มาต่อให้แล้วจ้า
ไปดู"รักแห่งสยาม" มา เหอ เหอ แบบว่าหนังจบ คนไม่จบ เป็นหนังที่นำเสนอความรักหลายรูปแบบออกมาได้ดีมากๆๆๆๆเลย
อยากไปดูอีกจริง มิวน่ารักกกกกกกกก แสดงได้ดีมากๆๆๆ ปลื้มจริง 
เหอ เหอ นอกเรื่องแล้ว มาลุ้นนู๋เดียร์กะป๋าฮวยกันต่อดีกว่า เจ้าคู่นี้ก็จริงๆๆๆเลย
เข้าใจกันซะทีซิความเดิมตอนที่แล้ว
"เดียร์.....เปิดเครื่องสักทีได้มั้ย...อยากได้ยินเสียงจะตายอยู่แล้ว....ขอแค่ได้ยินเสียงแค่นิดเดียวก็ยังดี......เดียร์....นาเดียร์...ไอ้เดียร์...ร้ายกาจนักทำไมถึงได้ใจร้ายขนาดนี้.......ทำยังไงถึงจะได้ยินเสียง ทำยังไงถึงจะได้เห็นหน้า ทำยังไงดี"
ฮวยลืมนึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง คือความรู้สึกบางอย่างที่พยายามปกปิดด้วยข้ออ้าง เพียงเพื่อให้รู้ความรู้สึกผิดลดน้อยลง
อาการทุรนทุราย คิดแต่เรื่องเดิม ๆ เช้าเย็น อยากเจออยากพบหน้า อยากพูดคุยอยากสัมผัส อยากสบตา
และเมื่อไม่ได้พบเจอกลับทำให้หม่นหมองและซึมเศร้าได้มากจนตัวเองยงรู้สึก
แต่ฮวยกลับพยายามทำสิ่งเดิมๆ ด้วยการไม่ยอมรับรู้
เหมือนที่เดียร์เองก็ไม่พยายามจะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น
อาการคล้าย ๆ ร่างกายอ่อนล้าหัวใจอ่อนแอ
อาการของคนที่กำลัง.........คิดถึงใครสักคนแต่บอกให้คนทั้งโลกรับรู้ด้วยไม่ได้
ไม่มีสิ่งใดที่จะรักษาอาการนี้ได้ นอกจากค่อย ๆ เปิดรับความรู้สึกของใครอีกคนเปิดใจยอมรับ
และปล่อยให้ความรู้สึกที่แท้จริงเข้ามาแทนที่ระยะห่างที่ต่างพยายามสร้างขึ้น
เพียงเท่านั้นเอง เรื่องสั้นคั่นเวลา.....ก็แค่ผู้ชายหยอกล้อกัน ตอน คำขอ
0.01 น. ตายังไม่ยอมปิดซะที พลิกซ้ายพลิกขวาแล้วก็ลุกขึ้นนั่ง บ้านเงียบสงบเพราะคนในบ้านพากันหลับไปหมดแล้ว มีเหลืออยู่คนเดียวที่ทำยังไงก็ข่มตาให้หลับลงไม่ได้
ฮวย ไอ้ฮวยมันทำอะไรอยู่ เวลานี้ของวันที่รีบทำรายงานส่ง ตอนนี้กำลังนั่งหน้าเครียดกันอยู่หรือเปล่าเรื่องของเรื่องก็เป็นเพราะดันโง่เง่า ทำข้อมูลหายไป แล้วไอ้ฮวยก็เป็นคนพิมพ์รายงานให้
พิมพ์ติดต่อกัน ทำงานต่อเนื่องไม่ได้หลับไม่ได้นอน
วันนั้นผ่านมาเกือบเดือนแล้ว ทั้งที่คิดว่าจะถูกโกรธ แต่กลับได้รับคำปลอบโยน พร้อมกับการที่ไอ้บ้านั่นตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์รายงานอยู่คนเดียวโดยไม่ปริปากพูดให้เสียความรู้สึกสักนิด
