ตอนแรกกะว่าจะไปเรื่อยๆตามแรงส่งเสริม แต่ดูท่าจะหาไฟเขียนไม่ขึ้นเสียแล้ว เลยตัดสินใจตัดสั้นล่ะกัน ตอนหน้าจบแล้วจ้า
ไม่ได้เรื่องมากอะไรนะ แต่คอมเม้นต์ที่ได้มันจุดความกระสันอยากเขียนต่อไม่ออกเลย ทั้งที่พยายามแล้วแต่จะกลายเป็นฝืนใจตัวเองเกินไป
อย่างไรก็ตามเราจะเขียนให้สุดฝีมือ ไม่เขียนลวกๆเอาแต่ใจแน่ ขอบคุณทุกคำเห็นคะ เหลืออีกตอนเดียวเอง สู้ๆ
[2]
ปุจฉา: ชายสามคนอยู่ในห้อง หนึ่งในนั้นถูกมัดติดหัวเตียง คำถามพวกเขากำลังทำอะไรกัน??
วิสัชนา: A พวกเขากำลังเล่นละคร
B พวกเขากำลังถ่ายหนัง
C พวกเขากำลังถ่าย AV
D พวกเขากำลังเปียแชร์
E ผิดทุกข้อ
F ถูกทุกข้อ
กูคิดบ้าอะไรอยู่ว่ะ?
ไอแวนรู้สึกเซ็ง ขณะลองขยับมือที่ติดกุญแจมือติดกับหัวเตียงเก่าๆทั้งสองข้าง เขาต้องบ้าแน่ที่ยอมทำอะไรงี่เง่าอย่างนี้ ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆข้าวของเครื่องใช้ก็แน่นไปหมดแล้วยังยัดเยียดผู้ชายมาตั้งสามคนอีก ที่นี่ก็กลายเป็นรังหนูทันที
“ไม่มีประโยชน์หรอก อยู่เฉยๆเถอะ” คนพูดยืนเท้าเอวอยู่ที่ปลายเตียง ใบหน้าน่ารักตาโตๆนั้น แสดงสีหน้าสะใจจนอยากจับมาจูบแรงๆให้หายซ่าส์สักที จะได้เลิกปากเสียบ้าง
“ไอ้จ้อย มึงลองไปดูลาดเลาข้างล่างหน่อยสิ ดูว่ามีใครตามมาหรือเปล่า”
“ได้เลย”
“นี่ ซื้อของกินกับน้ำดื่มมาด้วยนะ” ชายหนุ่มตัวประกันสั่งตามหลัง
“ของกิน??”
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันเจอเรื่องร้ายๆ หวาดเสียวมาหยกๆ ซื้อน้ำซื้อไรมาให้กินหน่อยสิ”
“เอ้าๆๆ.....มึงไปเซเว่นซื้อแซนวิชกับน้ำมาหน่อยล่ะกัน” ข้าวสวยหันไปสั่งเพื่อน ไอ้จ้อยแบมือมาเลยเล่นเอาหนุ่มหน้าสวยถึงกับหน้าหงิกที่ต้องเป็นฝ่ายจ่ายตังค์เอง
“นี่เอาน้ำแร่นะ น้ำธรรมดาไม่เอา” ไอแวนสั่งตามหลังก่อนเด็กผอมเก้งก้างออกจากห้องไป ดี....ไปนานๆเลยแก
“เรื่องมาก....” ข้าวสวยต่อว่าก่อนก้าวมานั่งข้างเตียง ทำให้สายตาคนถูกมัดตกมาที่ปอยผมที่ระแถวๆไหล่ ชอบจังเวลามันคลอเคลียปกเสื้อไปมาอย่างนี้“ทำไมถึงไม่ยอมจ่าย”
“ก็ทำไมฉันถึงต้องยอมจ่ายล่ะ”
“ไหนว่าของที่อยู่กับผมนั้นสำคัญนักหนา แค่สามแสน คุณเองก็บอกว่าได้อยู่แล้ว”
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”
“เดี๋ยวสิ.....ผมช่วยชีวิตคุณไว้นะ” ข้าวสวยเขยิบเข้าใกล้ สองมือดึงใบหน้าให้มองเขาตรงๆ อากับกิริยาแบบนี้ทำให้ชายหนุ่มยิ้มกว้าง เขาได้กลิ่นแป้งเด็กโชยมาด้วย “ถ้าผมไม่ขวางไอ้พวกนั้นไว้ คุณถูกยิงตายไปแล้ว......จะไม่เอื้อเฟื้อกันหน่อยหรือ”
ประโยคสุดท้ายอ้อนอย่างมีจริตอย่างที่ไอแวนชอบเสียด้วย “ฉันปวดฉี่”
“หา??” ข้าวสวยทำหน้าไม่ถูกเลย
“ปวดฉี่ถอดกุญแจให้หน่อย”
“ถอดให้คุณน่ะเรอะ” ชายหนุ่มหน้าสวยหัวเราะเยาะ
“เอ่อ....นั้นสินะ คงถอดให้ลำบาก ฉันน่ะฝึกคาราเต้กับเทคควานโดมาตั้งแต่เด็ก ถ้าถอดกุญแจแล้วฉันคงไม่นอนอยู่อย่างนี้หรอก ฉันจะหักคอเราซะแล้วกลับบ้านดีกว่า.......เอางี้ ไหนๆก็ไหนๆแล้วช่วยหน่อยสิ”
“ช่วย?”
