LOVE HIGH STORY – 54 – Nothing Is for Free | โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี“ต้าร์... ขอมือหน่อย”
.
.
.
ร่างสูงเอ่ยพร้อมรอยยิ้มอุ่นพลางตั้งข้อศอกแล้วผายมือไปหาร่างเล็กที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ทางซ้ายมือ กีต้าร์ยื่นมือขวาขึ้นมาวางบนมือของโบ๊ทโดยที่ยังสนใจตัวอักษรบนแผ่นชีทอย่างไม่วางตา โบ๊ทเห็นเช่นนั้นก็เลยหุบยิ้ม หรี่ตาเป็นขีด จับมือต้าร์ค้างอยู่อย่างนั้น...
~แฟลบ~
กีต้าร์ผลิกแผ่นชีทเปลี่ยนหน้าอ่านอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้สนใจร่างสูงที่นั่งทำตาขีดอยู่ข้างๆ สักเท่าไรนัก... ทำเอาโบ๊ทที่ตั้งใจว่าจะเล่นกับร่างเล็กถึงกับผิดแผนกันเลยทีเดียว แต่มีเหรอที่ยอดชายนายโบ๊ทจะยอม...
“ต้าร์” ร่างสูงเอ่ยเรียกเสียงทุ้ม
“หืม” ร่างเล็กตอบรับคำเรียกในลำคอ แต่ก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองคนเรียก มิหนำซ้ำยังชักมือที่โบ๊ทจับอยู่ออกแล้วไปหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดอ่านเพิ่มเติมเพื่อหาคำอธิบายที่ไม่มีในชีท
“ต้าาาร์”
“หืม... มีไรเหรอ คุณโบ๊ท” ในที่สุด กีต้าร์ก็ยอมเงยหน้าขึ้นมาสนใจร่างสูงเสียที
“กินนี่ไหม” โบ๊ทถามพร้อมรอยยิ้มตาหยี พลางยกกล่องป๊อกกี้รสกล้วยขึ้นมาโชว์
“ซื้อมาด้วยเหรอ เจ๋ง! แกะเลยๆๆๆๆๆ” เมื่อเห็นขนมโปรดก็ตาวาวเชียว ดูกระตือรือร้นสนใจไอ้เจ้าโบ๊ทขึ้นมาทันที
ร่างสูงแกะกล่องแล้วฉีกซองป๊อกกี้ก่อนจะดึงขนมออกมา 1 ชิ้น แล้วเอาไปจ่อปากกี้ต้าร์ แต่พอกีต้าร์จะงับ ก็เลื่อนหนี... พอกีต้าร์เลื่อนหน้าตาม ก็ชักมือหลบ... ทำเอากีต้าร์หันมาค้อนร่างสูงด้วยสีหน้าที่อยากถามว่า “จะเอาหนีทำไมเนี่ย”
“จะกินใช่มะ”
“ก็ใช่สิ ไม่งั้นจะให้แกะทำไมอะ”
“งั้น... ขอมือก่อน” พูดจบ โบ๊ทก็ตั้งศอกแล้วผายมือไปหาต้าร์ ตั้งท่ารอจับมือ... กีต้าร์เห็นก็เริ่มรู้สึกตะหงิดๆ แต่ก็ยอมยื่นมือไปให้จับแต่โดยดี แต่...
“ขอสองมือเลย”
“ห๊ะ?”
“เออน่า สองมือ”
“...” ร่างเล็กไม่ค่อยจะเข้าใจ แต่ก็ยอมปล่อยมืออีกข้างจากหนังสือแล้วมาวางทับมือตัวเองที่อยู่บนมือโบ๊ทอีกที...
โบ๊ทยิ้มกว้างตาหยี เขาวางขนมลงแล้วใช้มือขวามาประกบบนมือทั้งสองของกีต้าร์ก่อนจะค่อยๆ เชคแฮนด์เบาๆ
“ดีมาก... ต่อไปนี้เวลาโบ๊ทป้อนขนม ต้องจำท่านี้ไว้นะ”
“ห๊ะ?”