ทั้งที่.........นิสัยใจคอของมันเป็นยังไงก็รู้อยู่ ขอแค่ได้แกล้งหรือทำให้หงุดหงิดโมโหได้ ไอ้เฮงซวยฮวยมันทำได้ทุกอย่าง แต่วันนั้นมันกลับเงียบ........ไม่ได้พูดคำพูดอะไรออกมาอีกเลย
ผ่านมานานแค่ไหนแล้วนะ ช่วงเวลานั้น
เดียร์กำลังนั่งชันเข่าอยู่บนเตียง เอนแผ่นหลังพิงผนังห้องและแหงนเงยใบหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
เฮ่อ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ อึดอัดใจจะแย่อยู่แล้ว ทำไมเหมือนมีอะไรมากดทับที่หัวใจวะ
ฝ่ามือทาบลงที่แผ่นอกด้านซ้ายก่อนจะค่อย ๆ ใช้ปลายนิ้วแตะไล้สัมผัสที่ริมฝีปากของตัวเองเมื่อนึกถึงเรื่องที่ยังอยู่ในความทรงจำ และไม่มีวันที่จะลบเลือนไปจากความคิด
จูบแรก........ที่ไม่ได้รู้สึกถึงความรู้สึกใด ๆ เลยนอกจากความโมโห ครั้งนั้นมันเกิดขึ้นเพราะโดนแกล้งเพราะไอ้ฮวยมันอยากพิสูจน์ลิปมันกลิ่นเลมอน ทั้งน่าขยะแขยงและสะอิดสะเอียนจนทนไม่ไหว
จูบที่สอง.......เกิดขึ้นอย่างไม่ทันรู้ตัว เพราะมัวแต่สนใจอยู่กับการกินบราวนี่ รู้ตัวอีกที กลับถูกริมฝีปากอุ่น ๆ ของใครบางคนแตะสัมผัสลงมาโดยไม่ทันรู้ตัว ตอนนั้นรู้แต่ว่าช็อคและอึ้ง จนต้องรีบวิ่งหนีเข้าห้องน้ำพร้อมกับหัวใจที่เต้นระทึก รู้สึกกลัวที่ถูกกลั่นแกล้งจนไม่รู้ต้องทำยังไงดี
จูบที่สาม....หวานละมุน ชวนให้เคลิบเคลิ้มหลงใหลไม่ได้สติ กว่าจะรู้ตัวก็ถูกหัวเราะเยาะพร้อมกับการที่ถูกพูดตะโกนใส่ว่า
"แบบนี้จูบกี่ทีก็เซ็งตาย"
อย่างนั้นเหรอ.......ถ้าอย่างนั้นปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ซ้ำ ๆ กันอีกได้ยังไง และยังครั้งนี้
ครั้งที่ทำให้รู้สึกว่ากำลังถูกเย้ยหยันจากสายตาคู่นั้น...........คำพูดสุดท้ายที่ทำให้ต้องจากมา
"อยู่ห่างๆ กันสักพักก็ดี เผื่ออะไรอะไรมันจะดีขึ้น"
งั้นเหรอ
ถ้าอยากอยู่ห่างกันสักพักจริง ๆ แล้วมาหาทำไม มายุ่งวุ่นวายด้วยทำไม ก็แค่ทำเป็นไม่สนใจซะก็หมดเรื่อง แต่เพียงเพราะว่าอยากแกล้งแค่นั้นใช่มั้ย แค่อยากแกล้ง เห็นเป็นของเล่นสนุก ๆ ถึงได้ทำแบบนี้ ทำลงไปโดยไม่คิดว่าคน ๆ นี้จะเสียใจเลยหรือไง
ห่างกันขนาดนี้พอมั้ย ดีแล้วใช่มั้ย ที่ห่างกันถึงขนาดนี้ ไม่ต้องได้ยินเสียงไม่ต้องได้พบหน้า ไม่ต้องได้พูดจาอะไรกันอีก และ............ไม่ต้องนึกถึงกันเลยใช่มั้ย......
