จะบอกว่าจบตอนหน้าก็จะไล่ตามเว็บอื่นทันแล้ว

สงสัยจะได้มีการหมักดองกันล่ะงานนี้ แหะๆ

แต่จะพยายามแต่งให้ทันก็แล้วกัน

=======================================================================
อาบน้ำเสร็จ ก็เห็นเจ้าเรโอมันเปิดไฟห้องนอนผมจนสว่างจ้าไปหมด ส่วนตัวมันนั่งมองผมอยู่บนเตียง
“อ้าว ไม่นอนต่อล่ะ?” ผมเอ่ยถามมัน
“ไม่ล่ะ หลับไม่ลงแล้ว ฉันว่าเรามาคุยกันดีกว่า” คำชวนของมันทำให้ผมเริ่มรู้สึกร้อนตัวขึ้นมา กลัวว่ามันจะถามถึงเรื่องเดิมเมื่อกลางวันอีก
“อะ เอ่อ...จะคุยเรื่องอะไร?” ลองถามหยั่งเชิงดู
“บอกตามตรงนะ เมื่อกลางวันฉันโมโหนายจริงๆ แต่เมื่อฉันลองมาคิดทบทวนดูอีกที ฉันก็เข้าใจว่า นายคงจะอึดอัดใจ ไม่กล้าบอกฉัน แล้วยิ่งเป็นเรื่องแบบนั้นด้วย เป็นใครใครมันจะกล้าเล่าให้ฟัง...” มันพูดซะยืดยาวเชียว ทั้งๆที่ตัวมันเองนั่นแหละอยากจะมาปรับความเข้าใจกับผมก่อน
“เอาเป็นว่าฉันจะไม่ฝืนใจนายอีก ถ้านายพร้อมที่จะบอกฉันเมื่อไหร่ ฉันก็พร้อมที่จะรับฟังนายเสมอ” คำพูดกับสายตามันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ผมมองตามัน สายตาของมันบอกกับผมว่ามันพอจะรู้อะไรบางอย่าง เพียงแต่ไม่บอกออกมา
ซึ่งผมจะไปห้ามความคิดของเรโอก็ไม่ได้ แก้ตัวไปก็เหมือนว่าตื่นตูมไปเปล่าๆ ถึงแม้ผมจะหาข้อแก้ตัวมาโกหกมันได้ แต่คนที่เจนจัดอย่างมันมีหรือจะยอมเชื่อผมง่ายๆ
“แล้วเป็นไงอาการดีขึ้นรึยัง? ”
“ก็ดีขึ้นแล้ว พรุ่งนี้คงไปทำงานได้” ผมตอบ รู้สึกเป็นห่วงงานที่บริษัทที่ผมปล่อยทิ้งไว้ ไม่ใช่ไม่ไว้วางใจผู้ที่ดำเนินการแทนอยู่ แต่ผมเกรงใจคุณอาแท้ๆของผม ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ผมทิ้งภาระไว้ให้ท่านจัดการนานเกินไปแล้ว
“นี่ใจคอจะไม่ให้ร่างกายได้หยุดพักบ้างรึไงห๊า!” มันตะโกนใส่ผมสีหน้าไม่จริงจังนัก
“พักมาพอแล้วว่ะ อยู่เฉยๆแล้วมันเบื่อๆ”
“เออ ทราบแล้วคร้าบพอคนขยัน! แล้วนี่หิวรึเปล่า? จะได้ทำอะไรมาให้คุณชายท่านเสวย”
“หิวสิ แต่ดูพูดเข้า” ผมหน้านิ่ว ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วดูมันจะพูดแดกดันผมซะเหลือเกิน
“หิวก็ตามมา ” มันไม่สนใจผมที่ยืนหน้าบูดอยู่ ลุกเดินออกไปจากห้องทันที
ผมเดินตามมันไปยังห้องครัว ยืนมองมันเปิดตู้เย็นหยิบของสดวุ่นวาย
“ให้ช่วยไหม?” ผมอาสา รู้สึกเกรงใจมันนิดหน่อย
“เออ ไม่ต้อง นั่งที่โต๊ะนั่นแหละ เดี๋ยวก็เสร็จ” งั้นก็ไม่เกรงใจล่ะ ผมทำตามมันอย่างว่าง่าย เดินไปนั่งรอที่โต๊ะอาหาร มันยังมีแก่ใจ กลัวผมรอนาน เปิดตู้เย็นรินนมสดใส่แก้วมาวางไว้ตรงหน้าผม
ผมมองแก้วนมแล้วเหลือบมองหน้ามัน
“ไปซื้อมาตอนไหน” ปกติผมไม่ทานนม ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก แค่ไม่ชอบ มันเหม็นคาว ฉะนั้นในตู้เย็นบ้านผมจึงไม่มีเครื่องดื่มประเภทนมให้ได้เห็น
“ตอนแกหลับแหละ เออใช่! คู่หมั้นแกมาหาด้วยนะวันนี้ แต่ฉันไม่เห็นพ่อแกว่ะ” มันก็แหงอยู่แล้วล่ะที่พ่อจะไม่มา เคยสนใจเรื่องของคนอื่นเขาที่ไหน นอกจากเรื่องของตัวเอง คงต้องรอให้ผมใกล้ตายก่อนถึงจะยอมปลีกตัวมา
“แล้วเป็นไง?”
