอึ้ง
   “ฉันเกลียดพี่สาวเธอมากรู้ตัวไว้ด้วยนะโอ๊ต" สาว่าพลางยิ้มกว้าง
   “ครับผม" นักร้องหนุ่มรับคำเบาๆ
…...

   “อ้าวคุณ" กายร้องขึ้นเมื่อเห็นนัทยืนอยู่ที่นอกศาลา หลวงลุงมองตามกายไป เห็นร่างของชายหนุ่มยืนอยู่ที่หน้าศาลา
   “นั่นใครน่ะโยม" หลวงลุงถามขึ้น
   “คนที่ผมจะพาไปหาแม่น่ะหลวงลุง" กายตอบพลางยิ้มกว้าง นัทมองหน้ากาย เขาทำอะไรไม่ถูกจริงๆ
   “อืม งั้นโยมพาไปหาโยมภาเถอะ" หลวงลุงกล่าว "อาตมาคงต้องไปจำวัตรแล้วล่ะ"
   “งั้นนมัสการลาครับหลวงลุง คุณ มาลาหลวงลุงกับผมสิ" กายร้องเรียก นัทที่เรียกสติคืนได้ จึงถอดรองเท้าแล้วก้าวเข้ามาในศาลา ทั้งคู่ก้ลงกราบหลวงลุงพร้อมกัน
   หลวงลุงยิ้มให้ทั้งคู่ก่อนจะเดินหายเข้าไปตามทางเดินไปสู่กุฎิ กายยิ้มส่งท่านอย่างมีความสุข
   “ท่านเป็นลุงแท้ๆของผม" กายพูดขึ้นเบาๆก่อนจะหันกลับมามองหน้านัท เขามองหน้ากายนิ่ง เหมือนไม่เห็นกายมาก่อน นัทไม่รู้เริ่มคำพูดกับกายอย่างไรดี มันตื้อตันไปหมด "มาสิ ผมจะพาคุณไปหาแม่ผม"
   กายจับมือนัทก่อนจะดึงลุกขึ้นไปทันที
   “โอ๊ย อะไรเนี่ยคุณ ดึกป่านนี้แล้วเนี่ยนะ แม่คุณไม่หลับไปแล้วเหรอ" นัทร้องไปตลอดทางที่กายพาเขาเดินลัดเลาะไปตามร่มไม้ภายในวัด
   “นี่บ้านคุณอยู่แถววัดเหรอ โอ๊ย กาย ผมมองไม่เห็นอะไรเลยนะ" นัทร้องอิดโอยพลางหลับตาลง เนื่องจากกิ่งไม้ต่างปัดมาโดนใบหน้าเขา จนไม่กี่อึดใจ กายพาเขาหยุดอยู่ตรงหน้าโกฐแก้วที่ถูกสร้างขึ้นอย่างสวยงามภายใต้องค์พระกลางสวน ที่ประดับโคมไฟโดยรอบ มันดูสงบและร่มเย็นเกินกว่าจะดูน่ากลัว กายปล่อยมือนัทลงก่อนจะค่อยๆออกเดินไปและทรุดตัวลงนั่ง
   นัทมองภาพตรงหน้าทันที ใจของเขาสั่นสะท้าน แม่ของกายอยู่ตรงนี้ นั่นหมายความว่า....


   ….กายเอื้อมมือไปลูบใบหน้าที่รูปภาพของแม่เขา ชายหนุ่มยิ้มเบาๆ
   “แม่ กายกลับมาแล้ว" กายเอ่ยขึ้นเบาพลางยิ้มให้รูปภาพของแม่ "ผมกลับมาแล้วแม่"
   “ค..คุณ....” นัทเอ่ยเบาๆ
   “แม่คิดถึงกายอ่ะสิ" กายพูดเสียงสั่นเครือขณะที่เริ่มปัดเอาเศษใบไม้ออกจากโกฐของแม่เขา นัทเห็นดังนั้นจึงนั่งลงข้างๆและช่วยกายปัดเศษไม้ต่างๆออกไป นัทมองไปยังใบหน้าของกาย ดวงตาของเขาแดงกำ่และคลอไปด้วยน้ำตา
   “ผมกลับมาคราวนี้ ผมจะไปที่หมู่บ้านฟากโน้นด้วยนะ แม่ดีใจหรือเปล่า" กายพูดเบาๆ "เด็กๆที่นั่นคงคิดถึงผมกันแน่ๆเลยล่ะ"
   เขาก้มหน้าลง
   “แม่ครับ ผมพาใครคนนึงมาหาแม่ด้วย" กายพูดกับตัวเอง "เขาชื่อนัทครับแม่ ผม...ผมอยากให้แม่รู้จักเขา … ผม....”
   กายกำมือเอาไว้แน่น นัทเห็นน้ำตาหยดลงบนมือของกายเบาๆ นัทเอื้อมมือไปจับมือคู่นั้น กายมองมือของนัทที่จับมือของเขา
   “ผม....ผม อยากให้แม่รู้ว่า ผม....ผมไม่ได้อยู่คนเดียวอีกแล้วแม่" กายพูดเสียงสั่นเครือ "ผม....ผมมีเขาอยู่กับผม....เหมือนที่แม่เคยอยู่....เขาคือ.....คนที่ผมรักครับ........”
   นัทหายใจเข้าครั้งหนึ่ง ขณะที่น้ำตาของเขาไหลลงเบาๆ เขามองกายอยู่อย่างนั้น เหมือนว่าทุกอย่างรอบตัวหยุดหมุนไปทันที
   “ผม.....ผม....” กายหมดแรงที่จะพูดไปเฉยๆ ขณะที่เขาก้มตัวลงร้องไห้อย่างหนักทันที "ผม.....รักเขา..ครับแม่"
   นัทหลับตาลงพลางดึงกายเข้ามาหาตัวเขา กายร้องไห้อยู่ที่อ้อมกอดของนัท มือของเขาสั่นไหวขณะที่กายส่งเสียงสะอื้นอยู่ใต้อ้อมกอดของเขา น้ำตาของเขาไหลริน มันเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกมากมาย
   “ผม....เกือบเสียเขาไปแล้วแม่" เสียงกายสะอื้นดังขึ้น "ผมเกือบทำให้เขาจากผมไปแล้ว.....ผม....จะไม่ทำอีกแล้วแม่.....”
   นัทหลับตาลงปล่อยให้ความรู้สึกไหลผ่านตัวเองไป เขาโอบกอดนัทแน่นขึ้น
   “ผ...ผมขอโทษ.......”
   มันเป็นค่ำคืนที่เจ็บปวดที่สุดแล้ว ตั้งแต่นัทได้รู้จักกับพ่อมดคนนี้
   เวทย์มนต์อันร้ายกาจได้พังทลายลงแล้ว
   คำสาปต่างๆจบสิ้นลงแล้ว
   เมื่อแสงแห่งรักแท้สาดส่องลงหน้าหลุมศพของหญิงสาวที่หลับใหลไม่มีวันตื่น.....
….......
   เชิงเทียนที่สะอาดถูกวางกลับไปสู่ที่เดิม นัทวางจัดมันลงพร้อมกับเอาน้ำพรมดอกไม้อีกครั้ง ก่อนจะพนมมือไหว้โกฐแก้วอีกครั้ง ในเช้ามืดของวันรุ่งขึ้น
   “ผมไม่รู้ว่าแม่คุณจะชอบหรือเปล่าแต่ผมหาได้เท่านี้จริงๆ" นัทพูดขึ้นเบาๆ ก่อนจะหันไปหาร่างที่อยู่ด้านข้าง กายกำลังนั่งมองแม่ของเขาอย่างสงบนิ่ง
   “แม่ชอบดอกกระเจียว" กายพูดขึ้น "ตอนเด็กๆ แม่จะพาผมขึ้นภูชีฟ้า มีดอกกระเจียวขึ้นที่นั่น แม่ตีผมเรื่อยเลย เวลาที่ผมไปเด็ดดอกมันมา"
   “เป็นแม่ผมก็คงตีเหมือนกันแหละ" นัทพูดขำๆ
   “แม่บอกว่า ดอกไม้ป่า จะสวยก็ต่อเมื่อมันอยู่ในป่า" กายพูดขึ้น "แม่ไม่ชอบ ถ้าผมจะเอามันมาอยู่ในแจกัน"
   นัทมองหน้ากายครั้งหนึ่ง
   “เหมือนอย่างที่แม่เป็นมาชั่วชีวิต" กายพูดพลางก้มหน้าลง
   “ผมไม่รู้เลยว่าคุณเป็นคนหนองคาย" นัทพูดขึ้นพลางมองไปรอบๆ อากาศในวัดตอนเช้ามืดสดใสมากสำหรับนัท
   “ผมเป็นลูกครึ่งน่ะ แม่ผมเป็นคนลาว พ่อผมเป็นคนไทย" กายเล่า "แม่เป็นคนหมู่บ้านที่หลวงพระบาง แม่โอนสัญชาติมาเป็นคนไทยจนกระทั่งได้พบกับพ่อ พวกเค้าแต่งงานกัน แล้วพ่อผมก็บินไปทำงานอยู่ที่เยอรมัน"
   นัทนั่งฟังอย่างตั้งใจ เขาไม่กล้าถามอะไรกายเมื่อคืนนี้เลย