“อืมมมม ลองแลบลิ้นสิ”
“ห๊ะ? เล่นไรเนี่ย”
“เอาน่า จะกินไหม ขนมอะ”
“กิน แต่ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยอะ มันเหมือนกำลังสอนหมาให้สวัสดีเลยนะเนี่ย”
“ไม่เอาๆ อย่าคิดเยอะ... ไหน แลบลิ้นสิ”
“...” กีต้าร์ยังไม่เข้าใจ แต่ก็ยอมทำตาม แลบลิ้นออกมาเล็กน้อย
“ยาวกว่านี้อีก”
“...”
“อืมมมมม... มันยังขาดอะไรไปอยู่สักอย่าง”
“???”
“ไหนลอง... ทำท่าหมาหอบสิ”
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก”
“ดีมาก good boy... เอ้า นี่ขนม”
“ง่ำ ง่ำ ง่ำ ง่ำ... ถุย!!! คนนะไม่ใช่หมา!!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“นี่!! ไอ้ลิงภูเขา แกล้งกันแบบนี้ใช่ไหม!!!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ เอ็งนี่มัน ตลกชะมัด ฮ่าๆๆๆ”
โบ๊ทลงไปนอนขำอยู่บนพื้น กีต้าร์ได้โอกาส รีบดีดตัวลุกขึ้นแล้วคว้าหมอนบนโซฟาแล้วไปยืนคร่อมร่างสูงไว้ก่อนจะลงมือเอาหมอนฟาดโบ๊ทอย่างบ้าคลั่ง แต่ดูเหมือนโบ๊ทจะไม่เจ็บเลยสักนิด เพราะเอาแต่หัวเราะร่าจนหน้าแดงคอแดงไปหมด... นี่มัน S&M ชัดๆ!!!
.
.
.
สองหนุ่มนั่งอ่านหนังสือกันมาตั้งแต่สายๆ โดยปักหลักอยู่ที่โต๊ะรับแขกหน้าโซฟา กีต้าร์นั่งหันหน้าเข้าโทรทัศน์ ส่วนโบ๊ทนั่งทางฝั่งขวา อ่านไปอ่านมาโบ๊ทก็เบื่อ เลยนั่งแอบมองหน้าร่างเล็กตอนกำลังตั้งใจอ่านอยู่สักพัก จ้องไปจ้องมา แรกๆ ก็ว่า “น่ารักดี” แต่พอนานๆ เข้าเริ่มหมั่นเขี้ยวคันมืออยากแกล้งขึ้นมาซะงั้น ว่าแล้วก็เลยแกล้งไอ้เจ้าเปี๊ยกซะเลย... สนุกดี
หลังจากสงคราม S&M ย่อมๆ ผ่านไป สถานการณ์ก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ เสียงหัวเราะและคำตะโกนด่าทอขู่เอาชีวิต(?)จางหายไป ความเงียบสงบเข้ามาครองพื้นที่ภายในห้อง 706 อีกครั้ง...
ร่างสูงรวบรวมสมาธิอ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ ก็เริ่มจะมือไม้อยู่ไม่สุข เดี๋ยวก็ไปฉวยจับมือร่างเล็กบ้าง ย้ายไปนั่งเบียดข้างๆ ร่างเล็กบ้าง ซบไหล่บ้าง จนอาการเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ลามปามไปจนถึงขั้นโอบกอด หอมแก้ม คลอเคลีย... ตอนแรกกีต้าร์ก็พยายามไม่สนใจ ประมาณว่า “อยากเล่นก็เล่นไปคนเดียวสิ” แต่พอหนักมือเข้าหน่อยก็เริ่มมีผลต่อจังหวะการเต้นของหัวใจและสมาธิที่เริ่มจางหาย จนสุดท้ายต้องออกปากปรามร่างสูงให้อยู่เฉยๆ แล้วอ่านหนังสือ
“นี่ คุณโบ๊ท!!”
“หืม”
“ยังจะมา หืม อีกนะ... อย่าเล่นดิ จะสอบอยู่แล้วหนังสือยังอ่านกันไม่ถึงไหนเลยนะ”
“ก็อ่านไปสิ โบ๊ทไม่ได้ห้ามสักหน่อยนิ”
“แต่คุณโบ๊ทมาแกล้งผมอะ”
“แกล้งไร”
“ก็... ก็... “ จะให้พูดว่าแกล้งกอด แกล้งซบ แกล้งหอม แกล้งปูไต่ มันก็ปุเลี่ยนๆ ปากตัวเองยังไงชอบกล
“หึ!... ต้าร์ก็อ่านไปสิ โบ๊ทไม่ได้เป็นเล่นตาของต้าร์สักหน่อย หึหึหึ” ว่าแล้วก็ดึงเข้ามากอดอีกสักที
“คุณโบ๊ทอะ!... อย่าเล่นเหมือนมัน [ไม่มีอะไรให้กลุ้มใจเลยสักนิด] สิ”
“เฮ้อ เอ็งนี่นะ เป็นพวกชอบคิดมาก... ทำไมเราไม่ปล่อยให้มันเรื่องของวันพรุ่งนี้ แล้วก็เต็มที่กับวันนี้ให้มากที่สุดละ หืม...”
“ก็... ก็เพราะว่า [เรื่องของวันพรุ่งนี้] เผอิญว่ามันเป็นเรื่องสอบไฟนอล ซึ่งหากเราไม่เต็มที่กับวันนี้ พรุ่งนี้เราก็จะโดนผีกากเข้าสิงไง”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ชักแม่น้ำมากี่สายเนี่ยเปี๊ยก น่าหมั่นเขี้ยวมากเลยนะเอ็ง!!”ว่าแล้วก็กระชับวงแขนให้แน่นๆ แน่นจนราวจะเป็นท่าไม้ตายของนักมวยปล้ำกันเลยทีเดียว
“โอยๆๆๆๆ หยุดๆๆๆๆๆ เจ็บตับไปหมดแล้วเนี่ย ปล่อย!”
“ฮ่าๆๆๆๆ”
“เอางี้ ผมจะตั้งเงื่อนไขห้ามคุณโบ๊ทแตะตัวผม ถ้าสัมผัสแม้แต่น้อย ปรับที่ละ 500 บาท เริ่มตั้งแต่วินาทีนี้ไปตนถึงสอบเสร็จ”
“โอ้ววว เล่นงี้เลยเหรอ... ได้ งั้นโบ๊ทก็จะตั้งเงื่อ...” ร่างสูงยังพูดไม่ทันจบประโยค ร่างเล็กก็แทรกขึ้นเสียงสูงขึ้นมาก่อน
“ไม่ๆๆๆๆ เงื่อนไขของผมยังไม่จบ ฟังก่อน... นอกจากห้ามแตะโดนตัวผมแล้ว คุณโบ๊ทไม่มีสิทธิ์ตั้งค่าปรับให้ตัวเอง ถ้าผมจะแตะคุณโบ๊ท ผมแตะได้”
“อ้าว เฮ้ย แบบนี้มันเกรียนกันแบบโจ่งแจ้งไปไหมไอ้เปี๊ยก”
“ไม่รู้ละ ง่ายๆ แค่นี้ ถ้าคุณโบ๊ททำไม่ได้ก็ไปเป็นลิงซะ!”
“หนอยยยยยยย ได้!! ทีใครทีมันนะเอ็ง!” ว่าแล้วร่างสูงก็ย้ายตัวเองกลับไปนั่งที่เดิมพร้อมหน้าบูดๆ
.
.
.
สองหนุ่มนั่งอ่านหนังสือด้วยความสงบอีกครั้ง แต่คนที่ดูสบายใจจะเป็นร่างเล็กมากกว่าร่างสูงนะ เพราะว่านั่งอ่านไปก็ยิ้มไป ดูอารมณ์ดี ส่วนร่างสูงนั่งอ่านด้วยใบหน้าบูดๆ นึกหมั่นไส้ไอ้เจ้าเปี๊ยกขึ้นมาเสียเต็มประดา... คันมือจริงๆ...
กีต้าร์เห็นสีหน้าของโบ๊ทแล้วก็นึกได้ใจ ว่าแล้วก็ขอแกล้งสักหน่อย... เขาค่อยๆ ยืดขาออกไปแล้วเอาเท้าไปสะกิดขาร่างสูงก่อนจะถูขาร่างสูงอยู่อย่างนั้นจากปลายเท้าขึ้นไปถึงต้นขา... ยั่วกันชัดๆ... ตั้งเงื่อนไขตัวเองได้เปรียบล้วนๆ ไอ้เกรียน!
ผ่านไปไม่เกินสองนาที โบ๊ทก็เอี้ยวตัวไปหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋าสะพายที่วางอยู่บนโซฟา เปิดกระเป๋าสตางค์แล้วนั่งนับเงินในกระเป๋า
“นับทำไมเหรอออออออ” ร่างเล็กเอ่ยถามน้ำเสียงกวนประสาท
“กำลังนับอยู่ว่า ถ้าจะโบกเกรียนแถวนี้เนี่ย เงินในกระเป๋ามีพอให้โบกสักกี่ที!”
“หืม?”
“หนึ่ง... สอง... สาม... สี่... อืมมมม มีอยู่สี่พัน ก็แปลว่าโบกได้ 8 ที... ใช่ไหม” ร่างสูงทำท่านับเงินในกระเป๋าแล้วเอ่ยทิ้งท้ายประโยคด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
“เฮือก!” กีต้าร์ฟังแล้วก็ขนลุกเกรียว ตาโต หุบยิ้ม... ว่าแล้วก็ค่อยๆ ชักขาตัวเองกลับพลางผิวปากทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็ไม่วายคอยแหล่ตามองว่าร่างสูงเก็บกระเป๋าสตางค์ไปแล้วหรือยัง
...และแล้วความสงบก็กลับมาเยือนอีกครา ถึงแม้จะมีการส่งสายตามองกันและแอบยิ้มให้กันอยู่เป็นระยะ แต่ก็นับได้ว่าทั้งสองคนมีสมาธิอ่านหนังสือมากขึ้นละนะ
.
.
.
เวลาล่วงเลยไปจนถึงช่วงหัวค่ำ สมาธิของชายหนุ่มทั้งสองขาดผึงเมื่อมีเสียงท้องร้องโครกครากดังมาจากท้องแฟบๆ ของกีต้าร์ ทำเอาโบ๊ทหลุดขำออกมากลางความเงียบ ว่าแล้วก็เลยชวนกันออกไปหาอะไรกินแบบจัดเต็ม เพราะตั้งแต่ตื่นมา ทั้งสองหนุ่มกินแค่ข้าวกล่องไปคนละกล่องกับขนมนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น
ที่หมายสำหรับมื้อค่ำวันนี้คือร้านอาหารสักร้านในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว สองหนุ่มจัดการล้างหน้าล้างตัว แต่งองค์ทรงเครื่องกันพอประมาณแล้วพากันมุ่งหน้าเดินไปที่รถ โดยที่โบ๊ทยังไม่ลืมกฎ “500 บาท” ของกีต้าร์ จึงเดินเว้นระยะห่างจากกันอยู่พอสมควร เรียกได้ว่าตอนอยู่ในลิฟท์ก็ยืนกันคนละฝั่งเลยอะแหละ
เมื่อพากันเดินไปถึงรถเก๋งสีดำคันคุ้นตา ร่างสูงก็เหมือนจะนึกอะไรแผลงๆ ขึ้นมาได้ แต่กีต้าร์คงไม่ทันได้สังเกตสายตาเจ้าเล่ห์ของโบ๊ทสักเท่าไรนัก... ว่าแล้วโบ๊ทก็หยิบโทรศัพท์ออกมากดยุกยิกๆ แล้วเก็บใส่กระเป๋าก่อนจะขึ้นรถ สตาร์ทเครื่องยนต์ เปิดแอร์ ล็อคประตู ใส่เกียร์ แล้วเหยียบคันแร่งเคลื่อนล้อออกจากอาคารจอดรถ...