“เป็นไงอะไร สวยสะเด็ดเลยล่ะ ฉันล่ะอิจฉาแกจริงๆได้คู่หมั้นแบบนี้” มันพูดทั้งๆที่กำลังผัดอะไรบางอย่างในกระทะ
“หยุดเลย ไม่ต้องมาอิจฉาฉัน แล้วนั่นนายทำอะไรให้ฉันกินน่ะ? ไม่เอาอาหารอิตาเลี่ยนนะโว้ย”
“ไม่เลี่ยนโว้ย ทำข้าวผัดจะกินไหมคุณชาย” มันกระแทกตะหลิวลงกับกระทะ แล้วหันมาพูดท้าวเอวใส่ผม
“เออ กินๆ”
“แล้วนั่นทำไมไม่กินนมลองท้องไปก่อน จะตั้งไว้รอให้มันระเหิดรึไง!”
“แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบ จะซื้อมาทำไม” ผมทำหน้าเหม็นบูด มองแก้วนมตรงหน้าอย่างเบื่อๆ
“ไม่ต้องอิดออด กินไปซะ หน้าแกมันฟ้องว่าขาดแคลเชี่ยม ฉันเลยซื้อมา” มันดูยังไงของมัน
“แกรู้ได้ไง” ถามด้วยความสงสัย
“ก็หมู่นี้แกชอบทำตัวหงุดหงิดง่ายนี่หว่า สงสัยกระดูกจะพรุน” มันทำตาลอยปากแบะ แล้วหันไปทำกับข้าวต่ออย่างสบายใจ ทิ้งให้ผมนั่งนิ่งคิดในคำพูดประหลาดๆของมัน
“...นี่แก หาว่าฉันแก่ขี้หงุดหงิดเรอะ”
“หึหึ ยอมรับก็ดี” ผมล่ะอยากเอาแก้วนมเขวี้ยงใส่หัวมันจริงๆ กวนประสาทดีนัก แต่ติดตรงที่ว่ามันกำลังทำกับข้าวให้ผมที่ตอนนี้หิวไส้กิ่วกิน ขืนประทุษร้ายมันผมก็อดน่ะสิ
“กินไปเลย นมแก้วนั้นน่ะ อย่าทำให้มันเสียของ ไม่งั้นฉันไม่ให้แกกินข้าวนะ” มันหันมาบอก พร้อมกับยกจานข้าวผัดหอมกรุ่นเดินเข้ามา ผมเลยต้องกลั้นใจกระเดือกนมในแก้วให้หมดอย่างจำใจ
หลังจากกินข้าวเสร็จ พวกเราก็ย้ายถิ่นฐานมานั่งเล่นกันที่ห้องรับแขก ไอ้เรโอเปิดทีวีดู แต่ดันกดรีโมตเปลี่ยนช่องไปมา ไม่ยอมดูสักช่อง
“นี่ จะดูช่องไหนก็ดูสักช่องเถอะ ฉันเวียนหัว” ผมหันไปว่า
“อ่าวเหรอ งั้นดูนี่ละกัน” มันกดรีโมตหยุดลงที่ช่องการ์ตูน
“เปลี่ยนดูCNNไม่ได้หรอ?” ผมเสนอ ทนดูการ์ตูนที่มีเสียงภาคชวนปวดแก้วหูต่อไปไม่ไหว
“ไม่ล่ะ ดูนี่แหละหนุกออก แกอย่าทำตัวซีเรียสได้ปะ หน้าก็อ่อนกว่าอายุจนฉันล่ะอิจฉา แต่ดันชอบทำตัวเป็นคุณลุง”
โป้ก!
