ตอนที่ 52 แรงอาฆาตของเก๋
หา....อะไรนะ....เป๊บฆ่าตัวตาย
ผมฟังแล้วตกใจมาก จิตตกวูบเลยครับ
“ดีที่พี่ชายของเป๊บ เขามาเจอก่อน เลยพาเป๊บไปล้างท้องที่โรงพยาบาล แต่คุณหมอบอกว่า ปริมาณยาบางส่วนซึมเข้ากระแสเลือด จึงทำให้เป๊บมีอาการสลบ สลึมสะลือ ต้องรอให้ร่างกายฟื้นตัวเองก่อน...แล้วก็...”
“แล้วก็อะไรครับพ่อ” ผมน้ำตารื่นๆ แล้ว
“หลังจากเป๊บหายเป็นปกติแล้ว จะทำเรื่องลาออกจากมหาวิทยาลัย และพ่อเขาจะส่งเป๊บไปเรียนที่อเมริกา คงไม่ให้กลับเมืองไทยอีก เรียนจบก็ให้ดูแลงานสาขาที่นั่น...”
ผมนั่งฟังแบบนิ่งเงียบ อึ้ง ตกใจปนงง มิน่า ทำไมถึงไม่เจอเป๊บที่มหาลัยเกือบเดือน ผมเดินขึ้นห้องมาแบบ งงๆ คิดอะไรไม่ออก เข้ามาในห้องล้มตัวนอนลงบนเตียง หยิบโทรศัพท์มาจะโทรหาเป๊บ อ้าวตั้งปิดเสียงไว้ตั้งแต่เรียน ลืมเปิดเสียง มีชื่อโอห์มโทรเข้ามา 14 สาย แอบรำคาญในใจโทรมาทำไมเนี่ย กลับมาคิดเรื่องเป๊บต่อแต่ก็ยังยึดมั่นถือมั่น ทิฐิมาก จนไม่กล้าที่จะกดโทรศัพท์ไปหา
พระอาจารย์สอนให้ผมลดความยึดมั่นถือมั่น หรือว่าเราจะกลับไปคืนดีกับเป๊บ แต่สิ่งที่เป๊บทำเรามันหนักมาก เจ็บทั้งใจและกาย ทำยังไงดี แล้วนี่ทำไมจะต้องฆ่าตัวตาย รู้ทั้งรู้ว่าเป็นบาป ไปเยี่ยมดีมั้ย ทำยังไงดี ลดความยึดมั่นถือมั่น เอาไงดี...ผมคิดฟุ้งซ่านไปหมด จนกระทั่ง ตัดสินใจ ที่จะไปเยี่ยมเป๊บ
“จะไปไหนลูก” แม่ผมถาม
“เป็นห่วงเป๊บนะครับแม่ ว่าจะไปเยี่ยม”
“ให้จิมไปเป็นเพื่อนมั้ย” พ่อผมถาม
“ไม่เป็นไรครับพ่อ ผมขับได้ครับ”
“เดินทางปลอดภัยนะ มีอะไรก็โทรมาบอกด้วยนะลูก” แม่ผมบอก
“ได้ครับๆ”
ผมรีบขับรถไปบ้านเป๊บ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึง รู้สึกตื่นเต้นครับ มองไปที่นาฬิกา เวลาประมาณสี่ทุ่ม มาดึกไปมั้ยหว่า แล้วเจอหน้าแด๊ดกับมัม ทำไงยังไงดี ขับรถเลี้ยวไปเลี้ยวมา ก็มาถึงหน้าบ้านเป๊บ ผมหยิบรีโมทจากช่องเก็บของหน้าคอนโซลรถ หวังว่า ยังคงใช้ได้ไม่เปลี่ยนรหัสไปเสียก่อน กดปุ๊บ ประตูเปิดทันที ยามที่เฝ้าหน้าประตูเดินออกมาดู ผมกดเปิดกระจก
“อ๋อ..คุณโจ้ สวัสดีครับ เชิญครับ” ยามจำผมได้ ผมพยักหน้ายิ้มให้