   “ผมเองอยู่ที่นี่จนมัธยมปลาย ผมสอบเข้าไปเรียนในกรุงเทพ" กายว่า "ผมไม่ชอบชีวิตที่นี่ มันกันดาร ไม่มีอะไร คงติดนิสัยมาจากพ่อมั้ง แล้วผมก็คิดว่า ถึงอยู่ที่นี่ไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น ผมเลยสอบจนได้ทุนไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส ไปพร้อมกับเจน
   ผมทิ้งแม่ให้อยู่ที่นี่คนเดียว จนกระทั่งท่านเสียเพราะโรคประจำตัว หลวงลุงเลยเอาแม่มาไว้ที่นี่ ส่วนบ้าน แม่เขียนพินัยกรรมให้บริจาคกับวัดนี้"
   กายสูดหายใจเข้าครั้งหนึ่ง
   “ผมมารู้ทีหลังว่าแม่อยากกลับไปบ้านมาก แต่ไม่มีโอกาส แม่มีอะไรหลายๆอย่างต้องทำทีนี่แต่ แม่ก็ยังอยากข้ามไปฝั่งลาวอยู่ดี" กายเล่าต่อ "ผมไม่เคยทำให้ฝันท่านเป็นจริงเลยตลอดเวลาที่ท่านยังอยู่"
   “ไม่มีใครอยากถูกจับไปไว้ในที่ที่ไม่คุ้นหรอก" นัทพูดขึ้น "คนเรามีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่มีใครเดินออกจากเรื่องของตัวเองได้หรอก"
   กายหันมามองหน้านัททันที
   “แต่บางที คนเราก็ยอมทำทุกๆอย่างได้ เพื่อคนที่ตัวเองรักน่ะ" นัทหันไปยิ้มกว้างให้กาย ที่ก้มหน้าลงอย่างเก้อเขิน "แล้วพ่อคุณล่ะ"
   “พ่อผมยังเป็นสถาปนิกอยู่ที่เบอร์ลิน ครั้งสุดท้ายที่เขามาเมืองไทย คืองานศพของแม่" กายพูด "ผมไม่ค่อยได้เจอเขาเท่าไหร่ เขาเป็นพวกบ้างานน่ะ"
   “ผมว่าคุณได้พ่อมาเยอะนะ" นัทพูดขำๆ กายยิ้มให้กับเรื่องนั้น พลางเอื้อมมือมาจับนัท
   “นัท...ผม.....”
   “จะไปกันหรือยังคะสองคนนั้น" เสียงของสาดังขึ้นมาจากด้านหลังทันที กายถึงกับก้มหน้าลงทันที นัทแอบขำเล็กๆ
   “ว่าไงสา" นัทร้องตอบ
   "พี่รัตน์บอกว่าเรือจะออกตอนแปดโมง เราน่าจะออกไปหาอะไรกินกันที่ตลาดเช้าก่อนนะแก" สาร้องตอบ
   “อ่าได้ๆ ไปเดี๋ยวนี้เลย" นัทพูดพลางลุกขึ้น ก่อนจะเอื้อมมือไปหากาย กายมองมือนั้นอย่างสงสัย "ที่นี่บ้านคุณ ผมอยากได้คนที่จะพาผมไปน่ะ"
   กายยิ้มให้นัทครั้งหนึ่ง
   “ด้วยความยินดีครับ" กายยิ้มให้นัทครั้งหนึ่ง ก่อนจะหันไปหารูปของแม่เขา "ผมพาแฟนไปกินข้าวก่อนนะแม่ ลาก่อนครับ"
   นัทตบเข้าที่ไหล่กายทีหนึ่งก่อนจะไหว้หลุมศพแม่ของกาย ก่อนจะยอมให้กายจับมือของเขาเดินออกจากร่มไม้นั้น
   นัทแอบมองกายโดยที่เขาไม่รู้ตัว
   เจ้าของมือที่อบอุ่นนี้เจอเรื่องราวมากมายเหลือเกิน...นัทคิด
   ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่อยากเดินไปกับกายแบบนี้...
   เขาแค่กังวลว่าตอนจบ จะสวยงามอย่างที่กายคิดเอาไว้หรือเปล่า เท่านั้นเอง....
….....

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด