ตานายนึกบ้างล่ะ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
---------------------------------------------------------------
Chapter:18 กำแพงที่เริ่มผุ
ไม่เคยมีช่วงเวลาไหนที่ผมจะรู้สึกมีความสุขได้มากเท่ากับช่วงเวลานี้ นับตั้งแต่ได้พบกับคุณกาย ใจผมก็ไม่เคยได้อยู่กับเนื้อกับตัว มันรู้สึกหัวใจพองฟูและมีความสุข กับการที่ได้อยู่ใกล้ๆเขาหรือแม้กระทั้งการได้นึกถึง
แม้การที่เขาหมางเมินใส่ผม จะทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดก็ตาม แต่มันก็ไม่ทำให้ความรู้สึกที่มีต่อตัวเขาลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด กลับมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเสียมากกว่า
เพราะความรักทำให้ผมเป็นไปได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ?
คิดแล้วก็น่าขำ แต่ก่อนผมเคยคิดว่า สำหรับคนที่มีรสนิยมชอบเพศเดียวกันแบบผม เพียงแค่ความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวยก็พอ ไม่จำเป็นต้องหาใครมาผูกมัด ก็สามารถอยู่ได้อย่างมีความสุข
ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อในความรักนะ ผมเชื่อ… เพียงแต่ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวผมเร็วขนาดนี้ ไม่รู้สิ… ผมแค่คิดว่า ผมยังอายุน้อยอยู่ มันเป็นช่วงเวลาที่ผมควรจะตักตวงความสนุกสนานและความท้าทายในชีวิตมากกว่า ผมคิดว่าช่วงเวลาที่ผมต้องการความรัก คือตอนที่ผมได้ใช้ชีวิตโดยอิสรเสรีอย่างคุ้มค่าแล้วต่างหาก
แต่ความรักของผมมันก็เกิดขึ้นแล้ว โดนมีคุณกายเป็นตัวจุดฉนวน มันลุกลามรวดเร็วจนทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อหัวใจของผมอย่างท่วมท้น ความรู้สึกรักมันเป็นอย่างนี้นี่เอง… มันเหมือนการล่องลอยไปในอากาศ มีการลอยขึ้นสูงได้ ก็มีการร่วงหล่นลงมาเช่นกัน ผมหวังว่าผมจะไม่ร่วงลงมาเจ็บหนัก เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะทนได้ไหม
ผมอยากจะมีโชคดีด้านความรักกับเขาบ้าง…
…
ห้องของคุณกายกว้างขวางและน่าอยู่มาก มีเครื่องอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ที่สำคัญห้องของเขาดูเป็นระเบียบและสะอาดสะอ้านจนนึกไม่ถึงว่านี่จะเป็นห้องของชายโสด แต่ก็อย่างว่าแหละ นิสัยของเขาเป็นคนที่ค่อนข้างเข้มงวดกับตัวเอง จึงไม่แปลกอะไรที่สภาพแวดล้อมตัวเขาจะเป็นแบบนี้
แต่มันก็ทำให้ผมเซ็ง เพราะระหว่างที่รอเขากลับมา ผมดันไม่มีอะไรจะทำค่าเวลา ในเมื่องานเก็บกวาดทำความสะอาดแทบไม่มีให้ผมทำเลยสักอย่างนี่สิ ผมจึงได้แต่เดินสำรวจห้องคุณกายไปพลางๆเท่านั้น น่าแปลกที่ห้องของเขาไม่มีรูปถ่ายตั้งโชว์เลยสักใบ แม้กระทั่งรูปของครอบครัวเขาก็ไม่มีปรากฏให้เห็น เรียกได้ว่าไม่มีรูปถ่ายของมนุษย์ให้เห็นเลยก็ว่าได้ รูปภาพส่วนใหญ่ก็เป็นแค่ภาพติดผนังที่เป็นรูปวิวทิวทัศน์เสียมากกว่า
เมื่อกลางวันผมโทรไปหาคุณกายแล้ว แต่ถึงอยากจะโทรหาบ่อยๆผมก็ต้องอดทนไว้ เพราะกลัวว่ามันจะไปรบกวนเวลางานของเขา และจะทำให้เขาไม่พอใจผมได้
วันนี้ทั้งวันผมจึงได้แต่ดูหนังฟังเพลงค่าเวลาระหว่างรอเขากลับมาเรื่อยๆ พอตกเย็นผมก็ลุกมาทำมื้อเย็นเตรียมไว้รอเขากลับมาทานด้วยกันอย่างสุดฝีมือ
หนึ่งทุ่มกว่าแล้ว อาหารเย็นฝีมือผมถูกจัดวางไว้บนโต๊ะอาหารอย่างน่าทาน ผมยิ้มให้กับความสำเร็จของตัวเอง ก่อนที่จะไปอาบน้ำจัดการกับหน้าที่มันย่องและตัวที่เหม็นควันอาหารให้เรียบร้อย แล้วรอสุดที่รักผมกลับมาอย่างจดจ่อ
เวลาผ่านไป จนอาหารบนโต๊ะเริ่มเย็นชืด ส่วนผมก็แทบจะหลับคาโต๊ะอาหารไปแล้ว คุณกายก็ยังไม่กลับบ้านมาสักที ผมถอนหายใจเฮือก! การรอคอยมันช่างน่าเบื่อหน่ายจริงๆ ผมมองดูเวลานี่ก็สี่ทุ่มเศษๆแล้ว สมควรแก่เวลาที่เขาจะกลับมาสักที เลยลุกออกไปโทรศัพท์หาเขา
ต่อสายอยู่นาน แต่เขาก็ไม่รับเสียที จนผมเริ่มร้อนใจ ชักวิตกกังวลมากขึ้น กลัวว่าเขาจะกลับไปอยู่ที่คฤหาสน์หลังนั้น นี่เขาไม่อยากจะอยู่ใกล้ผมถึงขนาดนี้เชียวหรือ...? ผมคิดสรตะอย่างว้าวุ่นใจ
[“…ฮัลโหล”] เฮ้อ! ในที่สุดคุณกายก็รับโทรศัพท์ผมจนได้
“คุณอยู่ที่ไหน ทำไม่ถึงรับโทรศัพท์ผมช้า”
[“อยู่ที่ทำงานก็ทำงานอยู่น่ะสิ แล้วนายมายุ่งอะไรด้วยเนี่ย! ฉันจะอยู่ไหนทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน นายไม่เกี่ยว! ”]
ผมสะอึกกับคำพูดของเขาทันที เขาช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ว่าคำพูดของเขามันบาดลึกลงในใจผมแค่ไหน ผมจึงได้แต่นิ่งเงียบ คำพูดมันจุกอยู่ในลำคอไม่อาจพูดอะไรต่อได้อีก มีเพียงความเสียใจเท่านั้นที่มาทดแทนความดีใจเมื่อแรกเริ่มที่ได้ยินเสียงของเขา
[“ตกลงไม่มีธุระอะไรแล้วใช่ไหมฉันจะได้วาง แล้วก็วันนี้ฉันจะนอนค้างที่บริษัท เพราะงั้น…”] เขาพูดน้ำเสียงเจือความหงุดหงิด จนผมไม่อยากจะฟังมันต่อไป ผมเลยพูดแทรกคำพูดของเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
“คุณไม่เคยนึกถึงใจผมบ้างเลย… ผมเสียใจนะ ที่คุณพูดแบบนั้นกับผม…”
[“…”]
กดวางสายไปด้วยจิตใจห่อเหี่ยว ผมกำโทรศัพท์มือถือในมือแน่น เจ็บกับคำพูดของเขาเหลือเกิน ผมก็มีหัวใจนะ เป็นก้อนมีเลือดเนื้อ ไม่ใช่ก้อนศิลา การที่เขาตัดรอนผมแบบนี้ จะไม่ให้รู้สึกกระทบกระเทือนข้างในใจได้อย่างไร?
เดินกลับไปที่โต๊ะอาหาร แล้วลำเลียงอาหารที่ทำเข้าไปไว้ในตู้เย็นด้วยใจที่เหม่อลอย จากที่เคยหิวแต่ก็ยอมอดทนรอคุณกายกลับมาทานด้วยกัน ตอนนี้กลับไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด เวลานี้ผมคงไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรอีกต่อไปแล้ว
ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงนอนของเขา สูดกลิ่นกายของเขาที่ยังคงหลงเหลืออยู่เข้าเต็มปอด มันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากในตอนนี้ มันกลับทำให้ผมโหยหาเขายิ่งกว่าเดิมมากกว่า ถึงตอนนี้ผมจะได้อยู่ในห้องเขา บนเตียงนอนของเขา คิดว่าตัวเองคงจะใกล้ตัวเขามากขึ้นแล้ว แต่ระยะห่างของหัวใจกลับยังคงเดิม
นี่สินะความรู้สึกที่ตัวอยู่ใกล้ แต่ใจอ้างว้าง…
มันทรมานยิ่งกว่าอะไรดี เหมือนกับมองเห็นภาพลวงตาที่คิดว่าถึงจุดหมายแล้ว แต่เมื่อยื่นมือไปสัมผัสมันกลับอันตรธานหายไป สุดท้าย… ก็พบเพียงตัวเองที่อยู่คนเดียวบนความว่างเปล่า…
ผมหลับตาลงหยุดความคิด… พยายามข่มตานอน แม้จะยากแสนยาก
…อดทนต่ออีกนิดเถอะนิค ทะเลทรายยังมีโอเอซิสได้ แล้วนับประสาอะไรกับใจของคุณกายที่จะมีแกไม่ได้… ผมคิดปลอบใจตัวเอง
ไม่รู้ว่าผมเผลอหลับไปตอนไหน แต่รู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาอีกหน ก็พบว่าคุณกายกำลังยืนมองผมอยู่ข้างเตียง ผมรีบลุกขึ้นนั่งขยี้ตาแรงๆสองที แล้วเพ่งมองเขา
เป็นคุณกายจริงๆด้วย! ไม่ใช่ความฝัน!
