†ღ♥ Łove Âccident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ ♥ღ†(นายนิค&คุณกาย) ตอนพิเศษ Happy Valentine's Day
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: †ღ♥ Łove Âccident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ ♥ღ†(นายนิค&คุณกาย) ตอนพิเศษ Happy Valentine's Day  (อ่าน 570674 ครั้ง)

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ความแตกแว้ว
 :m11: :m11: :m11:

บอกความจริงเพื่อนๆไปเตอะ
เผื่อเพื่อนจะช่วยซ้ำ
สนับสนุนนิคอีกคน
 :m3: :m3: :m3:

satan666

  • บุคคลทั่วไป


มาแล้วๆ วันนี้มารอบเดียวเท่านั้น :m18:


=====================================================================




Chapter: 13  ความฝันที่เป็นจริง

   

     “ช่วงเวลาที่แกหายไป เกิดอะไรขึ้นกับแกกันแน่??”

   ผมไม่รู้จะตอบเรโอมันไปว่าอย่างไรดี แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆก็ไม่ได้ เพราะคนอย่างเรโอต้องจับได้ชัวร์ ร่องรอยที่อยู่บนตัวผมเป็นหลักฐานให้เห็นอย่างเด่นชัด จนใจที่ผมจะหาคำอธิบายเป็นอื่นได้

   เรโอไม่ใช่คนโง่! สิ่งที่มันเห็นผมรู้ว่ามันต้องรู้แน่นอน!

   เพียงแต่มันต้องการคำตอบที่แน่ชัดจากปากผมเท่านั้น และผมก็ไม่มีทางบอกความจริงกับเรโอเด็ดขาด แม้ว่ามันจะรู้อะไรก็ตาม หรือคิดอย่างไรก็ตามแต่

   ถ้าผมบอกก็เท่ากับผมยอมรับน่ะสิ... ซึ่งผมไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นอย่างเด็ดขาด!

   “หันมาพูดให้รู้เรื่องสิกาย เรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่ ” เรโอเอื้อมมือมาดึงต้นแขนผมให้หันมา

   “ฉันจะนอนแล้ว!!” ผมเผลอตวาดใส่มันด้วยความหงุดหงิดรำคาญ

   นึกก่นด่าไอ้คนที่ทำให้ผมซวยแบบนี้ เจ็บใจที่เมื่อวานผมไปยอมมันได้อย่างไร ทั้งโมโหตัวเองทั้งแค้นไอ้หมอนั่น จนอยากจะหายไปจากโลกใบนี้ไม่อยากรับรู้อะไรอีก

   “แกไปนอนกับใครมา?”  ไอ้เรโอเริ่มถามล้วงลึกแล้วสิ นี่ถ้ามันสงสัยอะไรเป็นต้องรู้ให้ได้ใช่ไหม?

   “ผู้หญิงหรือผู้ชาย?” ผมหันควับไปมองหน้ามันอย่างคนที่เริ่มจะเคือง มันหรี่ตามองผม อย่างกับต้องการจะมองความจริงในใจผมให้ทะลุปรุโปร่ง

   “ไม่รู้สักเรื่องได้ไหม!” ผมตะคอกใส่มันอย่างเหลืออด เห็นมันสะดุ้งตกใจกับท่าทีของผมนิดหน่อย ก่อนสายตามันจะเปลี่ยนเป็นมองผมอย่างแข็งกร้าวดุดัน

   “กาย! ฉันเป็นห่วงแกไม่ได้เลยรึไง!!” ผมอึ้งชะงักค้างไปในทันที เรโอมันตวาดใส่ผม ซึ่งน้อยครั้งนักที่มันจะโมโหใส่ผมแบบนี้ แล้วยังสายตาตัดพ้อนั่นอีก...

   “กาย แกไม่เคยเป็นอย่างนี้... รู้ไหมแกทำให้ฉันเสียใจ” แล้วมันก็ลุกเดินออกจากห้องไป ทิ้งความเงียบสงบให้อยู่เป็นเพื่อนผมเท่านั้น

   ยอมรับว่าตอนนี้ผมไม่เป็นตัวของตัวเองเลย ผมไม่รู้จะหาทางออกให้กับความสับสนนี้ยังไง จิตใจผมมันหงุดหงิดไปเสียทุกอย่างไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามแต่

   ขืนผมตามไปง้อเรโอมันตอนนี้ ก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา เพราะผมคงไม่มีความอดทนพอที่จะง้อมันอย่างใจเย็น ถึงผมจะรู้ตัวดี ว่าเรื่องในครั้งนี้ผมผิดก็เถอะ หวังว่าเรโอมันจะเข้าใจความอึดอัดใจของผมบ้าง

   ผมเอี้ยวตัวเปิดลิ้นชักหัวเตียง หยิบกระปุกยานอนหลับออกมา แล้วซัดยานอนหลับเข้าไปสองเม็ด ก่อนจะล้มตัวลงนอน ไม่อยากจะคิดอะไรอีกต่อไปแล้ว...

   ในความมืดมิด ผมเห็นเด็กชายคนหนึ่งนั่งกอดเข่าอยู่ในห้องนอนมืดๆของตนอย่างเดียวดาย เด็กชายคนนี้หน้าตาเหมือนกับผมเมื่อวัยเยาว์อย่างมาก สายตาของเขาจ้องมองรูปถ่ายเก่าๆในมือนิ่ง ไม่รู้ว่าในใจกำลังคิดอะไรอยู่ ในรูปถ่ายใบนั้นเป็นภาพของครอบครัวหนึ่ง ผู้เป็นพ่อและแม่นั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ บนตักพ่อมีเด็กหญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ ส่วนในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่มีทารกน้อยนอนหลับอุตุในอ้อมแขน คนทั้งสี่ดูรักใคร่และมีความสุขกันมาก แต่ทว่าเหตุใด แววตาของเด็กชายที่กำลังจ้องมองรูปถ่ายใบนี้ถึงดูเศร้าหมองยิ่งนัก

   ภาพเบื้องหน้าค่อยๆเลือนรางจากสายตาผม แล้วเหตุการณ์หนึ่งก็เริ่มปรากฏขึ้นให้ผมเห็นอย่างเด่นชัด เด็กชายคนเดิมยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง สีหน้าของเขาดูดีใจมาก ก่อนที่ร่างๆนั้นจะหายเข้าไปในตัวบ้านหลังนั้น และเพียงไม่นานก็ถูกเจ้าของบ้านไล่ตะเพิดออกมาอย่างไม่ใยดี

   “แกออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้ตัวซวย!!”  เสียงหญิงสาวตวาดไล่ ถีบเด็กชายคนนั้นล้มลงกองกับพื้นหน้าบ้าน

   เด็กชายเงยหน้ามองหญิงสาวนางนั้นด้วยสายตาเจ็บปวด ร้องเรียกคนเบื้องหน้านั้นด้วยความโหยหา

   “แม่ครับ แม่... ผมทำผิดอะไร ผมผิดอะไร” เด็กชายยังหาสาเหตุให้ตนไม่ได้

   “อย่ามาเรียกฉันว่าแม่ ฉันไม่เคยมีลูกอย่างแก!” หญิงสาวถลึงตาใส่อย่างเกี้ยวกราด

   เด็กชายค่อยๆคืบคลานเข้าหาเงาร่างของหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู แล้วโผเข้ากอดเอวของเธอแน่น

   “กรี๊ดดดด!! ปล่อยนะ! ไปให้พ้น ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก!” หญิงสาวกรีดเสียงร้องอย่างคนเสียสติ มือทั้งสองข้างดึงทึ้งผมของเด็กชายอย่างทารุน

   ผมยืนมองภาพเบื้องหน้าด้วยความเจ็บปวด ความเจ็บที่เด็กชายคนนั้นได้รับพุ่งตรงเข้าหาผมจนแทบล้มทั้งยืน ภาพในอดีตที่ผมไม่เคยลืมเลือนกำลังฉายชัดตอกย้ำผมอีกครา...

   หญิงสาวผู้เป็นแม่กำลังทุบตีลูกชายตนเองราวกับรังเกียจชิงชังเป็นสิบชาติ ความผูกพันที่เด็กชายมีอย่างท่วมท้น แต่สำหรับหญิงสาวนั้นมันไม่หลงเหลือแม้กระทั้งความอาทร ความเจ็บปวดที่ร่างกายได้รับไม่เท่ากับความเจ็บปวดที่บาดลึกในจิตใจของเด็กชายตอนนี้เลย

   “ผมรักแม่นะครับ ผมรักแม่...”  เด็กชายร้องบอกน้ำเสียงแหบพร่าปะปนกับเสียงสะอื้นร่ำไห้เบาๆ หวังจะให้ผู้เป็นแม่รับรู้ถึงความรู้สึกของตน แม้จะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่งก็ตาม 

   “แต่ฉันเกลียดแก! เกลียดพ่อของแก รวมทั้งแกที่เป็นลูกของคนชั่วแบบนั้นด้วย!” คำพูดของหญิงสาวกรีดแทงหัวใจที่บอบช้ำของเด็กชายยิ่งนัก

   เห็นหญิงสาวผลุบหายเข้าไปในบ้านชั่วครู่ แล้วกลับออกมาอีกครั้งพร้อมกับด้ามไม้กวาดในมือ

   “ออกไป! ออกไป๊!! ฉันเกลียดแก!!!” เธอถือด้ามไม้กวาดไล่ฟาดลงบนร่างเด็กชายอย่างไม่ยั้งมือ ราวกับอยากให้ชีวิตน้อยๆนี้ดับดิ้นคามือเธอเสียให้ได้

   รถยนต์หรูคันหนึ่งแล่นมาจอดที่หน้าบ้านอย่างรวดเร็ว ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ออกมาจากตัวรถ รีบตรงเข้ามาอุ้มร่างเด็กชายให้ออกพ้นจากรัศมีการทำร้ายของหญิงสาว ผมที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่จำได้ว่าชายคนนั้น คือบอดี้การ์ดมือหนึ่งของพ่อ แฟรงค์ นีลตัน ส่วนอีกคนที่กำลังลงจากรถตามมานั้น เป็นพ่อบ้านประจำตระกูลของผมเอง...

   “คุณผู้หญิง นั่นมันลูกชายคุณนะครับ! ทำไมคุณถึงโหดร้ายกับลูกในไส้ของคุณแบบนี้!!” พ่อบ้านต่อว่าหญิงสาวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่หญิงสาวกลับกลอกตาไปมาพลางหัวเราะฮิฮะอย่างไม่รู้สึกรู้สาใดๆ

   “คุณพ่อบ้านครับ รีบพาคุณชายกลับเถอะครับ คุณชายอาการไม่ดีเลย” บอดี้การ์ดหนุ่มบอก แล้วรีบพาเด็กชายขึ้นรถ โดยมีพ่อบ้านขึ้นรถตามมาด้วยอย่างไม่อาจทำอะไรหญิงสาวที่กำลังหัวเราะราวกับคนเสียสติในตอนนี้

   รถยนต์คันหรูแล่นจากไปไกลแล้ว แต่ตัวผมตอนนี้ยังคงมองภาพหญิงสาวเบื้องหน้าอยู่ เธอหัวเราะไม่หยุดอย่างยาวนาน ก่อนจะเอาด้ามไม่กวาดในมือหวดไปมาในอากาศ

   แล้วร่างของผมก็ถูกฉุดให้กลืนหายไปกับความมืดเบื้องหลังอย่างไม่อาจต่อต้าน ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคือภาพที่หญิงสาวคนนั้นกำลังมองผมอย่างชิงชัง... 

   ร่างของผมถูกพามาที่ห้องนอนของเด็กชายอีกครั้ง เด็กชายที่เป็นตัวผมในอดีต...

   แต่ภายในห้องไม่ได้มืดมิดอีกต่อไปแล้ว ภายในห้องตอนนี้สว่างจ้าจากแสงแดดที่ลอดบานหน้าต่างเข้ามาสาดส่องภายในจนถ้วนทั่ว

   เด็กชายกำลังยันตัวลุกออกจากเตียงด้วยร่างที่สะบักสะบอม เขาก้าวเดินออกจากห้องนอนไป โดยมีผมเดินตามอยู่ข้างหลังด้วยขาที่ขยับไปเอง เด็กชายก้าวลงบันไดหรูของคฤหาสน์หลังใหญ่ช้าๆ สายตาเหม่อลอยไร้จุดมุ่งหมาย

   เห็นชายในชุดสูตภูมิฐานกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก นั่นคือพ่อของผมเอง ชายคนนั้นเหลือบมองเด็กชายที่เป็นตัวผมในอดีตแวบหนึ่ง ก่อนจะหันเดินจากไปอย่างไม่สนใจใยดี ทิ้งให้เด็กชายมองตามเงาหลังของผู้เป็นพ่อไปอย่างเหม่อลอย

   เด็กชายเดินเข้าไปในส่วนครัวของคฤหาสน์ ที่นั่นในตอนนี้ปราศจากซึ่งผู้คน เขาจึงบริการหาน้ำดื่มด้วยตนเอง หลังจากดื่มน้ำเสร็จสายตาของเด็กชายก็เหลือบไปเห็นมีดทำครัววางอยู่ ความคิดบางอย่างแล่นวาบขึ้นมา ดึงดูดให้เด็กชายคว้าด้ามมีดมาไว้ในมือ

   ก่อนจะค่อยๆกรีดลึกลงไปในข้อมือของตน มองดูของเหลวสีแดงค่อยๆหลั่งไหลจากปากแผล ความเจ็บปวดที่แล่นริ้วตามมาทำให้มีดในมือล่วงหล่นสู่พื้น แต่เลือดยังคงหลั่งไหลนอนพื้นไม่หยุด

   ผมมองดูใบหน้าเด็กชายที่ซีดเซียวลงเรื่อยๆ ตามปริมาณเลือดที่สูญเสีย ความเจ็บปวดนั้นแทรกซึมสู่ตัวผม จนรับรู้ได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นช้าลง ร่างของเด็กชายทรุดล้มลงกองกับพื้นที่เลือดนองเต็มไปหมด

   “กรี๊ดดดด!!!”     

   ผมหันควับ! ไปมองแม่ครัวที่เดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์ ถุงจ่ายตลาดในมือเธอล่วงลงสู่พื้นดังโครมใหญ่ แล้วภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าผมก็ถูกย้อมเป็นสีแดงเต็มไปหมด สีแดงของเลือดที่หลั่งไหล...

   พรึ่บ!

   ผมลืมตาโพล่งขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิด หายใจหอบอย่างหนักหน่วง เหงื่อไหลโทรมกายจนแผนหลังชุ่มฉ่ำ เจ้าเรโอที่มานอนอยู่ด้านข้างผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ขยับตัวหันมาหาผม

   “ฝันร้ายเหรอ?”

   ผมยกมือขึ้นปิดตาเอาไว้แล้วพยักหน้าตอบมันเบาๆ ผมฝันถึงเรื่องในตอนนั้นอีกแล้ว ฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับว่าในชีวิตนี้ผมจะไม่สามารถหลีกหนีความเลวร้ายนั้นได้พ้น

   “ฝันถึงเรื่องนั้นอีกล่ะสิ เฮ้อ...” เรโอมันคงพอจะเดาได้ เพราะมันเป็นคนใกล้ชิดของผมเพียงไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้

   “อืม... เรื่องไร้สาระน่ะ อย่าสนใจเลย” ผมแค่นยิ้มบอกมัน

   “นายน่าจะลืมๆมันไปได้แล้วนะ เรื่องมันก็ผ่านมานานมากแล้ว”

   “ถ้ามันลืมกันได้ง่ายๆอย่างที่แกพูดละก็ ฉันคงจะลืมมันไปได้นานแล้วล่ะ” พูดจบก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง

   ผมขยับตัวลุกออกจากเตียง เดินออกไปท่ามกลางความมืดสลัวภายในห้อง

   “นายจะไปไหน?” เรโอร้องถาม ผมจับน้ำเสียงของมันได้ว่ามันกำลังเป็นห่วงผมอยู่

   “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ไปคิดสั้นหรอกน่า แค่จะไปอาบน้ำ เหนียวตัวไปหมดแล้วเนี่ย” แล้วผมก็เดินเข้าห้องน้ำไป พยายามสลัดลืมภาพในความฝันที่ยังคงติดตา ปล่อยสายน้ำที่เย็นฉ่ำให้รดลงบนผิวกาย ดับจิตใจที่สั่นไหวให้สงบราวน้ำนิ่ง

   ทุกอย่างยังคงต้องดำเนินต่อไป...



========================================================================

มีใครรู้ไหมว่าปริศนาอะไร :m28:



ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ไม่รู้ เฉลยหน่อยจิ  :m23:

ออฟไลน์ kaporzung

  • magKapleVE
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-2
    • Get vivid impressions and unforgettable emotions
อดีตที่น่าเศร้า :o12:

ไม่เป็นไรค่ะคุณกาย ชีวิตยังมีอะไรให้คิดอีกเยอะ o12

อย่าคิดมากน้า เดี๋ยวนายนิคสุดหล่อจะเป็นห่วงเอา :m15:

แค่นี้นายนิคก็เป็นทุกข์เป็นร้อนแทนแล้ว อิอิ :m1:


nartch

  • บุคคลทั่วไป
:m28:        อายจัง ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ ... ปริศนาไรหว่า.....บอกหน่อย ๆๆๆๆ

สงสารกายจัง..... :m15:          อดีตทำไมโหดร้ายจังเลยยยยยย....     :เฮ้อ:

เรียกพี่นิคมาปลอบกายหน่อยดีกว่า.......ให้ความรักเยียวยาแผลในอดีต........
 :impress:

satan666

  • บุคคลทั่วไป
ว่าแล้วว่าต้องมีคนจำกันไม่ได้ :m29:

ปริศนาก็คือ รอยแผลเป็นที่ข้อมือซ้ายของกายไง ที่เปรยไว้ในตอนแรกอ่ะ :m17:

ตอนนี้ก็เลยรู้สาเหตุสักทีว่ามันเกิดจากอะไร

My name M

  • บุคคลทั่วไป
 :o12 :m21: :m21:....นิคคคคคค ... อยู่ไหนอ่ะ มาห่กายหน่อยดิคิดถึง... :m18: :m18:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
แผลในใจต้องการนิคมาเยียวยา
 :m11: :m11: :m11: :m11:
(ตุ๊บ ใครเอาไม้เขวี้ยงใส่หวาเนี่ยะ)
 :m7: :m7: :m7:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
มาเป็นกำลังใจให้ครับ

hutsepsut

  • บุคคลทั่วไป
:m17: :m15:....อา..อดีตอันแสนโหดร้ายของนายเอกของเรา...อืม...พระเอกเราจะทำให้ฝันร้ายนี้หยุดลงได้ไหมน้า.... :undecided: :m7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ astral

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-5
จำแผลที่ข้อมือได้นะ ไม่คิดว่ากายจะมีอดีตน่าเจ็บปวดแบบนี้ กาซิก  :o12: นึกถึงนิคคคคค

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3998
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
แวะมาอ่านคับ

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
 :impress: :impress: :impress:

อ่าครับผม เรโอก็เป็นเพื่อนที่ดีนะครับผม

อิอิ แล้วจะรอออ่านตอนต่อไปครับ

 :impress: :impress: :impress:

satan666

  • บุคคลทั่วไป



จะบอกว่าจบตอนหน้าก็จะไล่ตามเว็บอื่นทันแล้ว :m21:

สงสัยจะได้มีการหมักดองกันล่ะงานนี้ แหะๆ :m23:

แต่จะพยายามแต่งให้ทันก็แล้วกัน :m17:


=======================================================================


    อาบน้ำเสร็จ ก็เห็นเจ้าเรโอมันเปิดไฟห้องนอนผมจนสว่างจ้าไปหมด ส่วนตัวมันนั่งมองผมอยู่บนเตียง

   “อ้าว ไม่นอนต่อล่ะ?” ผมเอ่ยถามมัน

   “ไม่ล่ะ หลับไม่ลงแล้ว ฉันว่าเรามาคุยกันดีกว่า” คำชวนของมันทำให้ผมเริ่มรู้สึกร้อนตัวขึ้นมา กลัวว่ามันจะถามถึงเรื่องเดิมเมื่อกลางวันอีก

   “อะ เอ่อ...จะคุยเรื่องอะไร?” ลองถามหยั่งเชิงดู

   “บอกตามตรงนะ เมื่อกลางวันฉันโมโหนายจริงๆ แต่เมื่อฉันลองมาคิดทบทวนดูอีกที ฉันก็เข้าใจว่า นายคงจะอึดอัดใจ ไม่กล้าบอกฉัน แล้วยิ่งเป็นเรื่องแบบนั้นด้วย เป็นใครใครมันจะกล้าเล่าให้ฟัง...” มันพูดซะยืดยาวเชียว ทั้งๆที่ตัวมันเองนั่นแหละอยากจะมาปรับความเข้าใจกับผมก่อน

   “เอาเป็นว่าฉันจะไม่ฝืนใจนายอีก ถ้านายพร้อมที่จะบอกฉันเมื่อไหร่ ฉันก็พร้อมที่จะรับฟังนายเสมอ” คำพูดกับสายตามันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ผมมองตามัน สายตาของมันบอกกับผมว่ามันพอจะรู้อะไรบางอย่าง เพียงแต่ไม่บอกออกมา

   ซึ่งผมจะไปห้ามความคิดของเรโอก็ไม่ได้ แก้ตัวไปก็เหมือนว่าตื่นตูมไปเปล่าๆ ถึงแม้ผมจะหาข้อแก้ตัวมาโกหกมันได้ แต่คนที่เจนจัดอย่างมันมีหรือจะยอมเชื่อผมง่ายๆ   

   “แล้วเป็นไงอาการดีขึ้นรึยัง? ”

   “ก็ดีขึ้นแล้ว พรุ่งนี้คงไปทำงานได้” ผมตอบ รู้สึกเป็นห่วงงานที่บริษัทที่ผมปล่อยทิ้งไว้ ไม่ใช่ไม่ไว้วางใจผู้ที่ดำเนินการแทนอยู่ แต่ผมเกรงใจคุณอาแท้ๆของผม ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ผมทิ้งภาระไว้ให้ท่านจัดการนานเกินไปแล้ว

   “นี่ใจคอจะไม่ให้ร่างกายได้หยุดพักบ้างรึไงห๊า!” มันตะโกนใส่ผมสีหน้าไม่จริงจังนัก

   “พักมาพอแล้วว่ะ อยู่เฉยๆแล้วมันเบื่อๆ” 

   “เออ ทราบแล้วคร้าบพอคนขยัน! แล้วนี่หิวรึเปล่า? จะได้ทำอะไรมาให้คุณชายท่านเสวย”

   “หิวสิ แต่ดูพูดเข้า” ผมหน้านิ่ว ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วดูมันจะพูดแดกดันผมซะเหลือเกิน

   “หิวก็ตามมา ” มันไม่สนใจผมที่ยืนหน้าบูดอยู่ ลุกเดินออกไปจากห้องทันที

   ผมเดินตามมันไปยังห้องครัว ยืนมองมันเปิดตู้เย็นหยิบของสดวุ่นวาย

   “ให้ช่วยไหม?” ผมอาสา รู้สึกเกรงใจมันนิดหน่อย

   “เออ ไม่ต้อง นั่งที่โต๊ะนั่นแหละ เดี๋ยวก็เสร็จ” งั้นก็ไม่เกรงใจล่ะ ผมทำตามมันอย่างว่าง่าย เดินไปนั่งรอที่โต๊ะอาหาร มันยังมีแก่ใจ กลัวผมรอนาน เปิดตู้เย็นรินนมสดใส่แก้วมาวางไว้ตรงหน้าผม

   ผมมองแก้วนมแล้วเหลือบมองหน้ามัน 

   “ไปซื้อมาตอนไหน” ปกติผมไม่ทานนม ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก แค่ไม่ชอบ มันเหม็นคาว ฉะนั้นในตู้เย็นบ้านผมจึงไม่มีเครื่องดื่มประเภทนมให้ได้เห็น 

   “ตอนแกหลับแหละ เออใช่! คู่หมั้นแกมาหาด้วยนะวันนี้ แต่ฉันไม่เห็นพ่อแกว่ะ” มันก็แหงอยู่แล้วล่ะที่พ่อจะไม่มา เคยสนใจเรื่องของคนอื่นเขาที่ไหน นอกจากเรื่องของตัวเอง คงต้องรอให้ผมใกล้ตายก่อนถึงจะยอมปลีกตัวมา

   “แล้วเป็นไง?”