“ต้าร์”
“หืม?”
“จ่ายมา” ร่างสูงกล่าวพลางยื่นมือไปทวงเงินอะไรสักอย่าง
“อะไร? จ่ายอะไร?”
“ค่านั่งรถ”
“ตลกละ ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไข ไม่จ่ายหรอก”
“เงื่อนไขคือโบ๊ทห้ามตั้งราคาให้ตัวเอง แต่ไม่ได้บอกว่าตั้งราคาค่านั่งรถไม่ได้นิ”
“ห๊ะ? อะไรกัน ไม่เอาสิ คุณโบ๊ทไม่ได้บอกก่อน”
“บอกแล้ว”
“ตอนไหน”
“ส่งเป็นแมสเสจไปบอกตั้งแต่ก่อนขึ้นรถแล้ว”
“ห๊ะ?” ว่าแล้วกีต้าร์ก็ควานหาโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาดู สิ่งแรกที่เห็นทันทีที่เปิดหน้าจอก็คือระบบเตือนว่ามี “1 ข้อความใหม่”
กีต้าร์ค้อนตามองร่างสูงที่ยังแบมือรอเก็บเงินค่านั่งรถ ก่อนจะร้องโวยวายเมื่อได้เปิดข้อความอ่าน
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ไอ้ลิงภูเขา ไอ้ขี้โกง เก็บค่านั่งรถตั้ง 2 แสน ใครมันจะมีเงินมาจ่ายวะ!!”
“ไม่รู้แหละ จ่ายมาซะดีๆ 2 แสน เร็วๆ จ่ายมาไวๆ”
“ตลก! ไอ้ลิงภูเขาเชิญยิ้ม ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่ายเว้ย”
“จ่ายมา อย่ามาลีลาน่าเปี๊ยก”
“ใครมันจะมีมาจ่ายให้ละ ตั้ง 2 แสน! ให้ไปขายตัวมาจ่ายเลยไหม!”
“โอ้ววววว ถึงขั้นกับขายตัวเชียวเหรอ... หึหึหึ... งั้นโบ๊ทซื้อเหมาเลยละกันนะ... 200,000 หาร 500 ได้เท่าไรนะ... อืมมมม 400... นั่นหมายความว่า โบ๊ทจะสามารถสัมผัสส่วนใดของต้าร์ก็ได้ 400 ครั้ง ตั้งแต่วินาทีนี้จนถึงวันสอบวันสุดท้าย โอเค๊? นี่แฟร์ๆ แมนๆ เลยนะ”
“เฮ้ยยยยยยยย ฮึ่ยยยยยยยย แฟร์ตรงไหนวะเนี่ย! ไม่เอาว้อยยยยยยย” ร่างเล็กเริ่มโวยวาย
“หึหึหึ... ตรงไหนก่อนดีนะ... หึหึหึ”
“ม่ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
.
.
.
รถ BMW สีดำคันคุ้นตาเข้าจอดที่อาคารจอดรถของห้างสรรพสินค้า ความเย็นของแอร์ภายในรถทำเอากระจกประตูหน้าทั้งสองข้างเป็นไอ ทำให้มองไม่เห็นชัดๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในรถ ได้ยินเพียงเสียงโวยวายของร่างเล็กกับเสียงหัวเราะร่าของร่างสูงดังออกมาเป็นระยะๆ
ภาพสุดท้ายเป็นภาพของมือของร่างเล็กที่แปะเข้าที่กระจกก่อนจะค่อยๆ เลื่อนลงเป็นทางยาวราวกับต้องการขอความช่วยเหลือ แต่ก็นะ... เรื่องแบบนี้มันช่วยกันไม่ได้หรอกต้าร์ หึหึหึ... ทางด้านกระจกฝั่งคนขับ มีลายมือเขียนบนไอเย็นสีขาวว่า
“โปรดติดตามตอนต่อไป”.
.
.
--------------------------------------------------
[Bonus หลังไมค์]
ในขณะที่ทีและโจนั่งสุมหัวกันอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านของที...
ที : มึงๆ
โจ : ไร
ที : กูชักจะเป็นห่วงไอ้เปี๊ยกซะแล้ววะ
โจ : ทำไมอะ
ที : เรื่องพี่โบ๊ทไง
โจ : ห่วงไร
ที : เอ้า วันนั้นมึงไม่ได้ฟังที่พี่เต็มเล่าให้ฟังเกี่ยวกับพี่โบ๊ทเหรอวะ
โจ : ไม่รู้วะ ฟังผ่านๆ สงสัยกูกำลังอ่านการ์ตูนอยู่เลยไม่ได้สนใจอะไรมาก
ที : โธ่ มึงนี่ พลาดของดีซะแล้ว
โจ : อะไรๆ ว่ามาดิ
ที : ก็พี่เต็มอะ บอกว่าพี่โบ๊ทอะเป็นผู้ชาย “3 มิติ” นะเว้ย
โจ : ผู้ชาย 3 มิติ?
ที : เออ มันน่ากลัวตรงนี้แหละ
โจ : อะไรของมึงวะที
ที : มิติแรกนะเว้ย พี่โบ๊ทแม่งเป็นผู้ชายที่หล่อ หน้าตาดี
โจ : เออ ก็เห็นๆ อยู่
ที : มิติที่สอง... พี่โบ๊ทแม่งเกรียน
โจ : เออ อันนี้ก็เห็นๆ อยู่ แต่ก็เห็นเป็นไรนิ แม่งก็เกรียนกันหมดอะ ไม่เห็นว่าจะมีใครไม่เกรียนเลย
ที : กูไง
โจ : ถุย! นี่ไง ไม่เกรียนคงไม่กล้าพูดอะมึง
ที : ห่า... ด่ากู
โจ : เออ เอา พูดต่อดิ มิติที่สามคือ?
ที : มิติที่สามนะเว้ย พี่เต็มบอกว่าพี่โบ๊ทแม่ง เห็นหล่อๆ เกรียนๆ ไร้สาระแบบนี้นะเว้ย แต่เวลาอยู่บนเตียงอะ สัตว์ป่าชัดๆ
โจ : เหี้ย! สัตว์ป่าเลยเหรอวะ แบบ... ประมาณว่าเป็นเจ้าป่าบนเตียงไรงี้เหรอไงมึง
ที : น่ากลัวกว่าเจ้าป่าอีกเว้ย
โจ : ฮึ่ย ยังจะมีอะไรที่ฟังดูน่าเกรงขาม ดุดัน เร่าร้อนไปกว่านี้อีกวะ
ที : มีดิ...
โจ : ... (//รอฟังอย่างตั้งใจ)
ที : กระต่ายป่า
โจ : โอยยยยย ถุย! เดี๋ยวกูถีบให้เลย เชี่ยที กระต่ายป่าเชี่ยไร มึงขำเกินไปละนะ สาดดดด
ที : เฮ้ยๆๆๆ มึงฟังกูก่อน... กูไม่ได้ขำนะเว้ย ไอ้ต้าร์มันน่าเป็นห่วงจริงๆ
โจ : เปรียบไอ้พี่โบ๊ทเป็นกระต่ายป่า แล้วเกรียนอย่างไอ้ต้าร์ไม่ไล่เอาหนังสติ๊กยิงกระต่ายป่าเหรอไงวะ
ที : มึงนี่นะ ไม่เข้าใจรึไง ว่ากระต่ายป่านะ... XXXบ่อย... ซอยถี่... บี้หนัก!
โจ : เหยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ที : หึ! เป็นไงละมึง เพื่อนเปี๊ยกของมึงอะ ก็แค่ลูกแมวเกรียนๆ ตัวนึง จะเอาอะไรไปสู้คารมณ์กระต่ายป่าวะ
โจ : เออ... กูชักจะเป็นห่วงมันขึ้นมาตะหงิดๆ ละ
ที : โทรหามันสักหน่อยไหม
โจ : เออ ก็ดีวะ
ที : (//หยิบโทรศัพท์มากดโทรออกไปหากีต้าร์ รอสายอยู่สักพักกีต้าร์ก็รับสาย)
กีต้าร์ : อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ไอ้ที มึงช่วยกูที (//โวยวายโดยมีเสียงหัวเราะโรคจิตของโบ๊ทดังเป็นแบคกราวด์)
ที : เอ่อ... ไม่มีอะไร แค่นี้นะมึง (//วางสาย)
โจ : อ้าว มันว่าไง
ที : ท่าทางจะไม่รอดกระต่ายป่าวะ
โจ : ... (//กลืนน้ำลายก่อนจะค่อยๆ หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อโดยไม่คิดจะพูดหรือถามอะไรอีกเลย)--------------------------------------------------
FlapJack Corner:
บทนี้ขอเขียนตามใจตัวเองสักนิด ก็หวังว่าใครที่คิดถึงโบ๊ทและต้าร์เวอร์ชั่นออริจินัลก็คงจะถูกใจกันนะครับ
ขอบคุณทุกคน ทุกคอมเม้นท์เช่นเคยที่ยังเป็นกำลังใจให้กันนะ ผมไม่ได้ตอบคอมเม้นท์รายคนมาได้หลายตอนแล้ว ไม่ใช่ว่าขี้เกียจหรอกนะ แต่เวลามันมีจำกัด (จริงๆ ตอนนี้ก็ต้องออกไปธุระให้ทัน 6 โมงเย็น แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าอะไรเลย ฝนตกอีกต่างหาก ไม่รู้จะไปทันไหมเนี่ย ) เอาไว้ถ้ามีโอกาสจะมาจับเข่าคุยเรียงคนกันเหมือนเคยเนอะ แต่ผมอ่านทุกคอมเม้นท์นะ ชอบอ่านคอมเม้นท์ของทุกคนเลย
เห็นบางคนมาๆ หายๆ ก็ไม่เป็นไร ไม่ถึงกับต้องขอโทษอะไรผมหรอกนะ แค่ไม่ลืมกัน กลับมาเยี่ยม มาพูดคุยกันบ้าง ผมก็ดีใจแล้ว
ส่วนใครที่พลาดกิจกรรมชิงน้องหมี ไม่ต้องเสียใจไป เดี๋ยวผมจะหากิจกรรมมาให้ได้ร่วมสนุกกันอีกอย่างแน่นอน จับตาดูให้ดี แล้วอย่าพลาดอีกนะ
ขอบคุณเป็นพิเศษ
- SiCK_SENt™ ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยดูคำผิด ขอบคุณมากครับ
- เฉาก๊วย ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ เพียงแค่ว่า โบ๊ท เป็นคนทั่วไป ที่ไม่ได้คุ้นเคยกับศัพท์ในโรงพยาบาลนัก ผมจึงอยากให้ใช้คำบ้านๆ ที่ไม่ใช่คำเชิงเทคนิคนะครับ แต่ยังไงก็ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ นะครับ
เอาละ คราวนี้ไม่ต้องรอกันแล้วนะ เอาไปเต็มบทพร้อมโบนัสเลย จัดไป!
ไว้เจอกันคร้าบบบบบ
ปล. +1 กับ + เป็ดสำหรับทุกคอมเม้นท์ของบทที่แล้วนะครับ