คุณกายยืนอยู่ในชุดนอน สงสัยคงเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ นี่เขากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมผมไม่รู้สึกตัวเลย?
“คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ไหนว่าจะค้างที่บริษัท?” ผมถามเขาเสียงเรียบ ทั้งๆที่ในใจดีใจเหลือเกินที่เขากลับมาอยู่กับผม
“ไม่นานนี้แหละ …ฉันเปลี่ยนใจแล้ว” เขาบอกไม่ยอมมองหน้าผม แล้วก็ทำท่าจะเดินออกไปเมื่อผมจ้องมองเขานิ่งไม่พูดอะไร
“เดี๋ยวสิครับ จะไปไหน” ผมรีบลุกคว้าแขนคุณกายไว้ ดึงเขาเข้ามากอดหลวมๆ แล้วซบหน้าลงบนไหล่ของเขา
“อย่าพูดแบบนั้นกับผมอีกนะครับ… อย่าทำร้ายจิตใจกันอย่างนั้น…”
“ขอโทษนะ…” เขาบอกเสียงเบาแทบไม่ได้ยิน จนผมชะงักเงยหน้าขึ้นมามองเขา อยากจะแน่ใจว่าผมไม่ได้ฟังผิดไป
“เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะครับ?”
“เปล่า… ช่างมันเถอะ วันนี้ฉันหงุดหงิดเรื่องงานนิดหน่อยน่ะ”
“งั้นเหรอครับ… เหนื่อยไหมครับ แล้วคุณหิวรึเปล่า?” ผมถามเสียงห่วงใย ยกมือขึ้นไล้แก้มนุ่มเบาๆ
เขาส่ายหัวไปมา ก้มหน้าหลบสายตาผม
“กับข้าวในตู้เย็น… อร่อยดี” เขาบอกเสียงเบา ไม่ยอมมองหน้าผม แต่คำพูดของเขากลับทำให้หัวใจผมพองโตคับอก ดีใจจนต้องหอมแก้มเขาแรงๆซ้ายทีขวาที
“ชื่นใจจัง” ผมยิ้มกว้างให้เขา แต่เขากลับผลักตัวผมออกห่าง
“ยุ่งน่า! ฉันจะนอนแล้ว”
คุณกายเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วเอาผ้าห่มคลุมโปงไว้ แต่ผมก็ยังทันได้เห็นใบหน้าขึ้นสีเรื่อของเขา ทำไมเขาช่างน่ารักอย่างงี้!
ผมหัวเราะขำท่าทางของเขาเบาๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างเขา ดึงตัวชายหนุ่มเข้ามากอดเอาไว้
“นี่มันเตียงฉันนะ บนพื้นมีที่ว่างตั้งเยอะ” เขาพึมพำบอก พยายามจะดันตัวผมออกไปแต่ก็ไม่สำเร็จ
“ผมอยากนอนกอดคุณนี่! แต่ถ้าคุณดิ้นมากผมเกิดอารมณ์ขึ้นมาไม่รู้ด้วยนะ”
บอกไปเท่านั้นแหละ เป็นอันกริบ! เลิกดิ้นเลิกขัดขืนผมทันที นี่ผมควรจะดีใจที่เขาเลิกดื้อ หรือควรจะเสียใจที่เขาไม่อยากมีอะไรกับผมถึงขนาดนั้นดีเนี่ย!
เอาเป็นว่าเรื่องนั้นช่างมันเถอะ แค่ตอนนี้มีตัวเขาอยู่ข้างๆให้ผมกอด ผมก็มีความสุขยิ่งกว่าอะไรดีแล้ว!
~*--------------------------------------------------*~