   “เป็นไงอะไร สวยสะเด็ดเลยล่ะ ฉันล่ะอิจฉาแกจริงๆได้คู่หมั้นแบบนี้” มันพูดทั้งๆที่กำลังผัดอะไรบางอย่างในกระทะ

   “หยุดเลย ไม่ต้องมาอิจฉาฉัน แล้วนั่นนายทำอะไรให้ฉันกินน่ะ? ไม่เอาอาหารอิตาเลี่ยนนะโว้ย” 

   “ไม่เลี่ยนโว้ย ทำข้าวผัดจะกินไหมคุณชาย” มันกระแทกตะหลิวลงกับกระทะ แล้วหันมาพูดท้าวเอวใส่ผม

   “เออ กินๆ”

   “แล้วนั่นทำไมไม่กินนมลองท้องไปก่อน จะตั้งไว้รอให้มันระเหิดรึไง!” 

   “แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบ จะซื้อมาทำไม” ผมทำหน้าเหม็นบูด มองแก้วนมตรงหน้าอย่างเบื่อๆ

   “ไม่ต้องอิดออด กินไปซะ หน้าแกมันฟ้องว่าขาดแคลเชี่ยม ฉันเลยซื้อมา” มันดูยังไงของมัน

   “แกรู้ได้ไง” ถามด้วยความสงสัย

   “ก็หมู่นี้แกชอบทำตัวหงุดหงิดง่ายนี่หว่า สงสัยกระดูกจะพรุน” มันทำตาลอยปากแบะ แล้วหันไปทำกับข้าวต่ออย่างสบายใจ ทิ้งให้ผมนั่งนิ่งคิดในคำพูดประหลาดๆของมัน

   “...นี่แก หาว่าฉันแก่ขี้หงุดหงิดเรอะ” 

   “หึหึ ยอมรับก็ดี” ผมล่ะอยากเอาแก้วนมเขวี้ยงใส่หัวมันจริงๆ กวนประสาทดีนัก แต่ติดตรงที่ว่ามันกำลังทำกับข้าวให้ผมที่ตอนนี้หิวไส้กิ่วกิน ขืนประทุษร้ายมันผมก็อดน่ะสิ

   “กินไปเลย นมแก้วนั้นน่ะ อย่าทำให้มันเสียของ ไม่งั้นฉันไม่ให้แกกินข้าวนะ” มันหันมาบอก พร้อมกับยกจานข้าวผัดหอมกรุ่นเดินเข้ามา ผมเลยต้องกลั้นใจกระเดือกนมในแก้วให้หมดอย่างจำใจ

   หลังจากกินข้าวเสร็จ พวกเราก็ย้ายถิ่นฐานมานั่งเล่นกันที่ห้องรับแขก ไอ้เรโอเปิดทีวีดู แต่ดันกดรีโมตเปลี่ยนช่องไปมา ไม่ยอมดูสักช่อง

   “นี่ จะดูช่องไหนก็ดูสักช่องเถอะ ฉันเวียนหัว” ผมหันไปว่า

   “อ่าวเหรอ งั้นดูนี่ละกัน” มันกดรีโมตหยุดลงที่ช่องการ์ตูน

   “เปลี่ยนดูCNNไม่ได้หรอ?” ผมเสนอ ทนดูการ์ตูนที่มีเสียงภาคชวนปวดแก้วหูต่อไปไม่ไหว

   “ไม่ล่ะ ดูนี่แหละหนุกออก แกอย่าทำตัวซีเรียสได้ปะ หน้าก็อ่อนกว่าอายุจนฉันล่ะอิจฉา แต่ดันชอบทำตัวเป็นคุณลุง”

   โป้ก!

   ผมมะเหงกมันไปทีนึง ข้อหาปากมอม แล้วลุกเดินไปเอาโน๊ตบุ๊คในห้องมาเปิดเช็คเมล์

   “กายใจร้าย เรโอเจ็บนะ ถ้าสมองเสื่อมขึ้นมาจะทำยังไง” 

   “เออ เสื่อมไปได้ก็ดี” ผมตัดบท ไม่สนใจมันอีก หันเหความสนใจไปที่อีเมล์เรื่องงานที่เลขาผมส่งมาให้ รวมทั้งงานสำคัญที่ต้องให้ผมเป็นคนอนุมัติ ที่ ผอ. หรือคุณอาของผมส่งมาให้ผมยืนยัน 

   “ลืมแล้วรึยัง?” จู่ๆเรโอก็ถามโพล่งขึ้นมา แต่สายตายังคงจดจ่ออยู่กับการ์ตูนที่โลดแล่นบนจอโทรทัศน์

   “ลืมอะไร” ผมไม่เข้าใจที่มันถาม มือก็กดลงบนแป้นพิมพ์อย่างคล่องแคล่ว พิมพ์ตอบเมล์ที่ได้รับส่งกลับไป

   “ความฝันนั่นน่ะ” มันบอกเสียงแผ่ว เหมือนกับไม่กล้าเอ่ยอย่างเต็มปากเต็มคำ

   ผมชะงักไปในทันที นิ้วที่รัวคีย์บอร์ดอยู่หยุดโดยอัตโนมัติ พิมพ์ผิดไปสองสามตัว ผมนิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนจะค่อยๆหันไปมองมัน ก็พบว่ามันจ้องมองผมอยู่ก่อนแล้ว

   ผมเข้าใจแล้ว... ที่วันนี้มันคอยกวนประสาทผมไม่หยุด ก็เพื่อให้ผมไม่มีเวลามานึกถึงฝันร้ายนั่น เพื่อให้ผมได้ลืม... 

         ---------------------------------------------------------

   ผมนอนก่ายหน้าผากอยู่ในห้องพักของตน คิดถึงคุณกายจนข่มตาหลับไม่ลง การพยายามอย่างมุ่งมั่นโดยไม่ท้อถอย แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาไม่เป็นอย่างที่หวัง ก็ทำให้คนเราท้อแท้ได้เหมือนกัน

    ในเมื่อเราพยายามอย่างมากแท้ๆ แต่ทำไมจึงไม่ได้ในสิ่งที่เราต้องการสักที? คำถามนี้มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆกับคนที่กำลังพยายามอยู่

   ทุกสิ่งไม่ได้เป็นอย่างที่ตั้งใจเสมอไป ความบังเอิญใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ

   บังเอิญใจตรงกันมีแต่ในนิยายเท่านั้นแหละ ผมรู้ดี ซึ่งน้อยครั้งนักจะมีคนที่โชคดีแบบนั้นจริงๆ

   การยอมรับความจริงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนกับผมที่ไม่อาจยอมรับว่าคุณกายกับผมนั้นต่างกัน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะยอมปล่อยสิ่งที่ตนเองต้องการให้หลุดลอยไป เพียงเพราะเขาไม่มีใจให้

   ผมไม่เข้มแข็งพอที่จะทำแบบนั้น และผมไม่ใช่คนดีพอ ที่จะหยุดความต้องการของตนเพื่อสิ่งที่เขาต้องการ ผมยังคงเป็นมนุษย์โดยสันดาน

   สิ่งที่เจ็บปวดที่สุด คือตอนที่คิดว่าได้ทุกสิ่งมาไว้ในมือแล้ว แต่เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งมันกลับเป็นสิ่งที่ผมนึกทึกทักเอาเองฝ่ายเดียว โดยที่เขาทำเหมือนกับว่าการที่เราทั้งคู่ได้ร่วมรักด้วยกัน เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบที่ไม่ควรจดจำ 

   “เฮ้ออ~” ผมถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูระเบียงกระจก ออกไปรับลมข้างนอกให้จิตใจผ่อนคลาย

   ท้องฟ้ามืดครึ้มในยามดึกสงัด จนมองไม่เห็นดวงดาวแม้สักดวง แม้กระทั่งดวงจันทร์ยังเป็นสีเทาทะมึนด้วยเมฆหนาบดบัง ลดทอนความสวยงามของท้องฟ้ายามรัตติกาลให้หมดไป

   ยิ่งเหม่อมองดวงจันทร์ยิ่งหดหู่ใจ ผมจึงหันเหลงมองแสงสีของไฟรถราบนถนน ป้ายโฆษณาและตึกรามบ้านช่องภายในเมืองที่ไม่เคยหลับใหล

   รู้สึกสะทกสะท้อนใจนัก ทุกสิ่งที่ผมเห็นนั้นไม่เคยหยุดอยู่กับที่ ไฟสีเขียวของสัญลักษณ์โรงพยาบาลที่ไกลตาไม่เคยหลับใหลหรือท้อแท้ มันยังคงทำหน้าที่บอกตำแหน่งให้ผู้ที่เดือดร้อนพบเห็นมันต่อไป มันคงอยู่มากี่ปีแล้วโดยที่ไม่เหนื่อยล้า

   แล้วผมที่เพียงเวลาไม่นานกลับดูท้อแท้ถึงเพียงนี้เล่า! ไม่น่าละอายหรอกหรือ? 

   ไฟถนนยังคงส่องแสงนำทางต่อไป ให้ผู้คนในรถราได้ไปยังสถานที่ที่มุ่งหมายไว้ ทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แล้วผมจะหยุดนิ่งแต่เพียงเท่านี้หรือ?

   การอยู่คนเดียวทำให้ผมได้มีเวลาคิดฟุ้งซ่าน แต่มันก็เป็นเวลาที่ให้ผมได้ทบทวนจิตใจ

   ผมนึกถึงคุณน้า

   คุณน้าเคยบอกกับผมว่า คนเราจะชอบคิดว่าเวลาไม่เคยพอ เวลามักจะผ่านไปเร็วเสมอ แต่ความจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เวลามันยังคงดำเนินของมันต่อไป 

   เพียงแต่ว่าเวลาที่คนเรามีความสุข จะพยายามตักตวงมันเอาไว้กับตัวให้ได้นานที่สุด แต่เมื่อความทุกข์ย่ำกรายเข้ามา ก็จะเหมือนกับว่าเวลาแห่งความสุขหมดไปในเวลาอันสั้น ทั้งๆที่ความสุขนั้นมันอยู่ในความทรงจำของเรานั่นเอง เพียงถ้าเรานึกถึงมัน

   แต่คนเรามักจะมองอะไรเพียงด้านเดียว ทุกข์คือทุกข์ สุขคือสุข ทั้งๆที่มันอยู่ใกล้กันเพียงแค่เรานึกถึง คนเราเมื่อทุกข์ก็มักจะจมอยู่กับมัน โดยลืมความสุขที่ผ่านมาเสียสิ้น 

   คุณน้ามักสอนผมว่า เวลาที่เราทุกข์ควรนึกถึงความสุขที่เคยมี เพราะเพียงแค่เรานึกถึง ความทุกข์ที่เราคิดว่าแสนสาหัสนักหนา จะเบาบางลง เพียงแค่ชั่วเวลาที่เรานึกถึงสิ่งที่เป็นสุข การจมอยู่ในห้วงทุกข์ก็จะหมดไป เช่นเดียวกับเวลาที่เป็นสุข ให้เรานึกถึงความทุกข์ที่ได้เผชิญมา เพียงเท่านี้ เราก็จะเห็นคุณค่าของความสุขที่เราได้รับ และเก็บรักษามันไว้ในความทรงจำที่ดี

   ผมเงยหน้าขึ้นมองฟ้า เห็นเสียงไฟสีแดงจากเครื่องบินอยู่ไกลลิบตา ตัดสินใจกับตัวเองว่า ตราบใดดวงอาทิตย์ยังคงขึ้นทางทิศตะวันออกทุกเช้า ผมก็จะไม่มีทางย่อท้อเด็ดขาด

   เดินกลับเข้าห้องโดยที่ไม่ลืมปิดประตูระเบียง ล้มตัวลงนอนบนเตียง รู้สึกหนังตาหนักอึ้ง เวลานี้ผมคงสามารถนอนหลับได้สักที

   แล้วเมื่อถึงพรุ่งนี้เช้า ก็จะเป็นการเริ่มต้นแผนดักรอที่หน้าบริษัท ผมจะรอจนกว่าจะได้พบกับเขา จะเฝ้ารออย่างใจเย็น ถึงยังไงเขาก็หนีผมไปได้ไม่นานหรอก

   การทำทุกอย่างเพื่อความสุขของตนเองมันไม่ใช่เรื่องผิด ผมคิดอย่างนี้ได้ใช่ไหม?
         


                                                 
                                           ______________จบตอน______________



====================================================================

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ o15








ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ปฎิบัติการตามล่าหัวใจ  :m27:  :m27:  :m27:  :m27:  :m27:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
มาเป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ cargo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

       มาต่ออีกเร็วนะ อ่านแล้วมันหนาวใจแปลกดีว่าปะ  :undecided: :undecided: :undecided:

hutsepsut

  • บุคคลทั่วไป
:m1: :m3: :m18:....5555...ปฏิบัติการตามล่าหาหัวใจ...ขอให้สำเร็จน้า....ขอบคุณที่มาต่อค้าบ... o14 o15 :m4:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
 :impress: :impress: :impress:

อ่าครับผม พี่นิคต้องรอพี่กายแน่ใจให้ดีกว่านี้อ่าครับ

ตอนนี้พี่กายก็สับสนๆๆอยู่ อีกหน่อยคงชอบพี่นิค อ่าครับ

เอาใจช่วยอยู่แล้ว

 :impress: :impress: :impress:

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3998
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
มาอ่านแล้วนะค๊าบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ astral

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-5
สงสารนิค คนเขียนลำเอียง ไม่เขียนถึงความในใจของกายบ้างเลย  :m17: :m17:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
โธ่สองคนนี่เมื่อไหร่จะเจอกันอีก
น่าสงสารไม่ได้ดูแลกันและกันยามป่วยไข้
 :m21:

ว่าไปเจ้าเรโอต้องแอบชอบกายแน่ๆ ดูแลยังกะลูกแหนะ อิอิ
 :m13:

bigynew

  • บุคคลทั่วไป
เมื่อไหร่กายจะยอมรับซักทีเนี้ย สงสารนิค อีกใจก็สงสารกายเหมือนกันอ่ะ คงทำใจยอมรับยากอยู่

My name M

  • บุคคลทั่วไป
 :m18: :m18: :m18:.....เป็นแรงใจให้ต่อไปน่ะครับบบบบบ    :give2: :give2:

satan666

  • บุคคลทั่วไป


ดึก... :m2:

===================================================================



Chapter : 14 รอคอยด้วยความหวัง

   บรรยากาศยามเช้าช่างสดชื่นแจ่มใส แต่ผิดกับผมคนนี้ที่ไม่ได้รู้สึกสดชื่นไปกับบรรยากาศแต่อย่างใด การรอคอยอย่างใจจดใจจ่อเพื่อให้ได้พบกับสิ่งที่หวัง มันไม่ได้ทำให้ผมที่เป็นอยู่นี้มีความสุขขึ้นมาได้ เพราะว่าผมไม่รู้ ว่ามันจะเป็นการรอคอยที่สูญเปล่าหรือเปล่า มันเหมือนกับเป็นการเสี่ยงโชค และหวังว่าพระเจ้าคงเมตตาผมสักครั้ง

   โทรศัพท์มือถือในมือช่วยทำให้ผมลดทอนความเบื่อหน่ายลงไปบ้าง ผมนั่งเล่นเกมในมือถือได้สักพัก แต่มันก็จบลงด้วยการแพ้ทุกตา เพราะผมจะมัวแต่จดจ่อสมาธิกับเกมมากเกินไปไม่ได้ กลัวว่าถ้าเล่นอย่างจดจ่อเกินไปจะทำให้ผมพลาดโอกาสที่กำลังรอคอย

   ผมไม่รู้ว่าปกติคุณกายจะมาทำงานเวลาไหน และไม่รู้ด้วยว่าวันนี้เขาจะมาทำงานไหม หายป่วยหรือยังก็ไม่รู้ ตอนนี้มันเท่ากับผมมืดแปดด้านจริงๆ ที่คิดออกตอนนี้มีเพียงสิ่งที่กำลังกระทำอยู่เท่านั้น คือการรอคอย

   คุณกายเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง คนอย่างเขาไม่น่าที่จะทิ้งงานไว้ได้นาน ยิ่งตำแหน่งของเขายิ่งมีความสำคัญต่อบริษัทอย่างมากอีกด้วย

   ฉะนั้นไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้เขาจะต้องกลับมาบริหารงานที่บริษัทแน่ๆ ผมมั่นใจ

   พนักงานของบริษัทเริ่มทยอยกันมาเข้างานตั้งแต่เช้าแล้ว บางพวกก็มาด้วยรถไฟฟ้าหรือรถเมล์ และบางคนก็มาโดยรถยนต์ส่วนตัวที่ขับเข้าไปจอดยังที่จอดรถด้านหลังบริษัท มันทำให้ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่า คิดถูกหรือเปล่าที่มานั่งคอยอยู่ที่ด้านหน้าบริษัท เพราะมันมีทางเข้าอีกทางอยู่ด้านหลังบริษัทซึ่งเชื่อมต่อกับลานจอดรถ

   ที่แน่ๆ คุณกายต้องมาทำงานโดยรถยนต์ส่วนตัวแน่นอน และผมคิดว่าคนระดับประธานบริษัทคงไม่จอดรถรวมกับพนักงานทั่วไปแน่ๆ แล้วที่จอดรถส่วนบุคคลมันอยู่ที่ไหนล่ะ?