ขับรถเข้ามาจอดตรงลานจอดด้านข้าง เดินแบบใจสั่นๆ ตื่นเต้นเข้ามาที่หน้าบ้าน อารมณ์เหมือนกับตอนที่มาเคลียร์กับแด๊ด สมัยโน้นเลย ประตูบ้านปิดแล้ว ทำยังไงดี จะเอากุญแจที่มีไขดีมั้ย ระหว่างกำลังครุ่นคิดเดินเกือบถึงหน้าประตู เด็กแม่บ้านก็เปิดประตูพอดี
“สวัสดีคะคุณโจ้ เชิญคะ”
“ขอบใจมาก แล้วนี่บรรดาคุณๆ นอนกันหมดแล้วหรือ”
“คุณปริมคุณปันนอนแล้วคะ แต่คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิง นั่งพักผ่อนในห้องนั่งเล่นคะ”
แด็ดกับมัมยังไม่นอนหรือนี่ ผมเลยเดินไปที่ห้องนั่งเล่น แด๊ดกับมัม กำลังนั่งดูทีวี
“แด๊ด...มัม..สวัสดีครับ” ผมเอ่ยทักไป แด็ดมัมหันมาผมยกมือไหว้
“อ้าวลูก....มาทำไมไม่โทรบอกแด๊ดก่อนจะได้ออกไปรับ” แด๊ดกับมัมดูดีใจมาก ลุกขึ้นอย่างเร็วมากมากอดผม
“ก็..อะ...เอ่อ...ไม่กล้าโทรบอกครับแด๊ด” ผมก็สารภาพไป
“ไม่เป็นไรๆ มัมเข้าใจปัญหาดี...ไหนๆมาแล้วไปดูแลเป๊บหน่อยนะ...ตอนนี้อาการยังไม่ดีขึ้นเลย”
แด๊ดกับมัมก็เดินพาผมไปยังห้องเป๊บ ผมเข้าไปในห้อง บิดปุ่มเปิดไฟแบบเบาๆ พอสลัวๆ เป๊บนอนพักอยู่บนเตียง หน้าตาโทรมมาก หนวดเครา ผมเผ้ารุงรัง ไม่ได้ดูแลเลย
“ถือว่าช่วยแด๊ดกับมัมนะลูกนะ อะไรที่ทำแล้วเจ้าเป๊บมันดีขึ้น อยากให้ลูกช่วย แด๊ดกับมัมแทบใจจะขาด” ทั้งสองท่านดูเศร้าๆ
“ได้ครับแด๊ด มัม ....ไปพักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมดูแลเป๊บเอง”
“ฝากด้วยนะลูก”
“ครับ”
แด๊ดกับมัมก็ออกไปพักผ่อน ผมก็เข้าห้องน้ำผสมน้ำอุ่น เตรียมผ้าจนหนูมาเช็ดตัวให้เป๊บ
“เป๊บๆ โจ้เอง เช็ดตัวก่อนนะ” เป๊บร้องอ้อแอ้ ไปเหมือนคนไม่ได้สติ ผมก็ถอดเสื้อผ้า เหมือนจะไม่ได้อาบน้ำนะเนี่ย ถอดเสื้อผ้าเสร็จก็เช็ดตัว ตรงนั้น ตรงนี้ ตรงนู้น เปลี่ยนชุดนอนให้
“ทำไมปล่อยตัวเองโทรมได้ขนาดนี้เนี่ย...ผอมกว่าเดิมมาก เตียงนอนก็ดูเลอะเทอะไปหมด ข้าวของในห้องกระจัดกระจาย หลังจากเช็ดตัวเป๊บเสร็จ ผมก็มาจัดข้าวของในห้อง เต็มไปหมดเลยครับ จัดไปเรื่อยๆ ก็มาเจอสมุดภาพในสภาพกระจุยกระจาย เหมือนเป๊บดึงออกมาดูแล้วไม่ได้เก็บ ผมเปิดดูส่วนใหญ่เป็นภาพของเราสองคนถ่ายไว้ตั้งแต่คบกัน ด้านหลังภาพเป๊บจะเขียนว่า Honey , Love , Forever , Love You Honey , You’re part of my life , etc ผมนั่งดูทีละรูปไปน้ำตาไหลไป (ยุคนี้คงเซฟเก็บในคอมมากกว่าเนอะครับ ยุคสิบกว่าปีก่อน ยังมีการปริ้นรูปใส่ในอัลบั้มนะ) บอกตรงๆ นะครับ ผมยังรักเป๊บมาก ใจอ่อนลงฉับพลัน แต่ทิฐิ ความยืดมั่น ยังคงมีอยู่ (มันไม่ดีนะครับ ใครมีควรละทิ้งเลย เพราะทิฐินี่ละครับ นำไปสู่เรื่องราวที่มากกว่านี้อีก) ผมพยายามเก็บรูปใส่ในอัลบั้มเหมือนเดิม เก็บรูปเสร็จ ก็จัดของต่อ ก็เจอโทรศัพท์มือถือของเป๊บตกอยู่ข้างเตียงอีกด้าน ผมลองกดๆ ไม่ติดแสดงว่าแบตหมด เลยควานหาที่ชาร์จ เสียบชาร์จ จัดของเสร็จเรียบร้อยก็เป็นเวลาตีหนึ่งกว่าแล้ว ผมเลยโทรหาแม่
“จ๊ะลูก เป็นยังไงบ้าง”
“แม่ครับผมอยู่บ้านเป๊บแล้ว คืนนี้จะนอนที่นี่ดูแลเป๊บนะครับ”
“ได้จ๊ะๆ”
“แล้วแม่ยังไม่นอนหรือครับ”
“นอนไม่หลับรอลูกโทรมานะแหละ แต่ตอนนี้สบายใจแล้ว แม่คงนอนหลับแล้ว”
“ขอโทษครับแม่ที่โทรบอกช้า พักผ่อนนะครับ ฝากบอกพ่อด้วยไม่ต้องเป็นห่วง”
“ได้จ๊ะๆ มีสตินะลูกนะ ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี”
“ขอบคุณครับแม่” น้ำตารื่นๆ อีกแล้วผม
วางสายแม่ไปผมก็อาบน้ำ เปิดตู้เสื้อผ้าดูพบว่า เสื้อผ้าของผมจัดเป็นระเบียบสวยงามเหมือนเดิม แต่ตู้เสื้อผ้าฝั่งของเป๊บ รุงรังไปหมด เหมือนเจ้าตัวกระชากมาใส่ไปงั้นๆ ผมเลยต้องมาจัดตู้เสื้อผ้าให้อีก กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปตีสองครึ่ง
ผมไม่กล้าขึ้นไปนอนบนเตียงครับ ก็สารภาพยังคงกลัวเหตุการณ์วันที่โดนข่มขืน เลยไปยกฟูกมาจากห้องเก็บที่นอน มาปูตรงพื้นข้างเตียงเป๊บ ก่อนนอนก็ลองเปิดมือถือเป๊บดู หน้าจอติดปกติ พร้อมกับมีการโชว์ว่าไม่ได้รับสายจากเก๋ 78 สาย แล้วมีข้อวามเข้านับร้อย เก๋ๆๆๆๆๆ....ผมหันไปมองเป๊บที่นอนบนเตียง หมั่นไส้ เจ้าชู้ หล่อนัก...อีนี่ก็ตามมาหลอกหลอนกรู อารมณ์เสียทันที ฮ่าๆๆ หมั่นไส้ ผมเลยกดลบทุกอย่าง ไม่ให้เป๊บได้เห็น
“เชอะ อีนางมารร้าย สมน้ำหน้า อย่าหวังจะได้มาแดกผัวกรูอะ ลบให้หมด” กดๆๆๆ แล้วก็เสียบชาร์จเหมือนเดิม (ร้ายเนอะ อายอะ บอกเลยทำแบบนั้นจริงๆ ฮ่าๆๆ)
แล้วก็ล้มตัวลงนอน หลับสนิทมาก เพราะเหนื่อยมาทั้งวัน
รู้สึกตัวอีกที เหมือนมีอะไรมานอนข้างๆ คือ อารมณ์เหมือนรู้สึกแบบนั้นนะครับ แล้วก็พยายามคิดๆ เอ้ย นี่มันบ้านเป๊บ แล้วใครมานอนข้างๆ เลยลืมตาสะดุ้งตื่นตกใจ พลิกตัวหันไปมอง อ้าว เป๊บ มานอนมองตาแวว ด้วยความตกใจ เลยกระเถิบ สะดุ้งตัวห่างออกไปสองฟุต
“เฮ้ย..เป๊บ....จะทำอะไรอะ” ผมตกใจ
“เปล่าครับ...ไม่ได้ทำอะไร...แค่คิดถึง เลยมานอนข้างๆ ครับ”
“หือ..อ้าว..แล้วลงมานอนนานยังเนี่ย”
“ก็ประมาณตีห้าครับ ตื่นมาเข้าห้องน้ำ เป๊บก็ตกใจว่ามีกองอะไรใหญ่ๆ ข้างเตียง พอมาดูก็เจอ”
“เจออะไร” ผมถามเสียงแข็ง ตอบให้ดีนะ ชิ
“เจอคนน่ารักมานอนอยู่ เลยลงมานอนเป็นเพื่อน กลัวคนน่ารักเหงานะครับ” เป๊บตอบแบบยิ้มๆ แต่ดูเหนื่อยๆ โทรมๆ
“ทำมาปากหวาน ไปนอนบนเตียงเลย ยังไม่หายดีนี่”
“เจอหน้าคนน่ารักอาการก็ดีขึ้นแล้วครับ...แล้วนี่โจ้มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“มาเมื่อคืนสี่ทุ่ม ได้ข่าวว่ากำลังจะตายนี่ เลยมาดูหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าไม่มาดูใจ ตายไปมาหลอกหลอน” บอกเลย ตอบไปแบบนั้นโคตรตรงข้ามกับที่คิดในใจ แต่ทิฐิไง ไม่ยอมเสียฟอร์ม
“หรือครับ..ว้านึกว่าคิดถึงเป๊บซะอีก” เจ้าตัวตอบยิ้มๆ
“ใครจะคิดถึง..เชอะ...แล้วนี่ไปอาบน้ำเลยอะเป๊บ เมื่อคืนแค่เช็ดตัวให้นะ โทรมหมดแล้วดูแลตัวเองด้วย” ต้องตอบแบบเก๊กๆ ไว้ก่อน
“อยากอาบครับ แต่เดินไม่ค่อยไหว กลัวไปล้มในห้องน้ำ เลยไม่อาบดีกว่า แต่ถ้ามีคนอาบให้จะดีมากครับ” ฟังที่พูดจบ สรุปหมายความว่า ให้อิชั้นอาบให้ เฮ้อ
“สรุปคือ จะให้โจ้อาบให้” ผมถาม
เป๊บพยักหน้าทำหน้าตาน่ารักแบบเด็กๆ บอกเลย ใจอ่อนมาก ทิฐิๆๆๆ ใครจะยอม
และแล้ว เราสองคนก็มาอยู่ในห้องน้ำเดียวกัน ระหว่างที่กำลังสระผมให้เป๊บ
“เป๊บ ทำไมถึงกินยาฆ่าตัวตาย” เป๊บหันมามองหน้าผม
“เป๊บนะหรือครับ เปล่าเลย ทำแบบนั้นบาปครับ”
“อ้าวแล้วทำไมกินยานอนหลับเกินขนาด”
“เป๊บนอนไม่หลับไงครับ กินเม็ด สองเม็ด ไม่หลับ ด้วยความที่คิดมากเครียดมาก เลยลองกินไปสิบเม็ดเผื่อนอนหลับ”
“คิดได้นะว่าลองกิน แล้วเป็นไงละ”
“ก็เหมือนจะหลับสมใจอยาก แต่ก็รู้สึกทรมาน มารู้สึกตัวอีกที จำได้ลางๆ ว่าอยู่ โรงพยาบาล แล้วก็มึนมาตลอดหลายวันครับ”
“จะเชื่อดีมั้ยเนี่ย แต่คราวหลังอย่าทำแล้วนะ”
“ครับ.....” เป๊บนิ่งเงียบไปชั่วครู่
“เราสองคน...กลับมาเป็นเหมือนเดิมกันได้มั้ยครับ” เป๊บถามขึ้นมา ผมหยุดชะงัก
สารภาพครับว่ายังรักเป๊บมาก เป็นห่วงมาก แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ มันทำให้ผมรู้สึกไม่ไว้วางใจมากเท่าไหร่ อยากให้เป๊บไปจัดการเรื่องเก๋ให้เสร้จสิ้นก่อน แล้วถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกทีครับ
“เป๊บ....โจ้ขอเวลาทำใจ...และให้เป๊บไปจัดการปัญหาของตัวเองก่อน ถ้าทุกอย่างลงตัวแล้ว ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกทีนะเป๊บ”
เป๊บเงียบ
“เราสองคนกลับมาเป็นเพื่อนสนิทกันก่อนนะเป๊บ เหมือนที่เป๊บจีบใหม่ๆ ไง วันนึงหากโจ้มั่นใจในตัวเป๊บแล้ว ค่อยว่ากันอีกนะ...เข้าใจโจ้นะเป๊บ”
“เข้าใจครับ...เป๊บขอโทษนะครับ...เป๊บไม่เข้าใจว่าทำไมถึงจัดการเรื่องนี้ไม่ได้...เป๊บขอเวลานะครับ โจ้รอเป๊บนะ”
ผมพยักหน้า ยิ้มให้เป๊บ หลังจากอาบน้ำ โกนหนวดเครา เล็มผม สารพัด เป๊บกลับมาหล่อเหมือนเดิมแล้ว เสร็จทุกอย่าง ผมก็เดินพยุงเป๊บจากชั้นสองก็ลงมาทานข้าวพร้อมกับทุกคน
แด๊ด มัม พี่ปริม พี่ปัน สีหน้าประหลาดใจที่เป๊บลงมาทานข้าวด้วย
“ลมอะไรพัดมาถึงลงมาทานข้าวกับแด๊ดได้เนี่ย” แด๊ดแซวเป๊บ
“กำลังใจนะครับพ่อ เลยหายเร็วมั้งครับ” เป๊บตอบยิ้มๆ
“โอ้ว มัมดีใจที่ลูกดูดีขึ้นนะ” มัมสีหน้าสดใสทันที
“พอเมียมาเลยมีพลัง หน้าตาก็ดูสะอาดสะอ้านนะไอ้เสือ” พี่ปันแซว
เป๊บยิ้มๆ ไม่ได้ตอบอะไร บรรยากาศภาพรวมดูดีมากครับ
“โจ้ ลูกเป็นเหมือนลูกแด๊ดคนนึง เป็นคนในครอบครัวของเรา...แด๊ดอยากให้ลูกกลับมาเป็นเหมือนเดิมกับเจ้าเป๊บ” แด๊ดเอ่ยขึ้นมาระหว่างทานข้าว ผมชะงักเล็กน้อย
“เอ่อ แด๊ดครับ ผมกับเป๊บเคลียร์กันแล้ว ตอนนี้ผมขอถอยออกมาก้าวนึง รอให้เป๊บจัดการทุกอย่างเสร็จก่อน ค่อยว่ากันอีกทีครับ” ผมตอบเสียงแน่น ดังฟังชัด แด๊ดถอนหายใจ
“นี่คงเป็นกรรมที่มาสนองแด๊ด ปีก่อนตอนลูกคบเจ้าเป๊บ แด๊ดอยากให้ลูกถอยไปไกลๆ คราวนี้แด๊ดร้องขอ แต่ลูกเป็นคนถอยเองซะงั้น”
“แด๊ดครับ อย่าคิดโทษตัวเองเลยครับ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว รอให้คลี่คลายค่อยว่ากันอีกทีนะครับ”
“อย่าทิ้งเป๊บนะลูก มัมไม่ชอบผู้หญิงคนนั้น”
“หือ ใครหรือครับ”
“ชื่ออะไรนะ คุณ เขาชื่ออะไร” มัมหันไปถามแด๊ด
“ชื่อเก๋ครับมัม” พี่ปริมตอบแทน
นี่เก๋บุกมาถึงบ้านเป๊บเลยหรือเนี่ย แรงแซงทางโค้งจริงๆ
“ใช่ๆ เขามาดูแลเจ้าเป๊บตอนกินยาเกินขนาด ดูเจ้ากี้เจ้าการ สั่งแม่บ้านทุกอย่าง มัมไม่ค่อยชอบมารยาทเขาเท่าไหร่”
“ใช่ พี่เลยพูดทำนองไล่เขากลับ แล้วสั่งยามไม่ให้คนคนนี้เข้ามาบ้านอีก” พี่ปริมพูดเสริม
ทานอาหารเช้าเสร็จ ในใจผมก็พลางคิดไปเรื่อย อีเก๋นี่มันร้ายมาก ยังไม่ทันไรก็มาทำกร่างที่บ้านเป๊บซะแล้ว
“สะใภ้ ตามพี่ไปห้องนั่งเล่น” พี่ปริมบอกผม
“ครับ” ผมก็เดินไปตามคำสั่ง มาถึงห้องนั่งเล่น
“มีอะไรหรือครับพี่ปริม”
“กลับมาเป็นเหมือนเดิมกับเจ้าเป๊บเถอะนะ ถือว่าพี่ขอ มันรักน้องมากนะ ร้องไห้ไปพร่ำเพ้อตลอดเวลา”
“ผมก็ยังรักเป๊บครับพี่ปริม แต่ผมกลับมาเหมือนเดิมไม่ได้ถ้าเป๊บไม่เคลียร์ตัวเองก่อน”
“พี่เข้าใจ แต่ผู้หญิงคนนั้นเขาไม่คู่ควร พี่ให้คนไปสืบมาแล้ว บ้านเขาทำธุรกิจเล็กน้อย แถมยังมีปัญหาการเงิน ถ้าเขาเข้ามาจับไอ้เสือได้ บ้านเขาก็สบายแค่กินเงินปันผลจากหุ้นที่เป๊บมี ก็สบายไปทั้งชาติแล้ว แต่พี่ไม่อยากให้น้องชายพี่ ไปเจอคนแบบนั้น ถือว่าช่วยพี่นะ”
ผมยังคงฟังเงียบๆ
“น้องอยากได้อะไรตอบแทน เอางี้มั้ย พี่ยกหุ้นส่วนกลางในเครือให้ 10% เป็นเครื่องรับประกันว่า น้องคือสะใภ้ของบ้านเรา เป็นคนในครอบครัวเรา”
“พี่ปริมครับ เรื่องพวกนั้นผมไม่เคยคิด ทุกวันนี้ผมคิดเสมอว่าเราสองครอบครัว คือครอบครัวเดียวกัน”
“พี่รู้คนแบบน้องเงินซื้อไม่ได้ แต่อย่างน้อยถ้าไม่เห็นแก่พี่ ก็เห็นแก่ความรักของไอ้เสือมันละกันนะ”
“ครับพี่ปริม ผมขอเวลาทำใจนะครับ ทุกอย่างลงตัวเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที”
“ใจแข็งนะเนี่ย เฮ้อ...น้องพี่มันเป็นอะไรของมัน ของดีอยู่ตรงหน้าดันไปคว้าขยะมาเชยชม” พี่ปริมบ่นๆ
คุยกับพี่ปริมเสร็จ พี่ปริมก็ขอตัวออกไปทำงาน แด๊ด มัม พี่ปัน ออกไปทำงานหมดแล้ว ผมก็กลับบ้านบ้าง
“เป๊บ เรื่องเรียนละ จะลาออกอีกมั้ย”
“คงไม่ครับ พรุ่งนี้เป๊บคงกลับไปเรียน”
“ดีแล้วนะเป๊บ เรียนจบก่อนค่อยไปเรียนเมืองนอก”
“โจ้จะไปเรียนกับเป๊บมั้ยครับ”
“ถึงเวลานั้นค่อยว่าอีกทีนะ”
“ครับ”
“กลับก่อนนะเป๊บ ไว้จะมาหาอีกนะ” เป๊บทำหน้าเศร้าๆ
“คำพูด ดูห่างเหินจังนะครับ แต่เป๊บเข้าใจครับ”
ผมเดินเข้าไปกอดเป๊บ
“เป๊บ เวลาจะเป็นคำตอบของทุกอย่าง เป๊บคงจะรู้แล้วว่าควรทำยังไง....ดูแลตัวเองด้วยนะ”
“ครับ...ขอบคุณครับ” เป๊บกอดผมแน่นๆ
หลังจากวันที่ผมไปบ้านเป๊บ ก็แทบไม่ได้เจอกันอีกเลย อย่างที่บอกไปละครับ ตารางเรียนก็ไม่ค่อยตรงกัน แต่เป๊บก็โทรมาคุยทุกวันไม่ได้ขาด บางทีก็แชทเอ็มเอสเอ็นกัน สำหรับเรื่องเก๋ ผมไม่เคยถามเป๊บอีกเลย ถือว่าเป็นหน้าที่ของเป๊บที่จะต้องจัดการ ล่วงเข้าสู่เดือนที่สอง นับจากที่ไปบ้านเป๊บ
“ว่าไงเป๊บ” ผมรับสายเป๊บที่โทรเข้ามา
“ทำอะไรอยู่ครับ”
“ก็นั่งเขียนงานไปเรื่อย...เป๊บละ ทำไมเสียงดูเหนื่อยๆ”
“ก็...เป๊บเบื่อเก๋นะครับ พยายามตีตัวออกห่างก็แล้ว ไม่รับสายโทรศัพท์ ไม่ค่อยได้คุยกัน แต่เก๋ก็ยังตามตื้อตลอดครับ”
“แล้วเป๊บจะจัดการด้วยวิธีไหนอีกอะ”
“เป๊บคิดว่าจะบอกไปตรงๆ ในงานเลี้ยงวันเกิดของเก๋วันที่ 3 ของเดือนหน้า เค้าจัดการวันเกิดที่ผับครับ”
“ผับอะไรเป๊บ แถวไหน”
“ไม่ทราบชื่อผับครับ แต่เท่าที่เขาบอก น่าจะแถวๆ สวนลุม”
“ก็ดีนะเป๊บ...เคลียร์ให้ลงตัวเพื่อความสบายใจนะ”
“แล้วรุ่นน้องคนนั้นยังมาจีบโจ้ตลอดใช่มั้ย”
“ก็สารภาพตรงๆ ว่าใช่ แต่โจ้ไม่สนใจหรอก มีระยะห่างพอสมควร”
“ทำไมละครับ ไม่ใจอ่อนบ้างหรือ” ถามไรแปลกๆ นะคิงคอง
“คำตอบก็รู้อยู่ ไม่มีห้องหัวใจให้ใครแล้ว”
“อ้าวแล้วห้องหัวใจไปอยู่ที่ใครครับ” นางทำเสียงสดชื่นทันที
“ไม่ต้องมาถามเลย รู้ทั้งรู้ รีบจัดการเรื่องตัวเองเถอะ”
“ครับๆ จะเร่งเคลียร์ตัวเองครับ”
“โอเค พรุ่งนี้โจ้มีเรียน นอนก่อนนะเป๊บ เป๊บเองก็ไปพักผ่อน ห้ามไปกินยานอนหลับอีกละ”
“ได้ครับ....ฝันดีครับ....รักโจ้นะครับ”
“อื้อ...ฝันดีๆ” ผมกดวางสาย อยากจะบอกว่ารักเป๊บ แต่มันติดที่ปาก การมีทิฐิ ก็เป็นแบบนี้ละครับ
หลังจากวันที่เป๊บรับปากจะจัดการเรื่องเก๋ เราก็คุยโทรศัพท์กันทุกวัน สำหรับเรื่องเรียน ผมก็มุ่งมั่นมาก เพราะต้องการจะให้จบเร็วที่สุด เลยเร่งการทำวิทยานิพนธ์พร้อมไปกับการสอบ QE เป๊บเองก็คงเรียนหนักเช่นกันครับ บ่อยครั้งที่ผมเดินสวนกับเก๋ นางก็จะมองหน้าผมแบบอาฆาตมากๆ ด้วยความที่ไม่อยากมีเรื่อง ผมก็จะหลีกเลี่ยงเดินไปทางอื่นบ้าง หรือไม่สนใจบ้าง แต่ก็แอบแปลกใจนะครับ วันเรียนของเก๋ไม่ตรงกับผม แต่ทำไมเจอนางบ่อยจัง จนวันนึงมี sms เข้ามา ผมกดดู เป็นเบอร์แปลกๆไม่รู้จัก ข้อความบอกว่า “อย่าให้มันเกินมากไปนักนะมึง....ถ้ากูเหลืออด มึงไม่ตายดีแน่” อ่านแล้วก็ตกใจครับ ผมไม่เคยมีศัตรูที่ไหน นอกจาก เก๋ ลองโทรกลับก็ปิดเครื่อง ผมเลยเอา sms ให้ฉัตรอ่าน ฉัตรก็รู้ทันทีว่าเก๋ แต่เขาเอาเบอร์ซื้อใหม่ส่งมา (ยุคนั้นเบอร์เติมเงินยังไม่มีการลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชนครับ) หลักฐานไม่เพียงพอจะไปแจ้งความหรือกล่าวหาก็ทำได้ยาก คิดดูแล้วไม่บอกเป๊บ ไม่อยากให้เครียดเรื่องผม สิ่งที่ทำได้คือ ผมต้องระวังตัวให้มากขึ้นครับ
ก่อนสอบ QE สองอาทิตย์ ผมกับเพื่อนๆในสาขาเอก ก็มาติวหนังสือที่ห้องสมุด สำหรับนักศึกษาปริญญาโท ถ้ารวมตัวกันเกินห้าคนสามารถเปิดใช้ห้องส่วนตัวได้ครับ วันเวลาผ่านล่วงมาจนกระทั่งก่อนสอบประมาณสี่วัน เพื่อนๆ ในสาขา เห็นชอบกันว่า เวลาที่เหลือนี้ควรจะแยกไปทบทวนส่วนตัว แล้วมาเจอกันวันสอบ ผม ฉัตร เบิด ทราย โอ๊ต เดินออกจากตึกเพื่อจะกลับบ้าน
“รถเมิงจอดไหนอีหอย” ฉัตรถามผม
“อาคารจอดรถอะ เมิงละ”
“หน้าอาคารเนี่ย มาเช้าดวงดีเลยว่าง”
“พวกเมิงละ” ผมหันไปถามเบิด ทราย โอ๊ต
“เลยฉัตรไปหน่อยนึง”
“งั้นมีกรูคนเดียวที่ดวงซวยมาสายอะเนอะ”
“ฮ่าๆๆ ถูกต้อง....ไปรถกรู เดี๋ยววนขึ้นไปส่งอาคารจอดรถ”
“เอ้ย ไม่เป็นไร เดินนิดเดียวก็ถึงละ ขอบใจมาก ไว้เจอกันวันสอบนะ”
“เอางั้นหรือ เออๆ งั้นแยกย้ายกัน” ฉัตร ทราย เบิด โอ๊ต โบกมือลาผม ผมก็โบกมือลา
ผมเดินแยกออกมาทางด้านขวา ลงบันไดหน้าตึก ที่ติดกับถนน ส่วนพวกเพื่อนๆ เดินแยกไปทางด้านซ้ายลงบันไดอีกด้าน ระหว่างที่ผมเดินลงมาเรื่อยๆ คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ก้าวขามาจนถึงฟุตบาท มองซ้ายมองขวาถนนโล่งปกติ กำลังจะข้ามถนน
“หยุดก่อน” เหมือนมีเสียงเรียกดังมากมาจากด้านหลัง ขาขวาผมก้าวลงถนนไปแล้ว ผมหยุดชะงักทันที แล้วหันกลับมามองด้านหลังไม่เห็นมีใครเรียกเลย ด้วยความงงๆ ไม่เห็นใครเรียก ก็จะหันตัวกลับมาเดินต่อ
จังหวะนั้น มีรถเก๋งแต่งซิ่งสีดำ ขับพุ่งมาด้วยความเร็วมาก ผมได้ยินเสียงเครื่องยนต์กระหึ่มดังมา หันกลับไปมอง รถเก๋งคันนั้นวิ่งพุ่งเข้ามาหาผม ด้วยความตกใจมาก ผมยกเท้าขวาถีบตัวสุดแรงไปด้านหลัง แต่ก็ไม่ทันครับ กระจกข้างของรถเก๋งชนกระแทกถูกบริเวณต้นแขนขวาผม ด้วยแรงชนทำให้ผมล้มตัวไปกระแทกกับพื้น และศรีษะก็ฟาดกับขอบบันได
“ว้ายยยยยยยยยย...อีโจ้ววววววว”