จบแล้วเด้อส่วนคนที่รอหนังสือนะคะ อีกประมาณสองอาทิตย์ถึงเปิดจองนะจ๊ะ ส่วนเรื่องที่ห้ายังไม่อัพค่ะ แหะๆ พอดีเปิดเทอมแล้วกลัวดอง อิอิ
--------------------------
วันนี้พี่กู้ไข้ขึ้นสูงสงสัยผมจะหนักไปหน่อย ผมตื่นแต่เช้าไปซื้อโจ๊กด้านล่างตึกมาป้อนคนป่วย ที่ตาปรือปรอย หน้าขาวๆแดงระเรื่อด้วยพิษไข้ แถมยังงอแงไม่ยอมให้เช็ดตัวอีกต่างหาก จนต้องใช้กำลังไปเล็กน้อยจับรวบข้อมือไว้แน่นๆ เช็ดไปตามเนื้อตามตัว ยอมรับว่าแอบภูมิใจเล็กๆที่เห็นรอยสีแดงแสดงความเป็นเจ้าของตามตัวของพี่กู้ ยิ่งตอนจับชันเข่าเช็ดช่องทางด้านหลังคนตัวเล็กก็อายแสนอาย เอียงหน้าหนีทันที หน้าแดงก่ำก็ยิ่งแดงเข้าไปอีก ถ้าไม่ติดว่าไม่สบายอยู่นะ เสร็จผมไปแล้วนะครับที่รัก ปิดท้ายการดูแลคนป่วยด้วยการหอมหน้าผากฟอดใหญ่ ผมก็เดินออกมาจากหอไปสู่โรงเรียนอาชีวะเดิมๆ กับการแหกปากร้องเพลงเดิมๆ วันนี้มันไม่น่าสนใจที่พี่ว๊ากกลายเป็นคนอื่น ไม่ใช่คนหน้าหวานๆของผม วันนี้ไอ้เอ็มมันแปลกๆไป มันมองผมแบบห่างเหิน บางทีก็ไม่พอใจ มันเป็นอะไรของมันวะ
“เฮ้ย ไหม้มึงไปทำไรไอ้เอ็มวะ แม่งเคืองมึงสัสอ่ะ”
“กูยังไม่รู้เลย กูก็ งงๆเนี่ย”
“เออๆลองคุยกันดู อย่าค้างคานะมึงเดี๋ยวมันจะนาน” ไอ้เจกับไอ้ฟีตบบ่าให้กำลังใจผม ตอนพักหลังกินข้าวที่บรรยากาศมาคุสุดตีนผมก็เดินไปขอเคลียกับไอ้เอ็ม เราเดินกันมาถึงหลังโรงเรียนโดยมีไอ้ฟีกับไอ้เจเดินตามมาห่างๆ พอถึงบริเวณลับตาคนมันก็หันมาผลักไหล่ผมแรงๆ
“มึงมีไรเหิ้ยไร”
“กูอยากเคลียกับมึง”
“กูไม่มีอะไรจะพูด”
“เฮ้ย ไอ้เหิ้ยมึงเป็นไรวะ มีไรไม่คุยตรงๆ”
“มึงนั่นแหล่ะ ที่ไม่คุยตรงๆไอ้สัสไหม้ มึงอย่ามาพูดดีเลย” มันชี้หน้าผม สายตาโกรธเกรี้ยวไม่พอใจ จนผม งง
“เฮ้ยไอ้เอ็มมึงใจเย็นๆดิ๊ เพื่อนกันนะเว่ย” ไอ้ฟีรับมาคั่นระหว่างผมสองคน
“ไอ้เหิ้ยมึงมีไรก็พูดไปเลย โตๆกันแล้ว” ไอ้เจอีกคนก็รีบพูดไกล่เกลี่ย
“เมื่อวานมึงจำได้มั้ยว่าไอ้ไหม้บอกมันจะกลับกับแม่” ผมนิ่งไปทันทีที่มันพูดเรื่องนี้ หรือว่า ..
“เออแล้วไงวะ แค่เรื่องนี้มึงงอนที่มันไม่กลับกับพวกเราหรือไง”
“ไม่ใช่ มึงรู้มั้ยว่ามันโกหก มันไม่ได้กลับกับแม่ มันกลับกับพี่กู้ แค่นั้นไม่พอมันออกมาจากห้องพยาบาลในสภาพที่พี่กู้เดินไม่ไหวจนมันต้องอุ้มกันออกมา มึงจะให้กูคิดว่ามันกับพี่กู้ไปทำอะไรกันในห้องพยาบาลนอกจากเรื่องอย่างว่า” ผมเงียบไปทันที ไอ้ฟีกับไอ้เจหันหน้ามามองผม แต่ผมกลับหลบตาพวกมัน
“แต่ .. ก็ไอ้ไหม้มันอาจจะเป็นแฟนกับพี่กู้อยู่แล้วไง มึงใจเย็นดิเอ็ม”
“กูเคยพูดไว้แล้วใช่มั้ยว่ากูชอบพี่กู้ แล้วตอนนั้นทำไมมันไม่พูดว่ามันกับพี่กู้เป็นอะไรกัน ! มันจะให้กูหวังทำไม”
“ไอ้ไหม้ มึงทำเพื่ออะไรวะ” ไอ้ฟีถามผม สายตามันตัดพ้อเต็มที่
“กูว่ามึงมีเหตุผลนะ ไหนว่ามา .. ”
“พวกมึงคิดว่ากูไม่อยากพูดหรอ กูอยากจะตายห่าแล้ว เมียกูกูก็หวง แต่กูพูดไม่ได้มึงเข้าใจมั้ย เพราะพี่กู้ขอไว้ พี่กู้บอกอย่าบอกใคร พี่กู้เค้าอาย มึงเข้าใจปะ ว่าพี่กู้เค้าอายที่คบกับกู เค้าอายที่จะคบกับผู้ชาย เค้ารับสายตาคนอื่นไม่ได้ เค้าขอให้กูแกล้งทำเป็นไม่รู้จัก เค้าขอให้กูทำเหมือนว่าเราเป็นคนอื่น พวกมึงคิดว่ากูชอบสภาพแบบนี้หรือไงล่ะ” หลังจากที่ผมได้ระบายบ้างคราวนี้พวกมันเป็นฝ่ายเงียบ แต่ไอ้เอ็มกลับจ้องผมตาวาว
“มึงคิดว่าพวกกูเป็นใคร ทำไมจะบอกเพื่อนไม่ได้ มึงเห็นพวกกูปากหมาชอบโพนทะนาหรอวะไอ้สัส มึงรู้มั้ยว่ากูรู้สึกเหมือนเป็นตัวตลกที่ให้มึงหลอก ขนาดกูบอกว่าชอบเมียมึงมึงยังไม่คิดจะบอกกูสักครั้ง กูโง่มากใช่มั้ย”
“ไอ้สัสก็กูบอกแล้วไงว่ากูไม่ได้อยากให้มันเป็นอย่างงี้ ไอ้เหิ้ยเอ้ยมึงจะเอาไงวะ”
“กูขอต่อยมึงล้างอายหน่อยเหอะ” ไอ้เอ็มกระโจนเข้ามาฟาดหมัดใส่ผมแรงๆ มีหรือจะยอม ผมก็ซัดกลับ พวกเราสองคนนัวเนียกันไปมา ไอ้ฟีกับไอ้เจก็ไม่ห้าม
“ต่อยกันให้ตายไปเลยพวกมึง เสร็จแล้วกลับมาดีกันด้วย ไอ้สัส ทำตัวเป็นเด็กงอนกันไปได้”
เราฟาดหมัดใส่กันไปได้ซักพักจนเหนื่อย ผมกับมันล้มตัวลงนั่งจ้องหน้ากัน ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น นี่แหละเพื่อน ยังไงก็เป็นเพื่อน
“ลุกได้แล้วพวกมึง เคลียกันแล้วก็ไปรับน้องต่อ”
“เอออย่าช้า น่ะไม่ลุกอีก”
“กูลุกไม่ไหว” ผมบอกมันเพลียๆ
“กูด้วย”
“เฮ้อ ไอ้พวกเหิ้ยเอ้ย” ไอ้ฟีเดินขึ้นมาฉุดผมขึ้น กับไอ้เจที่เดินไปฉุดไอ้เอ็ม สุดท้ายผมกับไอ้เอ็มกันหันมากอดคอกัน เราสี่คนก็เดินกอดคอกันไปจนถึงแผนกโยธาอีกครั้ง แม้สภาพจะยับเยินแต่ก็สบายใจสุดๆ นี่แหละสุดยอดของคำว่าเพื่อนล่ะ
ตอนเย็นผมรีบกลับหอทันที เป็นห่วงครับพี่กู้ไม่สบายไม่รู้ได้กินข้าวหรือเปล่า ทำไมห้องไม่ล็อค ?
“กลับมาแล้วครับ … พี่กู้” ร่างของคนที่นอนอยู่บนเตียงหายไป รอบห้องมีร่องรอยการรื้อค้น ข้าวของกระจัดกระจาย มันเกิดอะไรขึ้น ผมรีบโทรหาพี่กู้ทันที
“ไง เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม” เสียงคนที่รับโทรศัพท์กำลังหาเรื่องผม
“พี่กู้อยู่ไหน”
“หึ กำลังนอนครวญครางอยู่ข้างๆกูนี่ไง ไม่เชื่อก็ฟังดู” สักพักผมได้ยินเสียงพี่กู้จริงๆ
‘อย่า .. ปล่อยกูไป ไอ้โต มะ มึง ..’
“ไงล่ะ อึ้งอ่ะสิมึง จำไว้อย่าเสือกมายุ่งกับเด็กในสต็อกของกู” แล้วสายก็ตัดไป กราผมขบกันจนขึ้นสัน มึงจะมากไปแล้วบังอาจมาเอาพี่กู้กูไป แต่ไอ้โตมึงก็พลาดนะ .. โทรศัพท์พี่กู้กูเป็นคนซื้อให้ แล้วกูก็หวงพอจะเปิด GPS ผมรีบเช็คที่อยู่ของพี่กู้ทันที หึ โรงอ็อกเหล็กของโรงเรียน ผมกดโทรศัพท์อีกรอบโทรหาไอ้เอ็ม
“เอ็มมึงไปโรงอ็อกเหล็กกับกูหน่อย พี่กู้โดนฉุดฝากเรียกไอ้ฟีไอ้เจด้วยกูจะไปก่อน” เสร็จสิ้นการคุยขาผมก็วิ่งสุดชีวิต
รอก่อนนะพี่กู้ ..
รอไหม้ก่อนนะ ..
อย่าพึ่งเป็นอะไรนะ ..
ผมวิ่งจนเหงื่อโชกไปทั้งตัว หยาดเหงื่อชุ่มฉ่ำด้วยความร้อน แต่มันไม่เท่ากับความร้อนที่อยู่ในใจตอนนี้หรอก
“เฮ้ยกูมาแล้ว” เสียงของไอ้เอ็ม ตามด้วยไอ้ฟี ไอ้เจ วิ่งตามกันมา พวกเรามาหยุดที่โรงอ็อกเหล็ก ผมถีบประตูเข้าไปทันที เจอผู้ชาย 3-4 คนยืนอยู่มุมหนึ่งกำลังล้อมอะไรซักอย่าง
“ไอ้สัส เอาเมียกูคืนมา” ผมกระโดดถีบพวกมันที่ยืนอยู่ แล้วเราก็ตะลุมบอนกัน แน่นอนว่าผมชนะ บ้านเป็นค่ายมวยครับ ส่วนไอ้เอ็มเคยถามมันมันก็เล่นคาราเต้ตั้งแต่เด็ก ไอ้ฟีไอ้เจก็เรียนยูโดมา จับทุ่มท่าเดียว ผมมองไปที่ผู้ชายตัวใหญ่ที่น่าจะชื่อโตกำลังพยายามหนีทั้งที่ยังใส่กางเกงไม่เสร็จ สภาพของพี่กู้ตอนนี้นอนสลบอยู่ เสื้อผ้าหลุดลุ่ยแต่ที่แค้นที่สุดคือหยาดน้ำกามที่ไหลเลอะขาขาวๆ ตากลมโตที่ปิดอยู่ปรากฏรอยน้ำตา
“อย่าอยู่เลยมึง” ผมกระโจนเข้าไปกระทืบมันทั้งทีทั้งต่อย ทั้งเตะ เท่าที่มือสองมือตีนสองตีนจะทำได้
“เฮ้ยๆ ไอ้ไหม้หยุดก่อน เดี๋ยวมันตาย” ไอ้ฟีกับไอ้เจล็อคแขนผมดึงออกจากไอ้เลวระยำนั่น
“ไอ้สัสกูจะฆ่ามันนนนนนนน”
“เฮ้ยๆ มึงอย่าพึ่งดูเมียมึงก่อนเร็วๆ” ไอ้เอ็มจัดการกระทืบกล้องจนเละ เอาแผ่นซีดีข้างในหักทิ้งเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ผมพยายามควบคุมอารมณ์จับเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยของพี่กู้ใส่ให้เรียบร้อย
“กูแจ้งตำรวจแล้ว เดี๋ยวถ้าเค้าจะให้มึงไปให้ปากคำยังไงเดี๋ยวกูโทรบอก พาพี่กู้กลับไปก่อนไป”
“เออๆ ขอบใจพวกมึงมาก”
ผมพาร่างของคนที่รักกลับหอด้วยความรวดเร็ว จากนั้นก็เช็ดตัว ตามใบหน้า ตามคอที่มันมีรอยจูบที่ไม่ใช่ของผมเพิ่มเข้ามา แขนมีรอยช้ำที่ถูกบีบ ไอ้สัสนั่นมันทำพี่กู้ได้ยังไง ผมยังไม่เคยใช้กำลังขัดขืน ช่องทางด้านหลังที่ช้ำอยู่แล้วจากผม ปริแตกมีเลือดไหลซิบออกมา ผมใช้ผ้าอุ่นชุบให้ หยิบยามาทาให้เรียบร้อย ตอนนี้พี่กู้สะอาดไปทั้งตัวแล้ว
“ฮึก .. มะ อย่า นะ ไหม้กู ด้วย … อยะ อย่า” เสียงละเมอที่มาพร้อมน้ำตาของคนตัวเล็ก ทำผมเจ็บใจที่สุด เวลาที่พี่กู้กำลังร้องไห้อยู่ เรียกให้ผมช่วย ผมกลับไปช่วยไม่ทัน ..
“พี่กู้ไม่เป็นไรนะครับ ผมอยู่นี่แล้ว อยู่ตรงนี้” ผมล้มตัวลงนอนรวบร่างบางมากอดไว้แน่นๆ น้ำตาของผมเริ่มคลอและไหลลงมาไปพร้อมๆกับพี่กู้
“ผมขอโทษนะพี่กู้ ..”
“ไหม้ …” เสียงคุ้นเคยที่ใกล้หูปลุกผมให้ตื่นเหมือนทุกๆวัน ผิดกับที่วันนี้คนปลุกกำลังร้องไห้
“พี่กู้ อย่าร้อง ..”
“ฮึก .. กูขอโทษ กูสปรก” ร่างบอบบางสะอื้นจนตัวสั่นเทิ้ม ผมกอดพี่กู้แนบอก ร้องไห้ไปพร้อมๆกัน
“ไม่ เลย พี่กู้ สะ .. อาด เสมอ ฮึก .. ฮืออ ผมขอโทษ .. ที่ไปช่วยไม่ทัน” เราร้องไห้ไปด้วยกันตลอดเช้า
“ตาบวมแล้วพี่กู้หยุดร้องเลยเป็นนกฮูกแล้วเนี่ย” ผมจิ้มเปลือกตาของคนตัวเล็ก ยิ้มเย้าแหย่
“มึงก็เหมือนกับกูนั่นแหละน่า ไอ้ตาโปนเอ้ย”
“โหย พี่กู้นั่นแหละตาปูด”
“ไอ้ไหม้ตาโปน”
“พี่กู้ตาปูด”
“ฮ่าๆๆๆ” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง หวังว่าเรื่องเลวร้ายนี้จะถูกลืมเลือนไปสักวัน
ช่วงบ่ายไอ้เอ็มโทรมาบอกให้ไปสอบปากคำที่โรงพัก ผมก็อุ้มพี่กูเดินลงมาจากหอครับ พี่กู้เดินไม่ไหวแล้ว เรามาด้วยแทกซี่จนถึงโรงพักเจ้าหน้าที่พาเราไปสอบปากคำทีละคน จากนั้นก็พาเราไปที่ห้องประชุมห้องหนึ่งที่มีพวกไอ้เลวเมื่อวานนั่งอยู่กันครบ มี ผอ.โรงเรียน อาจาร์ปกครอง แล้วก็พวกเพื่อนๆผม และเพื่อนๆพี่กู้ ผมวางร่างพี่กู้บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง
“คุณตำรวจคะลูกชายฉันล่ะคะ” เสียงของผู้หญิงที่ผมคุ้นเคยคนหนึ่งนำพาร่างบอบบางที่เหมือนพี่กู้ไปซะทุกอย่างเข้ามาในห้องประชุม
“แม่ ..”
“กู้ กู้ลูกแม่ โธ่ ไม่เป็นไรนะลูก”
“แม่ ฮึก ..” ผมถอยหลังออกมาให้แม่ลูกปลอบใจกัน แล้วผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็เดินตามเข้ามา
“ไหม้ กู้มันโอเคมั้ย”
“ครับคุณลุง ขอโทษที่ผมไปช่วยพี่กู้ไม่ทัน”
“ไม่เป็นไรลุงรู้ว่าเราไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้หรอก”
ผมกับทางบ้านพี่กู้สนิทกันครับ พ่อแม่พี่กู้และพ่อแม่ผมรู้ว่าเราคบกัน และสองครอบครัวก็เข้ากันได้ดีซะด้วย เจ้าหน้าที่เชิญให้พวกเรานั่งลง จากนั้นก็สรุปคดีไปตามเรื่องพวกไอ้โตก็โดนคดีกันไปตามระเบียบสาสมกับสิ่งที่พวกมันทำ พ่อแม่พวกมันที่ตามมาทีหลังก็ยินยอมให้ตำรวจจำคุก และไม่ยื่นประกันตัวเพราะรับพฤติกรรมความเลวของลูกตัวเองไม่ได้ ทุกอย่างจบลงด้วยดี ผอ. ก็เลยจัดการติดกล้องวงจรเพิ่มในโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อยไม่เว้นแม้แต่ในห้องพยาบาล
“เฮ้ยไหม้”
“ไรวะเอ็ม”
“สมหน้าอดสวีทเมียในห้องพยาบาล”
“ไอ้สัส !”