   ร.ป.ภ มองผมอย่างสำรวจเป็นระยะๆ เพราะคงเห็นผมป้วนเปี้ยนแถวหน้าบริษัทอยู่นานสองนานแล้ว ผมจึงหันไปยิ้มแห้งๆให้เขา แล้วยกแขนขึ้นทำท่าดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ เหมือนกับว่ากำลังรอคอยใครอยู่ คนในเครื่องแบบจึงเลิกใส่ใจผม หันไปสำรวจสิ่งรอบกายต่อตามหน้าที่

   “นี่เธอ ท่านประธานกลับมาจากการดูงานแล้วนะ” เสียงพนักงานสาวท่าทางแต่งตัวดูดีไม่เหมือนชุดฟอร์มแบบพนักงานคนอื่นๆดังขึ้น

   “จริงเหรอยัยวรรณ! ฉันไม่ได้เห็นหน้าท่านนานแล้ว คิดถึงจัง คนอะไรไม่รู้หล๊อหล่อ” หญิงสาวอีกคนที่ด้านข้างทำหน้าชวนเคลิ้มฝัน

   “ให้มันน้อยๆหน่อยเธอ เขาน่ะมันระดับไหน ส่วนเธอน่ะระดับไหน ดูตัวเองซะบ้าง” ผู้ถูกเรียกว่าวรรณสัพยอกเพื่อนสาวอย่างยิ้มๆ

   “ก็แหม! ฉันมันไม่เหมือนเธอนี่ยะ แม่เลขาสาวของท่านประธาน ได้ทำงานใกล้ๆเขา ฉันล่ะอิจฉาเธอชะมัด”

   “อย่ามาอิจฉาฉันเลยย่ะ  เธอก็รู้ว่าท่านประธานเย็นชาจะตาย แถมอารมณ์ขึ้นๆลงๆเดาไม่ถูกอีก ฉันล่ะนั่งทำงานตัวเกร็ง ” ผมนั่งฟังการสนทนาของพวกเธออย่างจดจ่อ นึกจินตนาการไปถึงเวลาที่คุณกายทำงาน พาลให้รู้สึกแตกต่างกับตอนที่เขาอยู่กับผม ด่าว่าผมปาวๆ แถมยังพยศดื้อรั้นอีก

   พวกเธอเดินผ่านหน้าผมไป แต่ผมยังคงได้ยินเสียงพวกเธอคุยกันเจื้อยแจ้ว

   “งั้นมาแลกกันไหมล่ะ เธอมาเป็นเลขาผอ.แทนฉัน เดี๋ยวฉันจะเป็นเลขาท่านประธานเอง”

   “เรื่องอะไรยะ! ไม่มีทางหรอก ถึงท่านจะดุ แต่ได้ทำงานข้างๆท่าน ก็รู้สึกกระชุ่มกระชวยแล้ว ออกจะหล่อเท่ปานนั้น”

   “แหม! เธอก็ไม่ได้ต่างจากฉันหรอกยัยวรรณ โฮะๆ”

   “แล้วท่านประธานจะเข้าบริษัทเมื่อไหร่ ฉันจะได้เตรียมสวยไว้รอ”

   “วันนี้แหละย่ะ ท่านเมล์มาบอกฉันเมื่อคืนให้เตรียมเอกสารไว้” เสียงพวกหล่อนเริ่มเบาลงเรื่อยๆ ตามระยะทางที่ไกลห่าง แต่คำพูดสุดท้ายของแม่เลขาสาวของคุณกาย ผมได้ยินเต็มสองรูหู และเป็นสิ่งที่สร้างความยินดีให้กับผมเป็นอย่างมาก

   คุณกายจะเข้ามาทำงานวันนี้!

   แต่มาคิดอีกที เมื่อรู้แล้วว่าคุณกายมา แล้วจะทำยังไงเพื่อให้ผมได้พบเขาล่ะ? ผมมาถึงทางตันอีกแล้วสิ...

   ถึงยังไงการที่ผมมานั่งรออยู่อย่างนี้ ก็ไม่ต่างกับการงมเข็มในมหาสมุทรอย่างไรอย่างนั้น เพราะผมไม่รู้ว่ารถที่คุณกายจะมาคือคันไหน รถเข้าออกที่บริษัทนี้ก็มีเป็นสิบเป็นร้อย ทำเอาผมสับสนไปหมด คิดว่าถ้าเป็นอยู่อย่างนี้ คงไม่มีทางที่ผมจะได้พบกับเขาแน่นอน

   ผมตัดสินใจลุกขึ้นยืน เดินออกจากบริเวณหน้าบริษัท ว่าจะไปตั้งหลักที่ร้านกาแฟฝั่งตรงข้าม คิดทบทวนอะไรสักหน่อย

   ขณะที่ผมเดินข้ามถนนทางเข้าบริษัทนั้น ก็มีรถยนต์หรูคันหนึ่งคับสวนเข้ามาเสียก่อน

   ปี้นนนน!!

   ผมตกใจรีบถอยหลังหลบทันที! มองตามรถคันนั้นเลี้ยวเข้าบริษัทไป แล้วแล่นลงไปในทางเข้าที่เป็นทางลาดลงไปข้างใต้ตึก ซึ่งผมคิดว่ามันน่าจะเป็นลานจอดรถอีกแห่งหนึ่งในบริษัท

   แต่ผมไม่ค่อยเห็นรถขับเข้าไปจอดที่นั่นเท่าไร เพราะส่วนใหญ่จะขับเลยไปลานจอดรถด้านหลังมากกว่า แล้วผมก็ฉุกใจคิดขึ้นได้ว่า ลานจอดรถแห่งนี้ อาจจะเป็นลานจอดรถส่วนบุคคลก็เป็นได้!



========================================================================

ต่อไป ไม่แน่ว่าจะไม่มาต่อให้ทุกวันนะ มันหมดสะต๊อกแล้วอ่ะ :m29:

 

 :a12:




ออฟไลน์ astral

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-5
ไม่ได้เร่ง ไม่ได้รีบ ใช้เวลาแต่งให้เต็มที่ เพื่อผู้อ่านค่ะ แต่อย่านานเกินไปน้า คิดถึงนิค  :m17:

ออฟไลน์ cargo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
สงสัยเจอพ่อกายกับคู่หมั้นก่อนมั้ง  :m17:  :m17:

nartch

  • บุคคลทั่วไป
o9            ทิ้งไว้อย่างงี้ได้ไงงงงง หมดสต๊อกอีกกกกก.... :m16:

พี่นิคสู้ ๆ ....อยากให้นิคไปเจอเรโอจัง....เข้าทางเรโอน่าจะง่ายยยยยย
จะได้มีฉากกุ๊กกิ๊ก ๆๆๆ บ่อย ๆๆๆ  :m3: :m3: :m3:
ไงก็รอน๊ะ....รีบมาต่อ...คิดถึงพี่นิค คิดถึงกาย....ชักคิดถึงเรโอด้วยละ.... :o8:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2007 11:00:51 โดย nartch »

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด