LOVE HIGH STORY – 22 – Keep Trying | พยายามต่อไป บทรถมินิสีเทาควันบุหรี่ ร่างโปร่งกำลังไปส่งเพื่อนสาวหลังจากที่แยกกับต้าร์ ที โจและโบ๊ท...
“โต้ง ฉันถามแกจริงๆ นะ... นี่แกชอบพี่โบ๊ทจริงๆ เหรอวะ” อยู่ดีๆ ดรีมก็เอ่ยถามขึ้นไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ป่านนี้แล้วยังจะมาถามอีกเหรอ” ร่างโปร่งตอบติดตลก
“ไม่รู้สิ ฉันแค่รู้สึกว่าแกไม่ค่อยกระตือรือร้นสักเท่าไรเลย”
“ยังไง”
“ก็แบบ... แกไม่ค่อยเข้าไปหาพี่โบ๊ทเขาเลยนะสิ ฉันต้องเป็นคนเปิดคนชงให้แกตลอดเลยอะ”
“เอ้า ก็ฉันจีบใครไม่เป็นนี่ แล้วทีกับโจก็อยู่ด้วย จะให้ไปทำอะไรเปิดเผยก็คงไม่ดีมั้ง”
“แต่ถ้าแกชอบพี่เขาจริงๆ แล้วนึกจะทุ่ม ทำไมถึงเอื่อยเฉื่อยอยู่แบบนี้ละ มันไม่มีแรงกระตุ้นอะไรให้ไฟแรงเลยเหรอ”
“...ไม่รู้วะ”
“แกชอบพี่เขาจริงๆ... แกแน่ใจ? หรือแกแค่หลงความหล่อน่ารักของพี่เขา”
“...ฉันว่าฉันยังชอบพี่เขาอยู่นะ เพียงแค่ว่า... มันติดอยู่อย่างสองอย่าง”
“เรื่องต้าร์?”
“อืม... แกก็รู้สึกเหรอ”
“ก็ไม่อยากจะคิดหรอกนะ แต่มันอดไม่ได้จริงๆ... แกใจนะว่าพวกเขาไม่ได้เป็นแฟนกัน”
“อันนั้นฉันมั่นใจ เพราะว่าถามต้าร์หลายรอบแล้ว คำตอบยังเหมือนเดิม ตอบเต็มเสียงแบบแทบไม่ต้องคิดเลยอะ”
“โอเค เขาไม่ได้เป็นแฟนกัน... แล้วแกแน่ใจหรือเปล่าว่าพวกเขาไม่ได้คิดอะไรต่อกัน”
“นี่แหละ มันติดเรื่องนี้อยู่เรื่องหนึ่ง”
“เอาเป็นว่าเราสองคนเห็นตรงกันในประเด็นนี้... แล้วอีกเรื่องละ”
“กลัวแห้ววะ ดูพี่โบ๊ทเขาไม่ค่อยอะไรกับฉันสักเท่าไรนัก ดูค่อนข้างอึดอัดนิดๆ ด้วยซ้ำเวลาอยู่กับฉัน อย่างที่โต๊ะอาหาร อย่างตอนเล่นเกม อย่างตอนที่เดินเล่นกัน... เขาไม่ร่าเริง ไม่ยิ้มแย้มเหมือนกับเวลาอยู่กับต้าร์... ก็โอเค เข้าใจว่าพวกเขาสนิทกันมาก่อนอยู่แล้ว แต่มันก็อดรู้สึกท้อไม่ได้วะ... แบบพอไม่มีต้าร์อยู่ด้วย พี่เขาก็เงียบๆ ลง”
“อืม ฉันเข้าใจ... พูดจริงๆ ตรงๆ เลยนะ จากความคิดฉันนะ ต้าร์จะคิดอะไรกับพี่โบ๊ทหรือเปล่านั้นฉันไม่แน่ใจ แต่ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าพี่โบ๊ทอะคิดกับต้าร์”
“...อืม”
“ว่าแต่แกเหอะ... วันนี้ชิมเมนูเรียกน้ำย่อยไปแล้ว ยังอยากกินเมนคอร์สอยู่ไหม”
“ถ้าหน้าตาเมนคอร์สดูแล้วไม่น่าทำให้ท้องเสีย ฉันก็อยากลองนะ”
.
.
.
ร่างโปร่งขับรถมาถึงบ้านของดรีมที่อยู่ในย่านพร้อมพงษ์ไม่ไกลจากทองหล่อบ้านของเขานัก ทั้งคู่บอกลากันตาประสาเพื่อนสนิท แต่ก่อนที่ดรีมจะปิดประตูรถ เธอก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้จึงก้มตัวถามเจ้าของรถ
“เอ้อ... แกเจอกับพี่โบ๊ทได้ยังไงนะ”
“ก็เจอในห้องสมุดไง”
“แล้วแกก็ปิ๊งพี่เขาเลย?”
“อืม”
“แล้วแกก็แอบปลื้มพี่เขามาตั้งแต่นั้นจนมีโอกาสได้รู้จักกันผ่านพี่เต็ม”
“ใช่ ก็อย่างที่เคยเล่าให้ฟังนั่นแหละ”
“อืมมมม... แล้วตอนนี้แกก็ยังยืนยันว่ายังชอบพี่เขาอยู่”
“อือ”
“เอาเถอะ... ถ้าแกแน่ใจว่าความรู้สึกตอนที่เจอพี่เขาครั้งแรกกับตอนนี้มันยังเหมือนเดิมก็สู้ๆ นะ... อย่าขี้อายนักเลย เดี๋ยวจะอดนะแก”
“อืม ขอบใจเว้ย”
“เจอกันวันจันทร์นะแก มารับฉันด้วย”
“เออน่า ไม่ปล่อยทิ้งหรอก ฮ่าๆ”
.
.
คำพูดในตอนท้ายของดรีมกลายเป็นคำถามก้อนโตที่ค้างอยู่ในความรู้สึกของโต้ง...
“ถ้าแกแน่ใจว่าความรู้สึกตอนที่เจอพี่เขาครั้งแรกกับตอนนี้มันยังเหมือนเดิม...”.
.
.
อีกฟากฝั่งของกรุงเทพฯ รถ BMW สีดำกำลังมุ่งหน้ากลับคอนโดฯ อย่างเคย เพียงแค่คืนนี้ สิ่งที่ต่างไปก็คือความเงียบที่เข้าครอบคลุมบรรยากาศในรถ เป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่สองคนนี้นั่งกันเงียบๆ ปล่อยให้เสียงเพลงผ่านหูไป แต่ก็ไม่มีใครฟังอยู่ดี...
“หลับแล้วเหรอ” ร่างสูงทำลายความเงียบแสนอึดอัด เอ่ยถามร่างเล็กนั่งเงียบเสมองไปนอกหน้าต่างมาตั้งแต่ขึ้นรถ
“เปล่า” ต้าร์ตอบเสียงเบา
“เป็นไรอะเรา ไม่สบายเหรอ” น้ำเสียงทุ้มนั้นฟังดูจริงจัง ไร้วี่แววมุขตลกกวนประสาทอย่างที่เคย
“เปล่า” ต้าร์ตอบพลางหันมายิ้มบางๆ ให้ร่างสูงก่อนจะหันกลับไปมองออกนอกหน้าต่าง
“...” ถึงต้าร์จะยิ้ม แต่มันก็ดูเป็นยิ้มที่แห้งๆ ยังไงก็ไม่รู้ ดวงตากลมโตคู่นั้นที่ปกติจะยิ้มไปตามปาก แต่คราวนี้มันกลับดูแปลกไป
“ไม่เป็นอะไรจริงๆ” ร่างเล็กพูดขึ้นโดยที่ไม่หันหน้ากลับมา เมื่อเห็นว่าร่างสูงเงียบไปพร้อมแววตาที่ยังคงแสดงความแคลงใจ
“...”
.
.
ความเงียบเข้าครองบรรยากาศในรถอีกครั้ง... ความพยายามของร่างสูงประสบความล้มเหลว...
.
.
.
เมื่อทั้งสองมาถึงคอนโดฯ ก็เดินขึ้นห้องกันไป แต่ก่อนที่ทั้งสองจะแยกกันเข้าห้องตัวเอง โบ๊ทก็คว้าเข้าที่ต้นแขนของรุ่นน้องคนสนิท
“พรุ่งนี้... จะไปไหนรึเปล่า”
“ไม่มีนะ ไม่ได้ว่าจะไปไหนนิ”
“ดี งั้นเดี๋ยวบ่ายๆ ไปเซ็นทรัลกัน”
“ไปไมอะ”
“เพิ่งนึกขึ้นได้ตอนเย็นว่าใกล้วันเกิดเฮียเบ๊นซ์แล้ว ว่าจะไปดูของขวัญให้เฮียสักหน่อย จะไปด้วยกันไหม”
“อืม ก็ไปดิ... พอดีเลย กำลังอยากกินพิซซ่าอยู่พอดี”
“โอเค... งั้น เจอกันพรุ่งนี้ละกัน”
“อืม”
“ราตรีสวัสดิ์นะ”
“อืม ราตรีสวัสดิ์... เอ้อ คุณโบ๊ท พรุ่งนี้ถ้าตื่นแล้วก็ปลุกด้วยละ”
“อืม ปลุกแล้วก็ตื่นด้วยละ... ไอ้ขี้เซา”
“รู้แล้วน่า”
ร่างเล็กกับร่างสูงยิ้มให้กันและกันก่อนจะโบกมือลากันสำหรับคืนนี้...
.
.
.
ต้าร์เดินเข้าห้องโดยที่ไม่เปิดไฟเลยสักดวง ทิ้งกระเป๋าลงบนโซฟาแล้วเดินออกไปที่ระเบียง... เขายืนมองท้องฟ้ายามค่ำของกรุงเทพฯ ปล่อยให้สายลมเย็นพัดผ่านผิวขาวละเอียด ปล่อยสายตาให้ทอดไปไกล ปล่อยใจให้คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย... ทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อค้นหาที่มาของความอึดอัดที่เข้ารุมล้อมความรู้สึก...
ถ้าถามว่าผมเป็นอะไร... ผมพูดตรงๆ เลยว่าผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน อยู่ๆ ก็รู้สึกเซ็งๆ ขึ้นมาซะงั้น... ก็ไม่อยากจะคิดหรอกนะว่ามันจะเกี่ยวกับเรื่องของโต้ง เพราะว่ามองยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับผม... อืมมมม จะว่าไป ผมเองก็คันปากอยากจะบอกไอ้คุณโบ๊ทให้รู้แล้วรู้ร้อดไปเลย ดูสิว่าไอ้คุณโบ๊ทจะมีปฏิกริยาอย่างไร... แต่ผมก็บอกไม่ได้ เพราะว่าสัญญากับโต้งไว้แล้วว่าจะไม่พูด...
เอาจริงๆ ผมเองก็ไม่เคยออกปากหรอกนะว่าจะช่วยโต้งเขาจีบไอ้คุณโบ๊ท แต่ไม่รู้อะไรยังไง รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นว่าต้องช่วยเหลือไปโดยปริยายถึงแม้จะรู้สึกว่า “มันไม่ใช่วะโต้ง” อยู่ข้างในลึกๆ ก็เหอะ แต่จะให้ทำไงได้ละ จะให้พูดออกไปแบบนั้นมันก็ไม่ได้เหมือนกันใช่ไหมละ... สรุปว่าผมพูดอะไรได้มั่งเนี่ย!!! เฮ้ออออ
ลองคิดเล่นๆ นะ... ถ้าไอ้คุณโบ๊ทตกลงปลงใจกับโต้ง... ผมก็คงแค่... ไม่มีรถรับส่งเวลาไปไหนมาไหน ไม่มีคนลงไปกินข้าวเป็นเพื่อน ไม่มีคนลงไปเซเว่นเป็นเพื่อน ไม่มีคนเล่นเกมด้วย ไม่มีคนดูหนังด้วย ไม่มีคนมากวนประสาท ไม่มีเพื่อนคุยเวลานอน แถมต้องลงไปซักผ้าคนเดียว... เวรกรรม ทำไมเยอะจัง... สงสัยถ้าถึงเวลานั้นผมก็คงต้องกลับไปซบไอ้ทีกับโจมากขึ้นแล้วละ แต่พวกมันก็อยู่ไกลซะเหลือเกิน... พวกมันจะยอมถ่อมาถึงคอนโดฯ ผมเวลาผมอยากหาคนลงไปเซเว่นเป็นเพื่อนไหมนะ... เอ๊ะ หรือผมจะไปหาเช่าหออยู่ใกล้ๆ พวกมันดีนะ... อ้อ แล้วก็ต้องหัดจำสายรถเมล์ไว้บ้างละ เผื่อว่าต่อไปจะต้องไปไหนมาไหนเองมากขึ้น....
.
~Ma cosa hai messo nel caffè. Che ho bevuto su da te? C’è qualche cosa di diverso adesso in me~
.
.
โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าสะพายส่งเสียงเรียกร้องความสนใจ ทำให้ร่างเล็กต้องละออกจากระเบียงกลับเข้ามารับโทรศัพท์ เมื่อหยิบขึ้นมาก็เห็นชื่อของโต้งโชว์หราบนหน้าจอ...
“โหล ว่าไงโต้ง”
“ต้าร์ยังไม่นอนใช่ปะ”
“ยังเลย”
“อืมมมม ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่รู้สึกดีใจเฉยๆ เลยโทรมาหาต้าร์นะ”
“ดีใจอะไรอะ เสียงดูมีความสุขเชียว”
“ก็... ไม่มีไรหรอก แค่เมื่อกี๊โทรไปหาพี่โบ๊ทมา”
“อ้อ แล้วเป็นไงบ้างละ”
“ก็คุยเรื่อยเปื่อยแหละ เราก็หาเรื่องชวนคุยไปเรื่อย ดีใจที่พี่เขายอมคุยด้วย แฮะ แฮะ”
“ก็ดีแล้ว ถือว่าก้าวหน้าไปอีกขั้นเนอะ”
“ก็คิดว่าคงจะประมาณนั้น”
“คุยกันนานแค่ไหนละ”
“ก็สักยี่สิบนาทีได้แหละ... คุยไปคุยมาเลยหลอกถามมาได้ว่าพรุ่งนี้พี่โบ๊ทกับต้าร์จะไปเซ็นทรัลลาดพร้าวกันใช่ปะ”
“อืม เห็นไอ้คุณโบ๊ทพูดว่าจะไปดูของขวัญวันเกิดให้เฮียเบ๊นซ์ พี่ชายคุณโบ๊ทนะ”
“อ้อ... งั้นก็เอาไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ เดี๋ยวเราไปรับต้าร์กับพี่โบ๊ทเอง”
“พรุ่งนี้โต้งไปด้วยเหรอ”
“อืม”
“งั้น... ดีเลย... เรากำลังจะหาทางชิ่งคุณโบ๊ทอยู่พอดีเลย มีโต้งมาช่วยพอดี ฮ่าๆ”
“อ้าว ทำไมละ”
“ก็พอดีเราลืมไปนะว่าพรุ่งนี้นัดไอ้ทีไว้ นี่ก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะบอกคุณโบ๊ทยังไง เดี๋ยวจะหาว่าปล่อยให้เขาไปเดินแกร่วอยู่คนเดียว”
“อ้อ เหรอ... งั้นแปลว่าพรุ่งนี้ก็มีแค่เรากับพี่โบ๊ทดิ”
“อืม ประมาณนั้น”
“อ๊ากกก ไม่มีต้าร์แล้วเราจะรอดไหมเนี่ย”
“รอดดิ... มั่นใจหน่อยดิโต้ง มีโอกาสแล้วก็ทำให้เต็มที่ละ”
“ขอบใจนะต้าร์ รวมถึงตลอดทั้งวันนี้ด้วย ขอบใจมากๆ เลยที่ช่วยเรานะ”
“อืม ไม่เป็นไรหรอก เพื่อนกันก็ช่วยกันเนอะ”
“งั้นเราไม่กวนแล้วนะ”
“อืม”
“บายๆ”
“บาย... เอ้อ โต้ง”
“หืม?”
“อย่าเพิ่งบอกไอ้คุณโบ๊ทนะว่าเราจะชิ่งอะ”
“โอเค”
“บายๆ”
“บายต้าร์”
.
.
ต้าร์หย่อนตัวลงนั่งชันเข่าแล้ววางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ ตัวก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่... มือเรียวเอื้อมไปหยิบหมอนบนโซฟามาวางบนเข่าแล้วซบหัวอิง นั่งนิ่งๆ อยู่แบบนั้นในความมืด หลับตา เขี่ยนิ้วไปตามแนวของผ้าหุ้มโซฟา... รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงเคาะประตู... เมื่อเปิดออกดูก็เห็นร่างสูงในชุดนอนยืนอยู่หน้าประตู...