"เดียร์......"
กี่ครั้งที่ถูกเรียกด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้านและเต็มไปด้วยความรู้สึก
กี่ครั้งที่รู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างจากนัยน์ตาคู่นั้น
และกี่ครั้งที่รู้ตัวว่าไม่กล้าพอที่จะให้อะไร ๆ เลยเถิด....กลัวมากซะจนต้องหาทางหนี
และเมื่อหนีมาได้จริง ๆ ถึงเพิ่งรู้ว่าเวลานี้..............ตัวเอง.....แอบเผลอใจให้ใครคนหนึ่งไปแล้ว
โดยไม่ทันรู้ตัว
"ไม่จริงหรอก....ไม่ใช่....จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงในเมื่อ....."
อีกครั้งที่พยายามปฏิเสธ อีกครั้งที่ต้องสะบัดหน้าไปมาเพื่อขับไล่ความรู้สึกแสนโง่เง่าให้หลุดออกไปจากความคิด
และอีกครั้งที่ผลสุดท้ายต้องหยุดร่างกายเอาไว้นิ่ง ๆ และถอนหายใจยาวเหยียดด้วยความรู้สึกทุกข์ทรมานเพราะไม่รู้จะทำยังไงต่อไป
มือควานหาโทรศัพท์ที่วางเอาไว้ข้างตัวจ้องมองนิ่งงันอยู่อย่างนั้น ยิ้มกับตัวเองอย่างเหงา ๆ เมื่อรู้ว่าต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ไม่อยากยอมรับ
ปลายนิ้วกดย้ำที่หน้าปัดจนแสงไฟปรากฎขึ้น ดวงตาจ้องมองนิ่งงันไปที่หมายเลขที่กำลังปรากฎขึ้นบนหน้าจอ
เฮงซวย เฮงซวย เฮงซวย เฮงซวย
กี่ร้อยสายที่หมายเลขนี้โทรเข้ามาหา กดปุ่มเลื่อนขึ้นลง ตั้งแต่วันแรกที่หมายเลขนี้ปรากฎขึ้น กดลงมาเรื่อย ๆ เพื่อมองหาวันและเวลาที่หมายเลขนี้โทรเข้ามาหา
มากซะจนดูไม่หมด
โทรมาทำไม
มีธุระอะไร
บางวันโทรมาแทบทุกนาที บางวันเกือบทุกชั่วโมง และบางวันก็ไม่ปรากฎมีหมายเลขนี้โทรเข้ามา
วันนี้..........ก็โทรมา....
เมื่อวานก็โทร
วันก่อนก็โทร
ทำไมถึงได้ตามตัวกันขนาดนี้...........แล้ว.....หลังจากนี้จะโทรมาหามั้ย หลังจากนี้จะโทรมาอีกหรือเปล่า
เดียร์กำลังจ้องมองไปที่วันและเวลาที่โทรเข้ามาล่าสุด
เมื่อประมาณสิบนาทีก่อนหน้านี้....แล้ว.....อีกเดี๋ยวจะโทรมาหาหรือเปล่า
หัวใจกำลังเต้นระทึก เอาแต่จ้องนิ่งไปที่แสงสว่างจากหน้าจอโทรศัพท์ที่ดับลง
กี่นาทีแล้ว ผ่านไปกี่นาทีแล้วนะ เหมือนจะรอไม่ไหว อยากให้มีสายโทรเข้ามาหาอีกครั้ง
หนึ่งนาทีแล้วหรือยัง
สองนาทีแล้วใช่มั้ย
สามนาทีแล้วใช่หรือเปล่า
นั่งรอ รอ รอ รอ รอ และยังคงรอเวลา กี่ชั่วโมงแล้ว ผ่านไปกี่ชั่วโมง....ทำไมยังไม่โทรมาหาอีก
เดียร์นั่งนิ่ง ๆ รอเสียงโทรศัพท์ แต่ยิ่งรอก็ยิ่งลุ้นระทึกจนแทบจะรอต่อไปไม่ไหว
นั่งอยู่นาน จนเริ่มง่วง ดวงตาที่จ้องนิ่งอยู่ที่โทรศัพท์ค่อย ๆ หรี่ปรือลงโดยที่ไม่ทันรู้ตัว
ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปเวลาไหน แต่ต้องสะดุ้งสุดตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเสียงดนตรีที่ดังกระทบเข้าไปในโสตประสาทและปลุกให้ความรู้สึกตื่นขึ้น
...............เฮงซวย...............