“ไม่ใช่เราแล้วจะเป็นใครล่ะ เร็ว...ชักช้าแล้วฉันปล่อยราดนะ คงได้เหม็นกันทั้งห้องแน่ เอาไหมล่ะ” เขาถามยียวนกวนประสาท
ข้าวสวยทำหน้ายุ่งยาก ทำไมไม่ได้ผลนะ กี่คนต่อกี่คนที่เจอมาเขาอ้อนหน่อยก็ขี้คร้านจะยอมตามใจ หมอนี้ยังเฉยอีกไม่มีท่าทียอมเขาสักที หรือว่ารู้ว่าเป็นผู้ชายเลยหื่นไม่ออก
“เร็วๆ” พอโดนเร่งหน่อย ร่างเล็กถึงหันรีหันขวางคิดไม่ออกจะทำอย่างไงดี สุดท้ายก็คว้าขวดน้ำเปล่ามาใบหนึ่ง “โอเค รูดซิปกางเกงให้หน่อยสิ”
“หา??”
“มาเหอหาอะไร หรือจะปล่อยฉันให้ทำเอง เร็วๆ...เรื่องแค่นี้อย่าทำเนียมน่า” ชายหนุ่มลุกนั่งหลังพิงหัวเตียงพลางชันขากางเตรียมไว้รอท่าเลย ตัวเล็กถึงกับอึ้งกิมกี่ นี่เขาต้องทำอะไรบ้าๆอย่างนี้ด้วยเรอะ “เพื่อสามแสนแล้วยอมทำได้ทุกอย่างไม่ใช่เหรอ ขู่กรรโชกคนก็ทำมาแล้ว กะอีแค่เรื่องจับกระเจี้ยวให้คนอื่นแค่นี้.....ทำไม่ได้หรือไร”
คำพูดถากถางกระตุ้นให้ใบหน้าอ่อนหวานบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
“ทุเรศจริงๆ” เขาสถบออกมาอย่างหัวเสียก่อนขึ้นมาบนเตียงนั่งตรงกลางหว่างขาชายแปลกหน้า นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อสามแสนบาทล่ะก็เขาจะไม่ขอทนเด็ดขาด ข้าวสวยมองเป้าหมายที่เขากำลังจะกระทำแล้วเหลือบมองเจ้าตัวที่ยิ้มอย่างมีความหมาย ดีใจ ตื่นเต้น ยินดี หลายหลากความรู้สึกบนรอยยิ้มกว้าง ไอ้บ้านี่.....ไม่ได้ตะขิดตะขวงใจสักนิด ตรงข้ามกำลังรอเขาอย่างใจจดใจจ่อเลยล่ะ
“เอ้า....นั่งเฉยทำไมล่ะ รีบๆหน่อยสิ จะราดอยู่แล้วนะ”
“โอเคๆๆ ทำก็ได้ ให้ตายสิ....” เขาอยากจะด่าอะไรออกมาสักคำจัง แต่ไม่ดีกว่ารีบๆจัดการให้เสร็จไปดีกว่า ข้าวสวยโน้มตัวมาใกล้แล้วลงมือแกะเข็มขัดก่อนจะได้กลิ่นหอมๆโชยมาแตะจมูก กลิ่นโคโลญหอมเย็นซ่านไม่เหมือนกลิ่นผู้ชายแก่ๆอ้วนอย่างที่เคยรู้จัก กลิ่นที่ถูกใจทำให้ความรีบร้อนที่ทำให้เสร็จๆไปชะงักลง
ชายหนุ่มเหลือบตาขึ้นแล้วพบว่าใบหน้าคมสันอยู่ห่างไปนิดเดียว ดวงตาคมจ้องลึกเข้ามาในดวงตาทำเอาใจสั่นหวิวขึ้นมาวูบ น่ากลัว.... รู้สึกได้ถึงความแตกต่างทางอารมณ์และความคิด คนๆนี้ไม่ใช่คนประเภทที่จะชักจูงได้ง่ายๆ
“อย่าช้าสิ.....รูดซิปลง” ไอแวนกระซิบบอกเสียงนุ่มไม่บังคับ ทว่ากดดันทางความรู้สึกจนต้องทำตาม ข้าวสวยขมวดคิ้วเมื่อมือสัมผัสถูกบางอย่างที่อุ่นจัด เขาเหลือบตามองข้างล่าง มือมันเข้าไปข้างในตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย??
“อูว.....มือเย็นจัง ตื่นเต้นเหรอ” ชายหนุ่มยิ้มกว้างถูกใจ หากดวงตาส่งประกายวาวอย่างมีอารมณ์
“ไอ้....” เขาจะด่าว่าทุเรศอยู่แล้ว ทันใดนั้นประตูห้องโดนถีบโครมเข้ามา ข้าวสวยสะดุ้งเฮือก เขากระโจนลงจากเตียงไปที่ห้องน้ำทันที แต่ก็ยังช้ากว่าอีกคนที่ในชุดซาฟารีสีน้ำเงินที่พุ่งเข้ารวบตัวเขาไว้ได้ก่อน
“ ไม่ ปล่อยนะ” เขาดิ้นรนพยายามสะบัดให้หลุด
“เป็นอะไรหรือเปล่า ไอแวน” เจฟฟี่เพื่อนซี้โผล่เข้ามามองสารรูปเขาหน้าตาเฉย
“ไอ้บ้า มาช้ากว่านี้สักนาทีก็ไม่ได้”
“เรื่องอะไร เดี๋ยวก็อดดูของดีสิ”
“ช่วยปล่อยก่อนได้ไหม เร็วๆเข้า” ทั้งที่มีสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานสองหนุ่มยังยิ้มระรื่น ตรงข้ามกับข้าวสวยที่รู้สึกถึงอันตราย โดนจับได้อย่างนี้มีหวังติดคุกหัวโตแน่ คนที่ถูกมัดตั้งตี่แรกถูกปล่อยเป็นอิสระจนได้ เขาสะบัดแขนไปมา แล้วจัดการเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนกวักมือให้ลูกน้องส่งคนมา
ร่างเล็กถูกดันเข้ามาในมือที่เหมือนกรงเล็บ มันจิกหัวไหล่ทั้งสองข้างแรงจนเจ็บ ใบหน้าคมสันแสดงสีหน้ายิ้มเยาะสะใจได้อย่างน่าหมั่นไส้ที่สุด ข้าวสวยรู้เลยว่าเขาไม่ปลอดภัยเสียแล้ว
“เอาล่ะเจ้าตัวแสบ......ที่นี้ก็ตาฉันบ้างล่ะนะ”
****************
หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
“ฉันทำให้ตื่นหรือเปล่าคะ”
สาวสวยผมสีน้ำผึ้งยิ้มหวานให้เมื่อเขาลืมตามองทันทีที่เธอมาถึง ไอแวนกระพริบตาปริบก่อนยิ้มๆไม่ว่าอะไร ก็เล่นใส่น้ำหอมซะขนาดนี้หลับลึกขนาดไหนก็ต้องตื่น เขาหันไปมอง เจฟฟี่เพื่อนรักนั่งอ่านหนังสืออยู่ใกล้ๆ รายนั้นแค่แลตามองดูว่าเขาจะว่าอะไร
“หวัดดี เคท”
“เป็นไงคะ ยังเจ็บอยู่ไหม” แคทรียาหรือเคท CEO ของบริษัทในเมืองไทย เป็นเพื่อนร่วมงานเก่าแก่คนหนึ่ง เธอทำให้เขานึกเรื่องที่เกิดขึ้น เลยยกมือขึ้นแตะผ้าพันแผลบนหัวตัวเอง “พอได้ยินว่าคุณเข้าโรงพยาบาลเพราะโดนปล้น ฉันใจหายหมดเลย....บอกแล้วว่าให้มีบอดี้การ์ดสักคนก็ไม่เชื่อ”
“มีคนเดียวมันจะไปช่วยอะไรล่ะ”
“งั้นก็มีหลายๆคนสิคะ”
“ฮะฮะ...ผมไม่ใช่นักการเมืองสักหน่อย แล้วต้องไปๆมาๆหลายประเทศ มันยุ่งยากเกินไป” เขาหันไปมองช่อดอกไม้ในแจกันมากมายวางเรียงรายบนโต๊ะ ยังไม่พอวางต้องเอามาวางที่พื้น แต่มีอยู่อันหนึ่งที่เด่นสะดุดตาด้วยของประดับที่ดูแล้วเหมือนพวงรีดมากกว่าช่อดอกไม้เยี่ยมไข้ แถมชื่อคนส่งก็เด่นหรา “ไอ้นี่ส่งมาเมื่อไร?”
“เมื่อคืนตอนแกหลับอยู่”
“หมอนั้นเข้าใจส่งมานะ” เขาว่าประชด แคทรียาหันไปมองบ้าง
“ของคุณ วีรชัยน่ะเหรอ...หึ อันธพาลแท้ๆเชียว” ทั้งสามคนแสดงความไม่พอใจกับของชิ้นนั้นนัก เพราะเป็นของบริษัทคู่แข่ง วีรชัย โชคสมบุญลูกชายนักการเมืองที่เปิดบริษัทค้าอัญมณีและทองคำเหมือนไอแวน หมอนี่เพิ่งเปิดบริษัทได้ 4-5 ปีเท่านั้น แต่ก็พยายามแข่งขันสุดฤทธิ์สุดเดช แน่นอนเลยว่าพวกเขาต่างไม่เคยปกปิดความไม่ชอบหน้ากัน ไอแวนเหม็นขี้หน้าคนที่ชอบใช้บารมีพ่อ และรู้ด้วยว่าหมอนั้นก็เกลียดจนแทบอยากจะให้เขาตายๆไปเลย เพราะโดนเขาแดกดันให้เสียหน้าไปไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง
“เจฟ....ว่าไงว่ะ”
“หื้อ จะให้ส่งของไปกวนมันเล่นเหรอ”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น” เขาแย้ง
“อ้อ...ตำรวจกำลังตามเบาะแสจากรถที่มันเอาไปใช้เวลาไม่นานก็คงได้เรื่องแน่” เจฟฟี่แลตามองเพื่อนอย่างมีความหมาย
“ต้องให้ได้เรื่องสิ ไม่งั้นฉันจะให้คุณลุงโทรไปจิกอธิบดีเองเลย” หญิงสาวว่าเธอมีญาติเป็นนายตำรวจใหญ่ถึงเกษียณแล้วแต่ก็มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีอยู่ แต่สองหนุ่มไม่สนใจ เรื่องบางเรื่องจัดการเองดีกว่าใช้งานพวกมีสี
“รอดูไปก่อนเถอะ” ไอแวนว่าน้ำเสียงไม่กระตื้อรื้อล้นเลย เขาคุยกับหญิงสาวอยู่ครู่ใหญ่จนเธอกลับไปแล้ว เขาถึงหันไปมองเพื่อน “ได้เรื่องอะไรบ้าง”
“ได้อยู่แล้ว” เจฟฟี่เลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างๆ หยิบของในลิ้นชักมาวางบนอกเพื่อน “ตำรวจเขาตามเรื่องรถ แล้วมีรูปจากกล้องวงจรปิดด้วยเลยตามได้ไม่ยากนัก ไม่เบาเลยนะนี่ ไอ้ตัวแสบนี้”
ไอแวนมองภาพที่ถ่ายจากกล้องวงจรปิดกับภาพที่ได้จากตำรวจสลับไปมา
“นาย อณิศรา หรือข้าวสวย ฉายา ไอ้สวยโหด อายุ 17 ปี มีหมายจับถึง4 ใบคดีฉ้อโกงยักยอกทรัพย์ไปร่วมๆ 7 แสนแล้ว อาศัยอยู่ในย่านคลองเตย ค่อนข้างมีชื่อพอสมควร มีลูกน้องเป็นเด็กๆ 5-6 ขวบเรื่อยไปถึง 12-13 เคยเล่นงานขาใหญ่ขายยาบ้าในคลองเตยได้ มันไปยุสองแกงค์ขาใหญ่ให้เขม่นจนยิงกันตายมาแล้ว คนแถวนั้นให้ฉายาไอ้สวยโหด เพราะมันไม่เคยลงมือทำอะไรเอง อาศัยหน้าตากับฝีปากให้คนอื่นเขาทำให้ทุกอย่าง ขนาดมีคนยอมติดคุกข้อหาพยายามฆ่าเพื่อมันเลย เชื่อไหมล่ะ ยังมีคดีฉ้อโกงหลายคดีที่ตำรวจคิดว่าเขาเป็นตัวการใหญ่ แต่ไม่หลักฐานอีกเพียบ แถมเจ้าทรัพย์บ้างคนก็ถอนแจ้งความด้วย”
ไอแวนยื่นรูปทั้งสองใบให้เพื่อนดู “ผู้ชาย??”
“ใช่”
“ผู้ชาย....”เขาถามย้ำอีกที
“ใช่!สวยใช่ไหมล่ะ มึงเป็นอะไรไหงทำหน้างั้น??”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมขมับ “กูปวดหัวชะมัด”
************
(ติดตามตอนต่อไป)