ผมมะเหงกมันไปทีนึง ข้อหาปากมอม แล้วลุกเดินไปเอาโน๊ตบุ๊คในห้องมาเปิดเช็คเมล์
“กายใจร้าย เรโอเจ็บนะ ถ้าสมองเสื่อมขึ้นมาจะทำยังไง”
“เออ เสื่อมไปได้ก็ดี” ผมตัดบท ไม่สนใจมันอีก หันเหความสนใจไปที่อีเมล์เรื่องงานที่เลขาผมส่งมาให้ รวมทั้งงานสำคัญที่ต้องให้ผมเป็นคนอนุมัติ ที่ ผอ. หรือคุณอาของผมส่งมาให้ผมยืนยัน
“ลืมแล้วรึยัง?” จู่ๆเรโอก็ถามโพล่งขึ้นมา แต่สายตายังคงจดจ่ออยู่กับการ์ตูนที่โลดแล่นบนจอโทรทัศน์
“ลืมอะไร” ผมไม่เข้าใจที่มันถาม มือก็กดลงบนแป้นพิมพ์อย่างคล่องแคล่ว พิมพ์ตอบเมล์ที่ได้รับส่งกลับไป
“ความฝันนั่นน่ะ” มันบอกเสียงแผ่ว เหมือนกับไม่กล้าเอ่ยอย่างเต็มปากเต็มคำ
ผมชะงักไปในทันที นิ้วที่รัวคีย์บอร์ดอยู่หยุดโดยอัตโนมัติ พิมพ์ผิดไปสองสามตัว ผมนิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนจะค่อยๆหันไปมองมัน ก็พบว่ามันจ้องมองผมอยู่ก่อนแล้ว
ผมเข้าใจแล้ว... ที่วันนี้มันคอยกวนประสาทผมไม่หยุด ก็เพื่อให้ผมไม่มีเวลามานึกถึงฝันร้ายนั่น เพื่อให้ผมได้ลืม...
---------------------------------------------------------
ผมนอนก่ายหน้าผากอยู่ในห้องพักของตน คิดถึงคุณกายจนข่มตาหลับไม่ลง การพยายามอย่างมุ่งมั่นโดยไม่ท้อถอย แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาไม่เป็นอย่างที่หวัง ก็ทำให้คนเราท้อแท้ได้เหมือนกัน
ในเมื่อเราพยายามอย่างมากแท้ๆ แต่ทำไมจึงไม่ได้ในสิ่งที่เราต้องการสักที? คำถามนี้มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆกับคนที่กำลังพยายามอยู่
ทุกสิ่งไม่ได้เป็นอย่างที่ตั้งใจเสมอไป ความบังเอิญใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ
บังเอิญใจตรงกันมีแต่ในนิยายเท่านั้นแหละ ผมรู้ดี ซึ่งน้อยครั้งนักจะมีคนที่โชคดีแบบนั้นจริงๆ
การยอมรับความจริงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนกับผมที่ไม่อาจยอมรับว่าคุณกายกับผมนั้นต่างกัน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะยอมปล่อยสิ่งที่ตนเองต้องการให้หลุดลอยไป เพียงเพราะเขาไม่มีใจให้
ผมไม่เข้มแข็งพอที่จะทำแบบนั้น และผมไม่ใช่คนดีพอ ที่จะหยุดความต้องการของตนเพื่อสิ่งที่เขาต้องการ ผมยังคงเป็นมนุษย์โดยสันดาน
สิ่งที่เจ็บปวดที่สุด คือตอนที่คิดว่าได้ทุกสิ่งมาไว้ในมือแล้ว แต่เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งมันกลับเป็นสิ่งที่ผมนึกทึกทักเอาเองฝ่ายเดียว โดยที่เขาทำเหมือนกับว่าการที่เราทั้งคู่ได้ร่วมรักด้วยกัน เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบที่ไม่ควรจดจำ
“เฮ้ออ~” ผมถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูระเบียงกระจก ออกไปรับลมข้างนอกให้จิตใจผ่อนคลาย
ท้องฟ้ามืดครึ้มในยามดึกสงัด จนมองไม่เห็นดวงดาวแม้สักดวง แม้กระทั่งดวงจันทร์ยังเป็นสีเทาทะมึนด้วยเมฆหนาบดบัง ลดทอนความสวยงามของท้องฟ้ายามรัตติกาลให้หมดไป
ยิ่งเหม่อมองดวงจันทร์ยิ่งหดหู่ใจ ผมจึงหันเหลงมองแสงสีของไฟรถราบนถนน ป้ายโฆษณาและตึกรามบ้านช่องภายในเมืองที่ไม่เคยหลับใหล
รู้สึกสะทกสะท้อนใจนัก ทุกสิ่งที่ผมเห็นนั้นไม่เคยหยุดอยู่กับที่ ไฟสีเขียวของสัญลักษณ์โรงพยาบาลที่ไกลตาไม่เคยหลับใหลหรือท้อแท้ มันยังคงทำหน้าที่บอกตำแหน่งให้ผู้ที่เดือดร้อนพบเห็นมันต่อไป มันคงอยู่มากี่ปีแล้วโดยที่ไม่เหนื่อยล้า
แล้วผมที่เพียงเวลาไม่นานกลับดูท้อแท้ถึงเพียงนี้เล่า! ไม่น่าละอายหรอกหรือ?
ไฟถนนยังคงส่องแสงนำทางต่อไป ให้ผู้คนในรถราได้ไปยังสถานที่ที่มุ่งหมายไว้ ทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แล้วผมจะหยุดนิ่งแต่เพียงเท่านี้หรือ?
การอยู่คนเดียวทำให้ผมได้มีเวลาคิดฟุ้งซ่าน แต่มันก็เป็นเวลาที่ให้ผมได้ทบทวนจิตใจ
ผมนึกถึงคุณน้า
คุณน้าเคยบอกกับผมว่า คนเราจะชอบคิดว่าเวลาไม่เคยพอ เวลามักจะผ่านไปเร็วเสมอ แต่ความจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เวลามันยังคงดำเนินของมันต่อไป
เพียงแต่ว่าเวลาที่คนเรามีความสุข จะพยายามตักตวงมันเอาไว้กับตัวให้ได้นานที่สุด แต่เมื่อความทุกข์ย่ำกรายเข้ามา ก็จะเหมือนกับว่าเวลาแห่งความสุขหมดไปในเวลาอันสั้น ทั้งๆที่ความสุขนั้นมันอยู่ในความทรงจำของเรานั่นเอง เพียงถ้าเรานึกถึงมัน
แต่คนเรามักจะมองอะไรเพียงด้านเดียว ทุกข์คือทุกข์ สุขคือสุข ทั้งๆที่มันอยู่ใกล้กันเพียงแค่เรานึกถึง คนเราเมื่อทุกข์ก็มักจะจมอยู่กับมัน โดยลืมความสุขที่ผ่านมาเสียสิ้น
คุณน้ามักสอนผมว่า เวลาที่เราทุกข์ควรนึกถึงความสุขที่เคยมี เพราะเพียงแค่เรานึกถึง ความทุกข์ที่เราคิดว่าแสนสาหัสนักหนา จะเบาบางลง เพียงแค่ชั่วเวลาที่เรานึกถึงสิ่งที่เป็นสุข การจมอยู่ในห้วงทุกข์ก็จะหมดไป เช่นเดียวกับเวลาที่เป็นสุข ให้เรานึกถึงความทุกข์ที่ได้เผชิญมา เพียงเท่านี้ เราก็จะเห็นคุณค่าของความสุขที่เราได้รับ และเก็บรักษามันไว้ในความทรงจำที่ดี
ผมเงยหน้าขึ้นมองฟ้า เห็นเสียงไฟสีแดงจากเครื่องบินอยู่ไกลลิบตา ตัดสินใจกับตัวเองว่า ตราบใดดวงอาทิตย์ยังคงขึ้นทางทิศตะวันออกทุกเช้า ผมก็จะไม่มีทางย่อท้อเด็ดขาด
เดินกลับเข้าห้องโดยที่ไม่ลืมปิดประตูระเบียง ล้มตัวลงนอนบนเตียง รู้สึกหนังตาหนักอึ้ง เวลานี้ผมคงสามารถนอนหลับได้สักที
แล้วเมื่อถึงพรุ่งนี้เช้า ก็จะเป็นการเริ่มต้นแผนดักรอที่หน้าบริษัท ผมจะรอจนกว่าจะได้พบกับเขา จะเฝ้ารออย่างใจเย็น ถึงยังไงเขาก็หนีผมไปได้ไม่นานหรอก
การทำทุกอย่างเพื่อความสุขของตนเองมันไม่ใช่เรื่องผิด ผมคิดอย่างนี้ได้ใช่ไหม?
______________จบตอน______________
====================================================================
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
