บทที่ 41
ราคะ
“พีททททท!!!” ศิขรินทร์ก้มมองร่างในอ้อมแขนทันทีและเมื่อเห็นภัสดาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรร่างสูงจึงกระชับอ้อมแขนรัดร่างโปร่งบางเอาไว้แน่น ดวงตาคมเข้มทอประกายเรืองรองเพราะความโกรธจัด รถกระบะคันนั้นขับออกไปอย่างรวดเร็ว ทำเอาร่างสูงถึงกับสบถออกมาเพราะความไม่ได้ดั่งใจ
“ศิ!!! เป็นอะไรไหม” ภัสดาเอ่ยเสียงตระหนกพร้อมทั้งขยับกายเข้าหาร่างสูงอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตมองสำรวจเรือนกายสูงโปร่งเพื่อให้แน่ใจว่าร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ไม่ได้รับอันตราย นึกย้อนไปเหตุการณ์ที่ผ่านมาได้เพียงไม่กี่วิแล้วอดหวาดหวั่นไม่ได้ ถ้าหากศิขรินทร์ไม่กระชากตนเข้าไปหลบตรงมุมเสา ป่านนี้คงไม่ได้มายืนพูดอยู่ตรงนี้ ความห่วงใยผสมความหวาดกลัวประดังประเดเข้ามาทำเอานายช่างใหญ่ตั้งรับแทบไม่ทัน
“ไม่เป็นไรครับ” ศิขรินทร์เอ่ยเสียงนุ่มพร้อมทั้งกระชับอ้อมแขนให้รัดร่างโปร่งบางให้แน่นยิ่งขึ้นไปอีก หัวใจกลับมาเต้นเป็นจังหวะราบเรียบเมื่อเห็นว่าภัสดาโปรดภัยและไม่ได้รับอันตราย กำลังใจท้วมท้นยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อสัมผัสได้ถึงฝ่ามือบางที่ลูบไปมาบริเวณแผ่นหลังกว้างของตน
ทั่วทั้งบริเวณเต็มไปด้วยเสียงโหวกเหวกโวยวายของผู้ที่อยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ บางคนเข้ามายืนดูอย่างใกล้ชิดบางคนก็จับกลุ่มยืนมองอยู่ด้านนอก ศิขรินทร์กวาดตามองรอบๆบริเวณไปมาอย่างถี่ถ้วนแต่ก็ไม่พบคนร้ายสักคน ก้อนเนื้อที่เต้นเป็นจังหวะที่อกข้างซ้ายเริ่มเร่งจังหวะรัวกลอง ความร้อนรุ่มแทรกซึมทุกอณูเนื้อ ยากที่จะระงับมันได้ลง
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับนาย” วิชัยกับลูกน้องสามคนวิ่งเข้ามา ส่วนคนอื่นๆ กระจายกำลังสำรวจรอบบริเวณ ศิขรินทร์ตวัดฝ่ามือลงบนใบหน้าของลูกน้องคนสนิทของตนทันที
“มัวไปทำอะไรอยู่! ต้องให้ฉันโดนพวกมันยิงตายไปเสียก่อนใช่ไหม ถึงจะโผล่หัวออกมา!!” ร่างสูงตวาดเสียงดัง ทำเอาภัสดาที่อยู่ในอ้อมแขนของศิขรินทร์ถึงกับสะดุ้ง เพราะไม่เคยเห็นศิขรินทร์โกรธถึงขนาดนี้มาก่อน
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันบ่งบอกถึงอารมณ์ของประธานอินทราทิพย์กรุ๊ปว่ากำลังจะระเบิดในไม่ช้า ฝ่ามือหนากำเข้าหากันอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ สายตาคมเข้มกวาดมองใบหน้าบอดี้การ์ดทุกคนไปมาอย่างช้าๆ คิวดกดำขมวดเป็นปมเข้าหากัน ถ้าในยามปกติภัสดาคงจะช่วยคลายปมนั้นให้คลี่ออกมาได้ แต่ในยามนี้กระแสความโกรธของศิขรินทร์นั้นกำลังเชี่ยวกรากอย่างรุนแรง ภัสดาจึงทำได้เพียงใช้ฝ่ามือบางของตนเองลูบแผ่นหลังกว้างขึ้นลงอย่างช้าๆ หวังจะให้ร่างสูงโปร่งที่ยืนโอบตนอยู่นี้คลายอารมณ์ลง
“ผมขอโทษครับนาย” วิชัย และลูกน้องคนอื่นๆ ต่างพากันก้มหัวอยู่เบื้องหน้าของผู้เป็นนายอย่างสำนึกผิด ภาระหน้าอันสำคัญเช่นนี้สมควรที่จะโดนผู้เป็นนายลงไม้ลงมือ นึกไม่ถึงว่าจะมีคนลอบเข้ามาทำร้ายเจ้านายของตนได้ เพราะกำลังรักษาความปลอดภัยนั้นกระจายไปทุกจุดรอบๆคอนโดมิเนี่ยมแห่งนี้อย่างแน่นหนา
“ไปลากตัวมันมา!! ถ้าทำงานไม่สำเร็จฉันจะลงมือกับพวกนายเอง”
ศิขรินทร์เอ่ยเสียงเย็น แล้วตวัดร่างโปร่งขึ้นแนบอก หันหลังเดินขึ้นห้องทันที ภัสดาไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยแย้งอะไรออกไป เพราะรู้ดีว่าอารมณ์ของศิขรินทร์ตอนนี้กำลังเชี่ยวกรากอย่างรุนแรง ตลอดเวลาที่ขึ้นลิฟต์มานั้นท่อนแขนแข็งแรงของศิขรินทร์นั้นโอบกอดร่างโปร่งของภัสดาเอาไว้ไม่ห่างกาย แม้ในบางครั้งอาจจะรัดไปบ้าง แต่ภัสดาก็ไม่ได้เอ่ยแย้งหรือว่ากล่าวร่างสูงแต่อย่างใด เพราะรู้ดีว่าอารมณ์ของศิขรินทร์ตอนนี้ไม่ควรที่จะเอาเรือไปขวาง เพราะมันกำลังเชี่ยวกรากอย่างรุนแรงนั่นเอง
ทันทีที่เข้ามาบริเวณห้องนอนแล้ว ภัสดาก็ดึงร่างหนาที่ยืนซ้อนหลังตนให้ออกมายืนเบื้องหน้าแล้วสวมกอดศิขรินทร์เอาไว้อย่างปลอบโยน ใบหน้าคมเข้มของศิขรินทร์ตอนนี้ซีดเผือดลงอย่างช้าๆ ร่างสูงฝังหน้าไว้กับซอกคอหอมกรุ่นพร้อมทั้งสูดกลิ่นกายของคนรักเข้าปอดเสมือนเรียกกำลังใจให้ตนเอง ภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อสักครู่ฉายซ้ำกลับไปกลับมาเสมือนตอกย้ำให้ชายหนุ่มได้รู้ว่า ความเป็นความตายนั้นอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือเท่านั้น
“กูไม่เป็นอะไรซักหน่อย…....มึงเห็นไหมกูก็ยืนอยู่หน้ามึงไง ศิ!” ภัสดาเอ่ยเสียงนุ่ม พร้อมทั้งใช้ฝ่ามือลูบไล้แผ่นหลังกว้างของศิขรินทร์ไปมาอย่างปลอบประโลม ศิขรินทร์ในยามนี้เหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์อันเลวร้ายครั้งยิ่งใหญ่มา และภัสดาก็รู้ว่าเพราะอะไรถึงทำให้ศิขรินทร์ถึงมีใบหน้าซีดเผือดเช่นนี้
“แล้วถ้าเมื่อกี้ผมไม่ปกป้องคุณไม่ได้ล่ะพีท.............มันจะเกิดอะไรขึ้น” ศิขรินทร์เอ่ยเสียงสั่น อยู่ต่อหน้าลูกน้องชายหนุ่มผู้นี้แข็งกระด้าง และเย็นชา ความดุร้ายเพียงแค่ปลายตามองนั่นก็ทำให้คนใต้อาณัติหวั่นเกรงไปตามๆกัน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าภัสดา ศิขรินทร์ก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง ไม่ใช่ท่านประธาน หรือเจ้านายของใครทั้งนั้น เป็นผู้ชายที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขทั่วไป และในยามนี้ร่างสูงคงกำลังตกใจกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่ และคงที่จะอดโทษตัวเองไม่ได้
“กูก็อยู่หน้ามึงนี่ไง ไม่ได้เป็นอะไร ยังแข็งแรงน่ารักสดใสเหมือนเดิม” มือบางลากข้อมือหนาให้เดินตามไปที่โซฟาบริเวณห้องรับแขก เมื่อภัสดานั่งลงก็ฉุดให้ศิขรินทร์ลงมานอนหนุนตัก นิ้วเรียวลูบไล้ผิวแก้มสากของคนรักไปมาอย่างช้าๆ ส่งความรักและความห่วงใยผ่านปลายนิ้วให้อีกฝ่ายได้รับรู้
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้” ศิขรินทร์ปิดเปลือกตาลงอย่างช้าๆ ซึมซับกลิ่นอายของความรักที่ลอยอบอวลอยู่รอบๆกายของตนและภัสดาเอาไว้อย่างเต็มที่ ขุมพลังที่เสริมสร้างกำลังและแรงใจไม่เอาชนะสิ่งเลวร้ายที่ประดังประเดเข้ามา
“มันไม่ใช่ความผิดมึง....อย่าโทษตัวเอง”
“ครับ”
ทั้งสองคุยกันไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อสักครู่ ศิขรินทร์เล่าถึงศัตรูหมายเลขหนึ่งอย่างเสี่ยจักรให้ภัสดาฟัง ร่างโปร่งพยักหน้ารับแล้วออกความเห็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเมื่อรู้ว่าตนเองมีบอดี้การ์ดตามอาลักขาอยู่ห่างๆก็อดแปลกใจอยู่ไม่น้อย เจ้าของอู่ใหญ่ไม่ได้โวยวายหรือไม่พอใจแต่อย่างใดที่รู้ว่าตนเองมีบอดี้การ์ดตามอารักขา เพราะรู้ดีว่าที่ศิขรินทร์ทำอย่างนั้นก็เพราะห่วงใยในสวัสดิภาพของตน
“ไม่โกรธผมใช่ไหมที่ให้คนไปตามดูแลคุณ”
“ก็ดี เวลามีคนมากระทืบกูจะได้มีคนช่วยทัน” ภัสดาเอ่ยเสียงเหย้า แต่ดูเหมือนว่าท่านประธานร่างใหญ่ที่นอนหนุนตักตนอยู่นั้นไม่มีอารมณ์ร่วมด้วยเสียอย่างนั้น
“ไม่ตลกนะพีท”
“เอ้าเหรอ แต่ทำไมกูตลกล่ะ ฮ่าๆ”
“ผมซีเรียส”
“เออน่า! กูไม่เป็นอะไรหรอกน่าเชื่อกู นี่ใครๆ นี่นายช่างใหญ่นะเว้ย ลูกน้องกูเยอะแยะ”
“ผมรู้...แต่พวกมันเก่งเรื่องลอบกัด ผมไม่อยากเสี่ยงอีกแล้ว”
.
.
.
.
.
.
หลังจากภัสดาหลับไปแล้วศิขรินทร์ก็ออกมานั่งรอการข่าวของคนร้ายที่ห้องรับแขกด้วยใบหน้าที่นิ่งสงบแต่จิตนั้นไม่สงบเสียเท่าไรนัก บิดาและมารดาหลังจากทราบข่าวก็โทรมาทันที บิดของตนให้คุณลุงซึ่งเป็นนายทหารเก่าส่งลูกน้องมาดูแลความปลอดภัยอีกจำนวนหนึ่ง ศิขรินทร์สั่งเจ้าหน้าที่ของคอนโดให้ดูแลความปลอดภัยเพิ่มเป็นสองเท่า และปิดข่าวเรื่องลอบทำร้ายให้เงียบที่สุด เพราะถ้าหากสื่อรู้ หลังจากนั้นความวุ่นวายและหายนะคงจะมาเยือนของจริง ใช่ว่าศัตรูของศิขิรนทร์จะมีเพียงเสี่ยจักรคนเดียว นักธุรกิจคนอื่นๆ ก็คงพร้อมที่จะส่งตนลงขุมนรกได้เหมือนกัน ทรัพย์สินเงินทอง และผลประโยชน์มันไม่เข้าใครออกใคร แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ทำตัวเป็นได้เพียงคลื่นใต้น้ำเท่านั้นไม่เหมือนเสี่ยจักรที่พยายามงัดข้อกับตนมาตลอด และตลอดระยะเวลาที่ทำธุรกิจมาศิขรินทร์มักจะมองข้ามความเสียหายที่อีกฝ่ายพยายามก่อขึ้นมา แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้ความอดทนอดกลั้นสิ้นสุดลงแล้ว เพราะอีกฝ่ายหาญกล้าเป็นอย่างยิ่งที่บังอาจมาทำร้ายหัวใจดวงที่สอง และไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร ต้องแลกด้วยอะไร ศิขรินทร์จะไม่มีวันยอมเป็นอันขาด ถ้ามีศิขรินทร์อยู่บนโลกนี้จะไม่มีไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างมันอยู่บนพื้นแผ่นดินแห่งนี้!
“ได้เรื่องแล้วครับ” ศิขรินทร์เงยหน้ามองผู้มาใหม่ วินัยและลูกน้องจำนวนหนึ่งหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าของชายหนุ่มที่ตอนนี้เอนกายพิงโซฟา แขนทั้งสองข้างวาดไปตามความยาวของพนักโซฟา ดวงตาคมเข้มมองใบหน้าของลูกน้องนิ่งเฉยรอฟัง
“เป็นคนของเสี่ยจักรจริงๆครับ” ดวงตาคมเข้มทอประกายเรืองรองเมื่อได้ยินสิ่งที่คาดเอาไว้แล้ว ฝ่ามือหนากำเข้ากันแน่นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ที่พลุ่งพล่านขึ้นมาในอก
“เล่ามาให้ละเอียด”
“พวกมันรับสารภาพว่าทำให้เสี่ยจักร แต่มีผู้หญิงสั่งมาอีกทีครับ เสี่ยไม่ได้สั่งการเอง”
“มันเป็นใคร!”
“สเตฟานนี่ เดวิด ครับ”
.
.
.
.
.
“อะไรนะลูกน้องของเสี่ยทำพลาดอย่างนั้นเหรอ” ร่างสมส่วนในชุดนอนผ้านิ่มอวดรูปร่างลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว ผมหยักศกที่ปล่อยสลายทั่วแผ่นหลังเนียนสะบัดไปมาตามเสียงอารมณ์ ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวอย่างโกรธจัด เธออุตส่าห์นอนรอฟังข่าวดีจากลูกน้องของเสี่ย แต่ดูเหมือนว่าวินานที่เธอสร้างไว้ในอากาศจะพังทลายลงอย่างไม่เป็นชิ้นดีเมื่อได้ยินจากปากของเสี่ยว่างานที่เธอให้ลูกน้องของเสี่ยไปทำนั้นพลาดอย่างไม่เป็นท่า
“ใช่ แต่เธอไม่ต้องห่วง ครั้งหน้าไม่พลาดแน่นอน” ร่างท้วมก้าวเข้าหาเรือนร่างสมสวมที่ยวนตาอย่างห้ามใจไม่อยู่ มืออวบอูมลูบไล้เอวคอดกิ่วไปมาอย่างเสน่ห์หา เสี่ยจักรฝังจมูกลงไปซุกไซร้ลำคอระหงของหญิงสาวอย่างหื่นกระหาย แต่ก็โดนมือบางของเจ้าของร่างผลักไสออกมาเสียก่อน
“ฉันอารมณ์ไม่ดี เสี่ยอย่าเพิ่งกวน” สเตฟานนี่ผลักร่างท้วมออกอย่างรังเกียจแต่ก็แสร้งทำหน้ากระเง้ากระงอดทั้งที่ภายในใจเต็มไปด้วยความเดียดฉันท์ หากไม่มีผลประโยชน์ร่วมกัน เธอคงไม่เอาตัวเข้าแลกอย่างนี้
“ช่วยสำนึกหน่อย ว่าฉันเป็นใครแล้วเธอเป็นใคร” เสี่ยใหญ่เอ่ยเสียงเรียบแล้วเดินไปนั่งบนเตียง ทำเอาสเตฟานนี่กระวีกระวาดตามไปประจบเอาใจ กิริยาออดอ้อนออเซาะทำเอาความขุ่นเคืองเมื่อสักครู่หายไปเพราะมารยาและความยั่วยวนของหญิงสาว
“อย่าเพิ่งโกรธซิคะ สเตฟานนี่ไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดอย่างนั้น” ร่างสมส่วนยวนตากระแซะเข้าหาร่างท้วมอย่างช้าๆ นิ้วเรียวยาวลูบไล้แผงอกที่เต็มไปด้วยไขมันของเสี่ยจักร และก็ไม่ห้ามปรามที่อีกฝ่ายสอดมือเข้ามาลูบไล้ทรวงอกของหล่อนอย่างจาบจ้วง
“ทำให้ฉันพอใจซิ ฉันถึงจะไม่โกรธเธอ” เสี่ยใหญ่เอ่ยเสียงงแหบพล่าเพราะถูกหญิงสาวกระตุ้นอารมณ์เสน่ห์หาอย่างเต็มที่
“แต่เสี่ยต้องสัญญาว่าจะจัดการมันให้ฉัน”
“แน่นอนถ้าเธอทำให้ฉันพอใจ เธอจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างตามที่เธอต้องการ” สิ้นประโยคดังกลางสเตฟานนี่ก็ประกบริมฝีปากเข้าหากรีบปากหนาของเสี่ยใหญ่ทันที ริมฝีปากบางของหญิงสาวพรมจูบไล่ลงต่ำมาเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ตรงกึ่งกลางร่างกาย ดวงตาสีน้ำทะเลมองใบหน้าของเสี่ยใหญ่อย่างยั่วยวน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายตกอยู่ภายใต้อำนาจราคะที่ตนก่อขึ้นมาก็กระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ สุดท้ายแล้วมารยาหญิงก็บันดาลได้หมดสิ้นทุกอย่าง
๐ สั้นๆ แต่ฉันรักเธอ ฮ่าๆๆ เอาไปสั้นๆก่อนนะ
๐ กว่าคนอ่านทั้งหลายจะใจขาดตายก่อน ก็เลยรีบลงอย่าว่ากันเน้อ
๐ อ่านแล้วเม้น กด+ กดเป็ดให้ด้วยนะคะคนอ่านที่น่ารักทั้งหลาย
๐ แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะคะ จุ๊ฟๆๆๆ
รักและขอบคุณ
By Chocolate Love ~