“จะนอนแล้วเหรอ” โบ๊ทเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าห้องมืดบวกกับใบหน้าที่ดูงัวเงียของร่างเล็ก
“เปล่าหรอก นอนเล่นนะ”
“เป็นไรอะเรา หืม ดูซึมๆ ตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว”
“ไม่เป็นไร ง่วงนอนเฉยๆ หรอกน่า”
“เฮ้ออออ... ไม่เป็นไร ไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร”
“ไม่มีอะไรจริงๆ... ว่าแต่เคาะเรียกทำไมเนี่ย”
“จะบอกเฉยๆ ว่าพรุ่งนี้โต้งไปด้วยนะ”
“โต้งโทรมาเหรอ” ตีเนียนว่าไม่รู้เรื่องรู้ราว
“อือ”
“โทรมาไมอะ”
“ก็โทรมาถามเรื่อง Grey Anatomy... ที่เราดูกันวันก่อนอะ... แล้วก็เลยคุยไปเรื่องอื่นไปทั่วเลย แล้วพอดีโต้งจะมายืมเอาไปดูพรุ่งนี้พอดี ก็เลยชวนกันไปด้วยเลย เผื่อว่าจะได้ไปซื้อที่แมงป่อง โต้งไม่มีบัตรสมาชิก โบ๊ทเลยว่าจะให้ใช้ของโบ๊ทไง จะได้ราคาถูกลงหน่อย”
“อืม เป็นอย่างนี้นี่เอง”
“ไปนอนเหอะไป”
“อือ” ร่างเล็กพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มบางๆ แล้วหันหลังเข้าห้อง แต่ก่อนจะปิดประตูก็โบ๊ทก็เรียกเอาไว้ก่อน
“...ต้าร์”
“หืม?”
“อย่าลืมอาบน้ำ”
“รู้แล้วน่า!!!!”
.
.
ต้าร์กลับไปทิ้งตัวลงบนโซฟา ซุกหน้าลงกับหมอน ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเขาลืมโทรหาที... ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์แล้วกดโทรออกไปหาเพื่อนสนิท รอสายอยู่สักพักปลายสายก็รับ
“ไงเปี๊ยก”
“พรุ่งนี้กูไปหามึงที่บ้านนะ”
“เอ้า มาไมวะ”
“ไปตีหัวมึงมั้ง”
“ฮ่าๆ ฮ่าๆ... ตีถึงเหรอมึง”
“กูใช้ไม้เบสบอลเว้ย ถึงปะละ”
“ไม่ต้องมาเลย สัด”
“ฮ่าๆ มึงคิดว่าห้ามกูได้ปะละ”
“เชี่ยนี่... จะมากี่โมง”
“มันต้องอย่างนั้นดิเพื่อน...”
“มึงจะมากี่โมง”
“เอาน่า กูไปมึงก็เจอเองแหละ”
“เชี่ยนี่ กวนตีน”
“ฮ่าๆๆๆ”
“พี่โบ๊ทมาป่าว”
“กูไปคนเดียว... แค่นี้นะ ฝันดีไอ้น้อง” ว่าแล้วก็ชิงตัดบทวางสายซะเลย
ต้าร์วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะรับแขกแล้วเอนตัวตามความยาวโซฟา ดึงหมอนมาหนุน หยิบอีกอันมากอดแล้วหลับตา... นอนเลยดีกว่า... แต่เสียงร่างสูงที่กำชับว่า “อย่าลืมอาบน้ำ” ก็ดันทะลึ่งดังขึ้นมาในหัวซะงั้น... ร่างเล็กเลยดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วบ่นกร่นด่าร่างสูงด้วยความขัดใจอยู่ในใจก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป...
.
.
.
เช้าวันถัดมา...
10 นาฬิกาตรง ร่างสูงกดโทรศัพท์โทรออกไปยังเลขหมายของร่างเล็กห้องตรงข้าม ตั้งใจว่าจะโทรปลุกให้ลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวตามที่ได้นัดกันไว้ แต่โทรเท่าไรก็ไม่มีคนรับสาย... ว่าแล้วก็เลยเดินไปเคาะประตูห้องซะเลย ปึง ปึง ปึง ปึง แต่เคาะเท่าไรก็เงียบ ไม่มีสัญญาณตอบรับจากห้อง 706 เลยแม้แต่น้อย... ทั้งเคาะทั้งโทรอยู่นานสองนาน จนกระทั่งหางตาไปสังเกตเจอแผ่นกระดาษโน๊ตเสียบไว้ใต้ประตูห้องจึงหยิบขึ้นมาดู... เป็นข้อความที่เขียนเอาไว้ว่า...
“โปรดติดตามตอนต่อไป”.
.
.
--------------------------------------------
[Bonus หลังไมค์] Off Shot ฉบับ Director’s Cut
ต้าร์เดินเข้าห้องโดยที่ไม่เปิดไฟเลยสักดวง ทิ้งกระเป๋าลงบนโซฟาแล้วเดินออกไปที่ระเบียง... เขายืนมองท้องฟ้ายามค่ำของกรุงเทพฯ ปล่อยให้สายลมเย็นพัดผ่านผิวขาวละเอียด ปล่อยสายตาให้ทอดไปไกล ปล่อยใจให้คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย... ทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อค้นหาที่มาของความอึดอัดที่เข้ารุมล้อมความรู้สึก...
ทันใดนั้นเอง...
~จะยอมให้สั่งและตัดสิน ว่าฉันต้องถูกทอดทิ้ง เรานั้นมันไม่อาจฝืนความจริง ได้แต่ยิ้มอวยพรให้ไปดี
ให้เธอได้กับเขา แล้วจงโชคดี อย่ามีอะไรให้เสียใจ ส่วนตัวฉันจะลืมว่าเคยร้องไห้ ลืมว่าเคยต้องเป็นใคร ที่เธอไม่เอา~
“เฮ้ยยยยย ใครมาเปิดเพลงแถวนี้วะ!!!! ปิดเดี๋ยวนี้นะ เชี่ยเอ้ยยยยยยย อ๊ากกกกกก %$#&^@*!&^%$#*@”
ร่างเล็กยืนโวยวายอยู่ที่ระเบียง อารมณ์เสียเพราะเพลงที่ดันเปิดขึ้นมาแทรกฉากเรียกคะแนนสงสาร... ที่สำคัญ เพลงมันโดน ฉึก ฉึก!!! --------------------------------------------
FlapJack's Corner:
มาปรบมือเข้าจังหวะกันเถอะชนกลุ่มน้อย...
12 123 12 123 123 123 12 12 1 อึน เฮ้!!!
@pizza2011 ดรีมขัดใจแม่ยกต้าร์ละสิ (ถ้ามาอ่านบทใหม่ อย่าลืมอ่านบทที่ 21 ก่อนด้วยนะครับ เดี๋ยวจะงงนะ เพราะว่าเหมือนจะมาอ่านบทที่ 20 ตอนที่ผมโพสบทที่ 21 พอดี เดี๋ยวอ่านข้ามไป 22 แล้วจะงงนะ)
@malula ทีกับโจไม่ใช่หนุ่มวายหรอกครับ
@noomasoi3 จะให้โต้งคู่ดรีมเลยรึ เหมือนจะไม่ได้นะ
@iforgive ฝืนใจคนเขียนด้วย
@คราส ไปเอาเจ็สองคนนั้นมาเป็นสีสันสักนิด ไม่งั้นมันจะหม่นๆ ไป
@คุณกัน เอาน่าคุณกัน หลังเมฆฝนยังมีพายุอีกห้าลูกนะ เจ้ย!! ไม่ใช่ มีฟ้าใสต่างหากละ
@greensnake ก็ใช่นะสิ ต้องเอาใจเขาหน่อย ไปแอบกินของเขาจนจะหมดกระป๋องนี่นะ
@JingJing สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับครับ มาๆ กอดต้อนรับทีนึง แล้วมาเยี่ยมบ่อยๆ มาคุยกันบ้างนะครับTifaReira (แฟนคลับโต้งเพิ่มมาอีกหนึ่งแล้วสินะ )
@TifaReira ให้จับปล้ำเลยรึ อย่าเพิ่ง วัยรุ่นนี่ใจร้อนจริงวุ้ย
@KURATA เอาน่า ดรีมเขาก็ช่วยเพื่อนเขาไง ไม่ได้หวังร้ายกับใครเลยน๊า เข้าใจคนสวยหน่อยสิ
@RGB.__ บางทีคนเราก็รู้สึกตัวนะ เพียงแค่ยังไม่กล้ายอมรับนะเออ
@imonkey mc อดใจรอวันฟ้าใสกันอีกสักแปบนะ ขอให้พ้นพลอตช่วงนี้ไปก่อน
@yunjae55 โต้งมันมือใหม่หัดจีบ ให้เวลาเขาหน่อยนะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ที่เป็นกำลังใจให้กันนะครับ ขอบคุณจริงๆ
ปะ เอาไปคนละบวกเน้อ