ชื่อที่ปรากฎบนหน้าจอ ยิ่งทำให้ตัดสินใจไม่ถูกว่าควรจะตอบรับดีหรือไม่
นั่งมองนิ่ง ๆ แล้วค่อย ๆ กดรับสายด้วยปลายนิ้วมือที่สั่นเทา
"สวัสดีครับ"
เดียร์หลับตาแน่นและพยายามขบริมฝีปากของตัวเองเอาไว้ เมื่อได้รู้ว่าจะได้ยินเสียงตะคอกโวยวายกลับมา..........แต่เมื่อปรือตาขึ้นอีกครั้ง....กลับได้ยินเพียงแค่ความเงียบ......
ได้ยินเหมือนเสียงรายการโทรทัศน์ที่ดังอยู่ที่ปลายสาย แต่ไม่มีเสียงของคนที่อยากได้ยิน
"สวัสดีครับ......"
"สวัสดีครับ...."
"สวัสดีครับ...."
"สวัสดีครับ..."
กรอกเสียงย้ำ ๆ ลงไปหลายครั้ง และเริ่มรู้สึกว่าน้ำเสียงของตัวเองกำลังสั่นสะท้านเหมือนจะควบคุมเอาไว้ไม่อยู่
ไม่มีเสียงพูดตอบกลับมา นอกจากเสียงรายการโทรทัศน์ที่ยังคงดังแว่ว ๆ
"ฮวย......."
เรียกชื่อออกไปแล้ว แต่กลับไม่มีเสียงพูดใด ๆ ตอบกลับมา
"ทำไมไม่พูด มีอะไรก็พูดมา ฮวย ทำไมทำแบบนี้ ถ้าโทรมาแล้วไม่อยากพูด จะโทรมาทำไม ไอ้บ้าฮวย เฮงซวย ถ้ารู้ว่าโทรมาแล้วทำแบบนี้ กูไม่รับสายมึงซะก็ดี"
เดียร์กดวางสายแล้ว และค่อย ๆ กดปลายนิ้วปิดโทรศัพท์อีกครั้ง
ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ รู้แต่ว่าเสียใจจนไม่รู้จะบรรยายเป็นคำพูดออกมาได้ยังไง
ได้แต่ซบใบหน้าลงบนหัวเข่า และกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ไม่ให้หลุดรอดออกมา
ร้องไห้
แต่ไม่มีน้ำตาสักหยด
ร่างกายสั่นสะท้าน แต่น้ำตาไม่ยอมใหล
จิกปลายเล็บเข้ากับหมอนและกระหน่ำกำปั้นใส่อย่างไม่ยั้ง
"ไอ้ฮวย กูเกลียดมึง ไปตายซะ ไปตายที่ไหนก็ไป กูเกลียดมึงโว้ยยยไปตายที่ไหนก็ไป ฮื่อออ"
ฮวยสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงสายของอีกวัน เมื่อคืนเผลอหลับไปเวลาไหนไม่รู้
รู้แต่ว่าหลังความพยายามครั้งสุดท้ายคือช่วงประมาณห้าทุ่มกว่าๆ คิดว่าจะลองพยายามอีกหลาย ๆ ครั้ง แต่กลับเผลอหลับไปโดยไม่ทันรู้ตัว
นอนทับโทรศัพท์เลยเหรอวะนี่
วัน ๆ จะกินนอนกับโทรศัพท์ไปเลยหรือไง
ฮวยยกมือขึ้นขยี้ที่ดวงตาทั้งสองข้างเพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามากระทบใบหน้า ก่อนจะค่อย ๆ ผุดลุกขึ้นนั่งและควานมือค้นหาสิ่งที่วางแน่นิ่งอยู่ใต้หมอน
"สวัสดีตอนเช้า กินข้าวเช้าหรือยังครับ น้องนา"
รอยยิ้มซีดเซียว ใบหน้าหม่นหมอง ยกหูโทรศัพท์ขึ้นแนบหูและพูดคุยอยู่คนเดียว
"วันนี้นากินข้าวกับอะไรล่ะ คิดถึงมั้ย นี่ก็คิดถึงนาเหมือนกัน เมื่อไหร่นาจะกลับมาซะที
คิดถึงจะแย่แล้วนะ รู้มั้ย"
ไอ้ฮวย มึงนี่ท่าจะประสาทหนักแล้วนะ เป็นแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำอะไรเพ้อ ๆ แบบนี้ได้ยังไงวะเนี่ย
น้องนงน้องนาที่ไหน มีกับเขาซะที่ไหนล่ะ
จะมีก็แค่นาเดียวนั่นแหละ
นาเดียร์บ้า......นาเดียร์คนเดียวที่ทำให้แทบจะกลายเป็นโรคประสาทอยู่แล้ว
"นา.....นาเดียร์....ถามจริง ๆ ไม่นึกถึงกันเลยสักนิดจริง ๆ ใช่มั้ย ไม่เคยคิดอะไรเลยใช่มั้ยถึงได้ทำแบบนี้........."
ฮวยนั่งพูดเพ้อเจ้ออยู่คนเดียวเงียบ ๆ และกดหมายเลขที่เอาแต่กดซ้ำ ๆ ซาก ๆ ทั้งที่รู้ว่าจะไม่ได้พูดคุยกับคนที่กำลังโทรหา แต่ก็ยังดื้อรั้นที่จะทำเรื่องโง่เง่าซ้ำซาก
และครั้งนี้คงเป็นความพยายามครั้งสุดท้าย
ตัวเลขตัวที่หนึ่ง ขอให้เดียร์รับสาย
ตัวเลขตัวที่สอง ขอให้ได้พูดคุยกันอีกสักครั้ง
ตัวเลขตัวที่สาม ขอโอกาสให้แก้ตัวอีกครั้งได้มั้ย
ตัวเลขตัวที่สี่ ครั้งนี้จะซื่อสัตย์กับตัวเอง
ตัวเลขตัวที่ห้า ครั้งนี้จะยอมลดทิฐิและศักดิ์ศรี
ตัวเลขตัวที่หก ยอมให้เดียร์โกรธเกรี้ยวโมโหใส่
ตัวเลขตัวที่เจ็ด จะยอมทุกอย่างขอเพียงแค่ให้อภัยในเรื่องโง่ ๆ ที่ทำลงไป
ตัวเลขตัวที่แปด ขอให้ความรู้สึกนี้ส่งไปถึงเดียร์ด้วย
ตัวเลขตัวที่เก้า ถ้าหากครั้งนี้เราไม่ได้พูดคุยกันอีก จะตัดใจจากไปจริง ๆ จะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยอีกเลย
และตัวเลขตัวสุดท้าย.......................
ปลายนิ้วกำลังสั่น เมื่อนึกถึงว่าตัวเองกำลังตั้งใจภาวนาและอ้อนวอนให้เรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
และครั้งนี้ .............. ที่ทำให้หัวใจของฮวยเต้นระทึกมากที่สุด
ขอให้รับสาย
ขอให้รับสายด้วยเถอะ
ขอให้เปิดเครื่องด้วย
ขอให้....................
ขอให้....................
ขอให้......................
"สวัสดีครับคุณฮวย....โทรมาทำไมมิทราบครับมึง รีบ ๆ ไปตายซะที อย่าโทรมาอีกนะ มึงรู้มั้ยว่ากูรำคาญ"
TBC...