บทที่ 20
ลมหายใจ...ร่วมกัน
โซฟาตัวยาวสีน้ำตาลที่วางอยู่ชิดฝาผนังในห้องนั่งเล่นบนคอนโดของศิขรินทร์มีเรือนกายสูงใหญ่ของคนที่เป็นเจ้าของห้องนั่งเอนกายพิงพนักโซฟาอย่างสบายใจโดยมีอีกร่างหนึ่งที่กำลังนอนหนุนตักท่อนขาแข็งแรงของคนนั่งอย่างสบายอกสบายใจ เขาก้มมองดูซีกหน้าด้านข้างของคนด้านล่างอย่างพิจารณาในดวงหน้าสวยนวลเนียนของอีกฝ่าย นิ้วเรียวยาวไล้บนไรคิ้วดกดำไปมาอย่างแผ่วเบา สายตาคมกล้าค่อยๆไต่มองส่วนประกอบบนหน้าของร่างที่นอนอยู่อย่างชื่นชม สันจมูกโด่งสวยพอดี ริมฝีปากบางหยักขึ้นเล็กน้อยบ่งบอกถึงลักษณะนิสัยของคนที่นอนได้เป็นอย่างดีว่าต้องดื้อและคงหัวรั้นเอาการ ศิขรินทร์เสยเส้นผมด้านหน้าของภัสดาให้หลีกหนีจากหน้าผากเนียน เป็นห่วงเป็นใย กลัวเส้นผมเส้นเล็กๆจะไปรบกวนนิทรารมย์ของคนที่นอนอยู่ เขาค่อยๆก้มตัวลงมาอย่างช้าแล้วกดริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียนนั้น ระเรื่อยลงมาถึงเปลือกตาบางที่ปกปิดดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้ม แม้แต่ขนตางอนยาวก็ไม่ถูกละเว้น ลากลงมาเรื่อยๆยังปลายจมูกเชิดชั้นและพวงแก้มใส แวะสูดกลิ่นหอมสดชื่นเล็กน้อยอย่างรักใคร่แล้วมาศิโรราบอยู่บนผิวตึงเต็มของริมฝีปากนุ่ม เขาเคยชิมริมฝีปากคู่นี้มานักต่อนักแล้ว แต่ไม่ว่าจะครั้งใดที่ได้สัมผัสก็สร้างแรงปรารถนาให้กับเขาอยู่ทุกครา
.
.
.
.
ระยะเวลาที่ภัสดาไปรับประทานอาหารกับบิดาและมารดานั้นช่างสร้างความหวาดหวั่นและวิตกกังวลให้กับเขาอยู่ไม่น้อย กลัวไปต่างๆนานาว่าบิดาและมารดาของภัสดาจะบังคับให้เจ้าตัวกลับไปพักค้างแรมที่บ้านเป็นเวลานาน กลัวว่าความสำคัญของเขาจะลดน้อยลงเมื่อระยะห่างและเวลามันต่างกัน ผุดลุกผุดนั่งอยู่ที่โซฟาตัวนี้อยู่หลายครั้ง มือกดโทรศัพท์ค้างไว้ที่เบอร์ของคนรักแต่ก็ไม่กล้าโทรออก กลัวว่าตัวเองจะโทรไปขัดตอนที่พ่อแม่ลูกเขาอยู่ด้วยกันจึงตัดสินใจลุกเดินเข้าไปในห้องนอนแล้วถอดเสื้อผ้าขวางระเกะระกะอย่างระบายอารมณ์ เมื่อเข้าไปในห้องน้ำได้แล้วก็ยิ่งฉุนเฉียวขึ้นมายิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นแปรงสีฟันและครีมอาบน้ำของคนรัก ช่วงเวลานั้นมันช่างทำร้ายจิตใจของเขามากมายเหลือเกิน สายน้ำเย็นฉ่ำรดรินเรือนกายสูงใหญ่ ความเย็นของหยดน้ำมิสามารถที่จะดับความลุ่มร้อนที่สุมอยู่ในอกแม้แต่น้อย ความคิดถึงคะนึงหาเล่นงานเขาอย่างรุนแรง ยิ่งดึกก็ยิ่งสั่น เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นหนักเช่นนี้ ไม่รู้มาก่อนเลยว่า พิษแห่งความคิดถึงมันร้ายแรงมากมายขนาดไหน เขาหย่อนกายลงนอนแช่น้ำแล้วหลับตาพิงอ่างอย่างพักผ่อน พยายามทำใจยอมรับค่ำคืนแห่งเหว่ว้านี้อย่างช้า เมื่อจิตใจค่อยๆสงบ ความคลั่งร้อนก็บรรเทาจางลงไปด้วยเช่นกัน แล้วพลันเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมา เรียกสติให้กับเขาได้เป็นอย่างดี เสียงเรียกเข้าที่ตั้งไว้สำหรับคนพิเศษ เสียงเพลงนี้มอบให้กับคนๆเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือ ภัสดา
‘ป๋อง......... มารับหน่อย นอนไม่หลับ’ เขาไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าใส่เสื้อผ้าตอนไหน ขับรถออกมาได้อย่างไรเพราะในวินาทีที่ได้ยินเสียงของคนปลายสาย หัวใจมันก็พุ่งออกไปหาคนพูดแทบจะทันที รู้ตัวอีกทีก็ขับรถมาอยู่ที่หน้าคฤหาสน์หลังงามของภัสดาเสียแล้ว เขามองฝ่าเข้าไปในความมืดบริเวณหน้าบ้านก็เห็นเรือนกายโปร่งบางของภัสดาที่ยืนพิงประตูหน้าบ้านกอดหมอนข้างอยู่ เขาเปิดประตูอย่างรวดเร็วแล้วเดินเข้าไปหาร่างนั้นทันที รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นที่ริมฝีปากเขาเมื่อรับรู้ได้ว่า ไม่ใช่แค่เขาเพียงคนเดียวที่ทุรนทุรายคิดถึงอีกฝ่าย ศิขรินทร์ยกมือแบบบางขึ้นมาจรดริมฝีปากอย่างนิ่มนวล นี่แหละ กลิ่นนี้ ผิวนี้ ทุกอย่างที่ผสมกันอย่างลงตัวแล้วเป็นภัสดา นี่แหละคือสิ่งที่ศิขรินทร์ต้องการ
ตลอดเส้นทางตั้งแต่บ้านของภัสดามาจนถึงคอนโดของเขานั้นคนตัวบางยังไม่ได้หลุดออกไปจากอ้อมกอดของเขาซักวินาทีเดียว แขนแข็งแรงของเขาตระกองกอดอีกฝ่ายเอาไว้อย่างรักใคร่และหวงแหน เมื่อใดที่ได้ก้มลงมองหัวทุยสวยที่ซุกซบที่บนบ่าเมื่อนั้นก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงมาสูดความหอมของเส้นผมนุ่มสวยของภัสดา ยิ้มมาตลอดทาง จนนึกกลัวตัวเองว่าจะเป็นบ้าเข้าซักวัน ถ้าขืนยังยิ้มขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยอย่างนี้ เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมีอาการอย่างนี้หรือเปล่า อะไรจะสำคัญเท่าการที่ได้ยินเสียงหวานๆดังรอดผ่านโทรศัพท์มายามดึก เพราะอีกฝ่ายก็มีภูมิต้านทานต่อความคิดถึงเฉกเช่นเดียวกับเขา เพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว แค่ได้รู้ว่าตัวเองก็ยังเป็นที่ต้องการของอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา ไร้เสียงพูดคุย เขาและภัสดายังไม่ได้เปิดปากคุยกันซักคำ แต่นั่นก็ไม่สำคัญ เพราะเขาและร่างบางต่างรับรู้ได้ด้วยใจว่าความรู้สึกลึกๆข้างในนั้นเป็นอย่างไร
“ง่วงไหมครับ?” เอ่ยชิดติดหน้าผากเนียนสวย เขาชะลอความเร็วของรถลงแล้วตบไฟเลี้ยวจอดข้างทางก่อนจะค่อยๆคลี่เสื้อคลุมตัวใหญ่คลุมร่างโปร่งบางอย่างห่วงใย ภัสดาส่ายหัวไปมาบนหัวไหล่ของเขา
“ถ้าอย่างนั้น ไปนั่งรถเล่นกันนะ” เขาถามไปอีกประโยค แต่คนตัวบางก็ยังเงียบอยู่ดี เขาถึงคิดเองเสร็จสรรพว่าภัสดาได้อนุญาตไปแล้ว ถึงจะเป็นการอนุญาตภายในใจก็เถอะ ก่อนจะผละไปทำหน้าที่คนขับรถดีเด่น ศิขรินทร์ก็ไม่ลืมที่จะกระชับเสื้อคลุมตัวใหญ่บนร่างของภัสดาอีกครั้ง ยามดึกอย่างนี้อากาศเย็นค่อนไปทางหนาวถึงแม้ภายในรถจะไม่ได้เปิดแอร์ก็ตาม ถึงอย่างนั้นข้างในก็หนาวเย็นอยู่ดี แต่สำหรับศิขรินทร์อากาศตอนนี้ถือว่าค่อนข้างสบายเสียด้วยซ้ำ ไม่ได้รู้สึกหนาวแต่อย่างใด แต่เขาจะพกเสื้อคลุมไม่ก็ผ้าคลุมติดรถตลอด เพราะรู้ว่าภัสดาค่อนข้างที่จะไม่ถูกกับอากาศหนาวเท่าไร
เมืองหลวงในยามดึกยังคึกคักเหมือนเดิม เหลือบแลไปทางใดก็เห็นแต่แสงสีเสียงของสถานเริงรมย์ที่ผุดขึ้นอย่างกับดอกเห็ด หากเป็นเมื่อก่อนในเวลาเช่นนี้เขาคงกำลังนั่งดื่มเหล้าฟังเพลงอยู่ในสถานบันเทิงชั้นสูงแห่งใดแห่งหนึ่ง มองหาเหยื่อเมื่อถูกใจก็หิ้วไปเสพความสุขร่วมกันอย่างบันเทิงใจ เมื่อเสร็จสมอารมณ์หมายก็ต่างคนต่างไป ร่วมรักกันเพราะต้องการที่ปลดปล่อยเท่านั้น ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน พอพระอาทิตย์ขึ้นก็เป็นคนแปลกหน้าซึ่งกันและกัน แต่ปัจจุบันเขาหันหลังให้กับเรื่องพรรค์นี้มาเป็นเดือนสองเดือนแล้ว ไม่ได้ย่างกายเข้าไปยุ่งนับตั้งแต่ได้รู้จักกับภัสดาและคงจะเป็นอย่างนั้นต่อไป เพราะร่างบางยื่นคำขาดไว้ว่าถ้าหากเขายังปฏิบัติตัวเหมือนเดิมอย่างเมื่อก่อนก็จะไม่มีทางตกปากรับคำเป็นแฟนเด็ดขาด และไม่ให้พบเจอหน้าอีกต่างหาก แต่ถึงภัสดาไม่ห้าม เขาก็พร้อมที่จะหยุดตัวเองไว้กับอีกฝ่ายอยู่แล้ว ในเมื่อเจอคนที่รักและใช่สำหรับเราแล้ว
“เอาหมอนข้างมาทำไมครับ ที่ห้องก็มี”
ความจริงจะพูดต่อไปว่า หมอนข้างที่ว่านั้นคือตัวเอง แต่ก็กลัวว่าคนสวยจะกริ้วแล้วเอาหมอนข้างเจ้าปัญหาขึ้นมาฟาดหน้าเขา ลองให้เขินแบบฉุดเมื่อไร ภัสดา พิชัยภักดีก็โหดแบบฉุดไม่อยู่เหมือนกัน นี่ซินะที่เขาเรียกกว่า ‘ยิ่งเขิน ยิ่งโหด’
“มันติดมือมา”
ศิขรินทร์หันไปมองหมอนข้างปลอกลายกระต่ายน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของภัสดาแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้ ขนาดว่าเขากอดแน่นอย่างนี้ยังไม่ยอมจะปล่อย ที่สำคัญไปกว่านั้น โคนนิเซกของเขาดูแออัดขึ้นมาทันทีเมื่อมีหมอนข้างกระต่ายน้อยของภัสดา
“ทำไมถึงนอนไม่หลับ .....ได้ไปนอนบ้านทั้งทีเลยนะ นอนไม่หลับได้อย่างไรครับ”
“.....................................” ภัสดาโหมดนิ่งเงียบกำลังคิดหาคำตอบอยู่แน่ๆ เพราะถ้าเป็นภัสดาโหมดปกติคงจะตอบสวนกลับมาแทบจะทันที
“ว่าอย่างไรครับ” ศิขรินทร์คาดคั้นอีกฝ่ายอย่างไม่หยุด คุณภัสดาผู้ชนะสิบทิศกำลังสับสนงุนงงปนอ่อนแอ นานๆทีถึงจะได้เห็น อย่างนี้มันต้องไล่ถามเสียให้จนมุม จะแกล้งให้อายถึงที่สุดเลยคอยดูซิ
“ก็ไม่รู้ ......... รู้แต่ว่านอนไม่หลับ”
เสียงแววหวานพึมพำตอบไม่เต็มเสียง ถ้าให้เดาป่านนี้ดวงหน้าหวานคงจะเจือสีแดงเหมือนดั่งลูกมะเขือเทศอยู่แน่ๆ แต่ศิขรินทร์นั้นมีข้อคิดไว้ว่า คนอายอย่าไปขวาง ถ้าไม่อยากโดนหยิก นั่นคือความจริงที่ค่อยน่าลองเท่าไร ถ้ายังอยากให้เอวตัวเองปราศจากแผล ก็อยู่รอฟังอยู่เงียบๆซะ
“ก่อนออกมาได้เช็ดผมหรือเปล่า ทำไมหัวเปียกอย่างนี้ล่ะ”
อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขา ดวงตากลมสวยฉายแววสงสัยอยู่เต็มประดา แต่ระดับอินทรีเงินซะอย่างจะให้ตอบไปเลยมันก็ขาดทุนซิ มันต้องมีสิ่งของมาแลกเปลี่ยน ไม่อยากจะบอกว่าตอนนี้คนในอ้อมกอดของเขากำลังทำหน้าได้น่าปล้ำเป็นอย่างมาก เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรอนาน ศิขรินทร์ก้มลงไปจูบริมฝีปากอวบอิ่มของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว แล้วหันหน้ากลับมาทำหน้าที่เป็นคนขับต่อ
“รีบไปหน่อย กลัวคนแถวนี้รอไม่ไหว เลยรีบออกมาน่ะครับ” ดีแค่ไหนที่เขาขับรถไปหาอีกฝ่ายที่บ้านอย่างปลอดภัย รู้แต่ว่าอยากเจอ อยากเห็นหน้า อยากกอด สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เหยียบคันเร่งสุดเท้า ประคองรถยนต์คันสวยมาจอดหน้าบ้านของภัสดาได้ก็ถือว่าเก่งขนาดไหนแล้ว โคนนิกเซกทำหน้าที่ของมันได้เต็มประสิทธิภาพก็วันนี้นี่แหละ ศิขรินทร์มองคนตัวบางที่ผละออกไปจากอ้อมแขนอย่างเสียดาย แต่ก็สงสัยได้ไม่นาน เมื่อผ้าขนหนูผืนเล็กประจำรถมาแปะอยู่บนศีรษะเขา นิ้วเรียวสวยสางเส้นผมเขาไปมาอย่างเพลิดเพลิน ภัสดาบรรจงเช็ดผมให้เขาอย่างตั้งใจ อีกหนึ่งบุคคลที่เขาอนุญาตให้จับศีรษะเขา คนแรกก็คือมารดา คนที่สองก็คนที่กำลังนั่งเช็ดผมให้เขาอยู่นี่ไงล่ะ
“ไม่ได้รอซักหน่อย ก็แค่บอกให้มารับ ไอ้ศิ มึงมั่วแล้ว”
ศิขรินทร์คันปากอยากโต้อีกฝ่ายไปอยู่ไม่น้อยว่าขนาดไม่รอยังไม่ยืนกอดหมอนข้างเดินเล่นอยู่หน้าบ้าน ถ้ารอนี่คงจะหอบเสื่อผืนหมอนใบมาปูนอนรอเขาแล้วแน่ๆ แต่นั่นก็เพียงแค่ความคิด มันพูดออกมาไม่ได้ อำนาจเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์อยู่ในมือของภัสดา ส่วนเขานั้นยึดครองได้เพียงยี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น รอเวลาที่จะได้เป็นใหญ่อีกครั้ง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นการรออย่างลมๆแล้งๆหรือเปล่า เพราะความหวังที่จะได้เป็นใหญ่อีกครั้งนั้นมันช่างริบรี่เสียจริงๆ
“ครับๆ ไม่ได้รอก็ไม่ได้รอครับ .........ไปนั่งเล่นริมแม่น้ำไหม แถวนั้นบรรยากาศดีนะ”
“รู้ได้ไงว่ามันบรรยากาศดี มาบ่อยล่ะซิ” ถ้าหูของเขาไม่ฝาด เหมือนจะได้ยินอีกฝ่ายพูดเสียงสะบัดเหมือนกับงอนหรือไม่พอใจอย่างนั้นแหละ แล้วไม่พอใจเรื่องอะไรล่ะ เขาก็แค่บอกไปว่ามาบ่อยๆ ไม่ได้บอกว่าพาใครมาด้วยซักหน่อย เอ๊ะ............!
“หึงเหรอ ....... โอ๊ย!!” เขายังพูดไม่ได้ทันขาดคำ เล็บมือนางก็ฟ้อนมาที่ท่อนด้านซ้ายอย่างเต็มๆ ก็บอกแล้วว่าอิทธิผลแปดสิบเปอร์เซ็นต์มันอยู่ในมือของคนร่างบาง ไอ้เรื่องทำร้ายร่างกายเขาเวลาเขินหรือไม่พอใจนี่ก็ติดเป็นนิสัยเสียแล้ว
“เดี๋ยวปากมึงจะแตก ระวังไว้ดีๆ” แล้วคนเก่งที่ไหนเขาพูดไปเอาหน้าซุกหมอนไปถ้าไม่เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหา ต้องด่ามากกว่านี้ซิมันถึงจะเป็นภัสดาตัวจริงเสียงจริง ถ้าไม่ติดว่ากำลังขับรถอยู่ สาบานได้ว่าจะต้องมีคนแถวนี้เสียปากให้เขาดูดแน่นอน ไม่ยอมให้เสียยี่ห้ออินทรีเงินบินสูงแน่นอน
“แตกเพราะปากพีตก็ยอมครับ” คราวนี้มาเต็มรูปแบบและรุนแรงยิ่งกว่าเดิม จะร้องก็ร้องไม่ได้เพราะถ้าร้องออกไปเสียงดังก็เสียฟอร์มอินทริเงินหมด เพราะฉะนั้นก้มหน้ารับรอยหยิกที่เอวแต่โดยดี ภัสดายังคงหยิกได้อย่างมีศิลปะ เล็บขาวค่อยๆจิกลงบนผิวเนื้อ หลังจากนั้นก็ค่อยหยิกหมุนซ้ายหมุนขวา เวียนวนกลับไปกลับมา ความเจ็บนี้มันช่างสะเทือนไปถึงขั้วหัวใจเลยจริงๆ
“ถ้าร้องออกมาซักแอะเดียวจะบิดให้แรงกว่าเดิม” ใครร้องออกมาก็บ้าแล้ว!! ไม่มีคนบ้าที่ไหนยอมเจ็บแบบยกกำลังสองแน่ๆ และศิขรินทร์เองก็เป็นหนึ่งในนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อเสร็จสมอารมณ์หมายของอีกฝ่ายแล้ว เล็บมือนางก็ค่อยๆปล่อยผิวเนื้อบริเวณเอวของเขา ความรู้สึกเหมือนตัวเองได้ดีดขึ้นไปสวรรค์อย่างไงอย่างนั้น
.
.
.
.
.
.
เมื่อขับรถวนเมืองหลวงเป็นที่พอใจของคนตัวบางแล้ว ศิขรินทร์ก็ขับรถมุ่งหน้าสู่คอนโดของเขาทันที ดูเหมือนว่าภัสดาผู้ชนะสิบทิศเริ่มจะหมดฤทธิ์ลงอย่างช้าๆ ขนาดเขาจับอุ้มอีกฝ่ายขึ้นมาในอ้อมแขน เจ้าตัวก็ยังไม่รู้สึกตัวเหมือนเดิม บทจะหลับก็หลับง่ายเสียเหลือเกิน คนหน้าหล่อขอค่าอุ้มเป็นจุมพิตที่ริมฝีปากอวบอิ่มครั้งสองครั้ง ตามประสาพ่อค้าหน้าเลือดที่หวังผลกำไรอยู่ตลอดเวลา กี่ครั้งแล้วนะที่เขาอุ้มร่างโปร่งบางที่หลับสนิทนี้เขาคอนโด จะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งศิขรินทร์ก็พร้อมและเต็มใจทำอย่างเต็มที่ อยากรัก อยากปกป้อง อยากดูแล ความรู้สึกเหล่านี้มันหลากล้นอยู่ในอกของเขา ความรู้สึกหวงแหนและเป็นเจ้าข้าวเจ้าของนี่ซิน่ากลัวยิ่งกลัว มันรุนแรงเสียจนน่าตกใจ บางครั้งก็รับมือกับความรู้สึกนี้แทบไม่ไหว ไม่นึกว่าคนหนึ่งคนจะสร้างอิทธิพลให้กับเขามากขนาดนี้
เขาค่อยๆวางร่างแบบบางลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น เพราะเจ้าตัวพูดเสียงอู้อี้ชิดหน้าอกของเขาว่าอยากดูหนัง ศิขรินทร์ก็ไม่ขัดเพราะไม่อยากขัดใจคนง่วงเท่าไร ทั้งที่อยากจะแย้งเหลือเกินว่าตาแทบจะลืมไม่ขึ้นขนาดนั้นจะดูภาพฉายจากจอโทรทัศน์ได้เหรอ แต่ภัสดาก็คือภัสดาอยู่วันยันค่ำลองได้คิดแล้วอยากทำแล้ว เอาอะไรมาฉุดก็ไม่อยู่แน่นอน เพราะฉะนั้นเขาจึงมีหน้าที่เดินเข้าไปในห้องหยิบผ้าห่มผืนใหญ่ออกมาจากห้องแล้วเอามาห่มให้กับร่างแบบบางที่นอนตาปรอยอยู่บนโซฟา
“จะดูไหวไหม ไปนอนดีกว่านะ ดูซิตาปิดหมดแล้ว” เขาย่อตัวนั่งลงบนพื้นพรม มองคนที่บอกว่าจะดูหนัง แต่นอนปิดตาหาวปากกว้างอย่างเอ็นดู ผ้าห่มผืนใหญ่คลุมทับร่างทั้งร่างโปร่งบางของอีกฝ่ายเหลือเพียงใบหน้าสวยหวานที่โผล่ออกมาเล็กน้อย
“ไหวซี พูดมากจัง ....... มานั่งข้างบนซิจะนอนตัก” ไม่ได้ต้องรอให้อีกฝ่ายพูดซ้ำ ศิขรินทร์ก็ผลุดลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาอย่างรวดเร็ว เขาค่อยๆยกศีรษะของอีกฝ่ายขึ้นมาวางบนตักอย่างช้าๆ ภาพบนจอโทรศัพท์ยังฉายต่อไปเรื่อยๆ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเท่าไรนัก เพราะตอนนี้สายตาของเมามันมองไปที่ดวงหน้าหวานของคนที่นอนหนุนตักเพียงอย่างเดียว แพขนตางอนกระพริบไปมามองดูแล้วเพรินดีเหมือนกัน ห้องทั้งห้องมีเพียงเสียงที่ดังมาจากโทรทัศน์เครื่องใหญที่ตั้งอยู่ชิดผนังห้องนั่งเล่นตรงข้ามกับชุดโซฟา ศิขรินทร์เหลือบไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้องนั่งเล่น บอกเวลาว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงจะตีสี่ แต่เขาก็ยังไม่รู้สึกง่วงหรืออยากพักผ่อนแต่อย่างใด เช่นเดียวกับภัสดาที่ยังฝืนร่างกายตัวเองไม่ยอมนอน จะดูหนังลูกเดียว ลองขัดใจไปซิ มีหวังได้งอนกันข้ามคืนแน่ๆ
“พีตครับ...........” เขาค่อยๆก้มลงมองดูว่าอีกฝ่ายหลับลงไปแล้วจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่พักสายตาอย่างที่ใช้กับเขามาตลอดระยะเวลาที่นอนหนุนตักดูหนัง
“ไปนอนนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาดูใหม่” เสียงลมหายใจสม่ำเสมอเป็นคำตอบยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าอีกฝ่ายเข้าสู่นิทราไปแล้ว ศิขรินทร์ค่อยๆอุ้มร่างสูงโปร่งขึ้นมาแนบอกแล้วพาเข้าไปในห้องนอน ห้องที่หลายชั่วโมงแล้วที่เงียบเหงาและวังเวงเสียจนน่ากลัวแต่บัดนี้บรรยากาศเช่นนั้นได้หายไปแล้ว เพราะมีใครอีกคนมาทำให้บรรยากาศน่ากลัวแหล่านั้นหายไป ศิขรินทร์สอดตัวเข้าไปโอบกอดร่างบางแนบอกแล้วจุมพิตที่หน้าผากเนียนอย่างรักใคร่ เมื่อหัวใจเต้นเป็นจังหวะปกติ รับรู้ได้ว่ามีใครอีกคนมาเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปแล้ว ศิขรินทร์ก็ค่อยๆปิดเปลือกตาลงอย่างช้าๆ นิทราไปพร้อมกับความสุขเพราะมีคนที่รักหนุนนอนอยู่ข้างกาย
.
.
.
.
๐ คำผิดน่าจะเยอะอยู่นะ รีบไปหน่อย เห็นตรงไหนก็ก๊อบมาทั้งประโยคเลยนะคะ เพื่อง่ายต่อการแก้ไข
๐ ช่วงนี้ขยันลง เพราะเปิดเทอมใหม่ๆ แต่ก็นะ เทอม2 แล้ว วุ่นวายกว่าเดิม 100 เท่า ...
๐ สั้นไปหน่อย ขอโทษทีนะคะ
๐ ขอบคุณทุกโพส ที่เหมือนแรงผลักดันให้นิยายเรื่องนี้ได้เดินต่อไป
รักและขอบคุณ
By Chocolate Love ~